Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูลต้อนรับนักปั่นจักรยานกว่า 800 คนจาก 14 จังหวัดภาคใต้และต่างประเทศ ในการแข่งขันปั่นจักรยานชิงแชมป์ภาคใต้

สตูล-ต้อนรับนักปั่นจักรยานกว่า 800 คนจาก 14 จังหวัดภาคใต้และต่างประเทศ ในการแข่งขันปั่นจักรยานชิงแชมป์ภาคใต้ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ณ ที่ว่าการอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล

         ณ ที่ว่าการอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล  นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นางปุณณานันท์  ทองหยู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  นายเชษฐ  บุตรรักษ์  นายอำเภอมะนัง  นายภาณุ  เพชรประดับ  นายกฯ อบต.ปาล์มพัฒนา  นายดนัย สุวรรณโณ นายก อบต.นิคมพัฒนา  ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงความพร้อมในการจัดการแข่งขัน   ปั่นจักรยานชิงแชมป์ภาคใต้ (Satun Southern Bike) 2024   ในครั้งนี้

 

          โดยเส้นทางการแข่งขันแบ่งเป็น 3 ประเภท ปั่นท่องเที่ยว(ไม่จำกัดจักรยาน) ระยะทาง 27 กิโลเมตร  ปั่นแข่งขันทางเรียบ(เสือภูเขา) และ (เสือหมอบ) ระยะทาง 68 กิโลเมตร  สำหรับนักกีฬาขาแรง การแข่งขันใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง  ในวันที่ 4 สิงหาคม 2567  จุดสตาร์ท ณ ที่ว่าการอำเภอมะนัง  จ.สตูล  เป้าหมายนักปั่นจาก 14 จังหวัดภาคใต้เข้าร่วม 800 คน

 

         โดยทางจังหวัดให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมทั้งจัดเตรียมกิจกรรมต่างๆ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ การจำหน่ายสินค้า OTOP อุปกรณ์กีฬา และการแสดงต่างๆ  ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสตูลและเสริมสร้างภาพพจน์ที่ดีและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวพร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดโดยใช้กิจกรรมกีฬาและนันทนาการเป็นสื่อกลาง  ซึ่งงบประมาณในการจัดการแข่งขันครั้งนี้อยู่ที่ 1.8 ล้านบาท โดยทางจังหวัดจะมีการเก็บสถิตินักท่องเที่ยวและรายได้ที่เกิดขึ้นภายในงาน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป

 

        นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  ปัจจุบันการปั่นจักรยานเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งต้องการสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การจัดทำโครงการนี้จึงเป็นการสอดรับกับพฤติกรรมทางการท่องเที่ยวของ นักท่องเที่ยว และสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของฐานการท่องเที่ยวและเป็นการกระตุ้นกิจกรรม กีฬาเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล

 

       ทางจังหวัดขอเชิญชวนชาวมะนังและชาวสตูลร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับนักปั่นจักรยาน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าในวันเสาร์และอาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาในอำเภอมะนัง เพื่อร่วมสัมผัสเส้นทางอันสวยงามและท่องเที่ยวในจังหวัดสตูล

…………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ชวนมาชาร์ตแบต กับทริปเที่ยวสุดฟิน  “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ตำบลปาล์มพัฒนา จ.สตูล

สตูล-ชวนมาชาร์ตแบต…กับทริปเที่ยวสุดฟิน  “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ตำบลปาล์มพัฒนา จ.สตูล

          อบต.ปาล์มพัฒนา  ชวนผู้สื่อข่าวร่วมค้นหา  และโปรโมท  สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่  มาแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติบริสุทธิ์  นั่นคือ “คลองละงู” ที่ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล

          ที่นี่  มีความพิเศษคือ  เป็นแหล่งรวมสายน้ำจากที่ต่างๆ มาที่นี่  ทำให้มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี  ทางอบต.จึงได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” ที่จะพาคุณสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด  เริ่มต้นการผจญภัยของเราที่หมู่10 คลองละงู จุดรวมของน้ำจากแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  ทั้งน้ำที่มาจากน้ำตกวังสายทอง  ถ้ำระฆังทอง  และถ้ำเจ็ดคต

          การล่องแพใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง  โดยทางอบต.ฯ มีแพไม้ไผ่ให้บริการทั้งหมด 8 ลำ แต่ละลำรับผู้โดยสารได้ 8-10 คน รวมแล้วรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 50 คนเลยทีเดียว และสำหรับคนรักความท้าทาย ยังมีบริการเรือคายัคด้วย

          ระหว่างล่องแพ คุณจะได้ชื่นชมวิวสองฝั่งคลองที่เต็มไปด้วยสวนปาล์ม สวนยาง สวนทุเรียน และสวนผลไม้นานาชนิด พร้อมกับความงามของดอกไม้ริมน้ำ  โดยเฉพาะดอกกระดิ่งนางฟ้าที่บานสะพรั่งในแหล่งน้ำใสสะอาด

          นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน  ที่มาหาปลาและหอยโล่ซึ่งหายาก  ที่ชาวบ้านกำลังช่วยกันอนุรักษ์  เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ได้ทั้งความสวยงาม  และวัฒนธรรมท้องถิ่นในคราวเดียวกัน

          ที่พิเศษไปกว่านั้น คุณยังสามารถจิบกาแฟ ชมวิว ปิ้งย่าง และหาปลาได้ระหว่างล่องแพ อย่างที่เขาว่ากัน  “ปลาโสด  เราโสด” ใครจะรู้ อาจได้ทั้งปลาและคู่กลับบ้านก็ได้นะคะในทริปนี้

          คลองแห่งนี้เปิดให้บริการตลอดทั้งปี  โดยมีจุดขึ้น-ลงเรือที่สะดวกสบาย ลงที่ท่าสะพานเสือ  หมู่ที่ 10 และขึ้นที่ท่าเรือสะพาน 100 เมตร ในหมู่บ้านเดียวกันพร้อมทั้งจุดเล่นน้ำ

           นายภาณุ  เพชรประดับ นายก อบต.ปาล์มพัฒนา เผยว่า  อยากผลักดันให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สำหรับคนรักธรรมชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านที่พร้อมใจกันดูแลรักษาป่าและแหล่งน้ำ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงและส่งต่อให้ชุมชนได้สร้างงาน สร้างอาชีพในการผืนป่าต้นน้ำต่อไป

          สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยว “จิบกาแฟ ล่องแพ แลปลา” ที่คลองละงู สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อบต.ปาล์มพัฒนา หรือ  คุณมล โทร. 061-235-7296 หรือติดตามข่าวสารได้ทางเฟซบุ๊กของ อบต. ปาล์มพัฒนา

          มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมอิ่มอร่อยกับปิ้งย่างริมน้ำ  ที่ตำบลปาล์มพัฒนากันนะคะ รับรองว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือนอย่างแน่นอนค่ะ

…………………..

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

โกปี้ ชุมชนสะพานเคียน ภูมิปัญญาท้องถิ่นสตูลที่หอมกรุ่นนาน 27 ปี

สตูล-โกปี้ ชุมชนสะพานเคียน ภูมิปัญญาท้องถิ่นสตูลที่หอมกรุ่นนาน 27 ปี

         ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล  มีกลิ่นหอมของกาแฟคั่วลอยอบอวลอยู่ในอากาศ  นี่คือชุมชนสะพานเคียน หมู่ที่ 2 ต.ควนโดน อ.ควนโดน  แหล่งผลิตกาแฟโบราณที่สืบทอดภูมิปัญญามาอย่างยาวนาน

 

         กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรสะพานเคียน  ยังคงรักษาวิธีการผลิตกาแฟแบบดั้งเดิม  โดยใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์พื้นเมืองโรบัสต้า คั่วด้วยเตาถ่านนานถึง 2 ชั่วโมง จนได้กลิ่นหอมและรสชาติกาแฟที่เข้มข้น

 

          นางสุดา (ก๊ะดา)  มาลินี รองประธานกลุ่ม ฯ บอกว่า  นางฉ๊ะ   แกสมาน ประธานฯกลุ่มและพวกเราทำกาแฟโบราณมานานกว่า 27 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก แม้จะทำได้ไม่มากเท่าแต่ก่อนเพราะขาดแคลนวัตถุดิบ แต่เราก็พยายามรักษาสูตรดั้งเดิมไว้ด้วยความภาคภูมิใจให้รุ่นลูกหลานได้เห็น”

 

          นอกจากกาแฟผงพร้อมชงแล้ว ทางกลุ่มยังผลิตกาแฟพร้อมดื่มบรรจุขวด และกำลังพัฒนาสบู่จากกากกาแฟอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 160 บาท

 

         กาแฟโบราณยังมีเรื่องราวน่าสนใจ ในอดีตเมื่อคั่วกาแฟ ชาวบ้านจะนำน้ำตาลที่คั่วแจกจ่ายให้เด็ก ๆ เป็นขนมหวาน เรียกว่า “หูร่า” ในภาษาท้องถิ่น มีรสชาติหวานเข้มคล้ายทอฟฟี่

         นายวริช  วิชิต  รองผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสตูล  บอกว่า   “ททท.ได้ส่งเสริมอาหารพื้นถิ่นของที่นี่ ซึ่งมีความหลากหลายและน่าสนใจมาก นักท่องเที่ยวสามารถมาลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นข้าวยำน้ำบูดู ข้าวมันไก่ ข้าวเหนียวปลาเค็ม กาแฟโบราณ  หรือขนมอาปมแลหงัง ที่ชุมชนสะพานเคียนแห่งนี้”

 

         กาแฟโบราณสะพานเคียน ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ หากมีโอกาสมาเยือนจังหวัดสตูล อย่าลืมแวะมาสัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟโบราณที่ชุมชนสะพานเคียนแห่งนี้

 

          ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่โทร. 080 112 9016 ก๊ะดา และ 087-285 8251 เบอร์ประธาน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม   

สตูล-คิดถึงวันวานกับ  ไอติมเมืองทองสตูล 112 ปี  หนึ่งใน 10 ร้านอาหารอายุ 100 ปี ทั่วประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรม 

         ยังมีอยู่จริง!! สำหรับอาหารในตำนาน 112 ปีที่ไม่ควรพลาด  ครั้งหนึ่งต้องไปชิมแล้วจะติดใจ  และหวนให้คิดถึงบรรยากาศวันวาน  สำหรับร้านอาหารติดอันดับ  1 ใน 10  อายุ 100 ปีขึ้นของประเทศไทย  ที่กระทรวงวัฒนธรรม  มอบเกียรติบัตรให้  ต้องร้านนี้  “ไอติม เมืองทองสตูล”   ตั้งอยู่ใจกลางเมือง  ริมถนนสมันตประดิษฐ์   ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล  ที่เปิดมานานปัจจุบันรุ่นที่ 3 ที่ดูแลกิจการต่อกับเมนูไอติม  ที่มีหลากหลายทั้งเมนูวันวาน  ในอดีตที่ขึ้นชื่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างไอติมรวมมิตร ,ไอติมไข่แข็ง ,ไอติมปั่นนมสด , ไอติมกะทิลูกชิด , และไอติมวานิลลา, มะม่วง ,เผือก,ทำเองทั้งหมด

 

        ลูกค้าหลายคนบอกว่า  รสชาติที่ถึงเครื่องเหมือนเดิม  ทำให้ยังคงหลั่งไหลแวะมากินกันไม่ขาดสาย  ทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่าที่อยากรื้นฟื้นวันวาน เพราะร้านนี้ในอดีตถือว่าเป็นร้านที่นิยมที่สุดในช่วงเวลานั้น  ไม่มีใครไม่รู้จัก โดยเฉพาะเมนู ไอติมไข่แข็ง(ไม่ได้กลิ่นคาวไข่แม้แต่น้อย)   ไอติมรวมมิตรที่ใส่เครื่องจุก ๆ ทั้งขนุน ลอดช่องที่รสชาติชัดเจนชวนหลงใหล ,ไอติมราดซุปข้าวโพด ,ไอติมลูกชิด, มีขายเป็นถ้วยละ 25 บาท 4 ลูก หรือจะซื้อกลับบ้านก็มีขายเป็นกล่องมีตั้งแต่ 60 บาท 130 บาทหรือ 250 บาท ,หรือจะสั่งเป็นไอติมถัง ราคา 1,200 บาท สามารถติดต่อได้ที่  081 679 7223  หรือเพจไอติมเมืองทองสตูล

          ด้านนางเบญจวรรณ  อรัญรัชชพิศาล  เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 อายุ 60 ปี บอกว่า คุณพ่อรุ่นที่ 2 ยังคงอยู่  แต่ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำไอติม  จึงส่งต่อให้พวกตน  สืบทอดความอร่อย และภูมิใจที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมยกให้เป็นหนึ่งใน 10 ร้านทั่วประเทศที่มีอายุ 100 ปีขึ้น ซึ่งขณะนี้ร้านไอติมเมืองทองมีอายุได้ 112 ปีแล้ว (โดยเปิดเมื่อปี 2455)  ก็ยังคงขายอยู่ทุกวันเปิด 8 โมงเช้า ถึง 21 นาฬิกา

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชน  เปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

สตูล – พิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ  ผืนป่าชุมชนเปิดจุดชมตะวันยามเช้า  ชมดาวยามค่ำคืน 

           สัมผัสหมอกไหลของแสงแรกในยามเช้ามุม 360 องศา  จากความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 80 เมตร ที่เขาบอฆ๊ะ  ป่าชุมชนบ้านทางงอ  ตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ที่แห่งนี้กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะได้ช่วยกันดูแลและผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

         

         เส้นทางเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า  ที่กลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ จะเป็นไกด์ท้องถิ่นนำนักท่องเที่ยว โดยทริปนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสตูล ได้ขึ้นไปสำรวจเพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยว  ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น  โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดผจญภัย  สลับกับเส้นทางที่สร้างขึ้น  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มสามารถขึ้นไปสัมผัส  ความสวยงามของธรรมชาติป่าชุมชน ณ ที่แห่งนี้ได้

         

        โดยตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามของผืนป่า ดอกไม้นานาที่ขึ้นแซมซอกหิน  โดดเด่นสวยงาม  ต้นไม้หายากอย่างต้นปรงเขา หรือต้นบอฆ๊ะ  ต้นรองเท้านารีขาวสตูล ต้นบอนดำ และหากโชคดีก็จะพบกับเลียงผา  ในป่าชุมชนแห่งนี้  เส้นทางขึ้นสำหรับคนที่ร่างกายปกติใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็จะสามารถพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะได้แล้ว  นักท่องเที่ยวก็จะตื่นตาตื่นใจกับวิว 360 องศา อากาศที่สดชื่น มองไกลเห็นวิวรอบหมู่บ้านและชมแสงยามเช้าสัมผัสกับหมอกไหลที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมาให้

         นายบักรินทร์ ผลาอาด  ประธานกลุ่มอนุรักษ์เขาบอฆ๊ะ บ้านทางงอ  บอกว่า หลังสถานการณ์โควิดทางเขาบอฆ๊ะได้ปรับปรุงมีจุดอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและยังมีจุดให้ผญจภัย และจะเพิ่มในจุดสอนการปีนไต่เขาให้นักท่องเที่ยวด้วย   โดยมีนักท่องเที่ยวอายุสูงสุด 82 ปี และคนที่น้ำหนัก 150 กิโลกรัมขึ้นพิชิตยอมเขาบอฆ๊ะมาแล้ว แต่อาจจะใช้เวลาในการขึ้นที่แตกต่างกัน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะมาท่านใดสนใจขึ้นชมวิวติดต่อ (081-096-5901  บักรินทร์ , 093-594-5536 สิท,095-272-6871 เชด)   ทางกลุ่มจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยแนะนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วแต่จิตศรัทธา

         

       นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล  บอกว่า  การท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรองที่ห้ามพลาด  การท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ชวนนักท่องเที่ยวปีนป่ายเขา ชมสายหมอก และแสงตะวันยามเช้า และชมดาวยามค่ำคืนเพื่อ พิชิตบนยอดเขาบอฆ๊ะ   บ้านทางงอ  สถานที่ท่องเที่ยวแบบท้าทายในผืนป่าชุมชน  ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

         

         หลังขึ้นพิชิตยอดเขาบอฆ๊ะ แล้วชวนชิมอาหารชุมชนทางขึ้นเขามีทั้ง ขนมจีน ข้าวยำสมุนไพร ข้าวแกงปรุงใหม่สด ข้าวเหนียวปลาเค็ม เต็มอิ่มกับบุพเฟต์ผักสด จิบชาร้อน ๆ ตามแบบฉบับสัมผัสวิถีชุมชน

……………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

สตูล.. กาแฟต้มยำ รสชาติกลมกล่อมอร่อยเว่อร์เมนูสุขภาพ ที่โกปี้กู กาแฟคั่วมือของวิสาหกิจชุมชน

         ที่จังหวัดสตูลถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง  โดยเมล็ดพันธุ์นี้ได้สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน  และเพื่อเป็นการตอกย้ำและการันตี  ที่วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  ภายใต้แบรนด์ “โกปี้กู  กาแฟคั่วมือ” ภูมิใจนำเสนอเมนูสุขภาพสำหรับคอกาแฟ  สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในเมล็ดพันธุ์กาแฟโรบัสต้ากับเมนู  ต้มยำกาแฟโรบัสต้า

          ที่มีส่วนผสมจุกๆด้วยสมุนไพรไทย  อาทิ ตะไคร้ ,  ข่า , มะนาวและใบมะกรูด, โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาโขลกรวมกัน  จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดใส่น้ำแข็งนิดหน่อยแล้วใส่แก้วเช็กก่อนที่จะนำมากรอง  เมื่อได้น้ำเบสของต้มยำสมุนไพรแล้ว  เทลงใส่แก้วที่มีน้ำแข็งรองรับ  จากนั้น  นำกาแฟโรบัสต้าที่ผ่านการขั้วมือกลั่นออกมาแล้วเทลงไป  และตกแต่งด้วยใบมะกรูด ข่า  และพริกสด  เพื่อความสวยงามพร้อมเสิร์ฟ  สำหรับเมนูนี้มีราคาที่แก้วละ 65 บาท

         นายวริช  วิชิต รอง ผอ.ททท.สำนักงานสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ทดลองชิม  และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  เป็นรสชาติที่ลงตัวและกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยได้ชิมที่ไหนมาก่อน  ส่วนผสมอาจจะดูแปลกตาก็ได้รสชาติของสมุนไพรไทยอย่างข่า และตะไคร้ที่เด่น มีรสเผ็ดนิดๆ ถือว่าเป็นเมนูสุขภาพและทางเลือกให้กับลูกค้าได้ดีทีเดียว

         

         นายอนุรักษ์ ไปรฮูยัน วิสาหกิจชุมชน ซา-ตูล นวัตวิถีคนสตูล  (ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง)   ยืนยันว่า  เมล็ดกาแฟที่ทางร้านใช้  เป็นสายพันธุ์โรบัสต้าที่มาจากกลุ่มกาแฟเป็นส่วนใหญ่  ที่ผ่านการคัดสรรและมีคุณภาพในพื้นที่จังหวัดสตูล  อีกทั้งเป็นแหล่งปลูกเมล็ดพันธุ์กาแฟที่เป็นเครือข่ายของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  มีที่มาที่ไป  นอกจากเมนูต้มยำกาแฟโรบัสต้าแล้ว  ยังมีเมนูกาแฟอีกมากกว่า 20 เมนู  รวมทั้งเมนูจำปาดะคอฟฟี่  ผลไม้ GI พื้นถิ่นจังหวัดสตูลก็มีจำหน่ายด้วย

 

          สำหรับทางร้าน(ซา-ตูล บัส คาเฟ่ & แคมป์ปิ้ง) ตั้งอยู่ที่ริมถนนยนตรการกำธร ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล (เลยสามแยกตลาดควนโดน ซ้ายมือขาออกนอกเมือง)   ร้านเปิดปกติ เวลา 11:00-22:00น. โทร. 084  395 5667

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

สตูล-ส้มตำมังคุดพรีเมี่ยม  ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย   จากสวนคุณภาพมาตรฐาน GAP 

           ที่สวนโชคนันทวดี  ตั้งอยู่ที่บ้านวังพะเนียด  หมู่ที่5 ต.เกตรี (อ่านว่าเกด-ตรี) อ.เมือง จ.สตูล พื้นที่แห่งนี้อยู่ริมเขาติดชายแดนสองแผ่นดินไทย-มาเลเซีย  จะเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุในดิน ทำให้สวนมังคุดที่นี่  มีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค 

         

           นายมานพ   พูลแก้ว  เจ้าของสวนโชคนันทวดี  บอกว่า  เริ่มปลูกต้นมังคุดเมื่อปี 2535 จำนวน 100 ต้น บนพื้นที่ 8 ไร่  ในปี 2541-2542 เริ่มเก็บผลผลิตเป็นต้นมา  เคยได้ปริมาณมังคุดสูงสุดมากถึง 17 ตัน โดยการจัดการสวนมังคุดแบบคุณภาพ  ไม่ใช้สารเคมี ไม่เก็บผลผลิตลูกที่ตกลงพื้น คัดสรรสินค้าตามมาตรฐาน

           

          ในทุกเดือนกรกฎาคมของทุกปี  มังคุดคุณภาพจะเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาด  โดยจะส่งขายทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์  โดยปีนี้แม้ผลผลิตจะมีปริมาณน้อยแต่ราคาก็เป็นที่พอใจให้กับเกษตรกร  โดยมังคุดเกรด a ออนไลน์จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท (ลูกค้าซื้อ 5 กิโลกรัมคิดที่ 480 บาท) ส่วนมังคุดที่ส่งพ่อค้ารับไม่อั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 33 ถึง 35 บาท, และมังคุดผลสีดำทานในพื้นที่จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 ถึง 40 บาท 

 

          มังคุด  นอกจากจะทานสดยังสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายเมนู  อาทิ  แยมมังคุด, แกงส้มมังคุด,แล้ววันนี้ทางสวนได้สาธิต ส้มตำมังคุดที่รสชาติแซ่บเวอร์  กลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างดี  โดยมีเครื่องปรุงเดียวกับส้มตำคือ พริกสดและพริกแห้ง,กระเทียม,น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา,ถั่วฝักยาว,มะละกอที่หาได้ภายในสวนแห่งนี้, และผลมังคุดที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว  นำมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงของส้มตำจะได้รสชาติที่อร่อยแซ่บลงตัว

          นายเฉลิมพร   ศรีสวัสดิ์   เกษตรอำเภอเมืองสตูล   ยืนยันว่า  สวนมังคุดคุณภาพแปลงนี้  เป็นแปลงเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร แล้วยังเป็นแปลงเรียนรู้ที่เกษตรกรสนใจจะปลูกมังคุดคุณภาพ  มาเรียนรู้ในแปลงแห่งนี้ ยังเป็นแปลงที่ได้มาตรฐาน GAP ตั้งแต่ปี 2552 พร้อมเชิญชวนเกษตรกรมาทำแปลงคุณภาพเพื่อช่วยยกระดับสินค้าผลผลิต ให้ได้มาตรฐานปลอดภัย  เพราะมีผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมีความต้องการสินค้าคุณภาพจำนวนมาก

          สนใจติดต่อสอบถามได้ทางออนไลน์ “สวนโชคนันทวดี”  โทร.083-191-2628

…………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ถึงแล้ว!ฤดูจำปาดะ พืช GI ประจำถิ่นสตูล  ปีนี้ราคาผลไม้สูง จำปาดะทอดขายเม็ดละ 7 บาทก็ยังขายดี

ถึงแล้ว!ฤดูจำปาดะ พืช GI ประจำถิ่นสตูล  ปีนี้ราคาผลไม้สูง จำปาดะทอดขายเม็ดละ 7 บาทก็ยังขายดี

           เข้าสู่ฤดูผลไม้จังหวัดสตูลแล้ว  ทั้งทุเรียน  เงาะ มังคุด และลองกอง  โดยเฉพาะผลไม้ประจำถิ่นอย่าง  “จำปาดะ”  ผลไม้ที่ได้ถูกยกระดับเป็นพืช GI  ผลไม้ที่มีลักษณะคล้าย  ลูกขนุน  แต่ไม่ใช่ขนุน  ซึ่งหากใครมาจังหวัดสตูล ในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. จะได้รับประทานจำปาดะทั้งสดและแปรรูป  โดยเฉพาะในอำเภอควนโดน  มีการนำผลไม้ประจำถิ่น   จัดงานเทศกาลอาหารและผลไม้ของดี จ.สตูล “Food&Fruits Festival 2024  เพื่อส่งเสริมการขายและอนุรักษ์พืชประจำถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดสตูล

         สำหรับจำปาดะจังหวัดสตูล มีหลายสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะพันธุ์ขวัญสตูล  พันธุ์สตูลสีทอง น้ำดอกไม้ ทองเกษตร ดอกโดน วังทอง และพันธุ์พื้นเมือง นอกจากจะนำมาทานสด ๆ ได้รสชาติที่หวานกลมกล่อมแล้ว   จำปาดะยังสามารถแปรรูปได้หลากหลาย  ทั้งหม้อแกงจำปาดะ  เครื่องดื่มจำปาดะ  หรือว่า จำปาดะทอดที่นิยมรับประทานกันทั่วไปกินกับชาเย็น  โกปี้เมืองสตูลก็อร่อยสุด ๆ ในยามบ่าย

         สำหรับจำปาดะปีนี้ราคาดีมาก  เกษตรกรขายตั้งแต่กิโลกรัมละ 90-100 บาท  จำปาดะพันธุ์พืชบ้านขายกิโลกรัมละ 60 บาท ส่วนจำปาดะทอดปีนี้เม็ดใหญ่  ขายที่เม็ดละ 7 บาท  3 เม็ด 20 บาท   ส่วนเม็ดเล็กมาหน่อยพันธุ์พื้นเมืองขายที่ 7 เม็ด 20 บาท  แม้ราคาจะสูงไปหน่อย  แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค  ซื้อหากันมาก  เนื่องจากปีนี้ผลผลิตจำปาดะน้อยเนื่องจากติดแล้งที่ผ่านมา  ทำให้ราคาผลไม้ประจำถิ่นนี้มีราคาสูง  ความต้องการมาก

        ลูกค้า  หลายคนบอกว่าอร่อยทุกครั้งที่ได้กินจำปาดะ และชื่นชอบผลไม้ชนิดนี้มาก  ยิ่งได้กินกับชาเย็น หรือกาแฟ โกปี้ ก็จะยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย

        ขณะที่นางวรรณนภา   คงเคว็จ  เกษตรอำเภอควนโดน ยอมรับว่า  ผลไม้ปีนี้อาจจะมีน้อยแต่ความต้องการเยอะมาก เพราะติดภัยแล้งที่ผ่านมา ทำให้ราคาผลผลิตสูง โดยเฉพาะสายพันธุ์ขึ้นชื่ออย่าง ขวัญสตูล ทองเกษตร จะราคาดีปีนี้เกษตรกรสามารถขายเองได้ราคาดี โดยจะมีชุกใน 2 เดือนนี้

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ทุเรียนโบราณ 300 ปี บนดินแดนน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย อบจ.สตูลดันเป็นหมู่บ้านทุเรียนเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงบ่อน้ำพุร้อน

สตูล-ทุเรียนโบราณ 300 ปี บนดินแดนน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย อบจ.สตูลดันเป็นหมู่บ้านทุเรียนเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงบ่อน้ำพุร้อน

         อบจ.สตูล ผลักดัน หมู่บ้านโตนปาหนัน และหมู่บ้านน้ำร้อน ในพื้นที่ตำบลทุ่งนุ้ย  อ.ควนกาหลง  จ.สตูล  เป็นหมู่บ้านทุเรียนพื้นเมือง  หลังพบต้นทุเรียนพื้นเมืองอายุ 300 ปี  ที่มีความสูงใหญ่ให้ผลผลิตปีละ 600 ลูก  และยังพบเป็นหมู่บ้านที่ร่วมกันอนุรักษ์ต้นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองที่มีมากกว่า 50 ต้นในพื้นที่  โดยพื้นที่แห่งนี้ห่างจากบ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย  ที่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำถูกใช้ในพิธีกรรมต่างๆ   ทำให้ทุเรียนและผลไม้ในพื้นที่สมบูรณ์     

         ด้าน อบจ.สตูล พร้อมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง  ระหว่างหมู่บ้านผลไม้ไปยังบ่อน้ำพุร้อน  และน้ำตกโตนปาหนัน   ชมต้นทุเรียนโบราณอายุกว่า 300 ปี ขนาด 6 คนโอบ  มากกว่า 10 ต้น   เป็นสายพันธุ์พื้นเมือง  ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามรูปลักษณ์  อย่าง  ต้นทุเรียนสาวสูง  เป็นต้นที่มีลักษณะสูงมากๆ  รสชาติหวาน เนื้อเละ เหมาะกับการทำน้ำแกงทุเรียน  ส่วนต้นทุเรียนสาวเขียว  ต้นนี้ให้ลูกสีเขียว เนื้อหนึบอร่อย  และยังมีต้นทุเรียนชื่อ มดสอด เพราะมดชอบ  และ ทุเรียนเหลืองขมิ้น    

        นายอนุชัย เส็นสัน  อายุ 61 ปี  ผู้ดูแลสวน  กล่าวว่า  ต้นทุเรียนโบราณนี้  มีชื่อว่า  ทุเรียนสาวสูง  สาวหวาง(สว่าง)  สาวเขียว และ มดสอด ซึ่งชื่อ สาวสูง  เพราะต้นโตไว สูงมาก  ออกลูกตามกิ่งเป็นแถว ให้ผลผลิตประมาณ 600 ลูก  ขายกิโลกรัมละ 60 บาท  หากอยากกินให้มาที่บ้านโตนเปิดขายทุกวัน

          ด้าน นายบีสอน  ลัสมาน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านโตนปาหนัน ต.ทุ่งนุ้ย  กล่าวว่า  ในพื้นที่โตนปาหนันมีทุเรียนพื้นเมืองประมาณ 50 ต้น  บริเวณนี้มีเกือบ 10 ต้น  ตอนนี้ตัวเองอายุ 60 ปีแล้ว  คำนวณแล้วต้นทุเรียนโบราณนี้อายุประมาณ 300 ปี  เพราะโตมาต้นทุเรียนก็สูงใหญ่เท่านี้อยู่แล้ว ทุเรียนพื้นบ้านแต่ละต้นแม้จะอยู่ติดกันรสชาติก็ไม่เหมือนกัน  บางต้นหวานขม  บางต้นหวานมัน  บางต้นหวานนำ  รสชาติหวานน้อย หวานมากแตกต่างกัน    ตอนนี้เราขยายพันธุ์อยู่หากมีกิ่งหักเราก็เอายอดไปขยายพันธุ์ต่อ    โดยร่วมกับทีมงานบ้านน้ำร้อนในการขยายพันธุ์ผลไม้พื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นจำปาดะ  ทุเรียน  เพราะโดยธรรมชาติแล้วมันจะหายไปเรื่อยๆจึงต้องอนุรักษ์ไว้

           ด้านนักท่องเที่ยว บอกว่า  รสชาติทุเรียนอร่อย หวาน มัน สมคำร่ำลือ  คำว่าหมู่บ้านผลไม้นี่คือใช่เลย มาครั้งแรกประทับใจ บรรยากาศดี  สมบูรณ์ไปด้วยผลไม้ต่างๆ อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาลองชิมผลไม้บ้านโตนกัน

         นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่าย  ทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง และผลไม้ตามฤกาลอย่าง  เงาะ  มังคุด  ทุกๆเช้าจะคึกคักเป็นพิเศษ  จะมีชาวสวนผลไม้นำผลผลิตออกมาขาย ที่ร้านก๊ะหรี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ร้านจำหน่ายผลไม้ในหมู่บ้าน  สำหรับร้านก๊ะหรีตั้งอยู่ซ้ายมือฝั่งขาเข้าก่อนถึงบ่อน้ำพุร้อน ที่ห่างกันเพียง 1500 เมตร  นักท่องเที่ยวสามารถแวะซื้อผลไม้ติดมือกลับไปได้  โดยทุเรียนพื้นเมือง ราคากิโลกรัมละ 60 บาท  ทุเรียนหมอนทอง ราคา 150 บาท

         ด้าน นายยูโสบ  ยูฮันนัน  อายุ 51 ปี ชาวสวนบ้านโตนปาหนัน  ขี่รถจักรยานยนต์นำทุเรียนพื้นบ้านมาขาย  โดยบอกว่า  เป็นทุเรียนพื้นเมืองทั้งหมด  จากต้นที่ส่งต่อมาจากรุ่นพ่อ  เพราะรุ่นนี้เขาไม่ปลูกแล้วทุเรียนพื้นเมืองจะปลูกทุเรียนหมอนทอง   สำหรับชื่อต้นทุเรียนแล้วแต่คนโบราณตั้งมาเพื่อง่ายในการจัดการ  ในพื้นที่ยังมีเยอะหลายสิบต้นส่วนใหญ่เป็นต้นใหญ่ๆ  ออกลูกต้นนึงประมาณ 300-400 ลูก แล้วแต่ต้น  เม็ดใหญ่ บางต้นเนื้อดี บางต้นเนื้อน้อย  เมื่อได้ปุ๋ยก็ทำให้เนื้อเยอะมากกว่าในอดีตที่เลี้ยงตามธรรมชาติ 

         หากเดินทางมายังบ้านโตนปาหนัน  หรือ หมู่บ้านทุเรียนพื้นเมืองแล้ว สามารถชมสวน  ฉีกทุเรียนกินใต้ต้นหรือซื้อกลับไปเป็นของฝาก  หรือจะไปเล่นน้ำตกโตนปาหนัน  ไปแช่น้ำร้อนที่บ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้  เป็นทริปที่เหมาะกับทุกกลุ่มวัยเลยทีเดียว

         สนใจชมสวนทุเรียนโบราณ  ติดต่อสอบถาม  084-750-8674 ผญ.ม.5   //  089-295-4244 บังเหม

………………………

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ผลไม้พื้นถิ่นที่เตรียมขึ้นทะเบียนพืช GI และอีกหลากเมนู หนึ่งในแคมเปญ  Green Season นี้ เที่ยวสตูล

ผลไม้พื้นถิ่นที่เตรียมขึ้นทะเบียนพืช GI และอีกหลากเมนู หนึ่งในแคมเปญ  Green Season นี้ เที่ยวสตูล

          ฤดูกาลนี้ผลไม้หลายชนิดเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดกันแล้ว  โดยเฉพาะกระท้อน  ในพื้นที่จังหวัดสตูลหลายสายพันธุ์ต่างให้ผลผลิต  สมกับจังหวัดสตูลที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนเมืองสโตย  หรือ สตูล   ที่แปลว่ากระท้อน

          กระท้อนจำนวนมากที่มีการนำมาแปรรูปเพื่อให้รับประทานกันได้ตลอดทั้งปี  อย่างเช่นที่ร้านต้นรักโฮมเมดไอศครีม  ตั้งอยู่ที่ซอยต้นรัก เทศบาลตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล    วันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสตูล  เชิญชวนทุกคนมาท่องเที่ยว Green Season นี้ เที่ยวสตูล  ชิมกระท้อนและผลไม้พื้นถิ่นที่ทางจังหวัด  เตรียมขอขึ้นทะเบียนเป็นผลไม้  GI พืชบ่งชี้เฉพาะถิ่น

          โดยเฉพาะที่ร้านต้นรักโฮมเมดไอศครีม  ที่มีการแปรรูปกระท้อนเป็นไอศครีม  เนื้อเนียนนุ่มหวานฉ่ำชื่นใจ  โดยทางคุณสายฝน  ชูช่วย  เจ้าของร้านต้นรักโฮมเมดไอศครีม  ได้โชว์สูตรที่ไม่ลับ  ของการทำไอศครีมกระท้อนห่อ  และกระท้อนแช่อิ่ม

          ด้วยการนำส่วนผสมของเนื้อกระท้อนที่เป็นปุยฝ้าย  และฐานรองเม็ดกระท้อนที่มีความนุ่มอร่อยจำนวน 5 กิโลกรัมต่อการทำไอศครีมใน 1 ครั้ง  จากนั้นใส่  น้ำตาล 10% และส่วนอื่นๆ ที่ช่วยให้เนื้อไอศกรีมเนียนนุ่มแห้ง ขั้นตอนที่ทางคุณสายฝนแนะนำดูแล้วไม่ง่าย  เพราะทุกขั้นตอนต้องใช้ความประณีต  และพิถีพิถันหลังจากเตรียมเนื้อกระท้อนและส่วนผสมแล้ว ต้องนำเนื้อกระท้อนไปบ่ม 8 ชั่วโมง และนำมาปั่นอีก 40 นาที จากนั้น  นำไปพักไว้อีก 4 ชั่วโมง  หากทำวันนี้ก็จะได้ขายในวันพรุ่งนี้   ก็จะได้เนื้อไอศครีมที่นุ่มแห้งและเข้าถึงรสชาติของกระท้อนอย่างแท้จริง

          กระท้อนสามารถทำได้เป็น 2 เมนู  คือไอศกรีมกระท้อนห่อ  และไอศกรีมกระท้อนแช่อิ่ม หากปีไหนกระท้อนมีรสชาติเปรี้ยวก็สามารถทำเป็นไอศกรีมกระท้อนโรยพริกเกลือ  และน้ำปลาหวานได้  ก็จะได้รสชาติแปลกใหม่น่าลิ้มลองเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

          นอกจากนี้ทางร้านต้นรักโฮมเมดไอศกรีม  ยังมีเมนูแนะนำจากผลไม้พื้นถิ่นและตามฤดูกาล   อาทิ  ไอศกรีมหมอนทอง  ไอศกรีมมะม่วงพริกเกลือ,  ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้, ไอศกรีมมะยมพริกเกลือ, ไอศกรีมขนุนอัญชัน  และไอศกรีมมะพร้าวดั้งเดิม  ,นอกจากนี้ก็ยังมีไอศกรีมยอดนิยมทั่วไปจำหน่ายอีกด้วย  โดยขายในราคาสกู๊ปละ  30 บาทเท่านั้น  แต่สำหรับไอศกรีมหมอนทองจะเพิ่มอีก 10 บาท เนื่องจากใช้เนื้อหมอนทองจำนวนมาก

          นายไพรัช  สุขงาม  ผอ.สำนักงาน ททท.สาขาสตูล  กล่าวว่า  กระท้อนจังหวัดสตูลจะเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วโดยเฉพาะกระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย  เพราะมีรสชาติหวานนุ่มอร่อย เมื่อมีการนำมาแปรรูปเป็นไอศกรีมจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่า และสร้างความอร่อยมากยิ่งขึ้น  ช่วยเพิ่มรสชาติของการเป็นกระท้อนผ่านไอศครีมให้ดียิ่งขึ้น

          นางสาวสายฝน  ชูช่วย  เจ้าของร้านต้นรักไอศครีมโฮมเมด  บอกว่าทางร้านได้เปิดมาแล้ว 10 ปีโดยจะทำไอศครีมจากผลไม้พื้นถิ่นเป็นสินค้าหลักของร้านเช่น  ไอศครีมมะม่วงเบาไอศครีมจำปาดะและที่นำเสนอวันนี้ก็คือไอศครีมกระท้อน เป็นกระท้อนพันธุ์ปุยฝ้ายของที่บ้านปลูกเองกว่า 30 ปีเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยได้ ทุกๆปีเมื่อถึงฤดูกาลเราก็จะทำไอศครีมกระท้อนห่อกระท้อนแช่อิ่มและกระท้อนพริกเกลือ  ซึ่งทางร้านก็จะมีจำหน่ายทั้งไอศครีมเบเกอรี่และอาหารจานเดียวไว้รองรับลูกค้านักท่องเที่ยวด้วย

          นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มเยอะแยะมากมายที่ทางร้านเตรียมไว้บริการลูกค้า  ได้ชิมและมุมถ่ายรูปที่ถูกใจ  กับบรรยากาศสบายๆ  ซึ่งทางร้านจะเปิดให้บริการทุกวันเว้นวันจันทร์   โทร 089- 6595290  

………….

อัพเดทล่าสุด