มติชาวอาชีวะค้านการหลอมรวม  แต่หนุนตั้งมหาวิทยาลัยสตูล 

     ประเด็นการตั้งมหาวิทยาลัยสตูลได้กลับมาเป็นที่วิพากษ์อีกครั้ง   เมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้  ได้มีแนวคิดที่จะหลอมรวม  3  อาชีวะในจังหวัดสตูล   ทั้งวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล  มีนักศึกษาประมาณ 600 คน ,  วิทยาลัยเทคนิคสตูล 2,000 คน, วิทยาลัยการอาชีพละงู  1,000 คน  และมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล  ซึ่งนักศึกษา  200 คน  มาหลอมรวมกันเพื่อตั้งมหาวิทยาลัยสตูล

     ในประเด็นนี้ได้มีกระแสการต่อต้าน ว่าจะดีกว่าไหม หากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล  จะผลักดันตัวเองเป็นมหาวิทยาลัย โดยไม่จำเป็นต้องหลอมรวม  เพื่อโอกาสทางการศึกษาที่สูงกว่าระดับ ปวช.ปวส.  เพื่อความหลากหลายของการศึกษาอย่างแท้จริง ที่ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกตามความสมัครใจ  ตามความต้องการ ตามกำลังทุนทรัพย์ ตามวิชาชีพที่ต้องการ  ว่าเรียนที่ไหน เพื่อให้เหมาะกับตัวเอง

     และเพื่อเป็นการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  กับการจัดการศึกษาที่อาชีวศึกษาในจังหวัดสตูล  มีความเห็นด้วยหรือไม่  ในการหลอมรวมวิทยาลัยเทคนิคสตูลในการจัดตั้ง  มหาวิทยาลัยสตูล   3  ส่วน  คือ 1 กรรมการบริหารสถานศึกษา (วิทยาลัยเทคนิคสตูล 100 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วย) 2 ผู้บริหารครู บุคลากร 97.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วย) 3.นักเรียน นักศึกษา ศิษย์ปัจจุบัน 95.93 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วย)  และสัปดาห์ต่อไป จะเป็นการทำประชามติในผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่าและศิษย์เก่า ต่อด้วยผู้ได้รับบริการวิชาชีพ เครือข่ายความร่วมมือ สถานประกอบการ ภาคประชาชน และพี่น้องชาวอาชีวะทั่วประเทศ

       คุณครูธิษณา  บำรุงเมือง  คุณครู ว.เทคนิคสตูล   เปิดเผยว่า บริบทของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเทคนิคต่างกันมาก ตนเป็นครูอยู่อาชีวะมา 30 ปี  จะเห็นว่าเด็กอาชีวะเป็นอย่างไร  1 มีฐานะยากจน 2 ทักษะการเรียนเข้าระดับมหาลัยไม่ได้  เด็กอาชีวะอาจจะไม่เก่งทางด้านทางวิชาการ  แต่สิ่งที่เจอมาตลอดคือซ่อมไปได้เปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ บางครั้งทางวิชาการก็ไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิต 

        คุณครู ว.เทคนิคสตูล  เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในความคิดของตนคนเดียวมองว่า  ผู้ที่จะจัดตั้งให้มีการหลอมรวมอาชีวะไม่มั่นใจว่ามีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงอยู่   แต่พวกเราจะยินดีมากๆที่จะมีมหาวิทยาลัยสตูลเกิดขึ้นในจังหวัดสตูล   แต่เราควรจะแยกกันจัดการศึกษากัน  แต่มาพูดคุยกันในการเอาหลักสูตรมารวมกัน วิธีการนี้เชื่อว่าเด็กเราไปไกลหากมีการมาเขียนหลักสูตรด้วยกัน  แต่หากจะหลอมรวมกันจริงผลกระทบเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ และครอบครัวอย่างแน่นอนเพราะนั่นหมายถึงค่าเทอมที่สูงขึ้น และเด็กไม่มีโอกาสเลือกเรียนในสายอาชีพที่ตนถนัด

        นายวิเชียร  บุญเตี่ยว  ผอ.วิทยาลัยเทคนิคสตูล  กล่าวว่า  สถานการณ์การจัดตั้งมหาวิทยาลัยสตูลโดยใช้วิธีการหลอมรวม ด้วยความเป็นบริบทการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ อาชีวศึกษาที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคน ตอบโจทย์ประเทศที่ต้องการแรงงานที่มีฝีมือ คือ ปวช.และปวส. ขณะนี้วิทยาลัยเทคนิคสตูลได้ผลิตเด็กในระบบอยู่ที่ 2,000 คน หากเทียบในประเภทเดียวกันกับอาชีวศึกษาถือว่าเป็นขนาดกลาง  

         แต่เรายังมีนอกระบบซึ่งเกิดจากความร่วมมือของโรงเรียนและความต้องการของชุมชนเป็นโมเดลเด็กเข้ามาสัมผัสโลกของอาชีพจริงๆ  ทุกวันพฤหัสบดีจะมีเด็กเข้ามาเรียนและฝึกอบรมในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ฟรี 100% อยู่ประมาณ 2,100 คนในปีการศึกษาที่ผ่านมา

         ผอ.วิทยาลัยเทคนิคสตูล  กล่าวด้วยว่า  ขอพูดในฐานะคนสตูลถอดหมวกผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคออกไปวันนี้   ที่ทำประชามติเกิดขึ้นด้วยการจัดตั้งหลอมรวม ทำให้อาชีวะเสียบริบทที่มีวัตถุประสงค์ของสำนักงานกลางอาชีวศึกษาที่ผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง  เพื่อตอบโจทย์การต้องการแรงงานให้กับประเทศหลังได้หนังสือเมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา  ก็รู้สึกตกใจหลังทางคณะกรรมการที่จะจัดตั้ง  ใช้คำว่าหลอมรวมแล้วเอาโมเดลของของมหาวิทยาลัย  ซึ่งขออนุญาตเอยถึงคือ  มหาลัยนราธิวาส   เป็นโมเดลในการขับเคลื่อนและที่มาของการหลอมรวม  ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  คณะกรรมการที่ส่งต่อให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยสำนักงานที่ดูแลในพื้นที่  คือ  ศอบต.  ทำให้เกิดคำถามเพราะเราไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้และเราก็ไม่ใช่นิติบุคคล 

         ขั้นตอนแรกของเราทำคือการคุยกับกรรมการสถานศึกษา กรรมการศึกษาไม่เห็นด้วยในการหลอมรวมแต่  เห็นชอบที่จะมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดสตูล   เราไม่ได้ขัดแย้ง  หลังจากนั้นได้ขอมติเพื่อที่จะไปทำกับผู้บริหาร  ครู  บุคลากร  ที่มีผลกระทบเนื่องจาก  ม.นรา มีคนที่ไม่ประสงค์อยู่ต่อเกินกว่าร้อยละ 80 ที่จะต้องเดินออกจากบ้านหลังนี้  และหาสถานที่ใหม่  จำเป็นจะต้องให้พวกเขารู้ เมื่อมีมติเห็นชอบ  ขอมติของครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดที่ไม่เห็นด้วยในการหลอมรวม

         ชี้แจงให้พวกเขาได้รับทราบผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเขา  และคนรุ่นๆต่อไปว่า   ถ้าหลอมรวมแล้วจะไม่มีความเป็นตัวตนของอาชีวะ  ตามบริบทของการจัดตั้งอยู่เลย  และจะมีผลกระทบหากเปรียบเทียบข้อมูลจาก  ม.นราธิวาส  ปวช.อาจจะต้องจ่ายเงินจากที่วิทยาลัยเทคนิคเก็บอยู่ไม่เกิน 800 บาท หากเป็นมหาวิทยาลัย  2,000 เปรียบเทียบกับ  ม.นราธิวาส  ผู้ปกครองเดือดร้อนแน่นอน   ส่วน ปวส.วิทยาลัยเทคนิคเก็บ อยู่ที่ประมาณ 2000  ถึง  2040 เทียบเคียงกับ ม.นราธิวาส  ขั้นต่ำ 6,000 บาท 

       หากถามว่า วิทยาลัยเทคนิคมีความพร้อมในการเปิดปริญญาตรีหรือไม่  เรามีความพร้อมอยู่แล้ว 2 สาขา  คือ   เทคโนโลยียานยนต์ และ  ภาควิชาการตลาด มีเด็กเรียนและจบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 รุ่น 

         ผอ.วิทยาลัยเทคนิคสตูล  กล่าวต่อว่า  จากบริบทของอาชีวะเห็นได้จากตัวผม   ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เมื่อก่อนก็ไม่มีรายได้   ทำงานและก็เรียนไปด้วย   โดยตลอดมาตั้งแต่ปวช.   ปวส.  จนถึงระดับเทียบเท่าปริญญาตรีผมเรียนที่อาชีวะมาตลอด   อาชีวะเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ผู้ปกครองในกลุ่มที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง  ที่หาเช้ากินค่ำ  ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย 

          พร้อมจะสอบถามกลับไปว่า  หากมองเห็นศักยภาพของสถานศึกษาแห่งนี้ว่ามีคุณภาพ ก็อยากให้เติมงบประมาณมาที่นี่ แล้วเราจะทำให้ดูว่ามันมีคุณภาพอย่างไร  เพราะจาก 400 แห่งอาชีวะ  วิทยาลัยเทคนิคสตูลสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาแล้ว  แม้เด็กเราไม่มีตัวเลือกมากแต่ก็สามารถคว้าการแข่งขันทักษะชนะเลิศมาแล้วหลายรายการ…ผอ.วิทยาลัยเทคนิค  กล่าวทิ้งท้าย 

         วันนี้เกิดคำถามมากมาย  ถึงอาชีวศึกษาทั้ง 3 วิทยาลัยไม่มีศักยภาพพอ  ที่จะพัฒนาฝีมือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถในการประกอบอาชีพเท่ามหาวิทยาลัยได้ หรือ จังหวัดสตูล พัฒนาได้โดยไม่ต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาที่จัดให้คนทุกช่วงวัย

……………………………….

อัพเดทล่าสุด