Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล เปิด “หลาดเกตเวย์ไนท์” แหล่งรวมสินค้าและ Street Food อย่างเป็นทางการ

สตูล เปิด “หลาดเกตเวย์ไนท์” แหล่งรวมสินค้าและ Street Food อย่างเป็นทางการ

         ที่บริเวณลานจีโอปาร์คเกตเวย์ ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด “หลาดเกตเวย์ไนท์” แหล่งรวมสินค้าและ Street Food อย่างเป็นทางการ โดยมีนายคณิต คงช่วย นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมในพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศในงานต่างมีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาจับจ่ายสินค้ากันอย่างคึกคัก

         ทั้งนี้   องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล  ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาศูนย์บริการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ให้เป็นศูนย์กลางในการให้บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว  เป็นแหล่งกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นและเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของประเทศ จึงกำหนดจัดหาผลประโยชน์ในทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล  และได้กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยวิถีถิ่น (หลาดเกตเวย์ไนท์) ขึ้น ณ บริเวณลานจอดรถบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ในวันอังคารและวันศุกร์ เวลา 15.30 ถึง 22.00 น. โดยกำหนดเปิดตลาดในวันที่ (25 ต.ค. 67) และจะดำเนินการเปิดตลาดทุกวันอังคารและศุกร์ ตลอดปีงบประมาณ พ.ศ.2568

 

         ทั้งนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าที่ผ่านการคัดเลือกและมีสิทธิ์จำหน่ายสินค้าในหลาดเกตเวย์ไนท์ จำนวน 70 ราย รวมพื้นที่ใช้เปิดร้านค้า จำนวน 120 ล๊อค ประกอบด้วย อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ สินค้ากิฟชอฟ สินค้ามือสอง ต้นไม้ และสัตว์เลี้ยง อย่างหลากหลาย สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูลมิติต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

สตูล – แม่เลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ ถูกเพื่อนสมัยมัธยมหลอกค้ำประกันเงินกู้ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

          ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูลได้รับการร้องทุกข์จากนางสาวณัฐ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาวบ้านควน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล หลังถูกเพื่อนสมัยมัธยมที่รู้จักกันในนาม “ไฮโซตาต้าโลตัส” หลอกให้ค้ำประกันเงินกู้ จนทำให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินกว่า 300,000 บาท

 

           นางสาวณัฐ  เปิดเผยว่า เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่เพื่อนขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้จ่ายค่าเช่าร้านเสื้อผ้าและร้านโทรศัพท์  ที่ห้างใหญ่ในอำเภอควนโดน  ซึ่งตนได้นำทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนำ  เพื่อนำเงินมาให้ยืม  ต่อมาเพื่อนได้ขอให้ช่วยค้ำประกันเงินกู้นอกระบบเพื่อนำเงินมาคืน แต่กลับไม่ได้รับการชำระคืนแต่อย่างใด จนปัจจุบันยอดหนี้รวมทั้งต้นและดอกเบี้ยพุ่งสูงถึง 300,000 บาท

 

           ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องดูแลครอบครัวรวม 4 ชีวิต ประกอบด้วย พ่อที่ป่วยพิการจากอุบัติเหตุ น้องชายที่เป็นออทิสติก แม่ที่แก่ชรา และบุตรสาวที่กำลังเรียนหนังสือ เธอมีอาชีพเป็นเพียงฟรีแลนซ์ไม่มีรายได้ประจำ  จำต้องนำทรัพย์สินในครอบครัว ทั้ง iPad ของลูกสาว สร้อยคอทองคำของแม่ และหัวทะเบียนรถของครอบครัวอีก 3 คัน ไปจำนำเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้

 

           ขณะที่ลูกหนี้ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และจ่ายเงินคืนเพียงครั้งละ 100-500 บาทเท่านั้น  ทั้งยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีข้อหาปล่อยเงินกู้นอกระบบ แม้ว่าผู้เสียหายจะได้แจ้งเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้มากนัก

          นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบว่า   “ไฮโซตาต้าโลตัส” ยังมีการหลอกยืมเงินจากบุคคลอื่นอีกหลายราย แต่ผู้เสียหายรายอื่นยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเกรงกลัวการถูกข่มขู่จากลูกหนี้

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

แม่สุดปวดใจ! ลูกสาวพิการหายออกจากบ้าน 5 วันแล้วไม่รู้ชะตากรรม พึ่งหมดแล้วทั้งคุณไสย สุดท้ายวอนนักข่าวช่วยตามอีกแรง กลัวตกน้ำถูกทำร้าย

          ที่หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นางม่าริหยำ   รอดบุญ  อายุ 63 ปี (แม่) พร้อมนางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย) ขอความช่วยเหลือจากสื่อที่เห็นว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย  ในการช่วยตามหาบุตร (สาว) นางสาวจินดาพร   รอดบุญ  อายุ 37 ปีที่ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ)  หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 ต.ค.67 ที่ผ่านมาในช่วงเช้าขณะแม่ออกไปขายผักในตลาดตั้งจิตต์ ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล

        นางม่าริหยำ (แม่วัย 63 ปี) เล่าว่า  ก่อนวันเกิดเหตุตนไปขายผักในตลาดตามปกติ และกลับมาบ้านประมาณ 10 โมงเหมือนทุกวันหลังกลับมาไม่เจอลูก  จึงถามน้องของผู้สูญหายบอกว่า พี่ออกจากบ้านบอกว่าจะไปรับยาที่รพ.สตูล โดยน้องบอกว่า พี่สาวได้โทรเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำมารับที่บ้าน  และไม่กลับมาอีกเลยวันนี้เข้าวันที่ 5 แล้ว แม่เป็นห่วงมากเพราะลูกต้องทานยา กลัวจะถูกคนไม่หวังดีทำร้ายร่างกาย ป่านนี้ไม่รู้ได้กินข้าวกินปลาหรือยัง กลัวเขาจะเป็นลม เป็นแม่ห่วงมากช่วยแม่ตามหาลูกหน่อย

        แม่ได้ถามรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเจ้าประจำ บอกว่า ได้ไปส่งลูกสาวที่ตลาดสดในเทศบาลเมืองสตูลจริง  (ซึ่งที่แห่งนั้นลูกสาวเคยไปช่วยแม่ขายของในอดีตก่อนย้ายมาขายที่ตลาดตั้งจิตต์)  แต่ได้นัดแนะว่าเดียวไปวิ่งรถสัก 2-3 รอบแล้วจะมารับกลับบ้านโดยทางวินมอเตอร์ไซด์บอกว่า  พอมารับก็ไม่มีลูกสาวแล้ว  แม่บอกว่า  ลูกสาวไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยทั้งโทรศัพท์ที่เขาชอบพกติดตัว ยาก็ไม่เอาไป แม่และทุกคนในครอบครัวเป็นห่วงมาก

        (น้องเอ็ง) หรือนางสาวจินดาพร  รอดบุญ  อายุ 37 ปี ป่วยทางจิตเวช (มีบัตรคนพิการ) เป็นบุตรคนที่ 3 จากทั้งหมด 6 คน  ก่อนออกจากบ้านสวมชุดเสื้อยืดสีดำ/กางวอมสีดำ/ผมซอยสั้น  สูง 165 ซม./ร่างอวบ/ น้องชอบพูดคนเดียว มีคนบอกว่าเมื่อวันที่ 21 มีคนเห็นน้องเดินเข้าไปในห้างฯ ใหญ่ ในเมืองสตูลและถูกไล่ออกมา  เมื่อแม่ทราบข่าวรีบไปดูแต่ไม่มีแล้ว และได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองสตูล แต่ยังไม่มีวี่แวว

          (น้องเอ็ง) ชอบออกมาเดินในหมู่บ้านคนเดียว และไปไกลสุดคือตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล  พูดจารู้เรื่องในบางครั้ง ขี้น้อยใจ ชอบบ่นไม่มีเงิน น้องป่วยตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม 6 เข้ากับเพื่อนไม่ได้ และก็ป่วยมาเรื่อยจนปัจจุบันต้องทานยาตลอดพบเห็นโทร 083-2178486  ครอบครัวเป็นห่วงมาก

 

           นางสาวมณฑาทิพย์  รอดบุญ  อายุ 41 ปี (พี่สาวผู้สูญหาย)  บอกว่า หมดหนทางแล้ว ทั้งออกตามหาเอง แจ้งความตำรวจ และไสยศาสตร์ เขาบอกว่า น้องยังอยู่บนบกไม่ได้อยู่ในน้ำ บอกกว้างมากทำให้เราหากันไม่เจอ  ที่พึ่งสุดท้ายก็เป็นนักข่าวช่วยให้ประกาศตามหาน้องให้ด้วย  กลัวน้องไม่ปลอดภัย เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากถูกไล่ก็ยิ่งเตลิดไปไกลฝากช่วยตามน้องให้ด้วย

 

          ขณะที่ด้านตำรวจ พ.ต.อ.เสกสิทธิ  ปรากฏชื่อ  ผกก.สภ.เมืองสตูล สั่งการให้เร่งตามหา โดยได้เรียก คนขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสอบปากคำ และแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางที่น้องที่คาดว่าจะเดินทางไป

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
เยาวชน-การศึกษา

 ค่ายมวยต้นกล้า สืบสานมรดกมวยไทย  ปลูกฝังศิลปะการต่อสู้ในดวงใจเยาวชนสตูล 

ค่ายมวยต้นกล้า สืบสานมรดกมวยไทย  ปลูกฝังศิลปะการต่อสู้ในดวงใจเยาวชนสตูล

          ที่บ้านเลขที่ 309/1 หมู่ 4 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล  ได้ถูกเนรมิตใต้ถุนบ้านเป็นค่ายมวยขนาดย่อม ภายใต้ชื่อ “ศิษย์จ่าเทพ” เพื่อให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านกว่า 14 คนมารวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อมสมรรถภาพร่างกาย เริ่มตั้งแต่การวอร์มร่างกายด้วยการหัดไว้ครูเพื่อยืดเส้นยืดสาย  โดยมีครูฝึกคอยประกบให้คำชี้แนะ  ผู้ปกครองมาคอยให้กำลังใจ  ในแต่ละวันเด็ก จะต้องกระโดนเชือก , เต้นลูกยาง, ชกลม , เตะกระสอบ ,ล่อเป้า เป็นต้น

 

          โดยน้อง ๆ  ใช้ทั้งหมัด  เท้า  ฝึกซ้อมกันอย่างมุ่งมั่น เห็นถึงเยาวชนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในศิลปะมวยไทย

 

         “ค่ายมวยต้นกล้า” นี้อยู่ภายใต้การดูแลของ  “ระฆังทองศิษย์จ่าเทพ”  เปิดประตูต้อนรับเยาวชนตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2567 โดยมี “ลุงเล็ก  พันศักดิ์” อดีตนักมวยเก่าเป็นครูฝึกหลัก   ปัจจุบันมีนักมวยเยาวชนฝึกซ้อมประมาณ 14 คน อายุ  8 -13 ปี  ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1

 

          หนึ่งในนักมวยดาวรุ่งของค่าย คือ ด.ช.ฐิติพงษ์   ง๊ะสมั่น   หรือน้อง   “บินลาเดน  วิมโตโยต้า”   วัย 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านคลองขุด ที่มีประสบการณ์การชกมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยสถิติชนะ 2 แพ้ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งของนักมวยรุ่นเยาว์  โดยน้องบอกว่า แม้จะฝึกหนักก็เพื่ออยากชนะเวลาลงแข่งขัน และนักมวยที่ชื่นชอบและอยากเดินรอยตามคือ  “รถถัง จิตเมืองนนท์”  เวลาขึ้นเวทีแข่งได้เงินมาก็จะให้แม่เก็บไว้สร้างความภูมิใจให้กับตนเองมาก อยากได้เงินเยอะดูแลแม่ เคยร้องไห้เวลาต่อยเสร็จ  เพราะแพ้

 

          สำหรับการฝึกซ้อมที่นี่แบ่งเป็นสองช่วง  ช่วงปิดเทอมฝึกตั้งแต่บ่ายสามโมงถึงสองทุ่ม   ส่วนวันธรรมดาเริ่มสี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม โปรแกรมการฝึกครอบคลุมทั้งการปล้ำ   เตะกระสอบ   กระโดดเชือก  ชกลม  วอร์มร่างกาย เต้นลูกยางเพื่อฝึกพลังขา และการล่อเป้า ซึ่งเป็นท่าที่เด็กๆ บอกว่าเหนื่อยที่สุดแต่สนุก โทรศัพท์เกือบไม่ได้จับเลย

          “ลุงเล็ก  พันศักดิ์” อดีตนักมวยเก่าเป็นครูฝึกหลัก  บอกว่า    “เราไม่ได้แค่สอนมวย แต่เราสอนวินัยและความอดทน” ลุงเล็กกล่าว ”  ที่สำคัญคือการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด นี่คือเป้าหมายหลักของเรา”

 

           นายชัยณรงค์  ไชยจิตต์  สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองสตูล บอกว่า มวยไทยเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่มีการอนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้กับเด็กเยาวชนรุ่นหลัง เห็นแล้วว่า เด็ก ๆ มีความตั้งใจ จึงได้ร่วมกัน 3 ตำบล ต.คลองขุด ต.ควนขัน และ ต.เกาะสาหร่าย  โดยกลุ่มนี้หลีกเลี่ยงปัญหายาเสพติดได้ อีกทั้งทางวัฒนธรรมเองต้องการผลักดันให้มีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  ตนในฐานสภาวัฒนธรรมอำเภอเมือง จึงได้ส่งเสริมร่วมกับ จ่าเทพ โดยเข้ามาสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการชกมวย เพราะเด็ก ๆที่เข้ามาฐานะต่างกัน และมาจากกลุ่มเสี่ยงจากยาเสพติดสูง

 

         ปัจจุบัน ค่ายมีนักมวยในสังกัด 6 คน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนจากพื้นที่คลองขุดและควนขัน ที่สมัครใจมาฝึกซ้อมด้วยใจรักในศิลปะมวยไทย สะท้อนให้เห็นว่าแม้ในยุคดิจิทัล   ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดคนรุ่นใหม่  และยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

 

         วันนี้เด็ก ๆยังคงฝึกซ้อมที่ใต้ถุนบ้าน  โดยทางค่ายมวยศิษย์จ่าเทพเตรียมจัดงบประมาณเพื่อทำเวทีมวย ให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อมเสมือนขึ้นเวลาจริง เพื่อให้คุ้นชินกับเวที เปิดรับสมัครเยาวชนที่สนใจฝึกมวยไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติไทย

………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ตำรวจน้ำสตูลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ครบรอบ 124 ปี ที่เกาะหลีเป๊ะ

ตำรวจน้ำสตูลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ครบรอบ 124 ปี ที่เกาะหลีเป๊ะ

          กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ (กก.9 บก.รน.) จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพครบรอบ 124 ปี ภายใต้ชื่อ “น้อมรำลึกพระเมตตา ตามรอยสมเด็จย่ากับตำรวจน้ำไทย” ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2567 ณ อาคารเอนกประสงค์ หมู่ 7 บ้านเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  โดย พันตำรวจเอก กมลศักดิ์ วันประดุง ผู้กำกับการ กก.9 บก.รน.  พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน., พ.ต.ท.ศุภศิษฏ์ อึ้งสุวรรณพานิช รอง ผกก.9 บก.รน. , พ.ต.ท.ศุภกิจตา สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. และข้าราชการตำรวจในสังกัด กก.9 บก.รน นำเรือตรวจการณ์ 809 และเรือตรวจการณ์ 521 ออกปฏิบัติภารกิจ

 

          ในโอกาสนี้  พันตำรวจเอก กมลศักดิ์ วันประดุง ผู้กำกับการ กก.9 บก.รน. เป็นประธานในพิธี โดยได้ร่วมกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดสตูล และหน่วยงานในพื้นที่ จัดกิจกรรมบริการประชาชน ประกอบด้วย การแจกถุงยังชีพแก่ผู้ยากไร้ บริการตัดผม ตรวจสุขภาพและจ่ายยา เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงพร้อมมอบเวชภัณฑ์ และร่วมเก็บขยะที่หาดซันไรซ์

         การจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สอ.รฝ 491 สถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตำรวจท่องเที่ยวสตูล ฝ่ายปกครองเกาะหลีเป๊ะ โรงพยาบาลสตูล สมาคมผู้ประกอบการเกาะหลีเป๊ะ และประชาชนจิตอาสา รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 70 นาย

 

        ทั้งนี้ การดำเนินงานอยู่ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พันตำรวจเอก พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม รักษาการผู้บังคับการตำรวจน้ำ

………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

คืบหน้า สาวสตูลป่วยโรคประหลาด

คืบหน้า…สาวสตูลป่วยโรคประหลาด

           จากกรณีที่ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บ้าน   ของนางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี (ที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาทั้งสองข้างบวมเป่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขา  น้ำหนักของติ่งเนื้อที่ยื่นมานี้ไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม ) สร้างความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากและอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยรักษานั้น

 

         ล่าสุดวันนี้มีความคืบหน้าหลัง  นายแพทย์ระพี  เลาประสพวัฒนา  แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลละงูและทีมสหวิชาชีพ  พร้อมด้วย นางสาวณัติญา เฉลิม พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ อบต.กำแพง , ผู้ใหญ่บ้าน ,ทีมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล , อสม.และส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บ้านเลขที่  37 หมู่ที่ 1 ตำบลกำแพง  อ.ละงู  ซึ่งเป็นบ้านของนางวราภรณ์   เหล็มหา  (ที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาทั้งสองข้างบวมเบ่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขาหนักกว่า 20 กิโลกรัม )

 

          เพื่อขอดูอาการเบื้องต้น  และประวัติการรักษาที่ผ่านมาก่อนจะพบว่า  หลังพบว่าคนไข้รายนี้เคยรักษาตัวที่กรุงเทพฯ และได้ขาดการรักษาไปช่วงนึง   เนื่องจากว่าอาจจะติดในเรื่องของการเดินทางและสถานการณ์โควิด   ทางโรงพยาบาลละงู  เลยมาติดตามว่า  ขณะนี้การรักษาอยู่ที่ขั้นตอนไหนแล้ว

 

          ทางด้านนายแพทย์ระพี  เลาประสพวัฒนา  แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลละงู  ได้ตรวจดูเบื้องต้นพบว่าสามารถรักษาไปตามระบบได้   เพราะคนไข้ยังไม่มีอาการติดเชื้อ  หรือมีภาวะเร่งด่วน  แต่พบว่ามีภาวะความยากลำบากในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน    โดยได้วางแผนการรักษาโดยให้คนไข้เข้ารับการรักษาตามระบบ  ตามสิทธิ์ที่มีคือสิทธิ์บัตรทอง  โดยเริ่มต้นที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน  แล้วโรงพยาบาลละงู  จากการตรวจประเมินแล้วจะทำการส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง ที่มีศักยภาพในการรักษาเพิ่มเติมต่อไป

 

         ส่วนโรคที่ประสบนั้นนายแพทย์ระพี  บอกว่า เกิดจากโรคน้ำเหลืองอุดตัน ทำให้น้ำเหลืองที่ย้อนลงมาที่ขาไม่กลับขึ้นไปตามระบบปกติ  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณเนื้อเยื่อที่ขา ต้องส่งไปหาคุณหมอที่รักษาเฉพาะทางเพื่อทำการผ่าตัดท่อน้ำเหลือง  ซึ่งโรคนี้สิทธิ์บัตรทองได้รักษาครอบคลุมอยู่แล้วรักษาได้ในทันที

 

        ด้านนางสาวณัติญา เฉลิม พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ อบต.กำแพง  บอกด้วยว่า ในส่วนของญาติหรือสามีคนไข้ให้เร่งไปดำเนินการย้ายชื่อบัตรทองจาก จ.นนทบุรี กลับมาที่บ้านเกิดสตูล เพื่อใช้สิทธิบัตรทอง และทางอบต.จะช่วยดูแลในด้านการเดินทางไปรักษายัง รพ.ต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว ซึ่งให้มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิ์ที่ทาง อบต. ได้เตรียมไว้ให้สามารถดำเนินการได้ทันที

 

ขณะที่ด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูลได้สอบถามเรื่อง ความเป็นอยู่และความสามารถในการดูแลบุตรสาววัย 14 ปี ที่กำลังเรียนโดยทางครอบครัวยืนยันว่ายังคงเลี้ยงดูได้ โดยทาง พมจ.ได้ส่งเรื่องเพื่อให้รับสิทธิ์เงินสงเคราะห์บรรเทาความเดือดร้อน ครอบครัวให้ด้วย

 

ซึ่งก็เป็นไปตามเจตนาของคนไข้ที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำอย่างไรก็ได้ให้ช่วยให้ชีวิตของตนกลับมาใช้ตามปกติ อาจจะไม่หายขาด เพราะที่ผ่านมา  นางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี เคยผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้ง (แต่ได้ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่องเอง)  แม้หลังผ่าตัดอาการจะดีขึ้นแต่โรคก็กลับมาเป็นอีก ซึ่งดีกว่าจะได้มีช่วงระยะพักตัวร่างกายบ้าง โดยตอนนี้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม   ขาทั้งสองข้างบวมเบ่งและมีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า ลูกฟุตบอลที่หว่างขา  น้ำหนักของติ่งเนื้อที่ยื่นมานี้ไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม

…………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
เยาวชน-การศึกษา

 อบต.บ้านควน จัดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กเครือข่ายนิเวศสามดีเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล

อบต.บ้านควน จัดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กเครือข่ายนิเวศสามดีเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล

           วันที่  18 ต.ค.67  ที่โรงแรมสินเกียรติบุรี อ.เมือง  จ.สตูล นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาเด็กเครือข่ายนิเวศสามเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล โดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านควนได้ร่วมกิจกรรมเครือข่ายนิเวศ 3 ดีในการพัฒนาเด็กปฐมวัย กับท้องถิ่นในจังหวัดสตูล ภายใต้การร่วมมือระหว่าง สำนักงานส่งเสริมสุขภาพ ที่ 11 ภายใต้การดูแลโครงการโดย กลุ่ม We are happy. องค์กรสาธารณประโยชน์ พร้อมด้วยนายกูดานัน หลังจิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบ กล่าวรายงาน ว่าที่ร้อยตรีสมพงศ์ นิติพิทักษ์ชน ท้องถิ่นจังหวัดสตูล ผอ.รพ.สต คุณสายใจ คงทน ประธานโครงการและแขกผู้มีเกียรติ

.

        สำหรับโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประชุมแกนนำครู รวมทั้งตัวแทนผู้ปกครองผู้แทนชุมชน เพื่อแต่งตั้ง คณะทำงานและวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน มีการประชุมอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 4 ครั้ง/ปี , สำรวจข้อมูลสถานการณ์ ของเด็ก ครอบครัว และชุมชน รวมทั้ง สภาพแวดล้อม ใน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ออกแบบ และบันทึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ , เข้าร่วมกระบวนการพัฒนาศักยภาพครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน ให้มีความรู้และทักษะในการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านสื่อสร้างสรรค์และพื้นที่สร้างสรรค์ , จัดกระบวนการถ่ายทอด ทักษะความรู้ให้กับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และผู้ที่สนใจ เพื่อนครูร่วมกันเป็นคณะทำงานร่วมกัน , เกิดการเข้าร่วมครอบครัวสามดี (แกนนำ) ในชุมชนที่เข้าร่วมอย่างน้อย 10 ครอบครัว , ใน 1 ชุมชนต้องมีพื้นที่การเล่นกลางอย่างน้อย 1 พื้นที่และมีท้องถิ่นและหน่วยงานที่เข้าร่วมจัดนิทัศการ และการนำเสนอสื่อในการพัฒนาเด็ก

         นอกจากนี้มีหน่วยงานที่ร่วมทำ MOU จำนวน 13 แห่ง ดังนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เครือข่ายนิเวศสามดีเพื่อเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล อบต.บ้านควน ฉลุง อบต.ควนโพธ์ อบต.ต้นหยงโป อบต.เจะบิลัง อบต. ตำมะลัง อบต.เก-ตรี อบต.ย่านชื่อ อบต.แป-ระ อบต.ละงู เทศบาลตำบลคลองขุด และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควน 1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควน 2 ทั้งนี้หน่วยงานจะประสานความร่วมมือระหว่างกันและจะสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจน ติดตามผลการประเมินผลการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นระยะต่อไป บันทึกข้อตกลงนี้จัดทำขึ้นเป็น 2 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน และทั้งสองฝ่ายได้อ่านทำความเข้าใจตามข้อตกลงโดยละเอียดแล้ว จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน และต่างฝ่าย ต่างยึดถือไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ ลงนามร่วมกัน ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2567

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูลปล่อยพันธุ์หอยชักตีนกว่าแสนตัว หลังพบปริมาณลดลง หวังฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

สตูลปล่อยพันธุ์หอยชักตีนกว่าแสนตัว หลังพบปริมาณลดลง หวังฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

           ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลสตูล พร้อมชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเกาะสาหร่าย   ได้ดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ประกอบด้วยพันธุ์หอยชักตีนมากกว่า 100,000 ตัว พร้อมพันธุ์กุ้งแชบ๊วย และแม่พันธุ์หอยชักตีนกว่า 10 กิโลกรัม ภายใต้โครงการนวัตกรรมธนาคารปูม้าสู่การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ตามแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในจังหวัดสตูล โดยมี ผศ.ดร.ทัศนภา ว่องสนั่นศิลป์ เป็นหัวหน้าโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล  หลังพบว่าพันธุ์หอยชักตีนได้มีปริมาณลดลงจากท้องทะเล  

          สัตว์น้ำทั้งหมดถูกลำเลียงจากท่าเทียบเรือทุ่งริ้น อ.ท่าแพ ไปยังอ่าวบากันใหญ่ เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งประมงพื้นบ้าน หมู่ที่ 2 พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ อันเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลหายาก อาทิ พะยูน เต่า และโลมา

         อย่างไรก็ตาม นายดลฮอนี สุวาหลำ กำนันตำบลเกาะสาหร่าย เปิดเผยว่า พื้นที่อนุรักษ์ยังประสบปัญหาสำคัญ เนื่องจากขาดสัญลักษณ์แสดงแนวเขตที่ชัดเจนและคงทน ทำให้มีชาวประมงจากพื้นที่อื่นเข้ามาทำประมงและทำลายแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ โดยเฉพาะการคลาดปลิงทะเล

        “เราต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐในการจัดทำแนวเขตที่คงทนถาวร เพราะที่ผ่านมาทุ่นแสดงแนวเขตมักชำรุดภายใน 2-3 ปี พื้นที่อนุรักษ์นี้เปรียบเสมือนหม้อข้าวของชาวบ้าน เพราะประชากรกว่า 90% ประกอบอาชีพประมง และที่นี่ถือเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดสตูล” นายดลฮอนีกล่าว

……………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

รองผู้ว่าฯ สตูลคนใหม่ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล

รองผู้ว่าฯ สตูลคนใหม่ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล

         วันที่ 20 ต.ค. 67  นางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสงขลา เดินทางมาเข้ารับตำแหน่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย และเพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อแก่ ณ วัดดุลยาราม ตำบลฉลุง อำเภอเมืองสตูล จากนั้นเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล และเดินทางกราบสักการะศาลเขาโต๊ะหยงกง หรือศาลม้าขาว ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสตูล และจากนั้นเดินทางเข้าบ้านพักรองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสตูล นายอำเภอ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

         โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การต้อนรับและมาร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่จังหวัดสตูล ซึ่งตนตั้งใจมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสตูลอย่างเต็มความสามารถต่อไป

……………………………….
ภาพ / ข่าว : ศุภาพิชญ์ ดวงไข / ปาลิน เกื้อมี

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สาวใหญ่สตูล ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาบวมทั้งสองข้างต้องแบกติ่งเนื้อหนักกว่า 20 กิโลกรัม วอนช่วยรักษาให้หายขาด

สาวใหญ่สตูล ป่วยด้วยโรคประหลาด ขาบวมทั้งสองข้างต้องแบกติ่งเนื้อหนักกว่า 20 กิโลกรัม วอนช่วยรักษาให้หายขาด

           (21 ต.ค.2567) ที่ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ทีมข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้มีครอบครัวหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคร้ายต้องการความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง    จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่  37 หมู่ที่ 1 ตำบลกำแพง   พบนางวราภรณ์   เหล็มหา  อายุ 51 ปี (หากดูผิวเผินแทบไม่รู้ว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย) โดยเจ้าตัวบอกว่าตนเองที่ป่วยเป็นโรคบวมน้ำเหลือง โดยช่วงท่อนร่างของร่างกายตั้งแต่โคนขาอ่อนลงไปถึงหลังเท้าสูงมีอาการบวมน้ำเหลือง ติ่งเนื้อที่บวมออกมาข้างขาอ่อนที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลทำให้นางวราภรณ์ ไม่สามารถสวมกางเกงชั้นในได้

            ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เดินเหินไม่สะดวก ขาอ่อนที่บวมเป็นติ่งเนื้อใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนแบกก้อนน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ไว้ติดตัวด้วยตลอด  ทุกครั้งที่เดินเหมือนจะยักหลังหากไม่ระวังเพราะก้อนเนื้อที่บวมขนาดใหญ่จะรั้งไปด้านหลัง  ตอนนอนจะลำบาก นั่งก็ไม่เต็มเก้าอี้ อยากหายขาด อยากใช้ชีวิตให้เหมือนคนอื่น  แม้จะไม่หายขาดก็อยากให้มีอาการที่ดีกว่านี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้ตนได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

           โดยทางนางวราภรณ์  และครอบครัว ยอมรับว่า เคยเป็นคนไข้ของพระบรมฯเมื่อประมาณปี พ.ศ.2540  ได้รับการผ่าตัดแล้ว 4-5 ครั้งในขณะนั้น คิดว่าตัวเองหายแล้ว จึงขาดการติดต่อกลับไป อยากให้คนอื่นที่อาการหนักกว่าได้เข้ารับการรักษาบ้าง ในช่วงนั้นจึงแต่งงานและมีลูก ไม่คิดว่าอาการจะกลับมาเป็นอีก อาการเริ่มเป็นที่หัวเข่าข้างเดียวก่อนลามเป็นอีกข้างตอนนี้เริ่มเป็นแผล ต้องใช้ผ้าก็อตพันไว้  

          และต่อมามีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อ 4-5 ปีก่อน (ด้วยเงินบริจาค 300,000 บาทจากบิณบรรลือฤทธิ์) ได้ขึ้นไปกทม.พร้อมครอบครัวขึ้นไปอยู่ที่กทม.เพื่อตั้งใจว่าเงินที่ได้มาจะรักษา แบบขันชานอส รักษา 7 วัน12,000 บาท คือทำให้แผลที่บวมแห้งถึงจะผ่าตัดได้ เหมือนรีดน้ำให้หมดจนแผลเหี่ยวถึงจะผ่าตัดได้   สรุปหมดไปเป็นแสนกับการทำขันชานอส  สุดท้ายเงินหมดก่อน ไม่ได้ผ่าตัด แม้ครอบครัวตน พ่อแม่ลูกจะช่วยกันทำขนมขายตอนอยู่กรุงเทพแต่ก็ไม่พอกิน ลูกก็ย้ายไปเรียนที่นู้น อีกทั้งโควิดระบาดทำให้ต้องกลับมาบ้าน ขาดการรักษาต่อเนื่อง เพราะเงินไม่มี อาการก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง   ประจวบเหมาะตรงกับโรคโควิคระบาดการรักษาไปได้ไม่   บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ เลยตัดสินใจกลับบ้านที่สตูล

          นายย็ะยาห์  ดือราแม  อายุ 48 ปี  ผู้เป็นสามี  ยอมรับว่า ตนให้กำลังใจภรรยาได้เพียงแค่อยู่ด้วยใกล้ ๆ ให้เขาอุ่นใจ ไม่มีคำหวานปลอบแบบอื่นนอกจากการกระทำ อยากเห็นเขาหายจากโรคร้ายนี้และมีชีวิตกลับมาปกติเหมือนคนทั่วไป ทุกวันนี้ภรรยาและพวกเราในครอบครัวไม่ได้งอมืองอเท้า ช่วยกันทำขนมขาย มีรับจ้างที่ไหนตนก็ไปทันที มีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวบางวัน 300 บาท  แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน ลูกก็เรียนมัธยม 1 โชคดีที่ญาติพี่น้องหยิบยื่นให้บ้าง ไม่ทอดทิ้ง

 

          ขณะที่พี่สาวของ (นางวราภรณ์   เหล็มหา) เล่าด้วยทั้งน้ำตาถึงความสงสารน้อง ด้วยตนเป็นพี่คนที่ 4 จากทั้งหมด 8 คนน้องเป็นคนสุดท้อง (เสียไปแล้ว 3 คนเหลือกัน 5 คนพี่น้อง)  เห็นน้องก็เสียใจทุกครั้งแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากให้เขาหาย ช่วยเหลือน้องตลอดทุนค้าขาย เท่าที่ช่วยได้ตามกำลัง  มาพูดคุยให้กำลังใจกันตลอด  ที่ไหนบอกมีหมอบ้านดีก็พาไป บางคนบอกถูกจอมปลวกก็บอกว่าไม่มีทางแก้ บ้างว่าโดนของ หลังรักษาหมอในสตูลแล้วไม่หาย เพราะหมอที่กรุงเทพก็ไม่มีกำลังจะพาไปรักษา    

 

         ขณะนี้นางวราภรณ์   เดินเหินไม่เหมือนคนอื่น  เหนื่อยง่าย ต้องเดินลากขายกขาไม่ค่อยขึ้นหากมีสิ่งกีดขวาง เดินได้แค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องวอนให้ช่วยเหลือ รักษาตนให้หายขาดตนไม่อยากจะป่วยเป็นโรคนี้อีกแล้ว หากไม่หายป่วยก็ขอให้อาการดีกว่านี้ เอาติ่งเนื้อก้อนใหญ่ที่ห้อยนี้ออกให้ตนด้วย

 

          หากท่านใดมีกำลังอยากช่วยเหลือตน สามารถบริจาคได้ที่เลขบัญชี ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบิกซี ตรัง 108 8 66362 0 ชื่อบัญชี นางสาววราภรณ์  เหล็มหา

……………………………………………….

อัพเดทล่าสุด