Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

“ตาแปแยะ”  ขนมรับแขกบ้านแขกเมือง สูตรเข้มข้นฝีมือแม่บ้านชายแดนไทยมาเลเซีย

สตูล – “ตาแปแยะ”  ขนมรับแขกบ้านแขกเมือง สูตรเข้มข้นฝีมือแม่บ้านชายแดนไทยมาเลเซีย ขนาดประเทศต้นตำรับยังแห่ซื้อเป็นของฝาก หาทานยากมีที่ชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง จ.สตูล

           ที่จังหวัดสตูล  จะพาไปรู้จักขนมพื้นถิ่นที่หาทานยาก  ขนมที่มีลักษณะคล้ายข้าวเกรียบทอด แต่มีถั่วลิสงตกแต่งบนหน้าและมีปลาจิ้งจั้ง  ชาวบ้านเรียกขนมนี้ว่า  “ตาแปแยะ” เป็นชื่อเรียกภาษามลายูแปลว่าเครื่องเทศเยอะ

 

          ที่หมู่บ้านริมชายฝั่งตำบลตำมะลัง หมู่ที่ 3 อำเภอเมืองสตูล (ชายแดนไทยมาเลเซีย)  ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านนางยาตี  นาวา อายุ 46 ปี  สมาชิกวิสาหกิจชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง  พร้อมด้วยทุกคนในครอบครัวกำลังเร่งมือทำขนมพื้นเมือง  ตาแปแยะ  เพื่อให้ทันตามออเดอร์ของลูกค้า 

 

         โดยส่วนผสมของขนมชนิดนี้ประกอบไปด้วย  แป้งข้าวเจ้าผสมกับไข่ไก่  น้ำปูนใสสะอาด  พริกแห้งบดละเอียด  เครื่องเทศ พริกไทย ข้าวเล็กๆ ข้าวใหญ่นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้ากันแล้วตักใส่พิมพ์แต่งหน้าด้วยถั่วลิสง และปลาจิ้งจั้ง นำมาทอดในน้ำมันที่ร้อนกำลังดี  โดยการทำขนมในแต่ละครั้งจะใช้ส่วนผสมครั้งละ  7 กรัมเมื่อหมดก็จะปรุงขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้ขนมที่มีคุณภาพดี

 

        การทำขนมครั้งละ 7 กรัมจะได้ขนมประมาณ 5-6 ถุง (ถุงละ 35 ชิ้น) ขายราคาถุงละ 50 บาท โดยวันนึงจะทำ 2 รอบเป็นธุรกิจในครัวเรือน  มีลูกสาวและสามีของนางยาตี มาช่วยทอดและสามารถทำงานแทน  ฝีมือไม่แพ้คุณแม่เลย

            นางยาตี  นาวา เจ้าของสูตรขนมตาแปแยะ  บอกว่า  ขนมนี้ทำขายเป็นอาชีพที่สองของครอบครัว รองจากขายโรตีอาหารเช้าและอาหารเย็น   ซึ่งจริงแล้วสูตรขนมได้มาจากเพื่อนอีกทอดหนึ่ง  ที่ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียเมื่อ 8 ปีที่แล้วมาปรับสูตรให้เข้มข้นทำขายตามออเดอร์   เป็นขนมพื้นเมืองที่ทำขายทานเจ้าของในตำมะลัง  ส่งขายให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทยมาเลเซีย

 

            และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ต่างชาติที่มาเที่ยวชุมชนตำมะลังได้ชิมลิ้มรสชาติที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศได้รสชาติเฉพาะตัว ของถั่วลิสงและปลาจิ้งจั้งที่อร่อยกรอบ เป็นของฝากและของทานเล่น   จะขายดีในช่วงเดือนฮารีรายอ  มีออเดอร์เข้า 200 ถึง 400 ถุง  สนใจโทร.0949615776 ,0950251108

 

          นางสาวรุ่งญาดา  เจริญทรัพย์  เลขาวิสาหกิจชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง บอกว่า  ทุกครั้งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวชุมชนจะนำกลุ่มแม่บ้านไปทำโชว์และชิมกันเลย ได้รับความสนใจกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หลายคนติดใจซื้อเป็นของฝากกับไปจำนวนมาก โดยเฉพาะต้นกำเนิดของขนมที่มาจากมาเลเซีย เมื่อมาชิมสูตรใหม่ของไทยหลายคนติดใจกันเป็นแถว 

………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

สตูลกลุ่มธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  ต่อยอดสินค้าชุมชนสู่การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกอาหารท้องถิ่นสร้างรายได้เพิ่ม หลังพบปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง

สตูล-กลุ่มธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  ต่อยอดสินค้าชุมชนสู่การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกอาหารท้องถิ่นสร้างรายได้เพิ่ม หลังพบปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง

          ที่ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  หมู่ที่ 1 ตำบลสาคร  อำเภอท่าแพ  จังหวัดสตูล  โดยชาวบ้านได้เข้าร่วมโครงการนวัตกรรมธนาคารปูม้าสู่การจัดการทรัพยากรชายฝั่งตามแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในจังหวัดสตูล โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ในการส่งเสริมอาชีพและการจัดการทรัพยากรชายฝั่งที่ยังยืน

 

         นายดาด  ขุนรายา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 (ปธ.ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น)  บอกว่า  จุดเริ่มต้นมาจากชุมชนได้ทำธนาคารปูม้า  ที่มีชาวประมงพื้นบ้าน 20 คน  มาร่วมกันเป็นสมาชิก โดยทุกคนได้เล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากร ของการ ดำเนินการโครงการฯ  และได้รับการสนับสนุน ภายใต้โครงการนวัตกรรมธนาคารปูม้า สู่การพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งตามแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในจังหวัดสตูล   โดยมี ผศ.ดร.ทัศนภา ว่องสนั่นศิลป์  เป็นหัวหน้าโครงการที่ได้รับทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

 

         ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 (ปธ.ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น)  บอกด้วยว่า จากนั้นได้ทำต่อมาเรื่อย ๆ  และมีการต่อยอดให้สมาชิกในกลุ่มมีรายได้เพิ่มจนเป็นที่มาของโครงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนก    โดยได้เล็งเห็นว่าตลาดน่าจะไปได้เพราะขายในพื้นที่ก็ไม่เพียงพอ  อีกทั้งในธรรมชาติเริ่มหาน้อยเต็มที  และยังหาทานยาก    โดยข้อดีของการเพาะเลี้ยงพบว่าสาหร่ายไม่มีทราย  หรือเศษดินปะปน  เพียงแค่นำมาล้างและรับประทานได้เลย  ถ้าเป็นสาหร่ายที่ขึ้นตามธรรมชาติจะมีเม็ดทรายปะปนและมีกลิ่นคาวของน้ำ   แต่การเพาะเลี้ยงลักษณะนี้รับประทานได้อย่างอร่อย  สามารถมีทานได้ตลอดทั้งปี อนาคตจะต่อยอดขยายให้กับสมาชิกเพิ่มอีก  ดูแล้วทิศทางเป็นไปได้ โดยวันนี้เป็นเพียงตัวอย่างก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เชื่อว่าจะเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับชาวประมงพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี 

 

         นอกจากที่นี่จะศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  และเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกแล้ว ทางกลุ่มฯยังเป็นแหล่งท่องบเที่ยวชุมชนมีแพกลางน้ำของชุมชนบริหาร นักท่องเที่ยวสายแคมปิ้งในคลองทุ่งริ้น ได้ดื่มด่ำธรรมชาติ และทานอาหารทะเลสด ๆตามฤดูกาลด้วย   หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที  โทร 063-7302873

 

         การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนก ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  หมู่ที่ 1 ตำบลสาคร  อำเภอท่าแพ  ได้เพาะเลี้ยงจำนวน 10 ตะกร้า โดยใช้ออกซิเจนในการดูแลสาหร่ายอยู่ภายใต้โรงเรือน  สมาชิกได้กลุ่มจะได้รับการสร้างองค์ความรู้ก่อนเลี้ยง โดยการให้ปุ๋ย  วัดค่าน้ำเพียง  2 อาทิตย์ก็สามารถเก็บขายได้แล้ว 

 

         ทางกลุ่มจะหมุนเวียนโดยเก็บขาย  อาทิตย์ละครั้ง /เก็บครั้งละ 2 ตะกร้าได้ 1 กิโลกรัม  ขายกิโลกรัมละ 200 บาท สาหร่ายขนนกนอกจากจะทานสดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้ว  ยังสามารถไปปรุงเมนูยำสาหร่ายขนนก   สลัดสาหร่ายขนนก   ข้าวเกรียบสาหร่ายขนนกได้อีกด้วย 

 

        ลักษณะเฉพาะของสาหร่ายขนนกคือ จะตายง่ายเมื่อถูกน้ำจืด จึงควรรับประทานสด ๆ ทันทีที่ขึ้นจากน้ำไม่นานเพราะจะเสียรสชาติความอร่อย

…………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เกษตรสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสตูล

เกษตรสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสตูล

          วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นางสุดา ยาอีด เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นางสาวพรรษกร จันทร์แก้ว  หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช และเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์ ได้แก่ เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อสด) และหัวเชื้อไตรโคเดอร์มา โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริม และเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสงขลา จำนวน 420 กิโลกรัม และหัวเชื้อไตรโคเดอร์มา จำนวน 240 ขวด เพื่อใช้ควบคุมโรครากเน่า โคนเน่า หลังน้ำลด อีกทั้งได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก และถั่วฝักยาวไร้ค้าง (พันธุ์สุรนารี 1) จากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง

 

        ซึ่งได้ส่งมอบให้แก่สำนักงานเกษตรอำเภอ ทั้ง 7 อำเภอในจังหวัดสตูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ นำมอบให้แก่เกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ด้านพืช ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเกิดน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยจังหวัดสตูลมีเกษตรกรผู้ประสบภัย จำนวน 2,281 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 9,422 ไร่ และพื้นที่คาดว่าจะเสียหาย จำนวน 1,664 ไร่

          ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกพืชที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนเชื้อราไตรโคเดอร์มาเพื่อควบคุมโรครากเน่า โคนเน่า และขอรับคำปรึกษาด้านการป้องกันกำจัดโรคพืชได้ ณ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราชสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-อดีตผู้รับเหมาก่อสร้าง  ชีวิตพลิกผัน  ทำไม้กวาดขาย  สู้ชีวิตไม่ย่อท้อ

สตูล-อดีตผู้รับเหมาก่อสร้าง  ชีวิตพลิกผัน  ทำไม้กวาดขาย  สู้ชีวิตไม่ย่อท้อ

         นายไตรรงค์   คงปาน วัย 57 ปี อดีตผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่   ผู้ที่ชีวิตพลิกผันหลังประสบอุบัติเหตุขี่รถตกหลุมจนร่างกายไม่เหมือนเดิม  แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เขาเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ทันทีที่ร่างกายดีขึ้น  ด้วยการผันตัวมาทำไม้กวาดขาย  โดยจำวิธีการจากคนอื่นแล้วมาทดลองทำเองจนสร้างรายได้

        “ผมไม่อยากเป็นภาระให้ใคร”   นายไตรรงค์กล่าวขณะสาธิตการทำไม้กวาดทางไม้ไผ่จากไม้ไผ่สีสุก   ที่กระท่อมหลังเล็กสร้างขึ้นอย่างง่ายเพื่ออยู่อาศัย   ในที่ดินของน้องสาวย่านซอยคลองขุด 19 ( หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าซอยน้องแป้น)  หมู่ที่ 7 เขตเทศบาลตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

          ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น  เขาเลือกเชื่อว่าจะช่วยสร้างรายได้แม้ไม่มาก แต่ไม่เป็นภาระน้องสาวหรือภาระใคร  โดยใช้ไม้ไผ่สีสุกที่มีคุณสมบัติโค้งงอได้ดีมาทำเป็นซี่ไม้กวาด   ส่วนด้ามจะใช้ไม้ไผ่ที่มีเปลือกหนาเพื่อความแข็งแรง เพื่อจำหน่ายในราคาย่อมเยา   โดยไม้กวาดด้ามเล็กราคาขายเพียง  50 บาท ส่วนด้ามใหญ่ตามความสูงของลูกค้าราคาอยู่ที่  80 บาท

         จุดเริ่มต้นของธุรกิจเล็ก ๆ  นี้ เริ่มจากการทำตัวอย่างเพียง 2 อันไปเสนอตามร้านค้า  เมื่อได้รับการตอบรับที่ดี จึงรับออร์เดอร์ครั้งละ 10 อัน  ใช้เวลาประมาณ 10-15 วันในการผลิตและส่งมอบสินค้าแต่ละรอบ

          นอกจากการทำไม้กวาดแล้ว    นายไตรรงค์  เขายังใช้พื้นที่ว่างของน้องสาวเพื่อปลูกผักสวนครัว  โดยตั้งใจแบ่งปันให้น้องสาวและเพื่อนบ้านได้ทานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  สะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจที่มีต่อชุมชน แม้สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์นักจากอุบัติเหตุ

          นายชัยณรงค์  ไชยจิตต์  ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองสตูลในพื้นที่  เล่าว่า   “ผมติดตามชีวิตของเขามากว่า 2 ปี เห็นถึงความมุ่งมั่นและการเป็นคนที่มีน้ำใจ แม้สภาพร่างกายจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่เคยย่อท้อ” พร้อมเสริมว่าในอนาคตอยากผลักดันให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่กำลังท้อแท้ได้เห็นว่า ชีวิตยังมีหนทางให้สู้เสมอ

          การไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาของชีวิตที่พลิกพัน ชั่วข้ามคืนจากที่เคยมีเงิน  มีงาน มีครอบครัว  มีลูกน้องจำนวนมาก  แม้วันนี้จะเหลือเพียงน้องสาวกับแม่บังเกิดเกล้า  แต่เขาก็ไม่คิดจะให้เป็นภาระกับใคร  พอใจกับรายได้ที่ทำด้วยน้ำพักน้ำแรง  มีข้าวกิน  มีเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  และได้แบ่งปันสังคมบ้างตามกำลัง     โดยเฉพาะเงินหมื่นบาทที่ได้รับจากรัฐบาลมาก็ตั้งใจจะเอาไปต่อยอดธุรกิจ ซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อขยายการผลิตไม้กวาดต่อไป

         ผู้สนใจสามารถติดต่อสั่งซื้อไม้กวาดได้ที่ โทร. 093-054-1664

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เทคโนโลยีพร้อมใช้สู่แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรผู้เพาะเห็ดจังหวัดสตูล

เทคโนโลยีพร้อมใช้สู่แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรผู้เพาะเห็ดจังหวัดสตูล

          ที่ฟาร์มเห็ดบ้านช่าง ตำบลอุไดเจริญ  อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ซึ่งมีนายทวีศักดิ์  เรหนูกลิ่น (เกษตรกร) เป็นหนึ่งในเกษตรกรพื้นที่โมเดลที่มีการส่งเสริมอาชีพด้วยการใช้โรงเรือนแบบอัจฉริยะ  จากทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา  ซึ่งวันนี้ ผศ.ดร.อภิรักษ์  สงรักษ์   รองอธิการบดี  มทร.ศรีวิชัยพร้อมด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ , อ.ดีน อาจารย์มทร.ศรีวิชัย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ

 

          ลงพื้นที่ติดตามความก้าวโครงการ พบว่ากระบวนการผลิตก้อนเห็ดยังคงต้องมีการพัฒนา และ นำเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิการบ่มเพาะก้อนเห็ดรวมทั้งการใช้เทคโนโลยีราคาย่อมเยาว์มาใช้เพื่อทุ่นแรงกรณีมีความต้องการของที่มากขึ้น  ส่วนการใช้เทคโนโลยีแบบอัจฉริยะมาควบคุมอุณหภูมิโรงเรือนและก้อนเห็ดในสภาพอากาศที่แปรปรวนของพื้นที่ จ.สตูล  สามารถสร้างผลผลิตให้ออกอย่างสม่ำเสมอ และตรงความต้องการของตลาด

 

          ผศ.ดร.อภิรักษ์  สงรักษ์   รองอธิการบดี  มทร.ศรีวิชัย  บอกว่า   ส่งเสริมอาชีพการใช้โรงเรือนแบบอัจฉริยะทางมหาวิทยาลัยได้เข้ามาช่วยดูเรื่องกระบวนการผลิตและพบว่า การพัฒนาก้อนเห็ดของจังหวัดสตูลมีปริมาณเพียงพอที่จะตอบโจทย์โจทย์ก้อนเห็ดและการปลูกเห็ด  ต่อไปคือทำอย่างไรให้ก้อนเห็ดมีคุณภาพก็ให้ลูกค้าได้ก้อนเห็ดมีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ พบว่าที่นี่ยังต้องการความรู้การจัดการก้อนเห็ดอย่างมีคุณภาพในช่วงบ่มก้อนเห็ดหลังสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป  การใช้เครื่องทุ่นแรงในกรณีมีความต้องการมาก  ที่เป็นเทคโนโลยีอย่างง่ายไม่ได้แพงเกินไป  มาปรับใช้ให้เหมาะกับพื้นที่  ปัญหาที่ต้นน้ำเรื่องของ supply คนปลูกและก้อนเห็ดเป็นการเตรียมความพร้อมหากต้องเจอกับตลาดใหญ่  ความต้องการที่มากขึ้นเกษตรกรสามารถตั้งรับได้  แล้วสามารถเชื่อมโยงกับ B2B หรือ b2c ที่เชื่อมโยงมาอย่างต่อเนื่องได้  นั่นหมายความว่าความมั่นคงของอาชีพครัวเรือนและรายได้ที่เราคาดหวังมีอย่างต่อเนื่องและมั่นคง  

 

          เกษตรกรเพาะเห็ดสตูลพลิกวิกฤตด้วยเทคโนโลยี หลังขาดทุนกว่า 5 หมื่นจากสภาพอากาศแปรปรวน

เกษตรกรผู้เพาะเห็ดในจังหวัดสตูลเผยความสำเร็จหลังนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการผลิต แก้ปัญหาผลผลิตไม่สม่ำเสมอจากสภาพอากาศแปรปรวน พร้อมวางแผนขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

        นายทวีศักดิ์ เรหนูกลิ่น เกษตรกรผู้เพาะเห็ดในจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ฟาร์มเห็ดของตนประสบปัญหาขาดทุนกว่า 50,000 บาทในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ส่งผลให้การผลิตไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในขั้นตอนการบ่มก้อนเห็ดที่ใช้เวลานานขึ้นจาก 30 วัน เป็น 45 วัน

        “ผมแบ่งการผลิตเป็น 2 ส่วน คือ การผลิตก้อนเห็ดและการเพาะดอกในโรงเรือน ซึ่งได้นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 30-32 องศา และรักษาความชื้นให้สม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจว่าในปีหน้าจะสามารถรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนได้ดีขึ้น  ปัจจุบัน ฟาร์มมีลูกค้าประจำรับซื้อผลผลิตวันละ 50 กิโลกรัม โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยให้ผลผลิตมีความสม่ำเสมอ  ไม่ขึ้นลงตามสภาพอากาศเหมือนแต่ก่อน  นอกจากนี้ ยังสร้างความได้เปรียบทางการตลาด เนื่องจากเกษตรกรทั่วไปยังไม่มีการใช้เทคโนโลยีนี้ ทำให้ได้รับคำสั่งซื้อก้อนเห็ดจำนวนมากในช่วงฤดูเย็นชื้น” นายทวีศักดิ์ กล่าว 

 

มทร.ศรีวิชัย แนะเทคโนโลยีช่วยเกษตรกรเพาะเห็ด พร้อมเป็นพี่เลี้ยงผู้สนใจลงทุนใหม่

          ผศ.พิทักษ์ สถิตวรรธนะ  เจ้าของผลงานวิจัยฯ อาจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยถึงความสำเร็จของการนำเทคโนโลยีไปช่วยเกษตรกรผู้เพาะเห็ด โดยเฉพาะกรณีของ “ช่างเดี่ยว” เกษตรกรที่มีพื้นฐานช่างไฟฟ้า  “จากเดิมที่เคยดูแลเพียงโรงเรือนและควบคุมความชื้น นวัตกรรมใหม่นี้สามารถควบคุมอุณหภูมิของก้อนเห็ดโดยตรง เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ระบบจะให้ความชื้นอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด ส่งผลให้เห็ดออกดอกสม่ำเสมอ” ผศ.พิทักษ์ กล่าว

 

          เทคโนโลยีดังกล่าวได้พิสูจน์ประสิทธิภาพแล้วกับโรงเรือน 4 หลังของช่างเดี่ยว ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องการผลักดันให้เป็นต้นแบบสำหรับเกษตรกรรายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณอายุที่สนใจทำธุรกิจเพาะเห็ด เพื่อป้องกันความเสียหายจากการลงทุนที่อาจสูงถึงหลักแสนบาท   สำหรับผู้สนใจเริ่มต้นธุรกิจเพาะเห็ด ผศ.พิทักษ์แนะนำว่า “ควรเริ่มจากตู้เพาะเห็ดก่อน เพื่อเรียนรู้ทักษะการดูแลและการจัดการโรค เมื่อมั่นใจแล้วจึงค่อยลงทุนขยายเป็นโรงเรือน ซึ่งในจังหวัดสตูลมีให้เห็นทั้งสองรูปแบบ”  ทางมหาวิทยาลัยได้พัฒนาอุปกรณ์ 2 รูปแบบ:   ตู้เพาะเห็ดพร้อมกล่องควบคุม สำหรับผู้เริ่มต้น กล่องควบคุมอย่างเดียว สำหรับผู้ที่มีโรงเรือนอยู่แล้ว   “ราคาชุดอุปกรณ์อยู่ที่ 5,500 บาท รับประกัน 1 ปี พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการใช้งาน ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่สถาบันดูแลนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยโดยตรง” ผศ.พิทักษ์กล่าวทิ้งท้าย

 

          และในวันเดียวกันได้มีการ “อบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนานักวิจัยและนวัตกรรมชุมชน สรุปผลถอดบทเรียนและวางแผนงานวิจัยเพื่อขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วม”  โดยเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วม  ที่ห้องประชุมสมาคม วัฒนพลเมืองอำเภอละงู  จังหวัดสตูล

 

          ด้าน นางสุดา  ยาอีด   เกษตรจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  ในส่วนของการต่อยอดเทคโนโลยีจากงานวิจัยนี้เราดูแล้วในส่วนของการเพาะเห็ดซึ่งส่วนมากเกษตรกรจะใช้ขั้นตอนวิธีการแบบเดิม ๆ ซึ่งก็เป็นโอกาสดีที่ทางมหาวิทยาลัยฯ นำงานวิจัยตรงนี้มาใช้สำหรับพี่น้องเกษตรกรโดยนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อที่จะให้พี่น้องเกษตรกรมีผลผลิตในเรื่องของเห็ดเพิ่มมากขึ้นต่อยอดในเรื่องของรายได้สร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับพี่น้องเกษตรกร  ในส่วนของการขยายผลคิดว่างานวิจัยตรงนี้น่าจะมีการขยายผลให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยากมีอาชีพเสริมในเรื่องของการเพาะเห็ด  ก็อาจจะมีงบประมาณมาสนับสนุนส่งเสริมให้กับพี่น้องเกษตรกรทำให้พี่น้องเกษตรกรเรามีรายได้เพิ่มขึ้นและมีอาชีพที่มั่นคง

 

          “นอกจากเพราะเห็ดก็สามารถนำไปสู่ผลผลิตชนิดอื่นได้  ผลผลิตจากเห็ดนี้ถ้ามีจำนวนมากเราก็อาจจะสนับสนุนถ่ายทอดความรู้ในเรื่องของการแปรรูปเพื่อที่จะให้มีผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น และมีหลากหลายสินค้าที่ส่งเสริมให้กับพี่น้องเกษตรกรเพราะว่าสตูลของเราเองเป็นเมืองท่องเที่ยว  สามารถนำเป็นของฝากของขวัญให้แก่พี่น้องเกษตรกร และผู้ที่มากท่องเที่ยวจังหวัดสตูล  สุดท้ายก็เป็นนโยบายของทางภาครัฐโดยตลาดนำ   นวัตกรรมเสริม   เพิ่มรายได้  งานวิจัยนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรสามารถที่จะดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐได้” เกษตรจังหวัดสตูลกล่าวในที่สุด

 

           สำหรับเครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะเห็ดในจังหวัดสตูล  ทางทีมวิจัยได้พัฒนาโจทย์ ภายใต้โครงการวิจัย “ขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมแบบมีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากให้เครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะเห็ดในจังหวัดสตูล โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มีกลุ่มเป้าหมาย 10 กลุ่มเป้าหมาย ในพื้นที่ 9 ตำบล 4 อำเภอของจังหวัดสตูล

 

           ชุดเทคโนโลยีการเพาะเห็ดอัตโนมัติของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ประเภทเทคโนโลยีการเกษตรและนวัตกรรมเกษตร ลักษณะเด่นและคุณสมบัติการใช้งานเทคโนโลยีโครงตู้สามารถถอดประกอบได้ง่ายมีน้ำหนักเบาภายในตู้บรรจุก้อนเห็ดได้สูงสุด 120 ก้อน  มีระบบการให้ละอองน้ำ. แบบจานหมุนเหวี่ยงความเร็วสูงกล่องควบคุมสั่งงานผ่านระบบไร้สายและมีปุ่มเปิดปิดระบบให้น้ำแบบสัมผัสด้านหน้าระบบใช้พลังงานไฟฟ้ากระแสตรงแรงดันไม่เกิน 12 โวลต์ขนาดไม่เกิน 15 วัตต์

 

         การนำไปใช้ประโยชน์ตู้เพาะเห็ดออกแบบให้ผู้ใช้สะดวกในการประกอบขึ้นเป็นโรงเรือนขนาด ขนาดเล็กใช้สำหรับนำก้อนเห็ดจำนวนไม่เกิน 120 ก้อนเข้าไปเพราะดอกเห็ดเพื่อใช้จำหน่ายหรือบริโภคภายในครัวเรือนสามารถควบคุมให้ความชื้นก้อนเห็ดแบบอัตโนมัติ  โดยระบบการให้ละอองน้ำแบบจานหมุนเวียนความเร็วสูงผ่านกล่องควบคุมที่ใช้กำลังไฟฟ้าทั้งระบบไม่เกิน 15 วัตต์  ระบบควบคุมผ่านสัญญาณ WiFi จากกล่องควบคุมแบบออฟไลน์หมดได้

 

         โครงการวิจัยขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมแบบมีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากให้เครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะเห็ดในจังหวัดสตูล  ภายใต้กรอบวิจัยการขยายผลเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและแก้หนี้ครัวเรือนสนับสนุนโดยกองทุนส่งเสริมกอวนและหน่วยบ.พ.ท

………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 จังหวัดสตูลจัดกิจกรรม ‘เอามื้อสามัคคี’ ปลูกสับปะรด 1,000 ต้น เฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10

จังหวัดสตูลจัดกิจกรรม ‘เอามื้อสามัคคี’ ปลูกสับปะรด 1,000 ต้น เฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10

            วันที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์สารภีละงู ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล   นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยพระครูโสภณ ปัญญาสาร เจ้าคณะอำเภอมะนัง/เจ้าอาวาสวัดนิคมพัฒนารามผัง 7 นางสาวรัตนา ไมสัน พัฒนาการจังหวัดสตูล และจ.ส.อ.ณภัทร หงษ์ทอง ผู้อำนวยการศูนย์สารภีละงู จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี (ปลูกสับปะรด) และปรับปรุง พัฒนาพื้นที่ศูนย์สารภีละงู ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบอาารยเกษตรตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลุเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงมหาดไทย จังหวัดสตูล โดยมีผู้อำนวยการกลุ่มงาน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล, พัฒนาการอำเภอ, เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภอ, เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด, เครือข่าย โคก หนอง นา อำเภอละงู, คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอละงู, ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนอำเภอละงู และบัณฑิตอาสาฯ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

            สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การปลูกสับปะรด จำนวน 1,000 ต้นการห่มดินด้วยฟางข้าว ใส่ปุ๋ยพืชพันธุ์ และการกำจัดวัชพืช เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขยายผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการบูรณาการการขับเคลื่อนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักทฤษฎีใหม่สู่การปฏิบัติจนเห็นวิถีชีวิต สอคคล้องกับสภาพพื้นที่และภูมิสังคม ต่อยอดพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” สู่การพัฒนาพื้นที่ต้นแบบอารยเกษตรตามแนวพระราชดำริฯ

 

          รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ซึ่งเป็นที่ต่อยอดขยายผลการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอพียง และหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่การปฏิบัติรูปแบบ “โคก หนอง นา”  ที่มีความสอดคล้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตภูมิสังคม สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

          พระครูโสภณ ปัญญาสาร เจ้าคณะอำเภอมะนัง กล่าวอนุโมทนา และชื่นชมทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจ ผนึกพลังสามัคคียอดเยี่ยมมาก

……………………………

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-กรมทรัพย์สินทางปัญญา  ประกาศให้ “กระท้อนนาปริกสตูล”  เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

สตูล-กรมทรัพย์สินทางปัญญา  ประกาศให้ “กระท้อนนาปริกสตูล”  เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

             กระท้อนนาปริกสตูล  เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อคุณภาพ เนื้อนุ่มหนา  เปลือกบาง  มีหลายสายพันธุ์ นิยมปลูกในพื้นที่อำเภอควนโดน  ในแต่ละปีกระท้อนนาปริกสตูลให้ผลผลิตจำนวนมาก  ทางจังหวัดสตูลจึงขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

 

             ล่าสุด นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน  อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา  ประกาศ  ณ  วันที่ 26 กันยายน 2567  เรื่อง  การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์  “กระท้อนนาปริกสตูล”  ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันยื่นคำขอขึ้นทะเบียน 22 กันยายน 2565

 

            โดยกระท้อนนาปริกสตูล หรือ Na Prik Satun Santol หรือ Kra Ton Na Prik Satun หมายถึง  กระท้อนพันธุ์อีล่า พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์เขียวหวาน พันธุ์ทับทิม ลักษณะผลทรงกลม ทรงกลมแป้น  และทรงกลมจุก ผิวเปลือกบาง นิ่ม สีเหลือง สีเหลืองอมน้ำตาล และสีเขียว  มีขนนิ่มเหมือนกำมะหยี่  เนื้อหนานุ่ม ปุยหุ้มเมล็ดสีขาวหนาฟู  ผลสุกจัดจะมีรสชาติหวาน  ปลูกในเขตพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดสตูล ได้แก่ อำเภอควนโดน และอำเภอควนกาหลง

             สำหรับกระท้อนนาปริกสตูล  นอกจากกินผลสดแล้ว  สามารถปรุงเป็นเมนูกระท้อนทรงเครื่อง  น้ำพริกกระท้อน  น้ำยาขนมจีนกระท้อน  ไอศกรีมกระท้อนได้ด้วย

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น เกษตร - อาชีพ

เกษตรจังหวัดสตูลลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากน้ำท่วมในอำเภอละงู พบพื้นที่การเกษตรประสบภัยรวม กว่า 498 ไร่

เกษตรจังหวัดสตูลลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากน้ำท่วมในอำเภอละงู พบพื้นที่การเกษตรประสบภัยรวม กว่า 498 ไร่

          นางสุดา ยาอีด เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอละงู ได้แก่ หมู่ที่ 11 ตำบลละงู และหมู่ที่ 4 และ 5 ตำบลเขาขาว อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ

          จากการลงพื้นที่ พบว่าในพื้นที่อำเภอละงู มีพื้นการเกษตรที่ประสบอุทกภัย จำนวน 9 หมู่บ้าน โดยมีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น นาข้าว และพืชผัก ซึ่งพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยรวม 498 ไร่ และคาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่เสียหาย จำนวน 78 ไร่ โดยมอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้คำแนะนำแก่เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลภายหลังน้ำลด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเดินย่ำและใช้เครื่องจักรในพื้นที่ขณะดินเปียก ตัดแต่งกิ่งและทรงพุ่ม โดยเอากิ่งแก่ กิ่งที่ฉีกหัก เหี่ยวเฉา แน่นทึบออก ทำการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ผล นอกจากนี้ขอให้ใช้สารเคมีกันเชื้อราราดหรือทาโคนต้นไม้เพื่อป้องกันโรครากเน่า หรือใช้สารชีวภัณฑ์ (ไตรโคเดอร์มา) เพื่อป้องกันเชื้อราในดิน หรือใช้ปูนขาวปรับสภาพดินให้เป็นกลาง เพื่อป้องกันการเกิดโรครากเน่าและโคนเน่า

 

       ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และตามเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืชต่อไป

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

พม.สตูล จัดโครงการเสริมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชน เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจกระทรวง พม. และ ศรส.

พม.สตูล จัดโครงการเสริมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชน เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจกระทรวง พม. และ ศรส.

            วันที่ (19 ก.ย. 67) ที่สตารินทร์ คาเฟ่ ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นางไลลา รอเกตุ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ เป็นประธานการดำเนินโครงการเสริมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนเพื่อการสื่อสารประชาสัมพันธ์ภารกิจกระทรวง พม. และ ศรส. พร้อมด้วยเครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดสตูล หัวหน้าส่วน และคณะทำงาน พมจ.สต. ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

 

            ด้วยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล ได้จัดโครงการเสริมสร้าง เครือข่ายสื่อมวลชนเพื่อการสื่อสารประชาสัมพันธ์ภารกิจกระทรวง พม. และ ศรส.ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการ ประสานความร่วมมือกับสื่อมวลชนท้องถิ่นและหน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ ในการนำเสนอสถานการณ์ ทางสังคม เพื่อให้สังคมได้ตระหนักมีส่วนร่วมในการดูแลแก้ไขปัญหาสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สื่อมวลชน ได้เผยแพร่เรื่องสิทธิ สวัสดิการที่ประชาชนพึงได้รับ รวมทั้งผลการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของศูนย์เร่งรัดจัดการ สวัสดิภาพประชาชนจังหวัดสตูล (ศรส.) ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานในสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.หนึ่งเดียว) กับสื่อมวลชนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย สื่อมวลชนและหน่วยงานด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ หัวหน้าส่วนราชการสังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 34 คน

           สำหรับโครงการนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางในการนำเสนอ หรือประชาสัมพันธ์ในการประสานความร่วมมือของหน่วยงาน พม.หนึ่งเดียว และ ศรส. ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยง่ายในเรื่องของการติดตามการดำเนินให้ความช่วยคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชน และการสื่อสารสังคมเชิงรุกในการสร้างการรับรู้ทุกภาคส่วน เพื่อให้สื่อได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหาทางสังคมร่วมกันได้ต่อไป

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ท้องทะเลสตูลอุดมสมบูรณ์ กั้งขาว-กั้งเขียวเป็นที่ต้องการของตลาด  สร้างอาชีพทั้งชาวประมงและแม่บ้าน

ท้องทะเลสตูลอุดมสมบูรณ์ กั้งขาว-กั้งเขียวเป็นที่ต้องการของตลาด  สร้างอาชีพทั้งชาวประมงและแม่บ้าน

ที่จังหวัดสตูลได้ขึ้นชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  และที่กำลังสร้างรายได้ให้กับชาวประมงพื้นบ้านอย่างงดงามคือที่นี่เป็นแหล่งจำหน่ายอาหารซีฟู้ดที่ขึ้นชื่อ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านซีฟู้ด 

 

โดยเฉพาะกั้งทะเล  ที่นี่มีให้ทานเกือบทั้งปี (หากไม่มีคลื่นลมแรง)  และกั้งยังเป็นแลนด์มาร์คของตำบลตันหยงโป  อำเภอเมืองสตูลด้วย  โดยเฉพาะที่ บ้านบากันเคย หมู่ที่ 3 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ชาวประมงพื้นบ้านได้ออกหาอาหารทะเลทันที   หลังจากสภาพอากาศกลับสู่ภาวะปกติ พวกเขาสามารถออกทะเลเพื่อจับกั้งตัวใหญ่ได้อีกครั้ง

 

กั้งที่นี่จะมีสองสายพันธุ์ คือ กั้งขาว และกั้งเขียว     (กั้งขาว หรือกั้งแก้ว แกะต้มแล้ว) มีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 500 – 540  บาท   ส่วนกั้งเขียวเป็นกั้งตัวใหญ่ (หนึ่งตัวเกือบกิโลกรัม)  มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,600 บาท (จะขายกั้งเป็นแต่หากกั้งตายจะไม่มีราคา) สร้างรายได้อย่างงามให้กับชาวประมงพื้นบ้าน

 

           นายราเสบ กาซา เจ้าของแพอายุ 72 ปี  บอกว่า  ตนรับซื้อกั้งสดๆ จากชาวประมงพื้นบ้าน ราคากั้งขาวหรือกั้งแก้ว  อยู่ที่กิโลกรัมละ 200 – 300 บาท  ส่วนกั้งเขียว รับซื้อจากชาวประมงราคาสูงถึง 1,400 บาทต่อกิโลกรัม  ส่งขายในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ต หาดใหญ่ พังงา และกระบี่

 

         นอกจากการขายกั้งสด ทางแพยังแปรรูปโดยการต้มและแกะเนื้อขาย ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 500 ถึง 540 บาทต่อกิโลกรัม และจำหน่ายกั้งเขียวเป็นๆ  กิจการนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับชาวประมง แต่ยังสร้างงานให้กับแม่บ้านในพื้นที่อีกด้วย สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ได้ 0915284092  0953696057

 

           นางสาวนูรชีรา  อามาตี   อายุ 24 ปี แรงงานแกะกั้ง  บอกว่า  พวกเรามีงานทำ ไม่ต้องออกไปหางานนอกหมู่บ้าน ได้ค่าแรงวันละ 400 บาท ทำงานตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 2 วันไหนเรือออกก็จะมีงานทำอาชีพนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วิธีแกะกั้งขาวหรือกั้งแก้ว ใช้กรรไกรตัดหัวก่อนจากนั้นตัดหาง และครีมด้านข้างเพื่อให้แกะกระดองได้ง่าย  ก็จะได้เนื้อกั้งเป็นชิ้นทั้งตัวพร้อมขายและนำไปปรุงได้อย่างสะดวกสบาย  

 

         สำหรับกั้ง สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายเมนูเช่นเดียวกับกุ้ง เช่น กั้งต้มน้ำจิ้มซีฟู้ด , กั้งทอดกระเทียมพริกไท ,ผัดเผ็ดหรือต้มย้ำ นอกจากนี้กลุ่มแม่บ้านยังนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของดีจากชุมชน  น้ำพริกกั้ง ,มันกั้ง (คล้ายกับมันกุ้ง)

 

           ความสำเร็จของอุตสาหกรรมกั้งในสตูลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย และโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับชุมชนชายฝั่ง 

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด