Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

ปลูกสำนึกต้นกล้าเยาวชน 50 คนร่วมปล่อยกุ้ง ปลูกป่า เรียนรู้ความอุดมสมบูรณ์ป่าชายเลน เพื่อร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยั่งยืน

ปลูกสำนึกต้นกล้าเยาวชน 50 คนร่วมปล่อยกุ้ง ปลูกป่า เรียนรู้ความอุดมสมบูรณ์ป่าชายเลน เพื่อร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยั่งยืน

         ที่เพ็ญทิพย์รีสอร์ท ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูลโดย   นาวาเอกแสนย์ไท    บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  ประธานเปิดงาน   พร้อมด้วย  เรือตรีบำรุง  ไตรญาณ  เจ้าหน้าที่ส่งกำลังบำรุง ศรชล.จังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3  รายงานถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และ  สื่อมวลชน 

       ถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อ  “สร้างการรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล” เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืน ในกลุ่มเยาวชนเป้าหมาย 50 คน  จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  ที่มีการจัดขึ้นทุกปีโดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล   หรือ ศรชล.สตูล

          ที่เล็งเห็นว่าเยาวชนคือกำลังสำคัญในการมาร่วมดูแลการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ยั่งยืน  ด้วยการสร้างองค์ความรู้ การปลูกจิตสำนึก  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแล  ขับเคลื่อนรักษาทรัพยากรทางทะเลของชาติ 

           จากนั้นได้นำเยาวชนทั้ง 50 คน  ร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำ  50,000 ตัว  ที่ริมชายฝั่งป่าชายเลน   ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24    ตำมะลัง-สตูล  ก่อนที่ปล่อยให้เยาวชนที่เดินชมป่าในเมือง  ที่มีป่าไม้โกงกางที่ขึ้นสวยงามและชื่นชม พันธุ์ไม้ป่าโกงกาง และปู ปลา  ที่อาศัยอยู่ร่วมกับไม้ป่าเป็นห่วงโซ่อาหารที่สำคัญของธรรมชาติ  ก่อนที่ทุกคนจะได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน  200 ต้น  ในพื้นที่ป่าในเมือง  เพื่อสร้างความภาคภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลปกป้องผืนป่าที่เป็นทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญของชาติ

 

          นางสาวนภัสสร   แกสมาน  มัธยมศึกษาปีที่  5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  บอกว่า  ป่าชายเลนมีประโยชน์มาก เป็นแหล่งอนุบาลสสัตว์น้ำ  เป็นป่าไม้ที่ให้ความร่มเย็น การช่วยกันปลูกป่าเพิ่มจะทำให้มีออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น  อยากชวนมาร่วมปลูกป่าอนุรักษ์ทรัพยากรของเราให้ยั่งยืนค่ะ

          นางสาวเสาวลักษณ์  สุขพา    มัธยมศึกษาปีที่  5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  บอกว่า  วันนี้ได้เรียนรู้ การปลูกป่า  การอนุรักษ์สัตว์น้ำ  การปลูกป่าที่ทดแทนในส่วนที่เสียไป เป็นกิจกรรมที่มีความสุขและสนุกมากค่ะ

          นายเอกชัย  เถรว่อง  ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24  ตำมะลัง-สตูล  กล่าวว่า  มีชุมชนร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน ต.คลองขุด ต.ปูยู  ทม.เมืองสตูล รวบรวมได้   13 ชุมชน แต่ละปีป่าชายเลนสตูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การบุกรุกน้อยมาก  เพราะการมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่าย  เพราะเยาวชนเป็นกำลังสำคัญในการอนุรักษ์ป่าชายเลน 

          ด้าน นาวาเอกแสนย์ไท    บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  กล่าวว่า   การสร้างผลประโยนชน์ของชาติเริ่มตั้งแต่  การปลูกป่าชายเลน เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นทรัพยากรของชาติ การให้เยาวชนได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ว่านี่คือแหล่งอาหาร  เป็นแหล่งรายได้  ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้ ที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไป การทำกิจกรรมปล่อยปลา เรียนรู้วงจรของน้ำรักษาทะเล  ไม่ทำลายปะการัง ไม่ทำลายสัตว์น้ำ  สร้างความรู้ให้เยาวชน และขอฝากประชาชนทั่วไป  ขอให้ทุกคนหวงแหนรักษาไว้เพื่อลูกหลานคนในชาติของเรา  ได้เห็นความสำคัญเรื่องของผลประโยชน์ชาติที่มีความสำคัญมากเพื่อลูกหลานของเรา 

………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

นักเรียนปอเนาะ-ครูอาจารย์ร่วมพันคน  ผูกริบบิ้นสีม่วงแสดงพลังจงรักษ์ภักดี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นักเรียนปอเนาะ-ครูอาจารย์ร่วมพันคน  ผูกริบบิ้นสีม่วงแสดงพลังจงรักษ์ภักดี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

         วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่บริเวณหน้าลานอาคารเรียนโรงเรียนพัฒนาการศึกษามูลนิธิ (ปอเนาะคลองขุด ) เทศบาลตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นักเรียนมุสลิมชายหญิง ต่างนำริบบิ้นสีม่วงผูกข้อมือ  ก่อนที่จะเดินขบวนไปรวมตัวหน้าอาคารเพื่อแสดงพลังเจตนารมณ์ ความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และร่วมอ่านแถลงการณ์ปกป้อง องค์หญิงของราชวงศ์จักรี ของชาวไทย มิให้ใครมาหยามดูหมิ่น และร่วมอ่านดูอาร์ขอพร ให้สมเด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ทรงแข็งแรงยิ่งยืนนาน

          ด้านนางรัตติยา มนุดาหวี   ผู้รับใบอนุญาติ ร.ร.พัฒนาการศึกษามูลนิธิ  /นายกามคมสตรีมุสลิมภาคใต้ /นายกสมาคมสตรีเยาวชนจังหวัดสตูล  ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนของชาวนักเรียน และครูอาจารย์ มีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน และราวงศ์จักรีทุกพระองค์ ก่อนที่อ่านดูอาร์ขอพร  พร้อมกับชูรูปพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เพื่อแสดงพลังปกป้อง

 

       พร้อมกันนี้จังหวัดสตูล ขอเชิญชวนชาวสตูลร่วมแสดงพลังความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ในวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 67 เวลา 08.00 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ์ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล พร้อมรวมพลังใส่เสื้อสีม่วง

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก”       

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก” 

        ทุก ๆ เช้าพี่ดำ หรือนายฐานพัฒน์  แสงเพชร  อายุ 46 ปี จะทำหน้าที่ดูแลผักให้เจริญเติบโตงอกงาม  ทั้งการตรวจวัดค่าปุ๋ยน้ำ  สภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดจนผักเฉา  หรือกระทั้งการเปลี่ยนถ่ายภาชนะใส่ผัก  จากอนุบาล จนโต  ซึ่งงานประเภทแรงงานหนัก ๆ ก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ดำเป็นส่วนใหญ่ 

        ส่วนพี่แตน  หรือคุณณิชากร   แสงเพชร   แฟนพี่ดำ  จุดเริ่มต้นจากทั้งคู่รักสุขภาพ  ทดลองปลูกผักทานเอง  จนมาวันนี้ทำหน้าที่การตลาด บริหารจัดการสวนผัก  พร้อมคิดค้นหาสูตรทางสื่อโซเซียล  เพื่อให้ผักงอกงามและปลอดภัยพร้อมส่งต่อให้กับลูกค้า   ที่ชื่นชอบผักสลัดตามออเดอร์  10 ถุงหรือ 5 กิโลกรัม  วันละ 500 บาท โดยผักที่ส่งลูกค้าจะงดให้ปุ๋ย  โดยจะให้น้ำเปล่าแทน  จำนวน 3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผักที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง 

         ซึ่งพี่ทั้งสองบอกกับเราว่า  สวนผักใจรัก  เกิดจากทั้งคู่รักสุขภาพและอยากจะหาอาชีพที่ทำงานอยู่ด้วยกันที่บ้าน  โดยมาลงตัวที่การปลูกผักสลัด   ทุก ๆ เช้าจะใช้เวลาในช่วงเช้าตรู่ไม่เกิน 10 โมงในการดูแลสวนผัก และช่วงค่ำ   เวลาที่เหลือก็ไปออกกำลังกายและทำในสิ่งที่รักและมีความสุข 

         ผักที่ปลูกส่วนใหญ่ตระกูลผักสลัด  เช่น  กรีนโอ๊ค  จะขายดี  ลูกค้าจะนำไปทำสลัดโรล  , มินิคอส ก็จะเหมาะกับสายปิ้งย่าง  ,  ฟิลเล่  จะมีความกรอบใบหยิกไม่มีรสชาติขม ทางสวนผักจะขายเป็นถุงละ 50 บาท หรือกิโลกรัมละ 100 บาท  โดยมีผักหลายชนิดรวมกัน  เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผักเหล่านี้ได้ง่าย 

          สนใจสามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 082-308-2141 ,  098-013-1768  หรือเพจสวนผักใจรัก   สำหรับทางสวนผักใจรัก  จะส่งขายตามออเดอร์เท่านั้น 

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน       

  เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน
………………………….
ตั๊กแตน ปา ทัง ก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวนมากนี้ ใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ซึ่งเป็นของ นายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 43 ปี ชาวศรีสะเกษที่ได้มาตั้งรกราก อยู่ที่บ้านเจาะบากง ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยใช้ที่ดิน 5 ไร่ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามบ้านพัก สร้างโรงเรือน มุงไนลอนสีฟ้าและใช้ผ้าพลาสติกสีขาวคลุมด้านบนเป็นหลังคา เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวน 6 หลัง ซึ่งผ่านการเลี้ยงมาแล้ว 4 รุ่น แต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลา 30 ถึง 35 วัน สามารถจับจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท

จากความนิยมกินตั๊กแตนในภาคอีสาน มาวันนี้ตลอดทั่วทุกภาคเริ่มยอมรับสัตว์เศรษฐกิจชนิดนี้ สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการหันมาเลี้ยงตั๊กแตนเจ้าแรกในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยสั่งซื้อไข่จากภาคอีสานในราคาขีดละ 1,000 บาท หรือ กิโลกรัมละ 10,000 บาท เพื่อเพาะเลี้ยง การเลี้ยงตั๊กแตนเป็นสัตว์ที่ใช้ต้นทุนในการเลี้ยงไม่มากนัก ลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียวเพียง 2,000 ถึง 25,000 บาท

อาหารที่ใช้เลี้ยงตั๊กแตนก็หาได้ตามธรรมชาติ จำพวกใบหญ้าสด ใบตองสด ใบมะพร้าวสดและใบอ้อยสด เพาะเลี้ยงด้วยใยหรือขุยมะพร้าวแล้วรดน้ำให้ชุ่มชื่น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเห็นไข่ฟักเป็นตัวอ่อนเล็กๆสีน้ำตาล ให้อาหารวันละ 3 เวลา เพราะตั๊กแตนจะกินอาหารตลอดทั้งวัน

ส่วนพื้นที่ ก็เลี้ยงกับดิน มีกองทรายไว้ให้ตั๊กแตนวางไข่ เมื่อตั๊กแตนมีอายุได้ประมาณ เกือบ 1 เดือน ตั๊กแตนก็จะเริ่มจับคู่ ลักษณะที่เห็นง่ายๆ คือ มันจะขี่หลังกันและตัวเมียก็จะเริ่มวางไข่ ก็จะสามารถจับจำหน่ายได้เลยในช่วงนี้

ปล่อยเสียง คุณากร อนุพันธ์ เกษตกรเลี้ยงตั๊กแตน

สนใจติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ก คุณากร อนุพันธ์ หรือโทร 084-7658773
…………………………
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว ส่องใต้นิวส์รายงาน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน     

เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน   

          หลังจากตัดสินใจโค่นล้มแปลงสวนยางพาราเกือบทั้งหมดเพื่อทำสวนผสม  ภายใต้ชื่อ   “สวนผู้ใหญ่เกรียง สวนผสมเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ” ตั้งอยู่บนพื้นที่หมู่ 5 ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล  โดยแบ่งพื้นที่ปลูกฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ที่เริ่มทยอยให้ผลผลิตออกจำหน่าย  

          นายเกรียงไกร   ศรีสงคราม  ผู้ใหญ่บ้าน  (ยอมรับว่าครอบครัวบาดเจ็บจากการธุรกิจอื่นจนล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่โควิดที่ผ่านมา)   จึงคุยกับครอบครัวและบุตรสาว  นางสาวเจียรนัย  ศรีสงคราม  หรือ  น้องโม หลังเรียนจบปริญญาตรี  ตัดสินใจหันมาช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตรสวนผสม  เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มตัว  นับเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีใจรักด้านเกษตร    โดยพื้นที่ทางการเกษตรทั้งสิ้น 20 ไร่  หลังตัดสินใจโค่นต้นยางพารา   แล้วแบ่งพื้นที่ทางการเกษตรออกเป็น 3 ส่วน

        โดยในแต่ละส่วนจะมีกิจกรรมด้านการเกษตรทุกพื้นที่  ซึ่งพืชที่มีอยู่ภายในแปลงมีความหลากหลาย แต่ในส่วนที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนได้แก่    ฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ในช่วงแรก   และเพิ่มมาเป็น 500 ต้น จำหน่ายในราคา 60 บาท   ซึ่งในช่วงการห่อผลจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง  ถึงจะเก็บผลผลิตได้    โดยสามารถเก็บผลผลิตได้ 1-2 เดือน ประมาณ 30-40 กิโลกรัม/ต้น     อีกทั้งยังมีการชำกิ่งพันธุ์ขายด้วยในราคา กิ่งละ 50 บาท  และการผลิตกิ่งพันธุ์โดยส่วนใหญ่จะทำตามออร์เดอร์ลูกค้า จำหน่ายแล้ว 1,000 กิ่ง

         นอกจากนี้ได้ลง   ตะไคร้ (ไคร้หยวก) จำนวน 10,000 กอ และสามารถสร้างรายได้ให้ทุกวันๆละ 2,000 บาท โดยขายกิโลกรัมละ 10 บาท 1 วันจะส่งสินค้าจำนวน 200 กิโลกรัม โดยตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดมาเลเซีย และโรงเครื่อง ที่จังหวัดตรัง ระยะเวลาการเก็บผลผลิตได้ประมาณ 4-5 เดือน  โดยมีวิธีการดูแลอย่างดี น้ำไม่ขาด และมีวิธีการใส่ปุ๋ย  คือ   ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ (ขี้ไก่) รองก้นหลุมประมาณ 1 กำมือ อีก 1 เดือนใส่อีก 1 กำมือ บวกกับขี้ค้างคาวอัดเม็ด

        และในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มพื้นที่การผลิตอีกประมาณ 50 ไร่ และจะมีการร่มกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกตะไคร้ประมาณ 6 รายเพิ่มเติม  เพื่อขยายพื้นที่และสินค้า   ส่วน กล้วย สะตอ ข้าวโพด ทุเรียน คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเริ่มให้ผลผลิต   สนใจติดต่อ  เบอร์โทร 083 – 1912198   (FB : Jiaranai Srisongkram) 

        ขณะที่นางสาวมนัสนันท์   นุ่นแก้ว   เกษตรอำเภอละงู    บอกว่า  ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการลดต้นทุนผลผลิตด้วยการทำปุ๋ยน้ำหมักแห้ง  ลดการใช้สารเคมี  และการแนะนำให้เกษตรกรไปขอใบรับรองมาตรฐาน GAP เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค  ผลผลิตออกจากแปลงนี้ปลอดภัยจริง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า อนาคตอาจจะส่งตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรได้

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   สุดปัง!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี  

สุดปัง!!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี

         ความเรียบง่ายตามแบบฉบับวิถีภูธรที่ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ทันทีที่ท้องฟ้าจวนสว่าง  ที่ร้านของม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน   อายุ 66 ปี  กำลังเร่งมือทำข้าวเหนียวปิ้งโบราณ  เพื่อปิ้งเตาถ่านที่ใช้กะลามะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง  โดยนำมาเผาเป็นถ่าน เพื่อใช้ในการปิ้งข้าวเหนียวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า  ที่มารอภายในร้านตั้งแต่เช้ามืด 

          โดยการทำข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่นี่มีความหอมมัน  นิ่มหวาน  อร่อยกำลังดี (โดยสูตรมีข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล  เกลือนิดหน่อยนำมามูล) แล้วห่อด้วยใบตอง ก่อนนำมาปิ้ง    การปิ้งจะใช้เหล็กหนีบครั้งละ 4 ห่อ แล้วปิ้งกลับไปมา (ซึ่งอดีตจะใช้ไม้ไผ่)  วันนึงทำครั้งละ 8-15 กิโลกรัม  ลูกค้าดั้งเดิมที่ชื่นชอบรสชาตินี้  ตั้งแต่รุ่นแม่ของ  ม๊ะเซาะ  และเด็กรุ่นใหม่ก็ยังชื่นชอบ  มารอซื้อกลับไปทานตั้งแต่ใกล้รุ่ง  นับเป็นเจ้าอร่อยเด็ดดัง มากว่า 60 ปี  ที่ชาวบ้านในระแวกนี้รู้จักคุ้นเคยกันดี  ร้านนี้ขายมาเป็นรุ่นที่ 2 ราคาเพียงชิ้นละ 5 บาท 

       ทางร้านยังขายคู่กับน้ำชากาแฟ แก้วละ 10 บาท ลูกค้าที่ตื่นเช้า   หลังเสร็จจากประกอบศาสนกิจทางศาสนา  ก็จะแวะมานั่งทานกันตั้งแต่เช้ามืด  เป็นอย่างนี้อยู่ทุกๆวัน  เพราะหากมาช้าอาจจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่ขายถึง 7 โมงเช้าเท่านั้น   ข้าวเหนียวปิ้งก็หมดแล้ว  ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับม๊ะเซาะ   วันละ 1,500 ถึง 2,000 บาท  (ซึ่งเป็นรายได้รวมกับขายน้ำชา )

         ม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน อายุ 66 ปี  แม่ค้าขายข้าวเหนียวปิ้งโบราณ   กล่าวเพิ่มเติมว่า  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณนี้ขายดีมาก   ต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 หัวรุ่ง  เพื่อมาเตรียมก่อไฟเตาถ่าน และ ช่วงตี 5 เริ่มปิ้งขาย ขายดีทุกวัน เวลาประมาณ 07.00 น . ก็หมดเกลี้ยงทุกวัน  หากในช่วงฤดูผลไม้ ก็จะปรับแนวสอดไส้ ลงไป เช่น ข้าวเหนียวปิ้งโบราณไส้ทุเรียน   หรือจะมีข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ไส้กุ้ง

           หากลูกค้าสนใจติดต่อสอบถาม   065 037 4358  พิกัดปากทางเข้าตลาดนัดวันพุธ   (ตลาดนัดเทศบาลตำบลควนโดน)  เปิดเวลา   05.00 น – 18.00น ทุกวัน  

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

          ที่โรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน  ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  นายศักระ   กปิลกาญจน์   ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ (ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือ ผอ.ศร.ชล) นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   อาทิ   ศูนย์ควบคุมความมั่นคงทางทะเลจังหวัดสตูล (ศคท.จว.สต.) ร่วมกับ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะหลีเป๊ะ เรือ ต.996

 

          มาร่วมเปิด  “กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และเก็บขยะชายหาดที่เกาะบุโหลนดอน”    โดยมีนาวาเอกแสนย์ไท   บัวเนียม  รอง ผอ.ศร.ชล จ.สตูล และนางสาวสุภาพรรณ  สุนทรารชุน   ประธานกลุ่มผู้ผ่านหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 4  หรือ  พสบ.สตูล   ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น

 

          เพื่อบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและกลุ่มเอกชนนับเป็นพลังความสามัคคีทำให้เกิดสาธารณประโยชน์  , เพื่อสร้างความรับรู้   การร่วมกิจกรรมด้วยการเก็บขยะชายหาดและคัดแยกขยะ   เพื่อนำเข้าโครงการขยะปันสุขของจังหวัดสตูล   ปลูกฝังให้เยาวชนได้รับรู้ถึงการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล  และชายฝั่งรวมถึงการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  คณะครู นักเรียนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ 350 คน ก่อนจะร่วมกันรับประทานอาหารกลางวันที่ผู้ใหญ่ใจดีนำมาเลี้ยงครู นักเรียน และชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

……………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล – ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท   

สตูล  ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท 

         ชี้เป้าของอร่อย อิ่มจุก ๆ ที่ร้าน สี่พี่น้องก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท  ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้าม  “ดิยางยนต์”  ตำบลกำแพง  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล แม้จะเปิดได้เพียง 3 เดือนแต่ลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย  เพราะด้วยส่วนผสมที่ทางร้านเติมกันไม่อั้นให้ได้เลือกสัน  ไม่ว่าจะเป็น  เนื้อไก่  ตีนไก่  ตับไก่ ข้อต่อไก่ ปลายปีกไก่ และมะระต้มสุก 

 

       ลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ  บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  รสชาติอร่อย  คุ้มเกินราคา  อิ่มจุกๆ    

 

          ด้าน นางสาวนูรอัยนี  ปานนพภา  เจ้าของร้านฯ  บอกว่า  ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์  เป็นสูตรเดียวกันที่เปิดขายในจังหวัดสมุทรปราการ  อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม  ทางร้านเปิดครั้งแรกใช้ไก่วันละ 900 กิโลกรัม  เส้นก๋วยเตี๋ยวใช้หลายร้ายกิโลกรัมเช่นกัน  โดยลูกค้าหลากหลายวัย  เคยมีคนกินและเติมมากสุดถึง 5 ชามก็คิดในราคาเดียวกันคือ 59 บาท   ส่วนเด็ก 3-5 ปีคิดเพียงชามละ 29 บาท เด็ก 6-8 ปี เพียงชามละ 39 บาท ส่วนเด็ก 9-11 ปี เพียง 49 บาท  (ส่วนเด็ก ต่ำกว่า 3 ปีให้ทานกันฟรีไปเลย) แต่!! หากทานไม่หมดปรับเพิ่ม 39 บาท  ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม  

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

พ่อเมืองสตูลนำคณะ ต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล

พ่อเมืองสตูลนำคณะ ต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล

         วันที่ 20 ม.ค.2567  นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  ให้การต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย  และคณะ  ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล ณ ด่านวังประจัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดสตูลและรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย  โดยมีนางสาวธัญรัศม์  ไตรพันธ์รัชตะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดสตูล แรงงานจังหวัดสตูล นายด่านศุลกากรวังประจัน ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นายอำเภอควนโดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

.

            ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และคณะ ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดด่านชายแดนวังประจัน ซึ่งจำหน่ายสินค้าหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และขนมหลากหลายชนิด ซึ่งบรรยากาศในวันนี้พบนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก เพื่อจับจ่ายซื้อของและท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างคึกคัก นอกจากนี้ได้ร่วมพูดคุยหารือถึงความร่วมมือเรื่องการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดสตูลและรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย

……………………..

ภาพ-ข่าว : ศุภาพิชญ์ ดวงไข / ส.ปชส.สตูล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ห่วงใยไม่สิ้นสุด ! กองทัพไทย ยังลงเยียวยาช่วยเหลือเยาวชนๆจากอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน

ห่วงใยไม่สิ้นสุด ! กองทัพไทย ยังลงเยียวยาช่วยเหลือเยาวชนๆจากอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน

           วันที่ 20  มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.ทท.(นทพ.) โดย พล.ต.จตุรภัทร วงศ์ศรีเผือก ผอ.สนภ.4 นทพ. พร้อมด้วย น.อ.อาทิตย์ภากร สังขรัตน์ (ผบ.นพค.45)  ผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.และ รอง ผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.เข้าเยี่ยมเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน เพื่อให้กำลังใจเยาวชนและครอบครัว ซึ่งอาการโดยทั่วไปเป็นปกติแล้ว พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัว เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย และไว้สำหรับการศึกษาของเยาวชน ณ บ้านสะพานเคียน ต.ควนโดน  อ.ควนโดน  จังหวัดสตูล

 

         ล่าสุดพบว่าผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.  ลงช่วยเหลือเยียวยาเด็กและเยาวชนที่ได้รับอุบัติเหตุในงานวันเด็กแห่งชาติที่ทางอบต.ควนโดนจัดขึ้น  ขณะนี้ ได้ลงช่วยเหลือเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และเยียวยาค่ารักษาแล้ว ทั้ง 44 ราย ที่เป็นเด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่พบบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเยาวชนเด็กหญิงวัย 17 ปี ที่ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ขณะนี้ได้ทำการผ่าตัดกระดูกด้านหลังหัก ขณะนี้ปลอดภัย อาการดีขึ้น โดยมีทีมทหารคอยช่วยเหลือดูแล และชดเชยค่ารักษาจนหาย ส่วนน้องเยาวชนเด็กหญิงวัย 17 ปี อีกหนึ่งรายหลังจากนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสตูล หลังเคล็ด ล่าสุดกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านอาการปลอดภัยดีขึ้น

 

          ด้านนางวานีดา  สาแล๊ะ  คุณแม่ของน้องเยาวชน 17 ปีรักษาตัวที่บ้าน    กล่าวว่า ขอบคุณน้ำใจที่ดีมาก ของทางทหาร นพค. 45 และผู้ใหญ่ทางทหารทีลงมาดูแลตลอดทุกวัน และจัดคนมาคอยดูแล เฝ้าอย่างใกล้ชิดตั้งแต่น้องประสบอุบัติเหตุ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แถมให้เงินเยียวยา ออกค่ารักษาทุกอย่าง

 

          ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีใครอยากให้เกิดแล้ว เมื่อเกิดขึ้นมา ทางผู้ดูแลรับผิดชอบช่วยเหลือเยียวตลอดขอบพระคุณทางทหาร และซึ้งใจดังคำว่า ทหารไม่เคยทอดทิ้งประชาชน

อัพเดทล่าสุด