Categories
ข่าวเด่น

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

       ทันทีที่นายอับดุลเลาะห์    มานะบุตร  อายุ 19 ปี   นักศึกษาฝึกงานไทยในประเทศอิสราเอลเดินทางกลับถึงบ้านเกิด   ที่ตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  สร้างความปลาบปลื้มปิติยินดีกับทุกคนในครอบครัวที่เฝ้ารอ  ต่างโผเข้าสวมกอดการเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย   หลังเกิดเหตุโจมตีในประเทศอิสราเอล  ซึ่งเมืองอีดานเป็นเมืองที่น้องอับดุลเลาะห์อาศัยอยู่  ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กิโลเมตร 

       จากเหตุการ์สงครามในครั้งนี้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล  นำทีมวันโฮม  ของกระทรวง พม. โดยนายแก้วกฤษกร  โภคะนาคินธร์  หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล   พร้อมนายกอบต.ฉลุง ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำหลายฝ่ายต่างมาให้กำลังใจ เยี่ยมเยียนสอบถาม และยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากมีความต้องการ  พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ให้กับครอบครัวน้องอับดุลเลาะห์  พร้อมรับฟังปัญหาขณะที่อาศัยอยู่ที่ดังกล่าว

      โดยนายอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  ได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองอีดาน  ประเทศอิสราเอล ร่วม 3 เดือน เพื่อฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส ส่งตัวไปตามโครงการสหกิจศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรประเทศอิสราเอล  ระยะเวลากำหนดคือ 10 เดือน โดนมีเพื่อนเดินทางไปร่วมฝึกงานในครั้งนี้ด้วย 30 คน โดยแต่ละคนจะกระจายกันตามฟาร์มต่างๆ แห่งละ 2  คน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์จะมีเวลาเรียน 1 วัน ที่เหลือคือภาคปฏิบัติ อยู่ในฟาร์มเกษตร เก็บผลผลิตทางการเกษตร อาทิ เมล่อน พริกหยวก  พริกหวาน อยู่ในฟาร์มวันละ 8 ชม.โดยได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท โดยการฝึกงานในครั้งนี้ก็มีเพื่อนจากภาคอีสานของไทย มาร่วมฝึกด้วยเช่นกัน

       นายอับดุลเลาะห์    เล่าต่อว่า  หลังเกิดสงครามที่ดูจะยืดเยื้อ เกือบทุกวันจะเห็นเครืองบินบินผ่านไปมา และเสียงระเบิดก็ได้ยินดังสนั่นมาถึงตนที่อยู่อาศัย  และไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะลามมาถึงที่ตนอาศัยเหรือไม่  การกลับมาในครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาสเป็นคนประสานให้นักศึกษาฝึกงานกลับทันทีทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บ อาจจะเสียขวัญบ้างแต่ปลอดภัยดี  และคิดว่าไม่กลับไปที่อิสราเอลอีกแล้ว  แต่จะนำความรู้ด้านการเกษตรมาปลูกเมล่อนเองที่บ้าน   

         ด้านนางไซหนับ  มานะบุตร  แม่ของน้องอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  คัดค้านโดยตลอดไม่อยากให้ลุกไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เพราะเป็นห่วงทราบข่าวตลอดว่ามีเหตุการณ์สงครามบ่อยครั้ง  แต่ห้ามลูกไม่ได้เพราะทางโรงเรียนก็บังคับให้ไป และลูกก็อยากไป  เพราะอยากหาเงินมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว  ทันทีที่มีเหตุติดต่อกับลูกตลอดให้รีบกลับมาบ้านเรา เพราะดูแล้วเหตุการณ์จะยืดเยื้อ และคิดว่าคงไม่ให้กลับไปอีก   ตอนนี้ยังมีบุตรสาวอีกคนเรียนอยู่ที่อียิป แต่โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์สงครามเหมือนอิสราเอล 

        สำหรับจังหวัดสตูลมี แรงงานไทยเดินทางไปทำงานทีประเทศอิสราเอล 1 คนยังเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้  และนักศึกษาฝึกงาน  1 คน ที่เดินทางกลับมาถึงแล้ว

…………………………………

     

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

         ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ระดมกวาดล้างจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนทั่วประเทศ  ระหว่าง 9-11 ต.ค.2566 โดยให้ทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่รับผิดชอบ  โดยให้ทำการสืบสวนหาข่าว  กำหนดจุดเป้าหมาย  ที่จะทำการตรวจค้น  ดำเนินการให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

        ทางการสืบสวนทราบว่า ชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงปืนบ่อยครั้ง บริเวณป่าต้นปาล์ม แถวปากคลองก่อนจะออกสู่ทะเล  จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนแหล่งที่มาของเสียงปืน ทราบว่า น่าจะกรณีชายไทย 2 คน อาศัยอยู่ที่เพลิงพักไม่มีเลขที่ ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล และมีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

        ก่อนบูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน โดย พ.ต.อ.เอกณัฏฐ์ เหลืองแดง ผกก.สภ.ละงู, พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล, พ.ต.อ.อภิวัฒน์ ชินภูมิวสนะ ผกก.3 บก.ทท.3, พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 กองบังคับการปราบปราม  ร่วมส่งกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจุดเป้าหมาย

        โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ขนำไม่มีเลขที่ (บริเวณบ่อเลี้ยงปู )  ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล พบชายไทย 2 ราย ตามที่ได้ทำการสืบสวนมา คือ นายธีรพัฒน์  อายุ 45 ปี และ นายวีระพล  อายุ 33 ปี (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุเห็น นายหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณเพิงพักและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ 

         ขณะที่ นายวีระพล  ได้หยิบปืนลูกซอง วิ่งหลบ หนีไป  ระหว่างวิ่งหนีได้โยนปืนลูกซองทิ้ง แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวไว้ได้  จากนั้นได้นำตรวจค้นบริเวณสถานที่เกิดเหตุ  พบปืนลูกซองยาว (เดียว) จำนวน 1  กระบอก, อาวุธปืนลูกซองออโต้ ขนาด 5 นัด ยี่ห้อ Ramington จำนวน 1 กระบอก, ปืนยาวชนิดอัดลม (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก, ปืนพกสั้น ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนชนิดต่าง ๆ 135 นัด วางเกลื่อนตามจุดต่าง ๆ , ยาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาบ้า) จำนวน 12  เม็ด  และของกลางอีกหลายรายการ เช่น ซองพกปืน, อุปกรณ์ทำความสะอาดปืน, เข็มขัดบรรจุกระสุนปืน, ปลอกกระสุนปืน (ผ่านการยิงแล้ว) จำนวน 66 ปลอก

          ยิ่งกว่านั้นทราบว่า นายวีระพล  เคยถูกจับกุมได้รับโทษจำคุกในเรื่องของอาวุธปืนมาก่อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเคยใช้ขับรถแหกด่านตรวจในพื้นที่ จว.สตูล เพื่อทำการตรวจสอบ   จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจปัสสาวะที่ โรงพยาบาลละงู พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ   เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำบันทึกจับกุมนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลที่เกี่ยวข้อง

          แจ้งว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธ และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) .,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) ”

————————————————

     

Categories
ข่าวเด่น

ป.ป.ช.สตูล ลงตรวจสอบถนนพัง หาคำตอบให้ชาวบ้าน  ด้านผู้รับเหมาเร่งซ่อม  คาดเสร็จภายในเดือนนี้

ป.ป.ช.สตูล ลงตรวจสอบถนนพัง หาคำตอบให้ชาวบ้าน  ด้านผู้รับเหมาเร่งซ่อม  คาดเสร็จภายในเดือนนี้

       วันที่ 5 ต.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ห้องประชุม ชั้น 4 อบจ.สตูล  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดสตูล หรือ (ป.ป.ช.) โดยนายธนกฤต  เลิศวิริยวรางกูร   ผอ.ปปช.สตูล  นำคณะเข้าพบนายสัมฤทธิ์   เลียงประสิทธิ์  นายกฯ อบจ.สตูล และส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังการชี้แจง  กรณี สื่อโซเชียล ได้นำเสนอข่าว ถนนในพื้นที่โครงการ  ปรับปรุงถนนผิวจราจรลาดยาง พาราแอสฟัลท์ คอนกรีต  รหัสทางหลวงท้องถิ่น สาย สต.ถ.1-002  บ้านควนเก-บ้านอุไดเจริญ  ของ อบจ.สตูล  มีสภาพพัง  เป็นหลุมเป็นบ่อ ก่อนนำคณะลงตรวจสอบพื้นที่จริง พบสภาพถนนชำรุด  รวม 6 จุด  พื้นที่ต้องซ่อมแซมประมาณ  1060 ตร.เมตร  จากพื้นที่ก่อสร้างระยะทาง 5 กม.เศษ     

       ด้าน  นายสัมฤทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายก อบจ.สตูล  ชี้แจงว่า   ถนน ควนเก – อุใดเจริญ ที่เพจหมาเฝ้าบ้าน ได้ลงไว้  จริงๆแล้วผู้รับเหมาทำเสร็จไปเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว  ระยะเวลาประกันสัญญาคือ 2 ปี  เมื่อถนนชำรุด อบจ. เองก็แจ้งให้ผู้รับเหมารับทราบ  และให้มาซ่อมแซม   ซึ่งขณะนี้เขาก็กำลังซ่อมแซมให้อยู่  คาดว่าภายในเดือนนี้น่าจะแล้วเสร็จเพราะมันไม่ได้เสียทั้งสาย  เสียหายเป็นช่วงๆ  โดยซ่อมเฉพาะส่วนที่เสียก็ต้องเรียนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ถนนผ่านหน้าอบจ.ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย  ก็แจ้งให้ผู้รับเหมามาดำเนินการซ่อมแซมอยู่ตลอด  แต่เนื่องจากว่าเป็นช่วงฝนและปัจจัยหลายอย่างยังไม่ค่อยสะดวกต้องให้ฝนแล้ง     

      ส่วนเรื่องคูระบายน้ำตอนนี้ก็พยายามจะดำเนินการให้   เพื่อไม่ให้น้ำจากควนบ่าลงมาบนถนน   เพราะถ้าน้ำไหลบ่าลงมาถนนก็จะไม่ทนทานหากมีคูรับน้ำ ไม่ให้น้ำล้นพาดผ่านถนนก็น่าจะดีขึ้น   ก็ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย

 

         ด้าน  นายธนกฤต  เลิศวิริยวรางกูร   ผอ.ป.ป.ช.สตูล กล่าวหลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า   เรื่องนี้เรารับรายงานจาก  เพจหมาเฝ้าบ้าน  เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม  2566  วันนี้ทางสำนักงาน ปปช.ก็ได้ลงมา พบหน่วยงานเจ้าของโครงการ   จากการลงพื้นที่มีประเด็นปัญหาว่า  โครงการก่อสร้างมาประมาณสองปี  ได้เกิดความชำรุดเสียหายเป็นที่สงสัยของพี่น้องประชาชน    จากการลงมาในพื้นที่ทางผู้รับจ้างได้มาซ่อมแซม  เพราะว่าโครงการนี้อยู่ในช่วงก่อนคืนประกันหลังสัญญานี้   

 

      ทั้งนี้เท่าที่สอบถามเค้าใช้แบบของทางหลวงชนบท  ในสภาพพื้นที่ตามที่สื่อได้นำเสนอพบมีความชำรุดเสียหายซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนของการซ่อมแซม  ที่ดูแล้วเป็นเหตุนึงด้วยสภาพในเรื่องของการระบายน้ำก็อาจจะมีส่วน    ในส่วนของ ปปช.ก็ต้องไปประมวลข้อเท็จจริงอีกครั้ง ว่าความเสียหายดังกล่าวนี้เกิดจากสาเหตุใด

 

         โอกาสนี้   ทาง ป.ป.ช.สตูล  ได้แนะนำในส่วนของหน่วยงานเรื่องการทำความเข้าใจกับภาคประชาชนว่าลักษณะที่เกิด  หน่วยงานได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง   กำหนดการแล้วเสร็จเมื่อไหร่   ให้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นป้ายจำกัด  ในเรื่องของน้ำหนัก   ความเร็ว   แม้กระทั่งป้ายที่จะเป็นประโยชน์  เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีความปลอดภัย

………………………..

     

Categories
ข่าวเด่น

สตูล  ช่วยเหยื่อพายุฝนกระหน่ำ  ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน  โชคดีไร้คนเจ็บ

สตูล  ช่วยเหยื่อพายุฝนกระหน่ำ  ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน  โชคดีไร้คนเจ็บ

           พันตรี ยุทธนา เจ้าดูรี  นายอำเภอควนโดน  พร้อมนายซะรี่ย์อะซีร  นุ่งอาหลี   นายกอบต.ควนสตอ  กำนัน ผญบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย  บ้านเรือนของชาวบ้าน รวมทั้งอาคารในบริเวณมัสยิด  พบลมได้พัดกรรโชกแรง   ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุ 50 ปี  โค่นล้มทับ  หลังคาอาคารเก็บของ  แตกเสียหาย  โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ  ส่วนตัวอาคารที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนายังสมารถใช้การได้ 

         นอกจากนี้ยังพบบ้านเรือนชาวบ้าน  ที่ได้รับผลกระทบอีกรวม  14 หลังคาเรือน  

          นายอีด   จางวาง  อายุ 62 ปี ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจาก วาตภัย ในครั้งนี้   เล่าว่า นาทีที่ลมมาน่ากลัวมาก ความแรงลม  ทั้งฝน  พัดนานรวม 1 ชม.ก่อนสร้างความเสียหาย  ให้หลังคาบ้านตน  

          ว่าที่พันตรี ยุทธนา เจ้าดูรี  นายอำเภอควนโดน   กล่าวว่า ทางจังหวัดสตูลเน้นให้ความช่วยเหลือทันที เมื่อชาวบ้านเกิด  ประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ  การลงพื้นที่ในครั้งนี้  เพื่อสำรวจและให้ความช่วยเหลือ ส่วนพื้นที่ความเดือดร้อนจุดไหน   ที่เจ้าหน้าที่ยังไปไม่ถึง  สามารถประสานทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกฯในท้องที่รับผิดชอบได้เลย  ซึ่งพายุฝนที่พัดแรงกระหน่ำเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ยังส่งผลให้หม้อแปลงของอำเภอควนโดนระเบิด จนกระแสไฟฟ้าดับด้วย   สำหรับความเดือดร้อนในอำเภอควนโดน 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน 750 ครอบครัว 1,600 คน  

        สำหรับสถาการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนโดน  อำเภอท่าแพ และอำเภอเมืองสตูล  น้ำได้ลดระดับลงแล้ว  หลังฝนทิ้งช่วงนาน    มีเพียงบางจุดพื้นที่ต่ำเท่านั้น   ที่กำลังรอน้ำระบายออก

…………………….

     

Categories
ข่าวเด่น

น้ำท่วมย่านเศรษฐกิจ ตลาดเทศบาลฉลุง น้ำทะลัก ขณะที่พายุฝนกรรโชกแรง

น้ำท่วมย่านเศรษฐกิจ ตลาดเทศบาลฉลุง น้ำทะลัก ขณะที่พายุฝนกรรโชกแรง

         น้ำที่สะสมจากฝน  ที่ตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน  ในพื้นที่จังหวัดสตูล  ล่าสุดวันนี้ 27 ก.ย. 2566 ปริมาณน้ำที่สะสมได้ไหลทะลักเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจ  ตลาดในเขตเทศบาลตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  โดยน้ำจากคลองฉลุง  ที่ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน  ร้านค้า  และตลาด ซึ่งเป็นมวลน้ำที่สะสมมาจากคลองดุสน ไหลลงสู่ที่ต่ำเพื่อออกสู่ทะเล

       โดยพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่พบว่าเป็นพื้นที่ใกล้ลำคลองและตลิ่ง  มวลน้ำที่สะสมหลายวัน  ทำให้เอ่อล้นท่วมบ้านเรือน พืชสวนไร่นา   และในบ่ายวันนี้ลมพายุฝนได้กรรโชกอย่างแรงตกซ้ำ  ยิ่งส่งผลให้มวลน้ำกระจายวงกว้างอีก 

        และเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา  ระดับน้ำได้เข้าทะลักพื้นที่ ต.ควนโดน ต.ย่านซื่อ ของอำเภอควนโดนแล้ว  โดยทางด้านกำลังพล ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 436 ได้ออกช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง  ในพื้นที่เสี่ยงริมน้ำ  เพื่อลดความเสียหาย 

       สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดสตูล ขณะนี้ท่วมแล้ว 3 อำเภอ  อำเภอเมือง อำเภอควนโดน และอำเภอท่าแพ  ส่วนความเดือดร้อนขณะนี้สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสตูล  รายงานว่า  ได้รับผลกระทบ 40 ครัวเรือน  123 คน อยู่ระหว่างสำรวจ เนื่องจากฝนยังตกหนักและต่อเนื่องในขณะนี้

……………………………………….

     

Categories
ข่าวเด่น

ชาวเลเกาะหลีเป๊ะยังคงเดือดร้อน แม้บางจุดน้ำจะลดเกือบแห้งแล้ว แต่ยังคงมีบางจุดที่น้ำยังท่วมขัง หลังน้ำยังคงระบายลงทะเลไม่หมด

ชาวเลเกาะหลีเป๊ะยังคงเดือดร้อน แม้บางจุดน้ำจะลดเกือบแห้งแล้ว แต่ยังคงมีบางจุดที่น้ำยังท่วมขัง หลังน้ำยังคงระบายลงทะเลไม่หมด

      วันที่ 12 กันยายน 2566 ระดับน้ำในหลายจุดที่ท่วมขังติดต่อมากันหลายวันบนเกาะหลีเป๊ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ขณะนี้ลดระดับลงเรื่อย ๆ หลายจุดเริ่มแห้งแล้ว หลังทางด้านนายพีรพัฒน์ เงินเจริญ นายอำเภอเมืองสตูลสั่งการให้มีการเร่งระดมเครื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ชั้นในที่ท่วมชังบ้านเรือนชาวเลออก อย่างเร่งด่วน ใน 5 ชุมชน

         แต่ยังคงมีบางชุมชนอย่าง ชุมชนกรือโป๊ะ ของชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เป็นทางผ่าน ไปมาของนักท่องเที่ยวอยู่ด้านในกลางเกาะ และเป็นหมู่บ้านชาวเล ก็ยังพบมีน้ำที่ยังท่วมขัง รอการช่วยเหลือด้วยเช่นกัน โดยชาวบ้านบอกว่า ลักษณ์ปัญหาของเกาะหลีเป๊ะ เมื่อฝนตกหนักติดต่อกันอย่างวัน ปริมาณน้ำที่ท่วมขังไม่สามารถจะออกจากเกาะได้เพราะไม่มีช่องทางระบายน้ำออก เนื่องจากลำรางถูกปิดทับก่อสร้าง โดยมีการอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายเร่งดำเนินคดีในชั้นศาลถึงการได้มาและการครอบครองสิทธิ์ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากต่อเนื่องยาวนาน จากน้ำฝนเป็นน้ำเน่าในที่สุดหากไม่ช่วยกันสูบน้ำที่อยู่กลางเกาะออก

………………………………………………………..

     

Categories
ข่าวเด่น

ด่วน  น้ำท่วมชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ   เร่งขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มหลังฝนไม่มีท่าทีจะหยุดตก

ด่วน  น้ำท่วมชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ   เร่งขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มหลังฝนไม่มีท่าทีจะหยุดตก

        วันที่ 10 .. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   นาทีที่ฝนตกหนักและปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมหลายชุมชนชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะขณะนี้กำลังสร้างความเดือดร้อน  หลังฝนยังไม่มีท่าทีจะหยุดตก

      ซึ่งฝนที่ตกหนักและต่อเนื่องในหลายพื้นที่จังหวัดสตูลขณะนี้ได้ส่งผลกระทบแล้ว  โดยเฉพาะชาวบ้าน  (ชาวเลอูรักลาโว้ย) ที่อาศัยอยู่  หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 8  บนเกาะหลีเป๊ะ  ตำบลเกาะสาหร่าย   อำเภอเมืองสตูล  ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักและต่อเนื่องจนไม่สามารถจะระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทัน  ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมชุมชนชาวเลอูรักลาโว้ย  อาทิ  ชุมชนอุเส็น  ชุมชนสิเข่ง   และชุมชนตุโป๊ะซึ่งพบว่าได้รับความเดือดร้อนหนักสุดบางจุดระดับน้ำลึกถึงเอวนั้น

         นายเดชณรงค์   อยู่กลาง    ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลเกาะสาหร่าย .สตูล    เปิดเผยว่า   ฝนได้ตกหนักขณะนี้ส่งผลให้น้ำท่วมหลายชุมชนบนเกาะหลีเป๊ะซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุดตก  ซึ่งทางนายพีรพัฒน์    เงินเจริญ    นายอำเภอเมืองสตูล  ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านและฝ่ายปกครองได้ช่วยกันนำเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำออกลงสู่ทะเล   จาก 3 เครื่องพบว่าเครื่องได้เสียจำนวน 1 เครื่องได้ประสานผ่านทางอบต.เกาะสาหร่ายในการจัดหาเครื่องสูบน้ำเพิ่มไปแล้ว   โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจะเป็นชุมชนตุโป๊ะ  เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างระดับน้ำบางจุดลึกถึงเอว  ขณะที่ชุมชนอุเส็นและสิเข่ง หลายจุดลึกระดับเข่าการสัญจรไปมายากลำบาก

      ขณะที่ตามเส้นทางถนนคนเดินหลายจุดระดับน้ำได้ตัดผ่านรวมทั้งที่พักของผู้ประกอบการบางรายได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักและน้ำท่วมขังในขณะนี้ด้วยเช่นกัน

…………………………..

  (ขอบคุณภาพ  จาก ผุ้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง

     

Categories
ข่าวเด่น

 สตูลท่วม 4 ตำบล สวนผลไม้จมใต้น้ำ  ทั้งที่กำลังให้ผลผลิต   ด้านทหารเข้าช่วยเหลือฟาร์มหอยจากคลื่นลมแรง   

สตูลท่วม 4 ตำบล สวนผลไม้จมใต้น้ำ  ทั้งที่กำลังให้ผลผลิต   ด้านทหารเข้าช่วยเหลือฟาร์มหอยจากคลื่นลมแรง 

        วันที่ 5 ก.ย.2566  สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสตูลยังคงทรงตัว  เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เข้ามาเติมเป็นระยะ  ล่าสุดกระทบแล้วพื้นที่  ต.ละงู  ต.เขาขาว  ต.แหลมสน และ ต.ปากน้ำ   4 ตำบลในอำเภอละงู   โดยขณะนี้น้ำได้ส่งผลให้พืชสวนไร่นาของเกษตรกรที่กำลังให้ผลผลิต  อย่างเงาะ  ลองกอง  มังคุด สวนผสมของเกษตรกรที่กำลังรอเก็บผลผลิตออก  ได้ต้องจมอยู่ใต้น้ำ  การเก็บเกี่ยวมีความยากลำบาก  ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งตัวต้นไม้ผล  และรายได้ของเกษตรกรแล้ว

      เหมือนอย่างเช่นเกษตรกรในพื้นที่ หมู่ที่ 11 บ้านห้วยพร้าว อำเภอละงู  ที่กำลังได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้

        ส่วนด้านทหารหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะหลีเป๊ะ  ได้เข้าช่วยเหลือกระชังหอยแมลงภู่ของเกษตรกรหมู่ที่ 2 ตำบลแหลมสน  อำเภอละงู  ที่ถูกความแรงลมและคลื่นพัดให้เสาสมอขาดหลุดลอย  เพื่อลดความเสียหายให้เกษตรกรผู้เลี้ยงฟาร์มหอยแมลงภู่

       ขณะที่ระดับน้ำที่ท่วมในโรงเรียนบ้านดาหลำ  ต.เขาขาว  และโรงเรียนบ้านท่ายาง  ต.ปากน้ำ อ.ละงู  ขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัว  ขณะที่ฝนยังคงตกกระจายไปทุกพื้นที่    

……………..

Categories
ข่าวเด่น

 ด่วน! สตูล  ดินหินภูเขากลางทะเลเกาะอาดัง   สไลด์ทับบ้านพักนักท่องเที่ยว และบ้านพักเจ้าหน้าที่ โชคดีไร้คนเจ็บ 

ด่วน! สตูล  ดินหินภูเขากลางทะเลเกาะอาดัง   สไลด์ทับบ้านพักนักท่องเที่ยว และบ้านพักเจ้าหน้าที่ โชคดีไร้คนเจ็บ 

         วันที่ 5  กันยายน  2566  สถาณการณ์น้ำในพื้นที่ของอำเภอละงู   จังหวัดสตูล   ประชาชนยังคงได้รับผลกระทบฝนตกตลอด  รวมทั้งวันนี้   โดยได้รับผลกระทบแล้ว  5 ตำบล คือ ต.กำแพง ต.ละงู  ต.เขาขาว ต.ปากน้ำ และ ต.แหลมสน 

         น้ำยังคงไหลเข้าท่วมในบางพื้นที่  ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มต่ำได้แก่  บริเวณถ้ำจระเข้ หมู่ที่ 10 บ้านปากปิง  ตำบลกำแพง   โดยในพื้นที่ตรงนี้  ใช้เรือท้องแบนที่ทางอบต.เตรียมไว้ในการใช้สัญจรเข้าออก มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ  7 ครัวเรือน ทีมทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  อบต.กำแพง ต้องล่องเรือนำน้ำดื่ม เอาอาหารไปส่ง

         ขณะที่บนเกาะอาดัง  กลางทะเล   ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา   จากฝนตกหนักติดหนักติดต่อกันหลายวัน   ส่งผลให้เกิดดินสไลด์  โดยก้อนหินขนาดใหญ่  จากผาชะโด  ดินโคลนสไลน์ไหลลงมาทับบ้านพักของเจ้าหน้าที่เสียหาย 1 หลัง และ บ้านพักนักท่อเที่ยว 1 หลัง    โดยดินโคลนและก้อนหินมหึมา  สไลด์ทับ พังประตูกระจก  โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ   ซึ่งช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  ทางสำนักงานอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้ประกาศปิดอุทยานที่พักบนเกาะอาดัง มาหลายวันแล้ว  จึงไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม   

          ด้านนายนเคนทร์   กวีธนาธรรม   ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า   ทางนายมงคล  แดงกัน  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา สั่งกำชับและเป็นห่วงเป็นใย  เจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่บ้านพักบริเวณเชิงตีนเขา ให้หาที่อยู่ห่างไกล และเฝ้าระวังดูแลตนเอง ยามฝนตกหนักต้องออกห่างพื้นที่ใกล้บริเวณดังกล่าวทันที  ส่วนภาพรวมความเสียหาย ทางหัวหน้าชุดปฏิบัติการบนเกาะอาดัง กำลังเร่งประเมินความเสียหายอยู่ในขณะนี้ 

………………………………………………..

ขอบคุณภาพ : อช.ตะรุเตา

Categories
ข่าวเด่น

 ร้านขายขนมปังชาไทยในจังหวัดสตูล   ตกใจชื่อเมนูอาหารถูกอ้างจดสิทธิบัตร

คืบหน้า  ปลอดภัยแล้วชาวมาเลเซีย 30 ชีวิตพายเรือคายัคข้ามแดนจากลังกาวีมาไทยหลังเจอคลื่นซัด

         จากกรณีดราม่า   ปังชา  ที่เป็นกระแสในโซเซียล  จากร้านอาหารแห่งหนึ่งได้จดสิทธิบัตร ไม่ให้ทำซ้ำหรือลอกเลียนแบบจนเกิดกระแสทักท้วง ว่าน้ำแข็งไสราดชาไทยนั้นมีขายมานานแล้ว  มีการจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร  อ้างเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวได้ด้วยหรือไม่นั้น

         หลายร้านในพื้นที่จังหวัดสตูลที่มีเมนูคล้ายกันแล้วแต่จะเรียกว่า   น้ำแข็งไส หรือ บิงซู  การตกแต่งหน้าตาอาจจะแตกต่างกันออกไป   ต่างพากันงงว่า  สรุปเมนูเหล่านี้สามารถจดสิทธิบัติได้ด้วยหรือ  แล้วเมนูของพวกตนที่มีการคิดค้นเพิ่มสูตร  ที่แตกต่างสามารถจดสิทธิบัตรได้หรือไม่  หรือว่าพวกตนต้องไปจดสิทธิบัติ  แล้วถ้าเรามีเมนูที่คล้ายกันแล้วคนอื่นไปจดสิทธิบัตรก่อน  เราจะมีความผิดหรือไม่  เกิดคำถามหลากหลาย  หลังมีตัวอย่างการถูกเรียกเก็บค่าสิทธิบัตร  ในร้านที่ตกเป็นข่าวในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และร้านในจังหวัดเชียงราย ที่เจ้าของสิทธิบัตรเรียกความเสียหายถึง 102 ล้านบาท

          นางสาวหนึ่งฤทัย  เสียงแก้ว  เจ้าของร้านบาร์นม 55 ยอมรับว่าตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น  แล้วกลับมาดูภายในร้านเราเอง  มีแต่เมนูบิงซู   ซึ่งก็มั่นใจว่าร้านเราไม่ได้ลอกเลียนแบบร้าน ปังชา  ที่จดสิทธิบัตรมาแต่อย่างใด   ภาชนะที่ใส่เป็นแก้วใส แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีการฟ้องร้องร้านเล็ก ๆในต่างจังหวัด  เพราะตนก็เป็นหนึ่งในลูกค้าที่เคยไปกินที่ร้าน ปังชา ไก่ทอง ที่กทม.เพราะมูลค่าการจัดตกแต่งร้าน ภาชนะที่เขาเลือก   รวมทั้งวัตถุดิบที่แปลกและแตกต่าง  ไม่น่าจะมีใครไปลอกเลียนแบบเพราะมีความยาก

           ขณะที่นางสาวณิชากร   จินดานุ   หรือ คุณเตี๊ยบ   เจ้าของร้านบัวลอยจงเจริญ(สาขาสตูล)  เปิดเผยว่า  เมื่อเห็นข่าวครั้งแรกก็ตกใจรีบมาดูเมนูภายในร้าน  ว่ามีเมนูไหนที่ไปลอกเลียนแบบเขามาหรือไม่  เพราะทางร้านมีมากกว่า 100 เมนู โดยทางร้านมีเมนูแนะนำ คือ  ปังเย็นจงเจริญ  ปังเย็นบัวลอยเลือกน้ำได้ อาทิ ชาไทย โกโก้ นมสด นมชมพู  ปังเย็นนมสดภูเขาไฟ ซึ่งเปิดขาย 5 สาขา ชื่อเมนูก็จะคล้ายกันกับร้านทั่วไปเพราะลูกค้าจำและเรียกได้ง่าย   และยิ่งมาเกิดคำถามว่าหากมีใครไปจด หรือว่า  เราต้องจดสิทธิบัตรหรือไม่  เพราะเมนูหลักของเราส่วนใหญ่มี   บัวลอย  เป็นส่วนประกอบเกือบทุกเมนู  หรือว่าใครเกิดไปจดสิทธิบัตร  คำว่า  ไอติม  แล้วจะทำอย่างไร

         ซึ่งวันนี้ก็กลับมาดูว่าเราเผลอไปใช้ภาชนะที่เหมือนหรือใกล้เคียงเขาหรือไม่  ซึ่งในประเด็นนี้ทางร้านยอมรับว่า  ต้องคอยศึกษาหาข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเหมือนร้านที่ถูกคดี  พร้อมเห็นว่า  ไม่คาดคิดว่าจะมีการฟ้องร้องร้านเล็ก ๆในต่างจังหวัด   เพราะเมนูอาหารก็ทำกันมานานมีส่วนผสมและชื่อก็จะคล้าย ๆ กัน

………………………………….