Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สมูทตี้จำปาดะ เมนูชวนลิ้มลอง ที่สวนจูหอดตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบ บ้านโคกมุดพัฒนา สวนจำปาดะพันธุ์ดี กำลังผลิดอกออกผล พร้อมเดินหน้าสู่พืช GI เมืองสตูล

สมูทตี้จำปาดะ เมนูชวนลิ้มลอง ที่สวนจูหอดตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบ บ้านโคกมุดพัฒนา สวนจำปาดะพันธุ์ดี กำลังผลิดอกออกผล พร้อมเดินหน้าสู่พืช GI เมืองสตูล

         บ้านสวนจูหอด ม.6 บ้านโคกมุดพัฒนา ตำบลเกตรี (อ่านว่า  เกด-ตรี)  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล พื้นที่ 6 ไร่ของ “นายหอด แดสา” วัย 74 ปี กำลังกลายเป็นความหวังของชุมชนและวงการเกษตรในพื้นที่ เมื่อสวนผสมของเขาซึ่งประกอบด้วย จำปาดะพันธุ์ทองเกษตร ขวัญสตูล และไร้เมล็ด กว่า 160 ต้น เริ่มให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนพืชเศรษฐกิจ GI (Geographical Indication) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดสตูล

          นายหอด  เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า  สวนแห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นสวนยางพารา ก่อนจะตัดสินใจโค่นยางเมื่อราว 4 ปีก่อน เพื่อเปลี่ยนมาเป็นสวนผสมโดยปลูกพืชหมุนเวียนหลากหลายทั้งทุเรียนหมอนทอง 140 ต้น จำปาดะ 160 ต้น รวมถึงอ้อย กระเจี๊ยบ และพืชผักฤดูกาล เช่น แตงกวา ที่สามารถเก็บเกี่ยวขายได้วันละ 600-800 บาทในช่วงฤดูกาล

          “ปีที่แล้วจำปาดะ 5 ต้นให้ผลผลิตรวม 35 ลูก ปีนี้นับเฉพาะต้นเดียวได้ถึง 50 ลูกแล้ว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

          จำปาดะจากสวนจูหอดมี 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่  พันธุ์ขวัญสตูล เนื้อหนา กลิ่นหอมเฉพาะ  พันธุ์ทองเกษตร สีเหลืองสวย หวานละมุน  พันธุ์ไร้เมล็ด หายาก นิยมนำมาทอดหรือแปรรูป

          นางสาวนิลุบล เชื้อศรีชัย เจ้าหน้าที่เกษตรตำบลเกตรี สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล ให้ข้อมูลว่า นายหอดเป็นหนึ่งในเกษตรกรรายใหญ่ที่สุดของอำเภอเมืองสตูลที่มีการปลูกจำปาดะมากที่สุด  ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารขอขึ้นทะเบียน GI ผลไม้ประจำถิ่น  อำเภอเมืองสตูล  เพื่อยกระดับผลิตผลให้มีมูลค่าเพิ่มในตลาดระดับประเทศ โดยก่อนหน้านี้สวนได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP แล้ว

          ทางเกษตรตำบลยังได้แนะนำการแปรรูปจำปาดะเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การทำ “สมูทตี้จำปาดะ”  ซึ่งให้รสชาติคล้ายไอศกรีม เมื่อผ่านการแช่แข็ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภครุ่นใหม่ และช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในท้องถิ่น

          นายการียา  เดชสมัน  ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านโคกมุดพัฒนา กล่าวย้ำว่า นายหอด  คือเกษตรกรต้นแบบของชุมชน ด้วยความขยัน อดทน และมีการบริหารจัดการสวนผสมอย่างเป็นระบบ จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชาวบ้าน พร้อมเผยแผนต่อไปคือการรณรงค์ให้ชาวบ้านปลูกจำปาดะเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็น “พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น” และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

          สำหรับผู้ที่สนใจผลผลิตจำปาดะแท้จากสวนจูหอด สามารถติดต่อได้ที่  หมาดกอเฉ็ม ลูกชายของนายหอด โทร. 085-117-4338  หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ เกษตรอำเภอเมืองสตูล

          จำปาดะเป็นผลไม้เนื้อสีเหลือง มีรสหวาน กลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายขนุนผสมกับทุเรียน นิยมนำมาทานสด ทอด หรือแปรรูปเป็นขนมและเครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์ที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้  “การเกษตรไม่ใช่แค่เพาะปลูก แต่คือการเพาะความหวังให้แก่ชุมชน”

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
เยาวชน-การศึกษา

ทุนแห่งโอกาส เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน

ทุนแห่งโอกาส  เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน

          ณ โรงเรียนบ้านท่าแลหลา ต.กำแพง อ.เมือง จ.สตูล เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูล นำโดย นางสาวพัชรี เกิดพรม ประธานเครือข่าย พร้อมคณะกรรมการและสมาชิก ได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ทำกิจกรรมดีเด่นและมีฐานะยากจน จำนวน 10 ทุน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง

 

          นายมูฮอฟฟัล ยาหมาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าแลหลา พร้อมด้วยคณะครูและประธานกรรมการสถานศึกษา ให้การต้อนรับคณะด้วยความอบอุ่น โดยโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียน 160 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย เนื่องจากพ่อแม่ต้องออกไปทำงานต่างถิ่น

 

นางสาวพัชรี  กล่าวว่า เครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูลเห็นความสำคัญของการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา จึงมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่มีความจำเป็น

“เด็กเหล่านี้คืออนาคตของสังคม การช่วยเหลือในวันนี้คือการลงทุนเพื่ออนาคต เราหวังว่าน้องๆ จะเติบโตเป็นคนดี มีความรู้ และกลับมาช่วยเหลือสังคมต่อไป” นางสาวพัชรีกล่าว

 

ทางโรงเรียนบ้านท่าแลหลาได้กล่าวขอบคุณเครือข่ายผู้ผลิตข่าวสตูลที่ไม่เพียงแต่นำความช่วยเหลือมาสู่เด็กนักเรียน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนมองเห็นคุณค่าของการร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

 …………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ 

สตูล – เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ประชาชนชาวจังหวัดสตูลกว่า 500 คน นำโดยนางอุดมศรี จันทรัศมี ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล พร้อมด้วยสมาชิกชมรมทหารผ่านศึก และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันจัดกิจกรรมแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ ณ ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และส่งกำลังใจถึงกำลังพลในพื้นที่ชายแดน

ผู้ร่วมกิจกรรมต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง ถือธงชาติไทยและพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมขับร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างพร้อมเพรียง โดยตัวแทนจากชมรมคนรักในหลวงได้อ่านแถลงการณ์แสดงเจตจำนงในการรวมพลังรักชาติ และขอบคุณทหารทุกนายที่เสียสละปกป้องแผ่นดิน โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน

ไฮไลต์ของกิจกรรมคือพิธีมอบช่อดอกไม้แทนความรัก ความห่วงใย และกำลังใจจากพี่น้องชาวสตูล โดยมีร้อยโทสุรวุฒิ หนูเอียด ตัวแทนผู้บังคับกองร้อย ร.5 พัน.2 เป็นผู้รับมอบช่อดอกไม้ในนามแม่ทัพภาคที่ 2 ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนที่เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

นางรัตติยา มนูญดาหวี ตัวแทนจากชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล กล่าวว่า การรวมตัวในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นการรวมพลังจากหัวใจของประชาชนที่ห่วงใยประเทศชาติ และต้องการส่งกำลังใจให้ทหารที่เสียสละปกป้องแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 “พริกเดือยไก่ปลายสวน” ปลูกไว้ได้ลูกจบรับราชการ  อดีตสาวร้านเครื่องสำอางจับมือคู่ชีวิต ลุยเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้มั่นคงที่บ้านนาแค สตูล

“พริกเดือยไก่ปลายสวน” ปลูกไว้ได้ลูกจบรับราชการ  อดีตสาวร้านเครื่องสำอางจับมือคู่ชีวิต ลุยเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้มั่นคงที่บ้านนาแค สตูล

สตูล – จากพนักงานขายเครื่องสำอางในห้างฯ เมื่อสิบปีก่อน “นางนุชติยา ใจดี” หรือ “พี่นุช” วัย 50 ปี และสามี ได้ร่วมกันพลิกชีวิตด้วยสองมือและแรงใจ กลับคืนถิ่นบ้านเกิด ณ บ้านนาแค หมู่ 5 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เปลี่ยนพื้นที่สวนยาง 3 ไร่ครึ่งให้กลายเป็นแหล่งผลิตพืชอินทรีย์และพลังชีวิตที่หล่อเลี้ยงครอบครัวมาอย่างมั่นคง

 

ชีวิตหลังแต่งงานทำให้พี่นุชเริ่มมองหาสิ่งที่มั่นคงกว่าเงินเดือน เขาและสามีจึงตัดสินใจหันหลังให้ชีวิตในเมือง หยิบจอบจับเสียม เรียนรู้เกษตรผสมผสานจากศูนย์ฝึกในชุมชนและจากประสบการณ์จริง จนสามารถออกแบบพื้นที่สวนได้อย่างลงตัว

 

ในสวนนี้ มีทั้งยางพาราอ่อนที่กำลังเติบโต พริกเดือยไก่ครึ่งไร่ ข้าวโพดครึ่งไร่ โหระพา แมงลัก และไผ่หวานกินชุง พร้อมแนวคิดอินทรีย์เต็มรูปแบบ ใช้น้ำหมักจากปลากับเศษกุ้ง ตามทฤษฎีนากุ้ง ไม่มีเคมี ไม่มีหนี้

 

“เราช่วยกันปลูก ช่วยกันเก็บ ตื่นเช้ามาด้วยกัน เหนื่อยด้วยกัน มันอาจไม่หวือหวา แต่เรามีอิสระ มีความสุข และที่สำคัญ เราเลี้ยงลูกจนเรียนจบกฎหมาย ทำงานรับราชการได้ด้วยผักพื้นบ้านพวกนี้” พี่นุชเล่าพลางยิ้ม

พริกเดือยไก่ที่ปลูกปีละครั้ง เก็บได้เกือบ 2 ตันต่อรอบ ราคาขายส่งอยู่ที่ราว 100 บาท ปลีก 150 บาท หากช่วงราคาดี เคยแตะถึง 220 บาทต่อกิโล รายได้เสริมมาจากหน่อไม้หวาน โหระพา แมงลัก ซึ่งลูกค้าหลักเป็นทั้งชาวบ้านและผู้สั่งซื้อออนไลน์ผ่าน Facebook “นุชติยา ใจดี”

 

ความได้เปรียบอีกอย่างของสวนนี้คือ ตั้งอยู่ใกล้แนวสันเขาการาคีรี พื้นที่อุดมสมบูรณ์ พืชผักเติบโตดีโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ช่วยลดต้นทุนและปลอดภัยทั้งคนกินและคนปลูก

 

พี่นุชและสามีเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ “คู่ชีวิตนักสู้” ที่ไม่ยอมแพ้ต่อวิถีเมืองใหญ่ กลับมาสร้างรากฐานจากผืนดินบ้านเกิด จนกลายเป็นครอบครัวเกษตรกรที่มั่นคง

 

“เราสองคนไม่เคยคิดจะรวย แต่อยากอยู่แบบไม่ลำบาก อยากให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่ใช้แรงตัวเองเลี้ยงเขามา ทุกหยดเหงื่อมีคุณค่า” พี่นุชกล่าวทิ้งท้าย

 

หากคุณกำลังท้อแท้ อยากเริ่มต้นใหม่ หรือยังไม่รู้ว่าความสุขอยู่ที่ไหน ลองกลับมามองดินที่ปลายเท้า แล้วคุณอาจพบคำตอบเหมือน “สองคนสามีภรรยา” คู่นี้

สนใจพริกพื้นบ้าน ผักอินทรีย์ หรือต้องการคำแนะนำด้านเกษตรผสมผสาน  ติดต่อ: นางนุชติยา ใจดี โทร. 084-858-4060   Facebook: นุชติยา ใจดี

         

พริกเดือยไก่ เป็นพริกพันธุ์พื้นบ้าน มีคุณลักษณะพิเศษคือ. เม็ดยาวพอประมาณ รสชาติเผ็ดร้อน และมีความหอม จึงเหมาะกับการทำเป็นเครื่องแกง

อัพเดทล่าสุด
Categories
เยาวชน-การศึกษา

19 โรงเรียนสตูล  เปิดเส้นทางอาชีพใหม่ จุดประกายความฝันนักเรียนสตูล  ผลักดันหนึ่งโรงเรียนหนึ่งอาชีพ เปิดโอกาสทุกกลุ่มวัยฝึกอาชีพระยะสั้น-ยาว

19 โรงเรียนสตูล  เปิดเส้นทางอาชีพใหม่ จุดประกายความฝันนักเรียนสตูล  ผลักดันหนึ่งโรงเรียนหนึ่งอาชีพ เปิดโอกาสทุกกลุ่มวัยฝึกอาชีพระยะสั้น-ยาว

       ที่วิทยาลัยเทคนิคสตูล  ต.พิมาน  อ.เมือง  จ.สตูล  นักเรียนจาก 19 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูล  นำผลงานอาชีพที่ทางโรงเรียนสนับสนุนส่งเสริมเป็นอาชีพ  มาโชว์ภายในงาน โครงการเปิดโลกกว้างสร้างเส้นทางสู่อาชีพ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

          โรงเรียนธรรมศาสน์วิทยา ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล  หนึ่งใน 19 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ  นำ ศิลปะบนผิวน้ำ (Water Marbling Art) หนึ่งในงานศิลป์แสนมหัศจรรย์ที่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้จริง  โดยหนึ่งในผู้ถ่ายทอดความรู้ครั้งนี้คือ นายฮาฟิซ ณรงค์ตะคุ  นักเรียนโรงเรียนธรรมศาสน์วิทยา ได้แสดงความสามารถในการอธิบายขั้นตอนและเทคนิคการทำศิลปะบนผิวน้ำอย่างชัดเจน

         นายฮาฟิซ ณรงค์ตะคุ  นักเรียนโรงเรียนธรรมศาสน์วิทยา  กล่าวว่า “การทำน้ำเจลสำหรับใช้หยดสีเริ่มจากใช้น้ำสะอาด 1 ลิตร ผสมกับผงเจล 5 กรัม ตีด้วยตะกร้อมือประมาณ 5 นาที พักไว้ให้เจลดูดน้ำจนเข้าที่ จากนั้นนำมาใช้ภายใน 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ สีที่ใช้เป็นสีเฉพาะสำหรับศิลปะผิวน้ำ ต้องเขย่าก่อนใช้งาน และหยดสีลงถาดอย่างเบามือ ก่อนนำวัสดุเช่น หมวกผ้า เสื้อ หรือกระเป๋าผ้าจุ่มลงไป แล้วตากให้แห้ง”

          นอกจากนี้นักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆที่เข้าร่วม   ต่างนำผลงานออกมาโชว์ เช่น กระเป๋า  หมอนรองคอ ปกหนังสือ  หมวก  พวงกุญแจ  ที่ตัดเย็บอย่างปราณีตด้วยลายผ้าเพ้นท์ด้วยสีธรรมชาติจากใบไม้   รวมถึง ผลิตภัณฑ์จากผ้ามันย้อมด้วยสีจากไม้ป่าชายเลน  ผลิตภัณฑ์จากผ้าปาเตะลายพื้นเมืองสตูล  

และยังมีนักเรียนที่ถนัดทำขนม  ก็สาธิต การทำขนมจีบ  การทำขนมโดนัดจิ๋ว  การเพาะเห็ด  และอื่นๆอีกหลายเมนู

          นอกจากนี้ยังมีผลงานของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสตูล โดยเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงกายอุปกรณ์และพัฒนานวัตกรรมการศึกษาพิเศษอาชีวศึกษา จังหวัดสตูล   พร้อมโชว์การบังคับการเคลื่อนย้ายวิลแชร์ด้วยตัวเองภายในงาน    

         กิจกรรมนี้ไม่เพียงเปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังสามารถต่อยอดเป็นรายได้ระหว่างเรียน โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 19 แห่งทั่วจังหวัด 

 

         นายสง่า แต่เชื้อสาย รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวในโอกาสเดินทางมาเปิดโครงการดังกล่าวว่า   “นี่คือต้นแบบการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นการสร้างอาชีพจริง มีวิภาคีเครือข่ายร่วมมือหลากหลาย ทั้งภาคการศึกษา ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลที่ให้การสนับสนุนงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมอาชีพระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในระบบและนอกระบบ”

 

          นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวเพิ่มเติมว่า   “พร้อมผลักดันงบประมาณอย่างเต็มที่ เห็นว่าโครงการนี้สามารถสร้างโอกาสให้นักเรียนและประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส ให้มีทักษะ สร้างรายได้ และลดผลกระทบในช่วงภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง”

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 จากครูวิทย์…สู่เจ้าของสวนหมอนทอง!  “ภณ ลิ่มพรเจริญ” พลิกชีวิต ล้มสวนยาง ปั้นสวนทุเรียนคุณภาพแห่งสตูล พร้อมเปิดฤดูกาล 18 มิ.ย.นี้

จากครูวิทย์…สู่เจ้าของสวนหมอนทอง!  “ภณ ลิ่มพรเจริญ” พลิกชีวิต ล้มสวนยาง ปั้นสวนทุเรียนคุณภาพแห่งสตูล พร้อมเปิดฤดูกาล 18 มิ.ย.นี้

         ที่ 272 หมู่ 2 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล มีชายคนหนึ่งที่กล้าฝัน และลงมือทำจริงจัง — นายภณ ลิ่มพรเจริญ วัย 52 ปี อดีตคุณครูวิทยาศาสตร์ที่ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ล้มสวนยางเก่าบนพื้นที่ 6 ไร่ของตัวเอง เพื่อเริ่มต้นใหม่กับ “ทุเรียนหมอนทองคุณภาพสูง”

 

         “จากการสอนในห้องเรียน ผมหันมาศึกษาวิชาชีวิตนอกตำรา ใช้ประสบการณ์+ความอดทน พัฒนาสวนเองทุกขั้นตอน” นายภณเล่าด้วยแววตามุ่งมั่น

 

          เขาเลือกปลูก “หมอนทองจันทบุรี” ซึ่งใช้เวลากว่า 8 ปีในการพัฒนาสวน ผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกปี — ปีแรก 500 ลูกปีที่สอง 1,000 ลูก  ปีล่าสุดคาดทะลุ 1,500 ลูก!

           ความยากไม่ได้อยู่แค่การปลูก…แต่อยู่ที่การดูแล!  “ปลูกทุเรียนไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องแต่งกิ่ง คุมยอดอ่อน และรับมือศัตรูพืชเพียบ”  ทั้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ ไรแดง ฯลฯ  นายภณ ลงมือกำจัดศัตรูพืชเองทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและได้คุณภาพ

 

           จุดเด่นของสวนคือ  เนื้อแน่น เปลือกบาง กลิ่นหอมหวานมัน รสชาติกลมกล่อม จนลูกค้าประจำบอกว่า “กินแล้วหยุดไม่ได้ ต้องสั่งทุกปี!”

 

         สวนจำหน่ายทั้ง ขายปลีก-ส่ง และเปิดให้ สั่งจองล่วงหน้า ผ่าน   Facebook: Phon Limproncharoen   โทร: 065-995-1915   รับประกันคุณภาพ : หากลูกค้าพบเนื้อไม่สมบูรณ์ เคลมได้ทันที เพียงถ่ายวิดีโอส่งกลับมายืนยัน

          ฤดูกาลใหม่เริ่ม 18 มิถุนายน 2568 นี้!  ใครที่ยังไม่เคยลองทุเรียนคุณภาพจากควนกาหลง…ปีนี้อย่าพลาด

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ควันที่หอม…แต่แฝงด้วยพิษร้าย ทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชน

ควันที่หอม…แต่แฝงด้วยพิษร้าย ทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชน

ควันที่หอม…แต่แฝงด้วยพิษร้าย ทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชน

 

“ดูดแล้วเท่ ดูดแล้วสบาย” คำชวนเชื่อที่พาเด็กหลงทางโดยไม่รู้ตัว

 

ในยุคที่กลิ่นหอมหวานจาก “บุหรี่ไฟฟ้า” กลายเป็นแฟชั่นในหมู่เยาวชน หลายคนไม่รู้ว่าเบื้องหลังควันนุ่ม ๆ กลับซ่อน “สารพิษกว่า 200 ชนิด” ที่ทำลายร่างกายอย่างช้า ๆ ตั้งแต่นิโคตินที่เสพติดง่าย ไปจนถึงโลหะหนักที่กระทบสมอง ปอด และหัวใจของเด็กที่ยังเติบโตไม่เต็มที่

 

เด็กและเยาวชนจำนวนมากถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์ล้ำสมัย กลิ่นผลไม้ กลิ่นขนม หรือแม้แต่ชื่อแบรนด์ที่ฟังดูไร้พิษภัย แต่ในความเป็นจริง บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูสู่การเสพติดสารนิโคติน และในหลายกรณียังพ่วงมาด้วยสารเสพติดชนิดอื่นแบบไม่รู้ตัว

 

**อันตรายของควันหอมนี้ไม่ได้หยุดแค่ในตัวผู้สูบ**

แต่ยังลามไปถึงคนรอบข้างผ่านควันมือสองและมือสาม โดยเฉพาะเด็กเล็กที่รับผลกระทบทางเดินหายใจโดยตรง

### แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร?

 

✅ **อย่าอยากลองเพราะเพื่อนชวน** – การปฏิเสธด้วยเหตุผลชัดเจน เช่น “มันไม่ดีต่อสุขภาพ” จะทำให้เพื่อนยอมรับได้มากกว่าการพูดว่า “ไม่เอา ไม่อยาก”

✅ **รู้เท่าทันโฆษณา** – ไม่เชื่อคำชวนเชื่อในโซเชียลที่พยายามทำให้บุหรี่ไฟฟ้าดูปลอดภัย

✅ **เลือกคบเพื่อนที่เสริมพลังบวก** – เพื่อนที่ไม่ชักชวนไปในทางเสี่ยง เป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

✅ **เข้าร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์** – กีฬา ดนตรี หรือกิจกรรมจิตอาสา ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งเสพติด

✅ **หากเริ่มใช้แล้ว อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ** – โทรปรึกษาสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ฟรี!

 

**บุหรี่ไฟฟ้าอาจดูทันสมัย แต่พิษภัยของมันย้อนยุคถึงอายุขัยเราทุกคน**

เด็กและเยาวชนควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกทดสอบด้วยควันอันตรายที่ไม่มีวันหอมจริง

…………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 หรอยจังหู้  แกงส้มทุเรียนหมอนทอง จากเกษตกรที่ทิ้งยาง ปลูกหมอนทอง ปลูกด้วยใจ ใส่เทคนิคธรรมชาติ ลุยตลาดทุเรียนคุณภาพ ส่งขายได้กิโลละ 100 บาท

หรอยจังหู้  แกงส้มทุเรียนหมอนทอง จากเกษตกรที่ทิ้งยาง ปลูกหมอนทอง ปลูกด้วยใจ ใส่เทคนิคธรรมชาติ ลุยตลาดทุเรียนคุณภาพ ส่งขายได้กิโลละ 100 บาท

         ที่บ้านสงขลา หมู่ 5 ตำบลควนขัน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล — ปีนี้นับเป็น “ฤดูกาลทอง” ของนายณัฐกร เอียดเหตุ หรือ “พี่อ๊อด” เกษตรกรผู้กล้าตัดสินใจโค่นต้นยางพาราอายุเพียง 5 ปีในสวน เพื่อเปลี่ยนมาเดินหน้าปลูก ทุเรียนหมอนทอง บนพื้นที่ 5 ไร่ จำนวน 200 ต้น ซึ่งในปีแรกนี้ มีต้นทุเรียนกว่า 40 ต้นเริ่มให้ผลผลิต สร้างความหวังใหม่ในการทำเกษตรของคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่น

 

           “การปลูกทุเรียน ต้องเข้าใจธรรมชาติ ต้องใส่ใจตั้งแต่ดิน ปุ๋ย น้ำ และต้องรู้จักการโยงกิ่ง โยงลูก รับมือกับพายุด้วย” — พี่อ๊อด กล่าว

 

          การดูแลสวนทุเรียนหมอนทองของพี่อ๊อด เน้นการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น การติดแผ่นซีดีไล่ค้างคาว การโยงกิ่งเพื่อไม่ให้หักเวลาลมแรง และโยงลูกไม่ให้หล่น นอกจากนี้ยังวางระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ พร้อมเสริมด้วย การเลี้ยงผึ้งโพรง เพื่อส่งเสริมการผสมเกสรและเพิ่มรายได้เสริม

         

          นางสาวฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์ หรือ “ก๊ะบ๊ะ” เกษตรตำบลควนขัน กล่าวว่า พี่อ๊อดเป็นหนึ่งในสมาชิกของ กลุ่มส่งเสริมอาชีพผู้ปลูกทุเรียน ต.ควนขัน และ ต.เจ๊ะบิลัง ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมด 30 ราย ครอบคลุมพื้นที่รวม 130 ไร่ โดยมีเกษตรกร 8 รายที่กำลังเริ่มให้ผลผลิตรวมกว่า 20 ตัน และเตรียม ตัดขายล็อตแรกในช่วง 15-18 มิถุนายน นี้  ทุเรียนปีแรกต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามให้เกิน 54 ลูกต่อต้น เพื่อรักษาคุณภาพ

 

          นอกจากนี้ ยังมีล้งจากจังหวัดชุมพรเข้ามาติดต่อรับซื้อถึงสวน โดยราคาที่เกษตรกรได้รับคือ 100 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าสูงและน่าพอใจอย่างยิ่งในปีแรกของการผลิต

         

           ที่น่าสนใจคือ แม้ทุเรียนบางลูกจะร่วงจากพายุแรงก่อนเวลา แต่พี่อ๊อดก็ยังใช้โอกาสนี้ แปรรูปเป็นเมนูแกงส้มทุเรียนหมอนทองแก่ใส่ปลาทู ให้ทีมสื่อได้ชิม รสชาติแปลกใหม่ เข้มข้น อร่อยลงตัว เป็นอีกหนึ่งแนวทางแปรรูปเพิ่มมูลค่าที่ชาวสวนสามารถต่อยอดได้

          หากท่านสนใจเยี่ยมชมสวน หรือติดต่อซื้อผลผลิตทุเรียนหมอนทองจากสวนพี่อ๊อด  สามารถติดต่อได้ที่นายณัฐกร เอียดเหตุ โทร. 062-9516323 นางสาวฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์ (เกษตรตำบลควนขัน) โทร. 095-0362258 > เกษตรไม่ใช่แค่เรื่องดินฟ้า แต่คือศิลปะของการใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง

…………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 “กุ้งเคยเซมเบ้” สตูลฮือฮา! เกษตรกรยุคใหม่พลิกโฉม “ของดีบ้านเรา” สู่ของฝากสุดหรู ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

สตูล-“กุ้งเคยเซมเบ้” สตูลฮือฮา! เกษตรกรยุคใหม่พลิกโฉม “ของดีบ้านเรา” สู่ของฝากสุดหรู ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

           สตูล-ชื่นชมไอเดียสุดปัง! ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านท่าแลหลา ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล กลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลและผู้นำชุมชน ผนึกกำลังนำ “กุ้งเคย” วัตถุดิบพื้นถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ในท้องที่ มายกระดับด้วยนวัตกรรมการแปรรูป จากเดิมที่คุ้นเคยกับ “กะปิท่าแลหลา” สู่ผลิตภัณฑ์ใหม่สุดว้าวอย่าง “เซมเบ้กุ้งเคย” “ผงโรยข้าวกุ้งเคย” และ “กุ้งเคยหวาน” ชูภาพลักษณ์ “ของฝากสวยหรูดูแพง” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

          ต่อยอดภูมิปัญญา สู่สินค้าพรีเมียม โดยกรมประมง  โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากกองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง ที่ได้นำความรู้และเทคโนโลยีการแปรรูปมาถ่ายทอดให้กับชาวบ้าน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “แพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม” เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความหลากหลายให้กับสินค้า โดยเฉพาะเมนู “เซมเบ้กุ้งเคย” ที่เป็นไฮไลต์ของการอบรมในครั้งนี้

          สูตรเด็ด “เซมเบ้กุ้งเคย” ทำง่าย ได้จริง  ภายในงาน ผู้เชี่ยวชาญได้สาธิตและเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรได้ลงมือทำเอง สร้างความตื่นเต้นและประทับใจเป็นอย่างมาก ด้วยสูตรที่ทำง่ายและสามารถต่อยอดได้จริง “เซมเบ้กุ้งเคย” มีส่วนผสมหลักคือ กุ้งเคยล้างน้ำ 70 กรัม, แป้งสาลี 40 กรัม, แป้งมัน 20 กรัม, น้ำ 20 กรัม, น้ำตาล 4 กรัม, น้ำมันพืช 5 กรัม และผงฟู 10 กรัม

         

         ขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่าย: เพียงนำกุ้งเคยแช่น้ำ 10 นาที เทน้ำออกแล้วล้างผ่านน้ำ ผสมกับส่วนผสมทั้งหมด นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดประมาณ 5 กรัม ทับให้เป็นแผ่นด้วยเครื่องทำขนมอบกรอบแผ่น อบที่อุณหภูมิ 160-180 องศาเซลเซียส นาน 2 นาที ก็จะได้แผ่นเซมเบ้กุ้งเคยสีเหลืองทอง กรอบอร่อยน่ารับประทาน ที่สำคัญ กลุ่มแม่บ้านยังสามารถปรุงแต่งเพิ่มเติมด้วยสาหร่ายหรือส่วนผสมอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความสวยงามได้ตามใจชอบ

 

         “กุ้งเคยตาดำ” ท่าแลหลา วัตถุดิบคุณภาพ 73 ปีแห่งวิถีชีวิต  นายกัมพล รายา ประธานกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลบ้านท่าแลหลา (โทร. 086-969-2819) เล่าว่า ตลอด 73 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านท่าแลหลาสร้างอาชีพจากการออกหากุ้งเคยด้วยเรือขนาดเล็ก กุ้งเคยที่นี่มีมากตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน แม้ปริมาณจะลดลง 50% แต่หลังจากนั้นก็จะมีกุ้งเคยตลอด ซึ่งกุ้งเคยที่นี่คือ “กุ้งเคยตาดำ” ที่สำคัญคือ “ไม่มีทรายเจือปน” เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นดินโคลน จึงหมดปัญหากังวลเรื่องทราย

         นายกัมพล  กล่าวด้วยความดีใจว่า การอบรมครั้งนี้เป็นการต่อยอดที่สำคัญ เพิ่มสินค้าให้กับเกษตรกร สร้างมูลค่าให้กับกุ้งเคยจากเดิมที่แปรรูปเป็นเพียง “กะปิ” เท่านั้น (กะปิท่าแลหลา เพจ: กะปิท่าแลหรา ราคาครึ่งกิโล 80 บาท, 1 กิโล 160 บาท ส่วนผสม: เคย 90%, น้ำตาล 4%, เกลือ 6%)

 

          การทำเป็นขนมที่ทำง่าย กินง่าย สามารถเป็นของฝากของขวัญได้ ถือเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น  ประมงจังหวัดสตูลชี้ “การตลาด” คือหัวใจ  ด้านนายนิพนธ์ เสนอินทร์  ประมงจังหวัดสตูล ระบุว่า การอบรมเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงอย่างกุ้งเคยของชาวบ้านท่าแลหลา อ.ละงู ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากความรู้ด้านการแปรรูปจากกรมประมงแล้ว ยังได้เชิญบริษัทประชารัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดสำคัญ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถนำสินค้าไปสู่ตลาดภายนอกได้ เป็นการจับคู่ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับบริษัทผู้ซื้อ เพื่อให้สินค้าท้องถิ่นเป็นที่รู้จักและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

……….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

สตูล-คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

         สตูล – ความหวังที่เปล่งประกายดับลงอย่างเจ็บปวด หลังเจ้าหน้าที่พบร่างของ ด.ช.จีรยุทธ นางา อายุ 6 ปี ที่จมหายไปในคลองบ้านควน เมื่อสองวันก่อน โดยศพถูกพบช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) บริเวณบ้านทุ่งวิมาน ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 2 กิโลเมตร

          น้องถูกกระแสน้ำพัดมาเกยใต้กอไผ่ ท่ามกลางเศษไม้และวัชพืชริมคลอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทรพร้อมชาวบ้านเร่งนำร่างขึ้นจากน้ำอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อแม่และชุมชนที่ร่วมค้นหาน้องตลอด 2 วันที่ผ่านมา

          แม้จะเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ครอบครัวของน้องยืนยันไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่าเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ ประกอบกับการพบศพในสภาพสมบูรณ์ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยผิดปกติ

         หลังการชันสูตรเบื้องต้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ครอบครัวนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในทันที

          เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนสะเทือนใจสำหรับชุมชนอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ปกครองและเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งต่างตระหนักถึงอันตรายของแหล่งน้ำในช่วงหน้าฝน ที่แม้จะดูสงบ แต่ซ่อนความเชี่ยวกรากและอันตรายไว้เบื้องล่าง

………………………………..

อัพเดทล่าสุด