Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-กลุ่มวิสาหกิจชุมชนควนขันบาติก สกัดสีจากเปลือกไม้ ผลไม้  วาดลวยลายอัตลักษณ์บนผืนผ้ายอดสั่งสุดปัง สร้างรายได้อย่างงาม

สตูล-กลุ่มวิสาหกิจชุมชนควนขันบาติก สกัดสีจากเปลือกไม้ ผลไม้  วาดลวยลายอัตลักษณ์บนผืนผ้ายอดสั่งสุดปัง สร้างรายได้อย่างงาม

          หลังมีการรณรงค์ ส่งเสริมให้สวมใส่ผ้าไทย ผ้าอัตลักษณ์   ลายผ้าที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีตจึงถูกหยิบมาสวมใส่  ด้านกลุ่มวิสาหกิจผลิตผ้าหลายๆกลุ่มในจังหวัดสตูล  ต่างดึงเสน่ห์ความเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่ออกมาใช้  ออกแบบให้สวยงามควรค่าแก่การสวมใส่ 

 

          อย่างที่วิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ ซึ่งมี นางสาวพรพรรณ รักนิยม เป็นประธานกลุ่ม  ก็ดึงเอาอัตลักษณ์ในพื้นที่ ทั้งความเป็นอุทยานธรณีโลกสตูล  สีจากเปลือกไม้  ใบไม้  และผลไม้ในพื้นที่ มาต่อยอดสกัดเป็นสีย้อมผ้า  และลวดลายบนผืนผ้า  เพื่อเพิ่มมูลค่าและได้รับความนิยมจากผู้สวมใส่

         

        ล่าสุดทางกลุ่ม  มีโอกาสนำผ้าเข้าร่วมประกวดผ้าจากสีธรรมชาติ  ในกิจกรรมการประกวดสุดยอดผ้าจังหวัดสตูล ประจำปี 2567 ซึ่ง ทางวิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ  ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทสีธรรมชาติ  และยังได้ในส่วนของรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2  ประเภทสีเคมี

 

          สมาชิกกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ นำสีจากเปลือกและแกนไม้แสมดำ  ขนุน เปลือกมังคุด  ที่ถูกสกัดมาเป็นสีทาบนผืนผ้าที่วาดลวดลายแล้วทั้ง 2 ด้าน เพื่อเพิ่มสีสันให้สมบูรณ์ สวยงาม

 

       ส่วนลายผ้านั้น  มีทั้งลายดอกกาหลง ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสตูล   ลายช่องลมของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ  คฤหาสน์กูเด็น   ลายฟอสซิลชนิดต่างๆที่ถูกค้นพบในจังหวัดสตูล  ว่าวควาย  รวมถึงลายขอ  ซึ่งเป็นลายพระราชทาน  ทำให้สีและลายผ้าของกลุ่มฯมีมากมายให้เลือก ทั้งสีจากธรรมชาติ  และสีเคมี  ซึ่งทำให้ราคาแตกต่างกันมาก

         นางสาวพรพรรณ รักนิยม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ  บอกว่า  ผ้าแต่ละลวดลายที่ทำมาจากสีธรรมชาติ   ทางกลุ่มจะขายอยู่ที่ผืนละ 2 เมตร ราคา 2,500 บาท  ส่วนที่ทำจากสีเคมี เริ่มต้นราคาผืนละ 650 บาท โดยผ้าที่ทำจากสีธรรมชาตินั้น ขายได้ดีกว่า มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อนำไปตัดเป็นเสื้อ และผ้าถุง หรือตัดเป็นชุดสวมใส่  ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจังหวัดสตูล และต่างจังหวัด  มียอดสั่งซื้อไกลถึงกรุงเทพฯ เฉลี่ยแล้วเดือนหนึ่งขายผ้าได้ 30 ผืน มีรายได้เดือนละประมาณ  40,000 กว่าบาท  นอกจากผ้าชิ้นแล้ว  ยังมีชุดเสื้อผ้าบาติก กระเป๋า หมวก และผลิตภัณฑ์จากผ้าบาติกอื่นๆอีกด้วย

 

          ด้านนายเฉลิมพร ศรีสวัสดิ์ เกษตรอำเภอเมืองสตูล มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล  ลงพื้นที่กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ  เพื่อติดตามการดำเนินงาน  และการบริหารจัดการกลุ่ม

           

         โดยนางฮาบีบ๊ะ  จารุพันธ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล    กล่าวว่า สำหรับกลุ่ม  วิสาหกิจชุมชนควนขันบาติกปาเต๊ะ  ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเมื่อปี 2556  มีสมาชิก 16 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสตรีทำผ้ามานานกว่า 20 ปีแล้ว ได้เรียนรู้นำเปลือกไม้จากธรรมชาติมาสกัด และทำเป็นสีได้อย่างสวยงาม  มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่ม

……………………………………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-อาชีพทำเงิน   ดองปูเปี้ยวหรือปูเค็ม  หนุ่มสตูลสานต่ออาชีพครอบครัวส่งออกสร้างรายได้กระจายในชุมชน

สตูล-อาชีพทำเงิน   ดองปูเปี้ยวหรือปูเค็ม  หนุ่มสตูลสานต่ออาชีพครอบครัวส่งออกสร้างรายได้กระจายในชุมชน

           ทุก ๆ วัน ชาวบ้านจะนำปูเปี้ยว  หรือ ปูแสม  ที่หาได้จากป่าชายเลน  มาขายยังแพปูเปี้ยว  ในพื้นที่บ้านไร่ทอน  หมู่ที่ 3 ต.ท่าเรือ  อ.ท่าแพ  จ.สตูล  โดยทางแพปูเปี้ยวจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 35 – 45 บาท แล้วแต่ขนาดของปู  เพื่อนำไปดองส่งขายตลาดต่างจังหวัดทั่วไทย  และส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์  สร้างรายได้รอบด้าน  ตั้งแต่คนหาปูเปี้ยว  พนักงานคัดแยก  ดอง ปู    โดยปูเปี้ยวที่มีมากถึง  200  กก.ถึง 1  ตัน (1000 กก.) ต่อวัน  ถูกน็อคน้ำแข็งก่อนนำมาคัดแยกไซต์ แล้วนำไปล้าง 2 น้ำ  ดองเกลือนาน 2 วัน ก็ได้ปูเปี้ยวพร้อมส่งขาย  

 

          โดยนายวัชรินทร์  คงหนู (อาร์ม) อายุ 25 ปี ทายาทเจ้าของแพปูเปี้ยว  เปิดเผยว่า  กว่า 30 ปีแล้วที่แพเปิดรับซื้อปูเปี้ยวมาดองขาย  สร้างรายได้ให้กับครอบครัว  รวมถึงชาวบ้านที่ไปหาปูมาขาย  และชาวบ้านที่มาดองปู  โดยทางแพจะรับซื้อปูเปี้ยวจากชาวบ้านในราคากิโลกรัมละ 35 บาท   หากเป็นปูตัวใหญ่ก็จะรับซื้อในราคา 40-45 บาท  ก่อนดองขายแยกเป็น 3 ขนาด   ปูใหญ่ราคา 85 บาท  ปูกลาง 60  บาท  และเล็ก 35 บาท  ปูดองปี๊บละ 7 กิโลกรัม  ราคา 580 บาท  ปูดองปี๊บละ 10 กิโลกรัมราคา 700  บาท   ส่งขายหาดใหญ่วันละ 300 – 500 กิโลกรัม  ส่งเชียงใหม่สัปดาห์ละ 220 ปี๊บ    ส่งกทม.สัปดาห์ละ  200-300 ปี๊บ  และส่งออกไปประเทศสิงคโปร์สัปดาห์ละ 150-200 ปี๊บ 

 

          นางจีหนา  ไชยยัน  อายุ 44 ปี พนักงานแพปูเปี้ยว   กล่าวว่า  หลังจากกรีดยางพาราในตอนเช้า  ก็มารับจ้างดองปูที่แพ  สร้างรายได้วัน 300 – 400 บาท  แล้วแต่ปริมาณของปู  โดยทางแพจะจ้างดองกิโลกรัมละ 2 บาทนำมาหารแบ่งกัน  โดยทำมา 20 ปีแล้ว  เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้  สำหรับกระบวนการดอกปูเปี้ยวนั้น  ก่อนอื่นต้องคัดแยกไซต์  ก่อนดองเกลือนาน 1-2 วัน แล้วแต่ความชอบ  

   

           ด้านนางรอม  เจริญฤทธิ์  อายุ 65 ปี  ชาวบ้านจากอำเภอทุ่งหว้า จ.สตูล  กล่าวว่า  ตนรับซื้อปูเปี้ยวตัวใหญ่จากชาวบ้านในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้า  ในราคากิโลกรัมละ 35 บาท  มาขายยังแพปูเปี้ยวในอำเภอท่าแพ  วันนึงจะนำมาขาย 150 – 200 กิโลกรัม เพราะพื้นที่อำเภอทุ่งหว้ามีป่าชายเลนสมบูรณ์  ปูเปี้ยวที่อยู่ในป่าชายเลนจึงมาเยอะ

 

           ด้านนายดนรอสัก  เปรมใจ  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ  กล่าวว่า ปูเปี้ยวในพื้นที่ตำบลท่าเรือ ถือว่ามีเยอะ เพราะป่าชายเลนสมบูรณ์  สามารถจับขายได้  ที่นี่มีการดองปูเปี้ยว นับเป็นธุรกิจที่สร้างเงิน  และสร้างงานให้กับชาวบ้าน   ซึ่งปูเปี้ยวนี้สามารถทำอาหารได้อย่างเมนู ส้มตำ พร้อมกันนี้อบต.ท่าเรือก็ได้แนะนำให้มีการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน      

 

  สนใจติดต่อสอบถาม  ซื้อ ขาย  ปูเปี้ยว โทร  062-0639844   (คุณอาร์ม) 

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-ร้านโรตีเจ้าเก่าแก่  ปรับตัวตัวตามภาวะเศรษฐกิจ   จากโรตีมะตะบะเมนูพื้นถิ่น เพิ่มทางเลือกลูกค้าสายรักผลไม้  สู่เมนูโรตีสับปะรด  โรตีมะพร้าวอ่อนขายยกลูก  และโรตีขนุน โรตีลูกชิด ให้ลิ้มลอง

สตูล-ร้านโรตีเจ้าเก่าแก่  ปรับตัวตัวตามภาวะเศรษฐกิจ   จากโรตีมะตะบะเมนูพื้นถิ่น เพิ่มทางเลือกลูกค้าสายรักผลไม้  สู่เมนูโรตีสับปะรด  โรตีมะพร้าวอ่อนขายยกลูก  และโรตีขนุน โรตีลูกชิด ให้ลิ้มลอง

             จากภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้หลายร้านต้องมีการปรับตัว  เพื่อสร้างความแปลกใหม่และจูงใจลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น  การสร้างสรรค์เมนูพื้นถิ่นให้มีความหลากหลาย  เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย  ได้เข้ามาลิ้มลอง

            แต่ก็ไม่ทิ้งเมนูดั้งเดิม  อย่างที่ร้านโรตีมะตะบะ  (หน้าพ.ส.) ริมถนนสตูลธานี  (ตั้งตรงข้ามโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์)   ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล ร้านเก่าแก่กว่า 26 ปี  ที่มีเมนูขึ้นชื่ออย่างโรตีมะตะบะ  มาวันนี้ได้มีการสร้างสรรค์เมนูโรตี  ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น 

          โดยล่าสุดทางร้านได้มีการรังสรรค์เมนู  โรตีสับปะรด  ที่ยกมาทั้งลูกให้ลูกค้ารับประทานกันอย่างจุใจ  จะได้รสชาติของสับปะรดอย่างแท้จริง   โดยการผสมผสานเนื้อโรตีกับเนื้อสับปะรดได้อย่างลงตัว   ซึ่งทางร้านได้นำสับปะรดมาเป็นส่วนผสมคลุกเคล้าเข้ากับนมข้นหวานให้เข้ากัน  ราดไปบนเนื้อโรตีแผ่นบางบนกระทะ  จากนั้นห่อเนื้อสับปะรดเข้าไปด้วยกัน  ทำให้ความเปรี้ยวของสับปะรดตัดความมันแก้เลี่ยนได้

           นอกจากนี้ยังมีเมนู  โรตีลูกชิด  ผลไม้พื้นถิ่นที่นำมาปรุงเป็นส่วนผสมกินกับโรตีได้อย่างลงตัว  และยังมีอีกหลากหลายเมนูอย่างโรตีขนุน  และที่เป็นไฮไลท์ของทางร้านอีก 1 ชนิด  คือโรตีมะพร้าวอ่อนที่ยกเสิร์ฟกันทั้งลูกเช่นกัน

          นายอัมรินทร์   บินอับดุลรามาน   อายุ 50 ปี  เจ้าของร้านรุ่นที่2  บอกว่า  เมนูที่ลูกค้าชอบเป็นประจำและขายดียืนหนึ่งมาตลอดก็คือโรตีมะตะบะที่ขายมานานกว่า 26 ปี  แต่เพื่อเป็นการสร้างความหลากหลายจึงนำผลไม้พื้นถิ่นในพื้นที่มาเป็นส่วนผสม  เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า  ทั้งโรตีมะพร้าวอ่อนที่ยกทั้งลูก  โรตีสับปะรดที่ยกทั้งลูกเช่นกัน  โรตีลูกชิดที่มีความอร่อยลงตัว  โรตีขนุน  และอีกหลากหลายเมนูนอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูอื่นๆให้เลือกทานอีกมากมาย กว่า 70 เมนู  ทั้งขนมจีน  ข้าวต้ม  ลูกชิ้น  เป็นต้น

         ลูกค้าบอกว่า   ชอบโรตีสับปะรดและโรตีลุูกจากมาก  เพราะได้รสชาติของผลไม้ที่แท้จริงและตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว   ซึ่งก่อนหน้านี้เดิมๆจะชอบโรตีมะตะบะเป็นขาประจำที่ร้านนี้อยู่แล้ว  เมื่อมีทางเลือกอื่นมาเพิ่มก็ชื่นชอบมากขึ้น  ราคาย่อมเยา 

         สำหรับลูกค้าที่ร้านโรตีมะตะบะ  หน้าพ.ส. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าดั้งเดิม  ที่ทานกันมาตั้งแต่เด็กจนโต  ด้วยเจ้าของร้านใจดีชอบแถมอาหารทานเล่นให้บ่อยครั้ง   และเจ้าของร้านมีความเป็นกันเองกับลูกค้าด้วย  ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่า  จะเน้นลูกค้าขาประจำภายในจังหวัดมากกว่านักท่องเที่ยว  หลายคนที่เป็นลูกค้าก็มาทานตั้งแต่เด็กจนโต 

          สำหรับ  โรตีมะตะบะราคา 40 บาท , โรตีสัปปะรด  60 บาท โรตีมะพร้าวอ่อน 60 บาท, โรตีขนุน 35 บาท  ,  และ โรตีลูกชิด 50 บาท ,

นอกจากนี้ทางร้านยังเคลมว่าร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรส  และผงปรุงรสทุกชนิดด้วย  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  ทางเพจ : โรตีมะตะบะ หรือ โทร.096 – 651 -5977

………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ศรชล.สตูลปลูกต้นกล้า รุ่นที่2  รู้อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน

ศรชล.สตูลปลูกต้นกล้า รุ่นที่2  รู้อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน

          นักเรียน  นักศึกษา  ตลอดจนเยาวชน นับเป็นกลไกสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากร  ทางทะเลและชายฝั่ง  การสร้างองค์ความรู้และปลูกจิตสำนึก รวมทั้งการมีส่วนร่วมนั้น

         วันที่  29 พ.ค.2567  นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือ  ศรชล.สตูล  เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรม “สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล” เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืน ครั้งที่2 ในการพัฒนาองค์ความรู้และปลูกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรทางทะเลของชาติ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน 

          โดยมีนาวาเอก รัฐพล แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3  รายงานและ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งทรัพยากรป่าชายเลน และการนำผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมชมศึกษาธรรมชาติของทรัพยากรป่าชายเลนตำมะลัง และร่วมกันปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติป่าชายเลนตำมะลัง กิจกรรมเก็บขยะ   ชายฝั่งและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้ง จำนวน 2,000 ตัว ที่ บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ซึ่งได้รับการสนับสนุน   ต้นพันธุ์กล้าไม้และสถานที่ปลูกป่าชายเลน จากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่  24 (ตำมะลัง สตูล) และได้รับการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสตูล ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยชุมชนสตูล และเจ้าหน้าที่หน่วยงานใน ศรชล.จังหวัดสตูล จำนวน 50  คน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ทกจ.กระบี่ประชุมความพร้อมยกทัพ นักกีฬาผู้สูงอายุกระบี่ร่วม”เมืองกาญจน์เกมส์ “

ทกจ.กระบี่ประชุมความพร้อมยกทัพ นักกีฬาผู้สูงอายุกระบี่ร่วม”เมืองกาญจน์เกมส์ “

              วันที่ 27 พฤษภาคม 2567  เวลา 13.30 น.  ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่    นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยตัวแทนนักกีฬาผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ของจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมและชี้แจงรายละเอียดก่อนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 “เมืองกาญจน์เกมส์” ระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน 2567 ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยจังหวัดกระบี่ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จำนวน 139 ท่าน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสได้ออกกำลังกายและเล่นกีฬาหรือกิจกรรมนันทนาการเพื่อสุขภาพ โดยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงอายุได้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนทุกวัยในสังคมได้เป็นอย่างดี โดยจัดการแข่งขันทั้งหมด 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา กอล์ฟ แบดมินตัน เปตอง วู้ดบอล หมากรุกไทย ตะกร้อ ลีลาศ ประกวดแอโรบิกมวยไทย ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และเกทบอล

………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ทกจ.กระบี่ พร้อม Staff เข้าพบ ผวจ.กระบี่ สรุปความพร้อมจัดงาน”Krabi Gastronomy Route”

ทกจ.กระบี่ พร้อม Staff เข้าพบ ผวจ.กระบี่ สรุปความพร้อมจัดงาน”Krabi Gastronomy Route”

           วันที่ 23 พฤษภาคม 2567  เวลา 13.30 น. นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายจิรวัฒน์ ปลอดวงศ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ และทีมบริษัทสานฟ้า เข้าพบนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และ พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ รวมถึงได้พูดคุยร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหาร จำนวน 4 ร้าน คือ ร้านอาหารอัญชลี ร้านปากน้ำซีฟู้ด ร้านพอลเบเกอรี่ และร้านโบทานี่ คาเฟ่ เพื่อปรึกษาหารือการเตรียมการจัดโครงการ “Krabi Gastronomy Route เส้นทางสายกิน เต็มอิ่มด้วยความอร่อย” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 – 30 มิถุนายน 2567 ณ ลานประติมากรรมปูดำ จังหวัดกระบี่ เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ ในการนำเสนอเมนูสร้างสรรค์จากวัตถุดิบอาหารท้องถิ่นในจังหวัดกระบี่ การนำเสนอเส้นทางอาหารของจังหวัดกระบี่ที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ เชื่อมโยงความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเอกลักษณ์อาหารของจังหวัดกระบี่ รังสรรค์ให้มีความเป็นอัตลักษณ์ เพื่อเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวรับรู้และเดินทางมาสัมผัสเส้นทางอาหารของโครงการฯ ส่งเสริมและสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับพื้นที่จังหวัดกระบี่ไปสู่ความยั่งยืนต่อไป

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-สามีภรรยาสู้ชีวิต!  ขายส้มตำเลี้ยงชีพ  เก็บสวนหลังบ้านเป็นเครื่องเคียง ลูกค้าชมหวานกรอบไร้สารพิษ  กุ้งทะเลร้าตัวโตอร่อยแห่อุดหนุนให้กำลังใจ

สตูล-สองสามีภรรยาสู้ชีวิต!  ขายส้มตำเลี้ยงชีพ  เก็บสวนหลังบ้านเป็นเครื่องเคียง ลูกค้าชมหวานกรอบไร้สารพิษ  กุ้งทะเลร้าตัวโตอร่อยแห่อุดหนุนให้กำลังใจ

           ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป  ตราบใดที่ 2 มือสองเท้ายังมีขอเพียงไม่ยอมแพ้  เหมือนอย่างครอบครัวสองสามีภรรยาชาวสตูลนี้

 

          หลังรักษาตัวจนหายเจ็บป่วย จากโรค(ลิ้นหัวใจ และไทรอยด์ทั้งคู่)  ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา  ต้องหยุดรักษาตัว  สองสามีภรรยาก็สามารถออกทำมาหากินได้  เดินหน้าทำอาชีพที่รักและถนัด  ด้วยการเปิดร้านส้มตำไก่ย่าง  คอดียะห์  ร้านเพิงเล็กๆ  ริมถนน สายแยกควนสตอ-วังประจัน ตั้งอยู่หมู่ที่ 8  ตำบลควนสตอ  (เลยสามแยกควนสตอเพียง 1 กิโลเมตรซ้ายมือ) ก็จะพบกับร้านส้มตำของคอดียะห์  ร้านนี้ดูผิวเผินอาจจะเป็นร้านเล็กๆ ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา

 

          เพราะผักและเครื่องเคียงเกือบทุกชนิดที่นี่   ใช้ปรุงเป็นเมนูส้มตำจะนำมาจากสวนครัวหลังบ้านที่ก๊ะคอดียะห์  ที่เป็นคนลงมือปลูกด้วยตัวเองพร้อมยืนยันว่าผักภายในสวนนี้ปลอดจากสารพิษ 100%   ไม่ว่าจะเป็น ถั่วฝักยาว มะเขือ พริกสด  ผักบุ้ง  คะน้า  และผักอื่นๆอีกมากมายที่ปลูกเป็นส่วนผสมและเป็นผักเครื่องเคียงสำหรับใช้ปรุงในการทำเมนูส้มตำขายเลี้ยงปากท้อง

 

          ลูกค้าที่มาทานส้มตำที่ร้านนี้  ยังสามารถที่จะเดินเก็บผักมารับประทานเองได้   หรือจะให้แม่ค้าไปเก็บผักในสวนมาเป็นผักเครื่องเคียงทานกับส้มตำ   ก็จะได้รสชาติที่หวานกรอบอร่อย  และเชื่อมั่นได้ว่ารับประทานผักที่ร้านส้มตำไก่ย่างนี้แล้วจะปลอดภัยจากสารพิษตกค้างอย่าง 100%   เพราะผักทุกชนิดคุณคอดียะห์ปลูกเองกับมือโดยมีสามีเป็นผู้ช่วย

 

          นอกจากนี้เมนูส้มตำปลาร้าของที่ร้านนี้ก็จะใช้กุ้งทะเลทำเป็นกุ้งร้าแทนปลา  เป็นสูตรใหม่ที่ก๊ะคอดียะห์คิดสูตรขึ้นมาเอง   ได้รสชาติกลมกล่อมอร่อยถูกใจลูกค้าไม่น้อย   และยังสร้างจุดขายให้กับทางร้านเล็กๆ ได้รับประทานกันด้วย

 

          นางบีเซาะ  เกปัน  ลูกค้าบอกว่า  มาทานครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจกับร้านนี้   นอกจากรสชาติที่อร่อยเหมือนต้นตำรับมาจากอีสาน  เนื่องจากแม่ค้าเป็นคนพื้นเพจังหวัดบุรีรัมย์  แต่มาตั้งรกรากเป็นสะใภ้มุสลิมที่นี่  ยิ่งสร้างความมั่นใจและประทับใจกับผักที่ปลูกขึ้นมาเอง   ให้กับลูกค้าได้ทานอย่างปลอดภัยด้วยรสชาติหวานกรอบอร่อย  และยิ่งประทับใจในตัวแม่ค้าที่เป็นคนสู้ชีวิต  แม้จะเจอมรสุมเข้ามาก็ไม่ย่อท้อก็อยากจะสนับสนุนและอุดหนุนเชิญชวนให้คนมากินส้มตำที่นี่ที่อร่อยและมีผักปลอดภัยไว้บริการในราคาย่อมเยา

 

          นายมะอุเส็น แซะอามา   สมาชิกอบต.ควนสตอ บอกว่า จะมาอุดหนุนลูกบ้านรายนี้อยู่เป็นประจำถ้ามีโอกาส  เพราะอดีตเคยปลูกผักปลอดสารพิษขาย  เมื่อล้มป่วยลงทั้งสองคนสามีภรรยาก็หยุดไปพักใหญ่  และกลับมาค้าขายอีกก็อยากจะมาอุดหนุนและอดชื่นชมไม่ได้ถึงฝีมือการปรุงอาหารรวมทั้งผักที่ปลอดภัยนำมาขายให้กับลูกค้าอยากให้ทุกคนมาช่วยกันอุดหนุนให้เยอะๆเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาทั้งสอง

         นอกจากผักที่สดหวานกรอบแล้ว  นางคอดียะห์   ยังมีกุ้งทะเลร้า  สูตรที่คิดขึ้นเองใช้แทนปลาร้า  สร้างความแปลกใหม่ให้กับสูตรส้มตำของที่นี่  โดยลูกค้าก็จะได้รับประทานกุ้งร้า ตัวโตในราคาย่อมเยา   โดยจะขายเป็นเมนูส้มตำกุ้งร้า เพียงจานละ 30 บาท และหากเป็นเมนูส้มตำไข่เค็มจานละ 40 บาทนอกจากนี้ยังมีเมนู ส้มตำไทย, ตำมะม่วงและตำซั่ว,  รวมทั้งไก่ย่างไม้ละ 10 บาท

          นางคอดียะห์  เหมสลาหมาด  อายุ 50 ปี  บอกว่า  เดิมทีตนมีอาชีพขายส้มตำไก่ย่างมานานกว่า 30 ปีหลังจากที่ล้มป่วยลงได้หยุดไป 5 ปีและพึ่งที่จะกลับมาขายเหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรและเห็นว่าตัวเองมีความถนัดในอาชีพนี้เลยตั้งใจกับสามีว่าจะช่วยกันขายส้มตำไก่ย่างและใช้ผักที่ชื่นชอบในการปลูกไว้หลังบ้านมาเป็นผักเครื่องเคียงให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ  ได้ทานกันอย่างจุใจในราคาย่อมเยา  โดยเริ่มต้นที่ราคา 30 บาท  ในเมนูส้มตำธรรมดาและ 40 บาท  ในเมนูส้มตำไข่เค็มและส้มตำมะม่วง รวมทั้งตำซั่ว  ไก่ย่างไม้ละ 10 บาทซึ่งเมนูมีไม่มากนักทำค้าขายพออยู่ได้กัน 2 คนสามีภรรยาเพราะผักส่วนใหญ่ก็จะใช้ผักในส่วนตัวมาปรุงเป็นเมนูส้มตำ

          ส่วนกุ้งทะเลที่นำมาเป็นกุ้งร้านั้น  ได้ที่สูตรขึ้นมาเองทำเหมือนกับปลาร้าแต่เปลี่ยนมาเป็นกุ้งทะเลแทนก็รสชาติอร่อยดีให้ลูกค้าได้ทาน  หลายคนก็ชื่นชอบในความหอมกลมกล่อม

          โดยทางร้านจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่เที่ยงไปจนกว่าของจะหมด  โดยติดต่อสอบถามได้ที่โทร  080-608-2176 ,  090-229-9740

……………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล – หอยกะพง สัตว์น้ำหาได้ทั้งปี  สร้างอาชีพเสริมผู้สูงวัยริมทะเลที่จังหวัดสตูล

หอยกะพง สัตว์น้ำหาได้ทั้งปี  สร้างอาชีพเสริมผู้สูงวัยริมทะเลที่จังหวัดสตูล

           ท้องทะเลในพื้นที่อำเภอละงู  จ.สตูล  นับเป็นท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์  ชาวบ้านในพื้นที่สามารถหาสัตว์น้ำได้อย่างต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเป็น  กุ้ง  หอย  ปู  ปลา  โดยเฉพาะหอย เรียกได้ว่ามีครบ ทั้งหอยหลอด  หอยเสียบ  รวมถึง หอยกาบง  หรือ หอยกะพง  ที่ชาวบ้านสามารถหาได้ตลอดทั้งปี  หากขยันก็สร้างรายได้ให้ชาวบ้านตลอดทั้งปีเช่นกัน 

 

          ที่บริเวณชายหาดหัวหิน  ต.ละงู  อ.ละงู  จ.สตูล   นายณรงชัย  อยู่ล่าย  อายุ 62 ปี และนางปราณี  อยู่ล่าย  หรือ มะลี อายุ 65 ปี  สองสามีภรรยาวัยเกษียรณช่วยกันลวกหอยกะพงที่ลูกสาวหามาให้ตั้งแต่เช้ามืด   โดยใช้เตาฟืนในการลวกหอยจำนวนมากนี้  ก่อนนำไปให้ชาวบ้าน 4-5 คน ที่มารับจ้างแกะเปลือกออกด้วยความชำนาญ

 

          นางรอฉ๊ะ  สายสว่าง  อายุ 65 ปี ชาวบ้านหัวหิน   กล่าวว่า  ทุกๆวันหลังเสร็จภารกิจงานบ้านก็จะนำมีดและกะละมังใส่หอย  มานั่งแกะหอยที่ผ่านการลวกแล้ว  โดยแกะเปลือกออกนำขนหอยออก  รับค่าจ้างกิโลกรัมละ 10 บาท  หนึ่งวันจะได้ประมาณ 50-100 บาท  แล้วแต่ปริมาณหอยที่มี 

 

          นางปราณี  อยู่ล่าย  หรือ มะลี อายุ 65 ปี  กล่าวว่า  ทุกๆวันจะได้หอยมาไม่เท่ากันหากน้ำลดก็หาได้เยอะ  เฉลี่ยอยู่ที่ 30-40 กิโลกรัม    หากไม่มีคลื่นลมจะหาได้ทุกวัน  สังเกตช่วงหอยผอมจะหยุดหา  โดยออกเรือไปหาหอยห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร  เมื่อได้หอยมาแล้วจะลวกโดยใช้ไฟแรงให้น้ำเดือดก่อนจุ่มหอยลงไปประมาณ 2-3 นาที  อย่าให้มีฟองขาว  เมื่อหอยอ้าปากก็ยกขึ้นได้แล้ว  ในแต่ละวันจะมีรายได้หลังหักค่าจ้างวันละ 1,000  กว่าบาท

           ด้านนายจำรัส  ฮ่องสาย  นายกอบต.ละงู  กล่าวว่า  หอยกะพงมีรสชาติอร่อย  เพราะความสดเพิ่งขึ้นจากทะเลแล้วนำมาลวกเลย  หอยช่วงฤดูนี้จะอ้วนเพราะกินแพรงตอน  สามารถไปทำได้หลายเมนูอย่าง  ลวกจิ้ม  ยำ ผัด แกงต่างๆ  หากทำแกงก็ผ่าหอยสดๆก่อนนำไปแกงจะได้รสชาติที่อร่อย  สามารถเป็นรายได้เสริมเพราะหอยนี้มีตลอดทั้งปี  แต่จะมีช่วงฤดูหอยผอม  และหอยจะอ้วนในช่วงมรสุม  นับเป็นสิ่งที่ดีผู้สูงอายุก็สามารถรับจ้างแกะหอยโดยใช้เวลาวันละ 2-3 ชั่วโมง ได้เงินวันละ 100 กว่าบาท

 

          นายก อบต.ละงู  กล่าวอีกว่า  พื้นที่ตำบลละงู  มีชายหาดหัวหิน  ชายหาดบางศิลา  มีท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์เพราะชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ    ชาวบ้านสามารถหาหอย หรือสัตว์น้ำชนิดอื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง  หอยหลอดจะมีเยอะช่วง พฤศจิกายน – มีนาคม ของทุกปี  นอกจากนี้ยังมีหอยเสียบ  หอยแครง ส่วนหอยกะพงต้องออกเรือไปนิดหน่อยก็สามารถหาได้ทั้งปีอาจจะว่างแล้วบ้างในช่วงฤดูหอยผอม 

 

        สำหรับหอยสดขายในราคากิโลกรัมละ 15 บาท  หอยลวกแล้วขายทั่วไปกิโลกรัมละ 60 บาท  ส่งขายโรงงานในราคากิโลกรัมละ 50 บาท  ส่วนเปลือกหอยที่มีจำนวนมาก สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นปาล์มได้ สนใจติดต่อสอบถาม หรือ สั่งซื้อหอย  โทร  065-8063285  มะลี   

…………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล – เอาใจสาวกข้าวเหนียวทุเรียนหมอนทองสามสี  เสิร์ฟแบบจุก ๆ ทั้งเนื้อสดและน้ำราด  ในราคาเบากระเป๋า ออเดอร์วันละ 200 ชุด

สตูล – เอาใจสาวกข้าวเหนียวทุเรียนหมอนทองสามสี  เสิร์ฟแบบจุก ๆ ทั้งเนื้อสดและน้ำราด  ในราคาเบากระเป๋า ออเดอร์วันละ 200 ชุด

         สาวกทุเรียนในยุคนี้  แม้จะกระทบกับภาวะเศรษฐกิจเงินฝืดเคืองไปบ้าง  แต่หลายร้านจำหน่ายทุเรียน  ก็มักจะหาทางออกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงทุเรียน  ผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบและโปรดปรานได้ง่าย

 

         เหมือนอย่างเช่นร้านนี้  ของคุณอลิษา  พันธุโยร์  หรือคุณฝน  ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติคฤหาส์กูเด็น  ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล  ทันทีที่ถึงเวลา 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มของทุกวัน  จะมีลูกค้ามายืนคอยคิวซื้อข้าวเหนียวทุเรียนสามสี  กันอย่างคึกคัก  ทำให้ทางร้านต้องจัดคิวเข้าแถว  เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงข้าวเหนียวทุเรียนสามสี  ที่พร้อมจะเสิร์ฟให้กับทุกคนที่ชื่นชอบกินกันชนิดจุใจ  ทั้งเนื้อทุเรียนหมอนทองสด ๆ ชิ้นใหญ่ๆ    ข้าวเหนียวมูน (สามสีธรรมชาติ ทั้งอัญชัน,ใบเตยและสีขาวธรรมชาติ)  น้ำกะทิทุเรียน และ น้ำกะทิธรรมดาก็พร้อมเสิร์ฟกันไปเลยให้เลือกทั้ง 2 ชนิดในราคาเพียงชุดละ 60 บาท 

 

        คุณเกด  หนึ่งในลูกค้าทุเรียน  บอกว่า   มาซื้อเป็นครั้งที่ 2 แล้ว  ครั้งแรกซื้อไป 3 กล่อง  มาครั้งนี้ซื้อ 4 กล่อง  ชื่นชอบในน้ำกะทิทุเรียนเพราะเป็นเนื้อทุเรียนจริงๆ  มีเนื้อทุเรียนใส่มาให้เราด้วย  และในน้ำทุเรียนก็มีทุเรียนด้วย  ราคาก็ถูก ชื่นชอบตั้งแต่น้ำทุเรียนเพราะปกติการกินข้าวเหนียวทุเรียนก็จะกินกับน้ำกะทิ  แต่เจ้านี้ให้เนื้อทุเรียนมาด้วย  เหมือนกับว่าได้กินรสของทุเรียนจริงๆ  ที่บ้านก็ชื่นชอบวันก่อนซื้อไปให้ย่าและน้ากินวันนี้เขาติดใจเลยสั่งอีก  เพื่อนที่ทำงานก็ฝากซื้อ

            นางสาวอลิษา  พันธุโยร์  หรือน้องฝน  เจ้าของร้าน  บอกว่า   ทางร้านจะใช้เนื้อล้วนๆ ประมาณ 30 กิโลกรัม (หรือ 100 กิโลกรัมทั้งลูก ข้าวเหนียวก็ประมาณ 30 กิโลกรัม  วันละ 200 ชุดขึ้นไป  ทุเรียนที่ใช้เป็นทุเรียนจากจันทบุรีซึ่งเป็นของป้า  จะใช้เป็นทุเรียนหมอนทองที่สุก  ราคาขายก็ถือว่าอยู่ได้ด้วยลูกค้าก็จับต้องได้เราก็อยู่ได้ด้วย  ขายมา 1 อาทิตย์แล้วโดยเฉพาะหน้าทุเรียนจะขายเป็นประจำทุกปี     คิดว่าลูกค้าติดใจในน้ำกะทิพร้อมใส่เนื้อทุเรียนโดยทางร้านจะให้ลูกค้า 2 แบบทั้งแบบใส่เนื้อทุเรียนไปในน้ำกะทิและแบบไม่ใส่  ราคาขาย 60 บาท จะเริ่มขายตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม ขายทุกวัน เนื้อทุเรียนล้วน  ขายขีดละ 59 บาท (แต่ขึ้นอยู่ที่ราคาของทุเรียนแต่ละวันด้วย)

 

          นอกจากนี้คุณอลิษา  พันธุโยร์  ก็ยังเปิดขายขนมจีนบุฟเฟ่ต์ผักสด ๆ ซึ่งเป็นงานประจำอยู่ด้วยที่ซอยเขาจีน ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล  โดยจะเปิดขายขนมจีน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ต่อจากนั้นเมื่อถึงหน้าทุเรียนก็พร้อมบริการขายให้สาวกทุเรียนกันจนหมดฤดูกาลไปเลย

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล-นาทีชาวประมงสตูลช่วยปลากระเบนนก  ขนาดใหญ่ 10 คนหาม  สัตว์หายากของโลกคืนสู่ท้องทะเล

นาทีชาวประมงสตูลช่วยปลากระเบนนก  ขนาดใหญ่ 10 คนหาม  สัตว์หายากของโลกคืนสู่ท้องทะเล

           นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  อายุ 40 ปี ไต๋เรือ ประมงพาณิชย์ ชื่อว่า ป.โชคประพาภรณ์ 1 หรือ ไต๋บอลอวนดำซิ่ง   ได้ส่งคลิปวีดีโอจากมือถือ  นาทีปลากระเบนนก ที่มีขนาดใหญ่ ติดอวนปลาทู  ก่อนลูกเรือนับ 10 คน ช่วยกันปล่อยลงทะเลอย่างทุลักทุเล  เพราะความใหญ่ของกระเบนนก   โดยคลิปที่มีความยาว  4 นาทีกว่า ถูกส่งต่อมายังทีมข่าว โดยแจ้งว่า วันที่  12  พ.ค. 2567  ตนได้ออกหาปลากลางทะเลไกลชายฝั่ง ในพื้นที่ทะเลฝั่งอันดามัน หลังเกาะเกียง  จังหวัดสตูล 

 

         ขณะยกอวนปลาทู  ซึ่งได้มาจำนวนมาก  แต่สิ่งหนึ่งที่ติดมากับอวนจนต้องผงะเลยทีเดียวนั่นคือ  ปลากระเบนนกขนาดใหญ่กว่า 1 เมตร  ที่พบว่าเป็น สัตว์ทะเลหายากของโลก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์   ขณะที่ในไทย เคยเจอครั้งก่อน  เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2561 ปลากระเบนนกโผล่อวดโฉม  ที่เกาะพีพี จ.กระบี่  นักดำน้ำไทยถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม  และล่าสุด  ครั้งนี้ได้เจอที่ทะเลอันดามันในฝั่งจังหวัดสตูล

 

        นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  หรือ ไต๋บอลอวนดำซิ่ง   กล่าวว่า ตนเองพร้อมลูกน้องออกทะเลมานานกว่า 30 ปีแล้ว มักจับเจอสัตว์น้ำตัวใหญ่มามากมาย และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลธรรมชาติเป็นประจำ  เคยเจอปลากระเบนนก  แค่ 2 ตัว ตัวนี้นับเป็นตัวที่  2  ซึ่งยอมรับว่าหาพบยากมาก  ส่วนใครสนใจ อยากดูปลาทะเล สามารถติดตาม ติ๊กต๊อกส่วนตัว ชื่อว่า “ไต๋บอล อวนดำซิ่ง”  ได้ ตอนนี้ผู้ติดตาม 59.2K คน  และคลิปการปล่อยปลากระเบนนก คืนสู่ท้องทะเล มีคนเข้าชมถึง 72.4K  หรือประมาณ  7 หมื่นกว่าคน 

              สำหรับการจับปลากระเบนนกตัวนี้ได้   นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  บอกอีกว่า เราใช้ลูกเรือ 5-10 คนช่วยกันยก  ปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ได้อย่างปลอดภัย เพราะตนเองที่ทำอาชีพประมงจับปลา แต่ไม่เคยคิดจับสัตว์น้ำตัวใหญ่ สิ่งที่เคยจับมาได้และปล่อยมักจะได้ วาฬ เต่า และล่าสุดปลากระเบนนกตัวนี้ ก็ปล่อยไป   เพราะสัตว์น้ำตัวใหญ่ เปรียบเสมือนจ้าวแห่งท้องทะเล

 

            สำหรับ กระเบนนก มีคนตั้งฉายาว่า “วิหคแห่งท้องทะเล”   เป็นปลาที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ไข่จะฟักในท้องแม่  ก่อนจะคลอดออกมาเป็นตัวปลา  โดยจะออกลูกครั้งละ 1-6 ตัว ขนาดโตเต็มที่ลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร

………………………………………………………………………………..

อัพเดทล่าสุด