Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูลเปิดฤดู “ผสมพันธุ์ดอก เก็บผล แปรรูปสละ” ยกระดับสละสุมาลีสู่ผลไม้เศรษฐกิจแห่งท่าแพ

สตูลเปิดฤดู “ผสมพันธุ์ดอก เก็บผล แปรรูปสละ” ยกระดับสละสุมาลีสู่ผลไม้เศรษฐกิจแห่งท่าแพ

           สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลจัดกิจกรรมส่งเสริมการผลิตและแปรรูปสละคุณภาพ   เปิดเทคนิคผสมเกสรเพิ่มผลผลิตกว่า 70% พร้อมต่อยอดแปรรูปสละน้ำปลาหวานสร้างมูลค่าเพิ่ม

         

           บรรยากาศเต็มไปด้วยความรู้และความตื่นเต้น ณ แปลงต้นแบบการผลิตสละคุณภาพของนายประชา กาสาเอก หมู่ที่ 6 ตำบลท่าแพ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล เมื่อสำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอท่าแพ จัดกิจกรรม “ผสมดอก เก็บผล แปรรูปสละ” โดยมีนายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล และคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจที่เข้าร่วมกิจกรรม

         

           กิจกรรมเริ่มต้นอย่างน่าสนใจด้วยการสาธิตเทคนิคการผสมเกสรดอกสละแบบต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัตราการติดผล  จากเดิมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเพียง 20-30% ให้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 70%  นายอารีย์  โส๊ะสันสะ เกษตรอำเภอท่าแพ อธิบายพร้อมสาธิตเทคนิคการผสมเกสรทั้ง 4 วิธี ได้แก่ การเขย่าถุง การถูดอก การปักดอก และการพ่นเกสร  โดยเน้นการใช้เกสรตัวผู้ที่มีคุณภาพและจังหวะเวลาที่เหมาะสม

 

          “การผสมเกสรไม่ใช่แค่เพิ่มปริมาณการติดผล แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพของผลสละให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื้อแน่น และรสชาติหวานฉ่ำยิ่งขึ้นด้วย”

         แปลงสละของนายประชา กาสาเอก เป็นแปลงต้นแบบการผลิตสละคุณภาพ พื้นที่ 3 ไร่  ได้เปลี่ยนสภาพจากต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน มาปลูกสละสายพันธุ์สุมาลีมานานกว่า 3 ปี และได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP เมื่อปี 2567 ทำให้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด เจ้าของแปลงเล่าถึงประสบการณ์การดูแลสละว่า “สละเป็นพืชที่ต้องการความชื้นและร่มเงาพอสมควร การจัดการระบบน้ำและปุ๋ยที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญ ที่สำคัญคือการผสมเกสรที่ถูกวิธีจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง”

 

          จากนั้น คณะได้เดินชมสวนสละที่ปลูกอย่างเป็นระบบ โดยมีการจัดการแถวปลูก ระยะปลูก การให้น้ำ และระบบระบายน้ำที่เหมาะสม รวมถึงการปลูกต้นตัวผู้ร่วมประมาณ 10% เพื่อการผสมเกสรที่มีประสิทธิภาพ นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล กล่าวว่า “อำเภอท่าแพมีศักยภาพสูงในการผลิตสละคุณภาพ ด้วยผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 1,156 กิโลกรัมต่อไร่ และสละสุมาลีมีจุดเด่นที่เนื้อหนา กลิ่นหอม รสหวานฉ่ำ ถือเป็นจุดขายสำคัญ”

          ไฮไลท์สำคัญของงานคือการสาธิตการแปรรูปสละน้ำปลาหวาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต   เจ้าหน้าที่สาธิตขั้นตอนการคัดเลือกสละที่มีคุณภาพ การปอกเปลือก แกะเมล็ด และการหมักกับน้ำปลาหวานตามสูตรเฉพาะ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการแนะนำผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ เช่น สละลอยแก้ว และสละทรงเครื่อง ที่สามารถพัฒนาเป็นสินค้า OTOP ของชุมชน

 

           “เราต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิตที่มีคุณภาพ การเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง และการแปรรูปที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและเพิ่มช่องทางสร้างรายได้” นายหร่ออ๊บ มุเส็มสะเดา นายอำเภอท่าแพ กล่าวทิ้งท้าย

 

           สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูลพร้อมให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้สนใจในการปลูกสละอย่างครบวงจร ทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีการผลิต และช่องทางการตลาด เพื่อส่งเสริมให้สละกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่อไป

 

           สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 0652393811 , 0805457923

……………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

คึกคักส่งท้ายสงกรานต์! นักท่องเที่ยวแห่กลับจากเกาะหลีเป๊ะ-ตะรุเตา ททท.สตูลเผยเงินสะพัดกว่า 30 ล้าน

คึกคักส่งท้ายสงกรานต์! นักท่องเที่ยวแห่กลับจากเกาะหลีเป๊ะ-ตะรุเตา ททท.สตูลเผยเงินสะพัดกว่า 30 ล้าน

            วันที่ 15 เมษายน 2568 บรรยากาศการเดินทางกลับของนักท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ท่าเทียบเรือปากบารา  อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยเดินทางกลับขึ้นฝั่งหลังพักผ่อนที่เกาะหลีเป๊ะ และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา

 

          กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับส่วนใหญ่เป็นครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนจากทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ กลาง และอีสาน โดยมุ่งหน้าไปยังสนามบินหาดใหญ่เพื่อเตรียมกลับเข้าสู่การทำงานในวันถัดไป

 

          ตั้งแต่ช่วงเช้า ท่าเรือปากบาราแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทจากเกาะหลีเป๊ะ ขึ้นฝั่งสู่ตำบลปากน้ำ ซึ่งเป็นจุดหลักในการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวสู่หมู่เกาะชื่อดังของจังหวัด

        นายไพรัช สุขงาม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสตูล ได้ลงพื้นที่ติดตามความเรียบร้อย พร้อมกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ปีนี้ จังหวัดสตูลได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวเข้าออกพื้นที่ไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 คน

 

            “ไม่เพียงแค่เกาะหลีเป๊ะและอุทยานฯ ตะรุเตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหมู่เกาะเภตรา เกาะบุโหลน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชายแดนวังประจัน ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งจากยุโรป มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย ต่างให้ความสนใจอย่างมาก” นายไพรัชกล่าว

        ทั้งนี้ ททท.สตูลคาดการณ์ว่า ตลอดช่วงหยุดยาว 5 วัน จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท แม้สตูลจะเป็นจังหวัดเมืองรอง แต่ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติที่งดงามและความสงบที่หาได้ยาก

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ผ่านด่านวังประจัน-ชายแดนสตูลรับสงกรานต์ “ช็อปเปอร์มาเลย์” บิดไกล 800 กม. ร่วมสนุก – ตม.สตูลจัดเต็มบริการสร้างภาพลักษณ์ดี

คึกคัก! นักท่องเที่ยวแห่ผ่านด่านวังประจัน-ชายแดนสตูลรับสงกรานต์ “ช็อปเปอร์มาเลย์” บิดไกล 800 กม. ร่วมสนุก – ตม.สตูลจัดเต็มบริการสร้างภาพลักษณ์ดี

           วันที่ 12 เม.ย.2568  บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล คึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางข้ามชายแดนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะกลุ่มนักขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ช็อปเปอร์จากรัฐยะโฮ  ประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางไกลกว่า 800 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่ภูเก็ตผ่านด่านวังประจัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย

พันตำรวจเอก เจริญพงศ์ ขันติโล ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล  พร้อมด้วย พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล  นำทีมเจ้าหน้าที่และจิตอาสาออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น  พร้อมจัดกิจกรรมแจก Gift Set ที่ประกอบด้วยน้ำดื่มและขนม เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการจัดขึ้นในทุกช่วงเทศกาลสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกและต้อนรับผู้เดินทางอย่างทั่วถึง

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และจิตอาสายังร่วมกันทำกิจกรรม Big Cleaning Day ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สถานที่ดูสะอาด สวยงาม และเหมาะสมกับการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง

         ในขณะเดียวกัน ด่านชายแดนทางทะเลบริเวณท่าเรือตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล ซึ่งเชื่อมต่อกับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกลับมาร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย

        ด้านด่านชายแดนบริเวณเกาะหลีเป๊ะ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดสตูล ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวอย่างคึกคัก เฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 800 คน สะท้อนถึงความนิยมของประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงสงกรานต์

……………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

 สตูลเดินหน้าขับเคลื่อนศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน เน้นการสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนในพื้นที่

สตูลเดินหน้าขับเคลื่อนศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน เน้นการสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนในพื้นที่

          วันนี้ (9 เม.ย. 68) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัด ชั้น 4 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล  จัดกิจกรรมขับเคลื่อนศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชนจังหวัดสตูล ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสังคมและสื่อมวลชนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนางวิไลวรรณ สุวรรณรักษา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล อาสาสมัคร และสื่อมวลชน เข้าร่วม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านสังคมและสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมทั้งเผยแพร่สิทธิสวัสดิการที่ประชาชนพึงได้รับ

         กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภารกิจของ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  มีภารกิจหลักในการเร่งรัดและบูรณาการการให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางและผู้ประสบปัญหาทางสังคมให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้อย่างรวดเร็ว  ทั่วถึง  และเป็นธรรม  โดยเฉพาะการช่วยเหลือในเชิงรุกผ่านความร่วมมือของเครือข่ายในพื้นที่

          ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบปัญหาทางสังคม ผ่านการสนับสนุนสวัสดิการสังคม การคุ้มครองสิทธิ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวและชุมชน ตลอดจนการส่งเสริมความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูลสร้างงาน สร้างอาชีพวัยเกษียณ สร้างความสุข

สตูลสร้างงาน สร้างอาชีพวัยเกษียณ สร้างความสุข

          ในยุคที่หลายคนมองหาความมั่นคงหลังเกษียณ “สวนบ้านริมเขา ทุ่งนายร้อย” เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและสร้างรายได้ไปพร้อมกัน บนพื้นที่เจ็ดไร่ของนายปรีชา อ่อนประชู อดีตข้าราชการ อบจ.สตูล  และภรรยา นางอำพร อ่อนประชู อดีตกุ๊กร้านอาหาร พวกเขาได้พลิกพื้นที่สวนให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้จากการทำเกษตรผสมผสาน

         

         หนึ่งในไฮไลท์ของสวนนี้คือแปลงดาวเรือง  ที่ปลูกไว้เพื่อจำหน่ายดอกเป็นช่อ  โดยสามารถขายได้ทุกวันพระ สัปดาห์ละ 100-150 ช่อ ในราคาสามดอกสิบบาท  คิดเป็นรายได้ต่อเดือนหลักหมื่นบาท   นอกจากสร้างรายได้แล้ว  ยังสร้างความสุขให้กับทั้งผู้ปลูกและลูกค้าที่มารับซื้อถึงสวน

         นอกจากดาวเรือง พื้นที่สวนยังมีการปลูกพืชหลายชนิด เช่น พริก, ส้มโอ, ชมพู่ โดยการปลูกพืชแบบผสมผสาน  ช่วยให้แมลงศัตรูพืชลดลงตามธรรมชาติ   มีการใช้ขวดน้ำ  แขวนตามแปลงเพื่อไล่แมลงโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี  พื้นที่สวนยังแบ่งออกเป็นแปลงไผ่ซางนวล   ซึ่งไม่ได้ขายลำต้นแต่ขายหน่อไผ่ปีละ 10,000-20,000 บาท

 

          ภายในสวนมีการขุดสระน้ำและทำระบบน้ำล้น เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปีในการรดพืชผัก  และดูแลสวน ระบบน้ำที่ดีช่วยลดต้นทุนการผลิต และทำให้พืชสามารถเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำประปา

           

          นอกจากการปลูกพืชผักไว้บริโภคเองแล้ว   รายได้จากการขายผลผลิต เช่น พริก และเป็ดอี้เหรียง ที่ให้ไข่วันละแผง ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน   ทำให้ชีวิตหลังเกษียณของทั้งสองมีความสุข ไม่ต้องเร่งรีบกับการทำงานเหมือนแต่ก่อน รายได้เกิดจากความพอใจในการทำเกษตร มากกว่าการหวังกำไรสูงสุด

           อนาคตของสวนบ้านริมเขา นายปรีชาและอำพร วางแผนให้สวนแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน  และที่พักแนวโฮมสเตย์  ด้วยบรรยากาศธรรมชาติที่ติดภูเขาและอากาศสดชื่น ทำให้ลูกชายคนเล็กมีแนวคิดต่อยอดธุรกิจครอบครัวให้เป็นสถานที่พักผ่อนที่มีการเกษตรเป็นจุดขาย

 

          นี่คือตัวอย่างของชีวิตหลังเกษียณที่เต็มไปด้วยความสุขและรายได้แบบพอเพียง

………………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 คนสู้ชีวิต! หนุ่มช่างคอมพิวเตอร์ พลิกสวนยางโค่นเป็นไร่สับปะรด แปรรูปขาย สร้างรายได้ครึ่งล้านต่อปี 

คนสู้ชีวิต!! หนุ่มช่างคอมพิวเตอร์ พลิกสวนยางโค่นเป็นไร่สับปะรด แปรรูปขาย สร้างรายได้ครึ่งล้านต่อปี

          เสียงเก็บสับปะรดในสวนดังขึ้นเป็นจังหวะ   นายอิสมาแอน ไชยมล วัย 40 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 ต.ควนโพธิ์ อ.เมือง จ.สตูล กำลังเร่งเก็บผลผลิตชุดสุดท้ายจากสวนสับปะรด 20 ไร่ ซึ่งเดิมเคยเป็นสวนยางพาราทั้งของตนเองและของญาติๆ ก่อนจะโค่นเพื่อปลูกใหม่ แต่เขากลับเลือกใช้พื้นที่ว่างนี้  ปลูกสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตแทน   เพื่อฟื้นฟูดิน และสร้างรายได้ให้ครอบครัว

 

         นายอิสมาแอน กล่าวว่า  “ผมเคยเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันมาทำเกษตรเต็มตัวเมื่อ 8 ปีก่อน ได้แรงบันดาลใจจากการไปดูงานที่กระบี่ จึงลองปลูกบนที่ดินของตนเอง และต่อมาญาติ ๆ ก็ให้ใช้พื้นที่สวนยางที่โค่นใหม่”

 

         อิสมาแอนใช้เทคนิคการปลูกแบบเว้นช่วงเก็บเกี่ยว    ไม่ให้ผลผลิตออกพร้อมกันทั้งแปลง ช่วยให้ขายได้ต่อเนื่องไม่กระทบราคา ทั้งยังเปิดหน้าร้านขายเองที่สวน ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง ปัจจุบันขายได้ลูกละ 15-30 บาท มีรายได้เฉลี่ยปีละกว่า 400,000 บาท โดยเฉพาะช่วงรอมฎอนที่ผ่านมา ขายได้ถึง 30,000 ลูกในเดือนเดียว

          นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย เกษตรจังหวัดสตูล  บอกว่า “เกษตรกรรายนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้พื้นที่ว่างหลังโค่นยางพารา มาปรับปรุงดินและสร้างรายได้ เขามีการจัดการที่ดีมาก ทั้งในแปลงและการตลาด”

          นอกจากขายสด ยังมีการแปรรูปหลากหลายเมนู เช่น น้ำสับปะรดขวดละ 12 บาท สับปะรดกวน และนมสดสับปะรดขวดละ 20 บาท โดยมีครอบครัวช่วยกัน ทั้งแม่ หลานสาว และน้องสะใภ้ ดูแลการแปรรูปและหน้าร้าน

           เกษตรจังหวัดสตูล. บอกอีกว่า.  “อิสมาแอนเป็นเกษตรกรที่ได้รับมาตรฐาน GAP และ Q ซึ่งการันตีคุณภาพและความปลอดภัย อยากให้เกษตรกรคนอื่นที่ปลูกในพื้นที่ของญาติ   หรือพื้นที่เอกสารสิทธิ์ มาขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับสิทธิ์ช่วยเหลือหากเกิดภัยพิบัติ”

 

          แม้หน่อพันธุ์สับปะรดจะยังไม่พอแบ่งขาย   เพราะต้องใช้ขยายแปลงในอนาคต   แต่ของเหลือจากการแปรรูป   เช่น กากและเปลือก ก็ยังนำไปทำปุ๋ยหมักต่อได้   ถือเป็นการใช้ประโยชน์ครบทุกส่วน. สนใจสอบถาม. โทร. 082-376-2450

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

เปิดงานประจำปี และงานกาชาด ปี 2568 เที่ยวสนุก สุขทั้งปี ที่สตูล  หารายได้ในกิจกรรมสาธารณกุศล และช่วยเหลือประชาชน

เปิดงานประจำปี และงานกาชาด ปี 2568 เที่ยวสนุก สุขทั้งปี ที่สตูล  หารายได้ในกิจกรรมสาธารณกุศล และช่วยเหลือประชาชน

         ที่เวทีนาวากาชาดจังหวัดสตูล บริเวณสนามบินกองทัพอากาศสตูล ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในการเปิดงานประจำปี และงานกาชาด ปี 2568 เที่ยวสนุก สุขทั้งปี ที่สตูล โดยมี ทพญ.สุกีรติ กปิลกาญจน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ พร้อมด้วยนายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายชัยวุฒิ บัวทอง ปลัดจังหวัดสตูล หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

          โดยการจัดงานในครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้ ให้กับเหล่ากาชาด จังหวัดสตูล ไว้ใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศล และช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ที่ได้รับความเดือดร้อนในด้านต่างๆ อาทิ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย รวมทั้งช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส ทุพพลภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ เด็กนักเรียน ผู้พิการ เป็นต้น ทั้งนี้การจัดงานได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งได้ร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนกิจการ กาชาด และการประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึง เพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตลอดระยะเวลา 10 วัน 10 คือ ตั้งแต่วันที่ 1 – 10 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

         งานประจำปีและงานกาชาด ปี 2568 เที่ยวสนุก สุขทั้งปี ที่สตูล เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการ สนับสนุนการจัดหารายได้ ในรูปแบบของการอุดหนุนร้านนาวากาชาด บัตรละ 20 บาท เพื่อลุ้นของรางวัลพิเศษ และในรูปแบบของการจำหน่ายสลากกาชาดบัตรละ 100 บาท เพื่อลุ้นรางวัลใหญ่ โดยจะมีการหมุนวงล้อในคืนสุดท้าย

………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ขนม”จูจอ” สานสัมพันธ์ชุมชน ฟื้นชีวิตขนมโบราณควนสตอ

ขนม“จูจอ” สานสัมพันธ์ชุมชน ฟื้นชีวิตขนมโบราณควนสตอ

          ที่อบต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล  ความร่วมแรงร่วมใจของแม่บ้าน 30 คน  จากหลากหมู่บ้านใน ตำบลควนสตอ วันนี้ได้รวมตัวกันสืบสานวัฒนธรรมการทำขนมโบราณ  เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานบุญที่กำลังจะถึง โดยมี “นางฮาหยาด  เกปัน” วัย 67 ปี ปราชญ์ชาวบ้านผู้เป็นเจ้าของสูตรขนม “จูจอ” หรือ “ดอกบัว” นำทีมในการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

         การรวมตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำขนมเพื่องานบุญ 300 โต๊ะ หากยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์และสานต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชน พวกเขาได้ร่วมกันผลิตขนมหลากชนิด อาทิ ขนมโค กล้วยหยำ และจูจอ รวมทั้งสิ้น 12 กิโลกรัม หรือประมาณ 1,200 ชิ้น

          สูตรลับของขนม “จูจอ” ประกอบด้วยแป้งสาลี 1 กิโลกรัม  แป้งข้าวเจ้าครึ่งกิโลกรัม  น้ำตาลทรายขาว 8 กรัม น้ำตาลอ้อย 2 กรัม และเกลือเล็กน้อย ขั้นตอนการทำต้องอาศัยความชำนาญ โดยเฉพาะการหยอดแป้งทอดให้เป็นรูปดอกไม้ และค่อยๆ ปรุงไฟให้สุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

          ขนมจูจอกลายเป็นของขึ้นชื่อประจำตลาดเช้า นิยมทานคู่กับโกปี้อ้อและชาเย็น ราคาเริ่มต้นเพียง 3-5 บาท สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวใต้มุสลิมที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า

         การอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมผ่านขนมโบราณเช่นนี้  นับเป็นพลังสำคัญในการเชื่อมโยงคนในชุมชน สร้างความภาคภูมิใจ และถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่คนรุ่นต่อไป

……..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

ย้อนเวลาสู่มนต์เสน่ห์แห่งอันดามัน! เชิญร่วมงาน “สไบ กะบาย่า ปาเต๊ะ” Andaman Retro 2025

ย้อนเวลาสู่มนต์เสน่ห์แห่งอันดามัน! เชิญร่วมงาน “สไบ กะบาย่า ปาเต๊ะ” Andaman Retro 2025

วันที่ (20 มี.ค.68) ที่สมาคมจงหัว จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหมายให้นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ร่วมงานแถลงข่าวโครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสานสัมพันธ์ไทย จีน มลายู “สไบ กะบาย่า ปาเต๊ะ” Andaman Retro 2025 โดยมีนางสาวภัชกุล ตรีพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล นายกิติศักดิ์ มูสิกสง  นายกเทศมนตรีเมืองสตูล หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน และประชาชนเข้าร่วมงาน

        การจัดงานโครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสานสัมพันธ์ไทย จีน มลายู “สไบ กะบาย่า ปาเต๊ะ” Andaman Retro 2025  กำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดสตูล ในวันที่ 2 – 4 เมษายน 2568 ณ บริเวณสนามบินกองทัพอากาศ และ ถนนบุรีวานิช ย่านเมืองเก่า โดยมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอวัฒนธรรมไทย-จีน-มลายูผ่านชุดแต่งกายแบบดั้งเดิม อาทิ สไบ กะบาย่า และปาเต๊ะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานของจังหวัดสตูล และการจัดงาน Andaman Retro 2025 นี้ ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของอันดามันอีกด้วย

           ทั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ชุมชนเมืองเก่า ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตในจังหวัดสตูล ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมไปถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและการบริการของจังหวัดสตูล พร้อมสร้างจุดขายและส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักสู่สากล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 จากพนักงานบริษัทสู่เจ้าของกิจการ  “ขนมครกไส้โคตรทะลัก” สร้างรายได้วันละ 2,000 บาท

จากพนักงานบริษัทสู่เจ้าของกิจการ  “ขนมครกไส้โคตรทะลัก” สร้างรายได้วันละ 2,000 บาท

          ที่ตลาดรอมฎอน  ต.ฉลุง  อ.เมือง  จ.สตูล  นางสาวฐิติภัทร โลณะปาลวงษ์ อายุ 36 ปี เจ้าของร้าน “ขนมครกไส้โคตรทะลัก” เล่าให้ฟังถึงเส้นทางการเปลี่ยนชีวิตจากพนักงานบริษัทในแผนกซีพี สู่การเป็นผู้ประกอบการขนมไทยที่มีรายได้วันละ 2,000 บาท จากขนมครกเพียง 3 กิโลกรัมต่อวัน

 

          นางสาวฐิติภัทรเล่าว่า “เริ่มต้นจากการตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง และความชอบส่วนตัวในการขายของ” “ดิฉันได้ศึกษาการทำขนมครกจากช่องทางออนไลน์ แล้วทดลองทำด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกจนได้สูตรที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้”

 

          โดยความพิเศษของขนมครกร้านนี้อยู่ที่การใช้แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผสมกับน้ำกะทิคุณภาพดี ทำให้ได้เนื้อขนมที่นุ่ม หอม ไม่แข็งกระด้าง โดยเมื่อทำแป้งเสร็จแล้วจะเติมหัวกะทิอีกครั้ง และตามด้วยไส้ที่หลากหลายถึง 4 ชนิด ได้แก่:  – ไส้ฟักทอง  – ไส้มันม่วง  – ไส้ข้าวโพด  – ไส้เผือก

 

         “ความลับอยู่ที่เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผสมแป้ง และการทำไส้ที่สด ใหม่ทุกวัน หวานพอดี มันจากหัวกะทิ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย” คุณฐิติภัทรกล่าว

 

         ด้วยประสบการณ์จากการทำงานในบริษัท คุณฐิติภัทรได้นำความรู้ด้านการตลาดมาปรับใช้กับธุรกิจขนมครก จัดแคมเปญ “ซื้อขนมครก 20 บาท แถมคูปอง 1 ใบ” เมื่อสะสมครบ 10 ใบ สามารถแลกขนมครกฟรี 1 กล่อง  

          “การทำแคมเปญนี้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น เพราะลูกค้าอยากได้คูปองมากๆ จึงซื้อในปริมาณมากขึ้น และในเดือนนี้มีลูกค้าไม่น้อยกว่า 3 รายแล้วที่มาแลกขนมฟรีจากการสะสมแต้ม” คุณฐิติภัทรกล่าวด้วยรอยยิ้ม

              ความอร่อยของขนมครกไส้โคตรทะลักไม่เพียงเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทั่วไป แต่ยังได้รับการยอมรับจากนายกเทศมนตรีตำบลฉลุง  และผู้รับสัมปทานตลาดที่ยอมรับว่า “ขนมครกเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยม เป็นอาหารว่าง อาหารแก้บวชของพี่น้องชาวไทยมุสลิม”

 

           สำหรับเวลาเปิดให้บริการ  ในเดือนรอมฎอน  ตั้งแต่เวลา  13.00-18.00 น.  เดือนปกติ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ที่สามแยกฉลุง  สนใจสั่งขนมครกไส้โคตรทะลัก สามารถติดต่อได้ที่ 099-304-2659

 

     “จากความฝันเล็กๆ สู่ความสำเร็จวันนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ ขอเพียงมีใจรัก ตั้งใจ และลงมือทำอย่างจริงจัง” คุณฐิติภัทรทิ้งท้าย

…………………………………..

อัพเดทล่าสุด