Categories
ข่าวเด่น

สตูล-จิตอาสากู้ภัยภาคใต้เตรียมพร้อมรับมือ  ทบทวนเสริมความรู้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย  น้ำท่วมและน้ำป่า  ภายใต้หลักสูตร Swift Water and Flood Rescue ยกระดับการกู้ภัยสู่มาตรฐานสากล

สตูล-จิตอาสากู้ภัยภาคใต้เตรียมพร้อมรับมือ  ทบทวนเสริมความรู้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย  น้ำท่วมและน้ำป่า  ภายใต้หลักสูตร Swift Water and Flood Rescue ยกระดับการกู้ภัยสู่มาตรฐานสากล

           จังหวัดสตูล – วันนี้สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลได้แจ้งเตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก  น้ำท่วมขัง  ดินถล่ม   ระหว่างวันที่ 20 – 26  พฤศจิกายน 2567  โดยปริมาณน้ำฝนวันนี้เยอะสุดที่อำเภอท่าแพ 16.6  ลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือที่อำเภอควนกาหลง 8.4  ลูกบาศก์เมตรปริมาณน้ำในคลองดุสน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย   ขณะที่คลองละงูปริมาณน้ำลดลง

 

         ขณะที่คลองฉลุง ตำบลฉลุง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ขณะนี้ปริมาณน้ำในคลองกำลังไหลเชี่ยวปริมาณน้ำไม่สูงมากนัก   โดยวันนี้เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่กลุ่มจิตอาสากู้ภัยจากภาคใต้ตอนล่างรวมตัวฝึกซ้อมรับมือสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำไหลเชี่ยวกราด ในหลักสูตร Swift Water and Flood Rescue เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ

 

        นายสาโรจน์ ศรีน้อย จากมูลนิธิกู้ภัยร่มไทรสตูล เปิดเผยว่า การฝึกอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 3 มีผู้เข้าร่วมจาก 5 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และกระบี่ โดยใช้เวลาฝึก 3 วัน เน้นการเรียนรู้เทคนิคการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำโดยเฉพาะ เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

 

         “การฝึกอบรมจัดขึ้นทุก 1-2 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความปลอดภัยให้ผู้ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำเป็นต้องเรียนรู้หลักสูตรการช่วยเหลือที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย” นายสาโรจน์กล่าว

           ด้านนายนฤภัทร วัฒนกุล ประธานชมรมตอบโต้ภัยพิบัติ RRVT อธิบายว่า หลักสูตรกู้ภัยประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การกู้ภัยทางน้ำ กู้ภัยในที่สูง และกู้ภัยทางทะเล โดยใช้หลักสูตรมาตรฐานสากลที่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย มีการจัดอบรมไม่เกิน 6 รุ่นต่อปี โดยมีศูนย์กลางการฝึกอยู่ที่จังหวัดนครนายก  และจะทำการฝึกให้กับอาสากู้ภัยในพื้นที่ที่ต้องการความรู้เพิ่มเติม ใน รูปแบบของการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่มีเทคนิค มากขึ้น  การที่ทุกพื้นที่มีความรู้เบื้องต้นจะทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือ รวดเร็วยิ่งขึ้น

……………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ตำรวจสตูลรวบแล้วหัวขโมยลูกมะพร้าว 10 ลูก  ฉกไปพร้อมไข่ไก่ นมและข้าวราดแกง แม่ค้าเจ้าทุกข์ไม่แจ้งเอาความแต่ขอให้สาบานสัญญาว่าจะไม่ไปทำกับใครอีก!

ตำรวจสตูลรวบแล้วหัวขโมยลูกมะพร้าว 10 ลูก  ฉกไปพร้อมไข่ไก่ นมและข้าวราดแกง แม่ค้าเจ้าทุกข์ไม่แจ้งเอาความแต่ขอให้สาบานสัญญาว่าจะไม่ไปทำกับใครอีก!

         วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภาพนาทีที่ตำรวจชุด สภ.เมืองสตูลเข้าจับหัวขโมยพร้อมของกลางลูกมะพร้าวจำนวน 10 ลูก เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 21.30 น. พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ ปรากฎชื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล   มอบหมายให้พ.ต.ท.สำเร็จ  ใจเอื้อ  รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.เฉลิมรัฐ แก้วเนียม  สว.สส.ฯ  สั่งการให้ ร.ต.อ.ฮาซัน แหละหมัน  รอง สว.สส.ฯ  ร.ต.อ.รัฐศักดิ์ จีนหวั่น  รอง สว.สส.ฯ พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกับ ชปข.ร้อย ตชด.436, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดสตูล

         สืบสวนและจับกุมผู้ก่อเหตุขโมยมะพร้าวของแม่ค้าขายกะทิสดหายไปจำนวน 10 ลูก และยังหยิบไข่ไก่จำนวน 15 ฟองในตู้เย็นไปพร้อมกับยาคูลย์ 6 ขวด และตักข้าวพร้อมราดแกงไปอีกจานใหญ่  โดยกล้องวงจรปิดของแม่ค้าขายกะทิสดจับภาพไว้ได้คาหนังคาเขา

          แม้แม่ค้าขายกะทิสดจะไม่แจ้งความดำเนินคดี  เมื่อตำรวจทราบเรื่องได้ให้ชุดสืบสวนติดตามจับกุม   หนุ่มเร่รอนดังกล่าวไว้ได้ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับจุดก่อเหตุ  คือที่ที่บริเวณสี่แยกคอกเป็ด ถ.สถิตยุติธรรม ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล 

          ทราบภายหลังว่า  ชื่อว่าเป็นนายอาทิตย์ หรือดี้ อายุ 36 ปี  ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ขโมยมะพร้าว ที่ร้านขายกะทิสดสี่แยกเจ๊ะบิลัง ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย.67 เวลาประมาณ 23.30 น.

          แม้แม่ค้ากะทิสดผู้เสียหาย   ไม่ประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าว  เพียงแค่ต้องการให้มาขอโทษและสัญญาสาบานต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะไม่ลักทรัพย์ของผู้ใดอีก

          หลังได้ตัวและของกลางเป็นมะพร้าวแล้วจำนวน 10 ลูก ตำรวจได้เชิญผู้เสียหายมารับทราบยัง  สภ.เมืองสตูล พร้อมให้ผู้ก่อเหตุ  คืนมะพร้าวให้แก่ผู้เสียหายและได้รับปากว่าจะไม่กระทำความผิดลักทรัพย์อีก

          แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้ถ่ายรูปจัดทำประวัติและดำเนินการตามกฎหมาย  จึงทำได้ว่ากล่าวตักเตือน และติดต่อญาติให้ทราบช่วยดูแลพฤติกรรมไม่ให้ไปก่อเหตุที่ไหนอีก  นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังพบประวัติเป็นบุคคลไม่สมประกอบทางด้านสมองอีกด้วย 

…………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

สตูลไขน็อตปัญหาโจรกรรมหม้อแปลง และอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง  พุ่งเป้าร้านรับซื้อของเก่าพบผิดยึดใบอนุญาตทันที

สตูลไขน็อตปัญหาโจรกรรมหม้อแปลง และอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง  พุ่งเป้าร้านรับซื้อของเก่าพบผิดยึดใบอนุญาตทันที

         ที่ห้องประชุมแขวงทางหลวงสตูล ชั้น 3 นางสาวดุษฎี  พฤกษเศรษฐ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  เป็นประธานในการประชุมเพื่อบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินในเขตทางหลวง โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสตูล พร้อมผู้อำนวยการทางหลวงชนบทสตูล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

 

        ด้วยที่ผ่านมา แขวงทางหลวงสตูล และแขวงทางหลวงชนบทสตูล ได้ประสบกับปัญหาทรัพย์สินในเขตทางหลวงถูกโจรกรรม ซึ่งสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ถูกโจรกรรมเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ หม้อแปลงไฟฟ้า ป้ายจราจร และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยต่าง ๆ และยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอีกในอนาคต โดยพื้นที่ที่ทรัพย์สินถูกโจรกรรมของแขวงทางหลวงสตูลอยู่ในท้องที่ ตำบลบ้านควน ตำบลควนโพธิ์ ตำบลควนขัน ตำบลคลองขุด ตำบลตำมะลัง ตำบลทุ่งนุ้ย และพื้นที่ที่ทรัพย์สินถูกโจรกรรมของแขวงทางหลวงชนบทสตูล อยู่ในท้องที่ ตำบลตันหยงโป ตำบลคลองขุด ตำบลฉลุง และตำบลละงู ซึ่งแต่ละปีส่งผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในจัดซื้อ จัดหา มาติดตั้งทดแทน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความปลอดภัย และอาจทำให้เกิด อุบัติเหตุเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้

 

         จากนั้น  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสตูล ได้ลงพื้นที่ที่ทรัพย์สินถูกโจรกรรมของแขวงทางหลวงชนบทสตูลบริเวณตำบลตำมะลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินในเขตทางหลวง

 

         ชาวบ้านผู้ใช้เส้นทาง  บอกว่า  ผู้ใช้เส้นทางรายหนึ่งบอกว่าทุกครั้งที่ไฟดับยอมรับว่ามีความหวาดกลัวมากเนื่องจากไม่รู้เลยว่า 2 ข้างทางมีอะไรอยู่ ยิ่งเป็นผู้หญิงแบบเราขี่รถไปทำงานในตัวเมืองและเปลี่ยนกะเข้าทำงานกลางคืน ทั้งเส้นทางมืดหมดเลยทำให้น่ากลัวเป็นอย่างมาก  เมื่อรู้ว่าเส้นทางที่ใช้อยู่เป็นประจำได้มีการซ่อมแซมและเร่งติดตั้งไฟให้ส่องสว่างกลับมาเหมือนเดิมส่วนตัวรู้สึกอบอุ่นใจ มองเห็นข้างทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่ามีอะไรอยู่ระหว่างทางทำให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจ มากยิ่งขึ้นขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน

         นางสาวดุษฎี  พฤกษเศรษฐ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  แนวทางการแก้ปัญหาคือการบูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายทั้งตำรวจฝ่ายปกครองท้องถิ่นแล้วเจ้าของสวนราชการเองที่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยอันดับแรกของการแก้ปัญหาอยากให้มีการตรวจสอบร้านค้าของเก่าก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อป้องปรามเพราะเห็นว่าสถานที่ดังกล่าวมีความสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหา  แม้ดูเหมือนจะเป็นปลายเหตุแต่หากไม่มีคนรับซื้อ ทำให้ปัจจัยการก่อเหตุน้อยลง

 

          ส่วนการติดกล้อง CCTV จะมีปัจจัยเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอยากให้มีการบูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ในการติดตั้งกล้องในพื้นที่เสี่ยง โดยมีเจ้าของพื้นที่อย่างทางหลวงชนบทและแขวงทางหลวงให้มีอนุญาตด้วย

 

          การขโมยทรัพย์สินของทางราชการไม่ได้เป็นเพียงแค่ทำลายทรัพย์สินนั้นๆ  มันมี มูลค่าทางเศรษฐกิจ จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดท่องเที่ยวการดูแลทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญ  ที่ทางจังหวัดคำนึงถึง รวมทั้งความปลอดภัยด้านอุบัติเหตุ เราก็ให้ความสำคัญอยากจะขอความร่วมมือ ช่วยสอดส่องตรวจตราดูทรัพย์สินของทางราชการ  ที่มีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน

 

          นายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสตูล กล่าวว่า  ตั้งแต่ปี 2564-2567 ได้เก็บข้อมูลความเสียหายของทรัพย์สินภาพรวมพบว่าอยู่ที่ 1,500,000 บาท  ซึ่งปัจจุบันแขวงทางสตูลได้ดูแลทางหลวงจังหวัดสตูลตรังและสงขลา    แนวทางการแก้ปัญหาอันดับแรกคือการแจ้งผู้ประกอบการที่รับซื้อของเก่า ให้ทราบถึงโทษและรูปแบบของทรัพย์สินของทางราชการ ที่ผู้โจรกรรมจะนำไปขายเพื่อให้ทราบชัดเจนว่าหากท่านรับซื้อจะผิดกฎหมายรับซื้อของหลวง

 

         ในส่วนการนำนวัตกรรมมาใช้ในการป้องปรามได้มีการหารือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้ามีราคาสูงถึง 200,000 กว่าบาท ปัจจุบันทางการไฟฟ้าได้มีการใช้นวัตกรรมใหม่ในเรื่องของน็อตที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาจากหม้อแปลงเดิมอีก 3,000 กว่าบาท โดยในปี 2569 เราจะนำนวัตกรรมนี้มาใช้เพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินของทางราชการโดยการขโมยหม้อแปลงไฟฟ้า   ในส่วนพื้นที่ที่ถูกโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าและอุปกรณ์โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลตำมะลังระยะทางกว่า 5 กิโลเมตรขณะนี้ทางแขวงทางหลวงสตูลได้แก้ปัญหาจนสามารถเปิดจ่ายไฟให้กับผู้ใช้เส้นทางได้แล้ว 100%   พร้อมฝากประชาชนที่พบเห็นผู้ที่ส่อเจตนาในการที่จะขโมยทรัพย์สินของทางราชการ  ให้แจ้งทางแขวง 1586 หรือทาง facebook แขวงทางหลวงสตูลกรมทางหลวง

…………………………….

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า..ตำรวจทางหลวงชะอำสกัดจับ พ่อกับปู่  สองผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.สตูล  ได้หลังก่อเหตุตระเวนลักหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างริมทาง  แผนการโจรกรรมมาโป๊ะเมื่อจับลูกชายได้ขณะปีนเสาไฟซึ่งกำลังก่อเหตุ

คืบหน้า..ตำรวจทางหลวงชะอำสกัดจับ พ่อกับปู่  สองผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.สตูล  ได้หลังก่อเหตุตระเวนลักหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างริมทาง  แผนการโจรกรรมมาโป๊ะเมื่อจับลูกชายได้ขณะปีนเสาไฟซึ่งกำลังก่อเหตุ

         วันที่ 8 พ.ย.2567   หลังตำรวจ สภ.เมืองสตูล  ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีโจรกรรมทรัพย์สินของทางราชการ  เป็นชุดหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างริมทางสาธารณะ  เพิ่มเติมเป็นพ่อและปู่ ของ (นายเอ  นามสมมุติ ชายก่อเหตุวัย 16 ปี) ได้ขณะกำลังปีนเสาไฟฟ้าเพื่อลงมือลักสายไฟและลวดทองแดง  ที่ริมถนนสายตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล  แต่โชคร้ายที่มีพลเมืองดีมาเห็นและแจ้งฝ่ายปกครอง และตำรวจสกัดจับไว้ได้พร้อมของกลางหลายรายการ

 

         ก่อนที่จะมีการสอบสวนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการเป็นคนในครอบครัว ที่คอยดูต้นทางให้  โดยให้บุตรชายเป็นคนลงมือก่อเหตุ   จากนั้นตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คน เป็นพ่อและปู่  โดยพ่อชื่อนายศักดิ์สิทธิ์  (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี (ทำหน้าที่ขับรถและให้การช่วยเหลือ)  ส่วนนายสมจิตร  (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ปู่ (ทำหน้าที่สนับสนุนและดูต้นทาง) 

 

        แม้คนร้ายซึ่งเป็นพ่อและปู่ พยายามจะหลบหนีหลังบุตรชายถูกจับ แต่ก็ไม่รอดน้ำมือตำรวจ ซึ่งภายใต้การนำของ พล.ต.ต.จารุต   ศรุตยาพร  ผบก.ภาพ.จว.สตูล  พร้อมด้วยพ.ต.อ.เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ  ผกกก.สภ.เมืองสตูล โดยได้ประสานตำรวจให้สกัดทุกเส้นทางก่อนจะได้รับแจ้งจากหน่วยบริการทางหลวงชะอำ จ.เพชรบุรี  ว่า พบพ่อและปู่ตามหมายจับสตูล  ขับรถยนต์กระบะที่มีความพยายามเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถยนต์กระบะ อีซูซุ (จาก บท.7079 ชลบุรี)  มาเป็น บห 7079 ชลบุรี เพื่อตบตาเจ้าหนี่แต่ไม่รอด

          สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้มีนายเอ  นามสมมุติ อายุ 16 ปี และพวกรวม 4 คน ได้แก่ 1.นายศักดิ์สิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องหา  2.นายสมจิตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นปู่  ได้ตระเวนโจรกรรมทรัพย์ของทางราชการ  เมื่อถึงถนนบ้านตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล เมื่อไปถึงบริเวณเสาไฟฟ้าซึ่งมีหม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งอยู่และเป็นเส้นทางเปลี่ยว ไม่มีบ้านเรือนผู้คน ผู้ต้องหาจึงได้นำอุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อใช้ในการขึ้นไปถอดหม้อแปลงไฟฟ้า โดยศึกษาหาความรู้มาจากยูทูป โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ คอยให้การช่วยเหลือและรอรับหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่บริเวณด้านล่าง โดยมีนายสมจิตรฯ คอยดูต้นทางให้หลังจากถอดหม้อแปลงไฟฟ้ามาได้แล้วก็จะนำกลับมาเพื่อถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพื่อนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะใช้รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ก สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 7079 ชลบุรี ซึ่งเป็นของนายศักดิ์สิทธิ์ฯ โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้ต้องหา ร่วมทางไปด้วยทุกครั้ง  เมื่อได้หม้อแปลงไฟฟ้ามาครั้งนึงก็จะนำไปทันที โดยในแต่ละครั้งจะขายได้ราคาประมาณ 8,000-10,000 บาท ต่อลูก/ต่อครั้ง

 

          หลังจากได้เงินมาแล้วก็จะนำมาแบ่งกันและใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้ามาแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ก่อนมาถูกจับ  เงินจากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขโมยมาได้ประมาณ 40,000 บาท โดยผู้ต้องหาได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าทางยูทูป และดูวิธีการขึ้นไปถอดเปลี่ยนแปลง และร่วมกันสร้างอุปกรณ์ที่ใช้การลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวเอง

 

          พล.ต.ต.จารุต   ศรุตยาพร  ผบก.ภาพ.จว.สตูล สั่งการให้มีการขยายผลไปที่ร้านรับซื้อของเก่า   เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายที่คนร้ายก่อเหตุหลายแสนบาท   ประชาชนเดือดร้อนจากการใช้เส้นทาง อุบัติเหตุ     แต่เมื่อขโมยมาขายร้านของเก่ามีค่าเพียงแค่ 8,000 – 10,000 บาทเท่านั้น   นับว่าไม่คุ้มกับพี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางเสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุ   และฝากให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางช่วยเป็นหูเป็นตาหากพบบุคคลต้องสงสัยในการก่อเหตุโจรกรรมสามารถโทรมาแจ้งได้ที่ 191  ตลอด 24 ชม.

…………………………………….

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

พบหนุ่มนิรนามเสียชีวิตนอนจมในคูน้ำข้างทาง ทราบภายหลังเจ้าหน้าที่ อช.ทะเลบัน

สตูล  พบหนุ่มนิรนามเสียชีวิตนอนจมในคูน้ำข้างทาง ทราบภายหลังเจ้าหน้าที่ อช.ทะเลบัน

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันที่ 8 พ.ย.2567 เวลาประมาณ 06.30 น. พ.ต.อ.บุญเลิศ  ตรัสศิริ  ผกก.สภ.ฉลุง  ได้รับแจ้งพบศพชายนิรนามภายในคูระบายน้ำริมถนนสายใกล้โรงเรียนบ้านโคกประดู่ ต.ฉลุง อ.เมือง  จ.สตูล จึงประสานให้มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร พร้อมกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุ

 

        พบรถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ป้ายแดงเสียบกุญแจคารถตกในคูน้ำ ห่างไม่ไกลพบศพสวมเสื้อแจคเก็จสีน้ำมันกางเกงสีดำนอนเสียชีวิตจมน้ำ  และพบไฟฉายคาดหัวตกใกล้ศพพร้อมมีดพกตกอยู่  ตำรวจได้ทำการตรวจสอบตามป้ายทะเบียนรถพบว่าชื่อนาย อดิเรก  หยาหลี อายุ 37 ปี บ้านอยู่ที่อำเภอควนกาหลง  ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ที่หน่วยผาเดี่ยว อุทยานแห่งชาติทะเลบัน 

 

          โดยเจ้าหน้าที่ในหน่วยได้ยืนยันว่าใช่นายอดิเรกจริง  และครอบครัวมายืนยันอีกครั้งว่าใช่คนเดียวกัน  ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิต  ขณะนี้ทางตำรวจยังคงต้องรอชุดพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ยืนยันการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางตรง โดยเชื่อว่าการเสียชีวิตในครั้งนี้   ไม่ทิ้งประเด็น  อุบัติเหตุ , หลับใน หรือฆาตกรรม

         โดยเพื่อนของนายอดิเรก  บอกว่า  ผู้ตายทำงานที่ อช.ทะเลบันมานาน 10 ปีแล้ว  เป็นคนนิสัยดี ละหมาด 5 เวลา เพื่อนร่วมงานรักใครดี  

……………………….

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า-แถลงจับคนร้ายลักหม้อแปลง เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นปู่และพ่อผู้ต้องหาที่ทำเป็นธุรกิจในครอบครัว   ตร.ฟันไม่เลี้ยงร้านรับซื้อของโจร 

คืบหน้า…แถลงจับคนร้ายลักหม้อแปลง เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นปู่และพ่อผู้ต้องหาที่ทำเป็นธุรกิจในครอบครัว   ตร.ฟันไม่เลี้ยงร้านรับซื้อของโจร

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  จากกรณีที่มีพลเมืองดีแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่  1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูลพร้อมกำลังฝ่ายปกครองและตำรวจ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชายวัย 16 ปีได้ขณะปีนอยู่บนเสาไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า  และอุปกรณ์ไฟฟ้า   ที่บริเวณริมถนนเส้นทางตันหยงโป  อ.เมือง  จ.สตูล ได้พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ

            ล่าสุดวันนี้  (7 พ.ย.2567)  พล.ต.ต.จารุต   ศรุตยาพร  ผบก.ภาพ.จว.สตูล  พร้อมด้วยพ.ต.อ.เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ  ผกกก.สภ.เมืองสตูลพร้อมกำลังที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม และขยายผลออกหมายจับเพิ่มอีก 2 คนเป็นพ่อและปู่ของผู้ต้องหา  หลังพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีครอบครัวร่วมขบวนการในการกระทำความผิด  พร้อมเตือนให้ร้านรับซื้อของเก่าที่รับซื้อของโจร   โดยเฉพาะอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าส่องสว่างที่ใช้ในราชการเท่านั้นหากพบรับซื้อจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

          เนื่องจากมีมูลค่าเสียหายหลายแสนบาทแต่เมื่อมาขายร้านของเก่ามีค่าแค่ 8000 – 10,000 บาทเท่านั้น ไม่คุ้มกับพี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางเสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุ   และฝากให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้เส้นทางช่วยเป็นหูเป็นตาหากพบบุคคลต้องสงสัยในการก่อเหตุ  อย่างการปีนเสาไฟฟ้าเพื่อโจรกรรมสามารถโทรมาแจ้งได้ที่ 191

            สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้  นายเอ  นามสมมุติ อายุ 16  ปี และพวกรวม 4 คน ได้แก่ 1.นายศักดิ์สิทธิ์ กาญจนกาศ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 371 ม.1 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล  ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องหา  2.นายสมจิตร กาญจนกาศ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 371 ม.1 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นปู่  3.น.ส.ปรียดา สงวนนามสกุล อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 ม.5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้ต้องหาได้ร่วมกันขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ยามาฮา รุ่น เมท สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กพท 244 สตูล

           เดินทางไปยังบริเวณถนนบ้านตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล เมื่อไปถึงบริเวณเสาไฟฟ้าซึ่งมีหม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งอยู่ ผู้ต้องหา ได้นำอุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อใช้ในการขึ้นไปถอดหม้อแปลงไฟฟ้า โดยศึกษาหาความรู้มาจากยูทูป โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ ค่อยให้การช่วยเหลือและรอรับหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่บริเวณด้านล่าง

            และมีนายสมจิตรฯ และน.ส.ปรียดาฯ คอยดูต้นทางให้หลังจากถอดหม้อแปลงไฟฟ้ามาได้แล้วก็จะนำกลับมาเพื่อถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพื่อนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะใช้รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็ก สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 7079 ชลบุรี ซึ่งเป็นของนายศักดิ์สิทธิ์ฯ โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ฯ เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้ต้องหา และน.ส.ปรียดาฯ แฟนสาวร่วมทางไปด้วยทุกครั้ง เมื่อได้หม้อแปลงไฟฟ้ามาครั้งนึงก็จะนำไปทันที โดยในแต่ละครั้งจะขายได้ราคาประมาณ 8,000-10,000 บาท ต่อลูก/ต่อครั้ง

            หลังจากได้เงินมาแล้วก็จะนำมาแบ่งกันและใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้ามาแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ก่อนมาถูกจับ  ครั้งล่าสุดถูกจับได้ขณะกำลังพยายามลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ได้รับเงินจากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขโมยมาได้ประมาณ 40,000 บาท โดยผู้ต้องหาได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าทางยูทูป และดูวิธีการขึ้นไปถอดเปลี่ยนแปลง และร่วมกันสร้างอุปกรณ์ที่ใช้การลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวเอง

            โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ไปจำนวน 4 ลูก และพยายามที่จะลักหม้อแปลงไฟฟ้า เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 จริง และได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้ที่ขึ้นไปลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณเสาไฟฟ้าถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล

………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ขโมยลักสายไฟอาละวาด  ไฟดับทั้งสายเปลี่ยว ชาวบ้านผวาเสี่ยงภัยเดินทางยามค่ำคืน  ขณะที่แขวงทางหลวงเจ้าทุกข์ 2 ปีถูกไป 4 คดีขโมยทั้งหม้อแปลง ไม่เว้นแผ่นป้ายบอกทางกว่า 3 แสนบาทรัฐถูกโจรกรรม   ขึ้นป้ายเตือนภัยชาวบ้านสะท้อนมีทั้งด้านดีและไม่ดี 

ขโมยลักสายไฟอาละวาด  ไฟดับทั้งสายเปลี่ยว ชาวบ้านผวาเสี่ยงภัยเดินทางยามค่ำคืน  ขณะที่แขวงทางหลวงเจ้าทุกข์ 2 ปีถูกไป 4 คดีขโมยทั้งหม้อแปลง ไม่เว้นแผ่นป้ายบอกทางกว่า 3 แสนบาทรัฐถูกโจรกรรม   ขึ้นป้ายเตือนภัยชาวบ้านสะท้อนมีทั้งด้านดีและไม่ดี 

         วันที่ 6 พ.ย.2567   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  บริเวณพื้นที่  หมู่ 1 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล  ระยะทาง 4 ก.ม. เริ่มจากสะพานเกาะนก  ถึง  ท่าเรือตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูล  โดยสำนักงานแขวงทางหลวงสตูล  สำนักงานทางหลวงที่ 18 ได้ปิดแผ่นป้ายประกาศ  “ว่าขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีขโมยสายไฟฟ้าและทรัพย์สินของแขวงทางหลวงสตูลหลายรายการทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนไม่ปลอดภัยและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากผู้ใดพบเหตุผู้กระทำความผิดโปรดแจ้งตำรวจ 191 ตำรวจทางหลวง 1193 สายด่วนกรมทางหลวง 1586 แขวงทางหลวงสตูล 074772139 , พร้อมป้ายบอก “ไฟฟ้าแสงสว่างดับสายไฟถูกขโมย”

 

         จากแผ่นป้ายดังกล่าวยิ่งสร้างความตระหนกและตกใจกับชาวบ้านผู้สัญจรไปมาเพื่อออกไปทำมาหากิน  ทั้งแรงงานโรงงานที่ต้องเดินทางกลับบ้านค่ำมืด  นักศึกษา นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าต่างกังวลว่าตนจะเกิดอะไรหรือไม่ขณะใช้เส้นทางนี้เนื่องจากเป็นเส้นทางป่าโกงกาง ค่อนข้างเปลี่ยวเพราะมีหมู่บ้านป่าเพียงจุดเดียวและเป็นป่าโกงกางเกือบตลอดเส้นทาง ประกอบกับไฟฟ้าข้างทางที่เคยสว่างไสวกลับมาดับมือสนิทยิ่งสร้างความยากลำบากในการสัญจรไปมา กลัวจะมีการดักจี้ปล้นทำร้ายร่างกาย แต่ก็ต้องออกมาทำกินเพราะมีเพียงเส้นทางเดียว

 

        นางเจ๊ะนะ  เด็นหมาน  อายุ 56 ปี ชาวบ้านตำบลตำมะลัง หมู่ที่ 3  ยอมรับว่า  ถนนสายนี้ตั้งแต่ไฟดับน่ากลัวมาก แต่ตนต้องออกมาขายปลาในตัวเมืองตั้งแต่ตี 4 ครึ่งกลับสาย ๆ ทุกวัน อยากให้ช่วยกันอย่าให้ไฟดับเพราะมันเสี่ยงมากเราเป็นผู้หญิงที่ต้องขี่รถพ่วงมากัน เคยได้ยินข่าวว่ามีการจี้กันด้วยยิ่งน่ากลัว ส่วนป้ายเตือนให้ระวังขโมยคนร้ายก็ดีนะเรามองว่าจะได้เป็นการระวัง  แต่จะให้ดีอยากให้เร่งซ่อมไฟฟ้าข้างทางจะดีกว่า

 

          นางเจ๊ะสาลี  เด็นหมาน  ไกด์ชุมชนตำมะลัง  บอกว่า อยากให้ไฟฟ้าติดเร็ว ๆ เพราะเส้นทางนี้มีเด็กสาวทำงานโรงงานใช้เส้นทางตลอด 24 ชม.ส่วนตนหากมีปลาก็ต้องใช้เส้นทางนี้ตั้งแต่ตี 1 ตี 2 เพื่อมาขายปลา ไฟดับแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว เมื่อก่อนก็มีการลักสายไฟฟ้าบ้าง แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น   ในฐานะที่ตนเป็นไกด์ท้องถิ่นด้วย คิดว่าป้ายที่ติดตามข้างทางก็ดีนะเพราะทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวมาได้อ่านป้าย  แต่ป้ายเตือนระวังขโมยคิดว่าควรจะต้องถอดออกเพราะเสียภาพลักษณ์  นักท่องเที่ยวมาดูนกอินทรีย์ต้องมาคอยระวังโจรขโมย  อยากให้เอาป้ายออกและให้ตำรวจมาตระเวน 1-2 ชั่วโมงครั้งก็ยังดี หากเอาป้ายไว้เมื่อนักท่องเที่ยวถามก็ไม่อยากโกหกว่าขโมยเยอะ

          นายชาตรี   ปูหยัง  ผญบ.หมู่ 3  บ้านตำมะลังใต้ บอกว่า  ขโมยลักสายไฟฟ้าแขวงทางหลวงก็เรื่องนึง การติดป้ายก็เรื่องนึง  ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า  ป้ายเตือนระวังขโมยอยากให้เอาออกเพราะเกรงว่าชาวบ้านจะตื่นตระหนักและหวาดกลัวมากกว่าเตือนภัย    

 

          ในรอบ 2 ปีนี้ อุปกรณ์งานทางของกรมทางหลวง สำนักงานทางหลวงที่ 18 ได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไปแล้ว 4 ครั้ง บนถนนหมายเลข 406 กิโลเมตรที่ 94 ถึง 750 (เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 66) หัวขโมยได้ขโมยป้ายเตือน ขนาด.60 * 75 หายจำนวน 32 แผ่น เสาป้ายคอนกรีต , จำนวน 17 ต้น (วันที่ 30 สิงหาคม 66) เส้นทางเดิม ป้ายขนาด .75 * 75 จำนวน 4 แผ่นป้ายขนาด 75 * 1.8 จำนวน 1 แผ่นป้ายขนาด 6 * 75 จำนวน 6 แผ่น  (วันที่ 30 พฤษภาคม 66)   หมายเลขทางหลวง 406  ที่เดิม สายไฟ 30 เมตร,หม้อแปลง  และ, ครั้งที่ 4 (วันที่ 30 กันยายน 67) ที่เดิม หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่หายไปพร้อมอุปกรณ์จำนวน 1 ชุด  รวมมูลค่าความเสียหาย 4 ครั้งที่ถูกโจรกรรม  329,695 บาทยังจับคนร้ายก่อเหตุไม่ได้

 

          นายณรงค์ศักดิ์  นันทคำภิรา  ผอ.แขวงทางหลวงจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  สิ่งที่ถูกโจรกรรมไปไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ป้ายจราจร ป้ายบังคับ ป้ายเตือน  ทั้งหมดนี้คือต้องการประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้ทราบว่า   ต้องช่วยกันดูแลสอดส่อง   แนวทางแก้ไขต้องบูรณาการแก้ไขช่วยกันดูแลสอดส่อง  พร้อม ประชาสัมพันธ์ร้านรับซื้อของเก่า จะปชส.ว่าอันในของราชการ

 

          เพราะสิ่งที่ตามมาคือไฟฟ้าเสียหายดับทั้งหมด 60 ดวง แขวงทางหลวงสตูลได้แก้ชั่วคราวโดยต่อไฟสายตรงมาจากตู้เซฟตี้เพื่อให้ใช้ไฟได้ชั่วคราว แต่!!เกิดเหตุซ้ำอีก   โดยขณะนี้ได้มีการบูรณาการทุกฝ่ายให้ช่วยกันสอดส่อง และจัดสายตรวจช่วยจับตัวคนร้าย ที่เชื่อว่าเป็นคนวงในเกี่ยวกับไฟฟ้า เพราะมีความถนัดถึงจะมาตัดสายไปได้มาดำเนินคดีให้โดยเร็ว

……………………………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

กรรมติดจรวด หัวขโมยสายไฟริมถนนถูกรวบคาเสาไฟฟ้าพร้อมของกลางเพียบ  ตร.เตรียมขยายผลขบวนการตระเวนลักทรัพย์ของหลวง

กรรมติดจรวด หัวขโมยสายไฟริมถนนถูกรวบคาเสาไฟฟ้าพร้อมของกลางเพียบ  ตร.เตรียมขยายผลขบวนการตระเวนลักทรัพย์ของหลวง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อกลางดึกทีผ่านมานายสามารถ พันธ์นาค  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลตันหยงโป พร้อมด้วย ผู้ช่วย ผู้ใหญ่ สารวัตร   ได้รับร้องเรียนจากทางหลวงชนบทสตูลว่า  สายไฟส่องสว่างริมข้างทางเข้าหมู่บ้านถูกคนร้ายลักตัดไปขายส่งผลให้ไฟฟ้าในหมู่บ้านดับ    ทางฝ่ายปกครองหมู่  ได้ออกตระเวนตรวจที่เกิดเหตุ

 

           พบคนร้ายตามที่รับแจ้งกำลังก่อเหตุอยู่บนเสาไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์การขโมยที่ชำชองชำนาญการ  ทามกลางความมืดมิดมมีเพียงไฟที่หัวของคนร้ายที่กำลังลงมือก่อเหตุขโมยสายไฟฟ้า    เหตุเกิดเสาไฟฟ้าที่ 32 ถนนตันหยงโป ม.1 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล จึงเรียกตัวให้ลงมาจากเสาไฟฟ้า  โดยเจ้าตัวยินยอมให้จับกุมโดยดีโดยยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมบอกว่าตนลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ  ถามหารถที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางมาแต่บ่ายเบี่ยง พร้อมรับว่าตนเคยทำงานติดตั้งสายไฟฟ้าภายในอาคาร จึงมีความชำนาญในการปีนขึ้นไปตัดสายไฟให้ไฟฟ้าดับและลงมือขโมยในครั้งนี้

 

         พร้อมประสานตำรวจสภ.เมืองสตูลภายใต้การนำโดย พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ ปรากฏซื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.สุวิชญ์ ภู่สถิตย์ รองผกก.ป.สภ.เมืองสตูล พ.ต.ท.ดิเรก หยงสตาร์ สวป.สภ.เมืองสตูลสั่งการให้ร.ต.อ.บุญเลิศ ยิ้มเย็น รอง สวป.สภ.เมืองสตูล  พญาวัง 20 พร้อมพวกสายตรวจหน้าเมืองร.ต.อ.ดลซอหมาด ดำท่าคลอง ร.ต.ต.รสนัน ตอหิรัญ

         ร่วมจับกุมตัวชายอายุ 16 ปี  ชาว ต.ควนขัน  อ.เมือง จ.สตูล พร้อมของกลางและเตรียมขยายผลที่ทำให้เชื่อว่าไม่ได้ลงมือตระเวนลักทรัพย์สายไฟฟ้าของหลวงเพียงลำพัง   สำหรับของกลางทั้งหมดที่จับกุมได้ในครั้งนี้

 

         1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) ใช้กับกระสุนขนาด.38 มม.จำนวน 1 กระบอก  2.กระสุนปืนขนาด.38 จำนวน 3 นัด

         3.เหล็กแป้บร้อยสายไฟ1(เส้น)ยาวประมาณ 2 เมตร  4.คีมตัดเหล็กขนาด 30 นิ้ว จำนวน 1 ตัว  5.คีมตัดสายไฟยาว 13 นิ้ว จำนวน 1ตัว  6.เลื่อยตัดเหล็กยาว 16 นิ้ว จำนวน 1 ตัว  7.เข็มขัดนิรภัยสำหรับปืนเสา 2 อัน  8.เหล็กปืนเสา 2 ตัว  9.เชือก จำนวน 1 เส้น

         10.ตะขอไว้โรยตัว 1 อัน  11.กระเป๋าสะพายหลังสีเทา 1 ใบพร้อมประแจชนิดต่างๆ  9 อัน  12.กระเป๋าข้างสีเทาจำนวน 1 ใบ  13.ไฟฉาย 1 อัน  แจ้งข้อกล่าวหามีความผิด   ในที่ลักทรัพย์ของทางราชการในเวลากลางคืนมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

………………………………..

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า สาวใหญ่ยันไม่หนีคดีชนรถ เห็นค่าซ่อม 6.5 หมื่นแพงเกิน พร้อมสู้คดีในชั้นศาล  ไม่เจตนาหนี อ้างฝนตกหนัก-ทัศนวิสัยไม่ดี  ยันไม่ได้อ้างชื่อแม่ทัพภาค 4 เมื่อถามมาก็ตอบไป  พร้อมเคลียร์ค่าเสียหายตามเหมาะสม

สตูล –  คืบหน้า สาวใหญ่ยันไม่หนีคดีชนรถ เห็นค่าซ่อม 6.5 หมื่นแพงเกิน พร้อมสู้คดีในชั้นศาล  ไม่เจตนาหนี อ้างฝนตกหนัก-ทัศนวิสัยไม่ดี  ยันไม่ได้อ้างชื่อแม่ทัพภาค 4 เมื่อถามมาก็ตอบไป  พร้อมเคลียร์ค่าเสียหายตามเหมาะสม

จากกรณีแม่ค้าสาวใหญ่สตูลได้ร้องสื่อมวลชนให้ช่วยหลังอ้างว่าคู่กรณีชนแล้วหนี  อีกทั้งอ้างตัวเป็นผู้พิพากษาสมทบและสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4  ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น   วันนี้ทางทีมสื่อได้พยายามติดต่อคู่กรณีเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยอ้างว่า ไม่เคยคิดอ้างผู้ใหญ่เมื่อมีคนถามมาก็ตอบไปตามความเป็นจริง ยืนยันไม่คิดหนีแต่ตอนนั้นตกใจไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน 

 

นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 2 ต.เกตรี  อ.เมือง  จ.สตูล  ได้ติดต่อเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่ารถตู้ (ใช้ไปขายของตามตลาดนัด) ของตนซึ่งจอดสนิทอยู่หน้าบ้านดังกล่าวที่เตรียมจะไปขายของตอนตี 5 นาฬิกาแล้วจู่ ๆ เวลาประมาณ  1.10 น.ของวันที่ 26 ต.ค.2567 ขณะเพิ่งกลับจากทำงานไม่นานได้นั่งดูทีวีภายในบ้านได้ยินเสียงโครมอย่างหนักจึงรีบออกไปดู  พบว่ารถตู้คู่ใจทำงานของตนได้กระเด็นขึ้นมาเกยบนฟุตบาท และเห็นรถรถยนต์เก๋งแบนซ์คันก่อเหตุได้พยายามขับมุ่งหน้าหนีไปในเมืองโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดรถหลังก่อเหตุ

 

ทันใดนั้นตนจึงรีบโทรแจ้ง 191 ให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว ก่อนตำรวจจะไปพบว่ารถคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองสตูล  และได้ทำการยึดมาตรวจสอบ พร้อมเรียกเจ้าของรถ(ผู้หญิง)มาให้ปากคำโดยระหว่างนั้นเจ้าของรถได้ให้การภาคเสธกับตำรวจ และยืนยันว่าไม่ได้ผิดไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย ที่ทางเจ้าทุกข์ได้ให้ช่างประเมินราคาแล้ว 65,000 บาท เพราะรถตู้จอดผิดที่เอง หากอยากได้  ให้ไปคุยกันที่ศาล และยังได้อ้างตัวกับตนและตำรวจว่ารู้ไหมว่าตนเป็นใคร ตนเป็นผู้พิพากษาสมทบ และรู้จักกับแม่ทัพภาคที่ 4

 

 ซึ่งเจ้าทุกข์นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี  มองว่ามากล่าวอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ทำไม เมื่อทำผิดก็น่าจะต้องรับผิดกลับเชไช หรือว่าจะพลิกคดีเพราะรู้จักคนใหญ่คนโต  ไม่ยอมชดใช้จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยให้ดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย  แม้ทางตำรวจเองก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี   มีความกังวลว่า  เขาอาจจะใช้เงินทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่เราต้องการความถูกต้อง เขาจ้างทนายมาเพื่อจะไม่จ่ายตังให้  เรามองว่าเขายังเอาคนใหญ่คนโตมาพูดทั้งเขาก็ไม่รู้เรื่อง  และยังอ้างว่าตนไปสืบทราบมาว่าผู้ชนแล้วหนีในวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง ดื่มไวน์มาหรือไม่นั้นไม่ทราบ  อยากให้มีการตรวจสอบแต่ตนมีภาพถ่ายงานเลี้ยงก่อนวันก่อเหตุด้วย

 

โดยขณะนี้คดีทางร้อยเวรสภ.เมืองสตูล ได้ประสานให้ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐาน  เข้ามาตรวจร่องรอยการชนของรถเบนซ์และรถตู้คันเกิดเหตุ  เพื่อเป็นหลักฐานว่าใครผิดใครถูกกันแน่  โดยตำรวจยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน

 

           ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับคู่กรณี  และพร้อมจะชี้แจงในกรณีที่ถูกกล่าวหา

          โดยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า  ตนชนจริงแต่ไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวจอดอยู่ที่ข้างถนน และอยู่ตรงจุดที่กำลังมีการก่อสร้าง มีแท่งแบริเออร์วางอยู่เต็มหมดเลย ขณะที่ขับรถตามวันเวลาดังกล่าว พยายามหลบแท่งแบริเออร์แต่ได้แฉลบไปชนรถของเขา

          ประกอบกับดึกแล้วตีหนึ่งกว่า ฝนตกหนัก มืดไม่มีแสงสว่างเลย ไม่กล้าจอดรถอยู่นานได้จอดแค่แป๊บเดียว มองไม่เห็นอะไรเลยก็เลยตัดสินใจขับรถกลับบ้านก่อนดีกว่า  พอมาถึงบ้านพบว่ายางรถเสียหมดเลย

         ยืนยันได้ว่าไม่ได้เจตนาที่จะหนี และหลังไปเจอตำรวจ ได้ยอมรับกับตำรวจว่าชนจริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้ตำรวจฟัง จากนั้นตำรวจได้ขอใบขับขี่และบัตรประชาชน เมื่อตำรวจเห็นบัตร และได้สอบถามว่าพี่ทำงานอะไร และได้บอกว่าตนเองได้ทำธุรกิจส่วนตัว แล้วตำรวจถามว่าเห็นใส่ชุดคล้ายข้าราชการถ่ายรูปติดบัตร ก็เลยบอกว่าตนเป็นผู้พิพากษาสมทบ จากนั้นตำรวจบอกว่าถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไรสามารถเช็คประวัติได้ พี่ก็ได้บอกว่าเช็คได้เลยพี่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ผ่านการตรวจสอบมาแล้วไม่เคยทำความผิดอะไร

         แต่พอพี่กำลังจะกลับหลังจากให้ปากคำตำรวจเสร็จ มีน้องในโรงพักเขาถามว่าพี่มาจากไหน พี่เลยบอกว่ามาจากงานเลี้ยงแม่ทัพภาคที่ 4 และมีน้องอีกคนที่อยู่ในโรงพักถามว่าพี่รู้จักแม่ทัพภาคที่ 4 เหรอ ตนก็ยอมรับว่ารู้จัก โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่ารู้จักตั้งแต่ทีแรก  ซึ่งน้องเจ้าทุกข์ก็นั่งอยู่ด้วยก็ยังได้บอกกับตนเลยว่าตนเองก็รู้จักแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยเช่นกัน เพิ่งไปทอดกฐินมา ตนก็บอกว่าตนก็ไปทอดกฐินด้วยเช่นกันที่รัตภูมิ  จึงได้มีการคุยกันและบอกว่าเป็นเพื่อนกับภรรยาของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 เรียนปริญญาโทมาด้วยกัน สนิทกันจึงได้มีการเล่าสู่กันฟัง

        ยืนยันว่าไม่ได้กล่าวอ้างเพื่อที่จะให้พ้นผิด   เพราะเรื่องคดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่โต คอขาดบาดตาย ตนสามารถเคลียร์ของตัวเองได้ ซึ่งทางเจ้าทุกข์ก็บอกว่ารู้จักกับภรรยาของท่าน ตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะที่วัดทอดพระป่าใครก็ไปได้ จากนั้นจึงขอตัวกลับก่อน

         ทางเจ้าทุกข์ได้บอกกับตนว่าได้ให้อู่ตีราคามาแล้วจำนวน 65,000 บาท ซึ่งตนได้บอกกับเจ้าทุกข์ว่า ราคาสูงไป แล้วได้บอกว่าขอคิดดูก่อน และบอกว่าไม่ลดอะไรให้อีกแล้วหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นตนเลยบอกว่า ก็ค่อยไปว่ากันในศาล ก็ได้. ซึ่งตนได้พูดแนวนี้

          ถ้าเขาไม่ยอมให้พี่จ่ายเท่านั้นพี่ก็สู้ไม่ไหว ซึ่งเห็นว่าเขาก็ผิดเหมือนกัน เพราะเขาไปจอดรถที่ไหล่ถนน เป็นพื้นที่แคบและเป็นพื้นที่ก่อสร้าง ตนเห็นว่าไม่เหมาะที่รถตู้จะไปจอด

          ซึ่งตนสามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าไม่เคยกล่าวอ้างชื่อแม่ทัพแต่อย่างใด  เพราะจะโทรก็สามารถยกหูโทรได้เลย เพราะตนคุยทุกวัน

         ตนก็ยืนยันว่าจะขอเคลียร์กับเจ้าทุกข์แต่ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้นก็ไม่ไหว เพราะมันสูงเกินไป เพราะถ้าพี่ผิดจริงๆก็ต้องให้ทางชุดพิสูจน์หลักฐานเขาทำงานก่อน ถ้าผิดจริงๆก็ค่อยคุยกันเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าค่าใช้จ่ายสูงเกินไปจะขอลดได้อีกไหมเพราะเขาก็ผิด

         พอมาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเสียความรู้สึกมากเลย  เพราะอยากจะไกล่เกลี่ยเหมือนกัน  ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงต้องว่ากันอีกที

…………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ร้องสื่อหลังเจอคู่กรณีชนแล้วหนี อ้างตัวสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น

สตูล – ร้องสื่อหลังเจอคู่กรณีชนแล้วหนี อ้างตัวสนิทกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ยอมรับผิดชอบให้ไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น

           ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 29 ต.ค.2567   นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 2 ต.เกตรี อ.เมืองสตูล  ได้ติดต่อเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่ารถตู้ (ใช้ไปขายของตามตลาดนัด) ของตนซึ่งจอดสนิทอยู่หน้าบ้านดังกล่าวที่เตรียมจะไปขายของตอนตี 5 นาฬิกาแล้วจู่ ๆ เวลาประมาณ  01.10 น.ของวันที่ 26 ต.ค.2567 ขณะเพิ่งกลับจากทำงานไม่นาน ได้นั่งดูทีวีภายในบ้านได้ยินเสียงโครมอย่างหนักจึงรีบออกไปดู  พบว่ารถตู้คู่ใจทำงานของตนได้กระเด็นขึ้นมาเกยบนฟุตบาท และเห็นรถรถยนต์เก๋งแบนซ์คันก่อเหตุได้พยายามขับมุ่งหน้าหนีไปในเมืองโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดรถหลังก่อเหตุ

        ทันใดนั้นตนจึงรีบโทรแจ้ง 191 ให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว ก่อนตำรวจจะไปพบว่ารถคันดังกล่าวไปจอดอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองสตูลและได้ทำการยึดมาตรวจสอบ พร้อมเรียกเจ้าของรถ(ผู้หญิง)มาให้ปากคำโดยระหว่างนั้นเจ้าของรถได้ให้การภาคเสธกับตำรวจ และยืนยันว่าไม่ได้ผิดไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย  ที่ทางเจ้าทุกข์ได้ให้ช่างประเมินราคาแล้ว 65,000 บาท เพราะรถตู้จอดผิดที่เอง หากอยากได้ให้ไปคุยกันที่ศาล และยังได้อ้างตัวกับตนและตำรวจว่ารู้ไหมว่าตนเป็นใคร  และรู้จักกับแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเจ้าทุกข์นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี  มองว่ามากล่าวอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ทำไม เมื่อทำผิดก็น่าจะต้องรับผิดกลับเชไช หรือว่าจะพลิกคดีเพราะรู้จักคนใหญ่คนโต  ไม่ยอมชดใช้จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยให้ดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย  แม้ทางตำรวจเองก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

          นางสาวณัฎฐณิชา  อาลี   มีความกังวลว่าเขาอาจจะใช้เงินทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่เราต้องการความถูกต้อง เขาจ้างทนายมาเพื่อจะไม่จ่ายตังให้  เรามองว่าเขายังเอาคนใหญ่คนโตมาพูดทั้งเขาก็ไม่รู้เรื่อง  และยังอ้างว่าตนไปสืบทราบมาว่าผู้ชนแล้วหนีในวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยง  ดื่มไวน์มาหรือไม่นั้นไม่ทราบ  อยากให้มีการตรวจสอบแต่ตนมีภาพถ่ายงานเลี้ยงก่อนวันก่อเหตุด้วย

         โดยขณะนี้คดีทางร้อยเวร สภ.เมืองสตูล  ได้ประสานให้ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจร่องรอยการชนของรถเบนซ์และรถตู้คันเกิดเหตุเพื่อเป็นหลักฐานว่าใครผิดใครถูกกันแน่  โดยตำรวจยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน

         จากข้อสังเกตบริเวณหน้ารถยนต์เบนซ์ สีดำ ยังพบสติกเกอร์ติดหน้ารถ เข้า-ออก ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ติดไว้ด้วย

………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน