สาวใหญ่สตูล ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาบวมทั้งสองข้างต้องแบกติ่งเนื้อหนักกว่า 20 กิโลกรัม วอนช่วยรักษาให้หายขาด

           (21 ต.ค.2567) ที่ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ทีมข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้มีครอบครัวหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคร้ายต้องการความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง    จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่  37 หมู่ที่ 1 ตำบลกำแพง   พบนางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี (หากดูผิวเผินแทบไม่รู้ว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย) โดยเจ้าตัวบอกว่าตนเองที่ป่วยเป็นโรคบวมน้ำเหลือง โดยช่วงท่อนร่างของร่างกายตั้งแต่โคนขาอ่อนลงไปถึงหลังเท้าสูงมีอาการบวมน้ำเหลือง ติ่งเนื้อที่บวมออกมาข้างขาอ่อนที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลทำให้นางวราภรณ์ ไม่สามารถสวมกางเกงชั้นในได้

            ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เดินเหินไม่สะดวก ขาอ่อนที่บวมเป็นติ่งเนื้อใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนแบกก้อนน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ไว้ติดตัวด้วยตลอด  ทุกครั้งที่เดินเหมือนจะยักหลังหากไม่ระวังเพราะก้อนเนื้อที่บวมขนาดใหญ่จะรั้งไปด้านหลัง  ตอนนอนจะลำบาก นั่งก็ไม่เต็มเก้าอี้ อยากหายขาด อยากใช้ชีวิตให้เหมือนคนอื่น  แม้จะไม่หายขาดก็อยากให้มีอาการที่ดีกว่านี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้ตนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

           โดยทางนางวราภรณ์  และครอบครัว ยอมรับว่า เคยเป็นคนไข้ของพระบรมฯเมื่อประมาณปี พ.ศ.2540  ได้รับการผ่าตัดแล้ว 4-5 ครั้งในขณะนั้น คิดว่าตัวเองหายแล้ว จึงขาดการติดต่อกลับไป อยากให้คนอื่นที่อาการหนักกว่าได้เข้ารับการรักษาบ้าง ในช่วงนั้นจึงแต่งงานและมีลูก ไม่คิดว่าอาการจะกลับมาเป็นอีก อาการเริ่มเป็นที่หัวเข่าข้างเดียวก่อนลามเป็นอีกข้างตอนนี้เริ่มเป็นแผล ต้องใช้ผ้าก็อตพันไว้  

          และต่อมามีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อ 4-5 ปีก่อน (ด้วยเงินบริจาค 300,000 บาทจากบิณบรรลือฤทธิ์) ได้ขึ้นไปกทม.พร้อมครอบครัวขึ้นไปอยู่ที่กทม.เพื่อตั้งใจว่าเงินที่ได้มาจะรักษา แบบขันชานอส รักษา 7 วัน12,000 บาท คือทำให้แผลที่บวมแห้งถึงจะผ่าตัดได้ เหมือนรีดน้ำให้หมดจนแผลเหี่ยวถึงจะผ่าตัดได้   สรุปหมดไปเป็นแสนกับการทำขันชานอส  สุดท้ายเงินหมดก่อน ไม่ได้ผ่าตัด แม้ครอบครัวตน พ่อแม่ลูกจะช่วยกันทำขนมขายตอนอยู่กรุงเทพแต่ก็ไม่พอกิน ลูกก็ย้ายไปเรียนที่นู้น อีกทั้งโควิดระบาดทำให้ต้องกลับมาบ้าน ขาดการรักษาต่อเนื่อง เพราะเงินไม่มี อาการก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง   ประจวบเหมาะตรงกับโรคโควิคระบาดการรักษาไปได้ไม่   บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ เลยตัดสินใจกลับบ้านที่สตูล

          นายย็ะยาห์  ดือราแม  อายุ 48 ปี  ผู้เป็นสามี  ยอมรับว่า ตนให้กำลังใจภรรยาได้เพียงแค่อยู่ด้วยใกล้ ๆ ให้เขาอุ่นใจ ไม่มีคำหวานปลอบแบบอื่นนอกจากการกระทำ อยากเห็นเขาหายจากโรคร้ายนี้และมีชีวิตกลับมาปกติเหมือนคนทั่วไป ทุกวันนี้ภรรยาและพวกเราในครอบครัวไม่ได้งอมืองอเท้า ช่วยกันทำขนมขาย มีรับจ้างที่ไหนตนก็ไปทันที มีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวบางวัน 300 บาท  แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน ลูกก็เรียนมัธยม 1 โชคดีที่ญาติพี่น้องหยิบยื่นให้บ้าง ไม่ทอดทิ้ง

 

          ขณะที่พี่สาวของ (นางวราภรณ์   เหล็มหา) เล่าด้วยทั้งน้ำตาถึงความสงสารน้อง ด้วยตนเป็นพี่คนที่ 4 จากทั้งหมด 8 คนน้องเป็นคนสุดท้อง (เสียไปแล้ว 3 คนเหลือกัน 5 คนพี่น้อง)  เห็นน้องก็เสียใจทุกครั้งแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากให้เขาหาย ช่วยเหลือน้องตลอดทุนค้าขาย เท่าที่ช่วยได้ตามกำลัง  มาพูดคุยให้กำลังใจกันตลอด  ที่ไหนบอกมีหมอบ้านดีก็พาไป บางคนบอกถูกจอมปลวกก็บอกว่าไม่มีทางแก้ บ้างว่าโดนของ หลังรักษาหมอในสตูลแล้วไม่หาย เพราะหมอที่กรุงเทพก็ไม่มีกำลังจะพาไปรักษา    

 

         ขณะนี้นางวราภรณ์   เดินเหินไม่เหมือนคนอื่น  เหนื่อยง่าย ต้องเดินลากขายกขาไม่ค่อยขึ้นหากมีสิ่งกีดขวาง เดินได้แค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องวอนให้ช่วยเหลือ รักษาตนให้หายขาดตนไม่อยากจะป่วยเป็นโรคนี้อีกแล้ว หากไม่หายป่วยก็ขอให้อาการดีกว่านี้ เอาติ่งเนื้อก้อนใหญ่ที่ห้อยนี้ออกให้ตนด้วย

 

          หากท่านใดมีกำลังอยากช่วยเหลือตน สามารถบริจาคได้ที่เลขบัญชี ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบิกซี ตรัง 108 8 66362 0 ชื่อบัญชี นางสาววราภรณ์  เหล็มหา

……………………………………………….

อัพเดทล่าสุด

 อบต.บ้านควน จัดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กเครือข่ายนิเวศสามดีเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล

อบต.บ้านควน จัดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กเครือข่ายนิเวศสามดีเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล