Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมสตูล วันที่ 2 — น้ำเอ่อล้นคลองทะลักข้ามถนนสายหลัก ท่วมแล้ว 6 อำเภอ เจ้าหน้าที่เร่งดูแลความปลอดภัย – น้ำหลากเข้าตลาดสดย่านเศรษฐกิจ

คืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมสตูล วันที่ 2 — น้ำเอ่อล้นคลองทะลักข้ามถนนสายหลัก ท่วมแล้ว 6 อำเภอ เจ้าหน้าที่เร่งดูแลความปลอดภัย – น้ำหลากเข้าตลาดสดย่านเศรษฐกิจ

วันที่ 21 พ.ย.2568  จังหวัดสตูลยังคงเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยมวลน้ำจากฝนสะสมหลายวันที่ผ่านมาได้ไหลหลากลงสู่พื้นที่ราบต่ำ  ส่งผลให้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ล่าสุดได้เพิ่มเป็น 6 อำเภอแล้ว ได้แก่ ควนโดน ท่าแพ ควนกาหลง มะนัง ละงู และอำเภอเมืองสตูล

โดยเฉพาะพื้นที่รอยต่อ อำเภอเมืองสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายน้ำ มวลน้ำจากคลองดุสนและคลองมำบังเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนริมคลอง ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขณะที่หลายชุมชนในพื้นที่ลุ่มต่ำได้รับผลกระทบอย่างหนัก

หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะหลีเป๊ะ และสถานีเรือละงู ทัพเรือภาค 3 ลงพื้นที่ตระเวนช่วยเหลือประชาชนในอำเภอละงู โดยนำเรือท้องแบนเข้าขนย้ายของจำเป็น พร้อมสอบถามความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภัยในพื้นที่ติดลำคลองที่มีระดับน้ำสูงจนไม่สามารถสัญจรด้วยรถยนต์ได้

ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำจำนวนมากได้ทะลักเข้าท่วมถนนสายฉลุง–ละงู อำเภอเมืองสตูล โดยพบว่าน้ำไหลเข้าท่วมผิวจราจรฝั่งขาเข้าเมืองเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้ต้องปิดการจราจรเหลือเพียงช่องทางฝั่งขาออก ส่งผลให้การสัญจรติดขัดยาว เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับ อพปร.ฉลุง ได้เร่งอำนวยความสะดวก พร้อมขอให้ผู้ใช้รถที่ไม่จำเป็นหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ทั้งยังเตือนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและรถดับกลางน้ำ

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลรายงานว่า ขณะนี้พบพื้นที่ประสบภัยแล้ว 7 ตำบล 27 หมู่บ้าน รวมกว่า 1,043 ครัวเรือน และยังอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติมในเขตอำเภอเมือง เนื่องจากยังคงมีฝนตกหนักเป็นช่วง ๆ ทำให้สถานการณ์ยังไม่นิ่งและอาจขยายวงกว้างได้อีก

เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงเร่งปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อดูแลความปลอดภัยและช่วยเหลือประชาชน รวมถึงติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่กำลังไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำอย่างต่อเนื่อง

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  คืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมสตูล วันที่ 2 — น้ำเอ่อล้นคลองทะลักข้ามถนนสายหลัก ท่วมแล้ว 6 อำเภอ เจ้าหน้าที่เร่งดูแลความปลอดภัย – น้ำหลากเข้าตลาดสดย่านเศรษฐกิจ

สะเทือนใจ! พบซากโลมาเน่าเกยหาดบ้านสน สัญญาณเตือนภัยทะเลสตูล

          6 กรกฎาคม 2568 – ภาพเศร้าสะเทือนใจเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ (นรภ.ทร.) เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบซากโลมาเสียชีวิตถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยหาดบ้านสนกลาง ตำบลแหลมสน อำเภอละงู  จังหวัดสตูล

 

         เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบโลมาไม่ทราบเพศ ความยาวกว่า 2 เมตร ในสภาพเน่าเปื่อยจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วริมหาด เสียงคลื่นกระทบฝั่งคล้ายกำลังเรียกร้องให้มนุษย์ตื่นตัวกับความเปราะบางของผืนทะเล

 

        ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนล่าง จังหวัดตรัง ระบุว่า ซากโลมาดังกล่าวเสื่อมสภาพเกินกว่าจะผ่าชันสูตรหาสาเหตุ เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบดำเนินการฝังกลบ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคและการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

          เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงข่าวธรรมดา หากแต่เป็น เสียงเตือนให้เราหันมาใส่ใจทะเลอันดามันและสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพามนุษย์ในการปกป้อง โลมาหนึ่งชีวิตที่จากไป อาจสะท้อนถึงขยะทะเล มลพิษ และภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจนสัตว์ทะเลต้องจบชีวิตโดยไม่มีใครล่วงรู้สาเหตุ

 

          หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยว หากพบสัตว์ทะเลเกยตื้นหรือตาย อย่าละเลย ให้รีบแจ้งหน่วยงานโดยด่วน เพื่อร่วมกันดูแลและรักษาสมดุลธรรมชาติ

 

          วันนี้ โลมาตัวหนึ่งสิ้นใจ…พรุ่งนี้จะมีชีวิตใดตามมาอีกหรือไม่? ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของเราทุกคน

………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

อนาคตสตูลสดใส! ทุ่ม 7.9 ล้านบาท ลงนาม MOU ยกระดับ ‘1,000 วันแรกของชีวิต’ แม่และเด็ก

อนาคตสตูลสดใส! ทุ่ม 7.9 ล้านบาท ลงนาม MOU ยกระดับ ‘1,000 วันแรกของชีวิต’ แม่และเด็ก

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2569 ณ ห้องประชุมศูนย์ข้อมูลสารสนเทศการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ครั้งสำคัญ ใน “กิจกรรมเวทีประชาสัมพันธ์ พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง MOU ขับเคลื่อนการดำเนินงานในประเด็นอนามัยแม่และเด็ก 1,000 วันแรกของชีวิต และโครงการสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก เพื่อลดภาวะคลอดก่อนกำหนดในพระราชูปถัมภ์”

 

โดยนางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมเน้นย้ำว่า “การลงทุนใน 1,000 วันแรกของชีวิต คือการลงทุนในอนาคตของจังหวัดอย่างแท้จริง”

         

ในการนี้  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้กล่าวชื่นชมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (อบจ.สตูล) ที่เป็นแกนหลักในการสานต่อความร่วมมืออันสำคัญยิ่งกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้ข้อตกลงร่วมสมทบทุนฯ ด้วยงบประมาณรวมกว่า 7,900,000 บาท เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพสำคัญและเร่งด่วนของจังหวัดอย่างเป็นระบบ

เป้าหมายหลัก 5 ประเด็น ที่ทุกภาคส่วนจะขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อสร้างสุขภาวะที่เข้มแข็งและยั่งยืนให้กับชาวสตูล ได้แก่:  อนามัยแม่และเด็ก (เน้น 1,000 วันแรกของชีวิต)   การป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)  ปัญหายาเสพติด   การดูแลสุขภาพวัยผู้สูงอายุ   และปัญหาเร่งด่วนอื่น ๆ ในพื้นที่

 

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่และผูกพันของทุกภาคส่วน ทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยบริการสาธารณสุข โดยจะร่วมกันเป็น กลไกการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้   โดยนางสาวดุษฎี  พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล   นายสัมฤทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายก อบจ.สตูล  นายแพทย์ธีรศักดิ์  เด่นดวง  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล  นางดารารัตน์  คุ่มเคี่ยม  ท้องถิ่นจังหวัดสตูล  นายแพทย์สงกรานต์  จันทร์มุณี  ผอ.โรงพยาบาลสตูล  และ  อปท.ในจังหวัดสตูล  41 แห่ง  และหน่วยบริการสุขภาพ 56 แห่ง รวม 97  หน่วยบริการ  ร่วมลงนามบันทึก MOU  ขับเคลื่อนการดำเนินงานในประเด็นอนามัยแม่และเด็ก 1,000 วันแรกของชีวิต

ทั้งนี้  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลแสดงความเชื่อมั่นว่า นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้อำนวยการหน่วยบริการสาธารณสุข ซึ่งเป็นกลไกหลักในระดับพื้นที่จะสามารถนำแนวทางที่ได้รับไปพัฒนาและนำเสนอโครงการคุณภาพ เพื่อขอรับเงินทุนดำเนินการ และทำให้เป้าหมายที่กำหนดไว้ประสบความสำเร็จ

 

การลงนามครั้งนี้จึงถือเป็น “จุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่ง” ที่ทุกภาคส่วนจะร่วมกันสร้างสรรค์แนวทางการทำงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชาวสตูลต่อไป

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

“วิถีถิ่น OTOP เสน่ห์อันดามัน” ดันโครงการ “คนละครึ่งพลัส” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

“วิถีถิ่น OTOP เสน่ห์อันดามัน” ดันโครงการ “คนละครึ่งพลัส” กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

          วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ณ ร้านเดอบัว คาเฟ่ จังหวัดสตูล — สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ร่วมกับจังหวัดสตูล จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “วิถีถิ่น OTOP เสน่ห์อันดามัน” เตรียมยกทัพสินค้าเด่นจาก 5 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ร่วมจำหน่ายที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2568 เพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมจับมือภาครัฐผนึกโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการในงาน

นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวถึง จุดเริ่มต้นของโครงการ ว่า จังหวัดสตูลเล็งเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้า OTOP ที่มีศักยภาพสูงในพื้นที่ แต่ยังขาดช่องทางการตลาดเพียงพอ จึงเกิดแนวคิดร่วมมือกับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล ระนอง  เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และขยายตลาดสู่เมืองเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยคือจังหวัดสงขลา

 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  กล่าวต่อว่า “ปีนี้เรานำแนวคิด ‘คนละครึ่งพลัส’ เข้ามาเป็นกลไกสำคัญในงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการ เพิ่มโอกาสการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี ถือเป็นการต่อยอดนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน”

ด้านนายเจนต์วิทย์ นาคแท้ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดสตูล กล่าวถึง วัตถุประสงค์และรูปแบบของงาน ว่า งานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วิถีถิ่น OTOP เสน่ห์อันดามัน” ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในงานมีผู้ประกอบการจากฝั่งอันดามันกว่า 20 ราย มาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า พร้อมกิจกรรมสาธิตผลิตภัณฑ์เด่น การแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่น และกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมแจกคูปองส่วนลดแทนเงินสดให้กับผู้ร่วมงาน

 

นายเจนต์วิทย์  ยังกล่าวเสริมว่า โครงการนี้มุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนในระดับจังหวัดและระดับชุมชน เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า เสริมศักยภาพของกลุ่มผู้ผลิต OTOP และเกษตรกร รวมทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้าอันดามันให้กว้างขึ้น

 

“เราต้องการให้สินค้า OTOP ของสตูลและจังหวัดเพื่อนบ้านเป็นที่รู้จักในตลาดใหญ่ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างแท้จริง” เขากล่าว

โครงการ “วิถีถิ่น OTOP เสน่ห์อันดามัน” จึงถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ที่มุ่งสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแรง ผ่านการใช้จ่ายภายในประเทศ และต่อยอดแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ภาคใต้

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ตลาดผ้ากระสอบคึกคัก–เงินสะพัดชาวสตูลแห่ซื้อเสื้อผ้าขาว–ดำราคาถูก ร่วมไว้อาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง

ตลาดผ้ากระสอบคึกคัก–เงินสะพัดชาวสตูลแห่ซื้อเสื้อผ้าขาว–ดำราคาถูก ร่วมไว้อาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  บรรยากาศตามตลาดเสื้อผ้ากระสอบในเขตอำเภอเมืองสตูล โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกเจ๊ะบิลัง  ต.พิมาน  คึกคักเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ชาวบ้านและข้าราชการต่างพากันเลือกซื้อเสื้อผ้าโทนขาว–ดำ เพื่อสวมใส่แสดงความอาลัยแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

ผู้ค้าระบุว่า  ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หลังจากหน่วยงานภาครัฐขอความร่วมมือให้ประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสุภาพตลอดทั้งปี ทำให้ร้านค้าต้องนำเสื้อผ้าขาว–ดำ  ทั้งชายหญิงและเด็กมาวางขายเพิ่มจำนวนมาก  โดยราคาขายเริ่มต้นเพียง 20 บาท ไปจนถึง 150 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพและแบบของสินค้า

ลูกค้าบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  ตั้งใจมาหาเสื้อผ้าสีดำไว้ใส่ทำงานและร่วมไว้อาลัยพระพันปีหลวง เพราะที่ตลาดแห่งนี้มีราคาถูกกว่าในห้างหรือร้านทั่วไป “ที่นี่ของเยอะ ต้องเลือกดี ๆ หน่อย แต่คุ้มค่า ใส่ได้ทั้งทำงานและวันสบาย ๆ ประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย”

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในตลาดคาดว่า ความต้องการเสื้อผ้าโทนสุภาพจะยังคงสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในจังหวัด โดยเฉพาะในกลุ่มร้านค้าขนาดเล็กและผู้ค้ารายย่อยที่จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด

 

บรรยากาศการจับจ่ายยังคงเป็นไปด้วยความสงบ อบอวลด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระพันปีหลวง ที่สถิตอยู่ในหัวใจของพสกนิกรชาวสตูลอย่างไม่เสื่อมคลาย

………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ไม่เสียเปรียบเมื่อเจองู! ‘ทีมอสรพิษละงู’ จัดใหญ่ โครงการให้ความรู้ สู้ภัยงูเข้าบ้านช่วงฝน

ไม่เสียเปรียบเมื่อเจองู! ‘ทีมอสรพิษละงู’ จัดใหญ่ โครงการให้ความรู้ สู้ภัยงูเข้าบ้านช่วงฝน

         จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่อำเภอละงูมีการรายงานการพบงูเลื้อยเข้าบ้านเรือนประชาชนบ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงอสรพิษร้ายแรงอย่าง งูเห่า งูจงอาง และ งูเขียวหางไหม้ หากขาดความรู้ความเข้าใจอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้

 

         ด้วยเหตุนี้ “ทีมอสรพิษละงู” โดยการสนับสนุนของ นายจำรัส ฮ่องสาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละงู และ นายนายธนชาติ โต๊ะหลี ส.จ.เขต 2 อำเภอละงู จึงได้จัด โครงการ “รู้เท่าทันอสรพิษ เพื่อคนละงู” ขึ้น ณ บ้านคลองขุด หมู่ 9 ตำบลละงู โดยมีมูลนิธิร่มไทรเข้าร่วมให้ความรู้และสาธิตอย่างเข้มข้น

3 หัวข้อสำคัญ ที่ต้องรู้เพื่อเอาตัวรอด

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีการจัดแสดงงูกว่า 25 สายพันธุ์เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการให้ความรู้ภาคปฏิบัติเพื่อให้ประชาชนสามารถรับมือกับสถานการณ์จริงได้อย่างถูกต้อง:

 

การจำแนกงูมีพิษ/ไม่มีพิษ: เรียนรู้การสังเกตจากลักษณะทางกายภาพ เช่น รูปทรงหัว ดวงตา เกล็ด รวมถึงพฤติกรรมเพื่อแยกแยะชนิดของงู

 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด: ย้ำข้อปฏิบัติสำคัญ คือ ห้ามดูดแผลหรือขันชะเนาะ โดยเด็ดขาด แต่ควรรีบใช้ผ้าพันแผลหลวม ๆ และนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

 

การเอาตัวรอดเมื่อประชันหน้า: สอนให้ประชาชน ตั้งสติ และค่อย ๆ ถอยห่างอย่างช้า ๆ หลีกเลี่ยงการใช้ของแข็งตี เพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหรือการคุกคามจะกระตุ้นให้งูป้องกันตัวและโจมตี

จับงูปลอดภัย พร้อมระดมทุนสร้างบุญ

นอกจากความรู้สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ทีมอสรพิษละงูยังได้ถ่ายทอดเทคนิค “จับงูปลอดภัย” สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อให้ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสี่ยงทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและต่อตัวงูเอง

 

โครงการนี้ยังเชื่อมโยงกับการทำบุญ โดยการจัดกิจกรรมยังช่วย ระดมทุนสร้างอาคารเรียนตาดีกาให้มัสยิดคลองขุด เรียกได้ว่าชาวละงูได้ทั้ง “ความรู้เรื่องงู” เป็นเกราะป้องกันภัย และ “ได้บุญ” ไปพร้อม ๆ กัน

 

“งูไม่ใช่ศัตรูของคน หากเราเข้าใจพฤติกรรมของมัน ก็จะอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องทำร้ายกัน” นายนายธนชาติ โต๊ะหลี ส.จ.เขต 2 อำเภอละงู กล่าวปิดท้าย เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ

 

การรู้เท่าทันอสรพิษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความรู้พื้นฐานนี้คือ เกราะป้องกันภัยเงียบ ที่อาจอยู่ใกล้รั้วบ้านของทุกครอบครัวได้เสมอ

……………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

พสกนิกรสตูล ร่วมใจทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล ‘วันนวมินทรมหาราช’ อย่างพร้อมเพรียง

พสกนิกรสตูล ร่วมใจทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล ‘วันนวมินทรมหาราช’ อย่างพร้อมเพรียง

       สตูล – (13 ต.ค. 2568) – เช้าวันนี้ ที่บริเวณหน้าเทศบาลเมืองสตูล เต็มไปด้วยคลื่นมหาชนชาวสตูลที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลืองอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” (วันที่ 13 ตุลาคม)

  

         พิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับเกียรติจาก นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตลอดจนสมาชิกชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล มารวมตัวกันด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

       บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและอิ่มบุญ ประชาชนต่างนำข้าวสารอาหารแห้งและปัจจัยมาถวายแด่พระสงฆ์ เพื่อแสดงความกตัญญูและรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยตลอดมา

       การรวมพลังสวมเสื้อเหลืองในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความแน่นแฟ้นและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวสตูลในการแสดงความจงรักภักดีและร่วมกันสืบสานปณิธานความดีงามตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

…………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ไม่ทอดทิ้ง! ผู้ว่าฯ สตูล ควงนายกเหล่ากาชาดฯ รุดเยี่ยมให้กำลังใจ เหยื่อไฟไหม้

ไม่ทอดทิ้ง! ผู้ว่าฯ สตูล ควงนายกเหล่ากาชาดฯ รุดเยี่ยมให้กำลังใจ เหยื่อไฟไหม้เมืองสตูล

        วันที่ (10 ต.ค. 68) เวลา 10.30 น. ที่บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยทันตแพทย์หญิงสุกีรติ กปิลกาญจน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบเหตุอัคคีภัย พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบเหตุ โดยมีนายมานิต บริพันธ์ นายอำเภอเมืองสตูล นางสาววาสิฏฐี สาระพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล ผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่ให้กำลังใจและมอบสิ่งของช่วยเหลือด้วย

         สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 05.20 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวอินสน เส็นดากัน สาเหตุคาดว่ามาจากการจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่างก่อนออกไปกรีดยางพาราแล้วลืมดับ ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้น สร้างความเสียหายในส่วนห้องนอน โครงสร้างบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้เข้าช่วยควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างทันท่วงที

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย และสร้างขวัญกำลังใจให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง

ภาพข่าว-ปชส.สตูล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ทุเรียนจิ๋วฟีเวอร์! วิทยาลัยเทคนิคสตูลปั้น ‘ลูกชุบทุเรียน’ เหมือนจริงเป๊ะ!  เปิดเส้นทางรายได้ สู่ตลาดต่างประเทศ

ทุเรียนจิ๋วฟีเวอร์! วิทยาลัยเทคนิคสตูลปั้น ‘ลูกชุบทุเรียน’ เหมือนจริงเป๊ะ!  เปิดเส้นทางรายได้ สู่ตลาดต่างประเทศ

         วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิทยาลัยเทคนิคสตูลเดินหน้าสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเรียนรู้อาชีพให้ประชาชน เปิดอบรมการทำ “ลูกชุบผลไม้จิ๋ว” ขนมไทยสีสันสดใส โดยเฉพาะเมนูไฮไลต์อย่าง “ลูกทุเรียนชุบ” ที่มีกลิ่นและรสชาติคล้ายเนื้อทุเรียนจริง ถูกใจทั้งกลุ่มแม่บ้านและผู้บริโภคฝั่งประเทศมาเลเซียอย่างมาก จนเริ่มมีการสั่งซื้อเพื่อจำหน่าย  สร้างความหวังสู่ตลาดส่งออกขนมไทยในอนาคต

         ด้านนายวิเชียร บุญเตี่ยว ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสตูล เปิดเผยว่า ทางวิทยาลัยได้จัดทำโครงการ “สร้างเส้นทางสู่อาชีพ” ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เพื่อส่งเสริมทักษะและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น โดยเน้นการอบรมวิชาชีพทั้งในกลุ่มเยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มแม่บ้านที่ต้องการอาชีพเสริมในยุคเศรษฐกิจซบเซา

        หนึ่งในหลักสูตรที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ การทำขนมลูกชุบ ขนมไทยโบราณที่ขึ้นชื่อเรื่องความประณีต สวยงาม และสามารถสร้างรายได้จริง โดยในเวิร์กช็อปครั้งนี้ มีไฮไลต์ที่น่าสนใจ คือการสอนทำ “ลูกชุบทรงลูกทุเรียน” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และรสชาติที่สะท้อนความเป็นไทยได้อย่างลงตัว

           ลูกชุบทรงลูกทุเรียนนี้ ปั้นเป็นรูปผลทุเรียนขนาดจิ๋ว แต่งสีเหลืองนวลเลียนแบบเนื้อทุเรียนจริง และที่พิเศษคือ มีการผสมกลิ่นและรสไส้ทุเรียนเข้ากับถั่วเขียวกวน ทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของทุเรียนเมื่อกัดเข้าไป พร้อมเคลือบวุ้นบาง ๆ ให้ดูเงางาม เหมือนทุเรียนจำลองขนาดมินิ ที่ทั้งน่ารักและน่าทาน

         ด้านนางเย็นจิตต์ แต่งทอง อายุ 50 ปี แม่บ้านชาวสตูล ซึ่งเข้าร่วมการอบรม เผยว่า ตนเองมีอาชีพขายขนมอยู่แล้ว และสนใจการทำลูกชุบ เพราะสามารถทำที่บ้านได้ง่าย ใช้ต้นทุนต่ำ แต่ขายได้กำไรดี โดยเฉพาะ “ลูกชุบทุเรียน” ที่เป็นจุดขายใหม่ ตนได้นำตัวอย่างไปให้ญาติฝั่งประเทศมาเลเซียชิม และได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างมาก

        “ญาติทางฝั่งโน้นบอกว่าไม่เคยเห็นขนมแบบนี้เลย รสชาติหอมเหมือนทุเรียนจริง และรูปร่างเหมือนของเล่นจิ๋ว เป็นเหมือนศิลปะที่กินได้ เขาติดใจเลยสั่งซื้อเรื่อย ๆ ค่ะ” นางเย็นจิตต์ กล่าว

           สำหรับ “ลูกชุบ” เป็นขนมไทยที่มีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมโปรตุเกสในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีลักษณะเด่นคือ ทำจากถั่วเขียวกวน ปั้นเป็นรูปร่างผลไม้ขนาดเล็ก เช่น มะม่วง พริก ชมพู่ มะเขือเทศ หรือแม้แต่ผลไม้ไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบอย่าง “ทุเรียน” แล้วเคลือบด้วยวุ้นบาง ๆ ให้ดูเงางาม สีสันสดใส รสชาติหวาน มัน ละมุนลิ้น

          ราคาขายสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ชิ้นละ 1-2 บาท แล้วแต่รูปแบบการบรรจุ สามารถจัดเป็นกล่องของฝาก ของชำร่วย หรือทำเป็นสินค้าในตลาดท่องเที่ยวก็ได้

          การต่อยอด “ลูกชุบทุเรียน” และผลไม้จิ๋วชนิดอื่น ๆ กำลังกลายเป็นความหวังใหม่ของกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ ที่ต้องการมีอาชีพเสริมจากฝีมือตัวเอง และยังมีโอกาสสร้างรายได้จากตลาดประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งมีรสนิยมชื่นชอบขนมไทยอย่างมากในปัจจุบัน

………………………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

“เทียนละลายกลายเป็นพญานาค!” วัดป่าช้าไทย จ.สตูล แปลงเทียนเก่าเป็นเรือพระน้ำหนักเกือบตัน เตรียมอวดโฉมประชันความงามชักพระ

“เทียนละลายกลายเป็นพญานาค!” วัดป่าช้าไทย จ.สตูล แปลงเทียนเก่าเป็นเรือพระน้ำหนักเกือบตัน เตรียมอวดโฉมประชันความงามชักพระ

วันที่ 4 ตุลาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเตรียมความพร้อมของวัดต่าง ๆ ทั่วจังหวัดสตูล ที่ต่างเร่งมือประดับตกแต่ง “เรือพระ” เพื่อนำเข้าร่วมกิจกรรมชักพระในวันออกพรรษา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 7 ตุลาคม และจะมีการประกวดเรือพระในวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2568 บริเวณหน้าโรงเรียนสตูลวิทยา โดยเทศบาลตำบลคลองขุดเป็นเจ้าภาพจัดงาน

หนึ่งในไฮไลต์ที่น่าจับตามอง คือ วัดสตูลสันตยาราม (หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดป่าช้าไทย) ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งมีไอเดียสุดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร ด้วยการ “แปลงเทียนเก่า” จากวัด มาเนรมิตเป็น เศียรพญานาค และองค์ประกอบต่าง ๆ บนเรือพระทั้งลำ

เทียนเก่า ไม่ไร้ค่า!  พระสงฆ์และชาวบ้านที่วัด เล่าว่ามีการเก็บรวบรวมเศษเทียนไขจากจุดบูชาพระพุทธรูป เทียนพรรษาเก่าที่หยดลงพื้น หรือเหลือใช้จากปีที่ผ่านมา มาละลายใหม่ด้วยความร้อน แล้วเทใส่ บล็อกลวดลายไทย ที่ออกแบบมาเฉพาะกิจ โดยมี ใยแก้วรองด้านใน เพื่อกันหัก เมื่อเย็นตัว เทียนจะแข็งเป็นชิ้นงานประณีต ดึงออกจากพิมพ์ได้อย่างสวยงาม

พระเมืองแมน ป.ภโสร พระผู้มีบทบาทร่วมออกแบบและสร้างเรือพระ เผยว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ 4 ที่วัดใช้เทียนไขสร้างสรรค์เรือพระทั้งลำ จุดเด่นอยู่ที่ เศียรพญานาค  7 เศียร และ ลำตัวพญานาค ที่มีน้ำหนักหัวละราว 20 กิโลกรัม รวมทั้งลำเรือหนักเกือบ 1 ตัน!

         นอกจากนี้ วัดยังนำ ผ้าห่มเจดีย์เก่า ที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาประยุกต์จับจีบตกแต่งเรือ สะท้อนแนวคิด “ใช้ซ้ำอย่างศรัทธา” ได้อย่างงดงาม

          เรือพระของวัดสตูลสันตยารามในปีนี้ ไม่ใช่แค่ศิลปะทางสายตา แต่ยังสื่อถึงจิตวิญญาณของพุทธศาสนา ที่เชื่อมโยงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ศรัทธาอย่างมีสติ และสืบสานประเพณีไทยใต้ได้อย่างน่าชื่นชม

………………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด