Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

        “จำปูลิ้ง”  ภาษามลายูเรียก  อินเต๊ะ  เป็นผลไม้ที่พบเห็นได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ บางพื้นที่จะรู้จักกันในชื่อ จำปูรี  จำไหร หรือ มะไฟลิง ตามแต่ละถิ่นที่จะเรียก โดยแต่ละปีจะให้ผลผลิตเพียง1 -2 ครั้งเท่านั้น  ตามฤดูกาลผลสุกจะเริ่มมีทยอยออกมาให้เห็นมากในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม ของทุกปี

 

       ผลไม้ป่าพื้นบ้านภาคใต้ พบได้ตามพื้นที่ป่าเชิงเขา ที่ราบริมเขา ที่มีดินร่วมปนทราย ลักษณะคล้ายมะไฟหรือละไม แต่ผลมีขนาดผลเล็กกว่า เป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เปลือกผลแข็งกรอบ ผลและยอดใช้แกงเลียง แกงส้มได้ ผลสุกสีเหลืองส้มกินได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว

 

        ต้นจำปูลิ้งสูง20 เมตร  ปลูกมานานเกิน 50 ปี บนพื้นที่ 9 ไร่บ้านวังประจัน หมู่ที่ 2 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  ผลไม้ป่าที่บรรพบุรุษเก็บไว้ให้หลังเข้ามาทำกินในบริเวณนี้  มี 2 ต้น  ให้ผลผลิตทุกปี ให้ผลผลิตมากสุด 600 กิโลเมตร  ขายกิโลกรัมละ60 บาท

         นายรอศักดิ์  นาปาเลน อายุ 54 ปี บอกว่า ทันทีที่ผลจำปูลิ้งสุก จะต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ในการขึ้นไปเพราะมันสูงมาก จะเก็บผลที่สุกเหลืองเข้มเท่านั้น 

 

          นางกาญจนา  นาปาเลน อายุ 53 ปี บอกว่า จำปูลิ้งให้ผลผลิตปีละครั้ง เป็นผลไม้ป่าไม่เหมาะส่งไปขายต่างจังหวัด เพราะรสชาติจะเสีย เป็นผลไม้ป่าพื้นถิ่นที่อยู่คู่สตูลมานาน ขายในตลาดศาลากลางและตลาดธกส.จ.สตูลเท่านั้น

 

          ที่สวนเป็นสวนออแกนิก ผลไม้หลายชนิดได้รับการรับรอง ไม่ว่าจะเป็นเงาะ มะพร้าว กระท้อนและจำปูลิ้ง  ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้วย  สำหรับพันธุ์จำปูลิ้งจะเพาะพันธุ์ได้ยากกว่าผลไม้ชนิดอื่น  สามารถแปรรูปเป็นไอศกรีมได้ แต่ทานสดจะได้รับความนิยมกว่า  ในกลุ่มคนที่เคยทาน

 

          แนะนำให้แกะเปลือกอย่างเบามือ ห้ามมือถูกเม็ดในผลจำปูลิ้งเพราะคนโบราณบอกว่า จะทำให้มีรสชาติเปรี้ยวได้  เวลาทานให้อมใช้ลิ้นดันให้เม็ดแตกในปากแล้วกลืน

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม   

สตูล-คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม 

         ยังมีอยู่จริง!! สำหรับอาหารในตำนาน 112 ปีที่ไม่ควรพลาด  ครั้งหนึ่งต้องไปชิมแล้วจะติดใจ  และหวนให้คิดถึงบรรยากาศวันวาน  สำหรับร้านอาหารติดอันดับ  1 ใน 10  อายุ 100 ปีขึ้นของประเทศไทย  ที่กระทรวงวัฒนธรรม  มอบเกียรติบัตรให้  ต้องร้านนี้  “ไอติม เมืองทองสตูล”   ตั้งอยู่ใจกลางเมือง  ริมถนนสมันตประดิษฐ์   ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล  ที่เปิดมานานปัจจุบันรุ่นที่ 3 ที่ดูแลกิจการต่อกับเมนูไอติม  ที่มีหลากหลายทั้งเมนูวันวาน  ในอดีตที่ขึ้นชื่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างไอติมรวมมิตร ,ไอติมไข่แข็ง ,ไอติมปั่นนมสด , ไอติมกะทิลูกชิด , และไอติมวานิลลา, มะม่วง ,เผือก,ทำเองทั้งหมด

 

        ลูกค้าหลายคนบอกว่า  รสชาติที่ถึงเครื่องเหมือนเดิม  ทำให้ยังคงหลั่งไหลแวะมากินกันไม่ขาดสาย  ทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่าที่อยากรื้นฟื้นวันวาน เพราะร้านนี้ในอดีตถือว่าเป็นร้านที่นิยมที่สุดในช่วงเวลานั้น  ไม่มีใครไม่รู้จัก โดยเฉพาะเมนู ไอติมไข่แข็ง(ไม่ได้กลิ่นคาวไข่แม้แต่น้อย)   ไอติมรวมมิตรที่ใส่เครื่องจุก ๆ ทั้งขนุน ลอดช่องที่รสชาติชัดเจนชวนหลงใหล ,ไอติมราดซุปข้าวโพด ,ไอติมลูกชิด, มีขายเป็นถ้วยละ 25 บาท 4 ลูก หรือจะซื้อกลับบ้านก็มีขายเป็นกล่องมีตั้งแต่ 60 บาท 130 บาทหรือ 250 บาท ,หรือจะสั่งเป็นไอติมถัง ราคา 1,200 บาท สามารถติดต่อได้ที่  081 679 7223  หรือเพจไอติมเมืองทองสตูล

          ด้านนางเบญจวรรณ  อรัญรัชชพิศาล  เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 อายุ 60 ปี บอกว่า คุณพ่อรุ่นที่ 2 ยังคงอยู่  แต่ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำไอติม  จึงส่งต่อให้พวกตน  สืบทอดความอร่อย และภูมิใจที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมยกให้เป็นหนึ่งใน 10 ร้านทั่วประเทศที่มีอายุ 100 ปีขึ้น ซึ่งขณะนี้ร้านไอติมเมืองทองมีอายุได้ 112 ปีแล้ว (โดยเปิดเมื่อปี 2455)  ก็ยังคงขายอยู่ทุกวันเปิด 8 โมงเช้า ถึง 21 นาฬิกา

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

          กาแฟโบราณในยุคเศรษฐกิจฝืดน่าจะตอบโจทย์คอกาแฟและคอชา  วันนี้ชี้เป้าของถูกมาที่จังหวัดสตูล  ซอยคลองขุด 29 (หรือซอยทรายทอง)  หรือที่หลายคนรู้จักในนามซอยเอวหัก ติดตลาดนัดวันอาทิตย์    กับร้านกาแฟดั้งเดิมหรือร้านกาแฟในตำนาน   “ร้านบังอาด” ก็ว่าได้   ที่ขายมานานกว่า 56  ปี  มีการสืบต่อเป็นรุ่นที่ 2

          ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะในการชงชา ขายเพียงแก้วละ 5 บาท  ชาเย็น (sizeถุงน้ำตาล 1 กิโลกรัม) ขายเพียง 15 บาท  ส่วนลีลาการชงชาก็ไม่ธรรมดาชงคู่ชนิดที่ลูกค้าลุ้นกลัวว่าจะหก  แต่พ่อค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  ใช้ทักษะการชงอย่างช่ำชอง  และชำนาญ

          ที่ร้านนี้จะเปิดขาย 2 เวลา  คือตั้งแต่ 05 : 30 น. – 12 : 00 น.  และ 14:00 น ถึง 17:00 น ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ขายแค่ครึ่งเช้าเท่านั้น  ลูกค้าส่วนใหญ่จะหมุนเวียนกันมาซื้อไม่ขาดสาย มีทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกสมัยรุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก  ด้วยรสชาติ  ปริมาณและราคาที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 

          ลูกค้ารายหนึ่งบอกว่า  เป็นลูกค้ามานานกว่า 4 ปีแล้วชื่นชอบเมนูกาแฟเย็นและเมนูชาเย็น  ทุกครั้งที่มาซื้อก็จะนำแก้วส่วนตัวมาใส่ก็ขายราคาเดียวกันคือ 15 บาท รสชาติเข้มข้น ราคาสบายกระเป๋า  ตอบโจทย์เป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันที่เข้าของแพง  หากไปซื้อร้านอื่นก็จะขายตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไปแต่ร้านนี้ขายเพียง 15 บาทเท่านั้น

         นายเดช  หวันยาวา อายุ62 ปี  เจ้าของร้านบอกว่า   เมนูที่ขายดีคือชาเย็นเป็นชาที่มาจากประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้าน   สำหรับ ร้านกาแฟนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวพวกตนเป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่พ่อได้จากไปก็มาสืบทอดกันขายกาแฟต่อ  โดยมีตนเป็น พี่ชายคนโตและรองน้องคนสุดท้องมาช่วยสับเปลี่ยนกันขาย   ได้ขายกาแฟ-ชาเย็นในราคานี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ   คือแตอ้อร้อนแก้วละ 5 บาท  โกปี้อ้อร้อน 5 บาท โอวัลตินร้อน 8 บาท โอเลี้ยงชาเย็นถุงเล็กถุงละ 10 บาท,ส่วนถุงใหญ่บิ๊กขายเพียงถุงละ 15 บาท (ทานได้ถึง 2 คน)  ทานกับขนมที่ชาวบ้านมาฝากขายข้าวเหนียวปลาเค็ม 10 บาท  ,ขนมบาดะ 5 บาท จูจุ่น 5 บาท ,ข้าวเหนียวสังขยา 5 บาท  ข้าวเหนียวหน้ากุ้งและหน้ามะพร้าวห่อละ 5 บาท  พูดง่ายๆมีเพียง 20 บาทมื้อเช้าก็สามารถมาทานที่ร้านของตนได้

         ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อที่ยังคงมาอุดหนุนกันเหมือนเดิม   และเด็กรุ่นใหม่ก็จะแวะเวียนกันไม่ขาดสายเชื่อว่าชื่นชอบในคุณภาพ,ปริมาณ,รสชาติและราคา พร้อมยืนยันว่าจะขายราคานี้ตลอดไป  อยากให้ทุกคนได้กินในราคาย่อมเยาโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

         สำหรับร้านนี้เป็นร้านกาแฟในตำนานที่ยังคงความเป็นร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน  ไม่รับเงินโอน ไม่มีพร้อมเพย์ ต้องเงินสดเท่านั้นถึงจะใช้บริการที่ร้านนี้ได้  (แต่!!ยกเว้นหากน้องสาวอยู่ในช่วงเช้าก็สามารถโอนได้)

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

          บนถนนยนตรการกำธร ตรงข้ามสำนักงาน อบจ.สตูล ทุกวันในเวลา 15 นาฬิกาเป็นต้นไป พ่อค้าวัย 39 ปี รุ่นที่2 พร้อมภรรยา  กำลังสารวนช่วยกันหยอดขนมครกโบราณสูตรคุณแม่  ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 50 ปีเตรียมพร้อมขายลูกค้า

         โดยมีรสชาติที่รังสรรค์ขึ้นมาเพิ่มเติมจากสูตรคุณแม่ คือรสชาติดั้งเดิม  เป็น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ใบเตย อัญชัน โดยแป้งขนมครกจะทำขึ้นเองใหม่สดทุกวัน  ทางร้านทำขายวันละ 3-4 กิโลกรัม ขาย 8 คู่ 20 บาท แพคเกจห่อด้วยใบตองตามแบบฉบับโบราณ

          นายพรชัย  สุวรรณพัฒน์ อายุ 39  ปี (หรือคุณป้อม)  ทายาทรุ่นที่2 ของคุณแม่เตื้อน  หรือที่หลายคนรุ่นแรก ๆ รู้จักเรียกว่า  ขนมครกป้าเตื้อน  เตา ถ่าน (ซอยโรงลังเปลวจีน) วัดมงคลมิ่งเมือง จ.สตูล วัย 77 ปีที่วางมือแล้ว  เป็นสูตรที่สืบทอดต่อด้วยการทำแป้งเองใหม่สดทุกวัน  เดิมทีตนมีอาชีพเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์เมื่อไม่มีงานก็จะหันมาขายขนมครกเป็นอาชีพเสริม  แต่ปัจจุบันก็จะแบ่งหน้าที่เพื่อให้ได้ทำทั้ง 2 อาชีพ ในการหาเลี้ยงครอบครัวและลูก  เมื่อย้ายมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็นำอาชีพที่คุณแม่ให้ไว้มาขายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว เพราะเคยหยุดไปพักหนึ่งจากโควิดก็ยังมีลูกค้าเก่าๆตามมาซื้อ

          ลูกค้าเก่าเจ้าประจำรายสหนึ่ง  ยอมรับว่า  เป็นลูกค้ามานานแล้วชอบซื้อขนมครกเจ้านี้โดยเฉพาะรสชาติของข้าวไรซ์เบอรี่และใบเตย  มีความอร่อยและรสชาติชัดเจน อีกทั้ง   ชอบในอัธยาศัยของพ่อค้า พูดจาดีอยากให้หลายคนมาอุดหนุน

          พ่อค้าป้อม  บอกว่า  สำหรับคนที่มองหาอาชีพ  ไม่รู้จะทำอะไรดีแนะนำให้มองหาอาชีพที่ถนัดและคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก  เชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีและแก้ปัญหาได้  เหมือนอย่างตนไม่ได้รู้สึกอับอายที่หลายคนมองว่าการขายขนมครกน่าจะเป็นผู้หญิง  และยิ่งเห็นว่าหากไม่อายทำกินก็สามารถมีงานสร้างรายได้อีกทาง  เพื่อเลี้ยงครอบครัวในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน

          สำหรับลูกค้าที่สนใจอยากจะซื้อสั่งเป็นอาหารเบรค หรือรับทำนอกสถานที่  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 096-386 8354

……………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชน  เปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

สตูล – พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชนเปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

           สัมผัสหมอกไหลของแสงแรกในยามเช้ามุม 360 องศา  จากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 80 เมตร ที่เขาบอฆ๊ะ  ป่าชุมชนบ้านทางงอ  ตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ที่แห่งนี้กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะได้ช่วยกันดูแลและผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

         

         เส้นทางเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า  ที่กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ จะเป็นไกด์ท้องถิ่นนำนักท่องเที่ยว โดยทริปนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล ได้ขึ้นไปสำรวจเพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยว  ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น  โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดผจญภัย  สลับกับเส้นทางที่สร้างขึ้น  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มสามารถขึ้นไปสัมผัส  ความสวยงามของธรรมชาติป่าชุมชน ณ ที่แห่งนี้ได้

         

        โดยตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามของผืนป่า ดอกไม้นานาที่ขึ้นแซมซอกหิน  โดดเด่นสวยงาม  ต้นไม้หายากอย่างต้นปรงเขา หรือต้นบอฆ๊ะ  ต้นรองเท้านารีขาวสตูล ต้นบอนดำ และหากโชคดีก็จะพบกับเลียงผา  ในป่าชุมชนแห่งนี้  เส้นทางขึ้นสำหรับคนที่ร่างกายปกติใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็จะสามารถพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะได้แล้ว  นักท่องเที่ยวก็จะตื่นตาตื่นใจกับวิว 360 องศา อากาศที่สดชื่น มองไกลเห็นวิวรอบหมู่บ้านและชมแสงยามเช้าสัมผัสกับหมอกไหลที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมาให้

         นายบักรินทร์ ผลาอาด  ประธานกลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ บ้านทางงอ  บอกว่า หลังสถานการณ์โควิดทางเขาบอฆ๊ะได้ปรับปรุงมีจุดอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและยังมีจุดให้ผญจภัย และจะเพิ่มในจุดสอนการปีนไต่เขาให้นักท่องเที่ยวด้วย   โดยมีนักท่องเที่ยวอายุสูงสุด 82 ปี และคนที่น้ำหนัก 150 กิโลกรัมขึ้นพิชิตยอมเขาบอฆ๊ะมาแล้ว แต่อาจจะใช้เวลาในการขึ้นที่แตกต่างกัน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะมาท่านใดสนใจขึ้นชมวิวติดต่อ (081-096-5901  บักรินทร์ , 093-594-5536 สิท,095-272-6871 เชด)   ทางกลุ่มจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยแนะนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วแต่จิตศรัทธา

         

       นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล  บอกว่า  การท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรองที่ห้ามพลาด  การท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ชวนนักท่องเที่ยวปีนป่ายเขา ชมสายหมอก และแสงตะวันยามเช้า และชมดาวยามค่ำคืนเพื่อ พิชิตบนยอดเขาบอฆ๊ะ   บ้านทางงอ  สถานที่ท่องเที่ยวแบบท้าทายในผืนป่าชุมชน  ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

         

         หลังขึ้นพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ แล้วชวนชิมอาหารชุมชนทางขึ้นเขามีทั้ง ขนมจีน ข้าวยำสมุนไพร ข้าวแกงปรุงใหม่สด ข้าวเหนียวปลาเค็ม เต็มอิ่มกับบุพเฟต์ผักสด จิบชาร้อน ๆ ตามแบบฉบับสัมผัสวิถีชุมชน

……………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

สตูล.. กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

         ที่จังหวัดสตูลถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง  โดยเมล็ดพันธุ์นี้ได้สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน  และเพื่อเป็นการตอกย้ำและการันตี  ที่วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  ภายใต้แบรนด์ “โกปี้กู  กาแฟคั่วมือ” ภูมิใจนำเสนอเมนูสุขภาพสำหรับคอกาแฟ  สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในเมล็ดพันธุ์กาแฟโรบัสต้ากับเมนู  ต้มยำกาแฟโรบัสต้า

          ที่มีส่วนผสมจุกๆด้วยสมุนไพรไทย  อาทิ ตะไคร้ ,  ข่า , มะนาวและใบมะกรูด, โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาโขลกรวมกัน  จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดใส่น้ำแข็งนิดหน่อยแล้วใส่แก้วเช็กก่อนที่จะนำมากรอง  เมื่อได้น้ำเบสของต้มยำสมุนไพรแล้ว  เทลงใส่แก้วที่มีน้ำแข็งรองรับ  จากนั้น  นำกาแฟโรบัสต้าที่ผ่านการขั้วมือกลั่นออกมาแล้วเทลงไป  และตกแต่งด้วยใบมะกรูด ข่า  และพริกสด  เพื่อความสวยงามพร้อมเสิร์ฟ  สำหรับเมนูนี้มีราคาที่แก้วละ 65 บาท

         นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ทดลองชิม  และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  เป็นรสชาติที่ลงตัวและกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยได้ชิมที่ไหนมาก่อน  ส่วนผสมอาจจะดูแปลกตาก็ได้รสชาติของสมุนไพรไทยอย่างข่า และตะไคร้ที่เด่น มีรสเผ็ดนิดๆ ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพและทางเลือกให้กับลูกค้าได้ดีทีเดียว

         

         นายอนุรักษ์ ไปรฮูยัน วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  (ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง)   ยืนยันว่า  เมล็ดกาแฟที่ทางร้านใช้  เป็นสายพันธุ์โรบัสต้าที่มาจากกลุ่มกาแฟเป็นส่วนใหญ่  ที่ผ่านการคัดสรรและมีคุณภาพในพื้นที่จังหวัดสตูล  อีกทั้งเป็นแหล่งปลูกเมล็ดพันธุ์กาแฟที่เป็นเครือข่ายของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  มีที่มาที่ไป  นอกจากเมนูต้มยำกาแฟโรบัสต้าแล้ว  ยังมีเมนูกาแฟอีกมากกว่า 20 เมนู  รวมทั้งเมนูจำปาดะคอฟฟี่  ผลไม้ GI พื้นถิ่นจังหวัดสตูลก็มีจำหน่ายด้วย

 

          สำหรับทางร้าน(ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง) ตั้งอยู่ที่ริมถนนยนตรการกำธร ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล (เลยสามแยกตลาดควนโดน ซ้ายมือขาออกนอกเมือง)   ร้านเปิดปกติ เวลา 11:00-22:00น. โทร. 084  395 5667

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

สตูล-ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย   จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

           ที่สวนโชคนันทวดี  ตั้งอยู่ที่บ้านวังพะเนียด  หมู่ที่5 ต.เกตรี (อ่านว่าเกด-ตรี) อ.เมือง จ.สตูล พื้นที่แห่งนี้อยู่ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จะเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุในดิน ทำให้สวนมังคุดที่นี่  มีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค 

         

           นายมานพ   พูลแก้ว  เจ้าของสวนโชคนันทวดี  บอกว่า  เริ่มปลูกต้นมังคุดเมื่อปี 2535 จำนวน 100 ต้น บนพื้นที่ 8 ไร่  ในปี 2541-2542 เริ่มเก็บผลผลิตเป็นต้นมา  เคยได้ปริมาณมังคุดสูงสุดมากถึง 17 ตัน โดยการจัดการสวนมังคุดแบบคุณภาพ  ไม่ใช้สารเคมี ไม่เก็บผลผลิตลูกที่ตกลงพื้น คัดสรรสินค้าตามมาตรฐาน

           

          ในทุกเดือนกรกฎาคมของทุกปี  มังคุดคุณภาพจะเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาด  โดยจะส่งขายทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์  โดยปีนี้แม้ผลผลิตจะมีปริมาณน้อยแต่ราคาก็เป็นที่พอใจให้กับเกษตรกร  โดยมังคุดเกรด a ออนไลน์จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท (ลูกค้าซื้อ 5 กิโลกรัมคิดที่ 480 บาท) ส่วนมังคุดที่ส่งพ่อค้ารับไม่อั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 33 ถึง 35 บาท, และมังคุดผลสีดำทานในพื้นที่จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 ถึง 40 บาท 

 

          มังคุด  นอกจากจะทานสดยังสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายเมนู  อาทิ  แยมมังคุด, แกงส้มมังคุด,แล้ววันนี้ทางสวนได้สาธิต ส้มตำมังคุดที่รสชาติแซ่บเวอร์  กลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างดี  โดยมีเครื่องปรุงเดียวกับส้มตำคือ พริกสดและพริกแห้ง,กระเทียม,น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา,ถั่วฝักยาว,มะละกอที่หาได้ภายในสวนแห่งนี้, และผลมังคุดที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว  นำมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงของส้มตำจะได้รสชาติที่อร่อยแซ่บลงตัว

          นายเฉลิมพร   ศรีสวัสดิ์   เกษตรอำเภอเมืองสตูล   ยืนยันว่า  สวนมังคุดคุณภาพแปลงนี้  เป็นแปลงเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร แล้วยังเป็นแปลงเรียนรู้ที่เกษตรกรสนใจจะปลูกมังคุดคุณภาพ  มาเรียนรู้ในแปลงแห่งนี้ ยังเป็นแปลงที่ได้มาตรฐาน GAP ตั้งแต่ปี 2552 พร้อมเชิญชวนเกษตรกรมาทำแปลงคุณภาพเพื่อช่วยยกระดับสินค้าผลผลิต ให้ได้มาตรฐานปลอดภัย  เพราะมีผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมีความต้องการสินค้าคุณภาพจำนวนมาก

          สนใจติดต่อสอบถามได้ทางออนไลน์ “สวนโชคนันทวดี”  โทร.083-191-2628

…………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ถึงแล้ว!ฤดูจำปาดะ พืช GI ประจำถิ่นสตูล  ปีนี้ราคาผลไม้สูง จำปาดะทอดขายเม็ดละ 7 บาทก็ยังขายดี

ถึงแล้ว!ฤดูจำปาดะ พืช GI ประจำถิ่นสตูล  ปีนี้ราคาผลไม้สูง จำปาดะทอดขายเม็ดละ 7 บาทก็ยังขายดี

           เข้าสู่ฤดูผลไม้จังหวัดสตูลแล้ว  ทั้งทุเรียน  เงาะ มังคุด และลองกอง  โดยเฉพาะผลไม้ประจำถิ่นอย่าง  “จำปาดะ”  ผลไม้ที่ได้ถูกยกระดับเป็นพืช GI  ผลไม้ที่มีลักษณะคล้าย  ลูกขนุน  แต่ไม่ใช่ขนุน  ซึ่งหากใครมาจังหวัดสตูล ในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. จะได้รับประทานจำปาดะทั้งสดและแปรรูป  โดยเฉพาะในอำเภอควนโดน  มีการนำผลไม้ประจำถิ่น   จัดงานเทศกาลอาหารและผลไม้ของดี จ.สตูล “Food&Fruits Festival 2024  เพื่อส่งเสริมการขายและอนุรักษ์พืชประจำถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดสตูล

         สำหรับจำปาดะจังหวัดสตูล มีหลายสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะพันธุ์ขวัญสตูล  พันธุ์สตูลสีทอง น้ำดอกไม้ ทองเกษตร ดอกโดน วังทอง และพันธุ์พื้นเมือง นอกจากจะนำมาทานสด ๆ ได้รสชาติที่หวานกลมกล่อมแล้ว   จำปาดะยังสามารถแปรรูปได้หลากหลาย  ทั้งหม้อแกงจำปาดะ  เครื่องดื่มจำปาดะ  หรือว่า จำปาดะทอดที่นิยมรับประทานกันทั่วไปกินกับชาเย็น  โกปี้เมืองสตูลก็อร่อยสุด ๆ ในยามบ่าย

         สำหรับจำปาดะปีนี้ราคาดีมาก  เกษตรกรขายตั้งแต่กิโลกรัมละ 90-100 บาท  จำปาดะพันธุ์พืชบ้านขายกิโลกรัมละ 60 บาท ส่วนจำปาดะทอดปีนี้เม็ดใหญ่  ขายที่เม็ดละ 7 บาท  3 เม็ด 20 บาท   ส่วนเม็ดเล็กมาหน่อยพันธุ์พื้นเมืองขายที่ 7 เม็ด 20 บาท  แม้ราคาจะสูงไปหน่อย  แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค  ซื้อหากันมาก  เนื่องจากปีนี้ผลผลิตจำปาดะน้อยเนื่องจากติดแล้งที่ผ่านมา  ทำให้ราคาผลไม้ประจำถิ่นนี้มีราคาสูง  ความต้องการมาก

        ลูกค้า  หลายคนบอกว่าอร่อยทุกครั้งที่ได้กินจำปาดะ และชื่นชอบผลไม้ชนิดนี้มาก  ยิ่งได้กินกับชาเย็น หรือกาแฟ โกปี้ ก็จะยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย

        ขณะที่นางวรรณนภา   คงเคว็จ  เกษตรอำเภอควนโดน ยอมรับว่า  ผลไม้ปีนี้อาจจะมีน้อยแต่ความต้องการเยอะมาก เพราะติดภัยแล้งที่ผ่านมา ทำให้ราคาผลผลิตสูง โดยเฉพาะสายพันธุ์ขึ้นชื่ออย่าง ขวัญสตูล ทองเกษตร จะราคาดีปีนี้เกษตรกรสามารถขายเองได้ราคาดี โดยจะมีชุกใน 2 เดือนนี้

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

บริการฟรี! บีบนวดคลายเส้น คลายเอ็นจม อาการดีขึ้นขอถวายข้าว 1 ปิ่นโต  กล้วย 1 หวี และน้ำ 1 ขวด สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่จะบริจาคเพิ่ม ให้บริจาคกับสำนักสงฆ์ รายได้ทั้งหมด  เพื่อสร้างเมรุ ค่าน้ำค่าไฟ ชาวบ้านแห่ใช้บริการรักษาทางเลือก

สตูล – บริการฟรี! บีบนวดคลายเส้น คลายเอ็นจม อาการดีขึ้นขอถวายข้าว 1 ปิ่นโต  กล้วย 1 หวี และน้ำ 1 ขวด สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่จะบริจาคเพิ่ม ให้บริจาคกับสำนักสงฆ์ รายได้ทั้งหมด  เพื่อสร้างเมรุ ค่าน้ำค่าไฟ ชาวบ้านแห่ใช้บริการรักษาทางเลือก

           ที่สำนักสงฆ์บ้านนาแค หมู่ที่ 5 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  นอกจากชาวบ้านจะมาทำบุญตักบาตร ฟังเทศก์ธรรมกันแล้ว  ที่นี่ยังเป็นสถานที่บริการญาติโยม  ที่มีอาการปวดเมื่อยจับเส้นคลายเส้น   โดยเฉพาะกับพระ  ที่มีอาการอาพาธ  หรืออาการปวดเมื่อยเรื้อรัง หลังจากที่ไม่สามารถรักษาหายจากโรงพยาบาล 

 

           อาการปวดเมื่อยเรื้อรัง นิ้วล็อก  เอ็นจม ปวดสะโพกร้าวลงขา หลายคนเจ็บป่วยด้วยอาการนี้  มาให้หมอบ้านช่วยจับบีบคลายเส้น  โดยมี  นายประจวบ(หมอจวบ)   คงศรีทอง อายุ 55 ปี และ “หมอฤทธิ์” น้องชาย  2 คนพี่น้องชาวขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช  ที่มาตั้งรกรากที่สตูล  นำภูมิปัญญาด้านนวดคลายเส้นมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น   พ่อที่เป็นหมอบีบที่รู้จักกันดีชื่อ  “หมอคลี่”  ที่มานวดจับเส้นโดยบริการให้ฟรี  ไม่มีค่าแรง

         “หมอจวบ” อายุ 55 ปี บอกว่า   ความรู้ได้มาจากรุ่นสู่รุ่น  ด้วยพ่อก็เป็นหมอบีบคลายเส้นตามหมู่บ้าน จากจุดเริ่มต้นที่มาอยู่ตรงนี้   คือตามหลวงพ่อมาวัด  เห็นพระหลายรูปอาพาธ จึงอยากจะนำความรู้มาช่วยบรรเทาอาการ  และรักษาอาการเจ็บปวดจากการปวดเมื่อย เอ็นจม และอาการที่รักษาที่โรงพยาบาลแล้วไม่หาย  มาช่วยแนะนำและคลายเส้น  ให้แล้วไม่น้อยกว่า 60 คน  เจตนาใจจริงอยากช่วยให้หายเจ็บป่วย

         หากใครหาย  อาการดีขึ้นในเวลา 3 มื้อ (หรือ 3 วันที่ต่อเนื่อง) ขอแค่ให้นำอาหาร 1 ปิ่นโตกล้วย 1 หวีและน้ำ 1 ขวด  มาถวายที่สำนักสงฆ์บ้านนาแค  ส่วนใครจะให้ค่ารักษาแล้วแต่จิตศรัทธาถวายค่าน้ำ  ค่าไฟ  และสมทบทุนในการสร้างเมรุ  ให้กับทางสำนักสงฆ์เท่านั้น  โดยเปิดให้บริการทุกวัน

         พระทรงชัย  ฐานงฺกโร  ประธานที่พักสงฆ์บ้านนาแค  บอกว่า  ก่อนหน้านี้ปวดหลังปวดเอวมาก  เพราะเคยทำงานหนักมาก่อนหลังได้รักษากับหมอจวบช่วยบีบนวดให้ 3 มื้อก็ได้คล่องได้สะดวกและขอให้ประจำอยู่ที่นี่เพื่อช่วยรักษาชาวบ้าน 

         ชาวบ้านที่รักษาอาการดีขึ้น  บอกว่า  หมอบีบดีจากที่ไม่ค่อยแข็งแรงก็สามารถแข็งแรงขึ้นมาได้ ช่วยทำบุญซื้อน้ำมันนวดเองและนำปิ่นโต กล้วยและน้ำมาถวาย ทำบุญให้กับทางวัด 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ชายพิการ หัวใจจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน และในหมู่บ้านมานานกว่า 17 ปี โดยไม่คิดหวังมีค่าตอบแทน   

สตูล-ชายพิการหัวใจจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน และในหมู่บ้านมานานกว่า 17 ปี โดยไม่คิดหวังมีค่าตอบแทน

          ทุกๆเช้าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ที่โรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์จ.สตูล จะเห็นนายมูฮัมหมัด บุญเหม หรือ บังหมาด อายุ 37 ปี ชายพิการทางร่างกาย และยังพิการทางด้านสติปัญญา จะเข็นรถเข็นเข้าไปเก็บกวาด ทำความสะอาดภายในโรงเรียน  เก็บขยะ ตามร่องคูน้ำของโรงเรียน และตรวจเช็กถังขยะโรงเรียนตามมุมต่างๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังเดินไปเปิดประตูห้องเรียนทุกชั้นเรียนต้องขึ้นบันได และลงมากวาดขยะ เปรียบเสมือนว่าเป็นนักการภารโรงของโรงเรียน

         ด้านนายพนมไพร  วงษ์คลองเขื่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์จ.สตูล  บอกว่า บังหมาด มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน และช่วยงานของโรงเรียนทุกอย่างที่ทำได้ด้วยวิญญาณของจิตอาสา แม้ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสิ่งตอบแทน จนเป็นที่รักใคร่ของนักเรียน และทางโรงเรียนเห็นในจิตใจดีงาม ขยัน

 

          จึงตอบแทนด้วยการให้เป็นลูกจ้างเงินเดือน ๆ ละ 3,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สำหรับ บังหมาด พิการทางสติปัญญามาแต่กำเนิด เพราะมีอาการชักตั้งแต่แรกคลอด ทำให้ร่างกายเดินไม่สะดวก มือแข็ง คอแข็ง พูดไม่ได้ เพราะลิ้นไก่สั้น กระทั่งเริ่มโตก็ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่นิ่งดูดาย และทำต่อเนื่องมานาน 17 ปี จนเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหมู่บ้าน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แทบจะไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน และน่าจะเอาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน หรือผู้ใหญ่ ในการทำความดีเพื่อสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

…………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด