Categories
ข่าวเด่น

สตูลเตือนภัยผลกระทบยาเสพติดเด็กในสตูลตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว 

เตือนภัยผลกระทบยาเสพติดเด็กในสตูลตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว

           โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญเกิดขึ้นที่หมู่ 3 บ้านคลองลิดี ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล เมื่อเด็กชายวัยเพียง 2 ขวบ  ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล หลังถูกลุงซึ่งมีอาการคลุ้มคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด จับตัวเหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงสองครั้งซ้อน เหตุการณ์สลดใจนี้สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

         จากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายอับดุลอาซีด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี หมู่ที่ 3 บ้านคลองลิดี ต.สาคร อ.ท่าแพ ผู้ก่อเหตุได้ในที่เกิดเหตุ โดยผู้ต้องหายังคงมีอาการผิดปกติ พูดคนเดียว แต่รับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้เหวี่ยงเด็กกระแทกพื้นจนเสียชีวิตจริง และไม่ได้ขัดขืนการจับกุมแต่อย่างใด

         พี่ชายของผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า ขณะที่ตนนอนพักอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงดังตุบ 2 ครั้ง จึงรีบออกมาดูและพบเด็กนอนสลบแน่นิ่งอยู่แล้ว  จึงรีบแจ้งเหตุและนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที  แต่น่าเศร้าที่เด็กเสียชีวิตระหว่างทาง

         ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีประวัติติดยาเสพติดมานาน ถึงแม้จะผ่านการบำบัดมาหลายครั้ง แต่ก็กลับไปเสพซ้ำอยู่เรื่อยๆ ขณะเกิดเหตุเชื่อว่าผู้ต้องหามีอาการคลุ้มคลั่งจากฤทธิ์ของยาเสพติด จนนำไปสู่การกระทำรุนแรงต่อเด็ก

       

        ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องหาและเด็กผู้เสียชีวิตนั้น มีศักดิ์เป็นลุง (พี่ชายของพ่อเลี้ยง) บ้านของทั้งสองครอบครัวอยู่ใกล้กัน และปกติเด็กกับผู้ต้องหาก็มีความคุ้นเคยกันดี ขณะเกิดเหตุ แม่ของเด็กกำลังล้างจานอยู่ที่หลังบ้าน ไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์สลดใจที่เกิดขึ้น

         นายอนุสรณ์ อุเส็น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สาคร เล่าว่า หลังทราบเหตุได้รีบแจ้งตำรวจเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ยังคงอยู่ในอาการผิดปกติ ทางด้านตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

         ล่าสุด พล.ต.ต.มารุต เรืองจินตนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เพ็ชรรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าแพ, พ.ต.ท.อาบูบากาด ดาแลหมัน สารวัตรปราบปรามสถานีตำรวจภูธรท่าแพ, ร.ต.อ.นุกูล จิตรเพชร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าแพ, นายขจรศักดิ์ เจ๊ะแอ กำนันตำบลสาคร, นายอนุสรณ์ อุเส็น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สาคร และข้าราชการตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรท่าแพ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหารือแนวทางป้องกันแก้ไขกรณีเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเสียชีวิต

 

          เหตุการณ์สลดใจครั้งนี้สะท้อนถึงปัญหายาเสพติดที่ยังคงเป็นภัยร้ายแรงในสังคม โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้บริสุทธิ์ แม้จะมีมาตรการการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด แต่การกลับไปเสพซ้ำยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ท้าทายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

        ผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่เตรียมหารือถึงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันในกรณีผู้มีประวัติเสพยาเสพติดที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยในอนาคต ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงตกอยู่ในความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง

………………………………………………..

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

สตูลคลิปครูทำร้ายเด็กโผล่หลังเงียบนาน 1 ปี – ครูชำนาญการพิเศษ  ยอมรับผิด นายอำเภอเร่งสอบ พร้อมตั้งมาตรการคุมเข้มพุ่งตรวจสอบผู้เสียหายรายอื่น เตรียมส่งเรื่องคุรุสภาพิจารณาใบอนุญาต 

สตูลคลิปครูทำร้ายเด็กโผล่หลังเงียบนาน 1 ปี – ครูชำนาญการพิเศษ  ยอมรับผิด นายอำเภอเร่งสอบ พร้อมตั้งมาตรการคุมเข้มพุ่งตรวจสอบผู้เสียหายรายอื่น เตรียมส่งเรื่องคุรุสภาพิจารณาใบอนุญาต

         วันที่ 3 มีนาคม 2568  คลิปฉาวที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลขณะนี้ เมื่อแม่ของเด็กชายวัย 4 ขวบ โพสต์คลิปเผยพฤติกรรมรุนแรงของครูศูนย์อนุบาลแห่งหนึ่งในอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล

 

          คลิปเหตุการณ์สะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 แต่ผู้ปกครองเพิ่งได้รับคลิปล่าสุดก่อนนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งหว้า วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่า แม้เหตุการณ์จะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ศูนย์อนุบาลยังเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ขณะที่เด็กชายผู้เสียหายไม่ได้มาเรียน

 

         ครูคนนี้พบว่ายังมีประวัติมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานจนถึงขั้นต้องไปโรงพัก เคยมีเรื่องฟ้องร้องกันมาแล้ว

 

          หลังคลิปฉาวแพร่กระจายในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว นายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า ได้เร่งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประกอบด้วย ศึกษาธิการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายก อบต. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของครูผู้ก่อเหตุ

 

         นายอำเภอทุ่งหว้า  กล่าวว่า   ตอนนี้แม้เรายังไม่ได้พูดคุยกับครูโดยตรง แต่มีข้อมูลว่าครูน่าจะยอมรับในสิ่งที่ได้กระทำลงไป และครูยินดีย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นระหว่างที่มีการสอบสวน ขณะนี้มีผู้ปกครองรายอื่นเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้วมากกว่าสองราย เรากำลังเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้งกรณีนี้และกรณีอื่นที่เกี่ยวข้อง

 

          นอกจากนี้ นายอำเภอทุ่งหว้ายังเปิดเผยถึงมาตรการดำเนินการกับครูผู้ก่อเหตุว่า…เราได้ย้ายครูรายนี้ออกจากศูนย์อนุบาลเด็กเล็กแล้ว และกำลังพิจารณาส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตพื้นที่ระหว่างการสอบสวน ส่วนทางคดี ตำรวจรับเรื่องไปดำเนินการแล้ว โดยจังหวัดสตูลได้แจ้งให้สถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้าพิจารณาคดีอย่างเร่งด่วน”

 

         สำหรับการดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบ ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล จะเข้าประเมินสภาพจิตใจของเด็ก เพื่อให้ความช่วยเหลือและติดตามผลกระทบทางจิตใจในระยะยาว   ที่สำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดในทุกห้องเรียน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ปกครอง

 

           ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอำเภอทุ่งหว้า พร้อมด้วยนายก อบต. ศึกษาธิการจังหวัด และทีมงานพัฒนาสังคมฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเด็กผู้เสียหาย เพื่อเยียวยาจิตใจและประเมินสภาพเด็ก ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเด็กยังมีสภาพจิตใจร่าเริง

 

**ญาติของเด็ก**: “หลานเราก็ซนตามประสาเด็กผู้ชาย แต่พอได้เห็นคลิป เราตกใจมาก ครูทำเกินกว่าเหตุ และไม่คิดว่าจะเกิดกับลูกหลานเราเอง”

 

             สำหรับด้านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีตำแหน่ง “ชำนาญการพิเศษ” และเข้าทำงานที่ศูนย์อนุบาลแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2563 โดยไม่เคยมีประวัติการร้องเรียนมาก่อน ทางศึกษาธิการจังหวัดแจ้งว่า จะต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริงก่อนนำสำนวนไปประกอบการพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งเป็นอำนาจของคุรุสภา

 

          คดีนี้สะท้อนให้เห็นว่า การกระทำรุนแรงต่อเด็กสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานศึกษา ซึ่งควรเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ทางการสัญญาว่าจะตรวจสอบอย่างเข้มงวดและวางมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก

…………………………..

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ชนสนั่นหน้าโรงพัก! 18 ล้อพุ่งเสยสิบล้อ-เก๋ง ดับ 1 เจ็บ 2 ตำรวจรอดหวุดหวิด 

ชนสนั่นหน้าโรงพัก! 18 ล้อพุ่งเสยสิบล้อ-เก๋ง ดับ 1 เจ็บ 2 ตำรวจรอดหวุดหวิด 

          นาทีระทึก! กล้องวงจรปิดจับภาพอุบัติเหตุสุดสยองหน้า สภ.ทุ่งหว้า เมื่อเช้านี้ (26 ก.พ. 2568) รถพ่วง 18 ล้อพุ่งชนรถเก๋ง ก่อนเสียหลักไปกระแทกกับสิบล้อที่วิ่งสวนทาง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็น รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ทุ่งหว้า ที่กำลังขับรถมาเข้าเวรสายตรวจ! 

 

         เหตุเกิดเมื่อเวลา 07.19 น. ขณะที่ ร.ต.ท.ว่าหลิด เอียดดี  รองสารวัตรป้องกันปราบปราม (ป.) สภ.ทุ่งหว้า ขับรถเก๋งฮอนด้า (ทะเบียน กจ 4379 สตูล) เพื่อเข้าเวรสายตรวจตามปกติ กำลังจะเลี้ยวเข้าหน้าโรงพัก แต่ในจังหวะเดียวกัน รถพ่วง 18 ล้อ (ทะเบียน 81-3466 ตรัง) ซึ่งขับตามหลังมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนท้ายอย่างจัง ส่งผลให้รถเก๋งหมุนเสียหลัก ก่อนที่รถพ่วงจะพุ่งชนประสานงากับ รถสิบล้อ (ทะเบียน 70-91-72 สงขลา) ที่วิ่งสวนมา 

 

            แรงปะทะทำให้คนขับสิบล้อ เสียชีวิตคาที่ ในซากรถ ส่วน ร.ต.ท.ว่าหลิด ซึ่งเป็นคนขับรถเก๋ง และ นายวุฒิชัย ปานเขียว ซึ่งโดยสารมากับรถพ่วง 18 ล้อ ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกจากรถเป็นการด่วน 

 

         เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทรจังหวัดสตูลระดมกำลัง กว่า 20 นาย พร้อมเครื่องตัดถ่าง 3 ชุด เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากรถ ก่อนนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง 

………………..

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ตำรวจสตูลผุดโครงการ “ตาวิเศษ” ติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วเมือง เสริมความปลอดภัยชุมชน

ตำรวจสตูลผุดโครงการ “ตาวิเศษ” ติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วเมือง เสริมความปลอดภัยชุมชน

         สถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล นำร่องโครงการ “ตาวิเศษ SMART POLICE” ติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่เสี่ยงและจุดสำคัญทั่วเมืองสตูล เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว

 

        พันตำรวจเอกเสกสิทธิ์ ปรากฏชื่อ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการตอบสนองนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้บ้านเมืองมีความสงบสุข โดยเริ่มต้นจากการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่นำร่อง 10 จุดสำคัญ โดยเฉพาะบริเวณร้านสะดวกซื้อและพื้นที่ที่มีประชาชนพลุกพล่าน

          “เราจะประสานความร่วมมือกับผู้นำท้องที่และท้องถิ่น รวมถึงประชาชนในพื้นที่ เพื่อขยายการติดตั้งกล้อง CCTV ให้ครอบคลุมทั่วเมืองสตูล นอกจากจะช่วยในการสอดส่องดูแลความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นการป้องปรามผู้ที่คิดจะก่อเหตุอีกด้วย” ผู้กำกับฯ กล่าว

 

         ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองสตูลให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ปลอดภัย และรักษาความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ไว้อย่างยั่งยืน

       สำหรับผู้สนใจ สามารถติดต่อ  074711088  สภ.เมืองสตูล

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ไทย-มาเลย์ร่วมมือส่งคืนเรือมูลค่าหลักล้าน หลังถูกโจรกรรมจากเกาะลังกาวี

ไทย-มาเลย์ร่วมมือส่งคืนเรือมูลค่าหลักล้าน หลังถูกโจรกรรมจากเกาะลังกาวี

          วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดี  เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยและมาเลเซียร่วมพิธีส่งมอบเรือไฟเบอร์กลาสมูลค่าหลักล้านบาทคืนเจ้าของ หลังถูกโจรกรรมจากเกาะลังกาวี   ซึ่งเป็นเรือ 1 ใน 2 ลำที่ถูกขโมยมาซุกซ่อนในพื้นที่จังหวัดสตูล ส่วนนอีก 1 ลำนั้น ทางการไทยจะทยอยส่งกลับในวันที่ 25 ก.พ.2568  ที่ยังรอการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน 

          น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล จว.สตูล พร้อมด้วย พ.ต.อ.กมลศักดิ์ วันประดุง ผู้กำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ  และหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลของไทย ได้ส่งมอบเรือคืนให้แก่ INSP MUHAMMAD HAIKHAL BIN SAAD  ตำรวจน้ำลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย  และ Mr.ISKANDAR BIN ABD HALIM  เจ้าของเรือชาวมาเลเซีย

 

          เรือลำดังกล่าวเป็นเรือไฟเบอร์กลาสสมรรถนะสูง ตัวเรือสีแดงคาดฟ้า ท้องเรือสีดำ ความยาว 33 ฟุต กว้าง 2 เมตร ติดตั้งเครื่องยนต์ YAMAHA ขนาด 200 แรงม้า ถึง 3 เครื่อง ซึ่งถูกโจรกรรมไปจากเกาะลังกาวีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567

           จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากสายลับแจ้งเบาะแสว่าพบเรือต้องสงสัยจอดซุกซ่อนอยู่ในลำคลองข้างบ่อเลี้ยงกุ้ง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและพบว่าเรือลำดังกล่าวมีร่องรอยการทาสีใหม่เพื่ออำพราง แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุ

 

          ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่สองประเทศประชุมร่วม เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 เพื่อตรวจสอบหลักฐานและเอกสารยืนยันกรรมสิทธิ์ โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสำนักงานเจ้าท่าลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย

 

          “การส่งมอบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศ” น.อ.แสนย์ไท กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเจ้าของเรือยืนยันว่าไม่พบความเสียหายของทรัพย์สินภายในเรือแต่อย่างใด

 

            ด้านเจ้าของเรือ Mr.ISKANDAR BIN ABD HALIM แสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยที่ช่วยติดตามและเก็บรักษาเรือไว้เป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลทั้งสองประเทศ ที่พร้อมร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน​​​​​​​​​​​​​​​​

……………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ระทึก! ตำรวจสตูลบุกรวบโจรคลั่ง จี้ชิงรถ-ไล่ฟันชาวบ้าน กลางสวนปาล์ม

ระทึก! ตำรวจสตูลบุกรวบโจรคลั่ง จี้ชิงรถ-ไล่ฟันชาวบ้าน กลางสวนปาล์ม

              เมื่อเช้าวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ ปรากฎชื่อ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล เปิดเผยถึงเหตุการณ์จับกุมคนร้ายก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายประชาชน  หลังได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

           เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 21.00 น. เมื่อนายอนันตชัย เตบหนี อายุ 32 ปี ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีแดง ผ่านเส้นทางสวนปาล์มในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลบ้านควน ถูกนายสุนทร (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ถือมีดพร้าวิ่งออกมาจากขนำ จี้บังคับให้ลงจากรถ และกักขังไว้เป็นเวลานานถึง 3 ชั่วโมง

 

           จากการสืบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหารายเดียวกันนี้ได้ก่อเหตุใช้มีดฟันชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ตำรวจต้องระดมกำลังเร่งติดตามจับกุม

 

          ภาพจากคลิปวิดีโอขณะจับกุม แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกว่า 3-4 นาย นำโดย ร.ต.ต.ชัชชา สังขรัตน์ รอง สว.(ป)/พญาวัง 20 พร้อมด้วย ด.ต.จริน หนูคง และ จ.ส.ต.มิตรชัย สงเสือ ร่วมกันควบคุมตัวผู้ต้องหาได้สำเร็จ พร้อมยึดของกลางประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ของกลาง มีดพร้า และผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย

 

           ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ” และ “เสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)” ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น เยาวชน-การศึกษา

สตูล-กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ของสมาชิกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย

สตูล-กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ของสมาชิกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย

         (6 ก.พ.68) เวลา 10.50 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ทรงเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ของสมาชิกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 45 ซึ่งองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ ฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อใช้เป็นกลไกที่สำคัญในการพัฒนานักเรียน นักศึกษาอาชีวะเกษตร โดยส่งเสริมสนับสนุนผู้เรียน ให้ได้เรียนรู้เทคโนโลยีการเกษตร พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และฝึกฝนผู้เรียนให้เป็นคนดีของสังคม เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกองค์การฯ สังคม และวงการเกษตรกรรมของประเทศ / ในโอกาสนี้ นายศักระ (สัก-กระ) กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสตูล ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล และชมรมแม่บ้านได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ

 

         ภายในงานฯ ได้นำผลงานของสมาชิกปัจจุบัน และสมาชิกศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ มาจัดแสดงเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายภาคเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่น มาร่วมจัดกิจกรรมให้ผู้ร่วมงาน นักเรียน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชน ได้รับความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางการเกษตร อันจะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปประกอบอาชีพในอนาคต

 

           จากนั้น ทรงเปิด “อาคารศรีกาหลง” ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของวิทยาลัยฯ เพื่อประสิทธิภาพทางการศึกษา / แล้วทรงปลูกต้นหมากพลูตั๊กแตน ต้นไม้ประจำจังหวัดสตูล เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่วิทยาลัยฯ

 

            โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการของนักเรียนและนักศึกษา ที่นำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางการเกษตร ที่ส่งเสริมและพัฒนาการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ และเทคโนโลยีที่เป็นภูมิปัญญาไทย อาทิ นิทรรศการโครงการ “ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้บริหารจัดการปริมาณน้ำด้วย Platform AI และพลังงานสะอาด แบบ Real Time ที่ฝายทดน้ำภายในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล “เพื่อพัฒนาระบบการส่งจ่ายน้ำใช้ในภาคเกษตรกรรม พื้นที่หมู่ที่ 10 บ้านห้วยน้ำดำ ตำบลควนกาหลง มีผู้ได้รับผลประโยชน์ในโครงการนี้ จำนวน 50 ครัวเรือน 1,400 คน ใช้พลังงานสะอาดจากระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ผ่านระบบสำรองพลังงาน และใช้นวัตกรรม Platform AI ควบคุมประตูระบายน้ำฝายทดน้ำห้วยน้ำดำแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ภาคเกษตรกรรมในพื้นที่มีปริมาณน้ำใช้ได้อย่างพอเพียงในหน้าแล้ง / ศูนย์การเรียนรู้ระบบสมาร์ทฟาร์ม สำหรับเกษตรกรและประชาชน ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล กับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ องค์การมหาชน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน คือ การแก้ไขที่ต้นเหตุ ให้เกษตรกรนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการเกษตรมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ โดยนำเทคโนโลยี สารสนเทศ มาบริหารจัดการโรงเรือนปลูกผักและโรงควบคุมระบบ

 

           เช่น กล้องตรวจสอบการให้น้ำ และเครื่องทดสอบอุณหภูมิและความชื้นในดิน / นิทรรศการ “ไข่แสดอุดร” ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุดรธานี ปัจจุบันความต้องการไข่ไก่ในตลาดมีสูง เกษตรกรจึงต้องปรับปรุงคุณภาพไข่ ด้วยการเสริมวิตามิน หรือพัฒนาให้ไข่แดงสีเข้มขึ้น ด้วยการเสริมสารสีและวิตามินสังเคราะห์ การศึกษานี้ ใช้น้ำมันปาล์มดิบ ที่มีวิตามินเอ และดอกทองกวาวผงเป็นแหล่งของสารสีและวิตามินธรรมชาติ เพื่อทดแทนการใช้สารสีและวิตามินสังเคราะห์ในการเลี้ยงไก่ไข่ เป็นการนำพืชที่มีในท้องถิ่นไปเพิ่มศักยภาพในการผลิต และยังลดการนำเข้าสารสังเคราะห์จากต่างประเทศ / นิทรรศการ ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช เสนอเรื่อง โกโก้ บลิส แอท นคร (Cocoa bliss @ Nakhon) ผลโกโก้สด มีราคาต่ำกิโลกรัมละ 10 บาท การแปรรูปโกโก้สามารถเพิ่มมูลค่าได้มาก เช่น เมล็ดโกโก้หมักและตากแห้ง กิโลกรัมละ 600 บาท ส่วนโกโก้ผง กิโลกรัมละ 1,000 บาท การวิจัยนี้ สร้างองค์ความรู้และการวิจัยเกี่ยวกับการหมักเมล็ดโกโก้ด้วยจุลินทรีย์ยีสต์และจุลินทรีย์ธรรมชาติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชุมชนและอุตสาหกรรม เพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ชุมชน /

 

          และนิทรรศการที่นำผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่นมาแปรรูปเพื่อเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรนำไปต่อยอดสร้างรายได้ เช่น ถั่วแระญี่ปุ่น มีโปรตีนสูง วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน นำมาทำเครื่องดื่มน้ำนมถั่วแระญี่ปุ่นผสมข้าวกล้องงอก, ผงถั่วแระ นำไปประกอบอาหารและปุ๋ยชีวภาพผสมเศษถั่วแระ / วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกำแพงเพชร นำเนื้อตาลโตนดสุกมาพัฒนาด้วยกรรมวิธีอบแห้ง เป็นผง คล้ายแป้งนำไปทำขนมหรือเค้กได้สะดวก ส่วนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุทัยธานี เพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำพื้นถิ่น แปรรูปปลาแรด เป็นคุกกี้ปลาแรด จุดเด่นมีโปรตีนสูงกว่าคุกกี้เนยในท้องตลาดถึง ร้อยละ 59 และเส้นพาสต้ากึ่งสำเร็จรูปเสริมแคลเซียมด้วยผงก้างปลาแรด / ผลงานวิชาการเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับเกษตรกร นำไปต่อยอดการประกอบอาชีพในอนาคต และเปิดประสบการณ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้สมาชิกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ ฯ เพื่อเป็นตัวอย่างในการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อชุมชนต่อไป

ภาพ-ข่าว : ส.ปชส.สตูล

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

สตูลพุ่งชนสนั่น! รถทัวร์นักท่องเที่ยวปะทะรถน้ำยาง เจ็บระนาว 4 ราย เผยอุบัติเหตุสยอง GPS พาหลง

สตูลพุ่งชนสนั่น! รถทัวร์นักท่องเที่ยวปะทะรถน้ำยาง เจ็บระนาว 4 ราย เผยอุบัติเหตุสยอง GPS พาหลง

เช้าวันที่ 24 ม.ค.2568 เกิดอุบัติเหตุสลดบนถนนสายสตูล-เจ๊ะบิลัง  ม.3  ต.ควนขัน  อ.เมือง  จ.สตูล  เมื่อรถบัสนำเที่ยวบรรทุกนักท่องเที่ยว 46 คน ชนประสานงากับรถบรรทุกน้ำยางอย่างรุนแรง

พ.ต.อ.เสกสิทธิ์  ปรากฏชื่อ   ผกก.สภ.เมืองสตูล เปิดเผยว่า เหตุเกิดจากรถบัสป้ายพิษณุโลก ขับโดยนายปรีชา อายุ 53 ปี กำลังเดินทางจากเกาะลังกาวี มุ่งหน้าอำเภอละงู แต่ GPS นำทางผิดพลาด จึงพยายามกลับรถกระทันหัน

ฝั่งรถบรรทุกน้ำยาง ขับโดยนายสมศักดิ์ อายุ 44 ปี  ชาวบ้านในพื้นที่  ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะน่องแตก ข้อเท้าขวาหัก และมีแผลที่หน้าแข้ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่างนำออกรีบส่งรพ.สตูลในทันที

ล่าสุด  มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 3 ราย และคนขับรถบรรทุกน้ำยางเจ็บ 1  คน ต้องส่งโรงพยาบาลสตูลเร่งด่วน นายสิทธิชัย   ลีลานนท์ กำนันตำบลควนขัน กล่าวว่า รถบรรทุกน้ำยางบรรทุกเต็มคัน ทำให้การเบรกและการทรงตัวล่าช้า  ไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะขับมาเร็ว  ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางแยก

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสตูลกำลังสอบสวนหาสาเหตุการชนกันต่อไป

………………………………………..

 

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

เร่งล่าแก๊งขโมยเรือข้ามชาติ! แก๊งโจรสุดแสบขโมยเรือศุลกากรมาเลย์ มูลค่า 1.5 ล้าน หวังชำแหละขายเครื่องยนต์เมืองท่องเที่ยว

เร่งล่าแก๊งขโมยเรือข้ามชาติ! แก๊งโจรสุดแสบขโมยเรือศุลกากรมาเลย์ มูลค่า 1.5 ล้าน หวังชำแหละขายเครื่องยนต์เมืองท่องเที่ยว

          วันที่ 16 ม.ค.2568  น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล , พ.ต.ท.บรรเจิด. มานะเวช. รองผกก.บก.รน. , พ.ต.ท.ศุภกิจตา สนุ่นดี สารวัตรสถานีตำรวจน้ำสตูล พร้อม เจ้าหน้าที่ ศรชล.สตูล ,ตำรวจน้ำสตูล , ตชด. 436 หน่วยสืบสวนปราบปรามสตูล-ปากบารา , สภ.เมืองสตูล , ฝ่ายปกครองเมืองสตูล,  ชปพ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3   ได้บูรณาการร่วมกันหลังได้รับแจ้งว่า 

 

           เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568  ที่ผ่านมาได้รับแจ้งว่า จากทางการมาเลเซียว่า เรือศุลกากร รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย ได้หายไปจากจุดจอดเรือ โดยได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจังหวัดสตูลว่าหากมีแนวโน้มหรือเป็นไปได้ที่จะมีการนำเรือมาซุกซ่อนหรือชำแหละ ให้ช่วยตรวจสอบ

 

          ทางการจังหวัดสตูลหน่วยความมั่นคงทางทะเล จึงได้มีการประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นศลชล. ตำรวจทหารฝ่ายปกครอง เพื่อร่วมบูรณาการในการค้นหา

 

         แต่เมื่อวานนี้ได้รับแจ้งว่า พบเห็นเรือคล้ายๆตามที่แจ้ง บริเวณคลองน้ำเวียน  ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล พบว่ายังไม่ใช่เรือลำเดียวกันแจ้ง

 

        และมีการแจ้งไปยังกลุ่มชาวบ้านให้ช่วยแจ้งเบาะแส  ประมงพื้นบ้านให้ช่วยตรวจสอบเรือลำสีเหลืองเครื่องยนต์ค่อนข้างใหม่ยี่ห้อฮอนด้า ปรากฏว่าเมื่อเช้านี้ทางเรือกลุ่มหาปลา ได้มีการโทรหานายสมนึก สุภาพ ผญบ.3 [ผญบ.แอน] ผู้ใหญ่บ้านพื้นที่คลองน้ำเวียน ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงเรือ ศรชล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่  ตำรวจน้ำ  ศรชล.  ศุลกากร ฝ่ายปกครอง ไปร่วมกันตรวจสอบ พบเรือลำดังกล่าวซึ่งคาดว่าน่าจะตรงกับเรือที่ได้รับแจ้งว่าสูญหายหายไป

 

         ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางการมาเลเซียที่จะมายืนยันว่าเป็นเรือลำที่หายไปหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะมีการส่งมอบอีกครั้ง

           ขณะนี้ตำรวจน้ำยังไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการขโมยมาเพื่ออะไร  แต่เพราะว่าเรือลักษณะนี้มีความคล่องตัวและมีอเนกประสงค์ ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการประมง  การขนของ  หรือใช้สำหรับเรือพาณิชย์ต่างๆ อีกทั้งเรือลำนี้หากอยู่ในฝั่งไทยมีมูลค่าสูงถึง 1,500,000 บาท

 

           ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างเรือลำแรกของเอกชน  กับลำที่สองของศุลกากร   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย   ถึงเส้นทางการขโมยมาที่ฝั่งไทย สันนิษฐานว่าเรือทั้งสองลำเป็นอันเรืออเนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลาย และด้วยมูลค่าของเรือเครื่องยนต์มีมูลค่ามาก

 

           การตรวจยึดเรือหลังได้รับแจ้งว่าหายเข้ามาในพื้นที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย ที่ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทหารตำรวจปกครอง  ศรชล.  ตำรวจน้ำ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดสตูล อีกทั้งเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย เห็นถึงความเข้มแข็งกันโดยตลอด และมีประสิทธิภาพสร้างความมั่นใจ ได้มากขึ้น

 

           หลังพบเรือที่คาดว่าจะเป็นเรือของหน่วยสืบสวนปราบปรามศุลกากรรัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ที่ใช้สำหรับการข่าว โดยรองอธิบดีฝ่ายปราบปรามกรมศุลกากรมาเลเซีย  ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายความมั่นคงของทางการจังหวัดสตูลที่ช่วยติดตามเรือกลับมาได้

 

           สำหรับเรือลำที่หายไปนั้นเป็นเรือที่มีขนาดความยาว 10.20 เมตร  กว้าง 2.4 เมตร   และยังคงมีเครื่องยนต์อยู่ในสภาพสมบูรณ์

 

           ด้าน พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช  รองผู้กำกับกองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า  ส่วนเรือลำแรกที่ตรวจยึดมาได้  ไม่ได้เชื่อมโยงกับเรือลำที่สองที่ยึดได้วันนี้  เนื่องจากเรือก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจพบที่คลองละงู  เป็นเรือใช้สำหรับนำเที่ยวของเอกชนที่ถูกขโมยมาจากประเทศมาเลเซีย  ทางการเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำพบเส้นทางการขโมยว่าได้พยายามในการที่จะขโมยเรือจากประเทศเพื่อนบ้าน   เนื่องจากมีความเร็วและความแรงของสภาพเรือและเครื่องยนต์ที่สามารถมาชำแหละส่งขายเครื่องยนต์ในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต   เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว

 

        โดยเฉพาะเรือลำที่สองการข่าวพบว่า มีความพยายามจะขโมยเรือลำที่ถูกจับกุมซึ่งมีเครื่องยนต์ 2  เครื่องยนต์ไว้   แต่พบว่ามีการล่ามโซ่ไว้อย่างหนาแน่น   และได้เปลี่ยนเป้าหมายมาขโมยเรือของเจ้าหน้าที่แทน การข่าวยังพบอีกว่าการขโมยในครั้งนี้  มีคนไทยเข้ามีส่วนรู้เห็นซึ่งจะมีการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

………………………………

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

Categories
ข่าวเด่น

ขานรับนโยบาย! ศรชล.เร่งซีลชายแดนสกัดยาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบาย 6 เดือน รมว.กลาโหม

ขานรับนโยบาย! ศรชล.เร่งซีลชายแดนสกัดยาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบาย 6 เดือน รมว.กลาโหม

          วันที่ 13 ม.ค.2568  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล  โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการซีลชายแดนและกำหนด KPI วัดผลภายใน 6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว

 

          นาวาเอก แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล    กล่าวว่า  นโยบายของท่านรองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องของยาเสพติดการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์   สำหรับนโยบายการป้องกันปราบปราม   3   ด้านเร่งด่วนนี้   ในส่วนของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  ซึ่งมี  นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือผอ.ศรชล  จังหวัดสตูล  เรื่องนี้ทาง ศรชล.จังหวัดสตูลได้ดำเนินการมาตั้งแต่ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562  และทางศรชล.จังหวัดสตูล  ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นถือว่าเป็นภัยคุกคามในภัยคุกคาม  9  ด้านของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

 

         สำหรับเรื่องยาเสพติดนั้นในพื้นที่เขตทะเลจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่เขตรับผิดชอบของ ศรชล.จังหวัดสตูล   โดยมีการบูรณาการความร่วมมือจาก 7 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย  กองทัพเรือท่าเรือภาค 3   ได้ส่งเรือตรวจการณ์มาขึ้นบัญชีกำลังของศชล.จังหวัดสตูล   2  ลำ   ตำรวจน้ำสตูล   เจ้าท่าสตูล   ศุลกากรด่านตำมะลัง   ประมงจังหวัดสตูล   ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสตูล    และสวัสดิการและแรงงานจังหวัดสตูล   รวม 7 หน่วยงาน ที่ส่งยุทโธปกรณ์และกำลัง มาร่วมปฏิบัติงานกับจังหวัดสตูล

 

         ในด้านยาเสพติดนั้นที่ผ่านมาเราสามารถตรวจยึดยาไอซ์ในพื้นที่เขตทะเลรับผิดชอบได้ประมาณ 11 กิโลกรัม  ถือว่าเป็นปริมาณที่มาก  แต่ปัจจุบันนี้ไม่พบการกระทำผิด เพราะได้ดำเนินการลาดตระเวนน่านน้ำชายแดนตลอดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน   และในช่วงเวลาที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร  สำหรับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้นมาจากภาคประชาชน  เจ้าหน้าที่สายข่าว  หน่วยงานข้างเคียง   และจากหน่วยงานความมั่นคงประเทศมาเลเซียด้วยได้มีการประชุมพบปะพัฒนาความสัมพันธ์ กับหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลของประเทศมาเลเซียกันอยู่เป็นประจำ   ซึ่งได้จัดตั้งกลุ่ม WhatsApp ร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน  มีการแจ้งข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน  สำหรับเรื่องยาเสพติดปัจจุบันนี้เราได้ดำเนินการป้องกันปราบปรามและตระเวนร่วมกับประเทศมาเลเซียอย่างใกล้ชิด 

            สำหรับระยะเวลา 6 เดือน ที่รัฐบาลกำหนดนั้น  ไม่ถือเป็นการเร่งรัด   เพราะความเป็นจริงแล้วหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนทั่วประเทศทั้งชายแดนทางน้ำทางบกทุกหน่วยได้ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจประจำอยู่แล้ว  อย่าลืมว่าแนวชายแดนเป็นหน่วยที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติทุกๆด้านไม่ว่าจะด้านความมั่นคง  ด้านการลักลอบ  ด้านการค้ายาเสพติด   ด้านการค้ามนุษย์   จังหวัดสตูลเรื่องการค้ามนุษย์เราก็ไม่มี  ที่ผ่านมาเราได้ทำการตรวจลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์เรื่องให้ประชาชนในจังหวัดสตูลได้หวงแหนในทรัพยากรของเรา   และให้ความร่วมมือกับทางราชการ   ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น  ชายแดนไทยด้านมาเลเซีย  และในพื้นที่จังหวัดสตูล   ไม่ปรากฏการกระทำผิดกฎหมายทางด้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด

 

             สำหรับกรณีบุคคลที่เป็นกองทัพมดนั้นก่อนหน้านี้เคยมีข่าว  หลังจากนั้นก็ได้ทำการตรวจสอบและพิสูจน์แหล่งข่าวที่มา  ซึ่งเราได้ทำการจับกุมได้ 4-5 คน  ที่จะลักลอบข้ามแดนไปทำงานประเทศมาเลเซีย  แต่ปัจจุบันนั้นเราได้ทำการกวดขันลาดตระเวน  ปิดช่องทางธรรมชาติ ที่คาดว่ามีบุคคลจะลักลอบเข้าออก      

           

             นาวาเอก แสนย์ไท ยังเน้นย้ำว่า หากพบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด จะมีบทลงโทษรุนแรงถึงขั้นไล่ออกและดำเนินคดีอาญา เนื่องจากถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงจะยังคงเข้มงวดในการตรวจตราพื้นที่ชายแดนและปิดช่องทางธรรมชาติที่อาจใช้ในการลักลอบเข้าออกประเทศอย่างต่อเนื่อง

…………………………

 

อัพเดทล่าสุด

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน