Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

             บ้านทางยาง หมู่ 7 ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล พื้นที่ที่เงียบสงบถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยแรงบันดาลใจของ “ครูจิสน  มัจฉา” อดีตครูผู้เบนเข็มชีวิตมาสู่การทำเกษตรเต็มตัว สร้าง ฟาร์มเห็ดนางฟ้า จากก้อนเชื้อ 85 ก้อนแรกในหม้อนึ่งลูกทุ่ง สู่วิสาหกิจชุมชนที่ผลิตก้อนเห็ดมากถึง 7,000 ก้อนต่อรอบ ก่อเกิดรายได้และการจ้างงานให้ชุมชนในทุกฤดูกาล

 

             ครูจิสน  มัจฉา  ประธานกลุ่มทางยางบ้านเห็ด บอกว่า  อยากหาทางเลือกให้ครอบครัวมีรายได้เสริม เห็นเห็ดนางฟ้าก็รู้สึกว่าใช่… เริ่มทำจากของเล็ก ๆ ที่เราชอบ พอทำจริง ๆ มันกลายเป็นรายได้หลักเลยค่ะ  สาเหตุที่เลือกเห็ดนางฟ้าเพราะสามารถขายได้ทั้งก้อนเห็ด  ดอกเห็ด และก้อนที่หมดอายุสามารถไปทำปุ๋ยได้

 

            ครูจิสน. เริ่มเพาะเห็ดจากความสนใจส่วนตัว ใช้หม้อนึ่งฟืนแบบพื้นบ้าน วันละ 6–8 ชั่วโมงต่อ 85 ก้อน ผ่านมาเกือบสิบปี เธอพัฒนาเทคนิคและเครื่องมือการผลิตจนกลายเป็นฟาร์มต้นแบบ ใช้หม้อนึ่งระบบไอน้ำที่รองรับได้มากถึง 780 ก้อนต่อครั้ง ลดการใช้ไม้ฟืน เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน “ทางยางบ้านเห็ด” อย่างเป็นทางการในปี 2560

 

ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิก 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันและประมงในพื้นที่. ที่หันมาปลูกเห็ดเสริมอาชีพ  โดย กลุ่มมีการใช้นวัตกรรม ได้แก่ เครื่องผสม, เครื่องอัดก้อน, เตานึ่งระบบไอน้ำ ช่วยให้การผลิตก้อนเชื้อเห็ดรวดเร็ว มีมาตรฐาน และปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

สินค้าหลักของกลุ่ม ได้แก่

  • ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า (10 บาท/ก้อน) ผลิตปีละ 4–5 รอบ รวมกว่า 28,000 ก้อน
  • ดอกเห็ดสด (60 บาท/กก.) ส่งตลาดละงู โรงเรียน และตัวแทนจำหน่าย
  • ผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น
  • น้ำพริกเห็ดนางฟ้า
  • เห็ดทอดกรอบรสลาบ
  • เห็ดปาปิก้า และสูตรดั้งเดิม

 

ขายดีทั้งตลาดสดและออนไลน์ สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 30,000 บาท (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) ไม่รวมแปรรูปเห็ด

           สำหรับ เห็ดก้อนเชื้อหนึ่งก้อนสามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 5 เดือน เมื่อหมดอายุยังสามารถนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ในแปลงเกษตรของชุมชน

 

          “สำนักงานเกษตรอำเภอท่าแพ  ได้สนับสนุนกลุ่มนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี การจัดการ การหาตลาด จนกลายเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่น ๆ ได้เห็นว่า…ถ้าเราพร้อมลงมือทำ เกษตรก็สร้างอาชีพที่มั่นคงได้จริง ๆ”

 

          นายอารีย์  โส๊ะสันสะ  เกษตรอำเภอท่าแพ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ในอนาคตกลุ่มเตรียมขยายการเพาะเห็ดพันธุ์ใหม่ เช่น เห็ดมิลกี้ พร้อมวางระบบโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิ สร้างแบรนด์ท้องถิ่น จดทะเบียนสินค้า และเพิ่มช่องทางตลาดในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

          สำหรับเกษตรกรที่มองหาอาชีพเสริม  เดี๋ยวนี้ก็จะมีพืชเป็นพืชเศรษฐกิจอยู่หลายๆ ตัวอย่างเช่นสละ , กาแฟ.  แล้วก็เห็ด  เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย แล้วถ้าสามารถ ทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนในการผลิตก้อนเอง และก็ในการเปิดออกจำหน่ายเองตรงนี้เขาจะมีกำไรค่อนข้างดี

 

         ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและศึกษาดูงานได้ที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทางยางบ้านเห็ด  เลขที่ 22 หมู่ 7 ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล 91150. เพจ: บ้านไร่ภูภัทรโทร. 087-091-6176

 

         จากแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ของอดีตครูท้องถิ่น… สู่วิสาหกิจชุมชนที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจของคนบ้านทางยาง

…….

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

เครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง “คนใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” สร้างกระแสวันงดสูบบุหรี่โลก ชู “นิโคติน เสพติด จน ตาย”

สตูล-เครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง “คนใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” สร้างกระแสวันงดสูบบุหรี่โลก ชู “นิโคติน เสพติด จน ตาย”

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568   นักข่าวจังหวัดสตูลเข้าร่วม  กิจกรรมรณรงค์สร้างกระแส     “วันงดสูบบุหรี่โลก 2568 : คนภาคใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยเครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง จัดขึ้นเพื่อให้เกิดการสื่อสารสร้างกระแสในระดับพื้นที่ให้กว้างขวาง ให้มีความรู้ ตระหนักถึงโทษและพิษภัยการเสพติดนิโคตินของบุหรี่ไฟฟ้า นำโดย สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช  ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่, เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่ายจังหวัดนครศรีธรรมราช  สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นางวจิราพร  อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  ประธานในการเปิดงานกล่าวว่า  การระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนในจังหวัดภาคใต้ โดยร่วมกันรณรงค์สร้างกระแสป้องกันการเข้าถึงบุหรี่  บุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มเด็กและเยาวชนถือเป็นวาระแห่งชาติ  เพราะปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพของประชาชน  โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน   อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ จากพิษภัยของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า  ทั้งนี้ปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในภาคใต้ยังคงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด พ.ศ.2567 พบว่า ภาคใต้มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดในประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 22.1 โดยเฉพาะในจังหวัดกระบี่ มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดคือ ร้อยละ 27.1  รองลงมาคือจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 25.59,  ระนอง  ร้อยละ 25.53,พัทลุง ร้อยละ 24.06, ปัตตานี ร้อยละ 23.93 และตรัง ร้อยละ 23.49 ตามลำดับ  ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

นอกจากนี้ การสำรวจในนักเรียนมัธยมศึกษาภาคใต้ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข  พบว่า ร้อยละ 14.5 เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยนักเรียนชายมีอัตราการใช้สูงกว่านักเรียนหญิงอย่างมีนัยสำคัญ  สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความจำเป็นในการเร่งรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัยของการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  การจัดกิจกรรมในวันนี้  ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้ และอีกหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม  ร่วมกันสร้างกระแสรณรงค์ให้เกิดการรับรู้และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยอันตรายของการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วน ร่วมรณรงค์อย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง รวมถึงส่งเสริมให้เกิดสังคมปลอดบุหรี่ในภาคใต้ของเราอย่างยั่งยืน  นางวจิราพร  กล่าว  

          ขณะที่ นายพิทยา จินาวัฒน์  คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า บทบาทของ สสส. ซึ่งมีหน้าที่ริเริ่ม ผลักดัน กระตุ้น สนับสนุน และร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อน กระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้บรรลุผลในการลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความเชื่อ และการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อคุณภาพชีวิต ช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ซึ่งปัญหาการคุกคามของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  ถือเป็นสงครามที่ยากจะเอาชนะได้ ต้องเกิดจากการรวมพลังกันทุกภาคส่วนที่ร่วมใจรวมพลังกันต่อสู้เหมือนงานในวันนี้ ซึ่งการทำสงครามกับบุหรี่  สมรภูมิเปลี่ยนไปหมดแล้ว เนื่องจากการ disrupt ของเทคโนโลยี สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนคือ การมาของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะความน่าเป็นห่วงในกลุ่มเป้าหมายใหม่ คือ เพศหญิง กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น  จะเห็นว่าตอนนี้ผู้หญิงไทยสูบบุหรี่มวนร้อยละ 1.3 แต่เยาวชนที่เป็นผู้หญิง พบว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ถึงร้อยละ 15  และหากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะเป็นการเพิ่มอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนหญิงสูงเพิ่มไปถึง 30-40% เลยที่เดียว ดังนั้น ถ้ามีความร่วมมือกันในทุกฝ่าย ทุกภาคีเครือข่าย นอกจากนั้น ยังต้องอาศัยความร่วมมือการสื่อสารกับอินฟลูเอนเซอร์ที่จะช่วยสื่อสารกับสังคมได้รับรู้ เราต้องใช้ทุกช่องทางและทุกกระบวนในการสื่อสาร  เพื่อปกป้องลูกหลานไทยให้รอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า นายพิทยา กล่าว

          ด้านนายอานนท์ มีศรี นายกสมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กิจกรรมสร้างกระแส  “วันงดสูบบุหรี่โลก 2568: คนภาคใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” ในครั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดประเด็นการรณรงค์ว่า “Unmasking the Appeal: Exposing Industry Tactics on Tobacco and Nicotine Products”  ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข จึงใช้ภาษาไทยในการสื่อสารรณรงค์สร้างกระแสว่า “กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า: นิโคติน เสพติด จน ตาย”  เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้และร่วมกันเปิดโปงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบที่มุ่งเป้าทำการตลาดเพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  ในโอกาสนี้ เพื่อให้เกิดการสื่อสารสร้างกระแสในระดับพื้นที่ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น  และเพื่อเชิญชวนชาวใต้ทุกภาคส่วน ร่วมกันสื่อสารและแสดงเจตจำนงในการร่วมกันปกป้องและคุ้มครองสุขภาพของคนใต้  โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนชาวใต้  ให้ปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  รวมถึงเพื่อสื่อสารให้ภาคีเครือข่ายด้านการควบคุมยาสูบ ได้มีความรู้ ความเข้าใจต่ออันตรายของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า  และกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่  

         โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจาก หลายภาคส่วน  ได้แก่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช, แผนกเวชกรรมสังคม  คลินิกฟ้าใส โรงพยาบาลพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช,  สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช,  เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม,   เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ โดย องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำผุด จ.ตรัง,   เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดย จุดจัดการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่จังหวัดปัตตานี, เครือข่ายเยาวชน Gen Z Gen Strong เลือกไม่สูบภาคใต้,  เครือข่ายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ Gen Alpha โดย โรงเรียนอนุบาลและศูนย์พัฒนาเด็ก อบต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา,   เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน เครือข่ายนักสื่อสารรุ่นใหม่ และ ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว  ได้ร่วมกันออกบูธนิทรรศการ ให้ความรู้ทางด้านวิชาการ,  แจกสื่อประชาสัมพันธ์,  เล่นเกม แจกของที่ระลึก/รางวัล,  บริการตรวจสุขภาพ  และให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า  โดยกิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ลานวัฒนธรรมสวนศรีธรรมาโศกราช อ.เมือง   จ.นครศรีธรรมราช  ระหว่างเวลา 16.30-20.00 น. นายอานนท์ กล่าว

……………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล-“กรมประมง” เร่งเสริมศักยภาพการเพาะเลี้ยงม้าน้ำ สู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง

สตูล-“กรมประมง” เร่งเสริมศักยภาพการเพาะเลี้ยงม้าน้ำ สู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง

          สตูล – กรมประมง จับมือภาคเอกชนจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมศักยภาพการเพาะเลี้ยงม้าน้ำ สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง เพื่อขยายการผลิตและรองรับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ พร้อมลดการจับม้าน้ำจากธรรมชาติที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

 

          ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสตูล จังหวัดสตูล เป็นที่ตั้งของโครงการเพาะเลี้ยงม้าน้ำที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มต้นจากการวิจัยและทดลองเพาะเลี้ยงม้าน้ำเพื่อรักษาพันธุ์และเพิ่มปริมาณจากแหล่งธรรมชาติที่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา หลังจากนั้นจึงมีการขยายผลไปสู่การส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการผลิตเชิงพาณิชย์

 

          ม้าน้ำ ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับความนิยมในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ม้าน้ำถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น เป็นสัตว์น้ำสวยงาม บริโภคในตำรับยา และทำเป็นเครื่องประดับหรือของที่ระลึก ทำให้ม้าน้ำมีมูลค่าสูงในตลาดโลก แม้จะเป็นสัตว์ที่มีการจับในธรรมชาติ แต่กรมประมงได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงม้าน้ำมาเป็นระยะเวลานาน โดยขณะนี้สามารถเพาะเลี้ยงม้าน้ำได้ถึง 3 ชนิด ได้แก่ ม้าน้ำหนาม ม้าน้ำดำ และม้าน้ำสามจุด

          นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า  ทางกรมประมงได้จัดโครงการอบรมหลักสูตร “การเพาะเลี้ยงม้าน้ำเพื่อเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง” ณ บารารีสอร์ทและศูนย์วิจัยฯ จังหวัดสตูล ที่ผ่านมา  โดยมีเกษตรกรจาก 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต และสตูล เข้าร่วมอบรมจำนวน 40 คน เพื่อเพิ่มทักษะในการเพาะเลี้ยงม้าน้ำ และการแปรรูปม้าน้ำให้เป็นสินค้ามูลค่าสูง   โดยนายนิพนธ์ เสนอินทร์  ประมงจังหวัดสตูล  ร่วมต้อนรับ  

 

          “การอบรมในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะในการเพาะเลี้ยงม้าน้ำให้แก่เกษตรกร เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตม้าน้ำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและลดการจับจากธรรมชาติ ซึ่งม้าน้ำถูกจัดให้เป็นสัตว์น้ำในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญาไซเตส ที่จำกัดการจับและการส่งออกจากแหล่งธรรมชาติ”

 

          การอบรมประกอบด้วยเนื้อหาหลักสูตรเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงม้าน้ำ การแปรรูปม้าน้ำให้เป็นสินค้ามูลค่าสูง รวมถึงการขนส่งและการตลาดเพื่อการจำหน่ายและส่งออกม้าน้ำ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งจากกรมประมงและภาคเอกชนให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในการประกอบอาชีพ

 

          นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาดูงานที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสตูล เพื่อให้เกษตรกรสามารถเรียนรู้จากกระบวนการจริง และขยายผลความสำเร็จสู่เกษตรกรรายอื่น ๆ ต่อไป

 

          รองอธิบดีกรมประมง กล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามั่นใจว่า การขยายกำลังการผลิตม้าน้ำในเชิงพาณิชย์จะช่วยเสริมสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และสามารถรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ซึ่งม้าน้ำเป็นที่ต้องการสูง”

         เกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการต่างให้ความเห็นว่า การเพาะเลี้ยงม้าน้ำสามารถเป็นอาชีพเสริมที่ทำควบคู่ไปกับการเลี้ยงสัตว์น้ำประเภทอื่น เช่น สาหร่ายหรือกุ้งทะเล โดยเฉพาะ นายวศินะ รุ่งเรือง อายุ 31 ปี เจ้าของ “วศินะฟาร์ม” จังหวัดสตูล  กล่าวว่า “ผมเห็นว่า การเลี้ยงม้าน้ำจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้เสริม เพราะมันไม่ยุ่งยากมาก มีการจัดเตรียมอาหารให้ม้าน้ำ และสามารถเลี้ยงควบคู่กับการปลูกสาหร่ายที่ฟาร์มของเราอยู่แล้ว สำหรับปัญหากฎหมายก็อยากมาศึกษาเพื่อให้ทำได้ถูกต้องตามระเบียบ เราเชื่อว่า ม้าน้ำจะเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถสร้างมูลค่าสูงให้กับประเทศได้”

 

          นางฐิติพร ทิ้งท้ายว่า “โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย แต่ยังเป็นการอนุรักษ์ม้าน้ำในธรรมชาติและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลในระยะยาว ทำให้ม้าน้ำกลายเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูงทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทยในอนาคต”

…………………………….

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 จากกำแพงสูงสู่จานขนมจีน: เรื่องเล่าชีวิตใหม่ในร้านเล็ก ๆ หน้าเรือนจำสตูล

จากกำแพงสูงสู่จานขนมจีน: เรื่องเล่าชีวิตใหม่ในร้านเล็ก ๆ หน้าเรือนจำสตูล

เพลิงเล็กๆข้างบ้านพักถนนยาตราสวัสดี  ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล มีร้านขนมจีนเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรือนจำจังหวัดสตูล ร้านที่ไม่ได้ขายแค่รสชาติอาหาร แต่จำหน่าย “โอกาสครั้งใหม่” ให้กับชีวิตที่เคยพลาดพลั้ง

 

“ร้านขนมจีนเรือนจำสตูล” เปิดบริการวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.00-14.00 น. มีผู้ต้องขังชาย 5 คนจากกองงานอาหารและเครื่องดื่ม ที่ได้รับคัดเลือกเพราะประพฤติดี ใกล้พ้นโทษ   ออกมาเรียนรู้การทำงานจริง ฝึกทักษะ และบริการลูกค้าด้วยความตั้งใจ ด้านหลังร้าน  ผู้ต้องขังหญิงยังคงทำงานอย่างขะมักเขม้น ปรุงน้ำยาขนมจีนรสชาติกลมกล่อม ทั้งน้ำยากะทิ น้ำยาไตปลา เขียวหวาน และแกงหวาน เสิร์ฟคู่ไข่ต้ม ไก่ทอด ในราคาย่อมเยาเพียง 25 บาทต่อจาน

 

หนึ่งจานขนมจีน อาจเป็นเพียงอาหารมื้อหนึ่งของลูกค้า แต่สำหรับพวกเขาแล้ว…มันคือ “ตั๋วใบใหม่” ในการกลับเข้าสู่สังคม

ลูกค้า รายหนึ่งที่เพิ่งมาทานเป็นครั้งแรกบอกว่า   เพื่อนชวนมาครั้งแรกก็รู้สึกชื่นชอบ  ด้วยรสชาติที่อร่อย ราคา ย่อมเยา และชอบขนมหวาน มีหน้าตาหลากหลาย ให้เลือกทาน เราจะเชิญชวนทุกคน มาอุดหนุน ขนมจีน เรือนจำสตูล กันเยอะ ๆ

 

นอกจากขนมจีน ยังมีขนมหวานฝีมือผู้ต้องขังหญิงให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นลูกชุบสีสันสดใส วุ้นกะทิ ขนมเปี๊ยะ และขนมชั้นที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถัน  สะท้อนความใส่ใจในทุกรายละเอียด  ราวกับเป็นสัญญาณว่า พวกเขาเองก็พร้อมเปลี่ยนแปลง

 

 รายได้จากการขายสินค้า 70% เป็นของผู้ต้องขัง  เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในชีวิตใหม่ อีก 30% นำกลับสู่โครงการฝึกอาชีพ สร้างวงจรโอกาสให้รุ่นน้องที่กำลังรอคิวเปลี่ยนชีวิตในวันข้างหน้า

 

และยังมีผลิตภัณฑ์ อีกมากมายกับผู้ต้องขังด้านใน ที่นำออกมาวางจำหน่าย ภายในเรือนจำจังหวัดสตูล อาทิ. น้ำชง, ไม้กวาด , พรมเช็ดเท้า, ว่าวพื้นเมือง, ฝาชี, ผลิตภัณฑ์ฟอร์นิเจอร์,และฝึกคาร์แคร์

โครงการเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของ นายพีรพล น่วมศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสตูล นายมูหมดยูซุป เบ็ญอาซิส ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง และนางสาวสุภาพร ทับมาก หัวหน้าฝ่ายฝึกวิชาชีพ ที่เชื่อว่า ทุกชีวิตที่เคยก้าวพลาด สมควรได้เรียนรู้และมีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม

 

สำหรับผู้ที่อยากสนับสนุนชีวิตใหม่เหล่านี้ สามารถแวะมาอุดหนุนขนมจีนอร่อย ๆ หรือสั่งผลิตภัณฑ์ฝึกอาชีพได้ที่ 074-711950 ต่อ 105 (นางสาวสุภาพร ทับมาก) หรือ 081-6087252 (นายพีรพล น่วมศรี)

 

“บางครั้ง… การให้โอกาส เริ่มต้นได้จากแค่การนั่งลงทานขนมจีนจานหนึ่ง”

……………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล-ลังกาวีเชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแข่งขันตกปลานานาชาติ “Satun Langkawi Fishing thru Andaman 2025”

สตูล-ลังกาวีเชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแข่งขันตกปลานานาชาติ “Satun Langkawi Fishing thru Andaman 2025”

วันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ท่าเทียบเรือท่องเที่ยว ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล — นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันตกปลา “Satun Fishing thru Andaman 2025” โดยมี Dato Haslina binti Abdul Hamid ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยงานพัฒนาลังกาวี (LADA) และ Dr. Azmil Munif Bin Mohd Bukhari ผู้จัดการฝ่ายการท่องเที่ยว พร้อมด้วยนางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ร่วมในพิธีปล่อยเรือนักตกปลา

การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2568 ภายใต้โครงการการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดสตูล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และผลักดัน Soft Power ในมิติด้านกีฬาควบคู่การท่องเที่ยว

นายศักระ กปิลกาญจน์ กล่าวว่า “จังหวัดสตูลมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งภูเขา ทะเล ป่าธรรมชาติ และป่าชายเลน อีกทั้งยังมีหมู่เกาะที่สวยงาม และมีพรมแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ สตูลยังได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลก ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สามารถพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ”

การแข่งขันตกปลาประเภทเรือทัวร์เบ็ดครั้งนี้มีทีมเข้าร่วมทั้งสิ้น 27 ทีม ชิงเงินรางวัลรวม 497,000 บาท แบ่งออกเป็น 51 รางวัล ประกอบด้วย ประเภทปลาทีมน้ำหนักสูงสุด 10 รางวัล ประเภทปลาตัวเดียวน้ำหนักสูงสุด 3 รางวัล ประเภทปลาเกม 12 ชนิด น้ำหนักสูงสุด 36 รางวัล และรางวัลพิเศษอีก 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลกัปตันดีเด่น และคลิปวิดีโอดีเด่น

นอกจากการแข่งขันตกปลา ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การแสดงบนเวที การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการแสดงของศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียง บูธขายสินค้าและอาหารพื้นถิ่นจากพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนกว่า 30 ร้าน รวมถึงการประมูลปลาเพื่อนำรายได้ไปบริจาคให้กับงานสาธารณประโยชน์

นางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดสตูลเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย”

การแข่งขันตกปลา “Satun Fishing thru Andaman 2025” นับเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย ผ่านความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างสตูลและลังกาวี ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันของทั้งสองประเทศ​​​​​​​​​​​​​​​​

……………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล-เกษตรกรสวนยาง 5 จังหวัดใต้ยื่นหนังสือวอนรัฐแก้ราคายางตกต่ำ ขู่ยกระดับเคลื่อนไหวหากยังนิ่งเฉย 

สตูล..เกษตรกรสวนยาง 5 จังหวัดใต้ยื่นหนังสือวอนรัฐแก้ราคายางตกต่ำ ขู่ยกระดับเคลื่อนไหวหากยังนิ่งเฉย

          วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล นายสันติ์ ดลภาวิจิตร ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดสตูล และรองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนล่าง ดูแล 5 จังหวัด  (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล)

 

          ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล นายธนพัฒน์ เด่นบูรณะ  หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล  พร้อมด้วย รักษาการหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด , สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดสตูล ร่วมรับหนังสือดังกล่าว เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

         สาระสำคัญของหนังสือร้องเรียนสะท้อนถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางที่กำลังเผชิญกับภาวะราคายางพาราตกต่ำอย่างหนัก  โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา  ราคายางแผ่นดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยราว 10 บาทต่อกิโลกรัม  ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างรุนแรง สาเหตุหลักเกิดจากการที่บริษัทและกลุ่มทุนใหญ่จงใจกดราคารับซื้อยางให้ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยอ้างอิงนโยบายกำแพงภาษีจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในความเป็นจริง มาตรการดังกล่าวได้ถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วันแล้ว

 

         นายสันติ์ ดลภาวิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ราคายางพารา ได้ตกจับ 60 เหลือ 40 บาท เพียง 2 วันจากการประกาศ กำแพง ภาษีของสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้ กลุ่มทุนถือเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรอย่างไม่เป็นธรรม และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อย่างชัดเจน เครือข่ายเกษตรกรทั่วประเทศจึงพร้อมใจยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดในวันเดียวกัน  เพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วน

ข้อเรียกร้องสำคัญในหนังสือ ได้แก่ 

  1. ให้รัฐกำหนดราคายางที่เป็นธรรมตามกฎหมาย
  2. ตรวจสอบพฤติกรรมการกดราคาจากกลุ่มทุน
  3. ควบคุมการขนย้ายยางพาราในพื้นที่ชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า
  4. ตรวจสอบบัญชีภาษีของบริษัทรับซื้อยางที่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี
  5. อนุมัติโครงการสินเชื่อเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางวงเงิน 10,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ยืนยันว่าหากไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาลภายใน 15 วันหลังได้รับหนังสือ กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จะยกระดับการเคลื่อนไหวทันที เพื่อปกป้องอาชีพหลักของตนที่มีสมาชิกกว่า 1 หมื่นรายในสตูล

 

“เราไม่ต้องการสร้างความวุ่นวาย เพียงแต่ต้องการความยุติธรรมให้กับอาชีพสุจริตของเรา หากรัฐยังนิ่งเฉย เราจำเป็นต้องยกระดับการชุมนุมอย่างสันติ” นายสันติ์กล่าวทิ้งท้าย

…….

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

18 เมษายน 2568* – จังหวัดสตูลเตรียมจัดงานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ “เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” ภายใต้แนวคิด “14th Satun Sweet Corn and Tasty Food Festival 2025” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยวันนี้ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ว่าการอำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล

ในงานแถลงข่าว นายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ เปิดเผยว่า “ข้าวโพดหวานถือเป็นสินค้าเกษตรที่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอท่าแพและจังหวัดสตูล เทศกาลนี้จะช่วยส่งเสริมภาคการเกษตร สร้างความมั่นคงทางอาหาร และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน”

นางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล กล่าวถึง   การขับเคลื่อนโครงการว่า “สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูลได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้   โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ซึ่งปีนี้เราได้พัฒนารูปแบบกิจกรรมให้น่าสนใจมากขึ้น รวมถึงการจัดทำแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดกับเทศกาลข้าวโพดหวาน  สำหรับในครั้งถัดไป เรามีแผนที่จะยกระดับงานสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ ด้วยการเพิ่มกิจกรรมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารกับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารในระดับภูมิภาค”

ด้านนายประดิษฐ์ เปรมใจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแพ กล่าวถึงความเป็นมาของงานว่า “เทศกาลนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานในพื้นที่ ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนและกลายเป็นจุดขายสำคัญของการท่องเที่ยวในอำเภอท่าแพและจังหวัดสตูล”

นางสาวสุชาดา เทพสุวรรณ ผู้แทนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล เสริมว่า “เรามีแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านสื่อต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ มาสัมผัสกับเสน่ห์ของข้าวโพดหวานสตูลและอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

ทางด้านนายธนพัฒน์ เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล กล่าวถึง   ภาพรวมการท่องเที่ยวว่า “จังหวัดสตูลมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงวัฒนธรรม และเชิงอาหาร เทศกาลนี้จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด”

          สำหรับไฮไลท์ของงานในปีนี้ประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายข้าวโพดหวานคุณภาพเยี่ยมจากเกษตรกรในพื้นที่ บูธอาหารพื้นเมืองรสเด็ด การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และกิจกรรมสันทนาการสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ยังมีการประกวดผลผลิตข้าวโพดหวานและการแข่งขันทำอาหารจากข้าวโพดหวานที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าร่วมงาน

          เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14 นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

          ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปร่วมสัมผัสกับความอร่อยของข้าวโพดหวานและอาหารพื้นเมืองรสเลิศของจังหวัดสตูล พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรมที่น่าประทับใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ระหว่างวันที่  25-27 เม.ย.2568  ที่่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอท่าแพ  จ.สตูล

……………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูลเปิดฤดู “ผสมพันธุ์ดอก เก็บผล แปรรูปสละ” ยกระดับสละสุมาลีสู่ผลไม้เศรษฐกิจแห่งท่าแพ

สตูลเปิดฤดู “ผสมพันธุ์ดอก เก็บผล แปรรูปสละ” ยกระดับสละสุมาลีสู่ผลไม้เศรษฐกิจแห่งท่าแพ

           สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลจัดกิจกรรมส่งเสริมการผลิตและแปรรูปสละคุณภาพ   เปิดเทคนิคผสมเกสรเพิ่มผลผลิตกว่า 70% พร้อมต่อยอดแปรรูปสละน้ำปลาหวานสร้างมูลค่าเพิ่ม

         

           บรรยากาศเต็มไปด้วยความรู้และความตื่นเต้น ณ แปลงต้นแบบการผลิตสละคุณภาพของนายประชา กาสาเอก หมู่ที่ 6 ตำบลท่าแพ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล เมื่อสำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอท่าแพ จัดกิจกรรม “ผสมดอก เก็บผล แปรรูปสละ” โดยมีนายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล และคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจที่เข้าร่วมกิจกรรม

         

           กิจกรรมเริ่มต้นอย่างน่าสนใจด้วยการสาธิตเทคนิคการผสมเกสรดอกสละแบบต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัตราการติดผล  จากเดิมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเพียง 20-30% ให้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70%  นายอารีย์  โส๊ะสันสะ เกษตรอำเภอท่าแพ อธิบายพร้อมสาธิตเทคนิคการผสมเกสรทั้ง 4 วิธี ได้แก่ การเขย่าถุง การถูดอก การปักดอก และการพ่นเกสร  โดยเน้นการใช้เกสรตัวผู้ที่มีคุณภาพและจังหวะเวลาที่เหมาะสม

 

          “การผสมเกสรไม่ใช่แค่เพิ่มปริมาณการติดผล แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพของผลสละให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื้อแน่น และรสชาติหวานฉ่ำยิ่งขึ้นด้วย”

         แปลงสละของนายประชา กาสาเอก เป็นแปลงต้นแบบการผลิตสละคุณภาพ พื้นที่ 3 ไร่  ได้เปลี่ยนสภาพจากต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน มาปลูกสละสายพันธุ์สุมาลีมานานกว่า 3 ปี และได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP เมื่อปี 2567 ทำให้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด เจ้าของแปลงเล่าถึงประสบการณ์การดูแลสละว่า “สละเป็นพืชที่ต้องการความชื้นและร่มเงาพอสมควร การจัดการระบบน้ำและปุ๋ยที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญ ที่สำคัญคือการผสมเกสรที่ถูกวิธีจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง”

 

          จากนั้น คณะได้เดินชมสวนสละที่ปลูกอย่างเป็นระบบ โดยมีการจัดการแถวปลูก ระยะปลูก การให้น้ำ และระบบระบายน้ำที่เหมาะสม รวมถึงการปลูกต้นตัวผู้ร่วมประมาณ 10% เพื่อการผสมเกสรที่มีประสิทธิภาพ นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล กล่าวว่า “อำเภอท่าแพมีศักยภาพสูงในการผลิตสละคุณภาพ ด้วยผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 1,156 กิโลกรัมต่อไร่ และสละสุมาลีมีจุดเด่นที่เนื้อหนา กลิ่นหอม รสหวานฉ่ำ ถือเป็นจุดขายสำคัญ”

          ไฮไลท์สำคัญของงานคือการสาธิตการแปรรูปสละน้ำปลาหวาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต   เจ้าหน้าที่สาธิตขั้นตอนการคัดเลือกสละที่มีคุณภาพ การปอกเปลือก แกะเมล็ด และการหมักกับน้ำปลาหวานตามสูตรเฉพาะ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการแนะนำผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ เช่น สละลอยแก้ว และสละทรงเครื่อง ที่สามารถพัฒนาเป็นสินค้า OTOP ของชุมชน

 

           “เราต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิตที่มีคุณภาพ การเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง และการแปรรูปที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและเพิ่มช่องทางสร้างรายได้” นายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ กล่าวทิ้งท้าย

 

           สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลพร้อมให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้สนใจในการปลูกสละอย่างครบวงจร ทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีการผลิต และช่องทางการตลาด เพื่อส่งเสริมให้สละกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่อไป

 

           สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 0652393811 , 0805457923

……………………………………………………

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

คึกคักส่งท้ายสงกรานต์! นักท่องเที่ยวแห่กลับจากเกาะหลีเป๊ะ-ตะรุเตา ททท.สตูลเผยเงินสะพัดกว่า 30 ล้าน

คึกคักส่งท้ายสงกรานต์! นักท่องเที่ยวแห่กลับจากเกาะหลีเป๊ะ-ตะรุเตา ททท.สตูลเผยเงินสะพัดกว่า 30 ล้าน

            วันที่ 15 เมษายน 2568 บรรยากาศการเดินทางกลับของนักท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ท่าเทียบเรือปากบารา  อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยเดินทางกลับขึ้นฝั่งหลังพักผ่อนที่เกาะหลีเป๊ะ และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา

 

          กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับส่วนใหญ่เป็นครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนจากทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ กลาง และอีสาน โดยมุ่งหน้าไปยังสนามบินหาดใหญ่เพื่อเตรียมกลับเข้าสู่การทำงานในวันถัดไป

 

          ตั้งแต่ช่วงเช้า ท่าเรือปากบาราแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทจากเกาะหลีเป๊ะ ขึ้นฝั่งสู่ตำบลปากน้ำ ซึ่งเป็นจุดหลักในการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวสู่หมู่เกาะชื่อดังของจังหวัด

        นายไพรัช สุขงาม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสตูล ได้ลงพื้นที่ติดตามความเรียบร้อย พร้อมกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ปีนี้ จังหวัดสตูลได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวเข้าออกพื้นที่ไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 คน

 

            “ไม่เพียงแค่เกาะหลีเป๊ะและอุทยานฯ ตะรุเตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหมู่เกาะเภตรา เกาะบุโหลน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชายแดนวังประจัน ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งจากยุโรป มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย ต่างให้ความสนใจอย่างมาก” นายไพรัชกล่าว

        ทั้งนี้ ททท.สตูลคาดการณ์ว่า ตลอดช่วงหยุดยาว 5 วัน จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท แม้สตูลจะเป็นจังหวัดเมืองรอง แต่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติที่งดงามและความสงบที่หาได้ยาก

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ผ่านด่านวังประจัน-ชายแดนสตูลรับสงกรานต์ “ช็อปเปอร์มาเลย์” บิดไกล 800 กม. ร่วมสนุก – ตม.สตูลจัดเต็มบริการสร้างภาพลักษณ์ดี

คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ผ่านด่านวังประจัน-ชายแดนสตูลรับสงกรานต์ “ช็อปเปอร์มาเลย์” บิดไกล 800 กม. ร่วมสนุก – ตม.สตูลจัดเต็มบริการสร้างภาพลักษณ์ดี

           วันที่ 12 เม.ย.2568  บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล คึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางข้ามชายแดนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะกลุ่มนักขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ช็อปเปอร์จากรัฐยะโฮ  ประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางไกลกว่า 800 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่ภูเก็ตผ่านด่านวังประจัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย

พันตำรวจเอก เจริญพงศ์ ขันติโล ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล  พร้อมด้วย พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล  นำทีมเจ้าหน้าที่และจิตอาสาออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น  พร้อมจัดกิจกรรมแจก Gift Set ที่ประกอบด้วยน้ำดื่มและขนม เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการจัดขึ้นในทุกช่วงเทศกาลสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกและต้อนรับผู้เดินทางอย่างทั่วถึง

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และจิตอาสายังร่วมกันทำกิจกรรม Big Cleaning Day ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สถานที่ดูสะอาด สวยงาม และเหมาะสมกับการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

         ในขณะเดียวกัน ด่านชายแดนทางทะเลบริเวณท่าเรือตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล ซึ่งเชื่อมต่อกับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกลับมาร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย

        ด้านด่านชายแดนบริเวณเกาะหลีเป๊ะ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดสตูล ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวอย่างคึกคัก เฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 800 คน สะท้อนถึงความนิยมของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงสงกรานต์

……………………….

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

อัพเดทล่าสุด