Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

พช.สตูล หนุนโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาดแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ จัดงาน “ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สร้างรายได้สู่ชุมชน”

พช.สตูล หนุนโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาดแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ จัดงาน “ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สร้างรายได้สู่ชุมชน”

         วันที่  3 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น.  ณ ตลาดแลจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย  สร้างรายได้สู่ชุมชน” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล โดยมีนางสาวรัตนา ไมสัน พัฒนาการจังหวัดสตูล กล่าวรายงานที่มา วัตถุประสงค์และรายละเอียดการจัดงาน

 

           พร้อมด้วยท่านสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล  ท่านธัญรัศม์ ไตรพันธ์รัชตะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล คุณประยูร โขขัด กรรมการบริษัทประชารัฐรักสามัคคี สตูล (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และหัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้เกียรติและสื่อมวลชนร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานอย่างคับคั่ง

 

           นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า “จังหวัดสตูลได้มีการวางแผนและดำเนินการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องต่อแผนการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  ด้วยวิสัยทัศน์ “สตูลเมืองแห่งความผาสุกที่ยั่งยืน”

 

          โดยได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในด้านการเกษตรซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของประชากรในพื้นที่จังหวัดสตูล จังหวัดจึงได้มีนโยบายในการยกระดับมาตรฐานทางด้านการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการ  โดยเฉพาะการส่งเสริมเพิ่มประสิทธิภาพ คุณค่า มูลค่าในด้านนวัตกรรมการผลิต การแปรรูปทางการเกษตร การรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้มีอำนาจต่อรองและสร้างความเข้มแข็งในด้านการตลาด ส่งเสริมพัฒนาสินค้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

 

         เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร รวมไปถึงในด้านเกษตรปลอดภัย เกษตรแปลงใหญ่ เกษตรทฤษฎีใหม่ การลดต้นทุนการผลิต เกษตรประณีตเพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างโอกาสและกระจายรายได้แก่ประชาชากรในพื้นที่ สำหรับการจัดงาน”ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สร้างรายได้สู่ชุมชน” ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เกษตรกรรวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสตูลจะได้มีช่องทางในการขยายตลาด เผยแพร่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ไปที่รู้จักแก่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเป็นการกระจายรายได้แก่ผู้ผลิตสินค้า และต่อยอดทางการตลาดได้อีกหนึ่งช่องทาง”

 

         นางสาวรัตนา  ไมสัน  พัฒนาการจังหวัดสตูล กล่าวว่า “ด้วยรัฐบาลมีเป้าหมายการพัฒนาประเทศเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยในปี 2559 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสานพลังประชารัฐขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก  ให้เกิดการเติบโตและหมุนเวียนของเศรษฐกิจในพื้นที่ ส่งเสริม สนับสนุนและเพิ่มโอกาสเชื่อมโยงเครือข่ายทางการตลาด ลดความเสียเปรียบในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายย่อยกับธุรกิจขนาดใหญ่

         กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย “สร้างรายได้ให้กับชุมชน เพื่อประชาชนมีความสุข” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการผสานพลังของ 5 ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ   ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน/ชุมชน มาร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนในรูปแบบประชารัฐ

         ภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) เพื่อเป็นกลไกการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ให้ได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างประสิทธิภาพตลอดต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ผ่านกระบวนการขับเคลื่อน 5 ฟันเฟือง เริ่มต้นตั้งแต่การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดเครือข่ายเกษตรปลอดภัย

         เพื่อส่งเสริมเครือข่ายเกษตรปลอดภัยในการขยายช่องทางการตลาด เพิ่มโอกาสทางการตลาด รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ ให้สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมและสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มั่นคง เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน”

          ผู้สนใจสามารถร่วมชมและเลือกซื้อสินค้าภายในงาน“ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย สร้างรายได้แก่ชุมชน” ได้ในระหว่างวันที่ 3 – 5 กันยายน 2567 เวลา 15.30 – 21.00 น. ณ ตลาดแลจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการสินค้าอาหารปลอดภัย สินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าชุมชนของจังหวัดสตูล จำนวน 30 ราย กิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขาย การแสดงดนตรี

…………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

  เลขาธิการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้  หารือศอ.บต. ผลัดกัน 8 ประเด็นพัฒนา SME ไทย  

เลขาธิการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้  หารือศอ.บต. ผลัดกัน 8 ประเด็นพัฒนา SME ไทย

         (23 ส.ค.2567) เลขาธิการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้  นำทีมพบ! เลขา ศอ.บต.พ.ต.ท.วรรณพงษ์  คชรักษ์  #ร่วมเสนอผลักดันนโยบายจากส่วนกลางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย  พร้อมกับแนะนำคณะกรรมการ 3จังหวัดชายแดนใต้   ประกอบด้วย  นายจักรพรรณ  วัลแอ เลขาธิการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้  นายอภัยมานน์   อับดุลลาเต๊ะ  ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดยะลา  นายไวชิต  อุดมวนิช  ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดปัตตานี  นายเจตน์   มะหะมะ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนราธิวาส  นายอภิชาติ  ขุนศรี  ที่ปรึกษาสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้

         และคณะกรรมการทั้ง3 จังหวัดชายแดนใต้ นำข้อหารือในหลายประเด็น ในการขับเคลื่อนสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยภาคใต้ ประกอบด้วย 1.ผลักดันอุตสาหกรรมฮาลาล ทั้งสินค้าและบริการ   2.ผลักดันSoft Power ในอุตสาหกรรมอาหาร ศิลปะวัฒนธรรมและกีฬา   3.เป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องSME มาถึงหน่วยงานภาครัฐ

        4.ส่งเสริมองค์ความรู้ให้เอสเอ็มอี ในหลากหลายช่องทาง  5.ส่งเสริมช่องทางการตลาดออฟไลน์และออนไลน์  6.เชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยกับขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่ชุมชน  7.ร่วมส่งเสริมแรงงานในพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพ   8.ร่วมช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ผ่านอีเว้นในพื้นที่

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

“หมี่ผัดกะทิปูม้า” อาหารพื้นเมือง เมนูที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่จนเป็นที่ยอมรับลูกค้าสั่งซื้อต่อเนื่อง

สตูล-“หมี่ผัดกะทิปูม้า” อาหารพื้นเมือง เมนูที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่จนเป็นที่ยอมรับลูกค้าสั่งซื้อต่อเนื่อง

         ” หมี่ผัดกะทิปูม้า “  เป็นอาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างมาก  มีลูกค้าสั่งซื้อมากสุดถึง 300 กล่อง  สร้างรายได้ให้ครัวบาซีเราะ  ที่เปิดร้านขายมา 2 ปีแล้ว

 

        นางรุ่งญาดา เจริญทรัพย์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้าน “ครัวบาซีเราะ” ซึ่งตั้งอยู่ติดกับ ตม.สตูล ตรงวงเวียนหอนาฬิกา ในตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   พร้อมลูกมือกำลังผัดหมี่กะทิปูม้ากระทะใหญ่ให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อเพื่อใช้ในงานเลี้ยง

 

          โดยส่วนผสมสำคัญของหมี่ผัดกะทิปูม้า ประกอบด้วย เครื่องแกงที่มีพริกแห้งและหอมแดง, น้ำมะขามเปียก, เต้าเจี้ยว, น้ำตาลมะพร้าวและน้ำตาลทราย, ปูม้านึ่ง, และหมี่ขาวหรือหมี่หุ้น นอกจากนี้ยังมีผักเครื่องเคียงอย่างถั่วงอก กุยช่าย มะม่วงสด และพริกสด

 

          วิธีทำเริ่มจากการเคี่ยวกะทิกับเครื่องแกงจนหอม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขาม เต้าเจี้ยว น้ำตาลทราย และปู เคี่ยวนาน 2 ชั่วโมงจนปูนิ่ม แล้วจึงนำหมี่ลงไปผัด เมื่อเสร็จแล้วปิดฝาอบให้หมี่นุ่ม เป็นอันเสร็จ

          นางรุ่งญาดา  หรือ คุณตุ๊ก  บอกว่า  เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การใช้ปูหรือกุ้งสด และไม่ใส่เกลือ เพราะได้ความเค็มจากปูและเต้าเจี้ยวแล้ว สูตรนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหมี่กะทิตรัง แต่เพิ่มเนื้อปูเข้าไปเพื่อเพิ่มความอร่อย

 

         นอกจากหมี่ผัดกะทิปูม้าแล้ว ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ขนมจีนแกงปู และข้าวราดแกง โดยหมี่ขายกล่องละ 35 บาท เคยขายมากสุดถึง 300 กล่อง

 

          ร้านครัวบาซีเราะเปิดขายทั้งหน้าร้านและรับออเดอร์ รวมถึงรับจัดงานประชุม งานเลี้ยง และงานนูหรี หากท่านสนใจสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 093-0787122 คุณตุ๊ก

 

         นี่เป็นตัวอย่างของอาชีพที่สร้างรายได้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมในจังหวัดสตูล

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

แม่ค้าดีกรี ป.โท ชวนบอกรัก  วันแม่ และวันพิเศษด้วยวุ้นกะทิแฟนซี งานศิลปะที่กินได้

แม่ค้าดีกรี ป.โท ชวนบอกรัก  วันแม่ และวันพิเศษด้วยวุ้นกะทิแฟนซี งานศิลปะที่กินได้

         วันแม่ปีนี้มีของขวัญพิเศษสำหรับคุณแม่แล้วหรือยัง   ถ้าหากยัง  วันนี้มีเค้กวุ้นกะทิแฟนซี และพวงมาลัยช่องาม  จากงานศิลปะที่กินได้  ฝีมือของคุณขวัญ  หรือ นางสาวขวัญชนก  สุวรรณพงศ์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านขนมวุ้นกะทิแฟนซี ‘ข้าวหวาน’ หมู่ 7 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

       เค้กวุ้นกะทิของที่นี่ตอบโจทย์คนที่แพ้นมสด  แพ้แป้งสาลี   โดยทำด้วยวิธีไดคัท ตัดแปะทีละชิ้น สร้างสรรค์เป็นงานศิลปะที่กินได้ ราคาเพียงปอนด์ละ 300 บาท , พวงมาลัยวันแม่ ราคาชิ้นละ 100 บาท (ขายราคานี้มา 3 ปีแล้ว เมื่อครั้งขายที่ภูเก็ต)  ส่วนวุ้นจิ๋วกะทิ กล่องละ 30 บาท มี 8 ชิ้น  จุดเด่นของที่นี่คือ สามารถออกแบบลวดลายได้ตามต้องการ เช่น ลายดอกมะลิ สัญลักษณ์แห่งความรักของแม่ หรือจะเป็นของขวัญวันเกิดตามอาชีพ หมอ พยาบาล สามารถมาร่วมสร้างสรรค์ออกแบบร่วมกันได้

            เรื่องราวของร้านเริ่มจากการทำวุ้นกะทิให้คุณย่าทานแก้ขมปากจากการกินยา จนกลายเป็นอาชีพที่รัก    ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ปีในภูเก็ต และความรู้จากปริญญาโทด้านการจัดการการท่องเที่ยว  พร้อมสร้างสรรค์ขนมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว   นอกจากวุ้นกะทิยังมีลูกชุบและขนมชั้นที่อร่อยไม่แพ้กัน

 

           สำหรับวันแม่ปีนี้ สามารถสั่งล่วงหน้าได้  รับรองว่าจะได้ของขวัญสุดพิเศษสำหรับคุณแม่  ติดต่อสั่งซื้อได้โทร 082-261 8153  /  095-469  5517  , Facebook Page : khaowann

 

         อย่าลืมมอบความรักให้คุณแม่ด้วยขนมแสนอร่อยจากร้าน khaowann  นะคะ

……………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

โรตีกาปาย  ขนมปังบางกรอบรสเค็มเคี้ยวมัน  มีขายในเมืองสตูลมากว่าร้อยปี

โรตีกาปาย  ขนมปังบางกรอบรสเค็มเคี้ยวมัน  มีขายในเมืองสตูลมากว่าร้อยปี

           มาจนถึงทุกวันนี้ยังมีนางยัลณี  ขุนดำ ประธาน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านวังพะเนียด  ตำบลเกตรี (เกด-ตรี) อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  ที่เริ่มก่อตั้งกลุ่มเมื่อปี 2547  และยังคงอนุรักษ์และสืบสานขนมโบราณให้คนรุ่นใหม่ได้ชิม

          ด้านเกษตรอำเภอเมืองสตูล โดยนายเฉลิมพร  ศรีสวัสดิ์  พามาดูกลุ่มแม่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์  สืบสานการทำขนมโบราณที่อยู่คู่จังหวัดสตูลมาช้านาน

 

          ทันทีที่มียอดสั่งซื้อ  กลุ่มแม่บ้านที่นี่หลังเสร็จภารกิจจากกรีดยางพารา  และงานบ้าน จะมารวมตัวกันที่มัสยิดในหมู่บ้าน  เพื่อที่จะช่วยกันทำขนมโรตีกาปาย   ที่มีส่วนผสมของ น้ำตาล,ไข่,เนย,นม,เกลือ ,และแป้งสาลี  นำมาผสมรวมกันนวดจนแป้งเหนียวหนึบ  ก่อนที่จะนำเข้าเครื่องรีดเพื่อให้แป้งเป็นแผ่นบาง

 

         จากนั้นได้นำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้า (ซึ่งก่อนหน้านี้  โรตีกาปายที่นี่จะเป็นแผ่นทรงกลม   แต่ด้วยที่เหลือเศษแป้งจำนวนมาก   ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของขนม  มาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแทน)  และขั้นตอนที่ช้าที่สุดที่ทางกลุ่มแม่บ้านบอกคือ  การเรียงแผ่นแป้งที่ผ่านการตัดเรียบร้อยแล้ว  ลงบนถาดทีละแผ่น  เพื่อพักไว้และรอเข้าเตาอบที่อุณหภูมิร้อนสม่ำเสมอกัน  จนทำให้แป้งสุกฟู   เป็นอันเสร็จกระบวนการทำขนมโรตีกาปาย

 

          จากนั้นแพ็คใส่ถุงซีลภายใต้ชื่อแบรนด์   “โรตีกาปาย”  ทุ่งเกตรีขนมพื้นเมืองสตูล, วิสาหกิจชุมชน,สินค้า OTOP ,มผช.,เครื่องหมายฮาลาล,  กรอบมัน  รับความอร่อยคู่เมืองสตูล

         นางบุหลัน   อาดำ อายุ 60 ปี การตลาดของกลุ่มฯ   บอกว่า เมื่อก่อนจะทำเป็นรูปทรงกลม  แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อไม่ให้เหลือเศษแป้ง  ขนมชนิดนี้ต้องทำเป็นกลุ่มเนืองจากมีหลายขั้นตอนโดยเฉพาะขั้นตอนการเรียงชิ้นแป้งบนถาดจะใช้เวลานานกว่าขั้นตอนเอง  เพราะหากวางชนิดแป้งซ้อนกันจะทำให้ขนมไม่สุก

 

        นายจีรศักดิ์  อาดำ   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5  บ้านวังพะเนียด บอกว่า ขณะนี้เป็นขนมโบราณที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว เป็นเรื่องดีที่ชาวบ้านได้ร่วมกันสืบสานให้ขนมชนิดนี้คงอยู่ โดยปกติแล้วจะนิยมนำมากินคู่กับโกปี้ หรือ กาแฟโบราณ มีรสชาติกรอบเค็มมัน ซึ่งเป็นรสชาติดั้งเดิม หรือจะนำมายำกับมะพร้าวอ่อนก็เพิ่มความอร่อย

 

        สำหรับราคาซื้อขายขนมโรตีกาปายขาย 3 กล่องร้อย ,หรือจะซื้อครึ่งกิโลกรัม 90 บาทหรือ 1 กิโลกรัม 180 บาท ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ก๊ะบุหลัน โทร. 082-375-9497  หรือ ก๊ะไลลา  กรมเมือง  โทร. 087 290-8601 

นี่คือเรื่องราวของโรตีกาปาย ขนมโบราณที่ยังคงมีเสน่ห์และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสตูล หากมีโอกาสมาเยือน อย่าลืมแวะชิมกันนะคะ

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

สุกเต็มต้นแล้ว…จำปูลิ้ง  ผลไม้ป่าโบราณพื้นบ้านทางภาคใต้หาทานยาก

        “จำปูลิ้ง”  ภาษามลายูเรียก  อินเต๊ะ  เป็นผลไม้ที่พบเห็นได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ บางพื้นที่จะรู้จักกันในชื่อ จำปูรี  จำไหร หรือ มะไฟลิง ตามแต่ละถิ่นที่จะเรียก โดยแต่ละปีจะให้ผลผลิตเพียง1 -2 ครั้งเท่านั้น  ตามฤดูกาลผลสุกจะเริ่มมีทยอยออกมาให้เห็นมากในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม ของทุกปี

 

       ผลไม้ป่าพื้นบ้านภาคใต้ พบได้ตามพื้นที่ป่าเชิงเขา ที่ราบริมเขา ที่มีดินร่วมปนทราย ลักษณะคล้ายมะไฟหรือละไม แต่ผลมีขนาดผลเล็กกว่า เป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เปลือกผลแข็งกรอบ ผลและยอดใช้แกงเลียง แกงส้มได้ ผลสุกสีเหลืองส้มกินได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว

 

        ต้นจำปูลิ้งสูง20 เมตร  ปลูกมานานเกิน 50 ปี บนพื้นที่ 9 ไร่บ้านวังประจัน หมู่ที่ 2 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  ผลไม้ป่าที่บรรพบุรุษเก็บไว้ให้หลังเข้ามาทำกินในบริเวณนี้  มี 2 ต้น  ให้ผลผลิตทุกปี ให้ผลผลิตมากสุด 600 กิโลเมตร  ขายกิโลกรัมละ60 บาท

         นายรอศักดิ์  นาปาเลน อายุ 54 ปี บอกว่า ทันทีที่ผลจำปูลิ้งสุก จะต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ในการขึ้นไปเพราะมันสูงมาก จะเก็บผลที่สุกเหลืองเข้มเท่านั้น 

 

          นางกาญจนา  นาปาเลน อายุ 53 ปี บอกว่า จำปูลิ้งให้ผลผลิตปีละครั้ง เป็นผลไม้ป่าไม่เหมาะส่งไปขายต่างจังหวัด เพราะรสชาติจะเสีย เป็นผลไม้ป่าพื้นถิ่นที่อยู่คู่สตูลมานาน ขายในตลาดศาลากลางและตลาดธกส.จ.สตูลเท่านั้น

 

          ที่สวนเป็นสวนออแกนิก ผลไม้หลายชนิดได้รับการรับรอง ไม่ว่าจะเป็นเงาะ มะพร้าว กระท้อนและจำปูลิ้ง  ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนด้วย  สำหรับพันธุ์จำปูลิ้งจะเพาะพันธุ์ได้ยากกว่าผลไม้ชนิดอื่น  สามารถแปรรูปเป็นไอศกรีมได้ แต่ทานสดจะได้รับความนิยมกว่า  ในกลุ่มคนที่เคยทาน

 

          แนะนำให้แกะเปลือกอย่างเบามือ ห้ามมือถูกเม็ดในผลจำปูลิ้งเพราะคนโบราณบอกว่า จะทำให้มีรสชาติเปรี้ยวได้  เวลาทานให้อมใช้ลิ้นดันให้เม็ดแตกในปากแล้วกลืน

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

เปิดวาร์ปกาแฟในตำนาน 56 ปีราคาเริ่มต้น 5 บาท ชาเย็นถุงบิ๊กไซส์ทานได้จุกๆ 2 คน เจ้าของยืนยันจะขายราคานี้ตลอดไป

          กาแฟโบราณในยุคเศรษฐกิจฝืดน่าจะตอบโจทย์คอกาแฟและคอชา  วันนี้ชี้เป้าของถูกมาที่จังหวัดสตูล  ซอยคลองขุด 29 (หรือซอยทรายทอง)  หรือที่หลายคนรู้จักในนามซอยเอวหัก ติดตลาดนัดวันอาทิตย์    กับร้านกาแฟดั้งเดิมหรือร้านกาแฟในตำนาน   “ร้านบังอาด” ก็ว่าได้   ที่ขายมานานกว่า 56  ปี  มีการสืบต่อเป็นรุ่นที่ 2

          ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะในการชงชา ขายเพียงแก้วละ 5 บาท  ชาเย็น (sizeถุงน้ำตาล 1 กิโลกรัม) ขายเพียง 15 บาท  ส่วนลีลาการชงชาก็ไม่ธรรมดาชงคู่ชนิดที่ลูกค้าลุ้นกลัวว่าจะหก  แต่พ่อค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  ใช้ทักษะการชงอย่างช่ำชอง  และชำนาญ

          ที่ร้านนี้จะเปิดขาย 2 เวลา  คือตั้งแต่ 05 : 30 น. – 12 : 00 น.  และ 14:00 น ถึง 17:00 น ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ขายแค่ครึ่งเช้าเท่านั้น  ลูกค้าส่วนใหญ่จะหมุนเวียนกันมาซื้อไม่ขาดสาย มีทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกสมัยรุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก  ด้วยรสชาติ  ปริมาณและราคาที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 

          ลูกค้ารายหนึ่งบอกว่า  เป็นลูกค้ามานานกว่า 4 ปีแล้วชื่นชอบเมนูกาแฟเย็นและเมนูชาเย็น  ทุกครั้งที่มาซื้อก็จะนำแก้วส่วนตัวมาใส่ก็ขายราคาเดียวกันคือ 15 บาท รสชาติเข้มข้น ราคาสบายกระเป๋า  ตอบโจทย์เป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันที่เข้าของแพง  หากไปซื้อร้านอื่นก็จะขายตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไปแต่ร้านนี้ขายเพียง 15 บาทเท่านั้น

         นายเดช  หวันยาวา อายุ62 ปี  เจ้าของร้านบอกว่า   เมนูที่ขายดีคือชาเย็นเป็นชาที่มาจากประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้าน   สำหรับ ร้านกาแฟนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวพวกตนเป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่พ่อได้จากไปก็มาสืบทอดกันขายกาแฟต่อ  โดยมีตนเป็น พี่ชายคนโตและรองน้องคนสุดท้องมาช่วยสับเปลี่ยนกันขาย   ได้ขายกาแฟ-ชาเย็นในราคานี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ   คือแตอ้อร้อนแก้วละ 5 บาท  โกปี้อ้อร้อน 5 บาท โอวัลตินร้อน 8 บาท โอเลี้ยงชาเย็นถุงเล็กถุงละ 10 บาท,ส่วนถุงใหญ่บิ๊กขายเพียงถุงละ 15 บาท (ทานได้ถึง 2 คน)  ทานกับขนมที่ชาวบ้านมาฝากขายข้าวเหนียวปลาเค็ม 10 บาท  ,ขนมบาดะ 5 บาท จูจุ่น 5 บาท ,ข้าวเหนียวสังขยา 5 บาท  ข้าวเหนียวหน้ากุ้งและหน้ามะพร้าวห่อละ 5 บาท  พูดง่ายๆมีเพียง 20 บาทมื้อเช้าก็สามารถมาทานที่ร้านของตนได้

         ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อที่ยังคงมาอุดหนุนกันเหมือนเดิม   และเด็กรุ่นใหม่ก็จะแวะเวียนกันไม่ขาดสายเชื่อว่าชื่นชอบในคุณภาพ,ปริมาณ,รสชาติและราคา พร้อมยืนยันว่าจะขายราคานี้ตลอดไป  อยากให้ทุกคนได้กินในราคาย่อมเยาโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

         สำหรับร้านนี้เป็นร้านกาแฟในตำนานที่ยังคงความเป็นร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน  ไม่รับเงินโอน ไม่มีพร้อมเพย์ ต้องเงินสดเท่านั้นถึงจะใช้บริการที่ร้านนี้ได้  (แต่!!ยกเว้นหากน้องสาวอยู่ในช่วงเช้าก็สามารถโอนได้)

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

สตูล-ขนมครกโบราณแป้งสด วัยรุ่นสร้างตัวสู้ชีวิต ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ

          บนถนนยนตรการกำธร ตรงข้ามสำนักงาน อบจ.สตูล ทุกวันในเวลา 15 นาฬิกาเป็นต้นไป พ่อค้าวัย 39 ปี รุ่นที่2 พร้อมภรรยา  กำลังสารวนช่วยกันหยอดขนมครกโบราณสูตรคุณแม่  ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 50 ปีเตรียมพร้อมขายลูกค้า

         โดยมีรสชาติที่รังสรรค์ขึ้นมาเพิ่มเติมจากสูตรคุณแม่ คือรสชาติดั้งเดิม  เป็น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ใบเตย อัญชัน โดยแป้งขนมครกจะทำขึ้นเองใหม่สดทุกวัน  ทางร้านทำขายวันละ 3-4 กิโลกรัม ขาย 8 คู่ 20 บาท แพคเกจห่อด้วยใบตองตามแบบฉบับโบราณ

          นายพรชัย  สุวรรณพัฒน์ อายุ 39  ปี (หรือคุณป้อม)  ทายาทรุ่นที่2 ของคุณแม่เตื้อน  หรือที่หลายคนรุ่นแรก ๆ รู้จักเรียกว่า  ขนมครกป้าเตื้อน  เตา ถ่าน (ซอยโรงลังเปลวจีน) วัดมงคลมิ่งเมือง จ.สตูล วัย 77 ปีที่วางมือแล้ว  เป็นสูตรที่สืบทอดต่อด้วยการทำแป้งเองใหม่สดทุกวัน  เดิมทีตนมีอาชีพเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์เมื่อไม่มีงานก็จะหันมาขายขนมครกเป็นอาชีพเสริม  แต่ปัจจุบันก็จะแบ่งหน้าที่เพื่อให้ได้ทำทั้ง 2 อาชีพ ในการหาเลี้ยงครอบครัวและลูก  เมื่อย้ายมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็นำอาชีพที่คุณแม่ให้ไว้มาขายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว เพราะเคยหยุดไปพักหนึ่งจากโควิดก็ยังมีลูกค้าเก่าๆตามมาซื้อ

          ลูกค้าเก่าเจ้าประจำรายสหนึ่ง  ยอมรับว่า  เป็นลูกค้ามานานแล้วชอบซื้อขนมครกเจ้านี้โดยเฉพาะรสชาติของข้าวไรซ์เบอรี่และใบเตย  มีความอร่อยและรสชาติชัดเจน อีกทั้ง   ชอบในอัธยาศัยของพ่อค้า พูดจาดีอยากให้หลายคนมาอุดหนุน

          พ่อค้าป้อม  บอกว่า  สำหรับคนที่มองหาอาชีพ  ไม่รู้จะทำอะไรดีแนะนำให้มองหาอาชีพที่ถนัดและคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก  เชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีและแก้ปัญหาได้  เหมือนอย่างตนไม่ได้รู้สึกอับอายที่หลายคนมองว่าการขายขนมครกน่าจะเป็นผู้หญิง  และยิ่งเห็นว่าหากไม่อายทำกินก็สามารถมีงานสร้างรายได้อีกทาง  เพื่อเลี้ยงครอบครัวในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน

          สำหรับลูกค้าที่สนใจอยากจะซื้อสั่งเป็นอาหารเบรค หรือรับทำนอกสถานที่  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 096-386 8354

……………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

บริการฟรี! บีบนวดคลายเส้น คลายเอ็นจม อาการดีขึ้นขอถวายข้าว 1 ปิ่นโต  กล้วย 1 หวี และน้ำ 1 ขวด สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่จะบริจาคเพิ่ม ให้บริจาคกับสำนักสงฆ์ รายได้ทั้งหมด  เพื่อสร้างเมรุ ค่าน้ำค่าไฟ ชาวบ้านแห่ใช้บริการรักษาทางเลือก

สตูล – บริการฟรี! บีบนวดคลายเส้น คลายเอ็นจม อาการดีขึ้นขอถวายข้าว 1 ปิ่นโต  กล้วย 1 หวี และน้ำ 1 ขวด สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่จะบริจาคเพิ่ม ให้บริจาคกับสำนักสงฆ์ รายได้ทั้งหมด  เพื่อสร้างเมรุ ค่าน้ำค่าไฟ ชาวบ้านแห่ใช้บริการรักษาทางเลือก

           ที่สำนักสงฆ์บ้านนาแค หมู่ที่ 5 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  นอกจากชาวบ้านจะมาทำบุญตักบาตร ฟังเทศก์ธรรมกันแล้ว  ที่นี่ยังเป็นสถานที่บริการญาติโยม  ที่มีอาการปวดเมื่อยจับเส้นคลายเส้น   โดยเฉพาะกับพระ  ที่มีอาการอาพาธ  หรืออาการปวดเมื่อยเรื้อรัง หลังจากที่ไม่สามารถรักษาหายจากโรงพยาบาล 

 

           อาการปวดเมื่อยเรื้อรัง นิ้วล็อก  เอ็นจม ปวดสะโพกร้าวลงขา หลายคนเจ็บป่วยด้วยอาการนี้  มาให้หมอบ้านช่วยจับบีบคลายเส้น  โดยมี  นายประจวบ(หมอจวบ)   คงศรีทอง อายุ 55 ปี และ “หมอฤทธิ์” น้องชาย  2 คนพี่น้องชาวขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช  ที่มาตั้งรกรากที่สตูล  นำภูมิปัญญาด้านนวดคลายเส้นมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น   พ่อที่เป็นหมอบีบที่รู้จักกันดีชื่อ  “หมอคลี่”  ที่มานวดจับเส้นโดยบริการให้ฟรี  ไม่มีค่าแรง

         “หมอจวบ” อายุ 55 ปี บอกว่า   ความรู้ได้มาจากรุ่นสู่รุ่น  ด้วยพ่อก็เป็นหมอบีบคลายเส้นตามหมู่บ้าน จากจุดเริ่มต้นที่มาอยู่ตรงนี้   คือตามหลวงพ่อมาวัด  เห็นพระหลายรูปอาพาธ จึงอยากจะนำความรู้มาช่วยบรรเทาอาการ  และรักษาอาการเจ็บปวดจากการปวดเมื่อย เอ็นจม และอาการที่รักษาที่โรงพยาบาลแล้วไม่หาย  มาช่วยแนะนำและคลายเส้น  ให้แล้วไม่น้อยกว่า 60 คน  เจตนาใจจริงอยากช่วยให้หายเจ็บป่วย

         หากใครหาย  อาการดีขึ้นในเวลา 3 มื้อ (หรือ 3 วันที่ต่อเนื่อง) ขอแค่ให้นำอาหาร 1 ปิ่นโตกล้วย 1 หวีและน้ำ 1 ขวด  มาถวายที่สำนักสงฆ์บ้านนาแค  ส่วนใครจะให้ค่ารักษาแล้วแต่จิตศรัทธาถวายค่าน้ำ  ค่าไฟ  และสมทบทุนในการสร้างเมรุ  ให้กับทางสำนักสงฆ์เท่านั้น  โดยเปิดให้บริการทุกวัน

         พระทรงชัย  ฐานงฺกโร  ประธานที่พักสงฆ์บ้านนาแค  บอกว่า  ก่อนหน้านี้ปวดหลังปวดเอวมาก  เพราะเคยทำงานหนักมาก่อนหลังได้รักษากับหมอจวบช่วยบีบนวดให้ 3 มื้อก็ได้คล่องได้สะดวกและขอให้ประจำอยู่ที่นี่เพื่อช่วยรักษาชาวบ้าน 

         ชาวบ้านที่รักษาอาการดีขึ้น  บอกว่า  หมอบีบดีจากที่ไม่ค่อยแข็งแรงก็สามารถแข็งแรงขึ้นมาได้ ช่วยทำบุญซื้อน้ำมันนวดเองและนำปิ่นโต กล้วยและน้ำมาถวาย ทำบุญให้กับทางวัด 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ชายพิการ หัวใจจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน และในหมู่บ้านมานานกว่า 17 ปี โดยไม่คิดหวังมีค่าตอบแทน   

สตูล-ชายพิการหัวใจจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน และในหมู่บ้านมานานกว่า 17 ปี โดยไม่คิดหวังมีค่าตอบแทน

          ทุกๆเช้าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ที่โรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์จ.สตูล จะเห็นนายมูฮัมหมัด บุญเหม หรือ บังหมาด อายุ 37 ปี ชายพิการทางร่างกาย และยังพิการทางด้านสติปัญญา จะเข็นรถเข็นเข้าไปเก็บกวาด ทำความสะอาดภายในโรงเรียน  เก็บขยะ ตามร่องคูน้ำของโรงเรียน และตรวจเช็กถังขยะโรงเรียนตามมุมต่างๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังเดินไปเปิดประตูห้องเรียนทุกชั้นเรียนต้องขึ้นบันได และลงมากวาดขยะ เปรียบเสมือนว่าเป็นนักการภารโรงของโรงเรียน

         ด้านนายพนมไพร  วงษ์คลองเขื่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์จ.สตูล  บอกว่า บังหมาด มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน และช่วยงานของโรงเรียนทุกอย่างที่ทำได้ด้วยวิญญาณของจิตอาสา แม้ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสิ่งตอบแทน จนเป็นที่รักใคร่ของนักเรียน และทางโรงเรียนเห็นในจิตใจดีงาม ขยัน

 

          จึงตอบแทนด้วยการให้เป็นลูกจ้างเงินเดือน ๆ ละ 3,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สำหรับ บังหมาด พิการทางสติปัญญามาแต่กำเนิด เพราะมีอาการชักตั้งแต่แรกคลอด ทำให้ร่างกายเดินไม่สะดวก มือแข็ง คอแข็ง พูดไม่ได้ เพราะลิ้นไก่สั้น กระทั่งเริ่มโตก็ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่นิ่งดูดาย และทำต่อเนื่องมานาน 17 ปี จนเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหมู่บ้าน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แทบจะไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน และน่าจะเอาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน หรือผู้ใหญ่ ในการทำความดีเพื่อสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

…………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด