Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

จากป่าสู่ครัว : ชาวมานิรุ่นใหม่เปิดใจเรียนรู้ทำโรตี-ปัสมอส วิทยาลัยชุมชนสตูลหนุนต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

จากป่าสู่ครัว : ชาวมานิรุ่นใหม่เปิดใจเรียนรู้ทำโรตี-ปัสมอส วิทยาลัยชุมชนสตูลหนุนต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

        (19 ธ.ค.2567) ที่หมู่บ้านกลุ่มชาติพันธ์ชาวมานิ  “ทับแม่ฉิม ห้วยโด”   หมู่ 10 บ้านวังนาใน   ต.น้ำผุด  อ.ละงู จ.สตูล วันนี้เด็ก ๆ และแม่บ้านภายในทับทุกคน  ไม่น้อยกว่า 30 ชีวิต กำลังตั้งใจเรียนรู้การทำเมนูโรตี  อาหารพื้นที่ถิ่นกันตื่นตาตื่นใจ  ทุกคนได้มีโอกาสลงมือทำไม่ว่าจะเป็นการนวดแป้ง การฟัดโรตี การทอด  เรียนรู้และลงมือทำตั้งแต่กระบวนการทำขั้นตอนแรก

 

         นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้การทำ เมนูปัสมอสเพื่อสุขภาพ  หรือที่เรียกกันว่า สลัดแขก เมนูที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่มากนัก เพราะเครื่องปรุงค่อนข้างจะเยอะ แต่ทุกคนก็ได้เห็นหน้าตาของเครื่องปรุงและลงมือทำ  การหั่น การทอด การเคี่ยวน้ำปรุงราด ตลอดจนได้ลิ้มลองฝีมือของตัวเองกันอย่างสนุกสนานและอิ่มเอมกับความรู้ที่ได้รับ

 

         ซึ่งการอบรมการทำเมนูอาหารพื้นถิ่นในครั้งนี้  เป็นของโครงการของสถาบันวิทยาลัยชุมชนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม   เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ มอบให้แก่ประชาชน โดยวิทยาลัยชุมชนสตูล ภายใต้โครงการบริการวิชาการตามความต้องการของชุมชน  ประจำปีงบประมาณ 2568  บริการวิชาการ ส่งเสริมทักษะอาชีพพัฒนาศักยภาพ และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน “ หลักสูตรอาหารพื้นถิ่นสร้างอาชีพ “

 

          นางสาวฉ๊ะ  รักษ์ละงู   ชาวมานิ  บอกว่า  ทำไม่ยาก สำหรับโรตีเพิ่งทำครั้งแรก ชอบตอนฟัดโรตี  อยากทำไว้กินเอง  อร่อยมากกับเมนูที่พวกตนได้ทำและได้กินกัน

         ครูณัฐนันท์   โอมเพียร  (ครูณัฐ)   ผู้ดูแลชาวมานิ  บอกว่า  อยากเห็นเขาสร้างอาชีพ  ทำอาหารแบบง่าย ๆ ได้ทำกินเองและเมนูที่ทำเป็นเมนูที่ชาวมานิชอบมาก  การอบรมในครั้งนี้อยากให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆจากภายนอกเพื่อให้เรียนรู้สังคมเมือง ด้วยการเรียนรู้ปรับตัวเอง เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้เรียนรู้การทำอาหาร  วัตถุดิบหาง่าย ลำดับต่อไปอยากให้สอนการทำจักรสาน หลากหลายรูปแบบ ให้สวยและขายได้ เพราะทุกวันนี้เขาทำจักรสานอยู่แต่ไม่สวย

         ดร.วรรณดี สุธาพาณิชย์  (ผอ.วชช.สตูล)  ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนสตูล กล่าวว่า  การอบรมในครั้งนี้ได้ดูแลเป็นพิเศษ  ครั้งนี้ส่งเสริมอาหารพื้นถิ่น ปัสมอสและโรตีที่พวกเขาชอบกิน  เขาจะได้ทำไว้กินเอง หรือพัฒนาต่อยอดไปขายได้  และจะพัฒนาต่อเนื่องหากต้องการ เช่นการทำจักสาน ภาชนะ ความละเอียดที่พวกเขามีเป็นพื้นฐาน  เราจะเข้ามาพัฒนาการทำตะกล้าจากใบเตย ทำภาชนะใช้เองเข้าป่า หาอาหาร  การอบรมในครั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างประสบการณ์ด้านอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามความต้องการของปัจเจกบุคคลและชุมชนในลักษณะของการตอบสนองที่รวดเร็ว และสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล

 

          แนวคิดรัฐบาล ที่มีนโยบายให้การพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG Model  เป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เกิดการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนเข้มแข็ง และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง วิทยาลัยชุมชนสตูลจึงเห็นความสำคัญของการให้บริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมด้านวิชาการ การเผยแพร่ความรู้  เป็นที่ปรึกษา และบริการวิชาการแก่สังคม  โดยบูรณาการความรู้ใหม่กับภูมิปัญญาท้องถิ่นในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยการเชื่อมโยงการให้บริการวิชาการเข้ากับการจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม อันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เครือข่ายชุมชน และสังคมใกล้เคียงได้รับความรู้  เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในด้านวิชาการ และทำให้วิทยาลัยฯมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนและสังคมเพิ่มมากขึ้นด้วย

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ใหญ่กว่านี้มีอีกไหม! กล้วยงาช้างสตูล-ลูกใหญ่ เนื้อแน่เยอะ หวานกรอบ จากสวนยางสู่กล้วยกรอบแก้วระดับพรีเมียม

ใหญ่กว่านี้มีอีกไหม! กล้วยงาช้างสตูล-ลูกใหญ่ เนื้อแน่เยอะ หวานกรอบ จากสวนยางสู่กล้วยกรอบแก้วระดับพรีเมียม

          ที่สวนของสมาชิกในกลุ่ม  “วิสาหกิจชุมชนกล้วยสวนกรอบแก้ว”   529/1 หมู่ที่ 5 ตำบลน้ำผุด  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล ได้มีการปลูกกล้วยเพื่อแซมสวนยางพารา  ร่วมกับต้นกาแฟ ต้นกระท่อม เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับสมาชิกในกลุ่ม  โดยเฉพาะการปลูกกล้วยงาช้าง ที่เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของทางกลุ่มในการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ  ภายใต้แบรนด์  กล้วยงาช้างกรอบแก้ว “สวนตาอุ้ย” กรอบอร่อย ทุกที่ทุกเวลา  ที่ได้รับเลขทะเบียน อย.การันตีความอร่อยสะอาดถูกหลักอนามัยด้วย

 

          จากการลองผิด ลองถูก เพื่อให้เกิดความแตกต่างมาลงตัวที่  กล้วยงาช้าง  ด้วยคุณสมบัติผลใหญ่ (ใหญ่สุดลูกเดียว 1.8 ขีด)  ปลูกเพียง 8 เดือนก็สามารถให้ผลผลิต  เนื้อเนียน  เนื้อเยอะ  ไม่มีเมล็ด  รสชาติดีทำให้ทางกลุ่มของคุณป้าเย็น และคุณจิต และเพื่อนๆ สมาชิกได้ตกลงใช้กล้วยสายพันธุ์นี้ทำ  กล้วยกรอบแก้ว  ที่มีรสชาติลงตัวที่สุดกับ รสหวาน รสเค็มและรสปาปิกา  จำหน่ายเพียงถุงละ 35 บาท (3 ถุงร้อย) ถุงละ 50 บาทหรือจะซื้อเป็นกิโลกรัมละ 180 บาท (2-3 กิโลกรัมขึ้นไป) 

 

          ขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก  เน้นความสะอาด  กล้วยที่ได้มาเป็นกล้วยแก่ 70 เปอร์เซ็นต์  ล้างน้ำทำความสะอาดจากนั้นแช่ในน้ำเปล่า ตัดหัวตัดท้ายออกปลอกเปลือกและแช่ในน้ำส้มสายชู  เพื่อล้างยางในตัวกล้วย และนำมาสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ  ตั้งไฟใส่น้ำมันร้อนลงไปทอดไม่ทันเหลืองให้ยกขึ้นจากกระทะ  ให้สะเด็ดน้ำมันแล้วนำไปใส่ในหม้อน้ำตาลที่ผ่านการเคี้ยวจนหอมน้ำใบเตย  ไม่ถึงนาทียกขึ้นให้สะเด็ดน้ำตาลจากนั้นนำไปทอดในกระทะอีกครั้ง เพิ่มความเหลืองกรอบในระดับหนึ่งก่อนยกขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน  วางบนกระดาษซับน้ำมัน เป็นอันเสร็จ ชิมความอร่อยของกล้วยกรอบแก้ว รสหวานได้เลย

          นางเกสร  เตชะศิริประภา (ป้าเย็น) ประธานกลุ่ม “วิสาหกิจชุมชนกล้วยสวนกรอบแก้ว”  นางเขมนิจ   เมืองแก้ว (ป้าจิต) รองประธานฯ พร้อมสมาชิก 20 คน   บอกว่า   ทางกลุ่มผลิตกล้วยกรอบแก้วจาก “กล้วยงาช้าง” ที่มีคุณภาพ  เพราะลูกใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ และเก็บได้นาน  ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดตอบรับเป็นอย่างดี 

 

           สำหรับสมาชิกของทางกลุ่มฯ ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ ชาวสวน ที่มารวมกลุ่มกันสร้างรายได้เสริม  ปัจจุบันแม้ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเนื่องจากปีที่ผ่านมาประสบภัยแล้ง   แต่ทุกคนยังคงมุ่งมั่นในการที่จะผลิตสินค้าคุณภาพ เพราะมีใจรักในการทำ และใส่ใจคุณภาพ สมาชิกทุกคน 20 คนได้รับการปันผลรายได้ทันทีตามผลประกอบการแต่ก็ไม่ใช่สาระหลัก  เพราะทุกคนอยากมารวมตัวกันเจอกันรายได้เสริมเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการทำกลุ่มมากกว่า

 

          นางสาวมนัสนันท์  นุ่นแก้ว เกษตรอำเภอละงู  กล่าวว่า  สำหรับพื้นที่อำเภอละงูมีการปลูกกล้วยงาช้าง 40 ไร่ พบว่าผลผลิตก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากมีกระแสตอบรับดีมาก ทำให้ทางสำนักงานมีแนวความคิด ขยายพื้นที่การปลูกกล้วย กล้วยงาช้างให้เพิ่มขึ้น โดยจะส่งเสริมไปในส่วนของสมาชิกกลุ่มก่อน และจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นในบริเวณใกล้เคียง   สำหรับ  กล้วยงาช้าง  มีความพิเศษคือมีผลขนาดใหญ่เปลือกบาง เนื้อเนียนแน่นไม่มีเมล็ด ทำให้เหมาะกับการมาแปรรูปเป็นกล้วยฉาบ เมื่อแปรรูปเสร็จเนื้อจะกรอบเนียนอร่อย

 

         สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ นี้มาตั้งแต่ปี 2562 ทางเกษตรอำเภอได้เข้ามาช่วยส่งเสริมการบริหารจัดการกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้น นอกจากนี้ก็จะเป็นในส่วนของการตลาดและมาตรฐาน นอกจากนี้ทางกลุ่มก็ได้รับมาตรฐานอย.แล้วด้วย   อยากจะฝากกล้วยกับแก้วของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกล้วยสวนกรอบแก้วเพราะมีรสชาติอร่อย

 

        สามารถติดตามได้ทางช่องทาง Facebook ของกลุ่ม หรือของทางสำนักงานเกษตรอำเภอละงูได้ โทร. 0896571242  , 0918147759

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ถั่วลิสงแซมยาง สร้างเงิน! เกษตรกรสตูลเผยสูตรสำเร็จ ปลูก 2 ไร่ 3 เดือนรายได้งาม

ถั่วลิสงแซมยาง สร้างเงิน! เกษตรกรสตูลเผยสูตรสำเร็จ ปลูก 2 ไร่ 3 เดือนรายได้งาม

         เกษตรกรต้นแบบที่ จ.สตูล สร้างรายได้เสริมด้วยการปลูกถั่วลิสงแซมในสวนยางพารา  ที่บ้านอุใดใต้  หมู่ที่ 5 ตำบลอุใดเจริญ  อำเภอควนกาหลง  จังหวัดสตูล

         

         โดยนางสาวสุภาพ  ศรีทอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอควนกาหลง พร้อม น.ส.จุฑามาศ เกียรติอุปถัมภ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และ นายธารสวาท พิมเสน  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรและให้คำแนะนำการปลูกและดูแลพืชระยะสั้นที่ให้ผลผลิตเร็ว อย่างการปลูกถั่วลิสง

 

          ซึ่งเกษตรรายนี้คือ  นายนิรันดร  คลิ้งนวล อายุ 63 ปี  คุณลุงพร้อมภรรยา  เกษตรกรชาวบ้านอุใดใต้  ได้ปลูกถั่วลิสงแซมในสวนยางที่ยังไม่เปิดกรีด  เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างรายได้เสริม โดยใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ระหว่างรอยางโตบนพื้นที่ปลูก 2 ไร่  โดยใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 15 กิโลกรัมต่อไร่ มีเทคนิคการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการไถดินและหว่านปูนขาวเพื่อป้องกันหนอน ปลูกโดยเว้นระยะห่าง 1 ไม้บรรทัด ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15 สองครั้งในช่วงอายุ 15 และ 30 วัน

         นางสาวสุภาพ ศรีทอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอควนกาหลง กล่าวว่า   ถั่วลิสงเป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้เวลาสั้นเพียง 3 เดือนก็เก็บผลผลิตได้ และยังช่วยบำรุงดินอีกด้วย ที่สำคัญ ในพื้นที่ 1 ไร่ สามารถให้ผลผลิตถึง 300 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท และหากแกะล้างเรียบร้อยราคาจะเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 75 บาท สร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี

 

         โดยรายได้จากการขายถั่วลิสงต่อไร่ 15,000 บาท   ในพื้นที่จำนวน 2 ไร่  คุณลุงนิรันดร สามารถสร้างรายได้ภายใน 3 เดือน 30,000 บาท ควบคู่ไปกับพืชชนิดอื่นที่ปลูกแซมไปพร้อมกันด้วย

 

         นอกจากนี้ หลังเก็บเกี่ยวถั่วลิสงแล้ว ยังสามารถปลูกพืชหมุนเวียนอื่น ๆ เช่น ข้าว ข้าวเหนียวดำ หรือข้าวโพด ข้าวไร่  ได้อีกด้วย เกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณลุงนิรันดร คลิ้งนวล โทร 083-656-1525 หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล

……………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เยาวชนสตูล ร่วมสืบสานวิถีชาวนาพื้นบ้าน เรียนรู้ตั้งแต่เก็บเกี่ยวถึงการแปรรูป

เยาวชนสตูล ร่วมสืบสานวิถีชาวนาพื้นบ้าน เรียนรู้ตั้งแต่เก็บเกี่ยวถึงการแปรรูป

         บรรยากาศอันสวยงามของทุ่งข้าวเหนียวดำพันธุ์พื้นเมืองที่กำลังออกรวงเต็มท้องทุ่ง พร้อมให้เก็บเกี่ยวบนพื้นที่ 30 ไร่ในแปลงยางพาราอายุไม่เกิน 3 ปี ณ บ้านนาโต๊ะขุน ตำบลแป-ระ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล ได้กลายเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่มีชีวิตสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่

        วันนี้ (20 พ.ย. 67) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์จำนวน 38 คน ได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนาผ่านการแข่งขันเก็บเกี่ยวข้าวด้วย “แกะ” เครื่องมือพื้นบ้านที่สืบทอดมาแต่โบราณ โดยมีนายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์ วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล  นายอารีย์  โส๊ะสันสะ เกษตรอำเภอท่าแพ และชาวบ้านในชุมชนร่วมลงแขกเก็บเกี่ยวไปพร้อมกัน

         เพื่อสืบสานภูมิปัญญาการทำข้าวเม่า  หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ผู้ร่วมงานได้เรียนรู้กระบวนการทำข้าวเม่าแบบดั้งเดิม เริ่มจากการคั่วข้าวเหนียว ตำในครก และฟัดด้วยกระด้ง ก่อนนำไปแปรรูปเป็นเมนูพื้นบ้าน “ข้าวเม่าคลุกมะพร้าวอ่อน” ที่ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบในท้องถิ่น 

         นางสาวชนกสุดา เจริญศิลป์  และนายธนกฤต เพชรสงค์  นักเรียน ชั้น ม.6  โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์     เปิดเผยว่า “แม้จะเป็นคนสตูลแต่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับการเก็บเกี่ยวข้าวมาก่อน การได้มาเรียนรู้วันนี้ทำให้ภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นของเรา และเห็นศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเป็นวิสาหกิจชุมชน”

 

        ด้าน นางรำไพ สตันน๊อด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลผลิตบ้านนาโต๊ะขุน เล่าถึงที่มาของโครงการว่า เกิดจากแนวคิดในการใช้ประโยชน์พื้นที่ว่างหลังการโค่นยางพารา โดยหันมาปลูกข้าวเหนียวดำเพื่อสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชน

 

        ปัจจุบัน อำเภอท่าแพมีพื้นที่ปลูกข้าวรวม 3,048 ไร่ จาก 615 ครัวเรือน โดยเฉพาะในตำบลแป-ระมีพื้นที่ปลูกข้าว 1,576 ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว 778 ไร่ และข้าวไร่ 798 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกแซมในสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างวิถีเกษตรดั้งเดิมกับการเกษตรสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

“ขาหมูจันทร์เจริญ” สูตรลับจากจีนสู่ร้านดังเมืองสตูล ทายาท วัย33 ปีบริหารด้วยใจรักงานบริการ ตอบโจทย์ทุกวัยสายหมู

“ขาหมูจันทร์เจริญ” สูตรลับจากจีนสู่ร้านดังเมืองสตูล ทายาท วัย33 ปีบริหารด้วยใจรักงานบริการ ตอบโจทย์ทุกวัยสายหมู

         เส้นทางความสำเร็จของร้านขาหมูจันทร์เจริญ  เริ่มต้นจากคุณแม่เพ็ญผู้ได้รับการถ่ายทอดสูตรอันเป็นเอกลักษณ์จากชาวจีนใน จ.พังงา  ก่อนจะมาเปิดร้านของตัวเองที่อำเภอควนกาหลง  เป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนได้ย้ายเข้าสู่ตัวเมืองสตูล โดยแวะพักที่แฟลตตำรวจ 1 ปี ก่อนจะมาตั้งรกรากที่ปัจจุบันบนถนนยนตรการกำธร ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล

 

          ปัจจุบัน กิจการได้ส่งต่อมาถึงรุ่นที่ 2 โดยคุณวันจันทร์  จีวตระกูล วัย 33 ปี ผู้มีใจรักในการค้าขายและการทำอาหาร ซึ่งเสริมอาชีพจากอาชีพกู้ชีพที่ภูเก็ต มาเป็นผู้บริหารร้านร่วมกับครอบครัว

         

         โดยจุดเด่นของร้านเคล็ดลับความอร่อยที่ใครก็ต้องลอง  กับเมนูขาหมูนุ่มละลายในปาก ที่ผ่านการตุ๋นนาน 3-4 ชั่วโมง – น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดได้ใช้น้ำมะนาวสดๆ  และวัตถุดิบคุณภาพ  โดยปริมาณการขายต่อวัน:ขาหมู 8-10 ขา   หมูทอด 6 กิโลกรัม หมูกรอบ 10 กิโลกรัม

         สำหรับเมนูแนะนำและราคา   ข้าวขาหมูธรรมดา 60 บาท , ข้าวขาหมูพิเศษ 70 บาท , ข้าวหมูทอด 50 บาท ,ก๋วยจั๊บ (เพิ่มเครื่องใน) 50 บาท , ขาหมูล้วน (กล่อง) 100 บาท- คากิล้วน (กล่อง) 100 บาท  นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น หมูกรอบ หมูแดง แกงส้ม และบริการจัดเลี้ยงแบบกล่อง

 

          ร้าน- เปิดบริการ: 07:30 – 15:00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์   ที่ตั้ง: ถนนยนตรการกำธร (ตรงข้าม อบจ.สตูล) ต.คลองด อ.เมืองสตูล  – โทร: 098-369-2536, 096-792-7024  และ เร็วๆ นี้มีบริการสั่งอาหารออนไลน์

 

          สำหรับร้านขาหมูจันทร์เจริญ เป็นที่นิยมในทุกกลุ่มลูกค้า  ทั้งข้าราชการและลูกค้าขาจร ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และการบริการที่ใส่ใจ ทำให้ร้านนี้กลายเป็นหนึ่งในร้านขาหมูที่ได้รับความนิยมในจังหวัดสตูล

 

…………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

“วันเดียวเที่ยวฉลุง” สัมผัส 6 จุด มนต์เสน่ห์วิถีชุมชนดั้งเดิมแห่งสตูล

วันเดียวเที่ยวฉลุง” สัมผัส 6 จุด มนต์เสน่ห์วิถีชุมชนดั้งเดิมแห่งสตูล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล ร่วมกับเครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดพิเศษในโครงการ “วันเดียวเที่ยวฉลุง” เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะพาทุกท่านย้อนรอยประวัติศาสตร์ผ่าน 6 จุดหมายสำคัญของชุมชนฉลุง โดยการเดินทางด้วยรถส้มท้องถิ่นที่จะทำให้การท่องเที่ยวครั้งนี้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

### ไฮไลท์การท่องเที่ยว 6 จุดหมายห้ามพลาด

**1. วัดดุลยาราม** – สักการะหลวงพ่อแก่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามญาติที่แกะสลักจากไม้ด้วยฝีมือช่างล้านนา มีประวัติความเป็นมาอันน่าอัศจรรย์จากการลอยน้ำมาตามคลองฉลุง

**2. บ้านแตนาน** – คาเฟ่สุดคลาสสิกในบ้านโบราณอายุกว่า 80 ปี แหล่งรวมของสะสมโบราณที่หาชมได้ยาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนและซึมซับบรรยากาศย้อนยุค

**3. พิพิธภัณฑ์บ้านมีชีวิต หมอฮวด** – แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การแพทย์แผนโบราณของสตูล ผ่านเรื่องราวของหมอฮวด ฉัตรชัยวงศ์ หมอแผนโบราณผู้เป็นที่เคารพนับถือของชุมชน

**4. ชิมขนมตาหยาบ** – สัมผัสรสชาติขนมพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

**5. มัสยิดกลางฉลุง** – ศาสนสถานเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี สะท้อนความงดงามของวิถีชีวิตพหุวัฒนธรรม

**6. ร้านจูนีฮาลาล สตรีทฟู้ด** – อิ่มอร่อยกับอาหารท้องถิ่นรสเด็ด ทั้งจิ้มจุ่ม ย่างเนย โรตีนาน และชาปากีเครื่องดื่มขึ้นชื่อ

### การเดินทางและการติดต่อ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล

– โทร: 074-740-724, 062-595-7748

– อีเมล: tatsatun@tat.or.th

– Facebook: ททท.สำนักงานสตูล : TAT Satun Office

– Line: tatsatun

– ที่อยู่: เลขที่ 52 ถนนคูหาประเวศน์ ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000

ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตดั้งเดิม เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และลิ้มรสอาหารท้องถิ่นในทริปเดียว กับ “วันเดียวเที่ยวฉลุง” เส้นทางท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณหลงรักเสน่ห์ของสตูลอย่างไม่รู้ลืม

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

สตูล-สืบสานขนมพื้นบ้านโบราณ จนเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหัวเขาพัฒนาสูตรดั้งเดิมสู่ธุรกิจยั่งยืน

สตูล-สืบสานขนมพื้นบ้านโบราณ จนเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหัวเขาพัฒนาสูตรดั้งเดิมสู่ธุรกิจยั่งยืน

          ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหัวเขา หมู่ที่ 9 ตำบลฉลุง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล แม่บ้านกว่า 10 คน ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มฯ กำลังร่วมแรงร่วมใจกันทำขนมตามออเดอร์ลูกค้า โดยเฉพาะขนมไข่กรอบและขนมโกยบังเกต ที่ส่งกลิ่นหอมหวานชวนน้ำลายสอ

 

         ขนมไข่กรอบ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของกลุ่ม ใช้วัตถุดิบหลักเพียง 3 อย่าง ได้แก่ แป้งสาลี 700 กรัม ไข่ไก่ 10 ฟอง ไข่เป็ด 5 ฟอง และน้ำตาลทรายขาว 900 กรัม วิธีทำเริ่มจากตีไข่กับน้ำตาลให้ขึ้นฟู ใส่แป้งคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนหยอดแป้งในพิมพ์และอบ 15 นาที จนได้ขนมไข่หอมกรุ่น มีทั้งพิมพ์รูปปลาราคาชิ้นละ 5 บาท และพิมพ์รูปมะเฟืองชิ้นละ 3 บาท

 

          ส่วนขนมโกยบังเกตหรือขนมผิง อีกหนึ่งเมนูยอดนิยม ใช้แป้งมันสำปะหลัง 800 กรัม แป้งสาลี 200 กรัม ไข่ไก่ 5 ฟอง น้ำตาลทรายขาว 1.5 กิโลกรัม และน้ำกะทิ 1 กิโลกรัม นำไปเคี่ยวจนข้น ผสมแป้ง พิมพ์เป็นรูปดอกไม้ และอบจนสุกหอม เหมาะรับประทานคู่กับชากาแฟยามสาย ราคาชิ้นละ 3 บาท

 

         นางปรีดะ อายาหมีน ประธานกลุ่มฯ เล่าว่า กลุ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2548 จากการรวมตัวของสตรีในหมู่บ้าน 15 คน เริ่มจากการผลิตขนมพื้นเมือง 2-3 ชนิด ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ จนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเป็น 13 ชนิด ปัจจุบันมีสมาชิก 12 คน มีรายได้เฉลี่ยคนละ 4,000-5,000 บาทต่อเดือน

 

       “นอกจากสร้างรายได้ให้สมาชิกแล้ว กลุ่มยังสนับสนุนชุมชนด้วยการรับซื้อไข่ไก่และไข่เป็ดจากคนในพื้นที่” นางปรีดะกล่าว

 

        ด้านนางสาวณฉัตร ยุงคุณ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้จัดอยู่ในระดับดี มีจุดเด่นที่ผลิตภัณฑ์หลากหลาย เป็นขนมพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์และรสชาติเฉพาะตัว ได้รับมาตรฐานจนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภค

 

          สำหรับขนมของกลุ่ม  มีหลายชนิดอย่าง  ขนมไข่กรอบ  ขนมโดนัท  คุกกี้สิงค์โปร์  ขนมโกยบังเกตหรือขนมผิง  ขนมเสี้ยวจันทร์  ขนมมกระหรี่ปั๊บอบ  ขนมเจาะหู  ขนมไข่เต่า  ขนมผูกรัก โรตีกาปาย และบุหงาบูดะ

 

        ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อขนมได้ในราคาถุงละ 35 บาท หรือ 3 ถุง 100 บาท และถุงละ 50 บาท นอกจากนี้ยังรับจัดกระเช้าราคาเริ่มต้น 500 บาท มีขนมให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 086-9554522 หรือ 083-1682878

………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

“ตาแปแยะ”  ขนมรับแขกบ้านแขกเมือง สูตรเข้มข้นฝีมือแม่บ้านชายแดนไทยมาเลเซีย

สตูล – “ตาแปแยะ”  ขนมรับแขกบ้านแขกเมือง สูตรเข้มข้นฝีมือแม่บ้านชายแดนไทยมาเลเซีย ขนาดประเทศต้นตำรับยังแห่ซื้อเป็นของฝาก หาทานยากมีที่ชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง จ.สตูล

           ที่จังหวัดสตูล  จะพาไปรู้จักขนมพื้นถิ่นที่หาทานยาก  ขนมที่มีลักษณะคล้ายข้าวเกรียบทอด แต่มีถั่วลิสงตกแต่งบนหน้าและมีปลาจิ้งจั้ง  ชาวบ้านเรียกขนมนี้ว่า  “ตาแปแยะ” เป็นชื่อเรียกภาษามลายูแปลว่าเครื่องเทศเยอะ

 

          ที่หมู่บ้านริมชายฝั่งตำบลตำมะลัง หมู่ที่ 3 อำเภอเมืองสตูล (ชายแดนไทยมาเลเซีย)  ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านนางยาตี  นาวา อายุ 46 ปี  สมาชิกวิสาหกิจชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง  พร้อมด้วยทุกคนในครอบครัวกำลังเร่งมือทำขนมพื้นเมือง  ตาแปแยะ  เพื่อให้ทันตามออเดอร์ของลูกค้า 

 

         โดยส่วนผสมของขนมชนิดนี้ประกอบไปด้วย  แป้งข้าวเจ้าผสมกับไข่ไก่  น้ำปูนใสสะอาด  พริกแห้งบดละเอียด  เครื่องเทศ พริกไทย ข้าวเล็กๆ ข้าวใหญ่นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้ากันแล้วตักใส่พิมพ์แต่งหน้าด้วยถั่วลิสง และปลาจิ้งจั้ง นำมาทอดในน้ำมันที่ร้อนกำลังดี  โดยการทำขนมในแต่ละครั้งจะใช้ส่วนผสมครั้งละ  7 กรัมเมื่อหมดก็จะปรุงขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้ขนมที่มีคุณภาพดี

 

        การทำขนมครั้งละ 7 กรัมจะได้ขนมประมาณ 5-6 ถุง (ถุงละ 35 ชิ้น) ขายราคาถุงละ 50 บาท โดยวันนึงจะทำ 2 รอบเป็นธุรกิจในครัวเรือน  มีลูกสาวและสามีของนางยาตี มาช่วยทอดและสามารถทำงานแทน  ฝีมือไม่แพ้คุณแม่เลย

            นางยาตี  นาวา เจ้าของสูตรขนมตาแปแยะ  บอกว่า  ขนมนี้ทำขายเป็นอาชีพที่สองของครอบครัว รองจากขายโรตีอาหารเช้าและอาหารเย็น   ซึ่งจริงแล้วสูตรขนมได้มาจากเพื่อนอีกทอดหนึ่ง  ที่ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียเมื่อ 8 ปีที่แล้วมาปรับสูตรให้เข้มข้นทำขายตามออเดอร์   เป็นขนมพื้นเมืองที่ทำขายทานเจ้าของในตำมะลัง  ส่งขายให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทยมาเลเซีย

 

            และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ต่างชาติที่มาเที่ยวชุมชนตำมะลังได้ชิมลิ้มรสชาติที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศได้รสชาติเฉพาะตัว ของถั่วลิสงและปลาจิ้งจั้งที่อร่อยกรอบ เป็นของฝากและของทานเล่น   จะขายดีในช่วงเดือนฮารีรายอ  มีออเดอร์เข้า 200 ถึง 400 ถุง  สนใจโทร.0949615776 ,0950251108

 

          นางสาวรุ่งญาดา  เจริญทรัพย์  เลขาวิสาหกิจชุมชนรักษ์ท่องเที่ยวตำมะลัง บอกว่า  ทุกครั้งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวชุมชนจะนำกลุ่มแม่บ้านไปทำโชว์และชิมกันเลย ได้รับความสนใจกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หลายคนติดใจซื้อเป็นของฝากกับไปจำนวนมาก โดยเฉพาะต้นกำเนิดของขนมที่มาจากมาเลเซีย เมื่อมาชิมสูตรใหม่ของไทยหลายคนติดใจกันเป็นแถว 

………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

สตูลกลุ่มธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  ต่อยอดสินค้าชุมชนสู่การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกอาหารท้องถิ่นสร้างรายได้เพิ่ม หลังพบปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง

สตูล-กลุ่มธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  ต่อยอดสินค้าชุมชนสู่การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกอาหารท้องถิ่นสร้างรายได้เพิ่ม หลังพบปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง

          ที่ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  หมู่ที่ 1 ตำบลสาคร  อำเภอท่าแพ  จังหวัดสตูล  โดยชาวบ้านได้เข้าร่วมโครงการนวัตกรรมธนาคารปูม้าสู่การจัดการทรัพยากรชายฝั่งตามแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในจังหวัดสตูล โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ในการส่งเสริมอาชีพและการจัดการทรัพยากรชายฝั่งที่ยังยืน

 

         นายดาด  ขุนรายา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 (ปธ.ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น)  บอกว่า  จุดเริ่มต้นมาจากชุมชนได้ทำธนาคารปูม้า  ที่มีชาวประมงพื้นบ้าน 20 คน  มาร่วมกันเป็นสมาชิก โดยทุกคนได้เล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากร ของการ ดำเนินการโครงการฯ  และได้รับการสนับสนุน ภายใต้โครงการนวัตกรรมธนาคารปูม้า สู่การพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งตามแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในจังหวัดสตูล   โดยมี ผศ.ดร.ทัศนภา ว่องสนั่นศิลป์  เป็นหัวหน้าโครงการที่ได้รับทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

 

         ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 (ปธ.ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น)  บอกด้วยว่า จากนั้นได้ทำต่อมาเรื่อย ๆ  และมีการต่อยอดให้สมาชิกในกลุ่มมีรายได้เพิ่มจนเป็นที่มาของโครงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนก    โดยได้เล็งเห็นว่าตลาดน่าจะไปได้เพราะขายในพื้นที่ก็ไม่เพียงพอ  อีกทั้งในธรรมชาติเริ่มหาน้อยเต็มที  และยังหาทานยาก    โดยข้อดีของการเพาะเลี้ยงพบว่าสาหร่ายไม่มีทราย  หรือเศษดินปะปน  เพียงแค่นำมาล้างและรับประทานได้เลย  ถ้าเป็นสาหร่ายที่ขึ้นตามธรรมชาติจะมีเม็ดทรายปะปนและมีกลิ่นคาวของน้ำ   แต่การเพาะเลี้ยงลักษณะนี้รับประทานได้อย่างอร่อย  สามารถมีทานได้ตลอดทั้งปี อนาคตจะต่อยอดขยายให้กับสมาชิกเพิ่มอีก  ดูแล้วทิศทางเป็นไปได้ โดยวันนี้เป็นเพียงตัวอย่างก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เชื่อว่าจะเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับชาวประมงพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี 

 

         นอกจากที่นี่จะศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  และเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนกแล้ว ทางกลุ่มฯยังเป็นแหล่งท่องบเที่ยวชุมชนมีแพกลางน้ำของชุมชนบริหาร นักท่องเที่ยวสายแคมปิ้งในคลองทุ่งริ้น ได้ดื่มด่ำธรรมชาติ และทานอาหารทะเลสด ๆตามฤดูกาลด้วย   หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที  โทร 063-7302873

 

         การเพาะเลี้ยงสาหร่ายขนนก ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านทุ่งริ้น  หมู่ที่ 1 ตำบลสาคร  อำเภอท่าแพ  ได้เพาะเลี้ยงจำนวน 10 ตะกร้า โดยใช้ออกซิเจนในการดูแลสาหร่ายอยู่ภายใต้โรงเรือน  สมาชิกได้กลุ่มจะได้รับการสร้างองค์ความรู้ก่อนเลี้ยง โดยการให้ปุ๋ย  วัดค่าน้ำเพียง  2 อาทิตย์ก็สามารถเก็บขายได้แล้ว 

 

         ทางกลุ่มจะหมุนเวียนโดยเก็บขาย  อาทิตย์ละครั้ง /เก็บครั้งละ 2 ตะกร้าได้ 1 กิโลกรัม  ขายกิโลกรัมละ 200 บาท สาหร่ายขนนกนอกจากจะทานสดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้ว  ยังสามารถไปปรุงเมนูยำสาหร่ายขนนก   สลัดสาหร่ายขนนก   ข้าวเกรียบสาหร่ายขนนกได้อีกด้วย 

 

        ลักษณะเฉพาะของสาหร่ายขนนกคือ จะตายง่ายเมื่อถูกน้ำจืด จึงควรรับประทานสด ๆ ทันทีที่ขึ้นจากน้ำไม่นานเพราะจะเสียรสชาติความอร่อย

…………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เกษตรสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสตูล

เกษตรสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสตูล

          วันที่ 8 ตุลาคม 2567 นางสุดา ยาอีด เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นางสาวพรรษกร จันทร์แก้ว  หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช และเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ส่งมอบสารชีวภัณฑ์ ได้แก่ เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อสด) และหัวเชื้อไตรโคเดอร์มา โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริม และเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสงขลา จำนวน 420 กิโลกรัม และหัวเชื้อไตรโคเดอร์มา จำนวน 240 ขวด เพื่อใช้ควบคุมโรครากเน่า โคนเน่า หลังน้ำลด อีกทั้งได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก และถั่วฝักยาวไร้ค้าง (พันธุ์สุรนารี 1) จากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง

 

        ซึ่งได้ส่งมอบให้แก่สำนักงานเกษตรอำเภอ ทั้ง 7 อำเภอในจังหวัดสตูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ นำมอบให้แก่เกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ด้านพืช ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเกิดน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยจังหวัดสตูลมีเกษตรกรผู้ประสบภัย จำนวน 2,281 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 9,422 ไร่ และพื้นที่คาดว่าจะเสียหาย จำนวน 1,664 ไร่

          ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกพืชที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนเชื้อราไตรโคเดอร์มาเพื่อควบคุมโรครากเน่า โคนเน่า และขอรับคำปรึกษาด้านการป้องกันกำจัดโรคพืชได้ ณ ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราชสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน

อัพเดทล่าสุด