Categories
ข่าวเด่น

สตูล-น้ำทะลักย่านเศรษฐกิจชุมชนเก่าแก่  ขณะที่คลื่นลมมีกำลังแรงเตือนชาวประมงเรือเล็กงดออกจากฝั่ง 

สตูล-น้ำทะลักย่านเศรษฐกิจชุมชนเก่าแก่  ขณะที่คลื่นลมมีกำลังแรงเตือนชาวประมงเรือเล็กงดออกจากฝั่ง 

         (วันที่ 16 กันยายน 2567)  สถานการณ์น้ำท่วมใน  จ.สตูล  เข้าสู่วันที่ 2 หลังทางป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันระหว่าวันที่ 13-18 ก.ย.นี้ ล่าสุดสถานการณ์น้ำได้ไหลเข้าท่วมแล้วใน 7 อำเภอของจังหวัดสตูล 

 

        ล่าสุดที่ย่านชุมชนเก่า   บริเวณที่ตลาดสดเทศบาลตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ซึ่งถือว่าเป็นย่านชุมชน ย่านตลาดสด  ที่สำคัญใจกลางเมืองเทศบาลตำบลฉลุง ที่มีประชาชน และนักท่องเที่ยวออกมาจับจ่ายซื้อข้าวของ อาหารทะเล ของใช้   ขณะนี้พื้นที่แห่งนี้ได้ถูกมวลน้ำจากด้านบนปกคลุมแล้ว 

 

        ชาวบ้านบอกว่าน้ำได้ไหลจากมาจาก อำเภอควนกาหลง อำเภอควนโดน  มายังอำเภอเมืองสตูล ที่ตำบลฉลุงเวลาประมาณ  3 นาฬิกา แม้ทางการจะประกาศให้เตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูงแต่นับว่าปีนี้น้ำมาเร็วและเยอะมาก

 

        นายวิสุทธิ์   เอกฉัตร  อายุ 59 ปี อาศัยย่านชุมชนตำบลฉลุง 40 ปี กล่าวว่า  สถานการณ์ตอนนี้น้ำน่ากลัวมาก  เมื่อปีที่แล้วประมาณใกล้เดือน พ.ย.56 น้ำท่วมแต่ไม่ขึ้นสูงเพียงแค่ข้อเท้า  แต่ในขณะนี้ตอนนี้น้ำท่วมหนักอีกครั้ง  น้ำขึ้นสูงในย่านชุมชน ตลาดสด ท่วมเกือบขึ้นครึ่งล้อรถยนต์กระบะ เร่งขนของขึ้นที่สูง

           ขณะที่คลื่นลมทะเลจังหวัดสตูลมีกำลังแรง  ที่บ้านหาดทรายยาว  หมู่ที่ 2 ต.ตันหยงโป อ.เมือง  จ.สตูล  ชาวประมงเรือเล็กต่างนำเรือหลบลมตามลำคลอง ป้องกันคลื่นซัดเรือได้รับความเสียหาย

           ปภ.จ.สตูลได้แจ้งเตือนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและคลื่นลมแรงระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน 2567 โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิดระวังอันตรายจากฝนตกหนักระมัดระวังการเดินทางหรือสัญจรเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังหรือน้ำไหลผ่าน  ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง  

……………………………………………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้าสตูล…ปักธงแดงเตือนภัย!!พื้นที่ริมตลิ่งท้ายน้ำเสี่ยงท่วม 7 อำเภอ รวมทั้งหมู่บ้านชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ขณะที่ความช่วยเหลือระดมกำลังทุกภาคส่วน

คืบหน้าสตูล…ปักธงแดงเตือนภัย!!พื้นที่ริมตลิ่งท้ายน้ำเสี่ยงท่วม 7 อำเภอ รวมทั้งหมู่บ้านชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ขณะที่ความช่วยเหลือระดมกำลังทุกภาคส่วน

วันที่ 15 ก.ย.67 ฝนที่ตกหนักหลายวันติดต่อกัน ทำให้จังหวัดสตูลได้ประกาศเตือนภัย!! ด้วยการยกธงแดง  ที่ริมคลองฉลุง ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล หลังระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ  และปริมาณน้ำฝนที่ยังคงเติมเข้ามาในพื้นที่ส่งผลให้บ้านเรือนริมคลองพื้นที่ต่ำได้รับผลกระทบน้ำท่วมขัง จากน้ำป่าที่ไหลหลากในหลายอำเภอที่รับผลกระทบ ล่าสุด อ.ควนกาหลง อ.ควนโดน อ.เมืองสตูล   ส่วนอ.ละงู อ.ท่าแพ และอ.ทุ่งหว้าและอ.มะนัง เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิด

ความช่วยเหลือภาครัฐหลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว   ด้านพ.ต.ท.คำนึง อุ่นปลอด ผบ.ร้อย ตชด.436 มอบหมายให้ ร.ต.อ.ปริวรรต  หมาดรา ผบ.มว.ฯ พร้อมกำลังพล ร้อย ตชด.436 ออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และมอบน้ำดื่ม ยาสามัญ ประจำบ้าน ให้แก่ ประชาชน  และเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงสร้างขวัญกำลังใจในพื้นที่ ต.ควนโดน ต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน จ.สตูล

ส่วนที่เกาะหลีเป๊ะ  ตำบลเกาะสาหร่าย  พ.ต.ต.สุจิต  ปิริยะ  สว.สภ.เกาะหลีเป๊ะ มอบหมายให้ ร.ต.อ.จำลอง  คงสวัสดิ์ รอง สว.สอบสวนฯ  พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะหลีเป๊ะและชุดจิตอาสา  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะสาหร่าย  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร ในพื้นที่นำสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคให้แก่ชาวเลอูรักลาโว้ย ที่ประสบภัยน้ำท่วมที่บ้านหลีเป๊ะพัฒนา ม.8 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล จว.สตูล  โดยสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ได้รับสนับสนุนจาก อบจ.สตูล และ อบต.เกาะสาหร่าย

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล  ยังคงประกาศแจ้งเตือน!!  เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและคลื่นลมแรงระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน 2567 โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิดระวังอันตรายจากฝนตกหนักระมัดระวังการเดินทางหรือสัญจรเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังหรือน้ำไหลผ่านชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

…………………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ฝนถล่มท่วมแล้ว  ผู้ว่าฯเตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไปจนถึงวันที่18 กันยายน 2567

สตูล…ฝนถล่มท่วมแล้ว  ผู้ว่าฯเตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไปจนถึงวันที่18 กันยายน 2567

วันที่ 15 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากฝนที่ตกหนักลงมาสะสมหลายวัน ทำให้น้ำในพื้นที่ฝ่ายชลประทานดุสน  เทศบาลตำบลควนโดน  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ล่าสุดน้ำไหลล้นทะลักลงคลองดุสนที่เป็นสายน้ำไหลผ่าน 2 อำเภอได้แก่ ต.ควนโดน อำเภอควนโดน และ ต.ควนโพธิ์ ต.ฉลุง อำเภอเมืองสตูล

ล่าสุดเรือโทสุโภชน์  ทองย้อย รองผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452  นำกำลังเข้าช่วยชาวบ้านที่ประสบภัยในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลย่านซื่อ  อำเภอควนโดน และเฝ้าจับดูสถานการณ์น้ำหากมีการร้องขอ  หลังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากและอยู่ติดลำคลองสำคัญ

น้ำในลำคลองล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนที่ปลูกสร้างริมลำคลองที่พื้นที่ราบลุ่มต่ำ  โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านปันจอร์ หมู่ที่ 7 ตำบลย่านซื่อ และหมู่ที่ 1 ตำบลควนโด

นายศักระ   กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  กล่าวว่า   สตูลได้แจ้งเตือนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและคลื่นลมแรงระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน 2567 โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิดระวังอันตรายจากฝนตกหนักระมัดระวังการเดินทางหรือสัญจรเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังหรือน้ำไหลผ่าน  ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง   ให้นายอำเภอประจำแต่ละอำเภอเหล่านี้ ส่งเจ้าหน้าออกตรวจตราดูแลความเดือดร้อนของประชาชนทันที และหาวิธีรับมือน้ำ หรือกระจายกำลังประสานหน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่มือสถานการณ์น้ำทันที

……………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

จังหวัดสตูลช่วยเหลือชายไทยวัย 48 ป่วยติดในมาเลเซีย ส่งกลับถึงบ้านอุดรธานี

จังหวัดสตูลช่วยเหลือชายไทยวัย 48 ป่วยติดในมาเลเซีย ส่งกลับถึงบ้านอุดรธานี

           วันที่ 5 ก.ย. 67) ที่โรงพยาบาลสตูล อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหมายให้นางสาวธัญรัศม์ ไตรพันธ์รัชตะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล เป็นตัวแทนมอบเงินและสิ่งของ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ ชายไทย อายุ 48 ปี ที่ประสบความเดือดร้อนในประเทศมาเลเซีย เป็นผู้ป่วยแขนขาอ่อนแรง ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากจังหวัดสตูล โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสตูล และโรงพยาบาลสตูล ให้การช่วยเหลือดำเนินการรับกลับมาประเทศไทย รักษาตัว และส่งกลับภูมิลำเนา สร้างความซาบซึ้งให้แก่ชายไทย อายุ 48 ปี เป็นอย่างมาก
.
         หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดสตูล ได้รับการประสานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ว่ามีชายไทย อายุ 48 ปี ประสบปัญหาป่วยแขนขาอ่อนแรง ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล และหนังสือเดินทางใกล้จะหมดอายุ จึงต้องการส่งตัวกลับประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล จึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล ประสานสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และมีหนังสือถึงโรงพยาบาลสุลตานาห์มาลิฮา เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความอนุเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศไทยให้กับผู้ป่วยชายไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประเทศมาเลเซียเป็นอย่างดี

             และเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล รับตัวผู้ป่วยชายไทย กลับจากประเทศมาเลเซีย ณ ท่าเทียบเรือตำมะลัง และส่งต่อเพื่อรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสตูล พร้อมประสานติดตามญาติของผู้ป่วยชายไทย ทราบว่า อาศัยอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งญาติให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยเป็นน้องชาย มีความประสงค์จะรับผู้ป่วยกลับไปดูแล แต่เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน จึงไม่สามารถเดินทางมารับตัวผู้ป่วยได้ด้วยตนเอง และขอให้หน่วยงานให้ความช่วยเหลือในการนำส่งผู้ป่วยกลับคืนสู่ครอบครัว
.
           นอกจากนี้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสตูล ได้ประสานขอความร่วมมือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านญาติของผู้ป่วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับผู้ป่วย เดินทางกลับไปจังหวัดอุดรธานี และนำผู้ป่วยย้ายทะเบียนราษฎร์ออกจากทะเบียนบ้านกลาง เข้าทะเบียนบ้าน ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสตูล เพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ สำนักงานอำเภอเมืองสตูล ด้านโรงพยาบาลสตูล ได้ตรวจรักษาผู้ป่วย พบว่าผู้ป่วยเป็นโรคฮีทสโตรก มีอาการแขนขาซีกขวายังอ่อนแรง และมีปัญหาด้านการสื่อสารไม่สามารถพูดออกเสียงชัดเจน โต้ตอบได้บางคำ แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ พร้อมทั้งมอบไม้เท้า 4 ขา สำหรับฝึกเดินกายภาพบำบัด

           ทั้งนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ร่วมกับศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสตูล ภายใต้ชุดปฏิบัติการด้านคนขอทานและคนไร้ที่พึ่ง ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) จังหวัดสตูล ให้ความช่วยเหลือนำส่งผู้ป่วยชาวไทยเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมทั้งประสานศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดอุดรธานี วางแผนให้การช่วยเหลือต่อไป
……………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลส่งมอบเรือของกลางคืนมาเลเซีย หลังถูกโจรกรรมมาซุกในสตูล พร้อมเดินหน้าตามหาคนผิดต่อไป

สตูลส่งมอบเรือของกลางคืนมาเลเซีย หลังถูกโจรกรรมมาซุกในสตูล พร้อมเดินหน้าตามหาคนผิดต่อไป การส่งมอบคืนในครั้งนี้เป็นการร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการแก้ปัญหาความมั่นคงทางทะเล

         วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่ด่านศุลกากรตำมะลัง จังหวัดสตูล มีพิธีส่งมอบเรือของกลางคืนให้แก่ทางการมาเลเซีย โดยนายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัด  ผอ.ศรชล.ได้มอบหมายให้  น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี

          สำหรับเรือลำนี้เป็นเรือประมงสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ KHF 818 ขนาด 38.46 ตันกรอส ถูกพบเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 โดยเจ้าหน้าที่ตรวจท่าปฏิบัติการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดสตูล พบว่าเรือลำนี้เข้ามาจอดที่อู่เรือในตำบลตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล โดยไม่ได้รายงานการเข้ามาต่อเจ้าท่าตามกฎหมาย

          จากการสอบสวนพบว่า เรือลำนี้เป็นของนายอี เทีย จาย สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งถูกโจรกรรมมาจากท่าเรือประมงกัวลาเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 และได้มีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจกัวลาเคดาห์แล้ว

          ในการส่งมอบครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดสตูลเข้าร่วม อาทิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล นายด่านศุลกากรสตูล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 9 สตูล ประมงจังหวัดสตูล และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม

          สำหรับฝ่ายมาเลเซียมีมูฮัมหมัด ไครูลานัวร์ บิน อิบราฮิม รองสารวัตรตำรวจน้ำลังกาวี รัฐเคดาห์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงรัฐเคดาห์ มารับมอบเรือ

          ทั้งสองฝ่ายได้ตรวจสอบสภาพเรือและยืนยันว่าไม่มีความเสียหายเพิ่มเติม การส่งมอบครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ทางการไทยยังเน้นย้ำว่าจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

          การส่งมอบเรือคืนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยและมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการรักษาความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน

………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

จับยาไอซ์  10 กิโลฯ ถูกซุกแกลลอนวางทิ้งไว้บนชายหาดเกาะยาว รวมมูลค่า 3 ล้านบาท

สตูล-จับยาไอซ์  10 กิโลฯ ถูกซุกแกลลอนวางทิ้งไว้บนชายหาดเกาะยาว รวมมูลค่า 3 ล้านบาท

         วันที่ 6 สิงหาคม 2567   เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสตูล พร้อมสนธิกำลังหลายฝ่ายทั้ง ตำรวจน้ำสตูล ศรชล.สตูล ทหารเรือ ตชด.436 พร้อมด้วยกำพลังทหารจากกองพันทหาราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 จังหวัดสตูล ด่านศุลกากรตำมะลัง และ ฝ้ายปกครองจังหวัดสตูล กำลังช่วยกันลำเลียงยาไอซ์ที่ถูกซุกไว้ในถังแกลลอนน้ำมัน 30 ลิตร ( สีน้ำเงิน )  2 ถัง ซึ่งพบว่าข้างในแต่ละถังมียาไอซ์ถูกแพ็กไว้อย่างละ 1 กิโลกรัม จำนวน 5 ถุง ได้ถูกนำไปวางไว้ตั้งแต่ก่อนรุ่งฟ้าสาง ใกล้ริมชายหาดในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านเกาะยาว ตำบลปูยู อำเภอเมือง จ.สตูล  ห่างจากเสาโทรศัพท์ไม่มากนัก   เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำของกลาง ยาไอซ์ทั้ง 2 แกลลอน น้ำหนัก 10 กิโลฯ ของกลางถูกควบคุมมาขึ้นเรือตรวจการณ์ของตำรวจน้ำ มาขึ้นฝั่งที่บริเวณที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ และได้นำของกลางดังกล่าวไปที่ ตชด.436 สตูล

         ด้านน.อ.แสนย์ ไทบัวเนียม  รอง.ศรชล.สตูล ได้จัดแถลงข่าวโดยมีเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมจับกุมได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว  ได้นำของกลางทั้ง 2 แกลลอนออกมาพบว่าถูกห่อหุ้มไปด้วยถุงพลาสติกที่เป็นภาษาจีน และแกะออกมา มีรหัสลับเป็นภาษาอังกฤษ เขียนคำว่า  XLP น่าจะเป็นรหัสสินค้าที่จัดส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ( มาเลเซีย และอินโดนีเซีย )  โดยทางการข่าวทราบมาว่า ยาไอซ์ล๊อตนี้มีการขนมาจากทางเหนือตอนบนของประเทศไทย ตามใบสั่ง และเลือกพื้นที่จังหวัดสตูล ฝั่งทะเลเป็นการลำเลียงออกนอกประเทศ แต่ด้วยภารกิจการสกัดกั้นคุมเข้มของทาง ศรชล.สตูล และหลายๆฝ่าย  ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติกลัวจึงได้นำมาทิ้งไว้ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม จะนำของกลางเหล่านี้นำไปตรวจสอบพิสูจน์ต่อไป ซึ่งรวมทั้งมูลค่าตีเป็นเงินไทยของยาไอซ์ล็อตนี้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท แต่ถ้าหากหลุดไปนอกประเทศจะมีราคาเพิ่มไปอีกเท่าตัว ส่วนจะโยงใยถึงคนในพื้นที่หรือว่าคนบนเกาะหรือคนสตูลรู้เห็นหรือไม่ อยู่ในกระบวนการตรวจสอบต่อไป

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

นาทีบีบหัวใจ! แม่อุ้มหนูน้อยวัย 1 ขวบ  ขอความช่วยเหลือร้านเภสัช  ช่วยลูกที่อาการชักเกร็งตาค้างอ่อนแรง  ก่อนพบต้นเหตุที่เชื่อว่า   เกิดจากองุ่นติดคอเข้าหลอดลม

นาทีบีบหัวใจ! แม่อุ้มหนูน้อยวัย 1 ขวบ  ขอความช่วยเหลือร้านเภสัช  ช่วยลูกที่อาการชักเกร็งตาค้างอ่อนแรง  ก่อนพบต้นเหตุที่เชื่อว่า   เกิดจากองุ่นติดคอเข้าหลอดลม

           เหตุการณ์รายนี้เกิดขึ้นที่ร้านขายยา  เภสัชกระติ๊บ  บนถนนยนตรการกำธร  เทศบาลตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  เมื่อ เภสัชกรหญิงณภัคมนต์ ลักษณะ  เภสัชกรร้านขายยาแผนปัจจุบัน  ชื่อร้านขายยาเภสัชกระติ๊บ  ได้โพสต์บนสื่อโซเชียล  เล่าเหตุการณ์ว่า 11 ปี  หลังจากเหตุการณ์โจรปืนปลอมมาจี้ที่ร้านยา ก็ไม่เคยมีครั้งไหน  ใจเต้นและบีบหัวใจเท่าเหตุการณ์ในวันนี้  เรียกได้ว่า “วินาทีชีวิต”   โดยเล่าว่าในช่วงเวลา 18.00 น. มีลูกค้าประจำที่ร้านขี่รถมอเตอร์ไซค์พาลูกน้อยวัย 1 ขวบ มาจอดหน้าร้าน  ได้ยินเสียงรถเบรกเสียงดัง แล้วตะโกนให้ช่วยน้องด้วยน้องชัก  “นี่ก็ตกใจมาก” แม่น้องแจ้งว่า  น้องไข้แล้วน้องชัก ” เราก็ตั้งสติ จับน้องนอนลงในคอกเด็ก แจ้งยายให้หาผ้าเช็ดตัวมาให้ด่วน ก่อนให้พ่อเด็กรีบโทร 1669 ทันที!!

 

           น้องมาด้วยอาการ ตาค้างเบิกโพลน ไม่กระพริบ ตัวอ่อนแรง ฉี่และอุจาระ ไม่ได้สติ จึงเริ่มจากการเช็ดตัว แต่พอจับตัวน้องน้องไม่ได้ตัวร้อน จึงปั๊มหัวใจ แต่ประเมินอาการแล้วน่าจะไม่ใช่อาการที่แม่น้องบอกมา

 

          จึงสอบถามแม่น้องว่า ก่อนหน้านี้ให้น้องกินอะไรมาบ้าง เพราะในใจสงสัยเรื่องอาหารติดคอ พอแม่บอกว่าองุ่นชิ้นเล็ก แม้จะชิ้นเล็กแต่เด็กวัยนี้  มีพฤติกรรมอมอาหารแล้วอาจจะสำลักเข้าหลอดลมได้ง่าย

 

           จึงไม่รอช้าลงมือจับน้องกระทุ้งทันที  นาทีนั้น  น้องตอบสนอง  ตาเริ่มกระพริบช้า เริ่มได้ยินเสียงร้องเบาๆ จากนั่นก็ทำครั้งที่ 2 เสียงเริ่มดังขึ้น ครั้งที่ 3 น้องร้องเสียงดังขึ้นกว่าเดิมตั้งคอได้  เราน้ำตาไหลในใจนี้โล่งเลย  “น้องรอดแล้วนะลูก” ประจวบเหมาะกับรถโรงพยาบาลมาถึงหน้าร้านพอดี 

             เภสัชกรหญิงณภัคมนต์ ลักษณะ  หรือ เภสัชกระติ๊บ  บอกอีกว่า  เปิดร้านยามา 12 ปี เจอผู้ป่วยวิกฤติมาเยอะแต่ไม่เคยมีครั้งไหนบีบหัวใจเท่าครั้งนี้

           เพราะเราก็มนุษย์แม่เช่นกัน ตอนนี้น้องปลอดภัยและยังคงเฝ้าดูอาการน้องต่อที่รพ.สตูล ไม่เจอกับตัวเอง  ไม่รู้เลยว่า  คำว่านาทีชีวิตมันเป็นอย่างไร  ขอบคุณตัวเองที่มีสติพอ   ขอบคุณคลิปต่างๆของพี่หน่วยปฐมพยาบาลที่เคยผ่านตา  ทำให้ได้มีความรู้ว่า  ต้องช่วยเด็กอย่างไร

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

หวิดขิต! หนุ่มสตูลเล่านาทีระทึกขณะจอดรถเฉยๆ เพื่อนร่วมทางพุ่งชนกระเด็นอัดก๊อปปี้เสาไฟฟ้า

หวิดขิต! หนุ่มสตูลเล่านาทีระทึกขณะจอดรถเฉยๆ เพื่อนร่วมทางพุ่งชนกระเด็นอัดก๊อปปี้เสาไฟฟ้า

            อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอแม้คุณจะไม่ขับรถก็ตาม  กรณีนี้เจ้าของรถบอกว่าหวิดขิตเป็นเหยื่อบนถนนยนตรการกำธร  หน้าสหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ   ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล  เขตเทศบาลตำบลฉลุงอำเภอเมือง  จังหวัดสตูล 

 

             ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลุง  กำลังเร่งเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างรถ Toyota Fortuner สีขาวทะเบียน  7641 สตูล และรถMG สีเหลืองทะเบียน   งธ 8527 สงขลา

 

          โดยก่อนเกิดเหตุนายรินทร์  เจ้าของรถ Toyota Fortuner สีขาวผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า  เวลาประมาณ 7:30 น. ( วันที่ 9 มิ.ย 67)ตนได้ขับรถมาจอดดับเครื่องบริเวณไหล่ทางที่เกิดเหตุและลงไปเอาหลักฐานที่สำนักงานสหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ จำกัด (สาขาฉลุง) เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงรถชนอย่างแรง  ถึงวิ่งออกมาดูเห็นว่ารถของตัวเองถูกอัดก๊อปปี้ไปติดกับเสาไฟฟ้าบนฟุตบาท  โดยมีรถMG สีเหลืองคันเกิดเหตุ ชนท้ายเข้าอย่างจัง  ภายในรถพบถุงลมนิรภัยทำงานและพบชายไทยวัย 35 ปี เป็นผู้ขับอยู่ในสภาพเจ็บหน้าอกแต่ยังสามารถเปิดประตูลงจากรถได้   ข้างคนขับพบชายไทยวัย 40 ปี ถูกอัดอยู่ภายในรถโดยหัวเข่าติดอัดก็อปปี้ภายในรถไม่สามารถออกมาเองได้ 

         จึงได้ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกู้ภัยร่มไทรจังหวัดสตูล  นำเครื่องตัดทางมาช่วยนำคนเจ็บออกจากรถส่งไปรักษาตัวต่ออย่างโรงพยาบาลจังหวัดสตูล 

 

          ผู้อยู่ในเหตุการณ์เจ้าของรถยังบอกด้วยว่าเส้นทางที่ผู้บาดเจ็บทั้งสองคนวิ่งมาเป็นเส้นทางตรง  ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรถึงได้ขับรถพุ่งชนรถของตนที่จอดอยู่ข้างทาง   ประเด็นการเสียหลักหรือหลับในนั้นยังไม่แน่ชัดต้องให้ทางตำรวจสอบสวนต่อไป

 

          ด้วยความเสียหายของรถยนต์ Toyota Fortuner เสียหายทางด้านหน้าที่อัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้าและด้านหลังที่รถ mg พุ่งชนท้าย  โดยขณะนี้ทางตำรวจก็เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกันต่อไป

…….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล – ตำรวจทุ่งหว้า รวบสาวรุ่นติดยา ตรวจประวัติพบคดีบัญชีม้า

 ตำรวจทุ่งหว้า รวบสาวรุ่นติดยา ตรวจประวัติพบคดีบัญชีม้า

          (20 พ.ค.67) เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งหว้า ได้เดินทางไปยังขนำในสวนยางพารา ในพื้นที่ ต.ป่าแก่บ่อหิน อ.ทุ่งหว้า จว.สตูล  ตามที่ได้สืบทราบมาพบหญิงวัยรุ่นพาเด็กอายุประมาณ 4 ปี มานั่งอยู่บริเวณขนำ สภาพเด็กน่าสงสาร นั่งหิวโหย เสื้อผ้าสกปรก ผิวหนังถูกยุงกัด โดยหญิงวัยรุ่นลักษณะคล้ายคนติดยาเสพติด  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามข้อมูล ทราบชื่อคือ นางสาวเกตุแก้ว หรือ ฟ้า (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี  ที่อยู่ ม.1 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน  จ.ตรัง ท่าทางมีพิรุธจึงได้ขอทำการตรวจค้นกระเป๋า พบ กระสุนปืน .22 จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอทำการตรวจค้นขนำ และบริเวรโดยรอบขนำ พบยาบ้า 1 เม็ด ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นใกล้กับจุดที่ น.ส.เกตุแก้ว ฯ นั่งอยู่ และพบอาวุธปืนยาว ใช้กระสุนลูกแก้ว ทำจากท่อ PVC  จำนวน 1 กระบอก ลูกแก้ว จำนวน 53 ลูก และอุปกรณ์การเสพ จำนวน 1 ชุด ภายในขนำ

       โดยกล่าวหาว่า  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต , เสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

          จากนั้นได้ตรวจสอบประวัติ พบมีหมายจับของศาลจังหวัดเลย  ในคดีเกี่ยวกับการเปิดบัญชีม้า จึงได้ควบคุมตัวมายัง สภ.ทุ่งหว้า ทำบันทึกจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป ส่วน เด็ก 4 ขวบ เนื่องจากเด็กขาดอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดหาอาหาร ขนม อาบน้ำแต่งตัวและจัดหาของใช้จำเป็นให้กับเด็ก และได้ประสานความร่วมมือกับ พม.จังหวัดสตูล และ บ้านพักเด็กจังหวัดสตูล เพื่อรับตัวเด็กคนดังกล่าวไปดูแล จากนั้น พ.ต.ท.ภนภัค ภานุเดชากฤษ สั่งการให้ชุดสืบสวน รีบนำเด็กส่งบ้านพักเด็กจังหวัดสตูลเป็นการด่วน

……………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล – เผาเรือกลางเกาะหนีความผิด

สตูลผสมกำลังเปิดปฏิบัติการยุทธการฟ้าสางอันดามัน รอบ 2   นำเรือตรวจการณ์ 3 หน่วยงานทางน้ำ ขนกำลังเกือบ 50  นาย ลงเกาะเร่งตรวจสอบเรือโดนเผา พบผู้ต้องสงสัยไหวตัวหลบหนี   

             วันที่ 24 พ.ค.2567 น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) พร้อมกำลังตำรวจน้ำสตูล ตม.สตูล ตชด 436 สตูล ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ทหารหมวดปืนเล็ก ร้อยร 5021 และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูล 48 นายสนธิกำลังตรวจสอบคดี “เผาเรือ” ที่เป็นเรือเป้าหมายน่าเชื่อได้ว่ากระทำความผิดกฎหมาย ที่เกาะยาว ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล

            โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเรือต้องสงสัย ภายใต้ยุทธการฟ้าสางอันดามัน พบเรือต้องสงสัยแล่นอยู่บริเวณน่านน้ำเกาะยาว หลังเรือจอดเทียบฝั่งที่เกาะยาว จึงเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2567 ก่อนถูกขัดขวาง เกิดการเขวี้ยงปาก้อนหินใส่เรือเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอนกำลังออก ลอยเรือตรวจสอบอยู่ภายนอกกระทั่งพบมีการถอดเครื่องยนต์เรือ เหลือแต่ตัวเรือก่อนเผาเรือไฟลุกควันโขมง ในช่วงเช้าวันที่(23 พ.ค.2567)

            จากนั้น เจ้าหน้าที่นำเรือตรวจการตำรวจน้ำ 521 เรือตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล1 และเรือตรวจการของ ศรชล. เข้าเทียบฝั่งเกาะยาว เกาะที่เกิดเหตุดังกล่าว ทางนายอำเภอเมืองสตูล มอบหมายให้ฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองสตูล และฝ่ายป้องกันจังหวัดสตูล ประสานงานกับทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ก่อนเข้าตรวจสอบพบร่องรอยสภาพเรือถูกเผาไหม้ ช่วงท้ายเรือจนเกิดรอยรั่วไม่สามารถนำเข้าฝั่งแผ่นดินใหญ่ได้

           ด้านนายยัสมี หมานสัน ผญบ.1 เกาะยาว ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล ผู้นำท้องที่อยู่ประจำบนเกาะแห่งนี้ พร้อมที่จะให้ความร่วมต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และพร้อมขึ้นไปบนฝั่งเพื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสตูล และรวมรวบรายชื่อบุคคลที่ขัดขวาง การทำงานของเจ้าหน้าที่ส่งให้ตรวจสอบ

          ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าผู้ต้องสงสัยที่เป็นเจ้าของเรือลำดังกล่าวนั้น เป็นชาวมาเลเซีย ที่มาอาศัยอยู่บนเกาะยาวแห่งนี้ และมีครอบครัว มีภรรยาเป็นคนบนเกาะยาว ทั้งคนและเรือเป็นที่น่าสงสัย พบมีประวัติทำสิ่งผิดกฎหมาย ในน่านน้ำทางทะเลของจังหวัดสตูล และจากสาเหตุการเผาเรือลำนี้ น่าเชื่อได้ว่า เจ้าของเรือกลัวมีความผิด และทางเจ้าหน้าที่ต้องการที่จะนำเรือลากไปตรวจสอบบนฝั่ง จึงเร่งเผาทำลายหลักฐาน เรือลำนี้ แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ มีฝนตกลงมาทำให้เรือเสียหายช่วงท้ายเรือเท่านั้น

         ด้าน น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) กล่าวหลังได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า เป็นปัญหาจากคนกลุ่มหนึ่งที่ ขัดขวางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยการเข้ามาในวันนี้เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในเบื้องต้นนี้ก็คือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย และคนในพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป ถือเป็นการมาเยี่ยมเยียนมาดูแลในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งก็ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการศรชล.จังหวัดสตูล เป็นการสื่อให้ผู้กระทำความผิดได้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาในวันนี้มีข้อมูลด้านการข่าวครบถ้วน

          ฉะนั้นผู้ใดที่จะกระทำผิดที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือผลประโยชน์ของชาติทางภาพรวม ก็ขอให้ยุติ เพราะจะต้องมีการดำเนินการป้องกันปราบปราม เพื่อคงสภาพผลประโยชน์ของชาติต่อไป

         สำหรับคดีนี้ ขั้นแรกเจ้าของพื้นที่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีเพราะเกิดเหตุวางเพลิง หลังจาก เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจะทำการสืบสวน สอบสวน หาคนกระทำผิดต่อไป
สำหรับเรือลำดังกล่าว เป็นหางยาวทำด้วยไฟเบอร์กล๊าซ เครื่องยนต์ติดท้ายจำนวน 2 เครื่อง ขนาดกว้างประมาณ 1.5 เมตร ยาวประมาณ 5 เมตร สีฟ้าสลับขาว โดยเรือลักษณะดังหล่าวนี้แล่นเร็ว
………………………………

อัพเดทล่าสุด