Categories
ข่าวเด่น

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

          ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูลได้รับการร้องทุกข์จากนางสาวณัฐ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาวบ้านควน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล หลังถูกเพื่อนสมัยมัธยมที่รู้จักกันในนาม “ไฮโซตาต้าโลตัส” หลอกให้ค้ำประกันเงินกู้ จนทำให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินกว่า 300,000 บาท

 

           นางสาวณัฐ  เปิดเผยว่า เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เพื่อนขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้จ่ายค่าเช่าร้านเสื้อผ้าและร้านโทรศัพท์  ที่ห้างใหญ่ในอำเภอควนโดน  ซึ่งตนได้นำทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนำ  เพื่อนำเงินมาให้ยืม  ต่อมาเพื่อนได้ขอให้ช่วยค้ำประกันเงินกู้นอกระบบเพื่อนำเงินมาคืน แต่กลับไม่ได้รับการชำระคืนแต่อย่างใด จนปัจจุบันยอดหนี้รวมทั้งต้นและดอกเบี้ยพุ่งสูงถึง 300,000 บาท

 

           ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องดูแลครอบครัวรวม 4 ชีวิต ประกอบด้วย พ่อที่ป่วยพิการจากอุบัติเหตุ น้องชายที่เป็นออทิสติก แม่ที่แก่ชรา และบุตรสาวที่กำลังเรียนหนังสือ เธอมีอาชีพเป็นเพียงฟรีแลนซ์ไม่มีรายได้ประจำ  จำต้องนำทรัพย์สินในครอบครัว ทั้ง iPad ของลูกสาว สร้อยคอทองคำของแม่ และหัวทะเบียนรถของครอบครัวอีก 3 คัน ไปจำนำเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้

 

           ขณะที่ลูกหนี้ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และจ่ายเงินคืนเพียงครั้งละ 100-500 บาทเท่านั้น  ทั้งยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีข้อหาปล่อยเงินกู้นอกระบบ แม้ว่าผู้เสียหายจะได้แจ้งเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้มากนัก

          นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบว่า   “ไฮโซตาต้าโลตัส” ยังมีการหลอกยืมเงินจากบุคคลอื่นอีกหลายราย แต่ผู้เสียหายรายอื่นยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงกลัวการถูกข่มขู่จากลูกหนี้

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

          ที่หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นางม่าริหยำ   รอดบุญ  อายุ 63 ปี (แม่) พร้อมนางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย) ขอความช่วยเหลือจากสื่อที่เห็นว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย  ในการช่วยตามหาบุตร (สาว) นางสาวจินดาพร   รอดบุญ  อายุ 37 ปีที่ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ)  หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 ต.ค.67 ที่ผ่านมาในช่วงเช้าขณะแม่ออกไปขายผักในตลาดตั้งจิตต์ ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล

        นางม่าริหยำ (แม่วัย 63 ปี) เล่าว่า  ก่อนวันเกิดเหตุตนไปขายผักในตลาดตามปกติ และกลับมาบ้านประมาณ 10 โมงเหมือนทุกวันหลังกลับมาไม่เจอลูก  จึงถามน้องของผู้สูญหายบอกว่า พี่ออกจากบ้านบอกว่าจะไปรับยาที่รพ.สตูล โดยน้องบอกว่า พี่สาวได้โทรเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำมารับที่บ้าน  และไม่กลับมาอีกเลยวันนี้เข้าวันที่ 5 แล้ว แม่เป็นห่วงมากเพราะลูกต้องทานยา กลัวจะถูกคนไม่หวังดีทำร้ายร่างกาย ป่านนี้ไม่รู้ได้กินข้าวกินปลาหรือยัง กลัวเขาจะเป็นลม เป็นแม่ห่วงมากช่วยแม่ตามหาลูกหน่อย

        แม่ได้ถามรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำ บอกว่า ได้ไปส่งลูกสาวที่ตลาดสดในเทศบาลเมืองสตูลจริง  (ซึ่งที่แห่งนั้นลูกสาวเคยไปช่วยแม่ขายของในอดีตก่อนย้ายมาขายที่ตลาดตั้งจิตต์)  แต่ได้นัดแนะว่าเดียวไปวิ่งรถสัก 2-3 รอบแล้วจะมารับกลับบ้านโดยทางวินมอเตอร์ไซด์บอกว่า  พอมารับก็ไม่มีลูกสาวแล้ว  แม่บอกว่า  ลูกสาวไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยทั้งโทรศัพท์ที่เขาชอบพกติดตัว ยาก็ไม่เอาไป แม่และทุกคนในครอบครัวเป็นห่วงมาก

        (น้องเอ็ง) หรือนางสาวจินดาพร  รอดบุญ  อายุ 37 ปี ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ) เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 6 คน  ก่อนออกจากบ้านสวมชุดเสื้อยืดสีดำ/กางวอมสีดำ/ผมซอยสั้น  สูง 165 ซม./ร่างอวบ/ น้องชอบพูดคนเดียว มีคนบอกว่าเมื่อวันที่ 21 มีคนเห็นน้องเดินเข้าไปในห้างฯ ใหญ่ ในเมืองสตูลและถูกไล่ออกมา  เมื่อแม่ทราบข่าวรีบไปดูแต่ไม่มีแล้ว และได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองสตูล แต่ยังไม่มีวี่แวว

          (น้องเอ็ง) ชอบออกมาเดินในหมู่บ้านคนเดียว และไปไกลสุดคือตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล  พูดจารู้เรื่องในบางครั้ง ขี้น้อยใจ ชอบบ่นไม่มีเงิน น้องป่วยตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม 6 เข้ากับเพื่อนไม่ได้ และก็ป่วยมาเรื่อยจนปัจจุบันต้องทานยาตลอดพบเห็นโทร 083-2178486  ครอบครัวเป็นห่วงมาก

 

           นางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย)  บอกว่า หมดหนทางแล้ว ทั้งออกตามหาเอง แจ้งความตำรวจ และไสยศาสตร์ เขาบอกว่า น้องยังอยู่บนบกไม่ได้อยู่ในน้ำ บอกกว้างมากทำให้เราหากันไม่เจอ  ที่พึ่งสุดท้ายก็เป็นนักข่าวช่วยให้ประกาศตามหาน้องให้ด้วย  กลัวน้องไม่ปลอดภัย เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากถูกไล่ก็ยิ่งเตลิดไปไกลฝากช่วยตามน้องให้ด้วย

 

          ขณะที่ด้านตำรวจ พ.ต.อ.เสกสิทธิ  ปรากฏชื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล สั่งการให้เร่งตามหา โดยได้เรียก คนขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสอบปากคำ และแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางที่น้องที่คาดว่าจะเดินทางไป

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-กรมทางหลวงชนบทยอมรับเปลี่ยนโครงการซ่อมแซมถนน มูลค่า 24 ล้าน หลังชาวบ้านทักท้วง 

สตูล-กรมทางหลวงชนบทยอมรับเปลี่ยนโครงการซ่อมแซมถนน มูลค่า 24 ล้าน หลังชาวบ้านทักท้วง  พร้อมยืนยันว่าเส้นทางที่ชาวบ้านอยากให้ปรับปรุงอยู่ในงบประมาณปี 2568 แล้วเพียงแค่คนละช่วงเวลาดำเนินการเท่านั้น

          วันที่ 9 ต.ค.2567  ที่อบต.ควนโพธิ์  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  กรมทางหลวงชนบท   โดยกระทรวงคมนาคม  ได้ประสานขอให้นายบุญมา  โดยพิลา นายก อบต.ควนโพธิ์  เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เพื่อชี้แจงเหตุที่ชาวบ้านและผู้นำอาจจะมีความเข้าใจคาดเคลื่อนกรณีการก่อสร้างของ   กรมทางหลวงชนบท   กระทรวงคมนาคม  โครงการก่อสร้างด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน  งานก่อสร้างโครงการซ่อมแซมผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต ปรับปรุงชั้นทาง งานบำรุงถนนสายสต 3001 แยกทางหลวง 404 บ้านฉลุง   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล ด้วยงบประมาณ 24,492,000 บาท

          หลังชาวบ้านเรียกร้องว่าเส้นทางถนนที่กรมกรมทางหลวงชนบทจังหวัดสตูล  กำลังจะทำนั้นเส้นทางยังคงใช้การได้ดี แต่มีเส้นทางอีกช่วงหนึ่งประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง  กลับยังไม่ได้รับการดูแลหรือซ่อมแซม ซึ่งเป็นเส้นทางสต.3001 เหมือนกัน  ทำให้เป็นที่มาของการชี้แจงไขข้อข้องใจของชาวบ้านและผู้นำชุมชนในครั้งนี้  

          ซึ่งในเรื่องนี้ทางนายวิเชียร  พรหมยก  นายช่างโยธา อาวุโส  สำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท , พร้อมรองผู้อำนวยการทางหลวงจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับผู้นำชาวบ้านท้องที่และท้องถิ่น ถึงเส้นทางที่ชาวบ้านอยากให้มีการดำเนินการนั้นอยู่ในแผนการซ่อมแซมอยู่แล้วในปี 2568  ซึ่งเข้าใจว่าชาวบ้านบางส่วนอาจจะยังไม่ทราบ

           นายช่างโยธา อาวุโส  สำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท  บอกด้วยว่า  เมื่อชาวบ้านไม่อยากให้มีการปรับปรุงจุดเริ่มต้นของโครงการฯก่อน  เพราะเห็นว่ามีสภาพที่ดีอยู่แล้วนั้น   ซึ่งในความเป็นจริงคือใช้งานมา 4 ปีกว่าแล้ว สภาพถนนดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักมีการสัญจรจำนวนมาก  ทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำให้สภาพถนนเสียรูปและเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์มุ่งหน้าสู่การท่องเที่ยว   

 

         แต่เมื่อชาวบ้านมีความต้องการให้ย้ายจากเส้นทางต้นโครงการ  มาทำเส้นทางเชื่อมต่อกิโลเมตรที่ 3001 ก่อน   โดยกรมทางหลวงจะเร่งนำกลับไปปรับเปลี่ยนโครงการให้ตรงตามความต้องการและร้องขอ  ซึ่งเป็นเส้นทางระยะทาง 1 กิโลเมตรครึ่ง  แต่ยืนยันว่าทั้งสองเส้นทางที่ชาวบ้านได้ร้องขอนั้นได้ตั้งงบไว้แล้ว  ในการดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงในปี 2568    เพียงแค่งบดำเนินการ  จะลงมาคนละช่วงเวลาในการดำเนินการเท่านั้น     หลังมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางตามความต้องการของชาวบ้านยืนยันว่าจะดำเนินการได้ก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

 

        นายจำรัส  ชิกวี  ผญบ.หมู่ 7 ต.ควนโพธิ์ บอกว่า  ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและชี้แจงการดำเนินการในครั้งนี้ โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหลังทราบข่าวความต้องการของชาวบ้าน  ได้รีบประสานงานให้ทันที  พร้อมยอมรับว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิด  แต่ชาวบ้านต้องการสะท้อนความเดือดร้อนถนนสาย 3001 สายบ้านควนโพธิ์  กาลันยีตัน  บ้านปาเต๊ะ ปันนังปูเลา  ว่า ถนนเส้นนี้ได้ก่อสร้างมานานกว่า 15 ปีแล้ว   อยากให้มีการขยายถนน 8 เมตรเป็น 12 เมตร เพื่อปรับปรุงเส้นนี้ให้เป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสตูล อย่าง  สันหลังมังกร   อีกทั้งเป็นการลดอุบัติเหตุให้กับชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย  พร้อมขอบคุณหน่วยงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง   ที่ทำให้ชาวบ้านพอใจ  และเชื่อว่า คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนอย่างแน่นอน  

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ตำรวจน้ำสตูล ปล่อยแถว เปิดยุทธการฝั่งอันดามัน  มุ่งเน้นปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทางน้ำ

ตำรวจน้ำสตูล ปล่อยแถว เปิดยุทธการฝั่งอันดามัน  มุ่งเน้นปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทางน้ำ

        ตามที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้กำหนดให้หน่วยต่างๆในปกครองดำเนินการตาม Action Plan ของแต่ละหน่วยนั้น กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้กำหนดมาตรการ “ยุทธการฝั่งอันดามัน” โดยปฏิบัติต่อเนื่องเป็นประจำทุกๆเดือน สำหรับเดือน กันยายน 2567 มอบหมายให้ปล่อยแถว  ระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยให้สอดคล้อง กับภารกิจระดมกวาดล้างอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง ซึ่งได้กำหนดให้ปฏิบัติในห้วงวันที่ 20 ถึงวันที่ 30 หรือวันที่ 31 ของทุกเดือน

            ว่าที่ พันตำรวจเอก กมลศักดิ์ วันผดุง ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดทั้ง 3 สถานี จัดพิธีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน โดย มอบหมายให้ พันตำรวจโท บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. เป็นประธานปล่อยแถวหน่วยตำรวจน้ำสตูล  พร้อมชี้แจงการกิจข้อราชการต่างๆพร้อมทั้งแนะนำ กำชับรายละเอียดต่างๆในการปฏิบัติทั้งใน ส่วนฝ่ายอำนวยการ และในส่วนฝ่ายปฏิบัติการ สำหรับการระดมกวาดล้างอาชญากรรมตาม “ยุทธการ ฝั่งอันดามัน” ในครั้งนี้ มุ่งเน้นปราบปรามกลุ่มเป้าหมายทางน้ำ และเป้าหมายเฉพาะทางของหน่วย เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ การลักลอบขนส่ง สินค้าหนีภาษี ความผิดด้านการทำประมง เป็นต้น โดยกำหนดให้ดำเนินการอย่างน้อย 7 วัน

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ร่องรอยความเสียหายหลังคลื่นลมสงบ  ชาวบ้าน ต.เกาะสาหร่าย ยังคงเสียขวัญ กับเหตุการณ์ วาตภัยและน้ำท่วม หลังคลื่นลมถล่มพังบ้านเรือนยกหลัง  และเรือได้รับความเสียหาย

ร่องรอยความเสียหายหลังคลื่นลมสงบ  ชาวบ้าน ต.เกาะสาหร่าย ยังคงเสียขวัญ กับเหตุการณ์ วาตภัยและน้ำท่วม หลังคลื่นลมถล่มพังบ้านเรือนยกหลัง  และเรือได้รับความเสียหาย

          ทันทีที่ฟ้าในทะเลเปิด  นายมานิตย์  บริพันธ์   นายอำเภอเมืองสตูล  ลงตรวจเยี่ยมให้ขวัญและกำลังใจชาวบ้าน หมู่ที่ 1 บ้านตันหยงอุมา ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล  ที่ได้รับอุทกภัยและวาตภัย จากคลื่นพายุฝน  ลมแรง  จนบ้านเรือนได้รับความเสียหาย  บ้างก็ทั้งหลัง  โดยคลื่นลมได้ซัดพังจนไม่เหลือสภาพบ้าน สร้างความตกใจและเสียขวัญ  สำหรับชาวบ้านในครั้งนี้เป็นอย่างมาก  เพราะไม่เคยเกิดคลื่นหนักลักษณะนี้มาก่อน   บางคนแอบคิดว่า  นี่อาจจะเป็นน้องๆ ของสึนามิหรือไม่ 

 

           นายมีน  หลงสะหลำ  โต๊ะอิหม่ามตำบลเกาะสาหร่าย  ซึ่งบ้านถูกคลื่นลมซัดจนพัง  บอกว่า  บ้านของตนวันเกิดเหตุต้องหนีไปนอนที่มัสยิด เพราะสภาพบ้านไม่สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้  สิ่งของเครื่องใช้หม้อหุงข้าว พัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายไปกับน้ำ  คลื่นมาแรงมากหนักนานอยู่ 2-3 วัน

 

          ส่วนเครื่องมือหากินของชาวบ้าน  อย่างเรือประมง  ทันทีที่คลื่นลมสงบต่างเร่งรีบซ่อมแซม  เพื่อให้ทันออกเรือไปหากิน  หลังไม่สามารถออกทำกินได้นานร่วม 2 สัปดาห์แล้ว  จากปัญหาคลื่นลมแรง  

         และเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาปากท้อง  นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้มอบหมายให้นายอำเภอเมืองสตูล  นำถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย  เข้าช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน  และให้  อบต.เกาะสาหร่าย  เร่งสำรวจซ่อมแซมบ้านเรือน  ให้ชาวบ้านได้กลับมาอาศัยได้เช่นเดิม พร้อมเปิดโรงครัวปรุงอาหารสด ๆ ให้ชาวบ้านที่ประสบภัยได้ทานกัน  โดยเมนูครั้งนี้คือ แกงไก่ไข่ดาว

 

          สำหรับตำบลเกาะสาหร่าย  อำเภอเมืองสตูล   มีผู้เดือดร้อนรับผลกระทบจากวาตภัย 8 หมู่บ้าน จำนวน 219 ครัวเรือน   และ  อุทกภัย 2 หมู่บ้าน 270 ครัวเรือน 

 

          ภาพรวมของเขตอำเภอเมืองสตูล อุทกภัย  จำนวน 10 ตำบล 54 หมู่บ้าน 8 ชุมชน จำนวนประชากร 8,475 ครัววเรือน   และวาตภัย  ( หมายเหตุ บนเกาะ และบนฝั่ง ) จำนวน 11 ตำบล  57 หมู่บ้าน  5 ชุมชน  จำนวน 497 ครัวเรือน รวมประชากรที่ประสบภัยพิบัติ (อุกภัย -วาตภัย)  จำนวน 8,973 ครัวเรือน

…………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลคลื่นลมทะเลยังมีกำลังแรง  ความช่วยเหลือยังคงหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือชาวเกาะ  สถานการณ์น้ำท่วมทันที่ลดทหารช่วยขนของลงจากที่สูงทำความสะอาดบ้านเรือนแล้ว

สตูลคลื่นลมทะเลยังมีกำลังแรง  ความช่วยเหลือยังคงหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือชาวเกาะ  สถานการณ์น้ำท่วมทันที่ลดทหารช่วยขนของลงจากที่สูงทำความสะอาดบ้านเรือนแล้ว

         สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว  สิ่งของที่อยู่บนที่สูงทาง ทหารเรือหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ หรือ   นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ และ สน.เรือละงู จัดกำลังพลเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูทำความสะอาดคราบโคลนสกปรก และยกสิ่งของกลับที่เดิม ภายหลังระดับน้ำลดลงกลับสู่ภาวะปกติ  ให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเขตเทศบาลตำบลกำแพง อ.ละงู จ.สตูล

 

          ขณะที่นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และ ทพญ.สุกีรติ กปิลกาญจน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ยังคงทยอยส่งความช่วยเหลือให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเกาะแก่ง  ด้วยการส่งมอบถุงยังชีพของสภากาชาดไทย และของ อปท. ส่งมอบให้กองทัพเรือ โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.สตูล) ที่สนับสนุนเรือพร้อมกำลังพลทหาร และเรือขนส่งสินค้า (คาร์โก้) ในการขนส่งถุงยังชีพ น้ำดื่ม

 

          ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึ่งอาศัยตามเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะสาหร่าย เกาะปูยู และเกาะบุโหลน ซึ่งประสบภัย วาตภัย คลื่นลมแรง ได้รับความเดือดร้อน บ้านเรือนเสียหาย และไม่สามารถออกเรือได้

          โดยจังหวัดสตูลได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย ผ่านแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” และถุงยังชีพของ อปท. ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายจากวาตภัย อปท.ได้สำรวจความเสียหาย และจะได้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้ต่อไป ในการนี้ นางสาววาสิฏฐี สาระพงศ์ รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล ได้สนับสนุนรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ บรรทุกถุงยังชีพ และน้ำดื่ม จำนวน 4,000 ขวด ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวด้วย

 

          สำหรับสถานการณ์คลื่นลมในวันนี้ที่ทะเลอันดามัน จ.สตูล เริ่มเบาบางลงแล้วแต่ชาวประมงเรือเล็กยังคงงดเดินเรือ เพราะห่างฝั่งยังมีคลื่นลมแรง  ควรติดตามการรายงานสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด

……………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล..ชาวเลเกาะบุโหลนขนเด็ก ผู้หญิง  ทั้งหมู่บ้านช่วยกันขนเสบียงยังชีพทันทีที่  ศรชล.นำเรือรบหลวง ต.114 กองทัพเรือภาค 3  เทียบท่าฝ่าคลื่นยักษ์ช่วยชาวเกาะได้ 

สตูล..ชาวเลเกาะบุโหลนขนเด็ก ผู้หญิง  ทั้งหมู่บ้านช่วยกันขนเสบียงยังชีพทันทีที่  ศรชล.นำเรือรบหลวง ต.114 กองทัพเรือภาค 3  เทียบท่าฝ่าคลื่นยักษ์ช่วยชาวเกาะได้

          วันที่ 21 กันยายน 2567  คลื่นลูกใหญ่กลางทะเลสูงกว่า 3 เมตรทำให้ทีมช่วยเหลือชาวบ้านในการขนเสบียงยังชีพจาก ศรชล.จังหวัด และเรือรบหลวงต.114 กองทัพเรือภาคที่ 3 ต้องรอดูจังหวะสภาพอากาศเมื่อเว้นช่องว่างนำเรือขนถุงยังชีพ1,000 ชุด ออกทันทีมุ่งหน้าไปยังเกาะบุโหลนดอน และเกาะบุโหลนเล ที่มีชาวบ้านรอรับความช่วยเหลืออยู่ เนื่องจากคลื่นลมใหญ่ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกเดินเรือไปหากินได้นาน 3-4 วันแล้วนั้น

           นาวาเอกแสนย์ไท  บัวเนียม  รองผอ.ศรชล.จ.สตูล ,นำทีมในการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้พร้อมนางสุภาพรรณ สุนทราชุน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล นายวรศิษฎ เลียงประสิทธิ์  สส.เขต  2  พร้อมด้วย นายโกเมศ จิตพิทักษ์  ส.อบจ.เขต4 จังหวัดสตูล ( สจ.หรั่ง ) ผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 3 ตำบล  และตามเกาะแก่งในพื้นที่ อบต.ปากน้ำ   นายอนุเทพ อัลมาตร์ รอง นายอบต.ปากน้ำ  นายพรชัย อุสนี ส.อบต.ตำบลปากน้ำ

            ด้าน ร.อ.ทศพล พงศ์ไพศาลศรี  ผู้บังคับการเรือ ต 114  กล่าวว่า คลื่นสูงมาก หากนำเรือขนาดเล็กออกมา ก็จะยากลำบากเสี่ยงมาก  เรือ ต 114  มีลำขนาดใหญ่ ที่สามารถฝ่าคลื่นไปได้  จึงต้องรีบลำเลียงสิ่งของไปช่วยชาวเกาะที่รอความหวัง รออาหาร รอน้ำดื่มให้ทันเวลา   สำหรับการขนเสบียงลงไปช่วยเหลือในครั้งนี้ ได้นำทีมแพทย์ทหารลงมาด้วยหากชาวเกาะมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษา  

 

           เรือรบหลวงต.114 ใช้เวลาวิ่งประเกือบ 1 ชั่วโมง ในระยะทาง 9 ไมล์ทะเล (ประมาณ 16 กิโลเมตร ) ในที่สุดต้องจอดลอยลำใกล้เกาะ และผู้นำชุมชนในพื้นที่บนเกาะนำเรือหัวโทง ( เรือหางยาว 2 ลำ ) วิ่งมาถ่ายถุงยังชีพเสบียงอาหารลงเรือเล็ก ท่ามกลางการรอคอยของชาวบ้านที่ขอเด็ก ผู้ใหญ่ และชายหญิงในหมู่บ้านมาตั้งแถวช่วยกันอย่างสามัคคีเพื่อให้เสบียงขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุดก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะกลับมาอีกครั้ง

 

          ชาวเกาะบุโหลนดอน และเกาะบุโหลนเล อยู่ในพื้นที่ตำบลปากน้ำ อำเภอลละงู จังหวัดสตูล ที่มีประชากรบนเกาะรอความช่วยเหลือถึงกว่า 500 ชีวิต

 ………………………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ชาวเกาะยังคงรอความช่วยเหลือ หลังคลื่นลมแรงเรือรบหลวงขนเสบียงยังไม่สามารถออกจากฝั่งได้   ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเมืองสตูลยังทรงตัว   ด้านพื้นที่ต้นน้ำอย่าง อ.ควนโดน ระดับหลายตำบลเริ่มแห้งแล้ว 

ชาวเกาะยังคงรอความช่วยเหลือ หลังคลื่นลมแรงเรือรบหลวงขนเสบียงยังไม่สามารถออกจากฝั่งได้   ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเมืองสตูลยังทรงตัว   ด้านพื้นที่ต้นน้ำอย่าง อ.ควนโดน ระดับหลายตำบลเริ่มแห้งแล้ว 

          วันที่ 21 ก.ย.2567  เรือรบหลวง ต. 114 กองทัพเรือภาคที่ 3  หลังทางจังหวัดสตูลได้ขนถุงยังชีพและยารักษาโรคจากกาชาดจังหวัดและอบต.ปากน้ำ  เพื่อไปช่วยเหลือชาวเลเมื่อวานนี้  ขณะนี้ทราบว่ายังไม่สามารถออกจากท่าเรือสถานีละงูได้  เนื่องจากสภาพอากาศและคลื่นลมที่แรงสูงกว่า 3 เมตร ทำให้ชะลอการเดินทางเข้าช่วยเหลือ เกาะบุโหลนดอนและบุโหลนเล   โดยทางนายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  บอกว่าทันทีที่คลื่นลมเบาบางพร้อมออกเรือในทันทีโดยตอนนี้ถุงยังชีพทั้งหมดพร้อมบนเรือหมดแล้ว 

 

         ส่วนเกาะอื่น ๆ อย่างเกาะสาหร่าย เกาะยาว และเกาะหลีเป๊ะ  ถุงยังชีพบางส่วนถึงเกาะแล้วเนื่องจากเรือที่ไปส่งเสบียงยังไม่สามารถเดินทางกลับมารับเสบียงเพิ่มได้  โดยวันนี้พบว่าทันทีที่คลื่นลมเบาบางก็จะนำเรือออกส่งช่วยเหลือชาวบ้านเกาะในทันทีด้วยเช่นกัน 

 

          ด้าน พ.ต.ท.คำนึง อุ่นปลอด ผบ.ร้อย ตชด.436 มอบหมายให้ ร.ต.อ.อดิเทพ พัดลม หน.ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกำลังพล ร้อย ตชด.436    ออกสำรวจระดับน้ำหน้าฝายคลองชลประทานดุสน – มำบัง  พบว่ามีระดับน้ำลดลงอยู่ในระดับปกติ  นอกจากนี้ได้ออกสำรวจร่องความเสียหายพื้นที่ตำบลควนโดนพบว่าน้ำได้แล้งทั้งหมดแล้ว  นอกจากนี้กำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยชาวบ้าน  หมู่ที่ 1 ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล  ทำความสะอาดอาคารบ้านเรือนประชาชนพื้นที่ต้นน้ำ  ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วม

 

          ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ปลายน้ำอย่างตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล ชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องระดับน้ำลดลงเพียงเล็กน้อย  ทางด้านนายสุนทร พรหมเมศร์   นายกเทศมนตรีตำบลคลองขุดพร้อมเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองสตูล ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำยารักษาโรค ถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกในซอยวาริน หมู่ที่ 7 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

 

          วันนี้ที่หอประชุมอำเภอละงู  นาวาโท ธนภูมิ ประทีป ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452,เรือโท สุโภชน์ ทองย้อย รองผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ,  เรือหลวงมันนอก  เรือปฏิบัติติการทัพเรือภาคที่3  และกำลังพลชุดจิตอาสา  ช่วยกันแพคถุงยังชีพจาก  กาชาดภูมิภาค นำข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยกันแพคจำนวน 800 ชุด  เพื่อแจกจ่ายช่วยชาวบ้านในอำเภอละงู  ที่ประสบภัยพิบัติทั้งพื้นที่เกาะและพื้นที่น้ำท่วม 

…………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล – ใช้เรือรบทัพเรือภาคที่ 3 ฝ่าคลื่นสูงขนเสบียงถุงยังชีพ น้ำดื่มและยารักษาโรค  ช่วยชาวเกาะบุโหลนดอน – บุโหลนเล  200 ชุด  บรรเทาความเดือดร้อน

สตูล – ใช้เรือรบทัพเรือภาคที่ 3 ฝ่าคลื่นสูงขนเสบียงถุงยังชีพ น้ำดื่มและยารักษาโรค  ช่วยชาวเกาะบุโหลนดอน – บุโหลนเล  200 ชุด  บรรเทาความเดือดร้อน

         วันที่ 20  กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีเรือละงู  อ.ละงู  จ.สตูล  นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมนายกเหล่ากาชาด  ,  นาวาเอกแสนไท  บัวเนียม  รอง ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (รองศรชล.สตูล )  และนายธีระพงษ์  คุ่มเคี่ยม นายอำเภอละงู   พร้อมกำลังพลทหารเรือจากสถานีเรือละงู เร่งนำถุงยังชีพจาก กาชาดจังหวัดสตูล  และอบต.ปากน้ำ  จำนวนทั้งสิ้น 200 ถุง พร้อมน้ำดื่มและยารักษาโรค  นำลงเรือรบหลวง ต 114 หรือเรือตรวจการณ์ของทัพเรือภาคที่ 3

 

        ด้านนายศักระ กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  กล่าวว่า   จากข่าวที่แจ้งว่า ชาวเกาะเกือบ 5,000 ครัวเรือนที่รับผลกระทบเตรียมอดข้าวอดอาหาร   ไม่เป็นความจริง   เพราะชาวเกาะจะรู้การรับมือภัยพิบัติ แต่อาจจะติดคลื่นลมหลายวัน   โดยทางจังหวัดไม่ได้นิ่งดูดาย  วันนี้เตรียมนำเสบียงลงเรือพร้อมแล้ว ทันทีที่คลื่นไม่สูงมากพร้อมลำเลียงไปทันที นอกจากนี้ยังมี แผนสำรวจของ ศรชล.สตูลเตรียม ฮ. ของทัพเรือภาคที่ 3 และ ฮ ของกองทัพภาคที่ 4 ไว้แล้ว

 

        สำหรับพื้นที่อำเภอละงู   มีเกาะแก่งที่หมู่บ้านอยู่ 2 เกาะ  ที่มีหมู่บ้านชาวเล    ได้แก่เกาะบุโหลนดอน มีทั้งหมดประมาณ 120 ครัวเรือน มีโรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน และเกาะบุโหลนเล มีชาวเลอยู่ประมาณ 80 ครัวเรือน ทั้งนี้  2 เกาะมีประชากรอาศัยอยู่ 600 กว่าคน 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น เกษตร - อาชีพ

เกษตรจังหวัดสตูลลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากน้ำท่วมในอำเภอละงู พบพื้นที่การเกษตรประสบภัยรวม กว่า 498 ไร่

เกษตรจังหวัดสตูลลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากน้ำท่วมในอำเภอละงู พบพื้นที่การเกษตรประสบภัยรวม กว่า 498 ไร่

          นางสุดา ยาอีด เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอละงู ได้แก่ หมู่ที่ 11 ตำบลละงู และหมู่ที่ 4 และ 5 ตำบลเขาขาว อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ

          จากการลงพื้นที่ พบว่าในพื้นที่อำเภอละงู มีพื้นการเกษตรที่ประสบอุทกภัย จำนวน 9 หมู่บ้าน โดยมีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น นาข้าว และพืชผัก ซึ่งพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยรวม 498 ไร่ และคาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่เสียหาย จำนวน 78 ไร่ โดยมอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้คำแนะนำแก่เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลภายหลังน้ำลด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเดินย่ำและใช้เครื่องจักรในพื้นที่ขณะดินเปียก ตัดแต่งกิ่งและทรงพุ่ม โดยเอากิ่งแก่ กิ่งที่ฉีกหัก เหี่ยวเฉา แน่นทึบออก ทำการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ผล นอกจากนี้ขอให้ใช้สารเคมีกันเชื้อราราดหรือทาโคนต้นไม้เพื่อป้องกันโรครากเน่า หรือใช้สารชีวภัณฑ์ (ไตรโคเดอร์มา) เพื่อป้องกันเชื้อราในดิน หรือใช้ปูนขาวปรับสภาพดินให้เป็นกลาง เพื่อป้องกันการเกิดโรครากเน่าและโคนเน่า

 

       ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และตามเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืชต่อไป

………………………………

อัพเดทล่าสุด