Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

รักษ์เล ป่า เปิดฟ้าอันดามันสตูล” มหกรรมรักษ์ทะเลครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลอันดามัน

รักษ์เล ป่า เปิดฟ้าอันดามันสตูล” มหกรรมรักษ์ทะเลครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลอันดามัน

          จังหวัดสตูลเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยิ่งใหญ่ ผ่านโครงการ “รักษ์เล ป่า เปิดฟ้าอันดามันสตูล” ครั้งที่ 22 ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล อุทยานแห่งชาติตะรุเตา และภาคีเครือข่าย

 

       ในระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2567 จิตอาสากว่า 500 คนจากทั่วประเทศได้ร่วมแรงร่วมใจทำความสะอาดเกาะสำคัญในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้แก่:  – เกาะไข่   – เกาะอาดัง   – เกาะราวี  – เกาะหลีเป๊ะ  ซึ่งพบขยะส่วนใหญ่จำพวก พลาสติก เป็นเศษอวน  เชือก ที่ถูกคลื่นซัดสาดมาในช่วงมรสุม

         นายสัมฤทธิ์   เลียงประสิทธิ์   นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล   กล่าวว่า   การทำความสะอาดครั้งนี้ครอบคลุมทั้งบริเวณชายหาดและใต้ท้องทะเลตามแนวปะการัง พร้อมจัดกิจกรรมพิเศษในการฉีดวัคซีนและทำหมันสัตว์บนเกาะหลีเป๊ะ เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร   พร้อมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว     

       

        โดยโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำความสะอาดเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้และจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่:  นักท่องเที่ยว   จิตอาสา   และผู้ประกอบการในพื้นที่

 

         สำหรับโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเลหรือไฮซีซั่น ซึ่งเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยมุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสความงดงามของทะเลสตูลในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและสมบูรณ์

 

          การร่วมมือกันครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดสตูล พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้

……………………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

เกาะหลีเป๊ะเดินหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน จัดอบรมมาตรฐาน STAR พัฒนาตามเป้าหมาย STGs

เกาะหลีเป๊ะเดินหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน

           วันที่  9 พ.ย.67  ที่ห้องอาหารบูโลคาซ่า  แกรนด์ วิว รีสอร์ท เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นประธานในการเปิดการอบรมเพื่อสมัครมาตรฐาน STAR (stars)Sustainable Tourism Goals ภายใต้โครงการ รักษ์เล ป่า เปิดฟ้าอันดามันสตูล ครั้งที่ 22 พร้อมด้วยนางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นาย มุกตา บู่เอียด นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะ นายวริช วิชิต รอง ผอ. ททท. สำนักงานสตูล คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง และผู้เข้าร่วมอบรมเข้าร่วม

         ด้วยกิจกรรมการอบรมฯนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวทางแผนนโยบายและยุทธศาสตร์ของ ททท. ภายในกิจกรรมได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน STAR รวมถึงหัวข้อมาตรฐาน STAR 17 ข้อ เป็นการสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนาตามแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals : SDGs ขององค์การสหประชาชาติ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ดำเนินการโครงการเพื่อผลักดันแนวทางสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนSustainable Tourism Goals : STGs เพื่อให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว สู่เป้าหมาย STGs โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการ ทั้งหมด 17 เป้าหมาย ที่สะท้อนความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ 4 มิติ คือ มิติธรรมาภิบาล สังคม-เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม

 

         โครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating เป็นการยกระดับต่อยอดโครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety and Health Administration ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดย ททท. และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค ส่งมอบประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และมั่นใจความปลอดภัยด้านสุขอนามัย จากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งสะท้อนความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อร่วมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่มีคุณค่าและยั่งยืน ทั้งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประเทศไทยให้เป็น Sustainable Destination ต่อไป

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ททท. จับมือ กระทรวงท่องเที่ยวฯ มาเลเซีย แถลงความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เล็งบูสต์กลุ่มนักท่องเที่ยวขับรถข้ามชายแดน หวังดันท่องเที่ยวระหว่างไทย-มาเลเซีย 7 ล้านคนตลอดปี

ททท. จับมือ กระทรวงท่องเที่ยวฯ มาเลเซีย แถลงความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เล็งบูสต์กลุ่มนักท่องเที่ยวขับรถข้ามชายแดน หวังดันท่องเที่ยวระหว่างไทย-มาเลเซีย 7 ล้านคนตลอดปี

           (26 ตุลาคม 2567 ) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ และ กระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม แห่งมาเลเซีย โดย ดร. ยัสมิน บินติ ยาซิม รองเลขาธิการใหญ่ ร่วมกันแถลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชื่อมโยงระหว่างกัน ด้วยการท่องเที่ยวรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย (Cross-border Tourism) พร้อมร่วมปล่อยขบวนคาราวาน Thailand-Malaysia Self-Drive Tourism กว่า 60 คัน ณ ลานจอดรถ The Zon Duty Free Complex ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ราชอาณาจักรไทย และด่านบูกิตกายูฮิตัม สหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งมีนักขับรถและผู้ร่วมคาราวานเข้าร่วมงานกว่า 100 คน เดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ

         นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นศูนย์กลางในการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท.ได้เร่งดาเนินการมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน (ASEAN) โดยสาหรับประเทศไทยและมาเลเซียนั้น เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศ ทางบก (ทางถนนและทางราง) และทางน้า ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาเลเซียติดอันดับ Top 3 ตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนไทยมากที่สุด โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 23 ตุลาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนไทยแล้วมากกว่า 4 ล้านคน โดยร้อยละ 49 เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านชายแดนด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งจากปัจจัยสนับสนุนของมาตรการรัฐบาลในการขยายเวลาการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบ ตม.6 ของ 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 จึงเป็นโอกาสอันดีที่ไทยและมาเลเซียจะร่วมกันส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศเดินทางระหว่างกันในรูปแบบการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดน (Cross-border Tourism) ทั้งนี้ ในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยรวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ในขณะเดียวกันจะมีคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียในปีนี้ ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างกันไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน

         ดร.ยัสมิน บินติ ยาซิม รองเลขาธิการใหญ่ กระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม แห่งมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียมีความยินดียิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับประเทศไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามชายแดน โดยจะมุ่งส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสองประเทศ และมาเลเซียได้เตรียมการประกาศให้ปี 2569 เป็นปีท่องเที่ยวมาเลเซีย (Visit Malaysia 2026) ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกไม่น้อยกว่า 35.6 ล้านคน และเชื่อว่าการท่องเที่ยวข้ามชายแดน จะมีบทบาทสาคัญในการเพิ่มจานวนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยและมาเลเซียได้อย่างมาก สอดคล้องกับความตั้งใจของมาเลเซียที่จะส่งเสริมให้มีการอำนวยความสะดวก สำหรับการเดินทางข้ามชายแดนอย่างไร้รอยต่อ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับไทยและประเทศสมาชิกทั้งภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน (ASEAN) และ Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle (IMTGT) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไป

       การแถลงความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดย ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม แห่งมาเลเซีย ได้ร่วมกันเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเส้นทาง โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถรับข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล พร้อมทั้งค้นหาคู่มือเส้นทางท่องเที่ยว เชื่อมโ ยงประเ ทศ ไทย แล ะ มาเล เ ซีย รว มถึงประเทศเพื่อน บ้าน อื่น ๆ ได้ที่เว็บ ไ ซ ต์ https://tourismproduct.tourismthailand.org โดย ททท. มีแผนจะพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวขับรถข้ามแดนร่วมกับมาเลเซียเพิ่มเติม อีกทั้งพิจารณาการพัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงการจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยว และเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียได้ขยายการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของไทย นอกเหนือจากภูมิภาคภาคใต้ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงกันโดยสะดวก

        นอกจากนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ASEAN Hub ททท. มีนโยบายที่จะกระตุ้นการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลาย สาหรับประเทศไทยและมาเลเซียนั้นถือว่ามีข้อได้เปรียบที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้งทางอากาศ ทางบก (ทางถนนและทางราง) และทางน้า จึงเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศไปพร้อมกัน โดยในส่วนของการเชื่อมโยงทางอากาศมีความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการบินใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เส้นทางบินกัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่ของ Malaysia Airline เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 และทางราง ได้ริเริ่มผลักดันการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟจากกัวลาลัมเปอร์ ตรงไปยังสถานีหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกันระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับการรถไฟมาลายา หรือ KTMB (Keretapi Tanah Melayu Berhad) ให้บริการขนส่งนักท่องเที่ยวโดยรถไฟ KTM Electric Train Service (ETS) ซึ่งให้บริการจากสถานี KL Sentral ไปยังสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ก่อนจะเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทั้งยังจัด Chartertrain ชื่อ My Sawasdee ในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้ถึงเที่ยวละ 400 คน โดยจะเปิดให้บริการเพียงช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลเฉลิมฉลองพิเศษ ซึ่ง ททท. มีแผนที่จะส่งเสริมเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่เปิดให้บริการเป็นประจาเพิ่มขึ้นต่อไป

        ททท. คาดว่า การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการนาเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวผ่านช่องทางคมนาคมที่หลากหลายระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านนั้น จะทาให้ ททท. ดาเนินกิจกรรมด้านการตลาดได้บรรลุตามเป้าของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 36.7 ล้านคน ภายในปี 2567 นี้

………………………………………

ไพรัช  สุขงาม // ภาพ-ข่าว

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต