Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ชวนมาชาร์ตแบต กับทริปเที่ยวสุดฟิน  “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ตำบลปาล์มพัฒนา จ.สตูล

สตูล-ชวนมาชาร์ตแบต…กับทริปเที่ยวสุดฟิน  “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ตำบลปาล์มพัฒนา จ.สตูล

          อบต.ปาล์มพัฒนา  ชวนผู้สื่อข่าวร่วมค้นหา  และโปรโมท  สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่  มาแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติบริสุทธิ์  นั่นคือ “คลองละงู” ที่ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล

          ที่นี่  มีความพิเศษคือ  เป็นแหล่งรวมสายน้ำจากที่ต่างๆ มาที่นี่  ทำให้มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี  ทางอบต.จึงได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” ที่จะพาคุณสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด  เริ่มต้นการผจญภัยของเราที่หมู่10 คลองละงู จุดรวมของน้ำจากแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  ทั้งน้ำที่มาจากน้ำตกวังสายทอง  ถ้ำระฆังทอง  และถ้ำเจ็ดคต

          การล่องแพใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง  โดยทางอบต.ฯ มีแพไม้ไผ่ให้บริการทั้งหมด 8 ลำ แต่ละลำรับผู้โดยสารได้ 8-10 คน รวมแล้วรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 50 คนเลยทีเดียว และสำหรับคนรักความท้าทาย ยังมีบริการเรือคายัคด้วย

          ระหว่างล่องแพ คุณจะได้ชื่นชมวิวสองฝั่งคลองที่เต็มไปด้วยสวนปาล์ม สวนยาง สวนทุเรียน และสวนผลไม้นานาชนิด พร้อมกับความงามของดอกไม้ริมน้ำ  โดยเฉพาะดอกกระดิ่งนางฟ้าที่บานสะพรั่งในแหล่งน้ำใสสะอาด

          นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน  ที่มาหาปลาและหอยโล่ซึ่งหายาก  ที่ชาวบ้านกำลังช่วยกันอนุรักษ์  เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ได้ทั้งความสวยงาม  และวัฒนธรรมท้องถิ่นในคราวเดียวกัน

          ที่พิเศษไปกว่านั้น คุณยังสามารถจิบกาแฟ ชมวิว ปิ้งย่าง และหาปลาได้ระหว่างล่องแพ อย่างที่เขาว่ากัน  “ปลาโสด  เราโสด” ใครจะรู้ อาจได้ทั้งปลาและคู่กลับบ้านก็ได้นะคะในทริปนี้

          คลองแห่งนี้เปิดให้บริการตลอดทั้งปี  โดยมีจุดขึ้น-ลงเรือที่สะดวกสบาย ลงที่ท่าสะพานเสือ  หมู่ที่ 10 และขึ้นที่ท่าเรือสะพาน 100 เมตร ในหมู่บ้านเดียวกันพร้อมทั้งจุดเล่นน้ำ

           นายภาณุ  เพชรประดับ นายก อบต.ปาล์มพัฒนา เผยว่า  อยากผลักดันให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สำหรับคนรักธรรมชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านที่พร้อมใจกันดูแลรักษาป่าและแหล่งน้ำ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงและส่งต่อให้ชุมชนได้สร้างงาน สร้างอาชีพในการผืนป่าต้นน้ำต่อไป

          สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยว “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” ที่คลองละงู สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อบต.ปาล์มพัฒนา หรือ  คุณมล โทร. 061-235-7296 หรือติดตามข่าวสารได้ทางเฟซบุ๊กของ อบต. ปาล์มพัฒนา

          มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมอิ่มอร่อยกับปิ้งย่างริมน้ำ  ที่ตำบลปาล์มพัฒนากันนะคะ รับรองว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือนอย่างแน่นอนค่ะ

…………………..

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

โกปี้ ชุมชนสะพานเคียน ภูมิปัญญาท้องถิ่นสตูลที่หอมกรุ่นนาน 27 ปี

สตูล-โกปี้ ชุมชนสะพานเคียน ภูมิปัญญาท้องถิ่นสตูลที่หอมกรุ่นนาน 27 ปี

         ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล  มีกลิ่นหอมของกาแฟคั่วลอยอบอวลอยู่ในอากาศ  นี่คือชุมชนสะพานเคียน หมู่ที่ 2 ต.ควนโดน อ.ควนโดน  แหล่งผลิตกาแฟโบราณที่สืบทอดภูมิปัญญามาอย่างยาวนาน

 

         กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรสะพานเคียน  ยังคงรักษาวิธีการผลิตกาแฟแบบดั้งเดิม  โดยใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์พื้นเมืองโรบัสต้า คั่วด้วยเตาถ่านนานถึง 2 ชั่วโมง จนได้กลิ่นหอมและรสชาติกาแฟที่เข้มข้น

 

          นางสุดา (ก๊ะดา)  มาลินี รองประธานกลุ่ม ฯ บอกว่า  นางฉ๊ะ   แกสมาน ประธานฯกลุ่มและพวกเราทำกาแฟโบราณมานานกว่า 27 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก แม้จะทำได้ไม่มากเท่าแต่ก่อนเพราะขาดแคลนวัตถุดิบ แต่เราก็พยายามรักษาสูตรดั้งเดิมไว้ด้วยความภาคภูมิใจให้รุ่นลูกหลานได้เห็น”

 

          นอกจากกาแฟผงพร้อมชงแล้ว ทางกลุ่มยังผลิตกาแฟพร้อมดื่มบรรจุขวด และกำลังพัฒนาสบู่จากกากกาแฟอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 160 บาท

 

         กาแฟโบราณยังมีเรื่องราวน่าสนใจ ในอดีตเมื่อคั่วกาแฟ ชาวบ้านจะนำน้ำตาลที่คั่วแจกจ่ายให้เด็ก ๆ เป็นขนมหวาน เรียกว่า “หูร่า” ในภาษาท้องถิ่น มีรสชาติหวานเข้มคล้ายทอฟฟี่

         นายวริช  วิชิต  รองผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสตูล  บอกว่า   “ททท.ได้ส่งเสริมอาหารพื้นถิ่นของที่นี่ ซึ่งมีความหลากหลายและน่าสนใจมาก นักท่องเที่ยวสามารถมาลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นข้าวยำน้ำบูดู ข้าวมันไก่ ข้าวเหนียวปลาเค็ม กาแฟโบราณ  หรือขนมอาปมแลหงัง ที่ชุมชนสะพานเคียนแห่งนี้”

 

         กาแฟโบราณสะพานเคียน ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ หากมีโอกาสมาเยือนจังหวัดสตูล อย่าลืมแวะมาสัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟโบราณที่ชุมชนสะพานเคียนแห่งนี้

 

          ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่โทร. 080 112 9016 ก๊ะดา และ 087-285 8251 เบอร์ประธาน

อัพเดทล่าสุด
Categories
เยาวชน-การศึกษา

 สตูลปั้นเชฟตัวน้อย ต่อยอดอาชีพให้โรงเรียนขยายโอกาส

สตูลปั้นเชฟตัวน้อย ต่อยอดอาชีพให้โรงเรียนขยายโอกาส

         ขนมโดนัทหลากหลายสีสันที่ชวนให้รับประทานและขนมไทยเหล่านี้เป็นฝีมือของน้องๆนักเรียนที่โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง หมู่ที่ 1 ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ที่เด็กๆทุกคนเข้าร่วมโครงการฝึกอาชีพได้ช่วยกันทำออกมา  เพื่อเป็นอาหารว่าง ส่งขายสหกรณ์โรงเรียน  และตามออเดอร์สั่ง  โดยมีคุณครูช่วยเป็นพี่เลี้ยง

          โดยน้องๆบอกว่าโดนัทจิ๋วมีส่วนผสมไม่มาก อาทิ  แป้งเค้ก  ไข่ไก่  น้ำตาลทราย  นมจืด   ผงฟู   เกลือ เป็นต้น   เด็กๆพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชื่นชอบขนมชนิดนี้เนื่องจากมีสีสันสวยงามชวนรับประทาน  และสนุกกับการได้ตกแต่งหน้าตาของโดนัทจิ๋ว  นอกจากนี้ก็ยังมีการฝึกขนมไทยอย่างขนมลืมกลืน  น้ำเครื่องดื่มที่นิยมรับประทานกัน ทั้งชาเขียวชาเย็นและน้ำเก๊กฮวย   ทำเสริมเป็นชุดเบรคในห้องประชุมต่างๆ

อัพเดทล่าสุด

         นางสาวสุพัชรี  ขำนุรักษ์  นักเรียน ชั้น ม.3  โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง ต.วังประจัน  บอกว่า ชื่นชอบการทำขนมมาก อยากเปิดร้านคาเฟ่เป็นของตัวเอง อยากแต่งหน้าเค้กและทำเมนูที่มีลาวาไหลออกมาจากขนมโดยส่วนตัวก็ชื่นชอบทานขนมเหล่านี้ด้วย

         โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง  เป็นโรงเรียนขยายโอกาสขนาดเล็ก  มีนักเรียนเพียง 140 คน การนำอาชีพมาฝึกสอนให้กับเด็ก ถือเป็นการฝึกทักษะและหาประสบการณ์ ให้กับเด็กที่ชื่นชอบและหลงรักในการทำอาหารและขนม ซึ่งได้มีการทำ MOU ร่วมกันกับวิทยาลัยเทคนิคสตูลในการเข้ามาฝึกสอนเสริมความรู้ให้  เพื่อให้เด็กได้รู้ตัวตนของตัวเองหากชื่นชอบจะได้มีการต่อยอดด้านการเรียนรู้  ในการสร้างงานและรายได้ต่อไป

        นางสาวนาฎนธี  ผิวเหลือง  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง  บอกว่า  เมนูอาหารว่าง  ทุกครั้งที่มีหน่วยงานมาดูงานที่โรงเรียนอยากโชว์ให้หน่วยงานที่สนใจ และหน่วยงานที่สนับสนุนได้เห็นว่ามีการพัฒนาฝีมือและสนับสนุนของน้องๆนักเรียน นอกจากจะเป็นการก่อให้เกิดรายได้ระหว่างเรียนแล้วเด็กสามารถนำไปต่อยอดเรียนต่อในสาขาอาชีพที่เขารักในด้านนี้ได้  เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักเรียนเพื่อจะได้ค้นหาตัวเองให้เจอ  และมีวิทยาลัยที่จะแนะนำเพื่อต่อยอดส่งเสริมด้านอาชีพต่อไป

          สำหรับหน่วยงานใดหรือองค์กรใดสนใจจะรับอาหารเบรคอุดหนุนนักเรียน  สามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรังโทร 088-789 4418 

……….

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

        “จำปูลิ้ง”  ภาษามลายูเรียก  อินเต๊ะ  เป็นผลไม้ที่พบเห็นได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ บางพื้นที่จะรู้จักกันในชื่อ จำปูรี  จำไหร หรือ มะไฟลิง ตามแต่ละถิ่นที่จะเรียก โดยแต่ละปีจะให้ผลผลิตเพียง1 -2 ครั้งเท่านั้น  ตามฤดูกาลผลสุกจะเริ่มมีทยอยออกมาให้เห็นมากในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม ของทุกปี

 

       ผลไม้ป่าพื้นบ้านภาคใต้ พบได้ตามพื้นที่ป่าเชิงเขา ที่ราบริมเขา ที่มีดินร่วมปนทราย ลักษณะคล้ายมะไฟหรือละไม แต่ผลมีขนาดผลเล็กกว่า เป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เปลือกผลแข็งกรอบ ผลและยอดใช้แกงเลียง แกงส้มได้ ผลสุกสีเหลืองส้มกินได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว

 

        ต้นจำปูลิ้งสูง20 เมตร  ปลูกมานานเกิน 50 ปี บนพื้นที่ 9 ไร่บ้านวังประจัน หมู่ที่ 2 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  ผลไม้ป่าที่บรรพบุรุษเก็บไว้ให้หลังเข้ามาทำกินในบริเวณนี้  มี 2 ต้น  ให้ผลผลิตทุกปี ให้ผลผลิตมากสุด 600 กิโลเมตร  ขายกิโลกรัมละ60 บาท

         นายรอศักดิ์  นาปาเลน อายุ 54 ปี บอกว่า ทันทีที่ผลจำปูลิ้งสุก จะต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ในการขึ้นไปเพราะมันสูงมาก จะเก็บผลที่สุกเหลืองเข้มเท่านั้น 

 

          นางกาญจนา  นาปาเลน อายุ 53 ปี บอกว่า จำปูลิ้งให้ผลผลิตปีละครั้ง เป็นผลไม้ป่าไม่เหมาะส่งไปขายต่างจังหวัด เพราะรสชาติจะเสีย เป็นผลไม้ป่าพื้นถิ่นที่อยู่คู่สตูลมานาน ขายในตลาดศาลากลางและตลาดธกส.จ.สตูลเท่านั้น

 

          ที่สวนเป็นสวนออแกนิก ผลไม้หลายชนิดได้รับการรับรอง ไม่ว่าจะเป็นเงาะ มะพร้าว กระท้อนและจำปูลิ้ง  ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้วย  สำหรับพันธุ์จำปูลิ้งจะเพาะพันธุ์ได้ยากกว่าผลไม้ชนิดอื่น  สามารถแปรรูปเป็นไอศกรีมได้ แต่ทานสดจะได้รับความนิยมกว่า  ในกลุ่มคนที่เคยทาน

 

          แนะนำให้แกะเปลือกอย่างเบามือ ห้ามมือถูกเม็ดในผลจำปูลิ้งเพราะคนโบราณบอกว่า จะทำให้มีรสชาติเปรี้ยวได้  เวลาทานให้อมใช้ลิ้นดันให้เม็ดแตกในปากแล้วกลืน

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม   

สตูล-คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม 

         ยังมีอยู่จริง!! สำหรับอาหารในตำนาน 112 ปีที่ไม่ควรพลาด  ครั้งหนึ่งต้องไปชิมแล้วจะติดใจ  และหวนให้คิดถึงบรรยากาศวันวาน  สำหรับร้านอาหารติดอันดับ  1 ใน 10  อายุ 100 ปีขึ้นของประเทศไทย  ที่กระทรวงวัฒนธรรม  มอบเกียรติบัตรให้  ต้องร้านนี้  “ไอติม เมืองทองสตูล”   ตั้งอยู่ใจกลางเมือง  ริมถนนสมันตประดิษฐ์   ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล  ที่เปิดมานานปัจจุบันรุ่นที่ 3 ที่ดูแลกิจการต่อกับเมนูไอติม  ที่มีหลากหลายทั้งเมนูวันวาน  ในอดีตที่ขึ้นชื่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างไอติมรวมมิตร ,ไอติมไข่แข็ง ,ไอติมปั่นนมสด , ไอติมกะทิลูกชิด , และไอติมวานิลลา, มะม่วง ,เผือก,ทำเองทั้งหมด

 

        ลูกค้าหลายคนบอกว่า  รสชาติที่ถึงเครื่องเหมือนเดิม  ทำให้ยังคงหลั่งไหลแวะมากินกันไม่ขาดสาย  ทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่าที่อยากรื้นฟื้นวันวาน เพราะร้านนี้ในอดีตถือว่าเป็นร้านที่นิยมที่สุดในช่วงเวลานั้น  ไม่มีใครไม่รู้จัก โดยเฉพาะเมนู ไอติมไข่แข็ง(ไม่ได้กลิ่นคาวไข่แม้แต่น้อย)   ไอติมรวมมิตรที่ใส่เครื่องจุก ๆ ทั้งขนุน ลอดช่องที่รสชาติชัดเจนชวนหลงใหล ,ไอติมราดซุปข้าวโพด ,ไอติมลูกชิด, มีขายเป็นถ้วยละ 25 บาท 4 ลูก หรือจะซื้อกลับบ้านก็มีขายเป็นกล่องมีตั้งแต่ 60 บาท 130 บาทหรือ 250 บาท ,หรือจะสั่งเป็นไอติมถัง ราคา 1,200 บาท สามารถติดต่อได้ที่  081 679 7223  หรือเพจไอติมเมืองทองสตูล

          ด้านนางเบญจวรรณ  อรัญรัชชพิศาล  เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 อายุ 60 ปี บอกว่า คุณพ่อรุ่นที่ 2 ยังคงอยู่  แต่ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำไอติม  จึงส่งต่อให้พวกตน  สืบทอดความอร่อย และภูมิใจที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมยกให้เป็นหนึ่งใน 10 ร้านทั่วประเทศที่มีอายุ 100 ปีขึ้น ซึ่งขณะนี้ร้านไอติมเมืองทองมีอายุได้ 112 ปีแล้ว (โดยเปิดเมื่อปี 2455)  ก็ยังคงขายอยู่ทุกวันเปิด 8 โมงเช้า ถึง 21 นาฬิกา

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

          กาแฟโบราณในยุคเศรษฐกิจฝืดน่าจะตอบโจทย์คอกาแฟและคอชา  วันนี้ชี้เป้าของถูกมาที่จังหวัดสตูล  ซอยคลองขุด 29 (หรือซอยทรายทอง)  หรือที่หลายคนรู้จักในนามซอยเอวหัก ติดตลาดนัดวันอาทิตย์    กับร้านกาแฟดั้งเดิมหรือร้านกาแฟในตำนาน   “ร้านบังอาด” ก็ว่าได้   ที่ขายมานานกว่า 56  ปี  มีการสืบต่อเป็นรุ่นที่ 2

          ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะในการชงชา ขายเพียงแก้วละ 5 บาท  ชาเย็น (sizeถุงน้ำตาล 1 กิโลกรัม) ขายเพียง 15 บาท  ส่วนลีลาการชงชาก็ไม่ธรรมดาชงคู่ชนิดที่ลูกค้าลุ้นกลัวว่าจะหก  แต่พ่อค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  ใช้ทักษะการชงอย่างช่ำชอง  และชำนาญ

          ที่ร้านนี้จะเปิดขาย 2 เวลา  คือตั้งแต่ 05 : 30 น. – 12 : 00 น.  และ 14:00 น ถึง 17:00 น ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ขายแค่ครึ่งเช้าเท่านั้น  ลูกค้าส่วนใหญ่จะหมุนเวียนกันมาซื้อไม่ขาดสาย มีทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกสมัยรุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก  ด้วยรสชาติ  ปริมาณและราคาที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 

          ลูกค้ารายหนึ่งบอกว่า  เป็นลูกค้ามานานกว่า 4 ปีแล้วชื่นชอบเมนูกาแฟเย็นและเมนูชาเย็น  ทุกครั้งที่มาซื้อก็จะนำแก้วส่วนตัวมาใส่ก็ขายราคาเดียวกันคือ 15 บาท รสชาติเข้มข้น ราคาสบายกระเป๋า  ตอบโจทย์เป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันที่เข้าของแพง  หากไปซื้อร้านอื่นก็จะขายตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไปแต่ร้านนี้ขายเพียง 15 บาทเท่านั้น

         นายเดช  หวันยาวา อายุ62 ปี  เจ้าของร้านบอกว่า   เมนูที่ขายดีคือชาเย็นเป็นชาที่มาจากประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้าน   สำหรับ ร้านกาแฟนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวพวกตนเป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่พ่อได้จากไปก็มาสืบทอดกันขายกาแฟต่อ  โดยมีตนเป็น พี่ชายคนโตและรองน้องคนสุดท้องมาช่วยสับเปลี่ยนกันขาย   ได้ขายกาแฟ-ชาเย็นในราคานี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ   คือแตอ้อร้อนแก้วละ 5 บาท  โกปี้อ้อร้อน 5 บาท โอวัลตินร้อน 8 บาท โอเลี้ยงชาเย็นถุงเล็กถุงละ 10 บาท,ส่วนถุงใหญ่บิ๊กขายเพียงถุงละ 15 บาท (ทานได้ถึง 2 คน)  ทานกับขนมที่ชาวบ้านมาฝากขายข้าวเหนียวปลาเค็ม 10 บาท  ,ขนมบาดะ 5 บาท จูจุ่น 5 บาท ,ข้าวเหนียวสังขยา 5 บาท  ข้าวเหนียวหน้ากุ้งและหน้ามะพร้าวห่อละ 5 บาท  พูดง่ายๆมีเพียง 20 บาทมื้อเช้าก็สามารถมาทานที่ร้านของตนได้

         ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อที่ยังคงมาอุดหนุนกันเหมือนเดิม   และเด็กรุ่นใหม่ก็จะแวะเวียนกันไม่ขาดสายเชื่อว่าชื่นชอบในคุณภาพ,ปริมาณ,รสชาติและราคา พร้อมยืนยันว่าจะขายราคานี้ตลอดไป  อยากให้ทุกคนได้กินในราคาย่อมเยาโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

         สำหรับร้านนี้เป็นร้านกาแฟในตำนานที่ยังคงความเป็นร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน  ไม่รับเงินโอน ไม่มีพร้อมเพย์ ต้องเงินสดเท่านั้นถึงจะใช้บริการที่ร้านนี้ได้  (แต่!!ยกเว้นหากน้องสาวอยู่ในช่วงเช้าก็สามารถโอนได้)

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

          บนถนนยนตรการกำธร ตรงข้ามสำนักงาน อบจ.สตูล ทุกวันในเวลา 15 นาฬิกาเป็นต้นไป พ่อค้าวัย 39 ปี รุ่นที่2 พร้อมภรรยา  กำลังสารวนช่วยกันหยอดขนมครกโบราณสูตรคุณแม่  ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 50 ปีเตรียมพร้อมขายลูกค้า

         โดยมีรสชาติที่รังสรรค์ขึ้นมาเพิ่มเติมจากสูตรคุณแม่ คือรสชาติดั้งเดิม  เป็น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ใบเตย อัญชัน โดยแป้งขนมครกจะทำขึ้นเองใหม่สดทุกวัน  ทางร้านทำขายวันละ 3-4 กิโลกรัม ขาย 8 คู่ 20 บาท แพคเกจห่อด้วยใบตองตามแบบฉบับโบราณ

          นายพรชัย  สุวรรณพัฒน์ อายุ 39  ปี (หรือคุณป้อม)  ทายาทรุ่นที่2 ของคุณแม่เตื้อน  หรือที่หลายคนรุ่นแรก ๆ รู้จักเรียกว่า  ขนมครกป้าเตื้อน  เตา ถ่าน (ซอยโรงลังเปลวจีน) วัดมงคลมิ่งเมือง จ.สตูล วัย 77 ปีที่วางมือแล้ว  เป็นสูตรที่สืบทอดต่อด้วยการทำแป้งเองใหม่สดทุกวัน  เดิมทีตนมีอาชีพเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์เมื่อไม่มีงานก็จะหันมาขายขนมครกเป็นอาชีพเสริม  แต่ปัจจุบันก็จะแบ่งหน้าที่เพื่อให้ได้ทำทั้ง 2 อาชีพ ในการหาเลี้ยงครอบครัวและลูก  เมื่อย้ายมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็นำอาชีพที่คุณแม่ให้ไว้มาขายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว เพราะเคยหยุดไปพักหนึ่งจากโควิดก็ยังมีลูกค้าเก่าๆตามมาซื้อ

          ลูกค้าเก่าเจ้าประจำรายสหนึ่ง  ยอมรับว่า  เป็นลูกค้ามานานแล้วชอบซื้อขนมครกเจ้านี้โดยเฉพาะรสชาติของข้าวไรซ์เบอรี่และใบเตย  มีความอร่อยและรสชาติชัดเจน อีกทั้ง   ชอบในอัธยาศัยของพ่อค้า พูดจาดีอยากให้หลายคนมาอุดหนุน

          พ่อค้าป้อม  บอกว่า  สำหรับคนที่มองหาอาชีพ  ไม่รู้จะทำอะไรดีแนะนำให้มองหาอาชีพที่ถนัดและคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก  เชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีและแก้ปัญหาได้  เหมือนอย่างตนไม่ได้รู้สึกอับอายที่หลายคนมองว่าการขายขนมครกน่าจะเป็นผู้หญิง  และยิ่งเห็นว่าหากไม่อายทำกินก็สามารถมีงานสร้างรายได้อีกทาง  เพื่อเลี้ยงครอบครัวในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน

          สำหรับลูกค้าที่สนใจอยากจะซื้อสั่งเป็นอาหารเบรค หรือรับทำนอกสถานที่  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 096-386 8354

……………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชน  เปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

สตูล – พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชนเปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

           สัมผัสหมอกไหลของแสงแรกในยามเช้ามุม 360 องศา  จากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 80 เมตร ที่เขาบอฆ๊ะ  ป่าชุมชนบ้านทางงอ  ตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ที่แห่งนี้กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะได้ช่วยกันดูแลและผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

         

         เส้นทางเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า  ที่กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ จะเป็นไกด์ท้องถิ่นนำนักท่องเที่ยว โดยทริปนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล ได้ขึ้นไปสำรวจเพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยว  ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น  โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดผจญภัย  สลับกับเส้นทางที่สร้างขึ้น  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มสามารถขึ้นไปสัมผัส  ความสวยงามของธรรมชาติป่าชุมชน ณ ที่แห่งนี้ได้

         

        โดยตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามของผืนป่า ดอกไม้นานาที่ขึ้นแซมซอกหิน  โดดเด่นสวยงาม  ต้นไม้หายากอย่างต้นปรงเขา หรือต้นบอฆ๊ะ  ต้นรองเท้านารีขาวสตูล ต้นบอนดำ และหากโชคดีก็จะพบกับเลียงผา  ในป่าชุมชนแห่งนี้  เส้นทางขึ้นสำหรับคนที่ร่างกายปกติใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็จะสามารถพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะได้แล้ว  นักท่องเที่ยวก็จะตื่นตาตื่นใจกับวิว 360 องศา อากาศที่สดชื่น มองไกลเห็นวิวรอบหมู่บ้านและชมแสงยามเช้าสัมผัสกับหมอกไหลที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมาให้

         นายบักรินทร์ ผลาอาด  ประธานกลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ บ้านทางงอ  บอกว่า หลังสถานการณ์โควิดทางเขาบอฆ๊ะได้ปรับปรุงมีจุดอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและยังมีจุดให้ผญจภัย และจะเพิ่มในจุดสอนการปีนไต่เขาให้นักท่องเที่ยวด้วย   โดยมีนักท่องเที่ยวอายุสูงสุด 82 ปี และคนที่น้ำหนัก 150 กิโลกรัมขึ้นพิชิตยอมเขาบอฆ๊ะมาแล้ว แต่อาจจะใช้เวลาในการขึ้นที่แตกต่างกัน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะมาท่านใดสนใจขึ้นชมวิวติดต่อ (081-096-5901  บักรินทร์ , 093-594-5536 สิท,095-272-6871 เชด)   ทางกลุ่มจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยแนะนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วแต่จิตศรัทธา

         

       นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล  บอกว่า  การท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรองที่ห้ามพลาด  การท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ชวนนักท่องเที่ยวปีนป่ายเขา ชมสายหมอก และแสงตะวันยามเช้า และชมดาวยามค่ำคืนเพื่อ พิชิตบนยอดเขาบอฆ๊ะ   บ้านทางงอ  สถานที่ท่องเที่ยวแบบท้าทายในผืนป่าชุมชน  ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

         

         หลังขึ้นพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ แล้วชวนชิมอาหารชุมชนทางขึ้นเขามีทั้ง ขนมจีน ข้าวยำสมุนไพร ข้าวแกงปรุงใหม่สด ข้าวเหนียวปลาเค็ม เต็มอิ่มกับบุพเฟต์ผักสด จิบชาร้อน ๆ ตามแบบฉบับสัมผัสวิถีชุมชน

……………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

สตูล.. กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

         ที่จังหวัดสตูลถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง  โดยเมล็ดพันธุ์นี้ได้สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน  และเพื่อเป็นการตอกย้ำและการันตี  ที่วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  ภายใต้แบรนด์ “โกปี้กู  กาแฟคั่วมือ” ภูมิใจนำเสนอเมนูสุขภาพสำหรับคอกาแฟ  สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในเมล็ดพันธุ์กาแฟโรบัสต้ากับเมนู  ต้มยำกาแฟโรบัสต้า

          ที่มีส่วนผสมจุกๆด้วยสมุนไพรไทย  อาทิ ตะไคร้ ,  ข่า , มะนาวและใบมะกรูด, โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาโขลกรวมกัน  จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดใส่น้ำแข็งนิดหน่อยแล้วใส่แก้วเช็กก่อนที่จะนำมากรอง  เมื่อได้น้ำเบสของต้มยำสมุนไพรแล้ว  เทลงใส่แก้วที่มีน้ำแข็งรองรับ  จากนั้น  นำกาแฟโรบัสต้าที่ผ่านการขั้วมือกลั่นออกมาแล้วเทลงไป  และตกแต่งด้วยใบมะกรูด ข่า  และพริกสด  เพื่อความสวยงามพร้อมเสิร์ฟ  สำหรับเมนูนี้มีราคาที่แก้วละ 65 บาท

         นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ทดลองชิม  และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  เป็นรสชาติที่ลงตัวและกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยได้ชิมที่ไหนมาก่อน  ส่วนผสมอาจจะดูแปลกตาก็ได้รสชาติของสมุนไพรไทยอย่างข่า และตะไคร้ที่เด่น มีรสเผ็ดนิดๆ ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพและทางเลือกให้กับลูกค้าได้ดีทีเดียว

         

         นายอนุรักษ์ ไปรฮูยัน วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  (ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง)   ยืนยันว่า  เมล็ดกาแฟที่ทางร้านใช้  เป็นสายพันธุ์โรบัสต้าที่มาจากกลุ่มกาแฟเป็นส่วนใหญ่  ที่ผ่านการคัดสรรและมีคุณภาพในพื้นที่จังหวัดสตูล  อีกทั้งเป็นแหล่งปลูกเมล็ดพันธุ์กาแฟที่เป็นเครือข่ายของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  มีที่มาที่ไป  นอกจากเมนูต้มยำกาแฟโรบัสต้าแล้ว  ยังมีเมนูกาแฟอีกมากกว่า 20 เมนู  รวมทั้งเมนูจำปาดะคอฟฟี่  ผลไม้ GI พื้นถิ่นจังหวัดสตูลก็มีจำหน่ายด้วย

 

          สำหรับทางร้าน(ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง) ตั้งอยู่ที่ริมถนนยนตรการกำธร ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล (เลยสามแยกตลาดควนโดน ซ้ายมือขาออกนอกเมือง)   ร้านเปิดปกติ เวลา 11:00-22:00น. โทร. 084  395 5667

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

สตูล-ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย   จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

           ที่สวนโชคนันทวดี  ตั้งอยู่ที่บ้านวังพะเนียด  หมู่ที่5 ต.เกตรี (อ่านว่าเกด-ตรี) อ.เมือง จ.สตูล พื้นที่แห่งนี้อยู่ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จะเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุในดิน ทำให้สวนมังคุดที่นี่  มีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค 

         

           นายมานพ   พูลแก้ว  เจ้าของสวนโชคนันทวดี  บอกว่า  เริ่มปลูกต้นมังคุดเมื่อปี 2535 จำนวน 100 ต้น บนพื้นที่ 8 ไร่  ในปี 2541-2542 เริ่มเก็บผลผลิตเป็นต้นมา  เคยได้ปริมาณมังคุดสูงสุดมากถึง 17 ตัน โดยการจัดการสวนมังคุดแบบคุณภาพ  ไม่ใช้สารเคมี ไม่เก็บผลผลิตลูกที่ตกลงพื้น คัดสรรสินค้าตามมาตรฐาน

           

          ในทุกเดือนกรกฎาคมของทุกปี  มังคุดคุณภาพจะเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาด  โดยจะส่งขายทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์  โดยปีนี้แม้ผลผลิตจะมีปริมาณน้อยแต่ราคาก็เป็นที่พอใจให้กับเกษตรกร  โดยมังคุดเกรด a ออนไลน์จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท (ลูกค้าซื้อ 5 กิโลกรัมคิดที่ 480 บาท) ส่วนมังคุดที่ส่งพ่อค้ารับไม่อั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 33 ถึง 35 บาท, และมังคุดผลสีดำทานในพื้นที่จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 ถึง 40 บาท 

 

          มังคุด  นอกจากจะทานสดยังสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายเมนู  อาทิ  แยมมังคุด, แกงส้มมังคุด,แล้ววันนี้ทางสวนได้สาธิต ส้มตำมังคุดที่รสชาติแซ่บเวอร์  กลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างดี  โดยมีเครื่องปรุงเดียวกับส้มตำคือ พริกสดและพริกแห้ง,กระเทียม,น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา,ถั่วฝักยาว,มะละกอที่หาได้ภายในสวนแห่งนี้, และผลมังคุดที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว  นำมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงของส้มตำจะได้รสชาติที่อร่อยแซ่บลงตัว

          นายเฉลิมพร   ศรีสวัสดิ์   เกษตรอำเภอเมืองสตูล   ยืนยันว่า  สวนมังคุดคุณภาพแปลงนี้  เป็นแปลงเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร แล้วยังเป็นแปลงเรียนรู้ที่เกษตรกรสนใจจะปลูกมังคุดคุณภาพ  มาเรียนรู้ในแปลงแห่งนี้ ยังเป็นแปลงที่ได้มาตรฐาน GAP ตั้งแต่ปี 2552 พร้อมเชิญชวนเกษตรกรมาทำแปลงคุณภาพเพื่อช่วยยกระดับสินค้าผลผลิต ให้ได้มาตรฐานปลอดภัย  เพราะมีผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมีความต้องการสินค้าคุณภาพจำนวนมาก

          สนใจติดต่อสอบถามได้ทางออนไลน์ “สวนโชคนันทวดี”  โทร.083-191-2628

…………….

อัพเดทล่าสุด