Categories
ข่าวทั่วไป

คืบหน้า สาวสตูลป่วยโรคประหลาด

คืบหน้า…สาวสตูลป่วยโรคประหลาด

           จากกรณีที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บ้าน   ของนางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี (ที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาทั้งสองข้างบวมเป่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขา  น้ำหนักของติ่งเนื้อที่ยื่นมานี้ไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม ) สร้างความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากและอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยรักษานั้น

 

         ล่าสุดวันนี้มีความคืบหน้าหลัง  นายแพทย์ระพี  เลาประสพวัฒนา  แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลละงูและทีมสหวิชาชีพ  พร้อมด้วย นางสาวณัติญา เฉลิม พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ อบต.กำแพง , ผู้ใหญ่บ้าน ,ทีมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล , อสม.และส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บ้านเลขที่  37 หมู่ที่ 1 ตำบลกำแพง  อ.ละงู  ซึ่งเป็นบ้านของนางวราภรณ์   เหล็มหา  (ที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาทั้งสองข้างบวมเบ่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขาหนักกว่า 20 กิโลกรัม )

 

          เพื่อขอดูอาการเบื้องต้น  และประวัติการรักษาที่ผ่านมาก่อนจะพบว่า  หลังพบว่าคนไข้รายนี้เคยรักษาตัวที่กรุงเทพฯ และได้ขาดการรักษาไปช่วงนึง   เนื่องจากว่าอาจจะติดในเรื่องของการเดินทางและสถานการณ์โควิด   ทางโรงพยาบาลละงู  เลยมาติดตามว่า  ขณะนี้การรักษาอยู่ที่ขั้นตอนไหนแล้ว

 

          ทางด้านนายแพทย์ระพี  เลาประสพวัฒนา  แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลละงู  ได้ตรวจดูเบื้องต้นพบว่าสามารถรักษาไปตามระบบได้   เพราะคนไข้ยังไม่มีอาการติดเชื้อ  หรือมีภาวะเร่งด่วน  แต่พบว่ามีภาวะความยากลำบากในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน    โดยได้วางแผนการรักษาโดยให้คนไข้เข้ารับการรักษาตามระบบ  ตามสิทธิ์ที่มีคือสิทธิ์บัตรทอง  โดยเริ่มต้นที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน  แล้วโรงพยาบาลละงู  จากการตรวจประเมินแล้วจะทำการส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง ที่มีศักยภาพในการรักษาเพิ่มเติมต่อไป

 

         ส่วนโรคที่ประสบนั้นนายแพทย์ระพี  บอกว่า เกิดจากโรคน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้น้ำเหลืองที่ย้อนลงมาที่ขาไม่กลับขึ้นไปตามระบบปกติ  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณเนื้อเยื่อที่ขา ต้องส่งไปหาคุณหมอที่รักษาเฉพาะทางเพื่อทำการผ่าตัดท่อน้ำเหลือง  ซึ่งโรคนี้สิทธิ์บัตรทองได้รักษาครอบคลุมอยู่แล้วรักษาได้ในทันที

 

        ด้านนางสาวณัติญา เฉลิม พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ อบต.กำแพง  บอกด้วยว่า ในส่วนของญาติหรือสามีคนไข้ให้เร่งไปดำเนินการย้ายชื่อบัตรทองจาก จ.นนทบุรี กลับมาที่บ้านเกิดสตูล เพื่อใช้สิทธิบัตรทอง และทางอบต.จะช่วยดูแลในด้านการเดินทางไปรักษายัง รพ.ต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว ซึ่งให้มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิ์ที่ทาง อบต. ได้เตรียมไว้ให้สามารถดำเนินการได้ทันที

 

ขณะที่ด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูลได้สอบถามเรื่อง ความเป็นอยู่และความสามารถในการดูแลบุตรสาววัย 14 ปี ที่กำลังเรียนโดยทางครอบครัวยืนยันว่ายังคงเลี้ยงดูได้ โดยทาง พมจ.ได้ส่งเรื่องเพื่อให้รับสิทธิ์เงินสงเคราะห์บรรเทาความเดือดร้อน ครอบครัวให้ด้วย

 

ซึ่งก็เป็นไปตามเจตนาของคนไข้ที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำอย่างไรก็ได้ให้ช่วยให้ชีวิตของตนกลับมาใช้ตามปกติ อาจจะไม่หายขาด เพราะที่ผ่านมา  นางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี เคยผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้ง (แต่ได้ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่องเอง)  แม้หลังผ่าตัดอาการจะดีขึ้นแต่โรคก็กลับมาเป็นอีก ซึ่งดีกว่าจะได้มีช่วงระยะพักตัวร่างกายบ้าง โดยตอนนี้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม   ขาทั้งสองข้างบวมเบ่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขา  น้ำหนักของติ่งเนื้อที่ยื่นมานี้ไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สาวใหญ่สตูล ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาบวมทั้งสองข้างต้องแบกติ่งเนื้อหนักกว่า 20 กิโลกรัม วอนช่วยรักษาให้หายขาด

สาวใหญ่สตูล ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาบวมทั้งสองข้างต้องแบกติ่งเนื้อหนักกว่า 20 กิโลกรัม วอนช่วยรักษาให้หายขาด

           (21 ต.ค.2567) ที่ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ทีมข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้มีครอบครัวหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคร้ายต้องการความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง    จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่  37 หมู่ที่ 1 ตำบลกำแพง   พบนางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี (หากดูผิวเผินแทบไม่รู้ว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย) โดยเจ้าตัวบอกว่าตนเองที่ป่วยเป็นโรคบวมน้ำเหลือง โดยช่วงท่อนร่างของร่างกายตั้งแต่โคนขาอ่อนลงไปถึงหลังเท้าสูงมีอาการบวมน้ำเหลือง ติ่งเนื้อที่บวมออกมาข้างขาอ่อนที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลทำให้นางวราภรณ์ ไม่สามารถสวมกางเกงชั้นในได้

            ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เดินเหินไม่สะดวก ขาอ่อนที่บวมเป็นติ่งเนื้อใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนแบกก้อนน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ไว้ติดตัวด้วยตลอด  ทุกครั้งที่เดินเหมือนจะยักหลังหากไม่ระวังเพราะก้อนเนื้อที่บวมขนาดใหญ่จะรั้งไปด้านหลัง  ตอนนอนจะลำบาก นั่งก็ไม่เต็มเก้าอี้ อยากหายขาด อยากใช้ชีวิตให้เหมือนคนอื่น  แม้จะไม่หายขาดก็อยากให้มีอาการที่ดีกว่านี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้ตนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

           โดยทางนางวราภรณ์  และครอบครัว ยอมรับว่า เคยเป็นคนไข้ของพระบรมฯเมื่อประมาณปี พ.ศ.2540  ได้รับการผ่าตัดแล้ว 4-5 ครั้งในขณะนั้น คิดว่าตัวเองหายแล้ว จึงขาดการติดต่อกลับไป อยากให้คนอื่นที่อาการหนักกว่าได้เข้ารับการรักษาบ้าง ในช่วงนั้นจึงแต่งงานและมีลูก ไม่คิดว่าอาการจะกลับมาเป็นอีก อาการเริ่มเป็นที่หัวเข่าข้างเดียวก่อนลามเป็นอีกข้างตอนนี้เริ่มเป็นแผล ต้องใช้ผ้าก็อตพันไว้  

          และต่อมามีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อ 4-5 ปีก่อน (ด้วยเงินบริจาค 300,000 บาทจากบิณบรรลือฤทธิ์) ได้ขึ้นไปกทม.พร้อมครอบครัวขึ้นไปอยู่ที่กทม.เพื่อตั้งใจว่าเงินที่ได้มาจะรักษา แบบขันชานอส รักษา 7 วัน12,000 บาท คือทำให้แผลที่บวมแห้งถึงจะผ่าตัดได้ เหมือนรีดน้ำให้หมดจนแผลเหี่ยวถึงจะผ่าตัดได้   สรุปหมดไปเป็นแสนกับการทำขันชานอส  สุดท้ายเงินหมดก่อน ไม่ได้ผ่าตัด แม้ครอบครัวตน พ่อแม่ลูกจะช่วยกันทำขนมขายตอนอยู่กรุงเทพแต่ก็ไม่พอกิน ลูกก็ย้ายไปเรียนที่นู้น อีกทั้งโควิดระบาดทำให้ต้องกลับมาบ้าน ขาดการรักษาต่อเนื่อง เพราะเงินไม่มี อาการก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง   ประจวบเหมาะตรงกับโรคโควิคระบาดการรักษาไปได้ไม่   บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ เลยตัดสินใจกลับบ้านที่สตูล

          นายย็ะยาห์  ดือราแม  อายุ 48 ปี  ผู้เป็นสามี  ยอมรับว่า ตนให้กำลังใจภรรยาได้เพียงแค่อยู่ด้วยใกล้ ๆ ให้เขาอุ่นใจ ไม่มีคำหวานปลอบแบบอื่นนอกจากการกระทำ อยากเห็นเขาหายจากโรคร้ายนี้และมีชีวิตกลับมาปกติเหมือนคนทั่วไป ทุกวันนี้ภรรยาและพวกเราในครอบครัวไม่ได้งอมืองอเท้า ช่วยกันทำขนมขาย มีรับจ้างที่ไหนตนก็ไปทันที มีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวบางวัน 300 บาท  แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน ลูกก็เรียนมัธยม 1 โชคดีที่ญาติพี่น้องหยิบยื่นให้บ้าง ไม่ทอดทิ้ง

 

          ขณะที่พี่สาวของ (นางวราภรณ์   เหล็มหา) เล่าด้วยทั้งน้ำตาถึงความสงสารน้อง ด้วยตนเป็นพี่คนที่ 4 จากทั้งหมด 8 คนน้องเป็นคนสุดท้อง (เสียไปแล้ว 3 คนเหลือกัน 5 คนพี่น้อง)  เห็นน้องก็เสียใจทุกครั้งแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากให้เขาหาย ช่วยเหลือน้องตลอดทุนค้าขาย เท่าที่ช่วยได้ตามกำลัง  มาพูดคุยให้กำลังใจกันตลอด  ที่ไหนบอกมีหมอบ้านดีก็พาไป บางคนบอกถูกจอมปลวกก็บอกว่าไม่มีทางแก้ บ้างว่าโดนของ หลังรักษาหมอในสตูลแล้วไม่หาย เพราะหมอที่กรุงเทพก็ไม่มีกำลังจะพาไปรักษา    

 

         ขณะนี้นางวราภรณ์   เดินเหินไม่เหมือนคนอื่น  เหนื่อยง่าย ต้องเดินลากขายกขาไม่ค่อยขึ้นหากมีสิ่งกีดขวาง เดินได้แค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องวอนให้ช่วยเหลือ รักษาตนให้หายขาดตนไม่อยากจะป่วยเป็นโรคนี้อีกแล้ว หากไม่หายป่วยก็ขอให้อาการดีกว่านี้ เอาติ่งเนื้อก้อนใหญ่ที่ห้อยนี้ออกให้ตนด้วย

 

          หากท่านใดมีกำลังอยากช่วยเหลือตน สามารถบริจาคได้ที่เลขบัญชี ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบิกซี ตรัง 108 8 66362 0 ชื่อบัญชี นางสาววราภรณ์  เหล็มหา

……………………………………………….