สตูลไม่ทิ้งกัน! เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล ร่วมกับพันธมิตรพี่น้องและผองเพื่อน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไฟไหม้ตำบลควนสตอ
สตูลไม่ทิ้งกัน//เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล ร่วมกับพันธมิตรพี่น้องและผองเพื่อน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไฟไหม้ตำบลควนสตอ
สภาอุตสาหกรรมสตูลฝากความหวังถึงนายกเศรษฐา ช่วยลดรายจ่ายประชาชนเป็นวาระเร่งด่วน! สานต่อ Soft Loan ช่วยภาคธุรกิจจากพิษโควิด และเมกะโปเจคเปิดเมืองชายแดนสะพานสตูล-เปอร์ลิส
วันที่ 24 ส.ค.2566 ภาคธุรกิจจังหวัดสตูลเริ่มขยับหลังมีการแต่งตั้งให้เศรษฐา ทวีสิน นั่งนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าวาระเร่งด่วนที่ต้องเร่งขยับเคลื่อนคือการลดรายจ่ายของประชาชนที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะนั่นคือต้นทุน พร้อมจัดหาเงินกู้หรือซอฟต์โลนช่วยภาคธุรกิจที่ประสบกับภาวะโควิด และสานต่อโครงการเมกะโปเจค สตูลเปอร์ลิสเพิ่มช่องทางค้าขาย
นายชวรณ สุธาพานิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า การรอคอยการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีของทุกภาคส่วนเพื่อเดินหน้าประเทศ เพื่อเป็นความหวังให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ลดรายจ่ายของประชาชนเป็นวาระเร่งด่วน ไม่ว่าจะค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนที่สูงในขณะนี้ ภาคธุรกิจไม่สามารถจะปรับราคาขึ้นได้เพราะเห็นว่าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน
ส่วนประเด็นที่อยากให้มีการสานต่อคือ การจัดหาเงินกู้หรือ Soft Loan ให้กับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด 19 การจัดการหนี้ NPL ที่ดีเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถพยุงตัวเองขึ้นกลับมาได้ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้ท่องเที่ยวนำ ดึงนักท่องเที่ยวจีน 40 ล้านคนที่หายไปจากภูเก็ต กระบี่ และสตูลกลับคืนมา พร้อมผูกมิตรกับเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซียซึ่งเป็นลูกค้าอีกส่วนที่สำคัญในการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนสตูล ด้วยการส่งเสริมให้มีจุดเด่น จุดขาย ในการรองรับนักเที่ยวให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล เปิดเผยต่อว่า โครงการพัฒนาเมกะโปรเจค สะพานเชื่อมสตูล เปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ระหว่าง 2 ประเทศที่เสมือน 2 หมู่บ้านที่ไปมาหาสู่กันได้ง่ายยิ่งขึ้นในการขนถ่ายสินค้าและการสัญจรไปมาได้สะดวก จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการค้าขายให้กว้างยิ่งขึ้นแม้ในช่วงแรกอาจจะดูไม่คุ้มค่า แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศจากการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้อย่างแน่นอน
ส่วนนโยบายเด่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” หรือ “กระเป๋าเงินดิจิทัล”ของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้ามากระตุ้นด้วยเม็ดเงิน 5 แสน 6 หมื่นล้านบาทเชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐ์กิจของประเทศได้เป็นอย่างดีหากเป็นจริง แต่ก็มีข้อกังวลเมื่อเห็นการใช้เงินจากโครงการลักษณะคล้ายกันจากรัฐบาลที่ผ่านมา เนื่องจากบางผู้ประกอบการและผู้ใช้เงินใช้ผิดวัตถุประสงค์ ด้วยการหักถอนเงินจนทำให้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล อีกทั้ง อีก 6 เดือนกว่าจะเบิกเงินได้ ฉะนั้นต้องมีเงินทุนสำรอง นักวิชาการหลายคนกลับมองว่าในระยะเวลา 6 เดือนจะทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มว่าในปัจจุบันก็กำลังเพิ่มขึ้น ในทั่วโลกหลายประเทศเพิ่มขึ้น แต่ในประเทศไทยมีการควบคุมได้ดีเพราะมีเงินทุนสำรองจำนวนมากในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคเอเชีย
……………………………………….
สตูลไม่ทิ้งกัน//เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล ร่วมกับพันธมิตรพี่น้องและผองเพื่อน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไฟไหม้ตำบลควนสตอ