รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงตรวจชายแดนสตูลขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย เน้นท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจตั้งรายได้สะพัด เพิ่มเท่าตัว  5 แสนล้านบาท  เพื่อเสนอครม.สัญจรที่ จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

          วันนี้ (22 ม.ค.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และเข้าร่วมการประชุมการขับเคลื่อนงานตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ ในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ

         

         จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพของด่านการค้าชายแดนวังประจัน ติดตามนโยบาย ทวิน-ซิตี้  รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

 

         โดยแนวทางการยกระดับทวิน-ซิตี้ ชายแดนไทย-มาเลเซีย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ ประธาน กพต. ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับรัฐติดชายแดน ไทย-มาเลเซีย สู่การเป็นเมืองคู่แฝด เมื่อวันที่  23 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับวางแนวทางเพื่อความร่วมมือการพัฒนารัฐติดชายแดนไทย – มาเลเซีย ในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าขายการลงทุน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมฮาลาล รวมไปถึงการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เทคโนโลยี การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ตั้งเป้าให้ประชาชนในพื้นที่ จชต. มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนำไปสู่การลดปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ เกิดความร่วมมือ สร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

                       

         นอกจากนี้ ยังมีแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างรัฐติดชายแดน โดยจังหวัดปัตตานี และ จังหวัดสงขลา และ 5 รัฐ ตอนเหนือของมาเลเซีย ที่จะมีการผลักดันสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านอาหาร, เปิดสถานบันเทิงครบวงจรหาดใหญ่-สงขลา ร่วมกับ 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย  พร้อมจัดแสดงสินค้าและบริการ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่น่าสนใจอาทิเช่น กิจกรรมท่องเที่ยวขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ กิจกรรมวิ่งเทรลที่เบตง กิจกรรมแข่งขันตกปลาที่สตูล กิจกรรม OTOP 2 แผ่นดิน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น

                       

          จากนั้นภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านชายแดนวังประจัน พื้นที่อำเภอควนโดน เพื่อตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านให้เป็นด่านอัจฉริยะ (smart boarder) ยกระดับการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ รองรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

            นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) กล่าวว่า  ขณะนี้ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศรวมกันแล้ว 4-5 แสนคน   สินค้าที่ส่งไปมาทางช่องทางนี้อาจจะยังไม่มากเนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูง   รถพ่วงอาจจะยังไม่สะดวกในการขนส่งขึ้นบนเขาเส้นทางนี้    ได้ซึ่งก็พบว่าทางมาเลเซียก็เตรียมแผนข้อมูลนี้ไว้หารือ และเตรียมส่งข้อมูลนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเนื่องจากพบว่า   นายกมาเลเซียกับนายกไทย   ได้มีการพบปะหารือกันบ่อย  ก็เชื่อมั่นว่าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกจังหวัดจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล นายกเศรษฐา   ทวีสิน  เป็นอย่างดียิ่ง  จะกระตุ้นรายได้เข้าทั้งสองประเทศเพิ่มเป็นเท่าตัว  ตามชายแดนที่มาจับจ่ายหัวละ 1000 -10,000 บาท ( เป็นเงิน 500 – 5,000 ล้าน)   จากตัวเลข 5 แสนคน ได้จากการผ่านช่องทางหน้าด่านชายแดนนี้ที่เราจะต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี   ส่วนจะขยายเวลาเปิดด่านจากเดิม  6  โมงเย็นจะขอเป็น 2 ทุ่มนั้น   ต้องให้นายกรัฐมนตรีไทยเป็นคนไปเจรจา ซึ่งเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้หมดหากมีการพูดคุยกัน  โดยทั้งหมดนี้นั้น  จะนำเสนอครม.สัญจรที่จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

 

          สำหรับด่านชายแดนวังประจัน หรือ ศูนย์ราชการด่านวังประจัน สร้างตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2524 ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน มีเนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งขณะนั้นมีส่วนราชการเข้าไปปฏิบัติงานในศูนย์ราชการ 3 หน่วยงาน คือ ด่านศุลกากรวังประจัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอควนโดน และสถานีกักกันพืช จากนั้นได้มีการปรับปรุงที่สำคัญ 2 ครั้ง คือ การขยายอาคารด่านพรมแดนฯ เมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยงบพัฒนาจังหวัดสตูล จำนวน 7 ล้านบาท และการปรับปรุงอาคารบ้านพักอาศัยเดิมจำนวน 12 ยูนิต โดยงบสนับสนุนภารกิจกรมศุลกากร จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2565

         

          ปัจจุบันพื้นที่ตั้งด่านศุลกากร และอาคารด่านพรมแดนฯ มีสภาพคับแคบประกอบกับสภาพอาคารต่าง ๆ มีสภาพทรุดโทรมเป็นผลให้การบริการในการขนถ่ายสินค้า และการบริการช่องทางรถส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถสินค้า ไม่เพียงพอต่อปริมาณรถและการค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จังหวัดสตูลได้ร่วมมือกับด่านศุลกากรวังประจัน และสำนักโยธาธิการและผังเมืองผลักดันโครงการพัฒนาด่านฯ ตามโครงการ Smart Border เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และการเติบโตด้านการค้า และการเติบโตการค้าของจังหวัดสตูล และเป็นการรองรับการสนองตอบโครงการไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ต่อไป

……………..

อัพเดทล่าสุด