รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต
รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต
กรีดยาง 30 ปี ชีวิตไม่ดีขึ้น เกษตรกรสตูลใจเด็ด! โค่นยางพาราปลูกพืชผสมผสาน รายได้หลักแสนต่อปี
ต้นสละสายพันธุ์สุมาลี 200 ต้น เป็นความหวังของครอบครัว พัชรี ทิ้งน้ำรอบ เกษตรกรชาวท่าแพ จังหวัดสตูล หลังตัดสินใจโค่นต้นยางพารา พลิกผืนดินปลูกผลไม้ พืชสวนผสม บนพื้นที่ 9 ไร่ แม้สละจะยังไม่ให้ผลผลิต แต่พืชผักชนิดอื่นซึ่งปลูกไว้ควบคู่กันได้ให้ผลผลิตหลักแสนบาทต่อปีแล้ว
โดย นางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ ได้ทำการเกษตรบนพื้นที่ 9 ไร่ แบ่งเป็น 3 แปลง ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 4 ไร่ ปลูกสละ ขนุน เงาะ กระท้อน ขณะนี้ยังไม่ให้ผลผลิต และได้ปลูกกล้วย โหระพา พริกพันธุ์เหลืองพัทลุง ไปพร้อมๆกัน โดยพริกพันธุ์เหลืองพัทลุงให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่องสามารถเก็บพริกได้ 3 วันครั้ง รายได้ครั้งละ 300-400 บาท
ส่วนแปลงที่ 2 เนื้อที่ 3 ไร่ ปลูกละมุด 140 ต้น และแปลงที่ 3 ปลูกโหระพา มีรายได้จากการขายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลางประมาณ 291,000 บาท/ปี โดยได้เข้าร่วมโครงการเกษตรวิถีใหม่ กับทางสหกรณ์การเกษตรท่าแพ จํากัด และได้รับงบประมาณสนับสนุน จำนวน 200,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรในการปลูกสละ เพื่อซื้อปัจจัยการผลิตพันธุ์สละ ปุ๋ย ระบบน้ำและรวมไปถึงการปลูกพืชแบบผสมผสานเพื่อเป็นรายได้เสริมอีกด้วย
ด้านนางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ กล่าวว่า ได้ปรึกษากับสมาชิกในครอบครัวและดูผ่าน YouTube ก่อนจะตัดสินใจโค่นยางพาราแล้วมาลุยปลูกพืชผสมผสาน ผลตอบรับดี รายได้มีทุกวัน ตอบโจทย์ดีกว่าตัดยางพารามากๆ จากตัดยางมานาน 30 กว่าปีตั้งแต่วัยรุ่นจนปัจจุบันอายุ 50 กว่าปีแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้น พอหันมาทำตรงนี้รู้สึกมีความหวังอย่างสละนี้ คาดว่าจะได้ผลตอบรับอย่างดี
นางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ กล่าวอีกว่า ได้มาทำตรงนี้ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทั้งพริก พืชผักต่างๆที่ปลูกสามารถกินได้ ผักหวาน ผักกวางตุ้ง ในส่วนของราคายางขอพูดถึงช่วงแพง มีรายได้วันละ 1,000 กว่าบาท เมื่อยางค่อยๆลงมาเหลือวันละ 200 กว่าบาท ราคายางลดลง แต่สินค้าที่จำเป็นต้องซื้อยังแพงเหมือนเดิม คิดว่าไปไม่รอดจึงหันมาทดลองปรับเปลี่ยนปลูกพืชผสมผสานแทน ในส่วนของพืชผสมผสานนี้ คิดว่าเพียงพอเลี้ยงครอบครัว แต่จะให้เหลือเยอะเยอะตอนนี้ยังทำไม่ได้ เมื่อมีรายได้จากการขายผักก็นำมาลงกับผลไม้ทั้งการซื้อปุ๋ยเพื่อดูแลผลไม้
ด้านนายดลวากิ๊ฟ ทิ้งน้ำรอบ ลูกชาย กล่าวว่า ได้มาช่วยในเรื่องของการทำปุ๋ย ฮอร์โมนพืช การหาข้อมูลสมัยใหม่มาเพื่อปรับปรุง ทั้งเรื่องระบบน้ำ เมื่อก่อนปลูกยางอย่างเดียวมันเป็นอาชีพหน้าเดียวรายได้ไม่มั่นคง เมื่อฤดูฝนก็ขาดรายได้ พอเปลี่ยนเป็นปลูกพืชผสมผสานเราสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกวัน อยู่ที่ความขยันของเราด้วย
ในโอกาสนี้ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นางรอซนานี สันหมุด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม นายถาวรศักดิ์ รัตนชูศรี สหกรณ์จังหวัดสตูล และสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงพืชสวนผสมของนางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ สมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการเกษตรวิถีใหม่ ณ บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 5 บ้านท่าแพใต้ ตำบลท่าแพ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล โดยมี นายอิสดาเร๊ะ องสารา ประธานกรรมการสหกรณ์ นายประชา กาสาเอก ผู้จัดการสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ ที่ได้ส่งเสริมให้สมาชิกปรับเปลี่ยนอาชีพจากการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว มาทำเกษตรที่มีความหลากหลาย ซึ่งว่าเป็นตัวอย่างที่ดี รวมไปถึงมีการเชื่อมโยงการขายไปยังตลาดต่างประเทศ และทำเกษตรเชิงท่องเที่ยว สำหรับการเข้ามาสนับสนุนสหกรณ์ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เป็นการช่วยเหลือ พลิกฟื้นการประกอบอาชีพ และมีการผ่อนผัน ขยายเวลาการชำระหนี้ สนับสนุนทุนเสริมในการประกอบอาชีพ สร้างอาชีพใหม่ เพื่อให้เกิดรายได้ ซึ่งกรมฯ มีเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ พร้อมสนับสนุนให้สหกรณ์นำไปให้สมาชิกปรับเปลี่ยนวิถีการทำการเกษตรแบบใหม่ ปลูกพืช ไม้ผล ชนิดอื่นเพิ่มในแปลง ทำให้มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี
พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ฝากสหกรณ์ว่า นอกจากการส่งเสริมอาชีพให้สมาชิกแล้ว ต้องส่งเสริมด้านการตลาด ให้มีการเชื่อมโยงผู้ประกอบการต่าง ๆ พร้อมกับสนับสนุนให้เกษตรกรรุ่นใหม่ใช้องค์ความรู้มาต่อยอดอาชีพการเกษตร และในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง ขยายผลไปยังสมาชิกรายอื่น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ ไม่มีหนี้สิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากนั้น อธิบดีฯ ผู้ตรวจราชการกรม สหกรณ์จังหวัด ได้ร่วมกันปลูกต้นส้มโอทับทิมสยาม ในแปลงเก็บของสมาชิกสหกรณ์ด้วย
……………………………
รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต