Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-ชาวบ้านแห่แจ้งจับ แก๊งลักเด็ก  ที่แท้แรงงานต่างด้าวตระเวนขายผ้าใบเต็นท์ ปฏิเสธไม่คิดจะลักขโมยเด็กตามที่ชาวบ้านร่ำลือ

สตูล-ชาวบ้านแห่แจ้งจับ แก๊งลักเด็ก  ที่แท้แรงงานต่างด้าวตระเวนขายผ้าใบเต็นท์ ปฏิเสธไม่คิดจะลักขโมยเด็กตามที่ชาวบ้านร่ำลือ

         จากกรณีมีเพจชื่อดังในจังหวัดสตูล  ชื่อเพจ  “ป๊ะหวาจัดให้”   โพสต์ข้อความเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานในช่วงนี้   พบเห็นสงสัยว่าเป็นแก๊งลักเด็ก   พร้อมโพสต์ภาพรถยนต์สีน้ำตาล เลขทะเบียน กบ.7366 ร้อยเอ็ด วนเวียนในหมู่บ้าน ให้รีบติดต่อผู้นำหมู่บ้านและตำรวจด่วน

         จากนั้นพ.ต.อ.เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ  ผกก.ตำรวจสภ.เมืองสตูล พร้อมกำลัง พ.ต.อ.ธนิสร  แสงท่านั่ง   ผกก.ตม.จว.สตูล  สั่งการให้ พ.ต.ท.ระลึก  อินทรัศมี  รอง ผกก.ตม.จว.สตูล ,พ.ต.ท.วิชาญ  นามแสงผา สว.ตม.จว.สตูล  พร้อมกำลัง  พ.ต.ท.เฉลิมรัฐ  แก้วเนียม  สว.สส.  สภ.เมืองสตูล    ลงปฏิบัติการและติดตาม  หลังได้รับแจ้งจากสายว่า มีชายตรงตามลักษณะดังกล่าวคล้ายคนต่างด้าวท่าทางมีพิรุธ จำนวน 2 คน ออกตระเวนตามหมู่บ้านเพื่อขายเต็นท์ผ้าใบ จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  ไปยังจุดเกิดเหตุพื้นที่สวนยางพารา  หมู่ที่ 1 ตำบลควนขัน  อำเภอเมืองสตูล 

       ก่อนที่จะแสดงตนขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและเอกสารการเดินทาง  โดยทั้งคู่แสดงตนว่าเป็นชาวเวียดนาม เดินทางเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว  ชื่อนายเร  ทุง  อายุ 32 ปีชาวเวียดนาม  หนังสือเดินทางมีกำหนดเวลาถึงวันที่ 13 พ.ย.2566 และนายพาน วาน รวน  อายุ 34 ปี โดยหนังสือเดินทางมีกำหนดถึงวันที่ 21 พ.ย.2566 นี้  พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง โตโยต้า โซลูน่า สีน้ำตาล ทะเบียน  กบ.7366 ร้อยเอ็ด  ผ้าใบ สีน้ำเงินจำนวน 20 ผืน  หมวกนิรภัย 2 ใบสีเหลือง

        ก่อนที่ทั้ง 2 จะให้คำรับสารภาพว่าได้เดินทางเข้าในสตูลเป็นเวลา 3 วัน เพื่อขายเต็นท์ผ้าใบให้ชาวบ้าน  โดยภายในรถยนต์คันเกิดเหตุก็พบผ้าเต็นท์และหมวก 2 ใบ  แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอย่างอื่นที่เชื่อได้ว่าจะเป็นแก้งลักเด็กตามที่มีกระแสร่ำลือ

           เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า  หนุ่มชาวเวียดนาม  ถึงการเดินทางเข้าพื้นที่จ.สตูลว่า  ตนได้เดินทางมาจากจังหวัดตรัง เพื่อมาขายผ้าใบเต็นท์ และรับซื้อของจากเมืองไทยส่งไปขายที่เวียดนาม ไม่ได้มาลักขโมยเด็กตามที่กล่าวอ้าง  เพราะตนก็มีครอบครัว จะมาลักขโมยเด็กทำไม และที่สามารถพูดไทยได้ชัดเพราะว่าเข้าออกเมืองไทยมานาน 10 ปี  

          จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้แจ้งข้อกล่าวหา  เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว มาประกอบอาชีพ โดยไม่ได้รับอนุญาต (ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 37 (1)

……………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-หวิดดับ..ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแกะกระป๋องน้ำอัดลมที่ผูกติดกับวัตถุต้องสงสัยทิ้งกลางป่าก่อนมารู้ว่าเป็นระเบิดลูกเกลี้ยง

สตูลหวิดดับ..ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  แกะกระป๋องน้ำอัดลมที่ผูกติดกับวัตถุต้องสงสัยทิ้งกลางป่า ก่อนมารู้ว่าเป็นระเบิดลูกเกลี้ยง     

          วันที่ 30 .. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ด้วยความอยากรู้   อยากเห็นเกือบนำความตายมาเยือนตัวเองเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่  หลังป้ายทางเข้าโรงเรียนบ้านไทรงาม  หมู่ที่ 4 ตำบลควนขัน  อำเภอเมืองสตูล 

           เมื่อนายทรงวุฒิ   สะลีหมีน อายุ26 ปี หนุ่มชาวสตูลผู้พบวัตถุระเบิด   และนายสาและ  กาสาและ อายุ 49 ปีผู้รับเหมากวาดป่าปรับพื้นที่ พร้อมเพื่อนแรงงานอีกหนึ่งคน     ได้เล่านาทีที่เป็นคนพบวัตถุต้องสงสัยที่ผูกติดกับกระป๋องน้ำอัดลม  ด้วยพลาสติกกันกระแทกว่า

         ขณะทำงานปรับสภาพพื้นที่ป่าที่รกร้างกับพี่ผู้รับเหมาและเพื่อนรวม 2 คนอยู่นั้น  ก็เหลือบไปเห็นกระป๋องดังกล่าวจึงนำมาแกะดู   โดยทุกคนต่างมานั่งวงล้อมดูกันด้วยความอยากรู้ อยากรู้อยากเห็นว่าเป็นอะไร

            เมื่อแกะออกดูถึงกับตะลึง!! เมื่อพบว่าด้านในเป็นวัตถุคล้ายวัตถุระเบิดลูกเกลี้ยงมีกระเดื่องเหมือนพร้อมจะทำงาน   ขณะอยู่ในมือของน้องทรงวุฒิที่ถืออยู่ยอมรับใจสั่นละรัว    จึงรีบพันพลาสติกไว้เหมือนเดิมไปวางไว้ใต้ต้นไม้   ก่อนรีบโทรตามตำรวจมาช่วยทันที 

           นายสุชาติ  ชูงาม  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลควนขัน เปิดเผยว่าพื้นที่นี้ไม่เคยเจอว่ามีวัตถุระเบิดมาทิ้งไว้แบบนี้   และที่เชื่อได้ว่าเป็นวัตถุระเบิดเนื่องจากน้องคนพบ  เคยเป็นอดีตทหารเกณฑ์มาก่อนจึงเคยผ่านตามาก่อนว่าสิ่งนั้นคือ ระเบิดลูกเกลี้ยง 

 

            จากนั้นด้านพ...เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล  พร้อมกำลังชุดตำรวจและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกันประชาชนออกจากพื้นที่ เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดลูกเกลี้ยงจริง  และเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจึงมอบหมายให้นำไปทำลายทิ้ง

………………………………………

Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-ชาวบ้านเกาะสาหร่าย  ร้องศรชล.แก้ปัญหาลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล ส่งจีน-เวียดนาม

สตูล-ชาวบ้านเกาะสาหร่าย  ร้องศรชล.แก้ปัญหาลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล ส่งจีน-เวียดนาม

        วันที่ 27 ต.ค. 66  ที่ท่าเทียบเรือเจ้าท่า สาขาสตูล ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3  โดยพลเรือโทสุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช   มอบนโยบายนาวาเอก แสนย์ไท  บัวเนียม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ จว.สตูล ศรชล.ภาค 3/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล, ว่าที่ นาวาเอก รัฐพล  แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3 , นายสุขเกษม ศรีงาม เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน  หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล)  ประมงจังหวัดและประมงอำเภอเมืองสตูล

         สนธิกำลังนำเรือ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาสตูล และเรือของมนุษย์กบ ศรชล.ออกลาดตระเวนตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล   หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ว่ามีการลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล   สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรธรรมชาติและเครื่องมือประมงของชาวบ้าน  ซึ่งการออกลาดตระเวนพร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจตรารอบเกาะสาหร่ายในครั้งนี้   แม้จะไม่พบการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว  

          ด้านนาวาเอกแสนย์ไท  บัวเนียม   รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  (ศรชล.สตูล) พร้อมคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงรับฟังปัญหา  จากผู้นำชาวบ้านในพื้นที่และเชิญเจ้าของแพรับซื้อปลิงทะเลลูกบอล มาแจ้งถึงการรับซื้อปลิงทะเลลูกบอลจากกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือคราดในครั้งนี้มีความผิดทางกฎหมาย  พร้อมให้แนวทางการทำงาน  3 ข้อประเด็นหลักคือ 

        ด้านนายรอดาษ  นากมา  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสาหร่าย  ยอมรับว่า  ปัญหาการลักลอบทำประมงด้วยการใช้เครื่องมือ คราดปลิงทะเลลูกบอล  มีจริง  โดยมีการใช้เรือประมาณ 10 ลำเป็นเรือหางพร้อมเครื่องมือคราดสร้างความเสียหายให้กับเครื่องมือประมงของชาวบ้าน  ซึ่งปัญหานี้มีมาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปีแล้วที่ชาวบ้านเกาะสาหร่ายประสบปัญหา โดยกลุ่มเรือที่เข้ามาทำส่วนใหญ่มาจากต่างถิ่น จึงอยากให้ศรชล.เข้ามาช่วยเหลือ ตรวจตรา ป้องปรามการกระทำผิด 

        รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  (ศรชล.สตูล)  กล่าวว่า  จากการลงพื้นที่รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน  ผู้นำชุมชน ได้เสนอแนะ 3 ประเด็นใหญ่คือ 1 ให้มีการรวมตัวกันผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ  เพื่อทำการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น 2. หากเกินขีดความสามารถให้แจ้งมายัง ศรชล.หรือ  ว่าสำนักงานประมงจังหวัด/หรือว่าหน่วยปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ  3 ศรชล.ได้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน/เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำความผิด  ประมงผิดกฎหมายเพื่อจำกัดเสรีในการกระทำความผิดกฎหมาย  ควบคุมดำเนินคดีการกระทำความผิดต่อไป   โดยลักษณะของการกระทำความผิดเป็นการใช้เครื่องมือคราดปลิงทะเล  สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรและเครื่องมือประมงอื่น เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ   สำหรับการแก้ไขปัญหาประมง   และการกระทำความผิดประมง   เป็นปัญหาซับซ้อนที่ต้องร่วมมือกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐประชาชนและผู้ทำอาชีพประมง ในทุก ๆ เรื่องการสร้างความตระหนักรู้วินัย/ทุกคนต้องร่วมมือกันเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย

         สำหรับปลิงทะเลลูกบอล  การข่าวพบว่ามีการซื้อขายกิโลกรัมละ 60-70 บาทในตัวปลิงที่มีขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก 35 บาท มีการจับเพื่อส่งขายไปเป็นยาบำรุงร่างกาย ในประเทศเวียดนามและจีน   ซึ่งชาวบ้านเกาะสาหร่ายหากเดินหาริมชายหาดหลังน้ำลดสามารถทำได้  

        สำหรับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดสตูล ได้ประกาศ เรื่อง  กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงจับสัตว์น้ำ พ.ศ.2560  เครื่องมือประมงประเภทคราดประกอบกับเรือยนต์ทำการประมงปลิงทะเล ทำให้เกิดการทำลายหน้าดิน หญ้าทะเล ปะการัง อันเป็นแหล่งวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวประมง  อาศัยมาตรา 28 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง มาตรา 71 (1)แห่งพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558   (มีโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท  ถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง)

…………………………….

Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-ตะลึงหัวขโมยหิวโซแอบกินเกี้ยว ทอดไข่ในร้านก๋วยเตี๋ยวยามวิกาลอย่างใจเย็น ก่อนฉกกลับบ้าน กล้องวงจรปิดจับได้คาปาก เจ้าของโพสต์ไม่รู้จะสงสารดีหรือว่าเป็นเพราะนิสัย

สตูล-ตะลึงหัวขโมยหิวโซแอบกินเกี้ยว ทอดไข่ในร้านก๋วยเตี๋ยวยามวิกาลอย่างใจเย็น ก่อนฉกกลับบ้าน กล้องวงจรปิดจับได้คาปาก เจ้าของโพสต์ไม่รู้จะสงสารดีหรือว่าเป็นเพราะนิสัย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เจ้าของเฟสบุ๊คส่วนตัวที่ชื่อว่า  Onuma Sungyalo  (หนูนา )  ชื่อว่า นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า  ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน   เลขที่ 116 ถนนปานชูรำลึก ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โพสต์ภาพคลิปนาที ว่าครั้งแรกในชีวิตที่พบขโมยทั้ง 2 ร้าน ที่ร้านโต้รุ่งโดนงัด เอาพัดลมกับลำโพงหาย และ ล่าสุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน  หัวขโมยเอาไข่ไก่ไป 1 แผง และไข่ไก่อีก 10 ลูก  แถมเอามาม่าไปด้วย  3 ห่อ แถมขโมยกินเกี้ยวทอดนั่งลงกินข้างตู้กระจกขายก๋วยเตี่ยวแบบไม่สนใจ  แม้กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าร้าน เลย โพสต์แชร์เตือนภัย  บอกว่าหัวขโมยคงจะอดและหิวมาก   ซึ่งเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 เวลา ตี 3

         นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของ ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน กล่าวว่า  ได้ไปปรึกษาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสตูลแล้ว แต่ยังไม่แจ้งความ ใจหนึ่งที่เอ็นดูโจรสมัยนี้อดยาก หิวโซจริง ๆและเป็นจังหวะที่ขโมยขึ้นเมื่อวานก่อน ในวันออกวันกินเจ คงคิดว่า โจรคงหิว และมาขโมย แถมที่สำคัญ โจรได้หยิบกระทะมาตั้งเตาแก๊ส และจุดไฟไม่ได้ แถมเทน้ำมันใส่กระทะเรียบร้อย สุดท้าย ทอดไข่กินไม่ได้ จึงทำได้เพียง เอาไข่ไก่ตอกเทใส่กล่องพลาสติก และเอาเปลือกไข่ไก่ไปทิ้งไว้นอกข้างร้านดูต่างหน้า   จากนั้นขโมยได้ไข่ไก่ไป 1 แผน กับไข่ไก่อีก 10 ฟอง แถมเอามาม่าไปด้วย

       

         นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของ ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน กล่าวอีกว่า งานนี้ตนเองทำได้เพียงใส่ลูกกรงประตูหน้าร้านให้แน่น และไม่ติดใจแต่ก็เฝ้าระวัง  ส่วนขโมยนั้นบอกได้แค่คำเดียวว่า ไม่รู้จะสงสาร หรือ โมโหดี  ส่วนอีกร้านนั้น ที่โต้รุ่งข้างเซเว่น โจรเอาพัดลมติดฝาผนัง//พัดลม โชคดีที่ไม่เอา ถังแก๊ส ไป

………………………………………………………

Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-พบพะยูนเพศเมียตัวเต็มวัยหนักกว่า 200 กิโลฯ เกยหาดบนเกาะตาย ชาวประมงรีบส่งตรวจสอบ

สตูล-พบพะยูนเพศเมียตัวเต็มวัยหนักกว่า 200 กิโลฯ เกยหาดบนเกาะตาย ชาวประมงรีบส่งตรวจสอบ

           (25 ต.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านพบพะยูนเพศเมียตัวใหญ่ มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม  สภาพนอนเกยตื้นตายบริเวณริมชายหาดบ้านเกาะระยะ หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสาหร่าย   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล โดยพบว่า สภาพบริเวณตรงหลัง พะยูนมีร่องรอยบวมช้ำ และมีบาดแผล มีบริเวณโคนหางเป็นจุดถลอก  ส่วนอายุดูจากตามลำตัวพบเส้นขนมีสีขาวคาดการณ์พะยูนตัวนี้น่ามีอายุมากแล้ว

        ด้านนายวินัย มงเล่ห์ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6  กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายคมชาญ  โกบปุเลา อายุ 28 ปี คนเจอตัวพะยูนที่นอนเกยตื้นตาย จึงไปดูและเสียใจ ที่พบพะยูนในพื้นที่ชายทะเลแถวเกาะแห่งนี้  จึงได้ช่วยกันใส่เรือประมงพื้นบ้าน นำเอามาขึ้นฝั่งที่บริเวณท่าเทียบเรือบ้านทุ่งริเน อำเภอท่าแพ  จังหวัดสตูล  เพื่อส่งต่อไปยังสำนักงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เขตตรัง เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ต่อไป   ส่วนตัวนั้นมองว่าการเจอพะยูนบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่ง   เพราะไม่เคยเจอนานมากแล้ว   แต่การได้เจอในสภาพเกยตื้นตายแบบนี้รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก      

        นายคมชาญ  โกบปุเลา อายุ 28 ปี คนเจอตัวพะยูน บอกว่า ตนเองกับพี่ชายไปหาปลาริมชายหาดจนพบพะยูนในช่วงเวลา 11.00 น. พบพะยูนนอนเกยตื้นตาย จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านเร่งมาช่วยกันดูและช่วยกันยกขนย้ายนำขึ้นฝั่งเพื่อส่งตรวจ   สำหรับพะยูนนี้ก็ไม่เคยเห็น  เมื่อได้เห็นสภาพตายเกยตื้นแบบนี้แล้ว รู้สึกเสียใจ

        ด้านนายอาหมีน สันโด อายุ 40 ปี ชาวบ้านเกาะสาหร่าย และนักอนุรักษ์ธรรมชาติ บอกว่า  พื้นที่บนเกาะสาหร่าย และทะเลแห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์มีหญ้าทะเล เยอะ ที่มีพะยูนอาศัยอยู่จากการสำรวจมีถึง 8 ตัว จากที่เคยสำรวจ และในวันนี้พบพะยูนเกยตื้นตายรู้สึกเสียใจ เพราะการพบพะยูนในพื้นที่บ่งบอกว่าพื้นที่ทะเล สมบูรณ์ดี ส่วนใหญ่ในพื้นที่จะพบโลมาบ่อยครั้ง มันจะโผล่ขึ้นมาเป็นช่วงๆ   ส่วนพะยูนกับเต่าก็มีแต่ตลอดแต่จำนวนไม่มาก    อยากให้ภาครัฐส่งเสริมการอนุรักษ์หญ้าทะเลเพราะเป็นแหล่งอาหารของพะยูนสัตว์ทะเลหายาก

……………………..

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ด่านชายแดนทางน้ำสแกนยิบล่า  เสี่ยแป้ง  ล่าสุดไม่พบทั้งรถทั้งคน 

สตูล-ด่านชายแดนทางน้ำสแกนยิบล่า  เสี่ยแป้ง  ล่าสุดไม่พบทั้งรถทั้งคน 

 

          จากกรณีนักโทษชาย  ชื่อ  เชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด  หลบหนีระหว่างรักษาตัวใน โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา  โดยราชทัณฑ์ตั้งรางวัลนำจับ 100,000 บาท

          และการข่าวรายงานว่าพบรถกระบะทะเบียน 8 กจ 9049 พัทลุง คันที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีจาก รพ.มหาราชจังหวัดนครศรีธรรมราช จอดทิ้งไว้ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.สตูล ซึ่งมีพื้นที่ตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูลติดต่อกับประเทศมาเลเซียนั้น

        วันที่ 24 ต.ค. 66  ล่าสุดหน่วยความมั่นคงได้สนธิกำลังไล่ล่าแสกนทุกพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะด่านชายแดนวังประจัน  อำเภอควนโดน และที่ท่าเทียบเรือตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูล  ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนรอยต่อติดทางน้ำ  กับรัฐเปอร์ลิส และรัฐเคดาห์  ประเทศมาเลเซีย โดยวันนี้ตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 9 จังหวัดสตูล ได้เข้มงวดนักท่องเที่ยว และแรงงานที่เดินทางเข้าออกทุกคน โดยเช็ครูปพรรณสัณฐานว่ามีบุคคลหน้าละไม้ คล้ายเสี่ยแป้งหรือไม่กับบุคคลที่เดินทางออกนอกประเทศทุกราย  พร้อมกันนี้ยังเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังตามช่องทางธรรมชาติ พร้อมเน้นการหาข่าว

       นอกจากนี้ยังมีการตรวจสแกนรอยเข้าออกในบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง รวมทั้งหมู่บ้านรอยต่อริมทะเลเพื่อสกัดกั้นและเฝ้าระวัง  พร้อมสแกนรถยนต์เข้าออกอย่างละเอียดที่เชื่อว่าใช้เป็นยาหนะในการหลบหนี   

        โดยด้าน  พ.ต.ท.บรรเจิด   มานะเวช   รองผู้กำกับการ 9 ตำรวจน้ำ  (ดูแลตรังสตูลและกระบี่)  ยืนยันว่า  ขณะนี้ยังไม่พบตัวบุคคลที่ทางการตามหา   รวมทั้งรถยนต์   กระบะทะเบียน 8 กจ 9049 พัทลุง ที่ตกเป็นข่าวโดยยืนยันยังไม่พบรถยนต์คันดังกล่าวในพื้นที่ตำมะลัง  และใน จ.สตูล และขณะนี้ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนสแกนหาอย่างละเอียด   ซึ่งได้มีการทำงานสนธิกำลังร่วมกับชุดสืบสวนภาค 9 เพื่อติดตามคนร้ายทางกล้องวงจรปิดเพื่อหาทั้งรถยนต์ และบุคคลรายนี้กลับมาดำเนินคดี

……………

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3 ราย

         เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ต.ค.2566  พ.ต.ท.ดิเรก หยงสตาร์ สวป.สภ.ท่าแพ จ.สตูล พร้อมด้วยกำลังฯ ร่วม กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสตูล  รุดเข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานพยานวัตถุพยานบนถนนประตูทางเข้าโรงเรียน – บริเวนหน้าอาคารโรงเรียนบ้านแป-ระใต้  หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ  ภายหลังจากทีได้รับแจ้งว่า ให้เข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่มีการก่อเหตุถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บถูกพลเมืองดีนำตัวส่ง รพ.ท่าแพ  ไปก่อนหน้านี้ โดย ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย เด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพฯ  เบื้องต้นที่เกิดเหตุยังไม่พบหลักฐานๆของคนร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ภายในโรงเรียนฯ  เพื่อหาหลักฐานร่องรอยคนร้ายกันอย่างละเอียดครั้งต่อไป

         ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ผ่านมา  พนักงาน (สอบสวน) สภ.ท่าแพ จ.สตูล ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณภายในโรงเรียนบ้านแป-ใต้  ท้องที่หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ ที่เกิดเหตุประตูหน้าทางเข้าโรงเรียนฯพบหลักฐานปลอกกระสุนปืนไม่ทราบยี่ห้อ 1 นัด  ส่วนที่บริเวณระหว่างตัวอาคารเจ้าหน้าที่ได้นำเทปกั้นเขตมากั้นเอาไว้เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป หรือว่า ไม่ควรเข้าใกล้หรือห้ามเข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเด็ดขาด  ทั้งนี้มีรายงานว่า ในพื้นที่เกิดเหตุพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มซึ่งเป็นคู่อริกัน ในเบื้องต้นอาจจะเป็นไปได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ 2 กลุ่มดังกล่าวต่างพากันมาเพื่อเคลีย  แล้วไม่สำเร็จ  ก่อนที่จะก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันในโรงเรียนฯดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวซึ่งอยู่ในโรงเรียนฯดังกล่าวระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านฯก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุด้วยการมาพังประตูเหล็กทางเข้าโรงเรียนฯมาครั้งหนึ่งแล้ว

…………………………

Categories
ข่าวเด่น

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

            วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    หลังมีกระแสข่าวรายงานว่าพบรถต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นยานหนะที่เสี่ยแป้งใช้หลบหนี  ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแหล่งข่าวจากตำรวจ หรือ ตม.ยืนยันว่าภาพข่าวดังกล่าวเกิดเหตุเหตุในพื้นที่จังหวัดสตูลแต่อย่างใด  แม้ล่าสุดจะพบสัญญาณในพื้นที่จังหวัดสตูลก็ตาม

          ซึ่งขณะนี้หน่วยความมั่นคง ต่างกระจายกำลัง ตรวจค้นและหาข่าวตามแนวชายแดนว่ามีรถต้องสงสัย คล้ายรถที่คนร้ายใช้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่หรือไม่  โดยทางด้าน  พ.ต.อ.ธนิสร   แสงท่านั่ง    ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล   ได้มีการประสานกับหน่วยความมั่นคงภายในจังหวัดสตูล ทั้ง ทหาร ตำรวจ และชุดท้องถิ่น เร่งค้นหาผู้ต้องหาคดีสำคัญ  เสี่ยแป้ง   ได้มีการเข้าตรวจค้นเข้มทางบกในพื้นที่ช่วงเช้าที่หน้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่ติดกับบ้านวังเกลียน   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ออกตรวจรถทุกคันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เข้าขออนุญาตตรวจค้นทุกซอกทุกมุม

          นอกจากนี้ยังสั่งการไปยังพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมือง  และบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวปากบารา ที่เป็น 2 ท่าเทียบเรือใหญ่ คอยรับส่งนักท่องเที่ยวในและนอกต่างประเทศ  และสั่งกำชับลงตรวจลงตรวจตรา สะพานท่าเรือเล็กๆตามชายฝั่ง 384 แห่ง ค้นหาโดยนำรูปผู้ต้องหาออกหมายจับปูพรมค้นหาอย่างทันที

          ทั้งนี้พ.ต.อ.ธนิสร  แสงท่านั่ง  ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมือง    จังหวัดสตูล  ลงพื้นที่ทันที่ชายแดนทางบก ลงตรวจรถทุกคันที่กำลังมุ่งหน้าออกด้วย ตนเองกับทีมลูกน้อง เพื่อเร่งค้นหา ผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อที่ช่วยทางการจับกุม ส่วนกรณีรถยนต์ที่พบเบาะแสในพื้นที่จังหวัดสตูล ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนที่มาที่ไปทันที 

Categories
ข่าวเด่น

   9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

สตูล  9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

        วันที่ 21 ต.ค. 66  ที่ โรงแรมสตารินรีสอร์ท   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนจัดเพื่อปาเลสสไตล์ @ สตูล ซึ่งประกอบด้วยสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยสาขาสตูล ,  มูลนิธิอิบนูเอาฟ  , สหกรณ์อิสลามอัลฮิจญ์เราะฮ  จำกัด, สมาคมครูอิสลามศึกษาสตูล  ,  สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสตูล  ,  สภาเครือข่ายมนุษยธรรมสตูล  , กลุ่มอิกเราะสตูล  ,  ชมรมมุสลิมจังหวัดสตูล และ กองทุนบัยตุลมาล  ร่วมกันออกแถลงการณ์องค์กรเครือข่าย  รวมพลยืนหยัดเพื่อพี่น้องปาเลสไตน์

        โดย อ.รอหมาน  หลีเส็น  และ 9 องค์กรภาคีเครือข่าย  ร่วมอ่านแถลงการณ์  พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของชาวไทยและการสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์  ซึ่งปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้มีความซับซ้อนและยืดเยื้อมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของชุมชนทั้งชาวยิว  คริสต์และอิสลามทั่วภูมิภาค

          ซึ่งการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์และการโจมตีโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยรอรับการเยียวยารักษาถือเป็นการละเมิดฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ   การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนที่เอนเอียงเลือกข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือเป็นการละเมิดผิดจรรยาบรรณอันร้ายแรง   องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรง   และความโหดร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นโดยทันทีโดยมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ

          1 ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในการดูแลสวัสดิภาพและการป้องกันการทำร้ายต่อพลเรือน   2 ให้ความสำคัญต่อการเปิดเส้นทางมนุษยธรรมความปลอดภัยเพื่อส่งผ่านอาหารและยาต่อการช่วยเหลือพลเรือนที่ถูกกักกันอยู่ในกาซ่า   3 ให้มีการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงในการสร้าง 4 เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงทุกระดับรักษาจรรยาบรรณของสื่อมวลชนด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงหรือฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด   ขอพรจากอัลเลาะห์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ยุติโดยเร็วและนำสันติภาพความสงบสุขมาสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเร็ววัน

        อ.สมพร  เหมรา  ประธานจัดกิจกรรม  รวมพล  ยืนหยัด เพื่อพี่น้องปาเลสไตน์   กล่าวว่า  กิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะมีการอ่านแถลงการณ์แล้ว   ยังมีการปาฐกถาพิเศษ โดย อ.ฮารูน  หะยีมะ   และเสวนาต่อโดย ผศ.ดร.อับดุลรอนิง  สือเต  , อ.มันโซร  สาและ พร้อมกันจำหน่ายเสื้อหลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนช่วย ผู้ประสบภัยจากสงคราม และตั้งกล่องรับบริจาคช่วยเหลือพี่น้องปาเลสไตน์  โดยรายได้ทั้งหมดจะส่งไปที่ สำนักจุฬาราชมนตรีงานหลักมนุษยธรรม  ต่อไป

…………………….

Categories
ข่าวเด่น

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัย   ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัยจากสงคราม    ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

        ที่บ้านบันนังปุเลา  ซอย 6 (กุโบร์)  ต.เจ๊ะบิลัง   อ.เมือง   จ.สตูล นายโสมนัส  พระวิชัย อายุ 44 ปี เป็นหนึ่งในแรงงานไทยในเมืองยาเต็ด  ประเทศอิสราเอล  ที่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย   โดยทันทีที่ถึงบ้านพบลูกเมียครอบครัว  ก็ยังมีความเป็นห่วงเพื่อนคนไทยที่ยังประสงค์จะทำงานต่อโดยไม่ยอมกลับ  โดยเห็นว่าสถานที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุจะขอทำงานต่อไปในภาคการเกษตร 

       นาย  ชาวขอนแก่น  เพื่อนของนายโสมนัสแรงงานไทยในอิสสราเอล  หลังวีดีโอคอลพูดคุยกัน  ยังยืนยันกับสื่อด้วยว่า  ยังไม่อยากกลับแม้จะอาศัยอยู่ในอิสราเอลมา 4 ปีแล้ว   เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลกับที่ฟาร์มเกษตรที่ตนอยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร  เพราะยังมีภาระหนี้สิน ขออยู่ทำงานต่อไป

      ซึ่งแตกต่างกับนายโสมนัส  แรงงานชาวสตูลในอิสราเอลที่ต้องรีบเดินทางกลับบ้านในไทย   บอกว่า  พื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 12 กิโลเมตร   โดยคืนวันเสาร์ ที่  7 ตนบันทึกภาพนาทีที่ทางการอิสราเอลเข้าควบคุมตัว ฮามาส  ไว้ได้  โดยขณะนั้นตนซ่อนอยู่ภายในบ้านพักคนงาน  ซึ่งพบว่ากลุ่มดังกล่าวพยายามเข้ามาทำร้ายพวกตนแต่หลบซ่อนตัวได้  เป็นภาพความน่ากลัวมาก  นอกจากนี้ระหว่างมีการต่อสู้ระหว่างกันไปมา เห็นมีการยิงกระสุนข้ามศีรษะไปมา และมีการปล่อยกระสุนไอรอนโดมของทางการอิสราเอล  ออกมาทำลายอาวุธแตกกระจายกลางอากาศ  ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำงานในไร่ผักกระหล่ำปลี  และคะน้า  นายจ้างให้พวกตนไปหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย  ยิ่งสร้างความน่าหวาดกลัว และอยากจะกลับบ้านในทันที 

        นายโสมนัส  เล่าต่อว่า ตนทำงานที่อิสราเอลมานานถึง 5 ปี เดินทางกลับไทยเพียงครั้ง 1 เดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้  แม้จะได้เงินดีวันละ 2000 บาทไม่รวมโอที  ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ โดยทางครอบครัวยิ่งกังวลกับสถานการณ์  ทำให้ต้องรีบกลับบ้านทันที  เพื่ออยู่บ้านสักพักและหาช่องทางไปทำงานต่างประเทศต่อ  เพราะมี 13 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ   ทั้งครอบครัว พ่อแม่ตัวเองและ ลูกเมีย  ซึ่งคงต้องการให้รัฐบาลช่วยแนะนำในการไปทำงานในประเทศที่ปลอดภัยไม่มีสงคราม   

          ส่วนทางด้านภรรยา  ก็บอกว่า  ไม่อยากให้กลับไปทำในประเทศอิสราเอลอีก   เพราะความไม่ปลอดภัยหลายอย่าง ซึ่งปรึกษาหารือกันแล้วว่าหากอยากจะทำให้เปลี่ยนประเทศเป็นเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นแทน  เพราะไม่มีภาวะสงคราม และจำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเพราะมีภาระหนี้สิน ครอบครัวที่ต้องดูแล  สามีส่งเงินกลับบ้านมาแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และสูงสุดกว่า 50,000 บาท และจะนำวิชาชีพไฟฟ้า และช่างเชื่อมที่มีอยู่หางานทำในประเทศอื่นต่อไป

        ขณะที่ด้านกระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงติดตามและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะด้านอาชีพ  เพื่อหาช่องทางให้แรงงานไทย   รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อติดขัดหลังเดินทางกลับประเทศแม่

………………………………..