Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-สามีภรรยาสู้ชีวิต!  ขายส้มตำเลี้ยงชีพ  เก็บสวนหลังบ้านเป็นเครื่องเคียง ลูกค้าชมหวานกรอบไร้สารพิษ  กุ้งทะเลร้าตัวโตอร่อยแห่อุดหนุนให้กำลังใจ

สตูล-สองสามีภรรยาสู้ชีวิต!  ขายส้มตำเลี้ยงชีพ  เก็บสวนหลังบ้านเป็นเครื่องเคียง ลูกค้าชมหวานกรอบไร้สารพิษ  กุ้งทะเลร้าตัวโตอร่อยแห่อุดหนุนให้กำลังใจ

           ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป  ตราบใดที่ 2 มือสองเท้ายังมีขอเพียงไม่ยอมแพ้  เหมือนอย่างครอบครัวสองสามีภรรยาชาวสตูลนี้

 

          หลังรักษาตัวจนหายเจ็บป่วย จากโรค(ลิ้นหัวใจ และไทรอยด์ทั้งคู่)  ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา  ต้องหยุดรักษาตัว  สองสามีภรรยาก็สามารถออกทำมาหากินได้  เดินหน้าทำอาชีพที่รักและถนัด  ด้วยการเปิดร้านส้มตำไก่ย่าง  คอดียะห์  ร้านเพิงเล็กๆ  ริมถนน สายแยกควนสตอ-วังประจัน ตั้งอยู่หมู่ที่ 8  ตำบลควนสตอ  (เลยสามแยกควนสตอเพียง 1 กิโลเมตรซ้ายมือ) ก็จะพบกับร้านส้มตำของคอดียะห์  ร้านนี้ดูผิวเผินอาจจะเป็นร้านเล็กๆ ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา

 

          เพราะผักและเครื่องเคียงเกือบทุกชนิดที่นี่   ใช้ปรุงเป็นเมนูส้มตำจะนำมาจากสวนครัวหลังบ้านที่ก๊ะคอดียะห์  ที่เป็นคนลงมือปลูกด้วยตัวเองพร้อมยืนยันว่าผักภายในสวนนี้ปลอดจากสารพิษ 100%   ไม่ว่าจะเป็น ถั่วฝักยาว มะเขือ พริกสด  ผักบุ้ง  คะน้า  และผักอื่นๆอีกมากมายที่ปลูกเป็นส่วนผสมและเป็นผักเครื่องเคียงสำหรับใช้ปรุงในการทำเมนูส้มตำขายเลี้ยงปากท้อง

 

          ลูกค้าที่มาทานส้มตำที่ร้านนี้  ยังสามารถที่จะเดินเก็บผักมารับประทานเองได้   หรือจะให้แม่ค้าไปเก็บผักในสวนมาเป็นผักเครื่องเคียงทานกับส้มตำ   ก็จะได้รสชาติที่หวานกรอบอร่อย  และเชื่อมั่นได้ว่ารับประทานผักที่ร้านส้มตำไก่ย่างนี้แล้วจะปลอดภัยจากสารพิษตกค้างอย่าง 100%   เพราะผักทุกชนิดคุณคอดียะห์ปลูกเองกับมือโดยมีสามีเป็นผู้ช่วย

 

          นอกจากนี้เมนูส้มตำปลาร้าของที่ร้านนี้ก็จะใช้กุ้งทะเลทำเป็นกุ้งร้าแทนปลา  เป็นสูตรใหม่ที่ก๊ะคอดียะห์คิดสูตรขึ้นมาเอง   ได้รสชาติกลมกล่อมอร่อยถูกใจลูกค้าไม่น้อย   และยังสร้างจุดขายให้กับทางร้านเล็กๆ ได้รับประทานกันด้วย

 

          นางบีเซาะ  เกปัน  ลูกค้าบอกว่า  มาทานครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจกับร้านนี้   นอกจากรสชาติที่อร่อยเหมือนต้นตำรับมาจากอีสาน  เนื่องจากแม่ค้าเป็นคนพื้นเพจังหวัดบุรีรัมย์  แต่มาตั้งรกรากเป็นสะใภ้มุสลิมที่นี่  ยิ่งสร้างความมั่นใจและประทับใจกับผักที่ปลูกขึ้นมาเอง   ให้กับลูกค้าได้ทานอย่างปลอดภัยด้วยรสชาติหวานกรอบอร่อย  และยิ่งประทับใจในตัวแม่ค้าที่เป็นคนสู้ชีวิต  แม้จะเจอมรสุมเข้ามาก็ไม่ย่อท้อก็อยากจะสนับสนุนและอุดหนุนเชิญชวนให้คนมากินส้มตำที่นี่ที่อร่อยและมีผักปลอดภัยไว้บริการในราคาย่อมเยา

 

          นายมะอุเส็น แซะอามา   สมาชิกอบต.ควนสตอ บอกว่า จะมาอุดหนุนลูกบ้านรายนี้อยู่เป็นประจำถ้ามีโอกาส  เพราะอดีตเคยปลูกผักปลอดสารพิษขาย  เมื่อล้มป่วยลงทั้งสองคนสามีภรรยาก็หยุดไปพักใหญ่  และกลับมาค้าขายอีกก็อยากจะมาอุดหนุนและอดชื่นชมไม่ได้ถึงฝีมือการปรุงอาหารรวมทั้งผักที่ปลอดภัยนำมาขายให้กับลูกค้าอยากให้ทุกคนมาช่วยกันอุดหนุนให้เยอะๆเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาทั้งสอง

         นอกจากผักที่สดหวานกรอบแล้ว  นางคอดียะห์   ยังมีกุ้งทะเลร้า  สูตรที่คิดขึ้นเองใช้แทนปลาร้า  สร้างความแปลกใหม่ให้กับสูตรส้มตำของที่นี่  โดยลูกค้าก็จะได้รับประทานกุ้งร้า ตัวโตในราคาย่อมเยา   โดยจะขายเป็นเมนูส้มตำกุ้งร้า เพียงจานละ 30 บาท และหากเป็นเมนูส้มตำไข่เค็มจานละ 40 บาทนอกจากนี้ยังมีเมนู ส้มตำไทย, ตำมะม่วงและตำซั่ว,  รวมทั้งไก่ย่างไม้ละ 10 บาท

          นางคอดียะห์  เหมสลาหมาด  อายุ 50 ปี  บอกว่า  เดิมทีตนมีอาชีพขายส้มตำไก่ย่างมานานกว่า 30 ปีหลังจากที่ล้มป่วยลงได้หยุดไป 5 ปีและพึ่งที่จะกลับมาขายเหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรและเห็นว่าตัวเองมีความถนัดในอาชีพนี้เลยตั้งใจกับสามีว่าจะช่วยกันขายส้มตำไก่ย่างและใช้ผักที่ชื่นชอบในการปลูกไว้หลังบ้านมาเป็นผักเครื่องเคียงให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ  ได้ทานกันอย่างจุใจในราคาย่อมเยา  โดยเริ่มต้นที่ราคา 30 บาท  ในเมนูส้มตำธรรมดาและ 40 บาท  ในเมนูส้มตำไข่เค็มและส้มตำมะม่วง รวมทั้งตำซั่ว  ไก่ย่างไม้ละ 10 บาทซึ่งเมนูมีไม่มากนักทำค้าขายพออยู่ได้กัน 2 คนสามีภรรยาเพราะผักส่วนใหญ่ก็จะใช้ผักในส่วนตัวมาปรุงเป็นเมนูส้มตำ

          ส่วนกุ้งทะเลที่นำมาเป็นกุ้งร้านั้น  ได้ที่สูตรขึ้นมาเองทำเหมือนกับปลาร้าแต่เปลี่ยนมาเป็นกุ้งทะเลแทนก็รสชาติอร่อยดีให้ลูกค้าได้ทาน  หลายคนก็ชื่นชอบในความหอมกลมกล่อม

          โดยทางร้านจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่เที่ยงไปจนกว่าของจะหมด  โดยติดต่อสอบถามได้ที่โทร  080-608-2176 ,  090-229-9740

……………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล – หอยกะพง สัตว์น้ำหาได้ทั้งปี  สร้างอาชีพเสริมผู้สูงวัยริมทะเลที่จังหวัดสตูล

หอยกะพง สัตว์น้ำหาได้ทั้งปี  สร้างอาชีพเสริมผู้สูงวัยริมทะเลที่จังหวัดสตูล

           ท้องทะเลในพื้นที่อำเภอละงู  จ.สตูล  นับเป็นท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์  ชาวบ้านในพื้นที่สามารถหาสัตว์น้ำได้อย่างต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเป็น  กุ้ง  หอย  ปู  ปลา  โดยเฉพาะหอย เรียกได้ว่ามีครบ ทั้งหอยหลอด  หอยเสียบ  รวมถึง หอยกาบง  หรือ หอยกะพง  ที่ชาวบ้านสามารถหาได้ตลอดทั้งปี  หากขยันก็สร้างรายได้ให้ชาวบ้านตลอดทั้งปีเช่นกัน 

 

          ที่บริเวณชายหาดหัวหิน  ต.ละงู  อ.ละงู  จ.สตูล   นายณรงชัย  อยู่ล่าย  อายุ 62 ปี และนางปราณี  อยู่ล่าย  หรือ มะลี อายุ 65 ปี  สองสามีภรรยาวัยเกษียรณช่วยกันลวกหอยกะพงที่ลูกสาวหามาให้ตั้งแต่เช้ามืด   โดยใช้เตาฟืนในการลวกหอยจำนวนมากนี้  ก่อนนำไปให้ชาวบ้าน 4-5 คน ที่มารับจ้างแกะเปลือกออกด้วยความชำนาญ

 

          นางรอฉ๊ะ  สายสว่าง  อายุ 65 ปี ชาวบ้านหัวหิน   กล่าวว่า  ทุกๆวันหลังเสร็จภารกิจงานบ้านก็จะนำมีดและกะละมังใส่หอย  มานั่งแกะหอยที่ผ่านการลวกแล้ว  โดยแกะเปลือกออกนำขนหอยออก  รับค่าจ้างกิโลกรัมละ 10 บาท  หนึ่งวันจะได้ประมาณ 50-100 บาท  แล้วแต่ปริมาณหอยที่มี 

 

          นางปราณี  อยู่ล่าย  หรือ มะลี อายุ 65 ปี  กล่าวว่า  ทุกๆวันจะได้หอยมาไม่เท่ากันหากน้ำลดก็หาได้เยอะ  เฉลี่ยอยู่ที่ 30-40 กิโลกรัม    หากไม่มีคลื่นลมจะหาได้ทุกวัน  สังเกตช่วงหอยผอมจะหยุดหา  โดยออกเรือไปหาหอยห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร  เมื่อได้หอยมาแล้วจะลวกโดยใช้ไฟแรงให้น้ำเดือดก่อนจุ่มหอยลงไปประมาณ 2-3 นาที  อย่าให้มีฟองขาว  เมื่อหอยอ้าปากก็ยกขึ้นได้แล้ว  ในแต่ละวันจะมีรายได้หลังหักค่าจ้างวันละ 1,000  กว่าบาท

           ด้านนายจำรัส  ฮ่องสาย  นายกอบต.ละงู  กล่าวว่า  หอยกะพงมีรสชาติอร่อย  เพราะความสดเพิ่งขึ้นจากทะเลแล้วนำมาลวกเลย  หอยช่วงฤดูนี้จะอ้วนเพราะกินแพรงตอน  สามารถไปทำได้หลายเมนูอย่าง  ลวกจิ้ม  ยำ ผัด แกงต่างๆ  หากทำแกงก็ผ่าหอยสดๆก่อนนำไปแกงจะได้รสชาติที่อร่อย  สามารถเป็นรายได้เสริมเพราะหอยนี้มีตลอดทั้งปี  แต่จะมีช่วงฤดูหอยผอม  และหอยจะอ้วนในช่วงมรสุม  นับเป็นสิ่งที่ดีผู้สูงอายุก็สามารถรับจ้างแกะหอยโดยใช้เวลาวันละ 2-3 ชั่วโมง ได้เงินวันละ 100 กว่าบาท

 

          นายก อบต.ละงู  กล่าวอีกว่า  พื้นที่ตำบลละงู  มีชายหาดหัวหิน  ชายหาดบางศิลา  มีท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์เพราะชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ    ชาวบ้านสามารถหาหอย หรือสัตว์น้ำชนิดอื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง  หอยหลอดจะมีเยอะช่วง พฤศจิกายน – มีนาคม ของทุกปี  นอกจากนี้ยังมีหอยเสียบ  หอยแครง ส่วนหอยกะพงต้องออกเรือไปนิดหน่อยก็สามารถหาได้ทั้งปีอาจจะว่างแล้วบ้างในช่วงฤดูหอยผอม 

 

        สำหรับหอยสดขายในราคากิโลกรัมละ 15 บาท  หอยลวกแล้วขายทั่วไปกิโลกรัมละ 60 บาท  ส่งขายโรงงานในราคากิโลกรัมละ 50 บาท  ส่วนเปลือกหอยที่มีจำนวนมาก สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นปาล์มได้ สนใจติดต่อสอบถาม หรือ สั่งซื้อหอย  โทร  065-8063285  มะลี   

…………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล – เอาใจสาวกข้าวเหนียวทุเรียนหมอนทองสามสี  เสิร์ฟแบบจุก ๆ ทั้งเนื้อสดและน้ำราด  ในราคาเบากระเป๋า ออเดอร์วันละ 200 ชุด

สตูล – เอาใจสาวกข้าวเหนียวทุเรียนหมอนทองสามสี  เสิร์ฟแบบจุก ๆ ทั้งเนื้อสดและน้ำราด  ในราคาเบากระเป๋า ออเดอร์วันละ 200 ชุด

         สาวกทุเรียนในยุคนี้  แม้จะกระทบกับภาวะเศรษฐกิจเงินฝืดเคืองไปบ้าง  แต่หลายร้านจำหน่ายทุเรียน  ก็มักจะหาทางออกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงทุเรียน  ผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบและโปรดปรานได้ง่าย

 

         เหมือนอย่างเช่นร้านนี้  ของคุณอลิษา  พันธุโยร์  หรือคุณฝน  ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติคฤหาส์กูเด็น  ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล  ทันทีที่ถึงเวลา 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มของทุกวัน  จะมีลูกค้ามายืนคอยคิวซื้อข้าวเหนียวทุเรียนสามสี  กันอย่างคึกคัก  ทำให้ทางร้านต้องจัดคิวเข้าแถว  เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงข้าวเหนียวทุเรียนสามสี  ที่พร้อมจะเสิร์ฟให้กับทุกคนที่ชื่นชอบกินกันชนิดจุใจ  ทั้งเนื้อทุเรียนหมอนทองสด ๆ ชิ้นใหญ่ๆ    ข้าวเหนียวมูน (สามสีธรรมชาติ ทั้งอัญชัน,ใบเตยและสีขาวธรรมชาติ)  น้ำกะทิทุเรียน และ น้ำกะทิธรรมดาก็พร้อมเสิร์ฟกันไปเลยให้เลือกทั้ง 2 ชนิดในราคาเพียงชุดละ 60 บาท 

 

        คุณเกด  หนึ่งในลูกค้าทุเรียน  บอกว่า   มาซื้อเป็นครั้งที่ 2 แล้ว  ครั้งแรกซื้อไป 3 กล่อง  มาครั้งนี้ซื้อ 4 กล่อง  ชื่นชอบในน้ำกะทิทุเรียนเพราะเป็นเนื้อทุเรียนจริงๆ  มีเนื้อทุเรียนใส่มาให้เราด้วย  และในน้ำทุเรียนก็มีทุเรียนด้วย  ราคาก็ถูก ชื่นชอบตั้งแต่น้ำทุเรียนเพราะปกติการกินข้าวเหนียวทุเรียนก็จะกินกับน้ำกะทิ  แต่เจ้านี้ให้เนื้อทุเรียนมาด้วย  เหมือนกับว่าได้กินรสของทุเรียนจริงๆ  ที่บ้านก็ชื่นชอบวันก่อนซื้อไปให้ย่าและน้ากินวันนี้เขาติดใจเลยสั่งอีก  เพื่อนที่ทำงานก็ฝากซื้อ

            นางสาวอลิษา  พันธุโยร์  หรือน้องฝน  เจ้าของร้าน  บอกว่า   ทางร้านจะใช้เนื้อล้วนๆ ประมาณ 30 กิโลกรัม (หรือ 100 กิโลกรัมทั้งลูก ข้าวเหนียวก็ประมาณ 30 กิโลกรัม  วันละ 200 ชุดขึ้นไป  ทุเรียนที่ใช้เป็นทุเรียนจากจันทบุรีซึ่งเป็นของป้า  จะใช้เป็นทุเรียนหมอนทองที่สุก  ราคาขายก็ถือว่าอยู่ได้ด้วยลูกค้าก็จับต้องได้เราก็อยู่ได้ด้วย  ขายมา 1 อาทิตย์แล้วโดยเฉพาะหน้าทุเรียนจะขายเป็นประจำทุกปี     คิดว่าลูกค้าติดใจในน้ำกะทิพร้อมใส่เนื้อทุเรียนโดยทางร้านจะให้ลูกค้า 2 แบบทั้งแบบใส่เนื้อทุเรียนไปในน้ำกะทิและแบบไม่ใส่  ราคาขาย 60 บาท จะเริ่มขายตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม ขายทุกวัน เนื้อทุเรียนล้วน  ขายขีดละ 59 บาท (แต่ขึ้นอยู่ที่ราคาของทุเรียนแต่ละวันด้วย)

 

          นอกจากนี้คุณอลิษา  พันธุโยร์  ก็ยังเปิดขายขนมจีนบุฟเฟ่ต์ผักสด ๆ ซึ่งเป็นงานประจำอยู่ด้วยที่ซอยเขาจีน ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล  โดยจะเปิดขายขนมจีน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ต่อจากนั้นเมื่อถึงหน้าทุเรียนก็พร้อมบริการขายให้สาวกทุเรียนกันจนหมดฤดูกาลไปเลย

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล-นาทีชาวประมงสตูลช่วยปลากระเบนนก  ขนาดใหญ่ 10 คนหาม  สัตว์หายากของโลกคืนสู่ท้องทะเล

นาทีชาวประมงสตูลช่วยปลากระเบนนก  ขนาดใหญ่ 10 คนหาม  สัตว์หายากของโลกคืนสู่ท้องทะเล

           นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  อายุ 40 ปี ไต๋เรือ ประมงพาณิชย์ ชื่อว่า ป.โชคประพาภรณ์ 1 หรือ ไต๋บอลอวนดำซิ่ง   ได้ส่งคลิปวีดีโอจากมือถือ  นาทีปลากระเบนนก ที่มีขนาดใหญ่ ติดอวนปลาทู  ก่อนลูกเรือนับ 10 คน ช่วยกันปล่อยลงทะเลอย่างทุลักทุเล  เพราะความใหญ่ของกระเบนนก   โดยคลิปที่มีความยาว  4 นาทีกว่า ถูกส่งต่อมายังทีมข่าว โดยแจ้งว่า วันที่  12  พ.ค. 2567  ตนได้ออกหาปลากลางทะเลไกลชายฝั่ง ในพื้นที่ทะเลฝั่งอันดามัน หลังเกาะเกียง  จังหวัดสตูล 

 

         ขณะยกอวนปลาทู  ซึ่งได้มาจำนวนมาก  แต่สิ่งหนึ่งที่ติดมากับอวนจนต้องผงะเลยทีเดียวนั่นคือ  ปลากระเบนนกขนาดใหญ่กว่า 1 เมตร  ที่พบว่าเป็น สัตว์ทะเลหายากของโลก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์   ขณะที่ในไทย เคยเจอครั้งก่อน  เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2561 ปลากระเบนนกโผล่อวดโฉม  ที่เกาะพีพี จ.กระบี่  นักดำน้ำไทยถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม  และล่าสุด  ครั้งนี้ได้เจอที่ทะเลอันดามันในฝั่งจังหวัดสตูล

 

        นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  หรือ ไต๋บอลอวนดำซิ่ง   กล่าวว่า ตนเองพร้อมลูกน้องออกทะเลมานานกว่า 30 ปีแล้ว มักจับเจอสัตว์น้ำตัวใหญ่มามากมาย และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลธรรมชาติเป็นประจำ  เคยเจอปลากระเบนนก  แค่ 2 ตัว ตัวนี้นับเป็นตัวที่  2  ซึ่งยอมรับว่าหาพบยากมาก  ส่วนใครสนใจ อยากดูปลาทะเล สามารถติดตาม ติ๊กต๊อกส่วนตัว ชื่อว่า “ไต๋บอล อวนดำซิ่ง”  ได้ ตอนนี้ผู้ติดตาม 59.2K คน  และคลิปการปล่อยปลากระเบนนก คืนสู่ท้องทะเล มีคนเข้าชมถึง 72.4K  หรือประมาณ  7 หมื่นกว่าคน 

              สำหรับการจับปลากระเบนนกตัวนี้ได้   นายนาวิน  มานะกิจสมบูรณ์  บอกอีกว่า เราใช้ลูกเรือ 5-10 คนช่วยกันยก  ปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ได้อย่างปลอดภัย เพราะตนเองที่ทำอาชีพประมงจับปลา แต่ไม่เคยคิดจับสัตว์น้ำตัวใหญ่ สิ่งที่เคยจับมาได้และปล่อยมักจะได้ วาฬ เต่า และล่าสุดปลากระเบนนกตัวนี้ ก็ปล่อยไป   เพราะสัตว์น้ำตัวใหญ่ เปรียบเสมือนจ้าวแห่งท้องทะเล

 

            สำหรับ กระเบนนก มีคนตั้งฉายาว่า “วิหคแห่งท้องทะเล”   เป็นปลาที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ไข่จะฟักในท้องแม่  ก่อนจะคลอดออกมาเป็นตัวปลา  โดยจะออกลูกครั้งละ 1-6 ตัว ขนาดโตเต็มที่ลำตัวมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร

………………………………………………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล-ปิดเทอมใหญ่ ทหารเรือ ฝึกทักษะเอาตัวรอดจากภัยทางน้ำ แก้ปัญหาเด็กจมน้ำ

สตูล-ปิดเทอมใหญ่ ทหารเรือ ฝึกทักษะเอาตัวรอดจากภัยทางน้ำ แก้ปัญหาเด็กจมน้ำ

         ทัพเรือภาคที่ 3  โดย น.ต.ปรัชญ์  ขำเจริญ   หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ นำกำลังร่วมสนับสนุน  ร่วมกับ อบต.กำแพง  จังหวัดสตูล  จัดฝึกอบรมให้ความรู้ความปลอดภัยทางน้ำ  เริ่มตั้งแต่การลอยตัวพยุงตัวเองในน้ำ   วิธีการเอาตัวรอดเมื่อตกน้ำ และการช่วยคนตกน้ำให้กับเด็ก ๆ จำนวน 30 คนที่เข้าร่วมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กจมน้ำตลอดหลักสูตร 5 วัน ที่สระว่ายน้ำซีไซด์โฮมรีสอร์ท  ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล

          โดยโครงการนี้นอกจากจะเป็นการฝึกทักษะเด็ก ๆ ให้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองขณะเกิดเหตุ  การรู้จักเอาตัวรอด  รวมทั้งทักษะการช่วยเหลือผู้อื่นเบื้องต้นเพื่อลดความสูญเสีย และป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กจมน้ำแล้ว   ยังสร้างความตระหนักรู้ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง   เห็นความสำคัญถึงภัยอันตรายของการจมน้ำในเด็ก   ช่วยรณรงค์และป้องกันภัยที่สามารถป้องกันได้ไม่ให้เกิดเหตุหรือความสูญเสียซ้ำซ้อน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-เร่งสานโคระใส่จำปาดะ  ผลไม้อัตลักษณ์ประจำถิ่น  งานฝีมือที่น่ารักส่งต่อจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ สร้างอาชีพ เพิ่มมูลค่าผลผลิตป้องกันแมลง

สตูล-เร่งสานโคระใส่จำปาดะ  ผลไม้อัตลักษณ์ประจำถิ่น  งานฝีมือที่น่ารักส่งต่อจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ สร้างอาชีพ เพิ่มมูลค่าผลผลิตป้องกันแมลง 

         ทันทีที่ฤดูผลไม้เริ่มให้ผลผลิต   ทางมะพร้าวก็มีมูลค่าขึ้นมาทันที  โดยเฉพาะสวนผลไม้พื้นเมืองทางภาคใต้อย่าง  จำปาดะ  มีความต้องการใช้ใบจากทางมะพร้าวสานขึ้นรูปเป็นโคระ เพื่อสวมใส่ป้องกันแมลงกัดกินและเพื่อความสวยงามของผลผลิต

 

          ทำให้วันนี้ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวซ้อมมือบ้านทุ่งพัฒนา หมู่ที่ 10   ตำบลควนสตอ   อำเภอควนโดน  จังหวัดสตูล  ได้เร่งตัดทางมะพร้าว  เพื่อมาสานเป็นโคระส่งขาย   ใช้ห่อหุ้มผลจำปาดะที่ยังมีผลขนาดเล็ก   เพื่อป้องกันแมลงกัดกิน   และเพื่อให้ผลของจำปาดะ  หรือผลของขนุน  ที่โตมามีความสวยงามและมีราคาดี  

 

          นางรอเฝียะ  เบ็ญหมีน  อายุ 65 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  ข้าวซ้อมมือบ้านทุ่งพัฒนา  บอกว่า  ในช่วงนี้เป็นช่วงที่สวนจำปาดะของเกษตรกรกำลังออกผลผลิต  จะมีความต้องการโคระ  เพื่อนำไปสวมใส่ในผลจำปาดะ กันเป็นจำนวนมาก    ทำให้ต้องเร่งมือทำให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า  ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกร 1 รายจะสั่งครั้งละ 1,000 ถึง 1,200 ลูก  ใน 1 ปีก็จะมี order สั่งประมาณ 3,000 ลูกต่อ 1 คนที่รับออเดอร์มา

 

          โดยนางรอเฝียะ  เบ็ญหมีน  ยอมรับว่า  ปีนี้อาจจะได้ order น้อยกว่าทุกปี  เนื่องจากผลผลิตของเกษตรกรหลายราย  ประสบปัญหาภัยแล้ง  ผลไม้ออกไม่มากนัก   แต่ก็ถือว่ายังมีความต้องการ   โดยในระยะแรกได้ทำส่งลูกค้าไปแล้ว 500 ลูก โดยขายลูกละ 4 บาท (หากตั้งใจทำจริงๆใน 1 วัน ใช้เวลาทำเพียง 6 ชั่วโมง สามารถสานโคระได้ถึง 100 ลูก) 

            ด้านนางซะ  หมันเส็น  อายุ  73 ปี  สมาชิกอีกราย  บอกว่า  การสานโคระ 1 ใบใช้เวลาทำไม่นาน ลวดลายที่ทำจะเป็นลวดลายแบบง่าย  ใช้ทางมะพร้าว 2 ท่อนใบ 3 คู่หรือ 6 ใบ สานไปมา เด็กๆในหมู่บ้านหลายคนก็ทำเป็น  เพราะเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาจากบรรพบุรุษ  ใช้ดูแลสวนผลไม้  โดยเฉพาะสวนจำปาดะซึ่งเป็นผลไม้อัตลักษณ์ขึ้นชื่อของจังหวัดสตูล   อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย

 

         สำหรับงานฝีมือที่น่ารักจากการสานโคระ  ผลผลิตจากภูมิปัญญาชาวบ้าน   เพื่อใช้ห่อหุ้มผลจําปาดะจะเห็นได้ว่ามีความยืดหยุ่น  เกษตรกรจะเริ่มใส่โคระตั้งแต่ผลยังเล็ก  โดยโคระ  จะยืดรองรับผลใหญ่  ได้มากสุด7-8 กิโลกรัม ตลอดอายุการใช้งาน  150 วัน  จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต   ส่วนการเก็บรักษาหากไม่ใช้ให้เก็บไว้ไม่ให้ถูกน้ำ ไม่ถูกแดดจะยืดอายุได้ถึง 1 ปี

 

          สำหรับผลไม้จำปาดะ  กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ออกประกาศในวันที่ 3 พฤษภาคม 2562  ขึ้นทะเบียนจำปาดะสตูลเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (พืชGI) ทะเบียนเลขที่สช.621-00123. สำหรับพันธุ์จำปาดะที่โดดเด่นได้แก่พันธุ์ขวัญสตูล ,  สตูลสีทอง ,  พันธุ์น้ำดอกไม้  ,  พันธุ์ทองเกษตร เป็นต้น 

 

           จำปาดะ  จะให้ผลผลิตเพียงปีละครั้ง ขนาดของผลจะคล้ายขนุน   เนื้อนิ่มและไม่แข็งกรอบเหมือนขนุน รสหวานกลมกล่อม เมื่อสวมใส่โคระ จะมีลวดลายที่สวยเมื่อสุกพร้อมรับประทานทำให้จำปาดะมีราคาดี

………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

เด็กหญิงวัย 7 ขวบ บกพร่องทางร่างกาย ขอโอกาสเรียนหนังสือ  ด้านตำรวจสตูลสานฝันส่งน้องเข้าเรียน  คุณแม่อยากให้บุตรสาวยืนหยัดอยู่ในสังคมได้ 

เด็กหญิงวัย 7 ขวบ บกพร่องทางร่างกาย ขอโอกาสเรียนหนังสือ  ด้านตำรวจสตูลสานฝันส่งน้องเข้าเรียน  คุณแม่อยากให้บุตรสาวยืนหยัดอยู่ในสังคมได้

         หลายครอบครัวเริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ในปีการศึกษา 2567  ขณะที่นักเรียนหลายคนในพื้นที่ชนบทยังไม่สมัครเรียน  อย่างเช่นกรณีเด็กหญิงวัย 7 ขวบ  ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย เดินไม่ไม่ได้  แต่อยากเรียนหนังสือ   โดยคุณแม่ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ในโอกาสที่ตำรวจ  สภ.ฉลุง  เข้าเยี่ยมเยียนครอบครัว  ตามโครงการ 1  ตำรวจ  1  หมู่บ้าน  เพื่อให้บุตรที่บกพร่องทางร่างกายได้รับโอกาสเรียนหนังสือในโรงเรียนรัฐ  หลังไม่แน่ใจว่าทางโรงเรียนจะรับน้องที่บกพร่องทางร่างกายเข้าเรียนหนังสือหรือไม่

 

          ที่โรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล  ต.ฉลุง  อ.เมือง  จ.สตูล  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลุง  นำโดย พ.ต.อ.บุญเลิศ  ตรัสศิริ  ผกก.สภ.ฉลุง  พร้อมคุณแม่และพี่สาวของเด็กหญิงวัย 7 ขวบ  ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย ต้องนั่งวีลแชร์  มาส่งที่โรงเรียนเพื่อสมัครเข้าเรียน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  โดยมี นายวารุทธิ์  ช่างเหล็ก ผอ.โรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล  พร้อมคณะครู และครูที่ปรึกษาประจำชั้น  ให้การต้อนรับพร้อมประเมินความพร้อมของนักเรียน  และวางแผนการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขณะเรียนหนังสือร่วมกับเพื่อน

         

         โอกาสนี้  เด็กหญิงวัย 7 ขวบ  ได้ขับร้องอัลนาชีด ซึ่งเป็นความสามารถในการทำกิจกรรมที่โรงเรียนเดิม  เมื่อร้องจบได้รับเสียงปรบมือเป็นกำลังใจจากพี่ๆตำรวจและคณะครู  ด้านเด็กหญิงวัย 7 ขวบ  บอกว่า   อยากเรียนที่นี่เพราะชอบเรียน   ชอบวิชาภาษาอังกฤษเพราะภาษาอังกฤษทำให้หนูสมองดีและอ่าน  A B C   ได้  โตไปอยากเป็นคุณหมอรักษาคนป่วย

         

          ทางด้านคุณแม่เด็กหญิงวัย 7 ขวบ   ยอมรับว่า อยากให้น้องมีความรู้  มีภูมิคุ้มกัน  เติบโต  ยืนหยัดด้วยตัวเองอยู่ท่ามกลางสังคมปัจจุบันให้ได้    และยังบอกอีกว่า  ตัวน้องมีความพร้อมที่อยากเรียนที่นี่   เพราะมีญาติมาเรียนด้วย  สำหรับร่างกายน้องปกติเพียงแต่ไม่มีกระดูกตั้งแต่เกิดเท่านั้นเอง   ส่วนตัวรู้สึกดีใจมากๆที่ทางตำรวจเข้ามาช่วย  ส่วนที่กังวลเพราะน้องเดินไม่ได้คุณครูคนเดียวต้องรับผิดชอบหลายคน  จะให้คุณครูมาดูนักเรียนคนเดียวก็คงจะเป็นไปไม่ได้   

           ด้าน นายวารุทธิ์  ช่างเหล็ก ผอ.โรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล  กล่าวว่า  เมื่อได้พบวันนี้ได้ทำการทดสอบแล้ว   ในส่วนของน้องก็มีความพร้อมทางสติปัญญา แต่บกพร่องทางด้านร่างกายในส่วนอื่นทางโรงเรียนอนุบาลเมืองสตูลก็ยินดี ที่จะดูแลน้องเป็นอย่างดี   เหมือนกับนักเรียนทั่วไปแต่จะดูแลเพิ่มเป็นพิเศษในการช่วยเหลือต่างๆในเบื้องต้นก่อน   ทางด้านการเรียนการสอนเชื่อเหลือเกินว่า    ที่โรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล   โดยเฉพาะคุณครูสายชั้น ป. 1 ป. 2 ป. 3 จะดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี   ก็อยากจะให้เชื่อมั่นและเชื่อใจกับโรงเรียนของเรา

 

          ทางด้าน  พ.ต.อ.บุญเลิศ  ตรัสศิริ  ผกก.สภ.ฉลุง  กล่าวว่า  โครงการ  1  ตำรวจ  1  หมู่บ้าน  ตำรวจก็ได้ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว  โดยเฉพาะในส่วนของจังหวัดสตูลนั้นผู้บังคับการตำรวจภูธรสตูล   ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมาก  จะเน้นหนักในเรื่องของการลงไปพบปะเยี่ยมเยียนชาวบ้าน   เพื่อปรับแผน   วางแผนในการป้องกันอาชญากรรมป้องกันยาเสพติดในหมู่บ้าน   รวมถึงปัญหาอื่นๆที่ชาวบ้านจะฝากทางตำรวจมาประสาน  

 

        เช่นกรณีนี้   ตำรวจที่รับผิดชอบ หมู่ 1 ตำบลฉลุง   ก็ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองขณะลงไปเยี่ยมเยียน  ว่ามีลูกซึ่งมีความผิดปกติทางด้านร่างกายตั้งแต่กำเนิด   ทางครอบครัวอยากให้ลูกเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลที่ในระดับชั้นประถมศึกษา  ส่วนตัวน้องก็มีความตั้งใจและเป็นเด็กนักกิจกรรมเก่าของโรงเรียนแต่ไม่กล้าที่จะมาสมัคร  กลัวว่าทางโรงเรียนจะไม่รับ   ก็ถือโอกาสที่ทางตำรวจไปเยี่ยมเยียนขอช่วยให้ตำรวจประสานกับทางโรงเรียน

 

          วันนี้จึงนัดมาเพื่อสมัครและหารือความเป็นไปได้   ก็ดีใจที่วันนี้ทางผอ. และคุณครูมีใจ   ถึงแม้ห้องเรียนของน้องจะเต็มแล้ว   แต่เห็นความต้องการของน้องและเห็นความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง   ทางโรงเรียนก็ยินดีที่จะรับเข้าการศึกษาที่นี่   และจะมีการปรับปรุงทางกายภาพของโรงเรียน   เพื่อให้น้องใช้ชีวิตขณะมาเรียนและใช้ชีวิตประจำวันภายในโรงเรียนได้    ในส่วนของตำรวจสตูลก็ดีใจ  ต้องขอขอบคุณทางโรงเรียนด้วยที่ให้การช่วยเหลือน้องและครอบครัว

 

           โอกาสนี้  ผกก.สภ.ฉลุง  กล่าวอีกว่า  น้องได้รับการสนับสนุนวีลแชร์ตัวหนึ่งจากภาครัฐ   แต่เป็นวีลแชร์สำหรับผู้ใหญ่   ซึ่งสรีระไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของน้อง   ในส่วนนี้ทางตำรวจภูธรฉลุง  และภาคีเครือข่าย  จะช่วยกันจัดหาวีลแชร์ที่เป็นไซด์ของน้อง   เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน   หากผู้มีจิตศรัทธาอยากจะสนับสนุนการศึกษาของน้อง  ก็ยินดีที่จะได้รับการช่วยเหลือผ่านผู้ปกครองของน้อง  เบอร์โทร   099-4633213

 

          สำหรับโรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล  เปิดการเรียนระดับชั้น อนุบาล 2 – ม.3  ปัจจุบันมีนักเรียน  242 คน

…………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

กินคู่! เกษตรกรสตูลปลูกเตยหอมในสวนมะพร้าว รับรายได้ 2 ทาง  เกษตรอำเภอแนะปลูกพืชเสริมคู่พืชหลัก

กินคู่! เกษตรกรสตูลปลูกเตยหอมในสวนมะพร้าว รับรายได้ 2 ทาง  เกษตรอำเภอแนะปลูกพืชเสริมคู่พืชหลัก

             บนพื้นที่สวนมะพร้าว 6 ไร่กว่า  ตั้งอยู่หมู่ที่ 6  ต.คลองขุด อ.เมือง  จ.สตูล   ดูร่มรื่นสดชื่นเขียวขจีด้วยต้นเตยหอม ที่เจ้าของสวนปลูกแซมสวนมะพร้าว  สร้างรายได้ 2 ทางให้เกษตรกรเป็นกอบเป็นกำ  ด้านเกษตรอำเภอแนะเกษตรกรไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียว

         

          ด้านนางวรันณ์ธร  ทองหวั่น  อายุ  50 ปี  เกษตรกรสวนมะพร้าว  และครอบครัว  นำเกษตรอำเภอเมืองสตูล เข้าชมต้นเตยหอมที่ขึ้นอย่างหนาแน่นภายในสวนมะพร้าวที่ปลูกนานกว่า 30 ปี  โดยทางสวนได้ขุดคูน้ำเล็กๆเก็บไว้ใช้น้ำในช่วงหน้าแล้ง  เพราะต้นเตยหอมจะโตสวยงามในพื้นที่ซับน้ำ 

 

         ในส่วนของมะพร้าวที่มีมากกว่า 100 ต้น ทั้งมะพร้าวน้ำหอม  และมะพร้าวน้ำหวาน  จะตัดเดือนละ  2 ครั้ง ครั้งละ 500-700 ลูก  ขายในราคาลูกละ 15 บาท  ส่วนหนึ่งจะขายน้ำถุงละ 15 บาท  สร้างรายได้เดือนละ 20,000  บาท  ส่วนเตยหอมนั้นนับเป็นรายได้ที่ 2 ของทางสวน  จะเก็บขาย  100 ใบ ราคา 15 บาท  สร้างรายได้ 5,000-6,000 บาทต่อเดือน

 

         ด้านนางวรันณ์ธร  ทองหวั่น  เกษตรกรสวนมะพร้าว  บอกว่า  สวนมะพร้าวพื้นที่ 6 ไร่กว่า ทั้งมะพร้าวน้ำหอม  มะพร้าวน้ำหวาน   ที่สวนนี้ปลูกมะพร้าวมากกว่า 30 ปีแล้ว  รายได้ต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท  เป็นพื้นที่เล็กๆให้คนแก่คอยเก็บขาย   ตอนนี้เพิ่มมูลค่าโดยการปลูกใบเตยเพิ่มขึ้นมา   เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่มีน้ำท่วมอยู่ตลอดเลยเอาใบเตยมาปลูกเสริม   ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5,000 ถึง 6,000 บาทต่อเดือน  โดยจะส่งขายที่ร้านดอกไม้  จะมีแม่ค้าที่ทำขนมมาขอซื้อ  ต่อเดือนสามารถขายได้หลายหมื่นใบ โดยทางสวนจะตัดขายเป็นใบไม่ได้ตัดเป็นต้น

 

         เกษตรกรสวนมะพร้าว  บอกอีกว่า  ทางสวนปลูก เตยหอม คู่กับมะพร้าว ทำให้มะพร้าวซึ่งมีน้ำที่หอมอยู่แล้วเมื่อมีใบเตยเสริมความหอมของมะพร้าวขึ้นมาอีก  มะพร้าวที่เราขายจะขายทั้งเป็นลูก  แล้วก็เป็นน้ำ 

 

        หากตัดเจอมะพร้าวลูกแก่ก็จะแยกส่งให้กับแม่ค้าที่ทำขนมขาย   ลูกอ่อนเหมาะกับการทำเป็นน้ำก็จะทำน้ำขายแพ็คถุงส่งขายเอง    ในส่วนของปัญหาตอนนี้เป็นเรื่องของอากาศ   อากาศแล้งทำให้มะพร้าวเป็นลูกน้อยลง   พอเริ่มมีฝนก็กลับมาให้ลูกเหมือนเดิม   แต่ปีนี้ยอมรับว่าแล้งจัด

 

         สวนที่นี่ได้รับการสนับสนุนจากเกษตรอำเภอมากๆ   มีหมอดิน   มีนักวิชาการมาตรวจดินให้เรา  จะบอกว่าดินของเรามีปัญหาอะไร   ให้เสริมแต่งอะไรบ้าง  เพราะเราไม่รู้ว่าดินขาดสารอาหารอะไร   เราเติมแต่งไม่ถูก    เมื่อท่านได้มาก็ได้รู้ว่าดินขาดเกลือก็ต้องเอาเกลือลง   ขาดปุ๋ยอะไรก็เสริมลงไป    ดินก็ออกมาดี   มะพร้าวก็ออกมาดี

          ด้านนายเฉลิมพร  ศรีสวัสดิ์  เกษตรอำเภอเมืองสตูล  กล่าวว่า   สำหรับแปลงปลูกมะพร้าวของลุงเจริญ  จะปลูกมะพร้าวน้ำหอมและมะพร้าวน้ำหวานผสมกัน  ได้เสริมด้วยใบเตยซึ่งเป็นรายได้เสริมจากมะพร้าวอีกที่หนึ่งเพราะว่าในพื้นที่สวนนี้เป็นพื้นที่ซับน้ำ  จึงนำใบเตยมาปลูกเป็นรายได้เสริมซึ่งเหมาะกับพื้นที่

 

          ในเรื่องความหอมจากใบเตยจะส่งผลให้น้ำมะพร้าวหอมนั้น   เกษตรอำเภอ  บอกว่า อันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อของผู้บริโภคและเกษตรกรทั่วไปว่าใบเตยมีผลต่อความหอมของมะพร้าว  แต่จริงๆแล้วกลิ่นของมะพร้าวน้ำหอม  กับกลิ่นของใบเตยใกล้เคียงกันมาก

 

        สำหรับสวนนี้  ทางสำนักงานเกษตรอำเภอเมือง  ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัด  ก็ได้จัดตั้งเป็นแปลงเรียนรู้ให้กับเกษตรกรทั่วไปที่สนใจในเรื่องของการบริหารจัดการสวนมะพร้าวอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ทางเกษตรอำเภอเมืองสตูล  ได้ฝากถึงเกษตรกรทั่วไปว่า การทำการเกษตร  1.เราอย่ามุ่งแค่พืชหลักอย่างเดียว   ต้องหารายได้จากพืชเสริม  ที่ผสมกันอย่างลงตัวเพื่อเป็นรายได้เสริม   เพราะบางครั้งบางช่วง  พืชหลักผลผลิตอาจตกต่ำเราก็จะได้มีรายได้จากพืชเสริมด้วยอีกช่องทางหนึ่ง

          หากเกษตรกรท่านใดต้องการเรียนรู้  หรือ สั่งซื้อมะพร้าวน้ำหอม  หรือ ใบเตยหอม  ติดต่อสอบถาม โทร  086 – 958 4983

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-น้ำผึ้งโพรงเดือน 5 สุดยอดสรรพคุณทางยา กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งพร้อมส่งต่อ

สตูล-น้ำผึ้งโพรงเดือน 5 สุดยอดสรรพคุณทางยา กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งพร้อมส่งต่อ

         เข้าสู่ปีที่ 5 แล้วสำหรับการรวมตัวกันเลี้ยงผึ้งโพรง  ของชาวบ้าน  20 คน ในชื่อกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสัตว์ บ้านแประใต้  สร้างรายได้เสริมให้สมาชิกอย่างต่อเนื่อง

 

          ที่สวนผลไม้ผสมและสวนยางพารา หมู่ที่ 4   ตำบลท่าเรือ  อำเภอท่าแพ  จังหวัดสตูล  มีการนำบ้านผึ้ง  ประมาณ 10 หลัง   ไปวางตามจุดที่มีความชื้นเพื่อให้ผึ้งได้มาทำรัง  โดยทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสัตว์ บ้านแประใต้   ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มกันเลี้ยงผึ้งโพรง  เพื่อเป็นรายได้เสริมของเกษตรกร   หลังจากทำสวนผลไม้และสวนยางพารา   โดยทันทีที่ผึ้งสร้างน้ำผึ้งจนเต็มรัง  เกษตรกรชุดนี้ซึ่งนำโดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4  ก็จะออกมาช่วยกันเก็บน้ำผึ้งเพื่อมาแปรรูปขาย

 

        การเก็บน้ำผึ้งทุกขั้นตอนต้องใช้ความระมัดระวัง   และมีอุปกรณ์ในการป้องกันไม่ให้ผึ้งมาต่อยหรือไชได้   เพราะในกลุ่มที่แพ้   อาจมีอาการหนัก   จนต้องหามส่งโรงพยาบาล  แต่เพื่อไม่ประมาททางกลุ่มก็จะใช้อุปกรณ์ทุกครั้งในการเก็บน้ำผึ้งเพื่อป้องกัน 

 

          ดูแล้วไม่ง่ายกว่าที่จะได้น้ำผึ้งมา   แม้ขั้นตอนการทำรังอาจจะดูง่าย  เพียงซื้อลังและหัวเชื้อเรียกผึ้งมาทำรัง  แต่ขั้นตอนการเก็บต้องใช้ความระมัดระวัง  เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขณะที่เก็บน้ำผึ้งได้

 

          โดยในช่วงนี้  ผึ้งจะทำรังและได้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติดี  ตามหลักความเชื่อที่ว่า  น้ำผึ้งเดือนห้าจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าน้ำผึ้งในเดือนอื่นๆ  จึงทำให้น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นที่ต้องการของตลาดเพราะด้วยสรรพคุณดังกล่าว

 

            นายฮาหรูน   ชะยานัย   ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสัตว์ บ้านแประใต้ (ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลท่าเรือ)  กล่าวว่า   ผึ้งโพรงส่วนใหญ่จะเก็บในช่วงเดือน 5  มีมาตรฐานมีความเข้มข้นมากกว่าช่วงอื่นๆ เหมาะกับการใช้ปรุงยา สมุนไพรชนิดอื่นๆ  เพราะมีส่วนผสมของเกสรดอกไม้ 99 ชนิด เพื่อรักษาโรคไอเจ็บคอ  ก่อนจะเอามาทำเป็นยาลูกกลอน  

 

            ทางสมาชิกกลุ่มมีบ้านผึ้งกว่า 100 หลัง  โดยลงทุนเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างรายได้ตลอด 4 ปี   ทางกลุ่มมีสินค้าอยู่ 2 ชนิด  คือ  น้ำผึ้ง ปริมาณ 450 ml  ขายขวดละ 400 บาท  ส่วนรังผึ้งสด จะขาย 4 ขีด 150 บาท  โดยสามารถสั่งซื้อได้ทางกลุ่ม  โทร  081-896-9863 

          ทั้งนี้ทางกลุ่มมีการปันผลให้กับสมาชิกปีละ 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสร้างรายได้เสริมให้กับครัวเรือนและยังมีน้ำผึ้งไว้ทาน  และเพื่อรักษาโรคและเป็นยาสามัญประจำบ้าน

 

          นายอารีย์ โส๊ะสันสะ  เกษตรอำเภอท่าแพ  เป็นกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจได้ส่งเข้าอบรมการเลี้ยงผึ้งโพรง  ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์แมลงเศรษฐกิจ  ชุมพร โดยงบประมาณส่วนหนึ่งของเกษตรอำเภอท่าแพได้เริ่มต้นให้  แล้วจะความตั้งใจของกลุ่มเดิมที่มีอยู่แล้ว  ทางสมาชิกเองได้มีการต่อยอด  จึงเป็นที่มาของการรวมกลุ่มและจดทะเบียน  เริ่มจากกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตร   มันมีความเข้มแข็งมากขึ้นก็ได้มีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน 

 

          สำหรับความพิเศษของกลุ่มนี้  นอกจากจะรวมกลุ่มเพื่อเลี้ยงผึ้งแล้ว  ยังมีการรวมกลุ่มเพื่อเลี้ยงแพะเลี้ยงโคและเลี้ยงปลาเป็นรายได้เสริมด้วย  

……..

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สสจ.สตูล ลงพื้นที่กระบี่ร่วมกับภาคการท่องเที่ยวกระบี่เตรียมจัดประชุมBHGCM ครั้งที่ 35 ปี 68

สสจ.สตูล ลงพื้นที่กระบี่ร่วมกับภาคการท่องเที่ยวกระบี่เตรียมจัดประชุมBHGCM ครั้งที่ 35 ปี 68

          วันที่ 2 พฤษภาคม 2567  เวลา 14.30 น.  ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่    นายแพทย์ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล มอบหมายให้ นายเอกพล เหมรา นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (ด้านส่งเสริมพัฒนา) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล และนายภาษิต พิศาลสุทธิกุล เภสัชกรเชี่ยวชาญ (ด้านเภสัชสาธารณสุข)  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล พร้อมคณะ เข้าพบ นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ และนางสาวศศิธร กิตติธรกุล รักษาการนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เพื่อสำรวจพื้นที่สำหรับการเตรียมความพร้อมการประชุมความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งมีเป้าหมาย คือ 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐเปอร์ลิส รัฐกลันตัน รัฐเกอดะฮ์ และรัฐเประ และ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล โดยมีการศึกษาประเด็นด้านสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันและสามารถส่งต่อแต่ละจังหวัดได้ ทั้งนี้ได้มีการสำรวจพื้นที่ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ศูนย์ wellness ที่มีในจังหวัดกระบี่ รวมถึงโรงงานที่ผลิตอาหารหรือสมุนไพรเพื่อสุขภาพในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งส่งผลต่อการสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนจังหวัดกระบี่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

……………………..

อัพเดทล่าสุด