Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   หนุ่มสตูลดีกรีปริญญาโท  เนรมิตพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก  ไร้ประโยชน์  เป็นสวนเสารส พันธุ์บรูไน   ลูกโต ให้ผลผลิตทั้งปี

หนุ่มสตูลดีกรีปริญญาโท  เนรมิตพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก  ไร้ประโยชน์  เป็นสวนเสารส พันธุ์บรูไน   ลูกโต ให้ผลผลิตทั้งปี

       จากพื้นที่ 1 งาน  ที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เพราะน้ำท่วมขังตลอดเกือบทั้งปีที่ฝนตกหนัก  ที่บ้านทุ่งพัฒนา ม.13   ต.ละงู  อ.ละงู   จ.สตูล   มาวันนี้นายอานนท์  แอหลัง อายุ 33 ปี  ดีกรีปริญญาโท คณะสัตวศาสตร์   มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย  ได้เนรมิตพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก  เป็นสวนเสาวรสสายพันธุ์บรูไน   ลูกใหญ่   ผลโต   น้ำหนักดี   และยังให้ผลผลิตทั้งปี  สร้างรายได้อย่างงามให้กับครอบครัวได้ไม่น้อย

      จากคุณสมบัติพิเศษของเสาวรส สายพันธุ์บรูไน  ที่คุณอานนท์  นำมาปลูกด้วยความชื่นชอบผลไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ  อีกทั้งพบว่า   มีคุณสมบัติในการทนทานต่อน้ำท่วมขังได้เป็นอย่างดี  และแมลงที่ไม่สามารถจะเจาะเปลือกผลเสาวรสที่หนาได้  มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน  และผลใหญ่ 8-9 ลูกต่อกิโลกรัม  ทำให้เป็นพืชที่เหมาะกับการปลูกเป็นอย่างมาก 

        นายอานนท์  แอหลัง  เจ้าของสวนเสาวรสสตูล  บอกว่า  เรียนจบมาเป็นครูได้เพียง  7 ปี  ตัดสินใจลาออก   กลับมาอยู่บ้านที่ จ.สตูล  มาทำงานเป็น  หน.นักวิชาการเกษตร ทต.กำแพง  และก็หารายได้เสริมจากการปลูกเสาวรส   ปัจจุบันจะแซงรายได้หลักแล้ว   โดยจุดเริ่มต้นของการปลูกเสาวรสพันธุ์บรูไน  เป็นความชอบส่วนตัว  เมื่อก่อนเคยอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย  ชื่นชอบในการปลูกพืช  จึงได้ลาออกจากงาน มาปลูกพืช   พืชชนิดแรกที่นำมาปลูกก็คือเสาวรส  เนื่องจากที่ดินใกล้บ้านเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง  และพบว่าเสาวรสเป็นพืชที่ทนน้ำ  จึงเป็นที่มาของการปลูกเสาวรส

       สำหรับเสาวรสที่นำมาปลูกเป็นสายพันธุ์บรูไน   มีความพิเศษคือ  ลูกใหญ่ลูกดก  มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานนิดๆ  อร่อยกว่าพันธุ์อื่นเยอะ  จึงเอาลักษณะเด่นนี้มาปลูกในพื้นที่ของตน  การให้ผลผลิตอยู่ที่ 50 กิโลต่อ 1 ต้น ในพื้นที่มีทั้งหมด 35 ต้น  โดย 1 กิโลตกอยู่ที่ 8-9 ลูก  ให้ผลผลิตทั้งปี  ช่องทางการตลาดขายผ่านตลาดออนไลน์  มีบริการส่งทั่วประเทศ  ราคากิโลกรัมละ 80 บาท  ดูแลง่ายมากไม่ต้องห่วงเรื่องโรคหรือแมลง  เพราะเสาวรสเป็นพืชที่แมลงไม่สามารถทำลายเปลือกของมันได้  เพราะมีเปลือกแข็งทำลายได้ยาก  

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

          ด้าน นายปิยทัศน์   ทองปาน   นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สนง.เกษตรอำเภอละงู  กล่าวว่า   เสาวรสที่สวนให้ผลผลิตทั้งปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อผู้บริโภค  ทางสำนักงานเกษตรอำเภอละงู  จะมีการส่งเสริมให้มีการขยายพื้นที่  โดยมีการจำหน่ายต้นพันธุ์  แล้วส่งเสริมให้ตัวเกษตรกรได้ใบรับรองสินค้าการเกษตร  หรือว่า  GAP  จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตได้   นอกจากนี้ก็จะแนะนำให้มีการแปรรูป เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตด้วย

       นายอานนท์  แอหลัง  เจ้าของสวนเสาวรสสตูล  บอกด้วยว่า  อนาคตจะเพาะพันธุ์ต้นขาย   โดยขณะนี้มีน้องสาวและครอบครัว  มาช่วยดูแลในการทำร้านน้ำ   จากเสาวรส  กาแฟเสาวรส   ติดต่อสอบถามโทร  094 – 876  3659

……..

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

  อส.สตูล ยึดหลักเกษตรพอเพียง โค่นสวนยางพารา ปรับทำสวนส้ม สวนผสม  7 ไร่ สร้างรายได้หลักแสนบาท รองรับชีวิตหลังเกษียณ

อส.สตูล ยึดหลักเกษตรพอเพียง โคนสวนยางพารา ปรับทำสวนส้ม สวนผสม  7 ไร่ สร้างรายได้หลักแสนบาท รองรับชีวิตหลังเกษียณ

        สวนส้มโชกุล  และส้มเขียวหวาน  รวมถึงพืชสวนอื่นๆที่กำลังให้ผลผลิต  บนพื้นที่ 7 ไร่  ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล  บรรยากาศหลังฝนตก มีสายหมอกปกคลุมสดชื้นสวยงาม  พิกัดนี้เจ้าของสวนพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยว  และผู้สนใจเข้ามาดูงาน  เพลิดเพลินกับธรรมชาติ  และเพื่อเป็นแนวทางก้าวสู่วิถีเกษตรกร

        ส้ม เป็นพืชชนิดหนึ่งที่  นายอับดลเลาะห์ จังแดหวา อายุ 56 ปี  อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส. ) ประจำพื้นที่ว่าการอำเภอเมืองสตูล  ปลูกไว้พร้อมๆกับ สละสายพันธุ์อินโด และสายพันธุ์สุมาลี  รวมถึงกาแฟสายพันธ์โรบัสต้า  และแบ่งพื้นที่เป็นบ่อเลี้ยงปลา  ตามหลักเกษตรพอเพียง เดินตามรอยพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9  กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ

        นายอับดลเลาะห์  จังแดหวา  บอกว่า  ส่วนตัวและครอบครัวชอบทำสวนเกษตรอยู่แล้ว  เดิมนั้นปลูกยางพารา แต่ช่วงที่ราคายางตกต่ำ จึงมีแนวคิดที่จะแบ่งปลูกสวนผลไม้  ซึ่งจะเลือกปลูกสิ่งที่ชอบกิน  อย่างส้ม  ซึ่งยอมรับว่าปลูกยาก  แต่ก็ทำได้   ตอนนี้ส้มสร้างรายได้ให้กับครอบครัวแล้ว  ในปีแรกมีรายได้จากส้มทั้ง 2 ชนิดที่ปลูกไว้หลักแสนบาท  และยังมีรายได้จากพืชชนิดอื่นอีก ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวหลังเกษียณอย่างสบาย  โดยจะใช้เวลาว่างเว้นจากงานประจำเข้าสวน  มีภรรยาและลูกชาย คอยช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง

        นายอับดลเลาะห์ จังแดหวา  ในวัย 56 ปี  เปิดเผยอีกว่า  ได้ทดลองทำเกษตรแบบผสมผสาน แบ่งพื้นที่สวนยางพารามาทำเป็นสวนผลไม้ และขุดบ่อเลี้ยงปลา  โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีเศษ ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตขายสร้างรายได้เป็นอย่างดี  บนพื้นที่ 7 ไร่ ได้แบ่งปลูกสละสายพันธุ์ อินโด จำนวน 80 ต้น  ปลูกสละพันธ์สุมาลี 100 ต้น  ทั้งนี้ที่ให้ผลผลิตทำรายได้แล้วนั้นคือ  ส้มโชกุน และ  ส้มเขียวหวาน  รวม 160 ต้น  ปลูกต้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า อีก 100 ต้น   และขุดสระทำบ่อเลี้ยงปลาน้ำจืด เช่น ปลาดุก, ปลาตะเพียน, ปลาสวาย และปลาพันธุ์อื่น ๆ เกือบ 10 ชนิด 

          ด้านนางฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร เกษตรอำเภอเมืองสตูล กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมว่า เกษตรกรรายนี้ มีแนวคิดดี ทำงานแบบครอบครัว และที่สำคัญ  นอกจากทำงานประจำแล้วยังใช้พื้นที่เพียง 7 ไร่ ทำสวนเกษตรผลไม้ผสมผสาน สร้างรายได้ดี ต่อปี ถึง 1แสน 4 หมื่นบาทเลยทีเดียว และยังเก็บเกี่ยวผลไม้อื่นๆ เช่น กล้วย มะพร้าว  ขายมีรายได้ในทุกๆวัน  

          สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่   080-544-5982

  ………………………………………………………………………….

 

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

แม่ค้าทุเรียนใจดี    แจกฟรีหมอนทอง ชะนี 3000 กิโล แก่ชาวบ้าน หลังบนบานตาหลวงไข่ วัดเจดีย์   ยอดขายส่งออกทุเรียนได้กำไรทะลุเป้า

แม่ค้าทุเรียนใจดี    แจกฟรีหมอนทอง ชะนี 3000 กิโล แก่ชาวบ้าน หลังบนบานตาหลวงไข่ วัดเจดีย์   ยอดขายส่งออกทุเรียนได้กำไรทะลุเป้า

        เมื่อวันที่ 12  กันยายน 2566  ชาวจังหวัดสตูล ทั้งเด็กเล็ก  จนไปถึงผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ กว่า 500 คน มายืนรอ รับทุเรียนสายพันธุชะนี หมอนทอง  ของนางสาวจุฑาพร   สุดสวย  อายุ 26 ปี  หรือ เจ๊เมย์  ที่ขายทุเรียนผ่านเพจร้านของตนเอง  ชื่อว่า พรรณารา  เด็กใต้ทุเรียนซิ่ง  โดยโพสต์ก่อนหน้านี้ว่า ( พรุ่งนี้เจอกันที่สตูล  แจกทุเรียนฟรี ช่วยแชร์กันเยอะๆ  จะนำไปแจกกินฟรี ยกให้ทั้งลูก ให้ชาวบ้าน โดยทำการแจกจ่ายบริเวณตรงข้าม ศาลากลางจังหวัดสตูล ใกล้ร้านข้าวมันไก่บังโกบ ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล )

      ทางทีมข่าวได้พูดคุยสอบถาม  นางสาวจุฑาพร   สุดสวย  อายุ 26 ปี (เจ๊เมย์) เจ้าของทุเรียน ซึ่งได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่ได้นำทุเรียนมาแจกให้กับชาวบ้านในครั้งนี้ คือได้บนบานสานกล่าวไว้กับตาหลวงไข่ วัดเจดีย์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  โดยบนไว้ว่า  ให้แผงทุเรียนของตนที่่ทำการขายส่งออก ถึงเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้ ให้มีกำไรสุดปัง  ยอดขายเป็นหมื่นเป็นแสน    และถ้าสำเร็จดังที่ขอ  จะรีบไปแก้บนโดยนำทุเรียน สายพันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์ชะนี  ลูกใหญ่ๆ ไปแจกให้กับชาวบ้านที่ยากจน ผู้มีรายได้น้อยและเด็กๆ ได้กิน 

     นางสาวจุฑาพร   เจ้าของทุเรียน ยังกล่าวอีกว่า  ในวันนี้สิ่งที่บนบานสานกล่าวไว้   เป็นผลสำเร็จบรรลุยอดถึงเป้าหมาย  จึงรีบมาแก้บนทันที  โดยได้นำทุเรียนหมอนทอง และชะนี จำนวน 3000 กิโลกรัม ประมาณ 1,000 ลูก และเมื่อแก้บนตามที่ขอไว้แล้ว ก็จะเดินทางไปกราบตาหลวงไข่   วัดเจดีย์   ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้ง  เพราะเชื่อว่า หากบนบานสานกล่าวอะไรไว้ เมื่อท่านรับสิ่งที่เราบนบาน เราต้องรีบมาแก้ หากช้ากลัวท่านจะไม่ให้พรอีก

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

  ปลาเค็มกางมุ้งพลิกชีวิต  ด้วยความยากจนวัยเด็กเติบโตมากับปลาเค็ม  ก้าวสู่อาณาจักรครบวงจร  

ปลาเค็มกางมุ้งพลิกชีวิต  ด้วยความยากจนวัยเด็กเติบโตมากับปลาเค็ม  ก้าวสู่อาณาจักรครบวงจร

             ที่บ้านควนไสน  หมู่ที่ 9 ตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล   ที่นี่มีปลาเค็มแดดเดียวจำนวนมากมายหลากหลายชนิดนับ 1000 กก.  ตากเพื่อรอเวลาในการเก็บไปขายยังตลาดนัดในหมู่บ้าน   เหมือนกับปลาเค็มทั่วไป  โดยก๊ะบ๊ะ  หรือนางสุไวบ๊ะ  ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะแห่งนี้  

             แต่! ปลาเค็มที่นี่มีความพิเศษคือ  เป็นปลาเค็มในมุ้ง  หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า  ปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ  แม่ค้าปลาเค็มที่นี่จะทำปลาเค็มเอง ขายเองมานานกว่า 16 ปีแล้ว งานนี้การันตีเต็มร้อยว่าปลาเค็มที่นี่ปลอดจากสารพิษ และเป็นปลาที่ไม่เค็มเกินไป

             ที่นี่มีปลาหลากหลายชนิดที่นำมาทำปลาเค็ม  ไม่ว่าจะเป็นปลาจวด  ปลาหลังเขียว  ปลาหลังแข็ง  นอกจากนี้ยังมีปลาสละ  หรือ  ปลาสีเสียดขาว  ตัวโตแบบผ่าหลังจำหน่ายด้วย  ปลาเนื้อแดดเดียว  ปลาเนื้อนิ่ม   โดยเฉพาะปลาเนื้อส้ม  กล้าพูดเต็มปากเลยว่ามีที่ตนทำเพียงรายเดียวในจังหวัดสตูล   ราคาก็จะแตกต่างกันไป

            โดยปลาหลังเขียวขายดีสุด กิโลกรัมละ 70 บาท ปลาหลังแข็งกิโลกรัมละ 80 บาทอันนี้ก็ขายดี  ปลาจวดกิโลกรัมละ 100-120 บาท  ส่วนปลาสีเสียดกิโลกรัมละ 100 บาท และปลาสละ  หรือปลาสีเสียดขาว ตัวโตกิโลกรัมละ 200 บาท

           ทางร้านจะทำปลาสองอาทิตย์ประมาณ 2,000 กิโลกรัม  โดยเป็นปลาของชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสตูลที่นำมาส่งให้ถึงที่  ปลาก็จะทำกันเองสองคนสามีเพราะเป็นธุรกิจในครัวเรือน  และออกไปขายกันเองที่ตลาดนัดดุสน  ตลาดนัดควนโดน และตลาดนัดฉลุง ซึ่งเป็นตลาดในชุมชนหมู่บ้าน  นอกจากนี้ยังมีลูกค้าสั่งมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านก็จะหิ้วกลับไปคนละ 50 – 100 กิโลกรัมก็มี

           อนาคตวางแผนว่า   จะให้บุตรสาวที่กำลังเรียนใกล้จะจบการศึกษามาต่อยอด  ทำการค้าผ่านธุรกิจออนไลน์  เพราะรุ่นตนยอมรับว่าไม่ค่อยถนัด

            

         ก๊ะบ๊ะ  หรือนางสุไวบ๊ะ  ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ  บอกว่า  จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้ด้วยพ่อแม่ยากจนมาก เลี้ยงลูก  6 คน ด้วยปลาเค็ม ทานไปทานมาแพ้ปลาเค็มจนปากเจ่อ  จึงเกิดแนวคิดที่จะทำปลาเค็มเอง จึงทดลองทำจาก 20-30 กิโลกรัม   แรกๆ ให้เพื่อนบ้านทดลองทานบ้าง หลายคนว่าอร่อยจนมั่นใจจึงยึดเป็นอาชีพ ทำสองคนสามี มาวันนี้สามารถเลี้ยงบุตร 3 คนได้อย่างสบาย และมีที่ดิน 2 ไร่ที่ขยายกิจการ  ทำกางมุ้ง  เพื่อหวังให้คนบริโภคได้ทานอย่างมั่นใจ   รายได้ต่อเดือนไม่หักค่าใช้จ่าย 200,000 บาท

         มาวันนี้บวกกับได้คู่ชีวิตที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง  ช่วยกันทำปลาเค็มกางเค็มกางมุ้งบนพื้นที่ 2 ไร่  เพื่อป้องกันแมลงวัน และแมลงหลากหลายชนิดโดยไม่ต้องพึ่งยา   บนพื้นที่นี้ยังมีน้องสามีมาทำช่วยอีกแรง  นอกจากนี้ยังทำแบบครบวงจร คือมีบ่อบำบัดน้ำเสีย   ไหลสู่แปลงผักบุ้งเป็นปุ๋ย  ที่โตเก็บไปให้อาหารปลาดุก และแพะ เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

           สำหรับท่านใดที่สนใจปลาเค็มกางมุ้งสูตรต่าง ๆ สามารถโทรติดต่อได้ที่ 065-057-4781 หรือที่เบอร์ 062-359-9674 หรือที่เฟส สุไวบ๊ะ  ดาแลหมัน

 …………………….

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

  ร้านขนมจีนทำเก๋เปิดซุ้มบุพเฟ่ต์ผักสดพื้นบ้านทานแบบจุก ๆ  คนตกงาน คนยากไร้ทานฟรี  

ร้านขนมจีนทำเก๋เปิดซุ้มบุพเฟ่ต์ผักสดพื้นบ้านทานแบบจุก ๆ  คนตกงาน คนยากไร้ทานฟรี

       ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูล  แนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบการทานขนมจีน   แบบร้านค้าไม่ขี้เหนียวผัก  ต้องร้านนี้เลย  ตั้งอยู่ที่บ้านเขาจีน  ซอยคลองขุด 18 ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล ร้านอยู่ในซอยติดกับโรงเรียนบ้านเขาจีน  ชื่อว่า   ร้านขนมจีนคุณฝน  บุฟเฟ่ต์ผัก กิน@สตูล

       ความพิเศษของร้านนี้มีการจัดซุ้มสำหรับผักที่รับประทานกับขนมจีน กันมากกว่า 30 ชนิด  ให้ลูกค้าได้เลือกช็อปหยิบตามใจชอบ  กันแบบบุฟเฟ่ต์ผัก  โดยเฉพาะผักพื้นบ้าน ผักตามฤดูกาล อย่างลูกฉิ่ง  ยอดหัวครก  มันปู  ยอดหมุย  ผักชีล้อมและสะตอ  และผักดอง ผักต้มกะทิ  มากันยกโหลให้ลูกค้าได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ  แต่มีข้อแม้คือ   ผักที่หยิบไปต้องทานให้หมด  หากไม่หมดต้องถูกปรับขีดละ 15 บาท เป็นกติกาให้สำหรับคนที่หยิบเฉพาะที่ทานเท่านั้น

        นอกจากจัดซุ้มสำหรับผักให้ลูกค้าช็อปเลือกกันแบบบุฟเฟ่ต์ผักแล้ว  น้ำแกงขนมจีนก็มีหลากหลายมากถึง 6 หม้อ  แกงกะทิ  น้ำยาป่าตีนไก่   แกงไตปลา  แกงส้ม  แกงเขียวหวานไก่ แกงหวาน  โดยใช้สูตรคนนครฯที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมจีนมาเสิร์ฟชาวสตูล

        คุณแนน  ลูกค้าประจำ  ยอมรับว่า  ร้านนี้ถูกใจทุกอย่างทั้งขนมจีน ผัก และขนมหวาน  โดยเฉพาะแม่ค้าพูดจาอัธยาศัยดีชอบมาทานบ่อยมาก  ชอบทุกเมนูมีให้เลือกเยอะมาก

         นางสาวอลิษา   พันธุโยร์  หรือคุณฝน   เจ้าของร้านขนมจีนคุณฝนบุฟเฟ่ต์ผัก กิน@สตูล   บอกว่า  ร้านนี้เปิดขึ้นมาด้วยเป็นคนที่ชื่นชอบทานขนมจีนที่มีผักเยอะ ๆ มีน้ำแกงที่หลากหลาย และคิดว่าหากเราเปิดร้านแบบนี้น่าจะมีคนชื่นชอบจึงเปิดแม้ไม่กี่เดือนได้รับกระแสตอบรับอย่างดี  และได้เพจไปในสื่อโซเซียลที่ตนเคยดูแล ชื่อ  เพจกิน@สตูล   ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้าและคนที่อยากซื้อของกินในสตูลมาเข้าดูมากกถึง 1 แสนคน เชื่อว่าช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น

        นอกจากนี้ทางร้านยังให้ทานฟรี  ในกลุ่มคนตกงาน   คนยากไร้   ทานฟรีไม่คิดเงินเลยสักบาทเดียวเพราะอยากช่วยเหลือสังคมให้พวกเขาเหล่านั้นได้ทานอิ่ม มีกำลังใจสู้ต่อไปด้วยอาหารขนมจีนของเรา

        ทางร้านขนมจีนคุณฝนมีขายเป็นชุดเล็ก 89 บาททานได้สองท่าน ชุดใหญ่  199 บาท  ทานได้สี่ถึง 5  ท่านพร้อมท็อปปิ้ง ไก่ทอดและลูกชิ้นแดงทอด  ไข่ต้ม  ปลาจิ้งจั้ง  ผักเติมไม่อั้น  หรือจะแยกจานราคาเริ่มต้น 25 บาท 

        ร้านเปิดขายทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา  9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ขายขนมจีนวันละ 50 กก.  ผักใหม่สดทุกวันจากชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่เป็นผักพื้นบ้าน  รับมาอย่างละ 50 มัด ถั่วงอกวันละ 10 กก.  โดยผักจะหมุนเวียนไปตามฤดูกาล และยังมีของหวาน และน้ำใบเตยให้ทานฟรีอีกด้วย สำรองจองโต๊ะที่  โทร  0951201299

…………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

  สตรีเหล็กในวงการเห็ดสตูล  ปลดหนี้ด้วยลำแข้ง สามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือน  เตรียมขยายพื้นที่สร้างอาณาจักรเห็ดแบบครบวงจร พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้  

สตรีเหล็กในวงการเห็ดสตูล  ปลดหนี้ด้วยลำแข้ง สามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือน  เตรียมขยายพื้นที่สร้างอาณาจักรเห็ดแบบครบวงจร พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้

         อาชีพเกษตรกรไม่ได้ทำให้รวยในวันนี้หรือพรุ่งนี้  แต่หากคุณทำไปเรื่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์คุณก็จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างคุณนาถลดา  ขาวคง อายุ 41 ปี  เกษรตกรเพาะเห็ด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 237 หมู่ที่ 2 ตำบลควนโพธิ์  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   ซึ่งขณะนี้มีโรงเรือนเพาะเห็ดมากถึง 15 โรงเรือน

         

          โดยขณะนี้หลายโรงเรือนกำลังให้ผลผลิตเห็ดหูหนูซึ่งพร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิต  ทุกโรงเรือนที่เลี้ยงเห็ดหูหนู  เป็นผลพวงมาจากการพักโรงเรือนของเห็ดนางฟ้าภูฐานเป็นเวลา 1 เดือน  ทั้งนี้เพื่อไม่ให้พื้นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์ จึงได้เพาะเลี้ยงเห็ดหูหนู  ซึ่งเห็ดหูหนูนี้จะให้ผลผลิตต่อ 1 ก้อนสูงถึง 1 กิโลกรัม ผลผลิตแต่ละวันได้ถึง 50 กิโลกรัม ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่งเป็นรายได้เสริมอีกทางรองจากการเลี้ยงเห็ดนางฟ้าภูฐาน

 

          สำหรับฟาร์มนาถลดาแห่งนี้  ตลอด 10 ปี ในวงการอาชีพเพาะเห็ดสามารถปลูกขยายพันธ์ได้ถึง 3 สายพันธุ์ โดยมีเห็ดภูฐานนางฟ้า เป็นตัวหลัก   เห็ดหูหนู และเห็ดแครง   ซึ่งทางฟาร์มทำครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปถึงปลายน้ำ คือมีโรงอัดเห็ดก้อนที่สามารถทำกำลังผลิตได้วันละ 1200 ก้อนต่อวัน  การเก็บผลผลิตจากเห็ดนางฟ้าภูฐานได้วันละ 150 กก. เห็ดหูหนูวันละ 50 กก.และขณะนี้เห็ดแครงกำลังรอให้ผลผลิต  สินค้าในแต่ละวันมีไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า

         ชีวิตที่ต้องสู้และดิ้นรนด้วยลำพังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับภาระหนี้สินที่สามีเก่าทิ้งไว้ให้ 4 ล้านบาท จากนักการเมืองท้องถิ่นที่ได้รับการยอมรับนับหน้าถือตา มาวันนี้ได้ถอดหมวกออกก้าวสู่เกษตรกรอย่างเต็มตัว  แม้จะลองผิดลองถูกจนเกือบล้มละลายจนถึงขณะนี้สามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมด และกำลังจะขยายอาณาจักรฟาร์มเลี้ยงเห็ดจาก 1 ไร่เป็น 4 ไร่ และเพิ่มกำลังผลิตเห็ดก้อนเป็นวันละ 200 ก้อนเพิ่มในส่วนของโรงงานทำปุ๋ยจากก้อนเห็ดที่หมดสภาพแล้ว รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการแปรรูปน้ำพริกจากเห็ด และของฝากจากเห็ดสวรรค์

          คุณนาถลดา  ขาวคง  เชื่อว่าอาชีพของเกษตรกร  หากเรามีความอดทนและต่อสู้หมั่นเรียนรู้  สามารถแก้ปัญหาได้ไปเรื่อยๆ จะทำให้คุณมีวันนี้และประสบความสำเร็จเหมือนตนที่กล้าประกาศได้ว่า ชีวิตตนได้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทุกวันนี้มีรายได้เหลือจากรายจ่ายเดือนละ  2 แสนบาท คู่ชีวิตคนใหม่รับราชการทหารก็ให้ลาออกมาช่วยกันเติมความฝัน พร้อมลูกรักที่เป็นกำลังใจให้ตนได้สู้ต่อไปเพื่อพวกเขา

        

          นางฮาบีบ๊ะ  จายุพันธ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล  กล่าวว่า เกษตรกรรายนี้ถือเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชม ด้วยความอดทน และมีมานะในการต่อสู่กับปัญหาที่รุมเร้า  โดยเฉพาะในการทำอาชีพเพาะเห็ดที่ต้องเรียนรู้หมั่นดูเชื้อราที่เข้ามาแทนที เชื้อราดี ที่ต้องคอยรื้อออก  หากไม่อย่างนั้นผลผลิตจะได้รับความเสียหาย และการคิดทำก้อนเห็ดเองเพื่อลดต้นทน การคิดทำโรงปุ๋ยจากก้อนเห็ดที่หมดสภาพ เป็นแนวคิดที่มีการต่อยอดบวกกับตลาดมีความต้องการสูง ซึ่งทางเกษตรอำเภอเมืองได้เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาและเป็นพี่เลี้ยงหากเขาต้องการคำปรึกษา ซึ่งก็นับเป็นเกษตรกรที่น่าภาคภูมิใจที่สามารถเติบโตได้จนถึงทุกวันนี้

………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ   เมนูที่กำลังจะสูญหาย จาก จ.สตูล  

ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ   เมนูที่กำลังจะสูญหาย จาก จ.สตูล

         วันนี้ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูลพามารู้จักและทานอาหารสูตรโบราณที่หาทานยากอีกหนึ่งเมนูนั่นก็คือ  “ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ”  ที่มีทานเฉพาะเทศกาลหรืองานสำคัญ ๆ ทางวัฒนธรรมเท่านั้น  โดยเจ้าของสูตรนี้คือ   นางสาวยารีนี   เจะอาแว   เจ้าหน้าที่คฤหาสน์กูเด็น  ประจำจังหวัดสตูล   ที่ใช้โอกาสสำคัญที่มีการจัดงานวัฒนธรรมด้านอาหาร และงานเทศกาลฮาลาล  ด้วยการนำสูตรไก่สะเต๊ะโบราณ  มาจำหน่ายซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ที่ได้รับอิทธิพมาจากปากีสถาน  มาขายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบสูตรนี้ 

       โดยการหมักไก่ด้วยเครื่องสมุนไพรข้ามคืน และการนำน้ำซอสถั่วจิ้มด้วย โดยมีส่วนผสมคือเครื่องสมุนไพร  พริกแห้ง  ตะไคร้ ข่าขิง  ที่เข้มข้นเช่นกัน  และยังทานแก้เลี่ยนนอกจากจะตัดด้วยอาจาด ที่มีส่วนผสมของแตงกวาซอย พริกและหอมซอยแล้วยังใส่น้ำส้มสายชูน้ำตาลทรายและเกลือ  ทานคู่กับเข้าอัด  ที่ใช้กรรมวิธีโบราณหลังหุงข้าวจนสุกนำมาบดให้ละเอียดและกลับไปนึ่งอัดเป็นก้อนทานคู่กับไก่สะเต๊ะ น้ำซอสถั่วทรงเครื่องสมุนไพร อาจาดและข้าวอัด  ทางร้านจำหน่าย 1 ชุด ไก่ 10 ไม้ พร้อมเครื่องเคียงทั้งหมดเพียง 50 บาท 

       สำหรับสูตรนี้นับเป็นสูตรโบราณ หาทานยากมากในพื้นที่สตูล แม้วันนี้ทางเจ้าของสูตรจะทำขายเฉพาะเทศกาลสำคัญ งานบุญ งานเทศกาลอาหารฮาลาลแล้ว  ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่ชื่นชอบสั่งเป็นจุดได้เพื่อรองรับแขก หรืองานเลี้ยงงานสังสันได้ที่  โทร  0973560708  คุณเม๊าะ

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล..ข้าวหมกไก่  10 บาทอร่อยและถูกมีอยู่จริง  

ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ

           วันที่ 16 ส.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กลิ่นที่หอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศสมุนไพรที่ลงตัว  กับเมนูวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นชายแดนใต้จังหวัดสตูล  ต้องยกให้    “ข้าวหมกไก่”  โดยเฉพาะที่ร้านก๊ะโตน   ตั้งอยู่สี่แยก (เจ๊ะบิลัง) ติดไฟแดง  ฝั่งขาออกเมืองมุ่งหน้าไปตำมะลัง  เขตเทศบาลเมืองสตูล   ร้านข้าวหมกไก่ก๊ะโตน เจ้าอร่อยขวัญใจชาวบ้าน เด็กและทุกวัยทำงาน 

          โดยในแต่ละวันจะทำข้าวหมกไก่  วันละ 10 กิโลกรัม ขายตั้งแต่ตี 5 ถึงบ่าย 3 โมงเย็น ทำใหม่สดทุกวัน สูตรผสมคิดค้นขึ้นเองมีรางวัล อันดับ 1 การันตีในงานการประกวดอาหารสตูลฮาลาลสตรีท 2019  โดยเคล็ดไม่ลับความอร่อยคือ การเลือกสรรวัตถุดิบดีมีคุณภาพ   ที่มีนมสด ,น้ำตาลทรายขาว ,ผงกะหรี่,เกลือ,หอม,กระเทียม,ขิง ดอกจัน, ไม้หวาน เม็ดกะวาน, ตะไคร้ พริกเขียว  มะเขือและเครื่องเทศ ผัดรวมกันจนเครื่องสุกแล้วใส่ไก่ที่ล้างสะอาดลงไปผัดคลุกเคล้าจนไก่สุกและตักออก  จากนั้นใส่ข้าวสารอย่างดีลงไปผัด และอบจนความร้อนระอุทั่วทั้งกระทะ  เป็นอันเสร็จ

          ทางร้านทำขายข้าวหมกในราคาเพียงห่อละ 10 บาท เป็นอาหารเช้าให้เด็ก ๆ นักเรียน  ห่อละ 20 บาทสำหรับกลุ่มในวัยทำงาน  ส่วนกล่องละ 40 บาทรับตามออเดอร์  และยังทำเป็นออเดอร์หม้อละ 4,500 บาท ทานได้ 70 คน 

          ทางร้านยังมีเมนู แกงตอแม๊ะ  ที่ได้รับรางวัลด้วยเช่นกันขายทุกวัน และเมนูอาหารพื้นเมือง อย่าง  แกงมัสมั่น    แกงกูลุม่า  และอีกหลากหลายแกงที่ไว้ขายบริการลูกค้า  รวมทั้งขนมพื้นเมืองหลากหลายซึ่งเป็นเมนูฮาลาล 100 เปอร์เซ็นต์  

          นางสัยโตน   ปาดูลัง   เจ้าของร้าน  บอกว่า  ก่อนหน้านี้เคยขายแกงถุงละ 10 บาทในระยะหนึ่ง จู่ยอดขายตก จึงขายข้าวหมกไก่กล่องละ  10 บาท  20 บาทและ 40 บาทรวมทั้งทำรับตามออเดอร์ที่ร้านและที่อำเภอละงู  โดยสูตรข้าวหมกไก่ปรับสูตรคิดค้นขึ้นเองจนลูกค้าติดใจ

         โดยได้รับความสนใจจากลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั้งเด็ก ผุ้ใหญ่ วัยทำงานรวมทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียก็จะหมุนเวียนมาทานที่ร้านกันไม่ขายสาย  เพราะมีทั้ง ข้าวหมก ข้าวมันแกงตอแม๊ะ  และอีกหลากหลายแกงให้เลือกสรร รวมทั้งน้ำชากาแฟ ขนมพื้นเมืองไว้บริการ   สนใจติดต่อสอบถาม   ก๊ะสัยโตน   ปาดูลัง   โทร 062 424 0309

……………………………………..

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ  

ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ

        ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาผันผวนทำให้เกิดผลกระทบ  การรวมตัวเป็นแปลงใหญ่ของเกษตรกรปาล์มน้ำมัน  เป็นโอกาสดีในการต่อรองราคาให้สูง  ภายใต้ผลผลิตคุณภาพ   ซึ่งทางกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล  ตั้งเป้าหมาย 5 ด้าน ลดต้นทุนการผลิต 20% เพิ่มผลผลิต 20%  พัฒนาคุณภาพ/พัฒนาให้ได้มาตรฐาน บริหารจัดการ และ การตลาด 

        ที่วิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันแปลงใหญ่อำเภอควนโดน มีสมาชิก 183 ราย พื้นที่ปลูกปาล์มรวม 1,111 ไร่  มีนายศุภเรศน์  แซะอามา  เป็นประธานฯ  ได้รับองค์ความรู้ด้านการดูแลสวน  การจัดการสวน  ตลอดจนการตลาด  กระทั่งสามา รถผลิตปาล์มคุณภาพ  และสามารถต่อรองราคาได้สูงกว่าราคาป้ายที่ผันผวนตลอดเวลา

         นายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล  พร้อมทีมเกษตรอำเภอควนโดนลงติดตามความก้าวหน้าการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันแปลงใหญ่อำเภอควนโดน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 แปลงของจังหวัดสตูลโดยมีการบูรณาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรเอง  และนอกกระทรวง  ทั้งภาคเอกชน   ให้การสนับสนุนเรื่ององค์ความรู้ทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรสามารถที่จะเพิ่มผลผลิตต่อไร่  โดยใช้หลักวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้อง  ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ  ให้ปุ๋ย  เรื่องพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิต เพิ่มขึ้นการตรวจวิเคราะห์ดิน   การวิเคราะห์ใบปาล์ม  เพื่อที่จะให้ตอบสนองและสอดคล้องกับความต้องการจริงๆ   การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมเพื่อสนับสนุนให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

        ในเรื่องของมาตรฐานคุณภาพปาล์มที่ตัดทุกทะลายจะต้องมีคุณภาพเป็นปาล์มที่แก่จัด เกษตรกรก็จะสามารถอัพราคาขึ้นมาได้  แปลงใหญ่ทั้งหมดเราให้ความสำคัญโดยจะไม่ตัดปาล์มไม่มีคุณภาพส่งโรงงาน   ในอีกส่วนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับสมาชิกแปลงใหญ่โดยตรงคือการรวมตัวกันเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง  พัฒนากลุ่มให้มีความเข้มแข็ง  เพื่อเชื่อมโยงด้านความร่วมมืออำนาจในการต่อรองการร่วมกันจัดการ   ไม่ว่าจะเรื่องการรับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะเข้ามา  ทั้งในเรื่องการต่อรองกับลานเทต่างๆ

       นายศุภเรศน์  แซะอามา  ประธานแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันอำเภอควนโดน  กล่าวว่า   กรมส่งเสริมฯได้อบรมให้ความรู้กับสมาชิกปาล์มแปลงใหญ่   ทุกคนมีองค์ความรู้สามารถที่จะปลูกปาล์มน้ำมัน  หรือพัฒนาปาล์มน้ำมันที่ปลูกเรื่องด้านการตลาดจะเห็นได้ว่า  เมื่อกลุ่มมีพลัง  สมาชิกเองมีระบบการจัดการที่ดี   กลุ่มเองก็มีการตกลงกับลานเท   เพื่อที่จะต่อรองว่าเรามีคุณภาพแล้ว  เราสามารถได้ราคาที่ดีกว่าเกษตรกรทั่วไป   นี่คือสิ่งที่เราให้การสนับสนุน  โดยความร่วมมือจากในหน่วยงานเกษตรทั้งหมด

      จากองค์ความรู้  ทางกลุ่มทำปาล์มคุณภาพโดยตัดปาล์มสุก  ซึ่งให้สังเกตดูที่พื้นถ้าใต้โคนมีลูกร่วงอยู่ประมาณ3- 4 เม็ด ถึง 10 เม็ด สามารถที่จะตัดปาล์มเอาไปขายได้   เพราะเป็นปาล์มมีคุณภาพ ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 21% ขึ้นไป  เมื่อทางกลุ่มมีปาล์มที่มีคุณภาพ มากกว่า 90%    ก็ได้ทำ  MOU กับลานปาล์ม   เมื่อทางกลุ่มส่งปาล์มคุณภาพให้    กลุ่มฯจะได้ส่วนต่างเพิ่มราคาหน้าป้าย 20  สตางค์  เช่นวันนี้ราคาปาล์ม 5.60 บาททางกลุ่มฯ จะได้อย่างน้อย 5.80 บาท  บางคนบวกได้สูงถึง 40 สตางค์  อันนี้คือเป็นผลดีกับเกษตรกรที่ได้เข้าร่วมกลุ่มปาล์มแปลงใหญ่

       สำหรับผลผลิตโดยรวมของแปลงใหญ่  เริ่มจากตอนที่ยังไม่ได้เข้ากลุ่มฯ  ไม่มีองค์ความรู้ต่างคนต่างทำผลผลิตเฉลี่ยตอนนั้น 2,300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี   แต่หลังจากที่เราได้รวมกลุ่มฯกัน  มีองค์ความรู้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 2.5 ตัน ถึง 2.7 ตัน ในปีที่ผ่านมา 2565 เราได้ผลผลิต 3,245 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี เพิ่มขึ้นแตะ 3 ตันสูงกว่าระดับประเทศอยู่ตอนนี้

       ทางด้าน  ลานเทปาล์มครูเหม ซึ่งตั้งอยู่ บ้านควนบ่อทอง  ต.ทุ่งนุ้ย  อ.ควนกาหลง  จ.สตูล  เป็นลานเท ที่ทำ MOU กับ เกษตรกร แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันควนโดน  ทุกๆวันจะมีปาล์มคุณภาพจากเกษตรกรเข้ามาเฉลี่ยวันละ  1.8-2 ตัน   โดย  นายเจ๊ะบารอเหม   ยาหลี  เจ้าของลานปาล์มครูเหม  กล่าวถึงผลดีเมื่อได้ทำ MOU ร่วมกับ แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันควนโดน  ถึงข้อดีคือ   ลานเทมีปริมาณปาล์มเข้ามากขึ้น ลูกค้ามีแน่นอน   ผลดีของลานเทคือ  ได้ปาล์มที่มีคุณภาพ  ส่งเข้าโรงงาน   ทางลานเทก็สามารถที่จะอัพราคาให้กับปาล์มแปลงใหญ่ได้ เพิ่มถึง 20 สตางค์  หากมีแปลงปาล์มมากกว่า 50 ไร่ก็จะเพิ่มสูงถึง 25 สตางค์ต่อกิโลกรัม   ขึ้นอยู่กับช่วงราคาที่เราได้จากโรงงานด้วย  

      ส่วนการเมืองที่อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาล  นายเจ๊ะบารอเหม   ยาหลี  เจ้าของลานปาล์มครูเหม  กล่าวเพิ่มเติมว่า  การเมืองมีผลต่อพืชผลเศรษฐกิจหลายด้าน  ทั้งด้านการประกันราคา  ปริมาณสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้ทะลักเข้าประเทศเพราะส่งผลต่อราคาที่ผันผวนได้  ทำให้มีการดีดกลับไปที่โรงงาน   และดีดกลับมาที่ลานเท  แม้ขณะนี้ราคายังทรงอยู่   หลายฝ่ายรอดูสถานกาณณ์ผู้นำจะทำอย่างไร อยากให้รัฐบาลมาดูแลทุกขั้นตอนทุกระดับ ให้ฐานะดีขึ้นทั้ง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา

      สำหรับ  สถานการณ์ปาล์มน้ำมันของลานเท  ณ ปัจจุบันปริมาณคงที่  วันหนึ่งเฉลี่ย 20 ตันต่อวัน   โดยบางวันก็อาจจะแค่ 18  -19 ตัน แล้วแต่ช่วงจังหวะฝนตกหรือจังหวะที่ผลผลิตน้อย  

…………………………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-หนุ่มรัฐศาสตร์  เปิดกระทรวงเกษา รับรุนผมไม่หวั่นแม้วันมามาก  วัยรุ่นนักการเมืองจองคิวแน่น

สตูลหนุ่มรัฐศาสตร์  เปิดกระทรวงเกษา รับรุนผมไม่หวั่นแม้วันมามาก  วัยรุ่นนักการเมืองจองคิวแน่น

        กระทรวงเกษา  ป้ายชื่อร้านที่เขียนด้วยตัวอักษรสีทองดูโดดเด่นสดุดตา  จนต้องหาคำตอบว่า ร้านอะไร  หรือหน่วยงานราชการ สังกัดใดกัน  สำหรับ  “กระทรวงเกษา” เป็นร้านตัดผม ของนายจักรพงษ์  หมันเหตุ อายุ 39 ปี  ดีกรีปริญญาตรี รัฐศาสตร์ เป็นชาวจังหวัดสตูล  ที่แม้จะเรียนจบมา  ทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนเท่าไหร่    ก่อนค้นพบตัวเองว่าชื่นชอบการตัดผม  จึงไปศึกษาหาความรู้  ก่อนจะยึดเป็นอาชีพนี้มายาวนานถึง  10  ปีจนถึงปัจจุบัน

       สำหรับร้าน กระทรวงเกษา  ตั้งอยู่ในพื้นที่ถนนสายใน  ก่อนถึงเทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล  ดำเนินงานภายใต้สโลแกน  “พร้อมรุน…แม้วันที่คุณจะมามาก!”

       เมื่อทีมข่าวเดินทางเข้าไปภายในร้าน  ซึ่งตกแต่งเก๋ๆสไตล์วัยรุ่น   บรรยากาศผ่อนคลาย    โดยมีกลุ่มวัยรุ่น  ลูกค้าแวะเวียนมานั่งเสวนา   และรับบริการตัดผม  ซึ่งลูกค้าที่จะมาตัดผมที่ร้าน  กระทรวงเกษา  ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้น  จะเดินเข้ามาตัดในร้านแบบสุ่มๆไม่ได้  เพราะทางร้านต้องตัดตามลำดับคิว  นับเป็นการบริหารจัดการร้านอย่างหนึ่ง  และลูกค้าก็ไม่ต้องมานั่งรอนาน ด้วย 

          ทางด้านลูกค้าบอกว่า  ตัดผมเดือนละครั้ง  โดยจะมาทุกเดือน  เพราะเจ้าของร้านเป็นกันเอง คุยสนุกสำหรับทรงผมนั้นก็เอาแบบมาให้ดู  มีบางครั้งช่างก็จะบอกว่าทรงนี้ไม่เหมาะกับโครงหน้า  ก็จะแนะนำให้  ส่วนราคาสู้ได้อยู่

         นายจักรพงษ์  หมันเหตุ เจ้าของร้านกระทรวงเกษา กล่าวว่า   โดยเฉพาะช่วงเทศกาล  จะมีลูกค้าเข้าคิวตัดผม  ยาวไปถึงเช้าก็เคยมีมาแล้ว   ส่วนวันธรรมดาลูกค้าก็จองคิวยาวไปจนถึงค่ำมืด  สำหรับลูกค้าก็มีหลากหลาย แม้กระทั่ง สส.ของจังหวัดสตูล ยังมาจองคิวตัดผมกันที่ร้านนี้ด้วย   การันตีฝีมือกันไปเลย

         ทางร้านรับลูกค้าเฉลี่ยวันละ20 คน  รายได้ตกเดือนละ  36,000 บาท อนาคตเตรียมปั้นช่างเพิ่ม

       สำหรับราคาบริการตัดผม  อยู่ที่  60-100 บาท  เด็ก 60  วัยรุ่น 80  ส่วนผู้ใหญ่ 100 บาท  ทุกทรง โดยลูกค้าสามารถ จองคิวได้ทางเพจของร้าน  กระทรวงเกษา  หรือโทรจองได้เบอร์ 089-653  4586 

  …………………………………….

จันทนา  กูรีกัน //รายงาน

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด