Categories
ข่าวเด่น

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

           จากกรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เขียนถึงสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล ได้ทำโครงการพัฒนาแหล่งเที่ยวของจังหวัดสตูล สร้างแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติอุทยานธรณีโลก จำนวนสามแห่ง ใช้งบ 11,385,000 บาท  หนึ่งในนั้นอยู่บริเวณน้ำตกธารปลิว หมู่ 10 ต.ทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ทำเป็นอาคารศูนย์เรียนรู้ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินไฟเบอร์อย่างดี ห้องน้ำชายหญิง ป้อมจุดตรวจ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติพร้อมจุดพัก

          แล้วเสร็จเมื่อปี 65 แต่ไม่เปิดใช้งาน เหตุไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เลยปล่อยทิ้งไว้ ปัจจุบันห้องน้ำประตูแตก กระจกแตก โถส้วมมีแต่ดิน บริเวณรอบ ๆ อาคารทรุดโทรม หญ้าขึ้นรก กลายเป็นที่เลี้ยงควายของชาวบ้าน นับได้ว่ามีประโยชน์กับชุมชน

        ล่าสุด นายธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร  ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ทันที ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเพจชื่อดังโพสต์แชร์ เพื่อทำการตรวจสอบ โดยพบว่า สถานที่ดังกล่าวถูกเก็บกวาด ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

        ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ชประจำจังหวัดสตูล กล่าวว่า ลงมาดูพร้อมเตรียมขอรายละเอียดจากทางหน่วยที่เกี่ยวข้องส่งเอกสาร ข้อมูลโครงการดังกล่าวส่งถึง ป.ป.ช.ตรวจสอบในครั้งตอไป

        ด้านนายชุติพงศ์ พลวัฒน์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด กล่าวว่า  ตอนนี้เตรียมประสานการเดินหน้าไฟฟ้าให้เข้าถึง และจัดให้เป็นสถานที่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว  ส่งเจ้าหน้าที่มาประจำ  หากกรณีไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็จะใช้เครื่องปั่นไฟก่อนส่วนการลงมาตรวจสอบในครั้งนี้พร้อมให้ความร่วมมือ

         สำหรับ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ  อุทยานธรณีโลกน้ำตกธารปลิว วงเงินงบประมาณ  4,968,400 บาท  เป็น 1 ใน 3 กิจกรรม  ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ปีงบประมาณ พ.ศ.2564  โดยวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ประชาชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น  ควบคู่กับการแก้ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกคุกคามอยู่ ณ ปัจจุบัน

……..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ไม่รอดสายตา ตม.สตูล    ชายชาวอินโดนีเซียแอบใช้หนังสือเดินทางปลอมหวัง

ไม่รอดสายตา ตม.สตูล    ชายชาวอินโดนีเซียแอบใช้หนังสือเดินทางปลอมหวังเข้าไทยโดนรวบคาด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสตูล  เข้มงวดการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักรทั้งด่านทางบกและด่านทางทะเล  อย่างต่อเนื่อง   ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดตรวจสอบคนต่างด้าวที่เดินทางเข้าและออกราชอาณาจักรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการใช้หนังสือเดินทางปลอมหรือมีดวงตราประทับปลอม เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมคนต่างด้าวที่ใช้หนังสือเดินทางหรือตราประทับปลอมมากขึ้น โดยมุ่งเน้นเพื่อเป็นการกวาดล้างอาชญากรรมตามนโยบายของรัฐบาล

          ล่าสุด  พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล ได้ขานรับนโยบาย โดยในวันนี้ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน จว.สตูล ปฏิบัติหน้าที่ ได้มี MR.FERI DONA อายุ 30 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน โดยใช้หนังสือเดินทางสัญชาติอินโดนิเซีย เลขหนังสือเดินทาง B6605823 เพื่อใช้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย     

        เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ได้ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางอย่างละเอียดและพบว่าหนังสือเดินทางมีลักษณะน่าสงสัยคล้ายเป็นหนังสือเดินทางปลอม เนื่องจาก ไม่มีลายน้ำในหน้าเอกสารแต่ละแผ่นและรอยปรุของเลขหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย จึงได้ตรวจสอบผ่านระบบ Biomatrix พบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม

           จึงได้สอบถาม MR.FERI DONA ยอมรับว่า ได้รับหนังสือเดินทางฉบับดังกล่าวมาจากเพื่อนชาวมาเลเซีย เมื่อ 4 วันที่ผ่านมาขณะที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 600 ริงกิต หรือประมาณ 4,800 บาท โดยหวังจะเอามาใช้เดินทางเข้ามาทำธุระในประเทศไทย จึงได้จับกุมตัวแจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่า “ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม” และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ ทำบันทึกจับกุม ส่ง พงส.สภ.ควนโดน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยฐานความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

          ทั้งนี้  ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล ได้ขานรับนโยบายของผู้บังคับบัญชา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มมาตรการและความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักร เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ที่มีโทษทางอาญาอย่างจริงจัง หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดในจังหวัดสตูล กรุณาแจ้งมายัง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล เลขที่ 6 ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 074711080 หรือที่สายด่วน 1178 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงตรวจชายแดนสตูลขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย เน้นท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจตั้งรายได้สะพัด เพิ่มเท่าตัว  5 แสนล้านบาท  เพื่อเสนอครม.สัญจรที่ จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงตรวจชายแดนสตูลขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย เน้นท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจตั้งรายได้สะพัด เพิ่มเท่าตัว  5 แสนล้านบาท  เพื่อเสนอครม.สัญจรที่ จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

          วันนี้ (22 ม.ค.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และเข้าร่วมการประชุมการขับเคลื่อนงานตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ ในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ

         

         จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพของด่านการค้าชายแดนวังประจัน ติดตามนโยบาย ทวิน-ซิตี้  รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

 

         โดยแนวทางการยกระดับทวิน-ซิตี้ ชายแดนไทย-มาเลเซีย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ ประธาน กพต. ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับรัฐติดชายแดน ไทย-มาเลเซีย สู่การเป็นเมืองคู่แฝด เมื่อวันที่  23 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับวางแนวทางเพื่อความร่วมมือการพัฒนารัฐติดชายแดนไทย – มาเลเซีย ในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าขายการลงทุน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมฮาลาล รวมไปถึงการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เทคโนโลยี การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ตั้งเป้าให้ประชาชนในพื้นที่ จชต. มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนำไปสู่การลดปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ เกิดความร่วมมือ สร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

                       

         นอกจากนี้ ยังมีแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างรัฐติดชายแดน โดยจังหวัดปัตตานี และ จังหวัดสงขลา และ 5 รัฐ ตอนเหนือของมาเลเซีย ที่จะมีการผลักดันสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านอาหาร, เปิดสถานบันเทิงครบวงจรหาดใหญ่-สงขลา ร่วมกับ 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย  พร้อมจัดแสดงสินค้าและบริการ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่น่าสนใจอาทิเช่น กิจกรรมท่องเที่ยวขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ กิจกรรมวิ่งเทรลที่เบตง กิจกรรมแข่งขันตกปลาที่สตูล กิจกรรม OTOP 2 แผ่นดิน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น

                       

          จากนั้นภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านชายแดนวังประจัน พื้นที่อำเภอควนโดน เพื่อตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านให้เป็นด่านอัจฉริยะ (smart boarder) ยกระดับการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ รองรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

            นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) กล่าวว่า  ขณะนี้ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศรวมกันแล้ว 4-5 แสนคน   สินค้าที่ส่งไปมาทางช่องทางนี้อาจจะยังไม่มากเนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูง   รถพ่วงอาจจะยังไม่สะดวกในการขนส่งขึ้นบนเขาเส้นทางนี้    ได้ซึ่งก็พบว่าทางมาเลเซียก็เตรียมแผนข้อมูลนี้ไว้หารือ และเตรียมส่งข้อมูลนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเนื่องจากพบว่า   นายกมาเลเซียกับนายกไทย   ได้มีการพบปะหารือกันบ่อย  ก็เชื่อมั่นว่าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกจังหวัดจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล นายกเศรษฐา   ทวีสิน  เป็นอย่างดียิ่ง  จะกระตุ้นรายได้เข้าทั้งสองประเทศเพิ่มเป็นเท่าตัว  ตามชายแดนที่มาจับจ่ายหัวละ 1000 -10,000 บาท ( เป็นเงิน 500 – 5,000 ล้าน)   จากตัวเลข 5 แสนคน ได้จากการผ่านช่องทางหน้าด่านชายแดนนี้ที่เราจะต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี   ส่วนจะขยายเวลาเปิดด่านจากเดิม  6  โมงเย็นจะขอเป็น 2 ทุ่มนั้น   ต้องให้นายกรัฐมนตรีไทยเป็นคนไปเจรจา ซึ่งเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้หมดหากมีการพูดคุยกัน  โดยทั้งหมดนี้นั้น  จะนำเสนอครม.สัญจรที่จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

 

          สำหรับด่านชายแดนวังประจัน หรือ ศูนย์ราชการด่านวังประจัน สร้างตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2524 ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน มีเนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งขณะนั้นมีส่วนราชการเข้าไปปฏิบัติงานในศูนย์ราชการ 3 หน่วยงาน คือ ด่านศุลกากรวังประจัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอควนโดน และสถานีกักกันพืช จากนั้นได้มีการปรับปรุงที่สำคัญ 2 ครั้ง คือ การขยายอาคารด่านพรมแดนฯ เมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยงบพัฒนาจังหวัดสตูล จำนวน 7 ล้านบาท และการปรับปรุงอาคารบ้านพักอาศัยเดิมจำนวน 12 ยูนิต โดยงบสนับสนุนภารกิจกรมศุลกากร จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2565

         

          ปัจจุบันพื้นที่ตั้งด่านศุลกากร และอาคารด่านพรมแดนฯ มีสภาพคับแคบประกอบกับสภาพอาคารต่าง ๆ มีสภาพทรุดโทรมเป็นผลให้การบริการในการขนถ่ายสินค้า และการบริการช่องทางรถส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถสินค้า ไม่เพียงพอต่อปริมาณรถและการค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จังหวัดสตูลได้ร่วมมือกับด่านศุลกากรวังประจัน และสำนักโยธาธิการและผังเมืองผลักดันโครงการพัฒนาด่านฯ ตามโครงการ Smart Border เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และการเติบโตด้านการค้า และการเติบโตการค้าของจังหวัดสตูล และเป็นการรองรับการสนองตอบโครงการไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ต่อไป

……………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-“หมอบ๊ะ แก้คุณไสย”  เชื่อมีขุนทรัพย์กลางทะเลสตูล  หลังพบฟอสซิลฮอลิคอร์ปเตอร์โบราณกลายเป็นหิน

“หมอบ๊ะ แก้คุณไสย”  เชื่อมีขุนทรัพย์กลางทะเลสตูล  หลังพบฟอสซิลฮอลิคอร์ปเตอร์โบราณกลายเป็นหิน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่บ้านเลขที่  295 หมู่ที่ 2 ซอยเจริญทรัพย์  ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นบ้านของ  นางสาวเจ๊ะบา  ปะหยังหลี   หรือ  หมอบ๊ะ  ได้ยกมือขอทวดในการนำซากเหล็กกลายเป็นหิน   ซึ่งอยู่ในกระบะพลาสติกมาให้สื่อได้ดู  โดยบอกกับสื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้รู้ว่านี่คือ  ซากเครื่องเฮลิปคอร์ปเตอร์โบราณ  ที่ตนเก็บไว้นานนับปี

 

          โดยชิ้นส่วนเหล็กที่กลายเป็นหินนับ 20 ชิ้นนำมาวางเรียงรายให้สื่อได้ดู  พร้อมกับรูปภาพพื้นที่จริงที่เจอในเกาะแหล่งหนึ่งของ  ต.เกาะสาหร่าย  อ.เมือง  จ.สตูล  ที่เข้าไปพบเมื่อปีที่แล้ว

 

          นางสาวเจ๊ะบา  ปะหยังหลี   หรือ  หมอบ๊ะ   เล่าว่า  “ตนเป็นหมอรักษาคุณไสยและเสริมดวง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หากใครอยากจะให้รับเป็นข้าวสารที่นำไว้ส่งต่อให้คนยากไร้  สำหรับการเจอชิ้นส่วนเหล็กกลายเป็นหินเมื่อปีที่แล้วมีชายผอมสูงวัย  พร้อมเหน็บดาบมา 2 ด้ามด้านหลัง  เข้าฝันตนว่า  “ถึงเวลาแล้วที่จะบอกว่ามีแหล่งขุมทรัพย์กลางทะเลให้ตนเข้าไปค้นหา”  ซึ่งในฝันนั้นตนได้ปฏิเสธ ไม่อยากได้ไม่อยากไป  แต่ก็เข้าฝันติดต่อกัน 3 วัน โดยวันที่สามขณะฝันตามเนื้อตัวร่างกายเจ็บปวดเหมือนมีอะไรมาทับและดึงไว้หากไม่ทำตามที่ทวดบอก 

 

          หลังตื่นจากฝันในวันที่ 4 จึงออกไปตามลายแทงที่ทวดบอก   นั่งเรือไปกลางทะเลเกาะสาหร่าย  ในพื้นที่ป่าโกงกาง และนำพระขันธ์  หรือมีดกริช  ไปด้วยจากนั้นให้ทิ่มลงบนพื้นผิวน้ำ

 

          จากนั้นก็เกิดปรากฏการณ์ขึ้นพบลานกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 20 เมตร ซากเฮลิคอร์ปเตอร์เหล็กที่กลายเป็นหินสมบูรณ์แบบมาก  (ขนาด 2 ที่นั่ง)   เชื่อว่าเกิดจากช่วงสงครามโลกในยุคที่ 1 จึงนำบางส่วนกลับมาไม่บอกใคร  จนทวดบอกว่าถึงเวลาแล้วจะต้องให้ทั่วโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเชิญนักข่าวมาร่วมพิสูจน์เพื่อให้นักธรณีวิทยา หรือหน่วยงานเกี่ยวข้องมาสำรวจ  เพื่อให้สตูลเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

        นางวรัญญา  หมัดสา  หรือ คุณด๊ะ  อายุ 47 ปี หมู่ 5  ต.ฉลุง อ.เมือง  กล่าวว่า  หมอบ๊ะ  ตนรู้จักกันตอนไม่สบาย  มารักษาอาการที่หมอหลวงรักษาไม่ได้   ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร  เอาข้าวสารเท่านั้นก็เอาไปเพื่อบริจาคต่อ     ส่วนการเจอซากเครื่องบิน  ครั้งแรกก็สะดุดตา   ปรึกษากันตลอด  เพราะหมอบ๊ะมีอาการเจ็บปวดเสมอเมื่อพูดถึง ซึ่งจำเป็นต้องบอกสื่อเพราะทวด สั่งไว้  สิ่งนี้เชื่อว่าจะช่วยเปิดเมืองสตูลให้โลกรู้  เมื่อมีหน่วยงานเข้าไปดูว่าเป็นฟอสซิลของเฮลิปคอรเตอร์  ใช้โอกาสตรงนี้ให้เขาได้รู้จักสตูล

          หมอบ๊ะ  ยังบอกทิ้งท้ายทวดยังเผยว่าชั้นใต้ซากของเฮลิคอร์ปเตอร์มีหีบทองแท่ง และทองรูปพรรณที่นำมาด้วย  ซึ่งตนไม่ได้สนใจหรือคิดจะไปเอา  เพราะเชื่อว่ามีคำสาปหากใครเข้าไปเอาโดยทวดไม่ได้อนุญาตก็จะมีอันเป็นไป   เหมือนกับคำสาปที่มีไว้ที่เกาะหินงาน    จังหวัดสตูลที่มีคำสาปแช่งคนที่หยิบไปครอบครอง  

…………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

กอ.รมน.ลงสตูล เดินหน้าสร้างหมู่บ้านปลอดยาเสพติด  ดึงผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี มอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน

กอ.รมน.ลงสตูล เดินหน้าสร้างหมู่บ้านปลอดยาเสพติด  ดึงผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี มอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   พลตรี อภินันท์  แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 มอบหมายให้ พันเอก ภูมิพัฒน์   บุญเรืองขาว รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 ให้การต้อนรับ พลตรี นวกร  สงวนศักดิ์โยธิน รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในโอกาสมาตรวจติดตามผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2567 ในพื้นที่จังหวัดสตูล

           โดยมีการลงพื้นที่ร่วมประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำ หมู่บ้าน/ชุมชน ณ ฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 4113 บ้านควนขัน ตำบลควนขัน    อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล   หลังจากนั้นได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด ของบ้านสะพานเคียน    ตำบลควนโดน    ซึ่งขับเคลื่อนโดยชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่4114 และตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมราษฎรอาสาป้องกันภัยยาเสพติด (รสปส.) ของชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 4115 ณ บ้านย่านซื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

 

           สำหรับการลงพื้นที่ในครั้ง สิ่งหนึ่งที่ทาง กอ.รมน. เดินหน้าขับเคลื่อน โดยมีมวลชนสัมพันธ์ เพื่อขับเคลื่อนต้องการให้หมู่บ้าน ชุมชน ตำบล แม้กระทั้งผู้นำเป็นต้นแบบที่ดี และร่วมกันต่อต้านมิให้ยาเสพติดแพร่ระบาดเข้าถึง คน ลูกหลาน ร่วมกันปราบปรามทันที

          นอกจากนี้ยังสร้างมวลชนสัมพันธ์ที่ดี และจัดสร้างฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่เดินรอยตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการเกษตรพอเพียง เป็นการสร้างความยั่งยืนด้านคุณภาพอาหาร ไปต่อยอดการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยการเกษตรตามแนวพระราชดำริพอเพียง สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ สถานที่ศึกษาด้านการเกษตร

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล – เปิดปฏิบัติการตรวจสกัดกลั่นกรอง  โรฮิงญาในฤดูอพยพ และแรงงานต่างด้าวในประมงผิดกฎหมาย

สตูล  เปิดปฏิบัติการตรวจสกัดกลั่นกรอง  โรฮิงญาในฤดูอพยพ และแรงงานต่างด้าวในประมงผิดกฎหมาย

            วันที่ 16 มกราคม 2567   หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ  บูรณาการการกำลังการตรวจร่วมเรือประมง (ซึ่งประกอบด้วย  จัดหางาน,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน,ตำรวจน้ำ,ตม.สตูล ,ศรชล,ประมงจังหวัดสตูล  ) โดยนำเรือตรวจประมงทะเล 614 พร้อมเรือยาง 14 ตรวจตามแผนงานยุทธศาสตร์จัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์โครงการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านการประมง ที่บริเวณปากร่องน้ำปากบารา  และหลังเขาใหญ่  เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา   น่านน้ำติดอำเภอละงู  จังหวัดสตูล 

 

          หลังการข่าวกองทัพเรือพบว่าในห้วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม   เป็นห้วงที่มีการอพยพของชาวโรฮิงญา  จากรัฐยะไข่ ผ่านมาทางน่านน้ำชายแดนจังหวัดสตูล  ที่อาจจะมีการพลัดหลงเข้ามาตามเกาะแก่งได้  พร้อมกันนี้  การตรวจตราเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมงพาณิชย์ให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย

 

          โดยแผนปฏิบัติการในครั้งนี้ได้สุ่มตรวจเรือประมง 6 ลำ  เป็นเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาด 10 ตันกอสขึ้นไป  ตรวจความพร้อมของเรือให้เป็นไปตามกฎหมาย  ตรวจใบอนุญาตใช้แรงงาน และแรงงานตรงตามที่ขออนุญาตหรือไม่ โดยมีการตรวจอุปกรณ์ในเรือ สัตว์น้ำ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดกับเรือได้ 

        นายสุขเกษม ศรีงาม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวว่า   การตรวจในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของชุดสหวิชาชีพ  หลังการข่าวพบว่าช่วงนี้จะมีโรฮิงญาอาจพลัดหลงเข้ามาทางทะเลน่านน้ำจังหวัดสตูลได้  จึงมีการออกมาตรวจตราและกลั่นกรองจากนอกทะเล  และการตรวจรายงานต่างด้าว  ที่ทำงานในเรือประมงว่ามีเอกสารครบถ้วนหรือไม่ รายชื่อและสัตว์น้ำบนเรือตรงตามเอกสารที่รายงานหรือไม่    โดยเรือที่ตรวจจะเป็นเรือประมงพาณิชย์โดยเน้นขนาด 10 ตันกอสขึ้นไป

         หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวฝากผู้ที่ทำกิจการเรือประมงจะต้องมีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายและตรงตามที่ระบุไว้สำหรับพื้นที่ทำกิน ตามพิกัดที่ได้ระบุแจ้งไว้กับทางราชการ  ซึ่งเรือประมงขนาด 30 ตันกอสขึ้นไปจะมีระบบติดตามเรือประมงหากไม่เป็นไปตามที่ระบุแจ้งระวังโทษ

          ซึ่งการตรวจแรงงานผิดลำ มีโทษปรับ 400,000 ถึง 800,000 บาท  ปรับเจ้าของเรือ ตาม พรก.2558 การประมง ฉบับแก้ไข ฉบับ60

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล – ลูกเรือประมงปลาเรือกระตัก ชาวเมียนมา ถูกสายสมอเรือพันขา หวิดขาด  ทัพเรือภาคที่  3 ช่วยชีวิตรอดหวุดหวิด

สตูล  ลูกเรือประมงปลาเรือกระตัก ชาวเมียนมา ถูกสายสมอเรือพันขา หวิดขาด  ทัพเรือภาคที่  3 ช่วยชีวิตรอดหวุดหวิด

           วันที่ 16 ม.ค.2567 พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการ  ทัพเรือภาคที่ 3 สั่งการให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ( นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ ) เข้าช่วยเหลือ  ลูกเรือประมงที่ประสบอุบัติเหตุ  ขณะทอดสมอเรือ ส่งผลให้ข้อเท้าซ้ายเกือบขาด

  

          หลังจากที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทรภ.3  1696 (สายด่วน ทรภ.๓) ได้รับแจ้งจากนายอรุณ  ชูประสิทธิ์  ไต๋เรือ ว่า นายเวร อายุ 56 ปี ลูกเรือประมงอวนครอบปลากะตัก   ซึ่งเป็นชาวเมียนมา  ขณะทำการประมงบริเวณเกาะตาใบและเกาะเภตรา   บนเรือประมงชื่อ  ณรงค์ชัยวารี 7 ประสบอุบัติเหตุถูกสายสมอเรือ  พันขาซ้าย  ขณะทิ้งสมอเรือลงน้ำ  โดยเชือกได้รัดขาซ้ายหวิดขาด   อาการสาหัส   

 

        หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ   (นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ)  จึงได้จัดกำลังพล และเรือ RIB เดินทางเข้าให้การช่วยเหลือ  ทำการห้ามเลือด  ด้วยการใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือ  ปิดบริเวณบาดแผล และดามกระดูกข้อเท้า  ให้อยู่นิ่ง  ป้องกันการฉีกขาด  และได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม  พร้อมกับนำผู้ป่วยขึ้นฝั่งที่สถานีเรือละงู  ส่งรถกู้ชีพฉุกเฉิน รพ.ละงู ทำการรักษาพยาบาลต่อไป

……….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 ตม.สตูล ขานรับนโยบายตรวจสถานบริการ  รวบหมอนวดชาวลาวพร้อมนายจ้าง แอบลักลอบทำงานผิดกฎหมาย

ตม.สตูล ขานรับนโยบายตรวจสถานบริการ  รวบหมอนวดชาวลาวพร้อมนายจ้าง แอบลักลอบทำงานผิดกฎหมาย

วันที่ 11 ม.ค.2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดออกตรวจสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบโดยเน้นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการกวาดล้างอาชญากรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

 

          ล่าสุด   พ.ต.อ.เจริญพงษ์  ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล ขานรับนโยบาย สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สตูล  ทำการออกตรวจเพื่อสแกนสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งสืบสวนหาผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่ามีร้านนวด  เปิดบริการในช่วงเย็นถึงดึกอยู่ริมถนนสตูลธานี  ให้คนต่างด้าวลักลอบแอบทำงานผิดกฎหมาย  จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าร้านนวดใดและได้เข้าทำการตรวจสอบ 

 

          เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 20.00 น. ฝ่ายสืบสวน ตม.จว.สตูล นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.ยงยุทธ เลิศปรีชาพงศ์ สว.ตม.จว.สตูล พร้อมเจ้ากำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้น ร้านนวด (ขอสงวนชื่อสถานที่) ตั้งอยู่ริมถนนสตูลธานี ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จ.สตูล พบ น.ส.เกตุแก้ว ขอสงวนนามสกุล หญิงชาวลาว อายุ 32 ปี ได้ลักลอบทำงานบริการนวดให้กับลูกค้าอยู่ภายในชั้น 2 ของร้าน เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงาน ปรากฏว่า น.ส.เกตุแก้ว ได้รับสิทธิให้อยู่ในราชอาณาจักรถูกต้องแต่ไม่มีใบอนุญาตทำงานและยอมรับว่าแอบลักลอบทำงานผิดกฎหมายจริง  โดยเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน

 

            เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุม น.ส.เกตุแก้ว ดำเนินคดีโดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และได้ขยายผลไปถึงนายจ้าง คือ น.ส.สุนารี ขอสงวนนามสกุล ชาวไทย อายุ 28 ปี ที่ได้ว่าจ้างคนต่างด้าวทำงานโดย น.ส.สุนารีฯ ได้ยอมรับว่าเป็นนายจ้างจริง ตนเองเข้าใจว่าให้คนลาวทำงาน เจ้าหน้าที่จึงได้อธิบายข้อกฎหมายให้ทราบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ น.ส.สุนารีฯ ทราบว่า “รับคนต่างด้าวทำงานโดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

          พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล กล่าวว่า  สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ โดยเฉพาะชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือกระทำผิดกฎหมาย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดในจังหวัดสตูล กรุณาแจ้งมายัง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล เลขที่ 6 ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 074711080 (ฝ่ายสืบสวนปราบปราม) หรือที่สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 ตม.สตูลขานรับนโยบายสตม.เอกซเรย์พื้นที่รับผิดชอบจับกุมชายชาวมาเลเซียหลบหนีเข้าเมือง

ตม.สตูลขานรับนโยบายสตม.เอกซเรย์พื้นที่รับผิดชอบจับกุมชายชาวมาเลเซียหลบหนีเข้าเมือง

        ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย  ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถรอง ผบช.สตม.  พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6  สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่สุ่มเสี่ยงและกวดขันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในห้วงเทศกาลปีใหม่

       ล่าสุด พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล   ผกก.ตม.จว.สตูลได้สั่งการให้พ.ต.ท.ยงยุทธ   เลิศปรีชาพงศ์ พร้อมด้วย ชุดสืบสวนปราบปรามตม.จว.สตูล  ตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันเหตุและสืบสวนหาข่าวการกระทำความผิดกฎหมายในห้วงเทศกาลปีใหม่ตามนโยบายผู้บังคับบัญชาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ม.ค.2567 ได้รับแจ้งจากเครือข่ายการข่าวภาคประชาชนว่า  ได้มีชายชาวมาเลเซียชื่อนายมูฮัมหมัดขอสงวนนามสกุล อายุ 43 ปี สัญชาติ มาเลเซียได้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมาอาศัยในพื้นที่จ.สตูลเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่านายมูฮัมหมัดฯ จะมาจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าสุ่มสังเกตการณ์ภายในตลาดดังกล่าวจนกระทั่งพบบุคคลมีลักษณะตามที่สายลับแจ้งมา จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล

ขอตรวจสอบเอกสารการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ปรากฏว่านายมูฮัมหมัดฯ ไม่สามารถแสดงเอกสารหลักฐานใดๆ ได้  จึงรับสารภาพว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาประเทศไทยจริง โดยคิดไปเองว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ  เจ้าหน้าที่จึงได้อธิบายข้อกฎหมายให้ทราบ  แจ้งข้อกล่าวหา“เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

……………………………………………………………………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลผึ้งหลวงดุ! ทำร้ายชาวบ้านเจ็บนับ 15 ราย เด็ก 3 คนแก่ไม่เว้นที่ใช้เส้นทาง  นอภ.เชิญปราชญ์ชาวบ้าน  สั่งทำลายด่วน

สตูลผึ้งหลวงดุ! ทำร้ายชาวบ้านเจ็บนับ 15 ราย เด็ก 3 คนแก่ไม่เว้นที่ใช้เส้นทาง  นอภ.เชิญปราชญ์ชาวบ้าน  สั่งทำลายด่วน

         วันที่ 2 ม.ค.2567  ที่โรงพยาบาลมะนัง  อ.มะนัง  จ.สตูล  นายเชษฐ์ บุตรรักษ์  นายอำเภอมะนัง  เข้าเยี่ยมชาวบ้านที่ถูกผึ้งหลวงรุมต่อย  พร้อมมอบกระเช้าปลอบขวัญ  และให้กำลังใจ

        โดยช่วงบ่ายวันนี้  ที่บริเวณวงเวียนโรงเรียนอนุบาลมะนัง (เก่า) หมู่ที่ 7 ตำบลปาล์มพัฒนา   อำเภอมะนัง  จังหวัดสตูล  นายอำเภอมะนัง รีบประสานกำนันสุรินทร์  สุวรรณโณ  กำนันตำบลนิคมพัฒนา   ให้รีบประสานปราชญ์ชาวบ้าน  ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจับผึ้ง  เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน  พร้อมเจ้าหน้าที่ รพ.มะนัง ปศุสัตว์อำเภอ อบต.นิคม และมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร  เตรียมพร้อม

         หลังพบว่าผึ้งที่บริเวณดังกล่าว  ได้รุมต่อยชาวบ้านได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 15 รายเป็นเด็ก 3 ราย ที่ต้องส่งตัวเข้ารักษาด่วนที่โรงพยาบาลมะนัง  (มีเพียงบางรายที่ถูกต่อยอาการไม่สาหัส)

 

        นายภรัณยู นาคะทิฐธิ  ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าว่า  บุตรชายของตน อายุประมาณ 11 ปีพร้อมคุณยาย  ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางดังกล่าว  เมื่อเวลา 10:00 น ของวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา  ได้ถูกฝูงผึ้งหลวงไม่น้อยกว่า 300 ตัว  รุมต่อยได้รับบาดเจ็บสาหัส  โชคดีมีตำรวจ  และชาวบ้านรีบนำส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที  แต่ลูกชายของตนพบว่าอาการสาหัส ความดันลดลง  ตัวซีดขาว  และขณะนี้ได้กลับบ้านแล้ว  ทั้งหลานและคุณยาย  อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งทำลาย  เพื่อไม่ให้ชาวบ้านถูกผึ้งรุมต่อยได้อีก

 

          นายพิชัย   ชูแก้ว  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.7  ยอมรับว่า  ตนถูกผึ้งรุมต่อยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ทั้งศีรษะ  แขนและลำตัว โชคดีที่ไม่มีอาการแพ้  โดยถูกต่อยขณะยืนโบกรถไม่ให้ชาวบ้านเเล่นผ่านเส้นทางที่ผึ้งอาศัยอยู่

         

          ทันทีที่ปราชญ์ชาวบ้านเดินทางมาถึงก็ได้รีบทำหัวหมี  เพื่อใช้เป็นคบเพลิงไล่ผึ้ง และปราชญ์ดังกล่าวก็ได้ขึ้นไปตัดรังผึ้งลงมาได้สำเร็จ  ในเวลาไม่เกิน 5 นาที

         

         ปราชญ์ชาวบ้านที่เชี่ยวชาญในเรื่องของกันเก็บน้ำผึ้งในป่าบอกว่า  กรณีนี้ไม่ยากเกินไป  เพราะหาผึ้งในป่าบ่อยซึ่งมีความยากและสูงกว่านี้

         

         สำหรับรังผึ้งที่หล่นลงมา  มีขนาดใหญ่ได้มีการส่งรังผึ้งต่อให้กับนายอำเภอมะนัง เพื่อไปทำยารักษาโรคแจกลูกบ้านต่อไป

……

อัพเดทล่าสุด