Categories
ข่าวเด่น

พบหนุ่มนิรนามเสียชีวิตนอนจมในคูน้ำข้างทาง ทราบภายหลังเจ้าหน้าที่ อช.ทะเลบัน

สตูล  พบหนุ่มนิรนามเสียชีวิตนอนจมในคูน้ำข้างทาง ทราบภายหลังเจ้าหน้าที่ อช.ทะเลบัน

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันที่ 8 พ.ย.2567 เวลาประมาณ 06.30 น. พ.ต.อ.บุญเลิศ  ตรัสศิริ  ผกก.สภ.ฉลุง  ได้รับแจ้งพบศพชายนิรนามภายในคูระบายน้ำริมถนนสายใกล้โรงเรียนบ้านโคกประดู่ ต.ฉลุง อ.เมือง  จ.สตูล จึงประสานให้มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร พร้อมกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุ

 

        พบรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ป้ายแดงเสียบกุญแจคารถตกในคูน้ำ ห่างไม่ไกลพบศพสวมเสื้อแจคเก็จสีน้ำมันกางเกงสีดำนอนเสียชีวิตจมน้ำ  และพบไฟฉายคาดหัวตกใกล้ศพพร้อมมีดพกตกอยู่  ตำรวจได้ทำการตรวจสอบตามป้ายทะเบียนรถพบว่าชื่อนาย อดิเรก  หยาหลี อายุ 37 ปี บ้านอยู่ที่อำเภอควนกาหลง  ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ที่หน่วยผาเดี่ยว อุทยานแห่งชาติทะเลบัน 

 

          โดยเจ้าหน้าที่ในหน่วยได้ยืนยันว่าใช่นายอดิเรกจริง  และครอบครัวมายืนยันอีกครั้งว่าใช่คนเดียวกัน  ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิต  ขณะนี้ทางตำรวจยังคงต้องรอชุดพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ยืนยันการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางตรง โดยเชื่อว่าการเสียชีวิตในครั้งนี้   ไม่ทิ้งประเด็น  อุบัติเหตุ , หลับใน หรือฆาตกรรม

         โดยเพื่อนของนายอดิเรก  บอกว่า  ผู้ตายทำงานที่ อช.ทะเลบันมานาน 10 ปีแล้ว  เป็นคนนิสัยดี ละหมาด 5 เวลา เพื่อนร่วมงานรักใครดี  

……………………….

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า-แถลงจับคนร้ายลักหม้อแปลง เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นปู่และพ่อผู้ต้องหาที่ทำเป็นธุรกิจในครอบครัว   ตร.ฟันไม่เลี้ยงร้านรับซื้อของโจร 

คืบหน้า…แถลงจับคนร้ายลักหม้อแปลง เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นปู่และพ่อผู้ต้องหาที่ทำเป็นธุรกิจในครอบครัว   ตร.ฟันไม่เลี้ยงร้านรับซื้อของโจร

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  จากกรณีที่มีพลเมืองดีแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูลพร้อมกำลังฝ่ายปกครองและตำรวจ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชายวัย 16 ปีได้ขณะปีนอยู่บนเสาไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า  และอุปกรณ์ไฟฟ้า   ที่บริเวณริมถนนเส้นทางตันหยงโป  อ.เมือง  จ.สตูล ได้พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ

            ล่าสุดวันนี้  (7 พ.ย.2567)  พล.ต.ต.จารุต   ศรุตยาพร  ผบก.ภาพ.จว.สตูล  พร้อมด้วยพ.ต.อ.เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ  ผกกก.สภ.เมืองสตูลพร้อมกำลังที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม และขยายผลออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นพ่อและปู่ของผู้ต้องหา  หลังพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีครอบครัวร่วมขบวนการในการกระทำความผิด  พร้อมเตือนให้ร้านรับซื้อของเก่าที่รับซื้อของโจร   โดยเฉพาะอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าส่องสว่างที่ใช้ในราชการเท่านั้นหากพบรับซื้อจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

          เนื่องจากมีมูลค่าเสียหายหลายแสนบาทแต่เมื่อมาขายร้านของเก่ามีค่าแค่ 8000 – 10,000 บาทเท่านั้น ไม่คุ้มกับพี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางเสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุ   และฝากให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางช่วยเป็นหูเป็นตาหากพบบุคคลต้องสงสัยในการก่อเหตุ  อย่างการปีนเสาไฟฟ้าเพื่อโจรกรรมสามารถโทรมาแจ้งได้ที่ 191

            สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้  นายเอ  นามสมมุติ อายุ 16  ปี และพวกรวม 4 คน ได้แก่ 1.นายศักดิ์สิทธิ์ กาญจนกาศ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 371 ม.1 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล  ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องหา  2.นายสมจิตร กาญจนกาศ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 371 ม.1 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นปู่  3.น.ส.ปรียดา สงวนนามสกุล อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 ม.5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้ต้องหาได้ร่วมกันขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ยามาฮา รุ่น เมท สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กพท 244 สตูล

           เดินทางไปยังบริเวณถนนบ้านตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล เมื่อไปถึงบริเวณเสาไฟฟ้าซึ่งมีหม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งอยู่ ผู้ต้องหา ได้นำอุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อใช้ในการขึ้นไปถอดหม้อแปลงไฟฟ้า โดยศึกษาหาความรู้มาจากยูทูป โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ ค่อยให้การช่วยเหลือและรอรับหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่บริเวณด้านล่าง

            และมีนายสมจิตรฯ และน.ส.ปรียดาฯ คอยดูต้นทางให้หลังจากถอดหม้อแปลงไฟฟ้ามาได้แล้วก็จะนำกลับมาเพื่อถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพื่อนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะใช้รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ก สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 7079 ชลบุรี ซึ่งเป็นของนายศักดิ์สิทธิ์ฯ โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้ต้องหา และน.ส.ปรียดาฯ แฟนสาวร่วมทางไปด้วยทุกครั้ง เมื่อได้หม้อแปลงไฟฟ้ามาครั้งนึงก็จะนำไปทันที โดยในแต่ละครั้งจะขายได้ราคาประมาณ 8,000-10,000 บาท ต่อลูก/ต่อครั้ง

            หลังจากได้เงินมาแล้วก็จะนำมาแบ่งกันและใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้ามาแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ก่อนมาถูกจับ  ครั้งล่าสุดถูกจับได้ขณะกำลังพยายามลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ได้รับเงินจากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขโมยมาได้ประมาณ 40,000 บาท โดยผู้ต้องหาได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าทางยูทูป และดูวิธีการขึ้นไปถอดเปลี่ยนแปลง และร่วมกันสร้างอุปกรณ์ที่ใช้การลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวเอง

            โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ไปจำนวน 4 ลูก และพยายามที่จะลักหม้อแปลงไฟฟ้า เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จริง และได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้ที่ขึ้นไปลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณเสาไฟฟ้าถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล

………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

ขโมยลักสายไฟอาละวาด  ไฟดับทั้งสายเปลี่ยว ชาวบ้านผวาเสี่ยงภัยเดินทางยามค่ำคืน  ขณะที่แขวงทางหลวงเจ้าทุกข์ 2 ปีถูกไป 4 คดีขโมยทั้งหม้อแปลง ไม่เว้นแผ่นป้ายบอกทางกว่า 3 แสนบาทรัฐถูกโจรกรรม   ขึ้นป้ายเตือนภัยชาวบ้านสะท้อนมีทั้งด้านดีและไม่ดี 

ขโมยลักสายไฟอาละวาด  ไฟดับทั้งสายเปลี่ยว ชาวบ้านผวาเสี่ยงภัยเดินทางยามค่ำคืน  ขณะที่แขวงทางหลวงเจ้าทุกข์ 2 ปีถูกไป 4 คดีขโมยทั้งหม้อแปลง ไม่เว้นแผ่นป้ายบอกทางกว่า 3 แสนบาทรัฐถูกโจรกรรม   ขึ้นป้ายเตือนภัยชาวบ้านสะท้อนมีทั้งด้านดีและไม่ดี 

         วันที่ 6 พ.ย.2567   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  บริเวณพื้นที่  หมู่ 1 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล  ระยะทาง 4 ก.ม. เริ่มจากสะพานเกาะนก  ถึง  ท่าเรือตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูล  โดยสำนักงานแขวงทางหลวงสตูล  สำนักงานทางหลวงที่ 18 ได้ปิดแผ่นป้ายประกาศ  “ว่าขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีขโมยสายไฟฟ้าและทรัพย์สินของแขวงทางหลวงสตูลหลายรายการทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนไม่ปลอดภัยและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากผู้ใดพบเหตุผู้กระทำความผิดโปรดแจ้งตำรวจ 191 ตำรวจทางหลวง 1193 สายด่วนกรมทางหลวง 1586 แขวงทางหลวงสตูล 074772139 , พร้อมป้ายบอก “ไฟฟ้าแสงสว่างดับสายไฟถูกขโมย”

 

         จากแผ่นป้ายดังกล่าวยิ่งสร้างความตระหนกและตกใจกับชาวบ้านผู้สัญจรไปมาเพื่อออกไปทำมาหากิน  ทั้งแรงงานโรงงานที่ต้องเดินทางกลับบ้านค่ำมืด  นักศึกษา นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าต่างกังวลว่าตนจะเกิดอะไรหรือไม่ขณะใช้เส้นทางนี้เนื่องจากเป็นเส้นทางป่าโกงกาง ค่อนข้างเปลี่ยวเพราะมีหมู่บ้านป่าเพียงจุดเดียวและเป็นป่าโกงกางเกือบตลอดเส้นทาง ประกอบกับไฟฟ้าข้างทางที่เคยสว่างไสวกลับมาดับมือสนิทยิ่งสร้างความยากลำบากในการสัญจรไปมา กลัวจะมีการดักจี้ปล้นทำร้ายร่างกาย แต่ก็ต้องออกมาทำกินเพราะมีเพียงเส้นทางเดียว

 

        นางเจ๊ะนะ  เด็นหมาน  อายุ 56 ปี ชาวบ้านตำบลตำมะลัง หมู่ที่ 3  ยอมรับว่า  ถนนสายนี้ตั้งแต่ไฟดับน่ากลัวมาก แต่ตนต้องออกมาขายปลาในตัวเมืองตั้งแต่ตี 4 ครึ่งกลับสาย ๆ ทุกวัน อยากให้ช่วยกันอย่าให้ไฟดับเพราะมันเสี่ยงมากเราเป็นผู้หญิงที่ต้องขี่รถพ่วงมากัน เคยได้ยินข่าวว่ามีการจี้กันด้วยยิ่งน่ากลัว ส่วนป้ายเตือนให้ระวังขโมยคนร้ายก็ดีนะเรามองว่าจะได้เป็นการระวัง  แต่จะให้ดีอยากให้เร่งซ่อมไฟฟ้าข้างทางจะดีกว่า

 

          นางเจ๊ะสาลี  เด็นหมาน  ไกด์ชุมชนตำมะลัง  บอกว่า อยากให้ไฟฟ้าติดเร็ว ๆ เพราะเส้นทางนี้มีเด็กสาวทำงานโรงงานใช้เส้นทางตลอด 24 ชม.ส่วนตนหากมีปลาก็ต้องใช้เส้นทางนี้ตั้งแต่ตี 1 ตี 2 เพื่อมาขายปลา ไฟดับแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว เมื่อก่อนก็มีการลักสายไฟฟ้าบ้าง แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น   ในฐานะที่ตนเป็นไกด์ท้องถิ่นด้วย คิดว่าป้ายที่ติดตามข้างทางก็ดีนะเพราะทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวมาได้อ่านป้าย  แต่ป้ายเตือนระวังขโมยคิดว่าควรจะต้องถอดออกเพราะเสียภาพลักษณ์  นักท่องเที่ยวมาดูนกอินทรีย์ต้องมาคอยระวังโจรขโมย  อยากให้เอาป้ายออกและให้ตำรวจมาตระเวน 1-2 ชั่วโมงครั้งก็ยังดี หากเอาป้ายไว้เมื่อนักท่องเที่ยวถามก็ไม่อยากโกหกว่าขโมยเยอะ

          นายชาตรี   ปูหยัง  ผญบ.หมู่ 3  บ้านตำมะลังใต้ บอกว่า  ขโมยลักสายไฟฟ้าแขวงทางหลวงก็เรื่องนึง การติดป้ายก็เรื่องนึง  ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า  ป้ายเตือนระวังขโมยอยากให้เอาออกเพราะเกรงว่าชาวบ้านจะตื่นตระหนักและหวาดกลัวมากกว่าเตือนภัย    

 

          ในรอบ 2 ปีนี้ อุปกรณ์งานทางของกรมทางหลวง สำนักงานทางหลวงที่ 18 ได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไปแล้ว 4 ครั้ง บนถนนหมายเลข 406 กิโลเมตรที่ 94 ถึง 750 (เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 66) หัวขโมยได้ขโมยป้ายเตือน ขนาด.60 * 75 หายจำนวน 32 แผ่น เสาป้ายคอนกรีต , จำนวน 17 ต้น (วันที่ 30 สิงหาคม 66) เส้นทางเดิม ป้ายขนาด .75 * 75 จำนวน 4 แผ่นป้ายขนาด 75 * 1.8 จำนวน 1 แผ่นป้ายขนาด 6 * 75 จำนวน 6 แผ่น  (วันที่ 30 พฤษภาคม 66)   หมายเลขทางหลวง 406  ที่เดิม สายไฟ 30 เมตร,หม้อแปลง  และ, ครั้งที่ 4 (วันที่ 30 กันยายน 67) ที่เดิม หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่หายไปพร้อมอุปกรณ์จำนวน 1 ชุด  รวมมูลค่าความเสียหาย 4 ครั้งที่ถูกโจรกรรม  329,695 บาทยังจับคนร้ายก่อเหตุไม่ได้

 

          นายณรงค์ศักดิ์  นันทคำภิรา  ผอ.แขวงทางหลวงจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  สิ่งที่ถูกโจรกรรมไปไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ป้ายจราจร ป้ายบังคับ ป้ายเตือน  ทั้งหมดนี้คือต้องการประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้ทราบว่า   ต้องช่วยกันดูแลสอดส่อง   แนวทางแก้ไขต้องบูรณาการแก้ไขช่วยกันดูแลสอดส่อง  พร้อม ประชาสัมพันธ์ร้านรับซื้อของเก่า จะปชส.ว่าอันในของราชการ

 

          เพราะสิ่งที่ตามมาคือไฟฟ้าเสียหายดับทั้งหมด 60 ดวง แขวงทางหลวงสตูลได้แก้ชั่วคราวโดยต่อไฟสายตรงมาจากตู้เซฟตี้เพื่อให้ใช้ไฟได้ชั่วคราว แต่!!เกิดเหตุซ้ำอีก   โดยขณะนี้ได้มีการบูรณาการทุกฝ่ายให้ช่วยกันสอดส่อง และจัดสายตรวจช่วยจับตัวคนร้าย ที่เชื่อว่าเป็นคนวงในเกี่ยวกับไฟฟ้า เพราะมีความถนัดถึงจะมาตัดสายไปได้มาดำเนินคดีให้โดยเร็ว

……………………………………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

กรรมติดจรวด หัวขโมยสายไฟริมถนนถูกรวบคาเสาไฟฟ้าพร้อมของกลางเพียบ  ตร.เตรียมขยายผลขบวนการตระเวนลักทรัพย์ของหลวง

กรรมติดจรวด หัวขโมยสายไฟริมถนนถูกรวบคาเสาไฟฟ้าพร้อมของกลางเพียบ  ตร.เตรียมขยายผลขบวนการตระเวนลักทรัพย์ของหลวง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อกลางดึกทีผ่านมานายสามารถ พันธ์นาค  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลตันหยงโป พร้อมด้วย ผู้ช่วย ผู้ใหญ่ สารวัตร   ได้รับร้องเรียนจากทางหลวงชนบทสตูลว่า  สายไฟส่องสว่างริมข้างทางเข้าหมู่บ้านถูกคนร้ายลักตัดไปขายส่งผลให้ไฟฟ้าในหมู่บ้านดับ    ทางฝ่ายปกครองหมู่  ได้ออกตระเวนตรวจที่เกิดเหตุ

 

           พบคนร้ายตามที่รับแจ้งกำลังก่อเหตุอยู่บนเสาไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์การขโมยที่ชำชองชำนาญการ  ทามกลางความมืดมิดมมีเพียงไฟที่หัวของคนร้ายที่กำลังลงมือก่อเหตุขโมยสายไฟฟ้า    เหตุเกิดเสาไฟฟ้าที่ 32 ถนนตันหยงโป ม.1 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล จึงเรียกตัวให้ลงมาจากเสาไฟฟ้า  โดยเจ้าตัวยินยอมให้จับกุมโดยดีโดยยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมบอกว่าตนลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ  ถามหารถที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางมาแต่บ่ายเบี่ยง พร้อมรับว่าตนเคยทำงานติดตั้งสายไฟฟ้าภายในอาคาร จึงมีความชำนาญในการปีนขึ้นไปตัดสายไฟให้ไฟฟ้าดับและลงมือขโมยในครั้งนี้

 

         พร้อมประสานตำรวจสภ.เมืองสตูลภายใต้การนำโดย พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ ปรากฏซื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.สุวิชญ์ ภู่สถิตย์ รองผกก.ป.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.ดิเรก หยงสตาร์ สวป.สภ.เมืองสตูลสั่งการให้ร.ต.อ.บุญเลิศ ยิ้มเย็น รอง สวป.สภ.เมืองสตูล  พญาวัง 20 พร้อมพวกสายตรวจหน้าเมืองร.ต.อ.ดลซอหมาด ดำท่าคลอง ร.ต.ต.รสนัน ตอหิรัญ

         ร่วมจับกุมตัวชายอายุ 16 ปี  ชาว ต.ควนขัน  อ.เมือง จ.สตูล พร้อมของกลางและเตรียมขยายผลที่ทำให้เชื่อว่าไม่ได้ลงมือตระเวนลักทรัพย์สายไฟฟ้าของหลวงเพียงลำพัง   สำหรับของกลางทั้งหมดที่จับกุมได้ในครั้งนี้

 

         1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) ใช้กับกระสุนขนาด.38 มม.จำนวน 1 กระบอก  2.กระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 3 นัด

         3.เหล็กแป้บร้อยสายไฟ1(เส้น)ยาวประมาณ 2 เมตร  4.คีมตัดเหล็กขนาด 30 นิ้ว จำนวน 1 ตัว  5.คีมตัดสายไฟยาว 13 นิ้ว จำนวน 1ตัว  6.เลื่อยตัดเหล็กยาว 16 นิ้ว จำนวน 1 ตัว  7.เข็มขัดนิรภัยสำหรับปืนเสา 2 อัน  8.เหล็กปืนเสา 2 ตัว  9.เชือก จำนวน 1 เส้น

         10.ตะขอไว้โรยตัว 1 อัน  11.กระเป๋าสะพายหลังสีเทา 1 ใบพร้อมประแจชนิดต่างๆ  9 อัน  12.กระเป๋าข้างสีเทาจำนวน 1 ใบ  13.ไฟฉาย 1 อัน  แจ้งข้อกล่าวหามีความผิด   ในที่ลักทรัพย์ของทางราชการในเวลากลางคืนมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

………………………………..

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า สาวใหญ่ยันไม่หนีคดีชนรถ เห็นค่าซ่อม 6.5 หมื่นแพงเกิน พร้อมสู้คดีในชั้นศาล  ไม่เจตนาหนี อ้างฝนตกหนัก-ทัศนวิสัยไม่ดี  ยันไม่ได้อ้างชื่อแม่ทัพภาค 4 เมื่อถามมาก็ตอบไป  พร้อมเคลียร์ค่าเสียหายตามเหมาะสม

สตูล –  คืบหน้า สาวใหญ่ยันไม่หนีคดีชนรถ เห็นค่าซ่อม 6.5 หมื่นแพงเกิน พร้อมสู้คดีในชั้นศาล  ไม่เจตนาหนี อ้างฝนตกหนัก-ทัศนวิสัยไม่ดี  ยันไม่ได้อ้างชื่อแม่ทัพภาค 4 เมื่อถามมาก็ตอบไป  พร้อมเคลียร์ค่าเสียหายตามเหมาะสม

จากกรณีแม่ค้าสาวใหญ่สตูลได้ร้องสื่อมวลชนให้ช่วยหลังอ้างว่าคู่กรณีชนแล้วหนี  อีกทั้งอ้างตัวเป็นผู้พิพากษาสมทบและสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4  ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น   วันนี้ทางทีมสื่อได้พยายามติดต่อคู่กรณีเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยอ้างว่า ไม่เคยคิดอ้างผู้ใหญ่เมื่อมีคนถามมาก็ตอบไปตามความเป็นจริง ยืนยันไม่คิดหนีแต่ตอนนั้นตกใจไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน 

 

นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 2 ต.เกตรี  อ.เมือง  จ.สตูล  ได้ติดต่อเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่ารถตู้ (ใช้ไปขายของตามตลาดนัด) ของตนซึ่งจอดสนิทอยู่หน้าบ้านดังกล่าวที่เตรียมจะไปขายของตอนตี 5 นาฬิกาแล้วจู่ ๆ เวลาประมาณ  1.10 น.ของวันที่ 26 ต.ค.2567 ขณะเพิ่งกลับจากทำงานไม่นานได้นั่งดูทีวีภายในบ้านได้ยินเสียงโครมอย่างหนักจึงรีบออกไปดู  พบว่ารถตู้คู่ใจทำงานของตนได้กระเด็นขึ้นมาเกยบนฟุตบาท และเห็นรถรถยนต์เก๋งแบนซ์คันก่อเหตุได้พยายามขับมุ่งหน้าหนีไปในเมืองโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดรถหลังก่อเหตุ

 

ทันใดนั้นตนจึงรีบโทรแจ้ง 191 ให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว ก่อนตำรวจจะไปพบว่ารถคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองสตูล  และได้ทำการยึดมาตรวจสอบ พร้อมเรียกเจ้าของรถ(ผู้หญิง)มาให้ปากคำโดยระหว่างนั้นเจ้าของรถได้ให้การภาคเสธกับตำรวจ และยืนยันว่าไม่ได้ผิดไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย ที่ทางเจ้าทุกข์ได้ให้ช่างประเมินราคาแล้ว 65,000 บาท เพราะรถตู้จอดผิดที่เอง หากอยากได้  ให้ไปคุยกันที่ศาล และยังได้อ้างตัวกับตนและตำรวจว่ารู้ไหมว่าตนเป็นใคร ตนเป็นผู้พิพากษาสมทบ และรู้จักกับแม่ทัพภาคที่ 4

 

 ซึ่งเจ้าทุกข์นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี  มองว่ามากล่าวอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ทำไม เมื่อทำผิดก็น่าจะต้องรับผิดกลับเชไช หรือว่าจะพลิกคดีเพราะรู้จักคนใหญ่คนโต  ไม่ยอมชดใช้จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยให้ดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย  แม้ทางตำรวจเองก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี   มีความกังวลว่า  เขาอาจจะใช้เงินทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่เราต้องการความถูกต้อง เขาจ้างทนายมาเพื่อจะไม่จ่ายตังให้  เรามองว่าเขายังเอาคนใหญ่คนโตมาพูดทั้งเขาก็ไม่รู้เรื่อง  และยังอ้างว่าตนไปสืบทราบมาว่าผู้ชนแล้วหนีในวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง ดื่มไวน์มาหรือไม่นั้นไม่ทราบ  อยากให้มีการตรวจสอบแต่ตนมีภาพถ่ายงานเลี้ยงก่อนวันก่อเหตุด้วย

 

โดยขณะนี้คดีทางร้อยเวรสภ.เมืองสตูล ได้ประสานให้ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐาน  เข้ามาตรวจร่องรอยการชนของรถเบนซ์และรถตู้คันเกิดเหตุ  เพื่อเป็นหลักฐานว่าใครผิดใครถูกกันแน่  โดยตำรวจยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน

 

           ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับคู่กรณี  และพร้อมจะชี้แจงในกรณีที่ถูกกล่าวหา

          โดยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า  ตนชนจริงแต่ไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวจอดอยู่ที่ข้างถนน และอยู่ตรงจุดที่กำลังมีการก่อสร้าง มีแท่งแบริเออร์วางอยู่เต็มหมดเลย ขณะที่ขับรถตามวันเวลาดังกล่าว พยายามหลบแท่งแบริเออร์แต่ได้แฉลบไปชนรถของเขา

          ประกอบกับดึกแล้วตีหนึ่งกว่า ฝนตกหนัก มืดไม่มีแสงสว่างเลย ไม่กล้าจอดรถอยู่นานได้จอดแค่แป๊บเดียว มองไม่เห็นอะไรเลยก็เลยตัดสินใจขับรถกลับบ้านก่อนดีกว่า  พอมาถึงบ้านพบว่ายางรถเสียหมดเลย

         ยืนยันได้ว่าไม่ได้เจตนาที่จะหนี และหลังไปเจอตำรวจ ได้ยอมรับกับตำรวจว่าชนจริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้ตำรวจฟัง จากนั้นตำรวจได้ขอใบขับขี่และบัตรประชาชน เมื่อตำรวจเห็นบัตร และได้สอบถามว่าพี่ทำงานอะไร และได้บอกว่าตนเองได้ทำธุรกิจส่วนตัว แล้วตำรวจถามว่าเห็นใส่ชุดคล้ายข้าราชการถ่ายรูปติดบัตร ก็เลยบอกว่าตนเป็นผู้พิพากษาสมทบ จากนั้นตำรวจบอกว่าถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไรสามารถเช็คประวัติได้ พี่ก็ได้บอกว่าเช็คได้เลยพี่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ผ่านการตรวจสอบมาแล้วไม่เคยทำความผิดอะไร

         แต่พอพี่กำลังจะกลับหลังจากให้ปากคำตำรวจเสร็จ มีน้องในโรงพักเขาถามว่าพี่มาจากไหน พี่เลยบอกว่ามาจากงานเลี้ยงแม่ทัพภาคที่ 4 และมีน้องอีกคนที่อยู่ในโรงพักถามว่าพี่รู้จักแม่ทัพภาคที่ 4 เหรอ ตนก็ยอมรับว่ารู้จัก โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่ารู้จักตั้งแต่ทีแรก  ซึ่งน้องเจ้าทุกข์ก็นั่งอยู่ด้วยก็ยังได้บอกกับตนเลยว่าตนเองก็รู้จักแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยเช่นกัน เพิ่งไปทอดกฐินมา ตนก็บอกว่าตนก็ไปทอดกฐินด้วยเช่นกันที่รัตภูมิ  จึงได้มีการคุยกันและบอกว่าเป็นเพื่อนกับภรรยาของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 เรียนปริญญาโทมาด้วยกัน สนิทกันจึงได้มีการเล่าสู่กันฟัง

        ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวอ้างเพื่อที่จะให้พ้นผิด   เพราะเรื่องคดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่โต คอขาดบาดตาย ตนสามารถเคลียร์ของตัวเองได้ ซึ่งทางเจ้าทุกข์ก็บอกว่ารู้จักกับภรรยาของท่าน ตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะที่วัดทอดพระป่าใครก็ไปได้ จากนั้นจึงขอตัวกลับก่อน

         ทางเจ้าทุกข์ได้บอกกับตนว่าได้ให้อู่ตีราคามาแล้วจำนวน 65,000 บาท ซึ่งตนได้บอกกับเจ้าทุกข์ว่า ราคาสูงไป แล้วได้บอกว่าขอคิดดูก่อน และบอกว่าไม่ลดอะไรให้อีกแล้วหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นตนเลยบอกว่า ก็ค่อยไปว่ากันในศาล ก็ได้. ซึ่งตนได้พูดแนวนี้

          ถ้าเขาไม่ยอมให้พี่จ่ายเท่านั้นพี่ก็สู้ไม่ไหว ซึ่งเห็นว่าเขาก็ผิดเหมือนกัน เพราะเขาไปจอดรถที่ไหล่ถนน เป็นพื้นที่แคบและเป็นพื้นที่ก่อสร้าง ตนเห็นว่าไม่เหมาะที่รถตู้จะไปจอด

          ซึ่งตนสามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าไม่เคยกล่าวอ้างชื่อแม่ทัพแต่อย่างใด  เพราะจะโทรก็สามารถยกหูโทรได้เลย เพราะตนคุยทุกวัน

         ตนก็ยืนยันว่าจะขอเคลียร์กับเจ้าทุกข์แต่ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้นก็ไม่ไหว เพราะมันสูงเกินไป เพราะถ้าพี่ผิดจริงๆก็ต้องให้ทางชุดพิสูจน์หลักฐานเขาทำงานก่อน ถ้าผิดจริงๆก็ค่อยคุยกันเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าค่าใช้จ่ายสูงเกินไปจะขอลดได้อีกไหมเพราะเขาก็ผิด

         พอมาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเสียความรู้สึกมากเลย  เพราะอยากจะไกล่เกลี่ยเหมือนกัน  ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงต้องว่ากันอีกที

…………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

ร้องสื่อหลังเจอคู่กรณีชนแล้วหนี อ้างตัวสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น

สตูล – ร้องสื่อหลังเจอคู่กรณีชนแล้วหนี อ้างตัวสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น

           ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 29 ต.ค.2567   นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 2 ต.เกตรี อ.เมืองสตูล  ได้ติดต่อเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่ารถตู้ (ใช้ไปขายของตามตลาดนัด) ของตนซึ่งจอดสนิทอยู่หน้าบ้านดังกล่าวที่เตรียมจะไปขายของตอนตี 5 นาฬิกาแล้วจู่ ๆ เวลาประมาณ  01.10 น.ของวันที่ 26 ต.ค.2567 ขณะเพิ่งกลับจากทำงานไม่นาน ได้นั่งดูทีวีภายในบ้านได้ยินเสียงโครมอย่างหนักจึงรีบออกไปดู  พบว่ารถตู้คู่ใจทำงานของตนได้กระเด็นขึ้นมาเกยบนฟุตบาท และเห็นรถรถยนต์เก๋งแบนซ์คันก่อเหตุได้พยายามขับมุ่งหน้าหนีไปในเมืองโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดรถหลังก่อเหตุ

        ทันใดนั้นตนจึงรีบโทรแจ้ง 191 ให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว ก่อนตำรวจจะไปพบว่ารถคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองสตูลและได้ทำการยึดมาตรวจสอบ พร้อมเรียกเจ้าของรถ(ผู้หญิง)มาให้ปากคำโดยระหว่างนั้นเจ้าของรถได้ให้การภาคเสธกับตำรวจ และยืนยันว่าไม่ได้ผิดไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย  ที่ทางเจ้าทุกข์ได้ให้ช่างประเมินราคาแล้ว 65,000 บาท เพราะรถตู้จอดผิดที่เอง หากอยากได้ให้ไปคุยกันที่ศาล และยังได้อ้างตัวกับตนและตำรวจว่ารู้ไหมว่าตนเป็นใคร  และรู้จักกับแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเจ้าทุกข์นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี  มองว่ามากล่าวอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ทำไม เมื่อทำผิดก็น่าจะต้องรับผิดกลับเชไช หรือว่าจะพลิกคดีเพราะรู้จักคนใหญ่คนโต  ไม่ยอมชดใช้จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยให้ดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย  แม้ทางตำรวจเองก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

          นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี   มีความกังวลว่าเขาอาจจะใช้เงินทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่เราต้องการความถูกต้อง เขาจ้างทนายมาเพื่อจะไม่จ่ายตังให้  เรามองว่าเขายังเอาคนใหญ่คนโตมาพูดทั้งเขาก็ไม่รู้เรื่อง  และยังอ้างว่าตนไปสืบทราบมาว่าผู้ชนแล้วหนีในวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง  ดื่มไวน์มาหรือไม่นั้นไม่ทราบ  อยากให้มีการตรวจสอบแต่ตนมีภาพถ่ายงานเลี้ยงก่อนวันก่อเหตุด้วย

         โดยขณะนี้คดีทางร้อยเวร สภ.เมืองสตูล  ได้ประสานให้ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจร่องรอยการชนของรถเบนซ์และรถตู้คันเกิดเหตุเพื่อเป็นหลักฐานว่าใครผิดใครถูกกันแน่  โดยตำรวจยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน

         จากข้อสังเกตบริเวณหน้ารถยนต์เบนซ์ สีดำ ยังพบสติกเกอร์ติดหน้ารถ เข้า-ออก ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ติดไว้ด้วย

………………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

          ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูลได้รับการร้องทุกข์จากนางสาวณัฐ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาวบ้านควน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล หลังถูกเพื่อนสมัยมัธยมที่รู้จักกันในนาม “ไฮโซตาต้าโลตัส” หลอกให้ค้ำประกันเงินกู้ จนทำให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินกว่า 300,000 บาท

 

           นางสาวณัฐ  เปิดเผยว่า เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เพื่อนขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้จ่ายค่าเช่าร้านเสื้อผ้าและร้านโทรศัพท์  ที่ห้างใหญ่ในอำเภอควนโดน  ซึ่งตนได้นำทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนำ  เพื่อนำเงินมาให้ยืม  ต่อมาเพื่อนได้ขอให้ช่วยค้ำประกันเงินกู้นอกระบบเพื่อนำเงินมาคืน แต่กลับไม่ได้รับการชำระคืนแต่อย่างใด จนปัจจุบันยอดหนี้รวมทั้งต้นและดอกเบี้ยพุ่งสูงถึง 300,000 บาท

 

           ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องดูแลครอบครัวรวม 4 ชีวิต ประกอบด้วย พ่อที่ป่วยพิการจากอุบัติเหตุ น้องชายที่เป็นออทิสติก แม่ที่แก่ชรา และบุตรสาวที่กำลังเรียนหนังสือ เธอมีอาชีพเป็นเพียงฟรีแลนซ์ไม่มีรายได้ประจำ  จำต้องนำทรัพย์สินในครอบครัว ทั้ง iPad ของลูกสาว สร้อยคอทองคำของแม่ และหัวทะเบียนรถของครอบครัวอีก 3 คัน ไปจำนำเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้

 

           ขณะที่ลูกหนี้ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และจ่ายเงินคืนเพียงครั้งละ 100-500 บาทเท่านั้น  ทั้งยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีข้อหาปล่อยเงินกู้นอกระบบ แม้ว่าผู้เสียหายจะได้แจ้งเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้มากนัก

          นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบว่า   “ไฮโซตาต้าโลตัส” ยังมีการหลอกยืมเงินจากบุคคลอื่นอีกหลายราย แต่ผู้เสียหายรายอื่นยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงกลัวการถูกข่มขู่จากลูกหนี้

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

          ที่หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นางม่าริหยำ   รอดบุญ  อายุ 63 ปี (แม่) พร้อมนางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย) ขอความช่วยเหลือจากสื่อที่เห็นว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย  ในการช่วยตามหาบุตร (สาว) นางสาวจินดาพร   รอดบุญ  อายุ 37 ปีที่ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ)  หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 ต.ค.67 ที่ผ่านมาในช่วงเช้าขณะแม่ออกไปขายผักในตลาดตั้งจิตต์ ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล

        นางม่าริหยำ (แม่วัย 63 ปี) เล่าว่า  ก่อนวันเกิดเหตุตนไปขายผักในตลาดตามปกติ และกลับมาบ้านประมาณ 10 โมงเหมือนทุกวันหลังกลับมาไม่เจอลูก  จึงถามน้องของผู้สูญหายบอกว่า พี่ออกจากบ้านบอกว่าจะไปรับยาที่รพ.สตูล โดยน้องบอกว่า พี่สาวได้โทรเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำมารับที่บ้าน  และไม่กลับมาอีกเลยวันนี้เข้าวันที่ 5 แล้ว แม่เป็นห่วงมากเพราะลูกต้องทานยา กลัวจะถูกคนไม่หวังดีทำร้ายร่างกาย ป่านนี้ไม่รู้ได้กินข้าวกินปลาหรือยัง กลัวเขาจะเป็นลม เป็นแม่ห่วงมากช่วยแม่ตามหาลูกหน่อย

        แม่ได้ถามรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำ บอกว่า ได้ไปส่งลูกสาวที่ตลาดสดในเทศบาลเมืองสตูลจริง  (ซึ่งที่แห่งนั้นลูกสาวเคยไปช่วยแม่ขายของในอดีตก่อนย้ายมาขายที่ตลาดตั้งจิตต์)  แต่ได้นัดแนะว่าเดียวไปวิ่งรถสัก 2-3 รอบแล้วจะมารับกลับบ้านโดยทางวินมอเตอร์ไซด์บอกว่า  พอมารับก็ไม่มีลูกสาวแล้ว  แม่บอกว่า  ลูกสาวไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยทั้งโทรศัพท์ที่เขาชอบพกติดตัว ยาก็ไม่เอาไป แม่และทุกคนในครอบครัวเป็นห่วงมาก

        (น้องเอ็ง) หรือนางสาวจินดาพร  รอดบุญ  อายุ 37 ปี ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ) เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 6 คน  ก่อนออกจากบ้านสวมชุดเสื้อยืดสีดำ/กางวอมสีดำ/ผมซอยสั้น  สูง 165 ซม./ร่างอวบ/ น้องชอบพูดคนเดียว มีคนบอกว่าเมื่อวันที่ 21 มีคนเห็นน้องเดินเข้าไปในห้างฯ ใหญ่ ในเมืองสตูลและถูกไล่ออกมา  เมื่อแม่ทราบข่าวรีบไปดูแต่ไม่มีแล้ว และได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองสตูล แต่ยังไม่มีวี่แวว

          (น้องเอ็ง) ชอบออกมาเดินในหมู่บ้านคนเดียว และไปไกลสุดคือตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล  พูดจารู้เรื่องในบางครั้ง ขี้น้อยใจ ชอบบ่นไม่มีเงิน น้องป่วยตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม 6 เข้ากับเพื่อนไม่ได้ และก็ป่วยมาเรื่อยจนปัจจุบันต้องทานยาตลอดพบเห็นโทร 083-2178486  ครอบครัวเป็นห่วงมาก

 

           นางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย)  บอกว่า หมดหนทางแล้ว ทั้งออกตามหาเอง แจ้งความตำรวจ และไสยศาสตร์ เขาบอกว่า น้องยังอยู่บนบกไม่ได้อยู่ในน้ำ บอกกว้างมากทำให้เราหากันไม่เจอ  ที่พึ่งสุดท้ายก็เป็นนักข่าวช่วยให้ประกาศตามหาน้องให้ด้วย  กลัวน้องไม่ปลอดภัย เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากถูกไล่ก็ยิ่งเตลิดไปไกลฝากช่วยตามน้องให้ด้วย

 

          ขณะที่ด้านตำรวจ พ.ต.อ.เสกสิทธิ  ปรากฏชื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล สั่งการให้เร่งตามหา โดยได้เรียก คนขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสอบปากคำ และแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางที่น้องที่คาดว่าจะเดินทางไป

……………………………….

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-กรมทางหลวงชนบทยอมรับเปลี่ยนโครงการซ่อมแซมถนน มูลค่า 24 ล้าน หลังชาวบ้านทักท้วง 

สตูล-กรมทางหลวงชนบทยอมรับเปลี่ยนโครงการซ่อมแซมถนน มูลค่า 24 ล้าน หลังชาวบ้านทักท้วง  พร้อมยืนยันว่าเส้นทางที่ชาวบ้านอยากให้ปรับปรุงอยู่ในงบประมาณปี 2568 แล้วเพียงแค่คนละช่วงเวลาดำเนินการเท่านั้น

          วันที่ 9 ต.ค.2567  ที่อบต.ควนโพธิ์  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  กรมทางหลวงชนบท   โดยกระทรวงคมนาคม  ได้ประสานขอให้นายบุญมา  โดยพิลา นายก อบต.ควนโพธิ์  เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เพื่อชี้แจงเหตุที่ชาวบ้านและผู้นำอาจจะมีความเข้าใจคาดเคลื่อนกรณีการก่อสร้างของ   กรมทางหลวงชนบท   กระทรวงคมนาคม  โครงการก่อสร้างด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน  งานก่อสร้างโครงการซ่อมแซมผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต ปรับปรุงชั้นทาง งานบำรุงถนนสายสต 3001 แยกทางหลวง 404 บ้านฉลุง   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล ด้วยงบประมาณ 24,492,000 บาท

          หลังชาวบ้านเรียกร้องว่าเส้นทางถนนที่กรมกรมทางหลวงชนบทจังหวัดสตูล  กำลังจะทำนั้นเส้นทางยังคงใช้การได้ดี แต่มีเส้นทางอีกช่วงหนึ่งประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง  กลับยังไม่ได้รับการดูแลหรือซ่อมแซม ซึ่งเป็นเส้นทางสต.3001 เหมือนกัน  ทำให้เป็นที่มาของการชี้แจงไขข้อข้องใจของชาวบ้านและผู้นำชุมชนในครั้งนี้  

          ซึ่งในเรื่องนี้ทางนายวิเชียร  พรหมยก  นายช่างโยธา อาวุโส  สำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท , พร้อมรองผู้อำนวยการทางหลวงจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับผู้นำชาวบ้านท้องที่และท้องถิ่น ถึงเส้นทางที่ชาวบ้านอยากให้มีการดำเนินการนั้นอยู่ในแผนการซ่อมแซมอยู่แล้วในปี 2568  ซึ่งเข้าใจว่าชาวบ้านบางส่วนอาจจะยังไม่ทราบ

           นายช่างโยธา อาวุโส  สำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท  บอกด้วยว่า  เมื่อชาวบ้านไม่อยากให้มีการปรับปรุงจุดเริ่มต้นของโครงการฯก่อน  เพราะเห็นว่ามีสภาพที่ดีอยู่แล้วนั้น   ซึ่งในความเป็นจริงคือใช้งานมา 4 ปีกว่าแล้ว สภาพถนนดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักมีการสัญจรจำนวนมาก  ทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้สภาพถนนเสียรูปและเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์มุ่งหน้าสู่การท่องเที่ยว   

 

         แต่เมื่อชาวบ้านมีความต้องการให้ย้ายจากเส้นทางต้นโครงการ  มาทำเส้นทางเชื่อมต่อกิโลเมตรที่ 3001 ก่อน   โดยกรมทางหลวงจะเร่งนำกลับไปปรับเปลี่ยนโครงการให้ตรงตามความต้องการและร้องขอ  ซึ่งเป็นเส้นทางระยะทาง 1 กิโลเมตรครึ่ง  แต่ยืนยันว่าทั้งสองเส้นทางที่ชาวบ้านได้ร้องขอนั้นได้ตั้งงบไว้แล้ว  ในการดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงในปี 2568    เพียงแค่งบดำเนินการ  จะลงมาคนละช่วงเวลาในการดำเนินการเท่านั้น     หลังมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางตามความต้องการของชาวบ้านยืนยันว่าจะดำเนินการได้ก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

 

        นายจำรัส  ชิกวี  ผญบ.หมู่ 7 ต.ควนโพธิ์ บอกว่า  ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและชี้แจงการดำเนินการในครั้งนี้ โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหลังทราบข่าวความต้องการของชาวบ้าน  ได้รีบประสานงานให้ทันที  พร้อมยอมรับว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิด  แต่ชาวบ้านต้องการสะท้อนความเดือดร้อนถนนสาย 3001 สายบ้านควนโพธิ์  กาลันยีตัน  บ้านปาเต๊ะ ปันนังปูเลา  ว่า ถนนเส้นนี้ได้ก่อสร้างมานานกว่า 15 ปีแล้ว   อยากให้มีการขยายถนน 8 เมตรเป็น 12 เมตร เพื่อปรับปรุงเส้นนี้ให้เป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสตูล อย่าง  สันหลังมังกร   อีกทั้งเป็นการลดอุบัติเหตุให้กับชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย  พร้อมขอบคุณหน่วยงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง   ที่ทำให้ชาวบ้านพอใจ  และเชื่อว่า คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนอย่างแน่นอน  

……………………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

ตำรวจน้ำสตูล ปล่อยแถว เปิดยุทธการฝั่งอันดามัน  มุ่งเน้นปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทางน้ำ

ตำรวจน้ำสตูล ปล่อยแถว เปิดยุทธการฝั่งอันดามัน  มุ่งเน้นปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทางน้ำ

        ตามที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้กำหนดให้หน่วยต่างๆในปกครองดำเนินการตาม Action Plan ของแต่ละหน่วยนั้น กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้กำหนดมาตรการ “ยุทธการฝั่งอันดามัน” โดยปฏิบัติต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆเดือน สำหรับเดือน กันยายน 2567 มอบหมายให้ปล่อยแถว  ระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยให้สอดคล้อง กับภารกิจระดมกวาดล้างอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง ซึ่งได้กำหนดให้ปฏิบัติในห้วงวันที่ 20 ถึงวันที่ 30 หรือวันที่ 31 ของทุกเดือน

            ว่าที่ พันตำรวจเอก กมลศักดิ์ วันผดุง ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดทั้ง 3 สถานี จัดพิธีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน โดย มอบหมายให้ พันตำรวจโท บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. เป็นประธานปล่อยแถวหน่วยตำรวจน้ำสตูล  พร้อมชี้แจงการกิจข้อราชการต่างๆพร้อมทั้งแนะนำ กำชับรายละเอียดต่างๆในการปฏิบัติทั้งใน ส่วนฝ่ายอำนวยการ และในส่วนฝ่ายปฏิบัติการ สำหรับการระดมกวาดล้างอาชญากรรมตาม “ยุทธการ ฝั่งอันดามัน” ในครั้งนี้ มุ่งเน้นปราบปรามกลุ่มเป้าหมายทางน้ำ และเป้าหมายเฉพาะทางของหน่วย เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ การลักลอบขนส่ง สินค้าหนีภาษี ความผิดด้านการทำประมง เป็นต้น โดยกำหนดให้ดำเนินการอย่างน้อย 7 วัน

……………………………….

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต