Categories
ข่าวทั่วไป

 ต้องชื่มชม  ไต๋เรือสตูลล่องทะเลพบเต่าติดเศษอวน  เร่งช่วยเหลือปล่อยสู่ท้องทะเล  พร้อมกุ้งมังกรตัวใหญ่ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป  

สตูล-ต้องชื่มชม  ไต๋เรือสตูลล่องทะเลพบเต่าติดเศษอวน  เร่งช่วยเหลือปล่อยสู่ท้องทะเล  พร้อมกุ้งมังกรตัวใหญ่ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป  

           วันที่ 4  ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  อายุ 41 ปี  ไต๋บอลอวนดำซิ่ง ไต๋เรือสตูล ชื่อเรือ  ป.โชคประพาภรณ์  1  เป็นเรือประมงเชิงพาณิชย์ จังหวัดสตูล ออกจับสัตว์น้ำทะเลลึก โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา นายมาวิน   หรือ ไต๋บอลอวนดำซิ่ง พร้อมลูกเรือประมงนำเรือไปลอยลำแถว เกาะรอก ทางทะเลจังหวัดกระบี่  และได้ล่องเรืออยู่นั้นเห็นกองขยะลอยอยู่กลางทะเล มีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวดิ้นอยู่ จึงนำเรือเข้าไปตรวจสอบพบว่าเป็นเต่าตนุตัวขนาดกลาง  พบเศษอวนพันรอบตัวสภาพน่าสงสาร

 

        ดังนั้นจึงให้ลูกเรือไปดึงลากขึ้นมาบนเรือ และเร่งใช้มีดคม  ค่อยๆตัดเศษอวนที่พันรอบตัวเต่าตนุตัวนี้  ดูลักษณะน่าเต่าเป็นตัวหนุ่ม  ที่ว่ายน้ำมา  อาจจะเห็นกองขยะจึงว่ายเข้าไปใกล้จนถูกเศษอวนพันรอบตัว  ก่อนช่วยชีวิตปล่อยคืนสู่ทะเลกลับดังเดิม ต่อมาล่องเรือไปจับสัตว์น้ำในทะเลใกล้ๆแถวนั้นอีกครั้ง และจับได้กุ้งมังกรตัวใหญ่  ตนเองเห็นว่า กุ้งมังกรในท้องทะเลในเมืองไทย เริ่มมีน้อยลง หลังจากที่วางอวนติดมา  ก็เลือกที่จะปล่อยคืนสู่ทะเลเช่นกัน

 

          นายมาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  อายุ 41 ปี  กล่าวกับทีมข่าว(ทางโทรศัพท์ ) ว่า ตนเองเป็นไต่เรือมีจรรยาบรรณของชาวประมง ในเรื่องการจับสัตว์น้ำ  เฉพาะที่เราจับขายเป็นหลักๆพอ แต่ถ้าจับติดสัตว์น้ำอื่นๆที่ไม่ใช่ปลา เช่นอย่างวันนี้  จับติดกุ้งมังกรตัวใหญ่ ทางเรือของเราจับได้ก็ปล่อยสู่คืนท้องทะเลเหมือนเดิม  ให้กุ้งมังกรตัวนี้กลับไปขยายพันธุ์ต่อ

              นายมาวิน   กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเต่าหรือสัตว์น้ำอื่นๆเราจับติดอวนมาบ่อย เพราะเรือประมงของตนเองเวลาล่องเรือออกทะเลไปหลายๆวัน มักเจอสัตว์น้ำขนาดใหญ่ติดมาบ้าง และเจอสัตว์น้ำรอความช่วยเหลือมาบ้าง ตนเองก็จะช่วยเหลือปล่อยสู่ท้องทะเล เพราะเรารักษ์ธรรมชาติ และร่วมปกป้องในสิ่งที่เราช่วยกันได้  นายมาวินกล่าว

…………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

 อย่างเท่! หนุ่มใหญ่อินเดียนสตูล ประดิษฐ์รถจักรยานยนต์ทำมือเพียง 4 เดือน จากวัสดุโบราณเก่าเก็บและอยู่ในครัวเป็นอะไหล่ชั้นเยี่ยม

อย่างเท่! หนุ่มใหญ่อินเดียนสตูล ประดิษฐ์รถจักรยานยนต์ทำมือเพียง 4 เดือน จากวัสดุโบราณเก่าเก็บและอยู่ในครัวเป็นอะไหล่ชั้นเยี่ยม

           หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือรถจักรยาน  หรือ  รถจักรยานยนต์กันแน่  เค้าโครงหลายส่วนของรถคันนี้เหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างจักรยานกับรถจักรยานยนต์เข้าด้วยกัน  และเพื่อไม่ให้สงสัยนาน   คุณสมชาย  เด็นหลี  อายุ 55 ปี หรือที่รู้จักกันว่า  “ชายอาปาเช่”  ชาว ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล  ได้บอกว่านี่คือรถคัสตอมไบท์  หรือรถทำมือ  ที่สร้างจากจินตนาการของตน เพื่อทำความฝันให้เป็นจริงที่สามารถขี่ได้จริงๆ

 

           ส่วนประกอบของรถคันนี้ส่วนใหญ่มาจากโกดังภายในบ้านที่ชอบสะสมของเก่าของโบราณ  อาทิ  เครื่องเรือ 10 แรงม้า 390 cc, เครื่อง honda wave รุ่นเก่าๆทำเกียร์, คลัทช์ที่สตาร์ทเท้า,ให้เสมือนเป็นรถจักรยานยนต์ทั่วไป,ตัวถังน้ำมันจุด 20 ลิตร  ทำจากแผ่นเหล็กมาเชื่อมต่อขึ้นเอง , ล้อที่ใช้ของรถเข็นน้ำเพื่อให้อารมณ์เหมือนจักรยานแต่จะใหญ่กว่า , เบาะนั่งโบราณซึ่งมีราคา 3 – 4,000 บาท ก็หันมาทำเองเหลือเพียงราคา 500 บาทเนื่องจากมีหนังและโครงเหล็กเบาะจักรยานโบราณ โดยใช้เวลาประกอบขึ้นรูป 4-5 เดือน ไม่รวมการจัดหาวัสดุอุปกรณ์  ,วัสดุบางชนิดนำขวดน้ำพริกเผามาเป็นก๊อกน้ำมันของรถ ใช้วิธี DIY  หรือทำด้วยตัวเองทั้งคัน ส่วนมูลค่าหลักหมื่นต้นๆก็สามารถขี่ได้

         คุณสมชาย  หรือ ชายอาปาเช่  บอกด้วยว่า  รถคันนี้ได้เคยทดสอบขี่ไกลสุด ระยะทาง 50 กิโลเมตร  ส่วนความเร็วนั้นยังไม่เคยทดสอบจับเวลา  เจตนารมณ์ของตนที่สร้างรถคันนี้ขึ้นมาเพื่อมีรถที่เหมาะกับเอกลักษณ์ของอินเดียนที่ตนชอบแต่งตัวสไตล์นี้และต้องการหารถที่เหมาะสมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำรถทำมือขึ้นมา

 

         ส่วนตัวในอดีตเคยอยู่ร้านแต่งรถ harley ส่งเข้าประกวดได้รับรางวัลมากมายสมัยอยู่จังหวัดภูเก็ต  เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็ใช้ความรู้ที่มีมาสร้างรถทำมือขึ้น  แม้จะมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุงในเรื่องของการสั่นให้นิ่งเงียบกว่านี้  แต่รถคันนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถในจินตนาการของตน  และทำความฝันของตัวเองให้เป็นความจริงได้โดยได้ลงมือทำจนประสบความสำเร็จและภาคภูมิใจกับรถจักรยานยนต์คันนี้แม้จะขับขี่ไปที่ไหนหลายคนอาจจะดูว่าแปลกและไม่คิดว่าจะเป็นรถที่นำเศษเหล็กหรือของเก่าโบราณมาตกแต่งจนวิ่งได้แต่นี่คือความภูมิใจที่ได่ทำขึ้นมา  หากผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่  094-6809183  สมาชิกกลุ่มสตรีทอาร์ตสตูล

 

          ด้านนายสมบัติ  เจริญขวัญ  เพื่อน ยอมรับว่า ชายอาปาเช่  หรือบังเหลน ชื่อเล่น  เป็นคนชอบคิดชอบทำและมีไอเดียที่แปลกอยู่ตลอด โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์คันนี้ ถือว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ สร้างสิ่งแปลกใหม่ ให้เป็นที่จดจำเรื่องราวดีๆของคนชอบประดิษฐ์

………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล-ขนมมารากู  สูตรอินเดียกลิ่นไอของใบสมุยเทศ  สร้างรสชาติชวนลิ้มลอง  ขนมโบราณที่สืบทอดมายาวนานมีทานเฉพาะเทศกาลและออเดอร์เท่านั้น

สตูล-ขนมมารากู  สูตรอินเดียกลิ่นไอของใบสมุยเทศ  สร้างรสชาติชวนลิ้มลอง  ขนมโบราณที่สืบทอดมายาวนานมีทานเฉพาะเทศกาลและออเดอร์เท่านั้น

         ที่เป็นมากกว่าโรตี หรือโรตีกรอบ ก็ต้องยกให้  ขนมมารากูสูตรอินเดียเลย  เพราะกรรมวิธีอาจจะคล้ายโรตีทั่วไปแต่ใส่เครื่องเทศเข้ามา  ปั้นเป็นก้อนแช่น้ำมันคล้ายโรตี  ดูอีกทีก็คล้ายทอดมันปลายังไงอย่างงั้น  แต่มาดูการทำของทางร้าน บังกาหรีม ตำบลบ้านควน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   นางดารุณี อายาหมีน   อายุ 65 ปี  พร้อมลูกสาวนางไซนับ  มูเก็ม อายุ 42 ปี  และ หลานสาวช่วยกันทำขนม มารากู   เพื่อให้ทันกับออเดอร์ของลูกค้า

 

          ด้านนางไซนับ  มูเก็ม อายุ 42 ปี   กล่าวว่า  ขนม มารากู  เป็นขนมในประเทศอินเดีย ถือว่าเป็นขนมมงคล  ชอบทำทานในวันสำคัญ  มีการทำกันในประเทศมาเลเซียมาก  และมีการสืบทอดและไหลมาทางชายแดน จ.สตูล  ซึ่งติดกับประเทศมาเลเซีย  บรรพบุรุษหลายรุ่นจะทำกินและทำขาย  ในวันสำคัญของพี่น้องชาวมุสลิมและเป็นอาชีพในทุกวันนี้  ยิ่งในช่วงเดือนสำคัญอย่างช่วงฮารีรายา  ของพี่น้องมุสลิม จะขายดี มีออเดอร์สั่งเข้ามารัวๆเลยทีเดียว

            ส่วนออเดอร์ที่ลูกค้ามาสั่งจอง  รวมถึงผู้ที่ผ่านไปผ่านมาแวะมาอุดหนุน ขนมมารากู ขายได้เดือนละ 30 ถุง ซึ่งบรรจุถุงละ 1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท เฉลี่ยแล้วมีรายได้ต่อเดือนละประมาณ 3,000 – 4,000 บาท

 

           ทั้งนี้นายสมโภชน์  สุขใจ ลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชอบทาน บอกว่า อร่อยและกรอบ ได้กลิ่นไอของใบนาโปแล หรือใบสมุยเทศ  และเครื่องผสมทำให้ขนมชนิดนี้ทานอร่อย รสชาติไม่เหมือนขนมอื่นๆ

                   

          สำหรับขนมชนิดนี้ชื่อว่า ขนมมารากู หรือคนใต้เรียกว่า โรตีกรอบ เพราะส่วนผสมที่ทำคล้ายแป้งโรตีนวดๆเป็นกลม โดยใช้แป้งหมี่ ไข่ไก่ และใส่เกลือ เพิ่มส่วนผสมเครื่องเทศ  พริก และ ใบสมุยเทศ (เคล็ดลับความอร่อยเพิ่มความหอมกรุ่น)   รวมทั้งหัวหอมซอย  จากนั้นนำแป้งไปนวด และฟัดเหมือนโรตีให้เป็นแผ่นบาง ๆ และตัดเป็นส่วน นำไปทอดในไฟร้อนๆ ยกสะเด็ดน้ำมัน แพ๊คใส่ถุงส่งให้ลูกค้าทันที สามารถสั่งจองได้ 089-879 1966   นอกจากนี้ที่ร้านบังกาหรีม ทุก ๆ เช้าจะเปิดขายน้ำชา กาแฟ ขนมพื้นถิ่น ขนมมารากู    หากทานคู่ชาเย็น จะอร่อยมาก 

 ………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล – แอ๊ดดี้เทพบุตรเดินดิน  จิตอาสาของน้องหมาจรจัด 18,000 ตัว 

สตูล – แอ๊ดดี้เทพบุตรเดินดิน  จิตอาสาของน้องหมาจรจัด 18,000 ตัว 

          แอ๊ดดี้  หรือ  นายเกรียงไกร  ธาตวากร  อายุ 51 ปี หนุ่มศรีสะเกษ  ลูกเจ้าของร้านรับจัดโต๊ะจีน   ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง  รัฐศาสตร์บัณฑิต  เทพบุตรของสุนัขจรจัด  ที่ได้ตระเวนเดินสายเป็นจิตอาสาไปทั่วประเทศกว่า 12 ปี  บริการน้องหมาจรจัดที่มีสภาพสกปรก เป็นที่น่ารังเกียจด้วยการตัดขน  ตัดเล็บและรักษาโรคผิวหนัง 18,000 ตัว  รวมทั้งแจกสูตรปรุงยารักษาโรคผิวหนัง   หรือโรคขี้เรื้อนให้ด้วย  ทั้งนี้เพื่อคืนชีวิตใหม่ให้กับน้องหมาได้มีโอกาสหาบ้านใหม่

 

          และในวันนี้ได้เดินทางมาที่จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นการเดินทางมาเป็นครั้งที่ 3  ที่สถานสงเคราะห์เทศบาลเมืองสตูล  ที่มีหมาจรจัดในการดูแลกว่า 200 ตัว ซึ่งเป็นน้องหมาที่ได้มาจากการถูกทอดทิ้ง  และยังพบว่าสถานการณ์หมาจรจัดในจังหวัดสตูลพบน้องหมาสายพันธ์ดังๆ  ถูกทอดทิ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  บางพื้นที่ไร้การเหลียวแลปล่อยให้อดอยาก  และอยู่ในสภาพที่สังคมรังเกียจ

         วันนี้แอ๊ดดี้เทพบุตรน้องหมาจรจัด  นอกจากจะมาบริการตัดขนและเล็บให้น้องหมาจรจัดฟรีแล้ว   ยังนำสูตรยาสมุนไพรรักษาโรคผิวหนังหรือโรคขี้เรื้อน   มาให้ผู้ดูแลน้องหมาจรจัด  และผู้ที่สนใจไว้รักษาน้องหมาที่บ้าน   เพียงนำผงขมิ้นที่ทำกับข้าวจำนวน 1 กิโลกรัม น้ำมะกรูด 6 ลูก น้ำมันมะกอก 2 ขวดหรือน้ำมันมะพร้าว   น้ำยาเดตตอลครึ่งฝา  กำมะถัน 1 ทัพพี  และใช้น้ำธรรมดาเป็นส่วนผสมให้เข้ากัน  คนให้ข้นเหมือนปะแป้งได้ ใช้ทาน้องหมาที่เป็นโรคผิวหนังทุก 7 วัน ทำไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวอาการน้องหมาจะดีขึ้นคืนชีวิตใหม่ให้น้องหมา

 

          พร้อมฝากข้อคิดให้กับใครที่กำลังมองหาน้องหมา อยากแนะนำลองเปิดใจให้โอกาสน้องหมาจร ที่มีสายพันธ์ดังๆ  ถูกทอดทิ้งจากหลายสาเหตุที่นำมาทิ้งเพื่อไปเลี้ยงต่อ  ซึ่งตนเชื่อว่าการมาตัดขน ตัดเล็บ และรักษาโรคผิวหนังให้จะทำให้น้องหมาได้มีโอกาศมีบ้านใหม่ จากผู้ที่ชื่นชอบสุนัข  และตนก็ยินดีที่จะเดินสายช่วยชีวิตน้องหมาไปจนกว่าตัวเองจะยกบปัตตาเลี่ยนไม่ไหว

…………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล-สืบสานความสวยงามประเพณีนิยม  ชุดขันหมากโดยชุมชนสตรีมุสลิมร่วมแข่งขันพับผ้าละหมาดและผ้ารองละหมาด  สร้างสรรค์ไอเดีย  ฝึกสมาธิ สร้างรายได้และความสามัคคีในชุมชน

สตูล-สืบสานความสวยงามประเพณีนิยม  ชุดขันหมากโดยชุมชนสตรีมุสลิมร่วมแข่งขันพับผ้าละหมาดและผ้ารองละหมาด  สร้างสรรค์ไอเดีย  ฝึกสมาธิ สร้างรายได้และความสามัคคีในชุมชน

         ประเพณีนิยมการทำชุดขันหมากของไทยมุสลิมจากผ้าตาละกง หรือผ้าละหมาดผู้หญิง ผ้าซายาด๊ะ หรือผ้ารองละหมาด และผ้าขนหนู  ทำให้ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสตูลและมัสยิดอะห์มาดิย๊ะปันจอร์  อ.ควนโดน จ.สตูล ได้เข้ามาส่งเสริมและมีการจัดการแข่งขันขึ้นเพื่อส่งเสริมสนับสนุนวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม

 

       โดยที่มัสยิดอะห์มาดิย๊ะปันจอร์  อ.ควนโดน จ.สตูล  ได้มีการจัดงานเทศกาลวันตรุษอีดิลอัฎฮา  ครั้งที่ 16  รายาหยีที่บ้านจอร์  หนึ่งในกิจกรรมที่มีการส่งเสริมความสมัครสมาชิกภายในชุมชน 10 แห่งคือ  แข่งขันพับผ้าโชว์ ผ้าตาละกง หรือผ้าละหมาดผู้หญิง ผ้าซายาด๊ะ หรือผ้ารองละหมาด และผ้าขนหนู 

 

         โดยมีกลุ่มสตรีจากชุมชนต่างๆเช่นชุมชนหลวงนา,ชุมชนปะการัง,ชุมชนไฮเวย์,ชุมชนปากบาง,ชุมชนควนดินแดง,ชุมชนทรายทอง,ชุมชนดินทรุด,ชุมชนกุมปัง,ชุมชนทุ่งโต๊ะหรัด, และชุมชนห้วยท้องหะ 10 ชุมชน เข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างพร้อมเพรียงท่ามกลางกองเชียร์ที่มารอชมฝีมือของกลุ่มสตรีดังกล่าว

 

        การแข่งขันใช้ระยะเวลา 1 ชั่วโมงเนื่องจากต้องใช้ความปราณีต ความคิดสร้างสรรค์  โดยทางคณะกรรมการก็จะให้คะแนน ทั้งประเภทความหลากหลายของอุปกรณ์ ความสวยงาม  องค์ประกอบและขั้นตอนการพับ

 

          นายณพงศ์   ใบหมาดปันจอ   อดีตวัฒนธรรมจังหวัดสตูลและกรรมการมัสยิดฯ  กล่าวว่า   กิจกรรมของสตรีภายในหมู่บ้านในครั้งนี้  เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกสมาธิให้ใจเย็น สร้างความสามัคคีภายในชุมชนพร้อมทั้งการสืบทอดให้ลูกหลานหัดพับผ้า ที่สามารถเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้  จากการทำชุดขันหมากในการสู่ขอบ่าวสาว ที่จะมีการใช้ผ้าตาละกง หรือผ้าละหมาดผู้หญิง ผ้าซายาด๊ะ หรือผ้ารองละหมาด และผ้าขนหนูในการตกแต่งเป็นชุดขันหมาก มีมูลค่าจาก 300 บาทเป็น 3,000 บาทได้

 

         โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันหลายคนก็จะตกแต่งเป็นชุดถ้วยน้ำชา , พัดที่สวยงาม  กระเป๋า  โดมมัสยิด  บ้างก็ตกแต่งเป็นผลจำปาดะ  เค้ก และเรือ แล้วแต่ไอเดียสร้างสรรค์  ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งภายในงาน  เทศกาลวันตรุษอีดิลอัฎฮา   รายาหยีที่บ้านจอร์ ที่ชาวบ้านในชุมชนมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสำหรับปีนี้ก็จัดเป็นครั้งที่ 16 แล้ว

………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ผลผลิตออกแล้ว! กระท้อนนาปริก  เปลือกบางเนื้อนุ่ม ใหญ่สุดผลเดียว 2 กก.ต้องใช้ช้อนตัก  ฟินกันถ้วนหน้า 12 – 15 ก.ค.2567 นี้ งานกระท้อนหวานที่สตูล

ผลผลิตออกแล้ว!! กระท้อนนาปริก  เปลือกบางเนื้อนุ่ม ใหญ่สุดผลเดียว 2 กก.ต้องใช้ช้อนตัก  ฟินกันถ้วนหน้า 12 – 15 ก.ค.2567 นี้ งานกระท้อนหวานที่สตูล

          เริ่มแล้ว!! กระท้อน เริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว  ที่หมู่บ้านกระท้อน  บ้านนาปริก ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งกระท้อนที่มีผลผลิตนุ่ม   หวาน   อร่อยและที่สำคัญผลโตมากขนาดเท่ากับหน้าคนก็ว่าได้ 

          มีชื่อเสียงโด่งดัง  กับกระท้อนมากกว่า 5 สายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย  พันธุ์เขียวหวาน  พันธุ์ทับทิม  โดยเฉพาะพันธุ์อิล่า  สายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ   ผลโต เนื้อนุ่ม หวาน อร่อย น้ำหนักเยอะสุด   ในหนึ่งผล 2 กิโลกรัมเลยทีเดียว   โดยราคาปีนี้ยังคงเดิมคือกิโลกรัมละ 60-70 บาท

          นายวริช   วิชิต  รองผอ.ททท.สำนักงานสตูล , นางวรรณนภา  คงเคว็จ  เกษตรอำเภอควนโดน และนายวริศ   มาลินี   นายกอบต.ควนโดน เยี่ยมสวนกระท้อนบ้านนาปริกคุณภาพ   หลังพบว่าที่สวนแห่งนี้เริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดกันแล้ว เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายให้กับเกษตกรและชาวบ้านที่แปรรูปสินค้า

          นายอิบรอเหม   เด็นสำดี   อายุ 66  ปี ชาวสวนกระท้อน หมู่ที่ 9 บ้านนาปริก  บอกว่า  กระท้อนชุดแรกได้ออกสู่ตลาดแล้วลูกค้าสามารถสั่งจองได้  แม้ปีนี้ผลผลิตอาจจะประสบปัญหาแล้งที่ยาวนาน   แต่ก็มีกระท้อนมากเพียงพอที่จะจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบกระท้อนผลใหญ่ เนื้อนุ่ม   ชนิดที่ต้องใช้ช้อนตักได้เลย ซึ่งกระท้อนที่นี่ปลูก 3 ปีปีที่ 4 สามารถขายได้แล้ว  ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปีนี้ผลผลิตมี 3 รุ่น จำนวน 12,000 ลูก ซึ่งหัวใจของกระท้อนคุณภาพ   เริ่มตั้งแต่การดูแลผลผลิตที่เริ่มออก   ด้วยการตัดแต่ง ทันทีที่กระท้อนเริ่มออกสู่ตลาดเริ่มมีออเดอร์เข้ามาแล้ว 50 กิโลกรัม สามารถติดต่อได้โดยตรงคือ 080 710 4881 หรือ 062 432 4524

          นางวรรณนภา  คงเคว็จ  เกษตรอำเภอควนโดน จ.สตูล   กล่าวว่า  พันธุ์ปุ้ยฝ้าย เขียวหวาน และอีร่า มีเสน่ห์เนื้อเปรี้ยวอมหวาน   ที่สำคัญของตลาด ทุกสายพันธุ์นุ่มฟูเปลือกบาง ได้ส่งเสริมเกษตรกรได้เข้าสู่มาตรฐาน GAP  และกำลังยื่นขอพืช GI  รอการประกาศอยู่

          นอกจากกระท้อนผลสดที่ใช้ช้อนตักทานได้อย่างสบายใจแล้ว  ยังมีกลุ่มแม่บ้านภายใต้ชื่อกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และวิถีเกษตรเขาโต๊ะกรัง  ได้นำกระท้อนที่ตกเกรดมาแปรรูปเป็นสินค้ากระท้อนทรงเครื่อง,น้ำพริกกระท้อน,หรือน้ำยาขนมจีนกระท้อนก็สุดแสนจะอร่อย 

         นายวริศ   มาลินี   นายกอบต.ควนโดน จ.สตูล  กล่าวว่า  ทางอบต.เตรียมส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์  สินค้าพรีเมี่ยม  อาทิ  ไซหรับกระท้อน , ไอศกรีมกระท้อน, น้ำยาขนมจีนกระท้อน ,  ในส่วนของอบต.จะพัฒนาให้มีมูลค่าสูงเพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับชาวสวน และในวันที่ 12 – 15 ก.ค.2567 นี้จะมีการจัดงานกระท้อนตำบลควนโดน  ขึ้นที่ตลาดนัดดุสน อ.ควนโดน จ.สตูล

        ด้านนายวริช   วิชิต  รองผอ.ททท.สำนักงานสตูล  ยอมรับว่า  สวนผลไม้กระท้อนนาปริกเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสตูล  ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสตูล ก็จัดกิจกรรมเกี่ยวกับผลไม้พานักท่องเที่ยวเข้ามาชมสวน   มาอุดหนุนเกษตรกรที่นี่   ซึ่งสามรถทำการท่องเที่ยวเชื่อมโยงได้  โดยการท่องเที่ยววิถีชุมชนของอำเภอคนโดน   สามารถที่จะมาชิมผลไม้และไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวบริเวณรอบๆซึ่งมีที่เที่ยวหลายแห่ง ให้เช็คอิน  ถ่ายภาพ

          สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ได้เข้ามาส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ส่งเสริมและพัฒนาสินค้ากระท้อนในพื้นที่ 7 อำเภอ บนพื้นที่ผลิต 60 ไร่ ที่จังหวัดสตูล   เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค จากลักษณะเด่นผลใหญ่ เนื้อหนานุ่มฟู รสชาติหวาน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี และมีการขยายผลไปสู่การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชน ตามคำขวัญ “แหล่งกระท้อน นุ่มหวาน ดินแดนประวัติศาสตร์โบราณ ประตูอุทยานธรณี”

…………………………………

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ตำรวจสตูลไอเดียเก๋ ลุยสร้างมวลชนสายบุญมาพร้อมกับสโลแกน  “วันนี้ พี่ไม่จับ แต่ มาแจก”

ตำรวจสตูลไอเดียเก๋ ลุยสร้างมวลชนสายบุญมาพร้อมกับสโลแกน  “วันนี้ พี่ไม่จับ แต่ มาแจก”

         (วันที่ 18 มิ.ย.67)  พ.ต.ท.ภนภัค ภานุเดชากฤษ   รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งหว้า มอบหมายให้ชุดสืบสวน , สายตรวจ , และตำรวจจิตอาสา นำเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ  อาทิ  น้ำอัญชัน, น้ำตะไคร้ , น้ำกระเจี๊ยบ,หลายร้อยขวด

        ร่วมกันแจกจ่ายในงานบุญและงานประเพณีต่าง ๆ  ทั้งงานทอดผ้าป่า สำนักสงฆ์บ้านขุมทรัพย์  และ  ทอดผ้าป่าวัดทุ่งขมิ้นของอำเภอทุ่งหว้า  และงานฮารีรายาอีดิ้ลอัฎฮาของพี่น้องมุสลิม ในพื้นที่หมู่ 3 มัสยิดทุ่งดินลุ่ม  และหน้าเทศบาล ตำบลทุ่งหว้า ได้ดื่มด่ำดับกระหายกับเมนูน้ำดื่มสมุนไพรรักสุขภาพฟรี!! ทั่วถึงทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม

           กิจกรรมในครั้งนี้ พ.ต.ท.ภนภัค  ภานุเดชากฤษ   รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งหว้า ต้องการจะสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจ สภ.ทุ่งหว้า  และชุมชนในพื้นที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข  ความปลอดภัย  พร้อมกับดับกระหายกับน้ำดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ  อีกทั้งเป็นการไถ่โทษ ที่ จับกุมลูกหลาน ชาวบ้าน ( ที่กระทำผิด)

 

          รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งหว้า  กล่าวเพิ่มเติมว่า  จากการทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวได้มีมวลชนเพิ่มขึ้นทำให้ในพื้นที่ ไม่เคยเกิดเหตุอุกฉกรรจ์ หรือ สะเทือนขวัญเลยนับแต่ย้ายมาดำรงตำแหน่งเมื่อธันวาคม 66   จึงเป็นที่มาของกิจกรรมที่ชื่อว่า “ วันนี้ พี่ไม่จับ แต่ มาแจก ”

………….

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล-ล่องเรือหาหอยตาแดงในป่าชายเลน   หอยที่หนีน้ำเกาะบนต้นไม้  ปรุงเมนูพื้นถิ่นหาทานยากและเทคนิคการกินที่สุดแสนจะเพลิดเพลิน

สตูล-ล่องเรือหาหอยตาแดงในป่าชายเลน   หอยที่หนีน้ำเกาะบนต้นไม้  ปรุงเมนูพื้นถิ่นหาทานยากและเทคนิคการกินที่สุดแสนจะเพลิดเพลิน

          ฤดูกาลนี้  แม้จะไม่ใช่ช่วงหอยตาแดงที่ชุกชุม  แต่ชาวบ้านเทศบาลตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ยังสามารถออกหาหอยตาแดงในป่าชายเลน  ที่ปกคลุมรอบหมู่บ้านได้ไม่ยากนัก  แต่ต้องใช้เรือลำน้อยแล่นไปตามลำคลอง  เพื่อหาตำแหน่งที่อยู่อาศัยของหอยตาแดง  สัตว์น้ำที่มักจะหนีน้ำที่ขึ้นสูงไปอยู่บนต้นไม้ป่าชายเลน

 

          นายฮาบีบ   นาฮูดา  อายุ  31 ปี พร้อมทีมงาน  นั่งเรือออกจากฝั่งท่าเทียบเรือเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูลผ่านแยกจากคลองใหญ่มาได้สักพัก   ก็ถึงเป้าหมายลงมือหาหอยตาแดงกันเลย  การหาหอยตาแดงในช่วงนี้ไม่ง่ายเหมือนช่วงน้ำขึ้น 15 ค่ำ 1 ถึง 4 ค่ำ ซึ่งเป็นช่วงน้ำใหญ่ที่จะเห็นหอยไต่ต้นไม้ป่าโกงกางเพื่อหนีน้ำ   เกาะอยู่บนต้นไม้เหนือน้ำ   ชนิดมารอกันง่าย ๆ บางคนจับได้มากสุดครั้งละ 30 กิโลกรัม  แม้ช่วงนี้จะหาไม่ง่ายแต่ก็ยังมีหอยให้จับได้ตลอดทั้งปีเหมือนกัน   การหาหอยในช่วงนี้จะได้ประมาณ 2-3 กิโลกรัม   ก็พอจะเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว 200-300 บาท (แล้วแต่ขนาดของหอย)  ที่สำคัญเป็นอาหารเลี้ยงคนในครอบครัวได้ด้วย  อยากกินก็แค่นั่งเรือออกมาเก็บในคลองหน้าบ้าน ซึ่งหอยตาแดงที่ชาวบ้านนิยมหาคือ หอยตาแดงปากหนา เพราะมีเนื้อเยอะ ส่วนหอยตาแดงปากบางนั้นไม่นิยมเพราะตัวเล็ก  เสี่ยงมันจะบาดปาก

            หลังได้หอยตาแดงมาเพียงพอสำหรับแกงในวันนี้  เจ๊ะติม๊ะ   หลังจิ  วัย 68 ปี แม่บ้านฝีมือเด็ดของหมู่บ้านเจ๊ะบิลัง  ก็อาสาลงมือปรุงเมนูยอดนิยมของหมู่บ้าน  นั่นก็คือ เมนู แกงหอยตาแดง  โดยขั้นตอนปกติจะต้องแช่หอยไว้ 1 คืน ก่อนนำมาปรุง   เพื่อให้หอยได้คลายดินโคลนออกจากตัวก่อน ไม่ให้เสียอรรสในการกิน  และเคล็ดลับเพิ่มการคลายโคลนในตัวหอย   คือหลังล้างน้ำ  ก็ใส่พริกขี้หนูสัก 2-3 เม็ดลงไปแช่ร่วมกับหอย จากนั้นก็ลงมือสับก้นหอยประมาณข้อที่ 3 เพื่อให้เวลากินจะจุ๊บหรือดูดหอยได้ง่ายนั่นเอง

 

         เครื่องปรุงของเมนูนี้ก็จะมี  พริกสด  หอมกระเทียม กะทิ ขมิ้น  น้ำมัน เกลือ น้ำตาล  กะปิ  หัวมันเทศเพิ่มความกลมกล่อมและที่สำคัญคือ  หอยตาแดงที่ผ่านการล้างตัดก้นเรียบร้อยแล้ว  โดยลงมือนำเครื่องปรุงทุกอย่างที่เป็นเครื่องแกงมาโครกหรือบดจนละเอียดแล้วตั้งกระทะให้ร้อน  นำเครื่องแกงไปผัดในน้ำมันให้หอมกรุ่น ก่อนใส่กะทิตั้งไฟให้เดือด  และใส่หอยที่เตรียมไว้ลงไป  จากนั้นก็ปรุงรสตามใจชอบ  และรับประทานได้เลยกับข้าวสวยร้อนๆ

 

        เคล็ดลับในการกินแกงหอยตาแดง  สำหรับมือใหม่ต้องมีเทคนิคในการจุ๊บหอยคือ ต้องจุ๊บหอยแรง ๆ ครั้งเดียวหรือจะแบ่งเป็นจังหวะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะอดกินหอยอย่างแน่นอน

……………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ปลูกข่าตาแดง  อาชีพทำเงินรายได้งาม  ตลาดกว้างลงทุนครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี  

ปลูกข่าตาแดง  อาชีพทำเงินรายได้งาม  ตลาดกว้างลงทุนครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี  

         เมื่อยางพารามีราคาที่ผันผวนง่าย  การหันมาปลูกพืชสวนครัว  ที่ทุกครัวเรือนจะต้องรับประทานกันเกือบทุกวัน   จึงเป็นทางเลือกทางรอดของครอบครัวคุณสุนันท์  สาลิกาพงษ์  อายุ 59 ปี  สองคนสามีที่เปลี่ยนอาชีพหลักจากกรีดยางพารามาปลูกหัวข่าเสริมรายได้  บนพื้นที่   3  ไร่  ซอย ชุมชนสนามบิน 10  หมู่ 6  ต.คลองขุด อ.เมือง  จ.สตูล  จนถึงขณะนี้กลายเป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายสไตล์พอเพียงไปแล้ว

         “ข่าตาแดง”  เป็นพันธุ์ข่าพื้นบ้านชอบดินร่วนซุย   ลงทุนปลูกเพียงครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ยาวนาน   เพราะเป็นพืชหน่อ  ที่ขุดไปแล้วเหลือไว้ทำเชื้อ 2-3 ต้น  ก็จะแตกหน่อหมุนเวียนให้กลับมาเก็บใหม่ได้อีกครั้ง     การดูแลก็ต้องใส่ปุ๋ย   กำจัดวัชพืชบ้าง  เพื่อให้เขาเติบโตสวยงามและให้ผลผลิตเร็ว   การปลูกจะอิงธรรมชาติเป็นหลัก  หากเจอช่วงแล้งหนัก  ยาวนาน  ก็จะหยุดให้ผลผลิตได้ 

         การเก็บผลผลิตนั้น  ก็สามารถเก็บได้ทุกวัน  วันละ20 กิโลกรัม  ขายกิโลกรัมละ 40 บาทส่งพ่อค้า  ซึ่งในช่วงนี้ราคาดี  เคยมีราคาแตะไปถึงกิโลกรัมละ 50 บาทในข่าอ่อน   ส่วนข่าแก่ก็ส่งขายทำเครื่องแกงได้อีกด้วย    ใบข่าก็ยังสามารถนำไปทำปุ๋ย   ลำต้นก็สามารถนำไปแกะเปลือกนำมาแกงกินได้  เหมือนกับดอกของข่า  ก็เป็นผักสมุนไพรหลายคนชอบรับประทาน 

         เมื่อขุด “ข่าตาแดง” จากแปลงมาแล้ว    ก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนล้าง   ซึ่งทางสามีคุณสุนันท์  สาลิกาพงษ์   จะใช้เครื่องมือทุ่นแรง  เพิ่มแรงน้ำอัดฉีดเพื่อเอาดินออก  ร่นระยะเวลารวดเร็วในการล้าง  ให้  “ข่าตาแดง”   สะอาดสวยงามอมชมพู  และใช้มีดเก็บทำความสะอาดอีกครั้งเพิ่มความสวยก่อนส่งขาย

         นายเฉลิมพร   ศรีสวัสดิ์   เกษตรอำเภอเมืองสตูล  บอกว่า  เกษตรกรรายนี้เคยปลูกฝรั่งมาก่อน  แต่เจอปัญหาศัตรูพืชก่อนหันมาปลูกข่าตาแดง ได้ปีที่ 8 แล้ว ซึ่งข่านับเป็นพืชที่ตลาดยังมีความต้องการอีกเยอะ 

        มีการปลูกน้อยและสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี  สร้างรายได้สม่ำเสมอ    โดยทางเกษตรอำเภอเองได้เข้ามาให้ความรู้เรื่องศัตรูพืช และการจัดการแปลงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี

………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ผู้ช่วย รมว.กก. พลภูมิ ลงพื้นที่ตรวจแหล่งท่องเที่ยวท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม

ผู้ช่วย รมว.กก. พลภูมิ ลงพื้นที่ตรวจแหล่งท่องเที่ยวท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม

           วันที่ 7 มิ.ย.67 เวลา 10.20 น. ณ ท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตา จ.กระบี่ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายคุณากร ปรีชาชนะชัย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะ ลงพื้นที่ตรวจบริเวณแหล่งท่องเที่ยวท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ และ ตรวจสอบสภาพห้องน้ำ เพื่อเตรียมปรับปรุงให้สะอาด เหมาะสม รองรับนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ โดยมีนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ให้การต้อนรับและ ชี้แจงข้อมูลในพื้นที่ทั้ง 2 สถานที่ให้ทางคณะทราบ

              จากนั้นได้เดินทางต่อมาที่แหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่มาเข้าใช้บริการ โดยบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำผุดมาจากชั้นใต้ดินตามธรรมชาติ สาเหตุที่มีรสชาติเค็มนั้นเกิดจากการผสมกันของน้ำร้อนและน้ำทะเลในระดับลึกก่อนโพล่พ้นพื้นดิน เกิดเป็นน้ำพุร้อน จัดอยู่ในประเภทน้ำพุร้อนเกลือ (salt spring) ในบริเวณรอบๆ น้ำพุร้อนเค็ม หรือบ่อน้ำพุร้อนเกลือ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามธรรมชาติ มีบ่อน้ำพุร้อนเค็มกระจายอยู่รอบบริเวณพื้นที่ จำนวน 14 บ่อ, สำหรับความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำพุร้อนเค็มนั้นอยู่ที่อุณหภูมิของน้ำในบ่อไม่ร้อนมากจนเกินไป มีอุณหภูมิสูงประมาณ 40-47 องศาเซลเซียส ลักษณะน้ำใสสะอาดสะท้อนกับท้องฟ้าเป็นสีมรกตสวยงาม ภายในมีศาลานวดแผนไทยและเส้นทางเดินชมศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบการผ่อนคลายด้วยสปาธรรมชาติแบบนี้ เหมาะสำหรับการอาบชำระร่างกายแบบ บรรเทาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น หรือช่วยผ่อนคลาย เพื่อรักษาสุขภาพโดยวิธีธาราบำบัดแบบธรรมชาติ

………………

อัพเดทล่าสุด