Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 หรอยจังหู้  แกงส้มทุเรียนหมอนทอง จากเกษตกรที่ทิ้งยาง ปลูกหมอนทอง ปลูกด้วยใจ ใส่เทคนิคธรรมชาติ ลุยตลาดทุเรียนคุณภาพ ส่งขายได้กิโลละ 100 บาท

หรอยจังหู้  แกงส้มทุเรียนหมอนทอง จากเกษตกรที่ทิ้งยาง ปลูกหมอนทอง ปลูกด้วยใจ ใส่เทคนิคธรรมชาติ ลุยตลาดทุเรียนคุณภาพ ส่งขายได้กิโลละ 100 บาท

         ที่บ้านสงขลา หมู่ 5 ตำบลควนขัน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล — ปีนี้นับเป็น “ฤดูกาลทอง” ของนายณัฐกร เอียดเหตุ หรือ “พี่อ๊อด” เกษตรกรผู้กล้าตัดสินใจโค่นต้นยางพาราอายุเพียง 5 ปีในสวน เพื่อเปลี่ยนมาเดินหน้าปลูก ทุเรียนหมอนทอง บนพื้นที่ 5 ไร่ จำนวน 200 ต้น ซึ่งในปีแรกนี้ มีต้นทุเรียนกว่า 40 ต้นเริ่มให้ผลผลิต สร้างความหวังใหม่ในการทำเกษตรของคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่น

 

           “การปลูกทุเรียน ต้องเข้าใจธรรมชาติ ต้องใส่ใจตั้งแต่ดิน ปุ๋ย น้ำ และต้องรู้จักการโยงกิ่ง โยงลูก รับมือกับพายุด้วย” — พี่อ๊อด กล่าว

 

          การดูแลสวนทุเรียนหมอนทองของพี่อ๊อด เน้นการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น การติดแผ่นซีดีไล่ค้างคาว การโยงกิ่งเพื่อไม่ให้หักเวลาลมแรง และโยงลูกไม่ให้หล่น นอกจากนี้ยังวางระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ พร้อมเสริมด้วย การเลี้ยงผึ้งโพรง เพื่อส่งเสริมการผสมเกสรและเพิ่มรายได้เสริม

         

          นางสาวฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์ หรือ “ก๊ะบ๊ะ” เกษตรตำบลควนขัน กล่าวว่า พี่อ๊อดเป็นหนึ่งในสมาชิกของ กลุ่มส่งเสริมอาชีพผู้ปลูกทุเรียน ต.ควนขัน และ ต.เจ๊ะบิลัง ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมด 30 ราย ครอบคลุมพื้นที่รวม 130 ไร่ โดยมีเกษตรกร 8 รายที่กำลังเริ่มให้ผลผลิตรวมกว่า 20 ตัน และเตรียม ตัดขายล็อตแรกในช่วง 15-18 มิถุนายน นี้  ทุเรียนปีแรกต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามให้เกิน 54 ลูกต่อต้น เพื่อรักษาคุณภาพ

 

          นอกจากนี้ ยังมีล้งจากจังหวัดชุมพรเข้ามาติดต่อรับซื้อถึงสวน โดยราคาที่เกษตรกรได้รับคือ 100 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าสูงและน่าพอใจอย่างยิ่งในปีแรกของการผลิต

         

           ที่น่าสนใจคือ แม้ทุเรียนบางลูกจะร่วงจากพายุแรงก่อนเวลา แต่พี่อ๊อดก็ยังใช้โอกาสนี้ แปรรูปเป็นเมนูแกงส้มทุเรียนหมอนทองแก่ใส่ปลาทู ให้ทีมสื่อได้ชิม รสชาติแปลกใหม่ เข้มข้น อร่อยลงตัว เป็นอีกหนึ่งแนวทางแปรรูปเพิ่มมูลค่าที่ชาวสวนสามารถต่อยอดได้

          หากท่านสนใจเยี่ยมชมสวน หรือติดต่อซื้อผลผลิตทุเรียนหมอนทองจากสวนพี่อ๊อด  สามารถติดต่อได้ที่นายณัฐกร เอียดเหตุ โทร. 062-9516323 นางสาวฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์ (เกษตรตำบลควนขัน) โทร. 095-0362258 > เกษตรไม่ใช่แค่เรื่องดินฟ้า แต่คือศิลปะของการใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง

…………………………………

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 “กุ้งเคยเซมเบ้” สตูลฮือฮา! เกษตรกรยุคใหม่พลิกโฉม “ของดีบ้านเรา” สู่ของฝากสุดหรู ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

สตูล-“กุ้งเคยเซมเบ้” สตูลฮือฮา! เกษตรกรยุคใหม่พลิกโฉม “ของดีบ้านเรา” สู่ของฝากสุดหรู ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

           สตูล-ชื่นชมไอเดียสุดปัง! ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านท่าแลหลา ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล กลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลและผู้นำชุมชน ผนึกกำลังนำ “กุ้งเคย” วัตถุดิบพื้นถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ในท้องที่ มายกระดับด้วยนวัตกรรมการแปรรูป จากเดิมที่คุ้นเคยกับ “กะปิท่าแลหลา” สู่ผลิตภัณฑ์ใหม่สุดว้าวอย่าง “เซมเบ้กุ้งเคย” “ผงโรยข้าวกุ้งเคย” และ “กุ้งเคยหวาน” ชูภาพลักษณ์ “ของฝากสวยหรูดูแพง” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

          ต่อยอดภูมิปัญญา สู่สินค้าพรีเมียม โดยกรมประมง  โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากกองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง ที่ได้นำความรู้และเทคโนโลยีการแปรรูปมาถ่ายทอดให้กับชาวบ้าน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “แพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม” เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความหลากหลายให้กับสินค้า โดยเฉพาะเมนู “เซมเบ้กุ้งเคย” ที่เป็นไฮไลต์ของการอบรมในครั้งนี้

          สูตรเด็ด “เซมเบ้กุ้งเคย” ทำง่าย ได้จริง  ภายในงาน ผู้เชี่ยวชาญได้สาธิตและเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรได้ลงมือทำเอง สร้างความตื่นเต้นและประทับใจเป็นอย่างมาก ด้วยสูตรที่ทำง่ายและสามารถต่อยอดได้จริง “เซมเบ้กุ้งเคย” มีส่วนผสมหลักคือ กุ้งเคยล้างน้ำ 70 กรัม, แป้งสาลี 40 กรัม, แป้งมัน 20 กรัม, น้ำ 20 กรัม, น้ำตาล 4 กรัม, น้ำมันพืช 5 กรัม และผงฟู 10 กรัม

         

         ขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่าย: เพียงนำกุ้งเคยแช่น้ำ 10 นาที เทน้ำออกแล้วล้างผ่านน้ำ ผสมกับส่วนผสมทั้งหมด นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดประมาณ 5 กรัม ทับให้เป็นแผ่นด้วยเครื่องทำขนมอบกรอบแผ่น อบที่อุณหภูมิ 160-180 องศาเซลเซียส นาน 2 นาที ก็จะได้แผ่นเซมเบ้กุ้งเคยสีเหลืองทอง กรอบอร่อยน่ารับประทาน ที่สำคัญ กลุ่มแม่บ้านยังสามารถปรุงแต่งเพิ่มเติมด้วยสาหร่ายหรือส่วนผสมอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความสวยงามได้ตามใจชอบ

 

         “กุ้งเคยตาดำ” ท่าแลหลา วัตถุดิบคุณภาพ 73 ปีแห่งวิถีชีวิต  นายกัมพล รายา ประธานกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากอาหารทะเลบ้านท่าแลหลา (โทร. 086-969-2819) เล่าว่า ตลอด 73 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านท่าแลหลาสร้างอาชีพจากการออกหากุ้งเคยด้วยเรือขนาดเล็ก กุ้งเคยที่นี่มีมากตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน แม้ปริมาณจะลดลง 50% แต่หลังจากนั้นก็จะมีกุ้งเคยตลอด ซึ่งกุ้งเคยที่นี่คือ “กุ้งเคยตาดำ” ที่สำคัญคือ “ไม่มีทรายเจือปน” เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นดินโคลน จึงหมดปัญหากังวลเรื่องทราย

         นายกัมพล  กล่าวด้วยความดีใจว่า การอบรมครั้งนี้เป็นการต่อยอดที่สำคัญ เพิ่มสินค้าให้กับเกษตรกร สร้างมูลค่าให้กับกุ้งเคยจากเดิมที่แปรรูปเป็นเพียง “กะปิ” เท่านั้น (กะปิท่าแลหลา เพจ: กะปิท่าแลหรา ราคาครึ่งกิโล 80 บาท, 1 กิโล 160 บาท ส่วนผสม: เคย 90%, น้ำตาล 4%, เกลือ 6%)

 

          การทำเป็นขนมที่ทำง่าย กินง่าย สามารถเป็นของฝากของขวัญได้ ถือเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น  ประมงจังหวัดสตูลชี้ “การตลาด” คือหัวใจ  ด้านนายนิพนธ์ เสนอินทร์  ประมงจังหวัดสตูล ระบุว่า การอบรมเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงอย่างกุ้งเคยของชาวบ้านท่าแลหลา อ.ละงู ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากความรู้ด้านการแปรรูปจากกรมประมงแล้ว ยังได้เชิญบริษัทประชารัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดสำคัญ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถนำสินค้าไปสู่ตลาดภายนอกได้ เป็นการจับคู่ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับบริษัทผู้ซื้อ เพื่อให้สินค้าท้องถิ่นเป็นที่รู้จักและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

……….

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

สตูล-คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

         สตูล – ความหวังที่เปล่งประกายดับลงอย่างเจ็บปวด หลังเจ้าหน้าที่พบร่างของ ด.ช.จีรยุทธ นางา อายุ 6 ปี ที่จมหายไปในคลองบ้านควน เมื่อสองวันก่อน โดยศพถูกพบช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) บริเวณบ้านทุ่งวิมาน ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 2 กิโลเมตร

          น้องถูกกระแสน้ำพัดมาเกยใต้กอไผ่ ท่ามกลางเศษไม้และวัชพืชริมคลอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทรพร้อมชาวบ้านเร่งนำร่างขึ้นจากน้ำอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อแม่และชุมชนที่ร่วมค้นหาน้องตลอด 2 วันที่ผ่านมา

          แม้จะเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ครอบครัวของน้องยืนยันไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่าเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ ประกอบกับการพบศพในสภาพสมบูรณ์ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยผิดปกติ

         หลังการชันสูตรเบื้องต้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ครอบครัวนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในทันที

          เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนสะเทือนใจสำหรับชุมชนอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ปกครองและเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งต่างตระหนักถึงอันตรายของแหล่งน้ำในช่วงหน้าฝน ที่แม้จะดูสงบ แต่ซ่อนความเชี่ยวกรากและอันตรายไว้เบื้องล่าง

………………………………..

อัพเดทล่าสุด

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-เด็ก 6 ขวบจมน้ำลึกคลองในหมู่บ้าน  ญาติขอปาฏิหาริย์มีจริง  ชุดกู้ภัย-ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเร่งค้นหาแม้น้ำจะเชี่ยวจะเป็นอุปสรรค

สตูล-เด็ก 6 ขวบจมน้ำลึกคลองในหมู่บ้าน  ญาติขอปาฏิหาริย์มีจริง  ชุดกู้ภัย-ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเร่งค้นหาแม้น้ำจะเชี่ยวจะเป็นอุปสรรค

สตูล – ปฏิบัติการค้นหาเด็กชายวัย 6 ขวบ “ด.ช.จีรยุทธ นางา” ที่จมหายกลางลำคลองบ้านควน อำเภอเมืองสตูล เข้าสู่วันที่ 2 แล้ว ท่ามกลางความหวัง ความห่วงใย และเสียงร่ำไห้ของครอบครัว รวมถึงชาวบ้านกว่า 100 คนที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

เหตุการณ์สะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา เด็กชายจีรยุทธ สวมเสื้อพละสีแดงของโรงเรียน กลับจากเรียนหนังสือและเดินเล่นกับเพื่อนบริเวณบันไดริมลำคลองบ้านควน หมู่ที่ 3 ต.บ้านควน ก่อนจะพลัดตกลงไปในน้ำ ซึ่งไหลเชี่ยวและมีโพรงหินใต้น้ำจำนวนมาก

เพื่อนของน้องให้การเบื้องต้นว่าเห็นน้องลื่นและจมหายไปต่อหน้าต่อตา สร้างความตกใจและเศร้าสลดให้กับชุมชนในทันที

เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทร จ.สตูล พร้อมฝ่ายปกครอง อส. และทีมประดาน้ำกว่า 20 นาย เร่งค้นหาน้องตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยใช้ทั้งเรือในการตีผิวน้ำเพื่อให้ร่างลอยขึ้น รวมถึงอุปกรณ์ค้นหาท่ามกลางสภาพน้ำเชี่ยว และสภาพใต้น้ำที่ซับซ้อน มีทั้งโพรงและโขดหินขนาดต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ

นายกูดานัน  หลังจิ นายก อบต.บ้านควน เผยว่า ชาวบ้านร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ให้การสนับสนุนและส่งแรงใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์

 

ด้านนายฮามีดัน ตะวัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ระบุว่า เด็ก ๆ ในชุมชนมักเล่นน้ำบริเวณนี้เป็นประจำ แต่ครั้งนี้อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน พร้อมย้ำว่าได้รับคำสั่งเร่งด่วนจากผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลให้เร่งค้นหาโดยไม่ลดละ

 

แม้ความหวังจะริบหรี่ แต่ภารกิจยังคงเดินหน้าด้วยพลังศรัทธา และคำภาวนา “ขอให้น้องกลับมาอย่างปลอดภัย” ท่ามกลางคำเตือนที่ดังกึกก้องในชุมชนว่า “น้ำใสไม่ใช่ว่าปลอดภัยเสมอไป”

เตือนภัย: ผู้ปกครองควรระวังเด็กเล็กใกล้แหล่งน้ำ และควรมีการรั้วกั้นหรือมาตรการป้องกันในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอยในอนาคต.

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

Categories
ข่าวเด่น

40 นักดำน้ำฝ่าคลื่นช่วยชีวิตปะการังสตูล  ร่วมแรงใจเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่หวั่นแม้ลมแรงฝนหนาว

ภารกิจเคลียร์อวนใต้ทะเลสุดโหด! 40 นักดำน้ำฝ่าคลื่นช่วยชีวิตปะการังสตูล  ร่วมแรงใจเพื่อสิ่งแวดล้อม… ไม่หวั่นแม้ลมแรงฝนหนาว

ท้องทะเลสตูลเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง เมื่อทีมจิตอาสานักดำน้ำกว่า 40 ชีวิต จากหลายภาคส่วน รวมพลังฝ่าคลื่นลมแรง สายฝนหนาวเหน็บ ทำภารกิจเก็บกวาดอวนผืนใหญ่ที่ติดอยู่กับแนวปะการัง บริเวณ “กองหินขาว” ใกล้เกาะบุโหลนเล จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568

 

ภารกิจครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน), Reef Guardian Thailand, อุทยานแห่งชาติเภตรา, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา, บริษัทเลตรังไดว์วิ้ง, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, พร้อมผู้สนับสนุนอีกหลายราย โดยมี นายดินัน พัทลุง ประธานกลุ่มรีฟการ์เดี้ยน  หัวหน้าชุดเก็บกู้อวนในครั้งนี้  และ นายไรน่าน เด็นเบ็น จาก Reef Guardian Thailand เป็นหัวเรือใหญ่ในการประสานภารกิจครั้งนี้

 

ทีมงานออกปฏิบัติภารกิจด้วย เรือหางยาง 3 ลำ และ เรือสปีดโบ๊ท 1 ลำ มุ่งหน้าสู่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นแนวปะการังที่อวนพลาสติกขนาดยักษ์ กว้างกว่า 150 เมตร และสูง 8 เมตร พัวพันอยู่กับกองหินใต้ทะเล ลักษณะอวนเริ่มเสื่อมสภาพและอาจกลายเป็นกับดักสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาว

 

แม้จะเจอสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ  คลื่นลมแรง น้ำขุ่น และฝนตกโปรยปราย แต่ด้วยความทุ่มเท ทีมดำน้ำใช้ความชำนาญและประสบการณ์ ค่อย ๆ ตัด คลี่ และเก็บอวนออกจากแนวปะการังอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม

ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี  โดยสามารถนำอวนและเศษขยะใต้ท้องทะเลขึ้นฝั่งได้ รวมกว่า 550 กิโลกรัม เป็นอีกก้าวสำคัญของการอนุรักษ์ทะเลใต้และฟื้นฟูธรรมชาติสู่ความสมดุล

 

“นี่ไม่ใช่แค่การเก็บขยะ… แต่มันคือการคืนชีวิตให้ทะเล”  เสียงหนึ่งจากนักดำน้ำอาสาที่สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจของคนรักทะเลได้อย่างลึกซึ้ง

 

การรวมพลังครั้งนี้ไม่เพียงเป็นแบบอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมลุกขึ้นมาปกป้องท้องทะเลไทย ก่อนที่ธรรมชาติจะไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวอีกต่อไป

………………………………………………..

ขอบคุณภาพ  จากคุณไรน่าน  เด็นเบ็น

อัพเดทล่าสุด

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 จัดเบรกให้ปัง! สตูลปั้นมืออาชีพสายจัดอาหารว่าง เติมเทคนิคโซเชียล สร้างอาชีพยุคใหม่

จัดเบรกให้ปัง! สตูลปั้นมืออาชีพสายจัดอาหารว่าง เติมเทคนิคโซเชียล สร้างอาชีพยุคใหม่

          วันที่ 21 พฤษภาคม 2568  ณ  ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ชั้น 4 อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ได้จัดอบรม “กิจกรรมการเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับงานประชุม/อบรมอย่างมืออาชีพ” ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาดใหม่ ๆ อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะการจับตลาด “งานอบรม – งานราชการ” ที่มีความต้องการสูงและต่อเนื่อง

 

          การอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายทวีศักดิ์  แก้วสลำ  รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกว่า 40 ราย ได้แก่ ผู้ประกอบการ OTOP วิสาหกิจชุมชน ร้านค้า และประชาชนผู้สนใจทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่จากเรือนจำและผู้มีบทบาทในการฝึกอาชีพแก่ผู้ต้องขัง โดยมี สถาบัน CDC Training Center และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารว่างจาก มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ร่วมถ่ายทอดความรู้แบบจัดเต็ม

ตอบโจทย์อาชีพยุคโซเชียล – โอกาสใหม่หลังวิกฤตเศรษฐกิจ

ในยุคที่เศรษฐกิจชายแดนซบเซา การท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และกำลังซื้อของประชาชนลดลง อาชีพเล็ก ๆ อย่าง “จัดเบรกประชุม” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางรอดที่มั่นคง เพราะกิจกรรมอบรม สัมมนา หรืออีเวนต์ราชการยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง และมีงบสนับสนุนชัดเจน

 

นางสาวอินทิรา ไพรัตน์  (วิทยากร) ให้สัมภาษณ์ว่า “โฮมสเตย์ของเรามีบริการอาหารเช้าอยู่แล้ว  การมาฝึกอบรมครั้งนี้ช่วยให้เราเพิ่มมูลค่าด้วยการจัดจานสวยๆ แล้วโพสต์ลงโซเชียล เรียกลูกค้าได้มากขึ้นแน่นอน”

 

อีกมุมหนึ่งจากผู้ฝึกอาชีพในเรือนจำ นางสาวชนัญชิดา   พราหมแผลง  เจ้าพนักงานอบรมฯ จากเรือนจำสตูล เผยว่า “ได้เทคนิคใหม่ ๆ เพียบเลย จะนำกลับไปต่อยอดฝึกให้ผู้ต้องขังหญิง เพื่อให้พวกเขามีทักษะอาชีพติดตัวก่อนออกสู่สังคม”

 

ขณะที่ นางรัชนี  เด่นกาญจนศักดิ์ เจ้าของร้านชาชักเจ้าดัง  “เตอบิลัง”  ก็เสริมว่า “การทำอาหารให้น่ากินไม่ใช่แค่รสชาติ แต่ต้องสื่อสารผ่านภาพถ่ายให้ดูดีด้วย ยุคนี้ลูกค้าซื้อด้วยตา และแชร์ต่อในโซเชียล โครงการแบบนี้ดีมาก อยากให้มีต่อเนื่อง”

 

หลักสูตร “จัดเบรกให้ปัง” ยกระดับมืออาชีพ – เพิ่มยอดขายด้วยมือถือ

          การอบรมไม่เพียงสอนเรื่องความสะอาด มาตรฐานการบริการ และการเลือกอาหารว่างที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ โดย อินทิรา ไพรัตน์ วิทยากรจาก CDC Training Center ได้เน้นย้ำว่า “เราสอนวิธีจัดเบรกให้น่าทาน ถ่ายรูปให้ออกมาดูน่ากิน เทคนิคถ่ายภาพง่าย ๆ ด้วยมือถือก็ช่วยเพิ่มยอดขายได้ พร้อมทั้งสอนเรื่องการจัดอุปกรณ์ตกแต่ง เพิ่มความหรูหราให้กับชุดเบรก โดยไม่ต้องลงทุนสูง”

 

 กิจกรรมในวันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการพัฒนาอาชีพที่ทันสมัยและตอบโจทย์ยุคโซเชียลอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่มีอาชีพ แต่ต้องรู้จักเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วย “ทักษะการนำเสนอ” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขายในยุคนี้

 

ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอาชีพ ประจำปี 2568 ยังวางแผนขยายกิจกรรมในลักษณะเดียวกันไปยังกลุ่มอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสตูลสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง มีรายได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน

……………………………………….

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

สตูล- เห็ดนางฟ้า…พาเปลี่ยนชีวิต จากครูสู่วิสาหกิจชุมชน บ้านทางยางสตูล สร้างรายได้มั่นคง–แบ่งปันโอกาสให้ชุมชน

             บ้านทางยาง หมู่ 7 ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล พื้นที่ที่เงียบสงบถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยแรงบันดาลใจของ “ครูจิสน  มัจฉา” อดีตครูผู้เบนเข็มชีวิตมาสู่การทำเกษตรเต็มตัว สร้าง ฟาร์มเห็ดนางฟ้า จากก้อนเชื้อ 85 ก้อนแรกในหม้อนึ่งลูกทุ่ง สู่วิสาหกิจชุมชนที่ผลิตก้อนเห็ดมากถึง 7,000 ก้อนต่อรอบ ก่อเกิดรายได้และการจ้างงานให้ชุมชนในทุกฤดูกาล

 

             ครูจิสน  มัจฉา  ประธานกลุ่มทางยางบ้านเห็ด บอกว่า  อยากหาทางเลือกให้ครอบครัวมีรายได้เสริม เห็นเห็ดนางฟ้าก็รู้สึกว่าใช่… เริ่มทำจากของเล็ก ๆ ที่เราชอบ พอทำจริง ๆ มันกลายเป็นรายได้หลักเลยค่ะ  สาเหตุที่เลือกเห็ดนางฟ้าเพราะสามารถขายได้ทั้งก้อนเห็ด  ดอกเห็ด และก้อนที่หมดอายุสามารถไปทำปุ๋ยได้

 

            ครูจิสน. เริ่มเพาะเห็ดจากความสนใจส่วนตัว ใช้หม้อนึ่งฟืนแบบพื้นบ้าน วันละ 6–8 ชั่วโมงต่อ 85 ก้อน ผ่านมาเกือบสิบปี เธอพัฒนาเทคนิคและเครื่องมือการผลิตจนกลายเป็นฟาร์มต้นแบบ ใช้หม้อนึ่งระบบไอน้ำที่รองรับได้มากถึง 780 ก้อนต่อครั้ง ลดการใช้ไม้ฟืน เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน “ทางยางบ้านเห็ด” อย่างเป็นทางการในปี 2560

 

ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิก 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันและประมงในพื้นที่. ที่หันมาปลูกเห็ดเสริมอาชีพ  โดย กลุ่มมีการใช้นวัตกรรม ได้แก่ เครื่องผสม, เครื่องอัดก้อน, เตานึ่งระบบไอน้ำ ช่วยให้การผลิตก้อนเชื้อเห็ดรวดเร็ว มีมาตรฐาน และปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

สินค้าหลักของกลุ่ม ได้แก่

  • ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า (10 บาท/ก้อน) ผลิตปีละ 4–5 รอบ รวมกว่า 28,000 ก้อน
  • ดอกเห็ดสด (60 บาท/กก.) ส่งตลาดละงู โรงเรียน และตัวแทนจำหน่าย
  • ผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น
  • น้ำพริกเห็ดนางฟ้า
  • เห็ดทอดกรอบรสลาบ
  • เห็ดปาปิก้า และสูตรดั้งเดิม

 

ขายดีทั้งตลาดสดและออนไลน์ สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 30,000 บาท (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) ไม่รวมแปรรูปเห็ด

           สำหรับ เห็ดก้อนเชื้อหนึ่งก้อนสามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 5 เดือน เมื่อหมดอายุยังสามารถนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ในแปลงเกษตรของชุมชน

 

          “สำนักงานเกษตรอำเภอท่าแพ  ได้สนับสนุนกลุ่มนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี การจัดการ การหาตลาด จนกลายเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่น ๆ ได้เห็นว่า…ถ้าเราพร้อมลงมือทำ เกษตรก็สร้างอาชีพที่มั่นคงได้จริง ๆ”

 

          นายอารีย์  โส๊ะสันสะ  เกษตรอำเภอท่าแพ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ในอนาคตกลุ่มเตรียมขยายการเพาะเห็ดพันธุ์ใหม่ เช่น เห็ดมิลกี้ พร้อมวางระบบโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิ สร้างแบรนด์ท้องถิ่น จดทะเบียนสินค้า และเพิ่มช่องทางตลาดในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

          สำหรับเกษตรกรที่มองหาอาชีพเสริม  เดี๋ยวนี้ก็จะมีพืชเป็นพืชเศรษฐกิจอยู่หลายๆ ตัวอย่างเช่นสละ , กาแฟ.  แล้วก็เห็ด  เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย แล้วถ้าสามารถ ทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนในการผลิตก้อนเอง และก็ในการเปิดออกจำหน่ายเองตรงนี้เขาจะมีกำไรค่อนข้างดี

 

         ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและศึกษาดูงานได้ที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทางยางบ้านเห็ด  เลขที่ 22 หมู่ 7 ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล 91150. เพจ: บ้านไร่ภูภัทรโทร. 087-091-6176

 

         จากแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ของอดีตครูท้องถิ่น… สู่วิสาหกิจชุมชนที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจของคนบ้านทางยาง

…….

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

เครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง “คนใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” สร้างกระแสวันงดสูบบุหรี่โลก ชู “นิโคติน เสพติด จน ตาย”

สตูล-เครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง “คนใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” สร้างกระแสวันงดสูบบุหรี่โลก ชู “นิโคติน เสพติด จน ตาย”

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568   นักข่าวจังหวัดสตูลเข้าร่วม  กิจกรรมรณรงค์สร้างกระแส     “วันงดสูบบุหรี่โลก 2568 : คนภาคใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยเครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้รวมพลัง จัดขึ้นเพื่อให้เกิดการสื่อสารสร้างกระแสในระดับพื้นที่ให้กว้างขวาง ให้มีความรู้ ตระหนักถึงโทษและพิษภัยการเสพติดนิโคตินของบุหรี่ไฟฟ้า นำโดย สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช  ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่, เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่ายจังหวัดนครศรีธรรมราช  สนับสนุนโดย  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นางวจิราพร  อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  ประธานในการเปิดงานกล่าวว่า  การระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนในจังหวัดภาคใต้ โดยร่วมกันรณรงค์สร้างกระแสป้องกันการเข้าถึงบุหรี่  บุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มเด็กและเยาวชนถือเป็นวาระแห่งชาติ  เพราะปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพของประชาชน  โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน   อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ จากพิษภัยของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า  ทั้งนี้ปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในภาคใต้ยังคงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด พ.ศ.2567 พบว่า ภาคใต้มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดในประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 22.1 โดยเฉพาะในจังหวัดกระบี่ มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดคือ ร้อยละ 27.1  รองลงมาคือจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 25.59,  ระนอง  ร้อยละ 25.53,พัทลุง ร้อยละ 24.06, ปัตตานี ร้อยละ 23.93 และตรัง ร้อยละ 23.49 ตามลำดับ  ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

นอกจากนี้ การสำรวจในนักเรียนมัธยมศึกษาภาคใต้ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข  พบว่า ร้อยละ 14.5 เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยนักเรียนชายมีอัตราการใช้สูงกว่านักเรียนหญิงอย่างมีนัยสำคัญ  สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความจำเป็นในการเร่งรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัยของการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  การจัดกิจกรรมในวันนี้  ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบภาคใต้ และอีกหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม  ร่วมกันสร้างกระแสรณรงค์ให้เกิดการรับรู้และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยอันตรายของการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วน ร่วมรณรงค์อย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง รวมถึงส่งเสริมให้เกิดสังคมปลอดบุหรี่ในภาคใต้ของเราอย่างยั่งยืน  นางวจิราพร  กล่าว  

          ขณะที่ นายพิทยา จินาวัฒน์  คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า บทบาทของ สสส. ซึ่งมีหน้าที่ริเริ่ม ผลักดัน กระตุ้น สนับสนุน และร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อน กระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อให้บรรลุผลในการลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความเชื่อ และการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อคุณภาพชีวิต ช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  ซึ่งปัญหาการคุกคามของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  ถือเป็นสงครามที่ยากจะเอาชนะได้ ต้องเกิดจากการรวมพลังกันทุกภาคส่วนที่ร่วมใจรวมพลังกันต่อสู้เหมือนงานในวันนี้ ซึ่งการทำสงครามกับบุหรี่  สมรภูมิเปลี่ยนไปหมดแล้ว เนื่องจากการ disrupt ของเทคโนโลยี สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนคือ การมาของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะความน่าเป็นห่วงในกลุ่มเป้าหมายใหม่ คือ เพศหญิง กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น  จะเห็นว่าตอนนี้ผู้หญิงไทยสูบบุหรี่มวนร้อยละ 1.3 แต่เยาวชนที่เป็นผู้หญิง พบว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ถึงร้อยละ 15  และหากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะเป็นการเพิ่มอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนหญิงสูงเพิ่มไปถึง 30-40% เลยที่เดียว ดังนั้น ถ้ามีความร่วมมือกันในทุกฝ่าย ทุกภาคีเครือข่าย นอกจากนั้น ยังต้องอาศัยความร่วมมือการสื่อสารกับอินฟลูเอนเซอร์ที่จะช่วยสื่อสารกับสังคมได้รับรู้ เราต้องใช้ทุกช่องทางและทุกกระบวนในการสื่อสาร  เพื่อปกป้องลูกหลานไทยให้รอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า นายพิทยา กล่าว

          ด้านนายอานนท์ มีศรี นายกสมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กิจกรรมสร้างกระแส  “วันงดสูบบุหรี่โลก 2568: คนภาคใต้ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” ในครั้งนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดประเด็นการรณรงค์ว่า “Unmasking the Appeal: Exposing Industry Tactics on Tobacco and Nicotine Products”  ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข จึงใช้ภาษาไทยในการสื่อสารรณรงค์สร้างกระแสว่า “กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า: นิโคติน เสพติด จน ตาย”  เพื่อให้ประชาชนตระหนักรู้และร่วมกันเปิดโปงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบที่มุ่งเป้าทำการตลาดเพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  ในโอกาสนี้ เพื่อให้เกิดการสื่อสารสร้างกระแสในระดับพื้นที่ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น  และเพื่อเชิญชวนชาวใต้ทุกภาคส่วน ร่วมกันสื่อสารและแสดงเจตจำนงในการร่วมกันปกป้องและคุ้มครองสุขภาพของคนใต้  โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนชาวใต้  ให้ปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า  รวมถึงเพื่อสื่อสารให้ภาคีเครือข่ายด้านการควบคุมยาสูบ ได้มีความรู้ ความเข้าใจต่ออันตรายของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า  และกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่  

         โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจาก หลายภาคส่วน  ได้แก่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช, แผนกเวชกรรมสังคม  คลินิกฟ้าใส โรงพยาบาลพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช,  สมาคมสื่อชุมชนภาคใต้นครศรีธรรมราช,  เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม,   เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ โดย องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำผุด จ.ตรัง,   เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดย จุดจัดการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่จังหวัดปัตตานี, เครือข่ายเยาวชน Gen Z Gen Strong เลือกไม่สูบภาคใต้,  เครือข่ายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ Gen Alpha โดย โรงเรียนอนุบาลและศูนย์พัฒนาเด็ก อบต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา,   เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน เครือข่ายนักสื่อสารรุ่นใหม่ และ ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว  ได้ร่วมกันออกบูธนิทรรศการ ให้ความรู้ทางด้านวิชาการ,  แจกสื่อประชาสัมพันธ์,  เล่นเกม แจกของที่ระลึก/รางวัล,  บริการตรวจสุขภาพ  และให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า  โดยกิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ลานวัฒนธรรมสวนศรีธรรมาโศกราช อ.เมือง   จ.นครศรีธรรมราช  ระหว่างเวลา 16.30-20.00 น. นายอานนท์ กล่าว

……………………………

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สะพานรอวันซ่อม… เสียงจากชาวเกาะสาหร่ายถึงใจผู้ว่าฯ สตูล

สะพานรอวันซ่อม… เสียงจากชาวเกาะสาหร่ายถึงใจผู้ว่าฯ สตูล

สตูล – บนเกาะสาหร่าย หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล สะพานท่าเทียบเรือซึ่งเคยเป็นหัวใจของการเดินทางและขนส่งสินค้า ได้กลายเป็นเพียงโครงสร้างที่ผุพังมานานกว่า 5 ปี สภาพชำรุดทรุดโทรม ขาดการดูแล และไร้เจ้าภาพรับผิดชอบอย่างชัดเจน ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องเผชิญความลำบากทุกวัน

การขนถ่ายสินค้าทางทะเลกลายเป็นเรื่องยากลำบาก โดยเฉพาะในฤดูมรสุม ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เสียโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย

จากความทุกข์นี้เอง ทำให้นายยุทธพงษ์ หมัดตุกัง ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลเกาะสาหร่าย พร้อมด้วยนายอดุลย์ ชนะบัณฑิต จากภาคประชาชน จ.สตูล (พลเมืองรักษ์สตูล) เป็นตัวแทนรวบรวมรายชื่อชาวบ้านนับร้อยคน ยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อทวงถามแนวทางการซ่อมแซมสะพานแห่งนี้อย่างเร่งด่วน

ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับความใส่ใจจาก นายธนพัฒน์  เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล ซึ่งได้ลงมารับเรื่องด้วยตนเอง พร้อมชี้แจงว่า นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายพิบูลย์  รัชกิจประการ ส.ส.ได้มีการเข้ามาทวงถามและหารือเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง

 

เบื้องต้น ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย ยินดีรับโอนทรัพย์สินสะพานมาอยู่ในความดูแล โดยหากวงเงินซ่อมแซมอยู่ในกรอบงบประมาณไม่เกิน 3 ล้านบาท ทาง อบต. จะสามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากเกินขีดความสามารถ จังหวัดจะประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อหาทางสนับสนุนงบเพิ่มเติม

 

ขั้นตอนต่อไปคือการให้ อบต. ออกมติเห็นชอบในการรับโอนสะพานเป็นทรัพย์สินของท้องถิ่น เพื่อให้มี “เจ้าภาพ” ดูแลระยะยาวหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น

 

หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกล่าวต่อว่า ผู้ว่าฯ สตูลมีความห่วงใย และต้องการให้เกาะสาหร่ายไม่ตกขบวนในการจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์จังหวัด” ประจำปี 2570 หากไม่ทันในปีนี้ ก็จะผลักดันให้เข้าปี 2571 ซึ่งปัจจุบันมีสะพานหลายแห่งในสตูลที่อยู่ในภาวะวิกฤตเช่นกัน

 

ด้านนายยุทธพงษ์ หมัตตุกัง ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า หลังทราบความคืบหน้า รู้สึกคลายกังวล พร้อมขอบคุณผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับฟังเสียงจากชาวบ้าน และแสดงเจตจำนงในการเร่งแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้สะพานแห่งนี้กลับมาเป็นจุดเชื่อมต่อของชีวิต เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของเกาะสาหร่ายได้อีกครั้ง

 

“ขอบคุณที่เกาะสาหร่ายจะไม่ตกขบวน… เราหวังว่าจะได้เห็นสะพานกลับมาแข็งแรงสมศักดิ์ศรี และเป็นหน้าตาของจังหวัดอีกครั้งในเร็ววัน” – ตัวแทนชาวบ้านกล่าวทิ้งท้าย

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

รองปลัดวธ.เยือนชุมชน ร่วมพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณกลับแดนบรรพชน

สตูล-รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเยือนชุมชน ร่วมพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณกลับแดนบรรพชน

เมื่อวันที่ 10–12 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา บนเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ได้มีการจัดงาน “มหกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่น : วิถีชาวเล เสน่ห์หลีเป๊ะ” ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับการสนับสนุนจากนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสตูล นำโดยนายกิตตพงษ์  แก้วยอดทอง วัฒนธรรมจังหวัดสตูล  ร่วมกับภาคีเครือข่ายและกลุ่มชาติพันธุ์อูรักลาโว้ย

 

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก  นางโชติกา อัครกิจโสภากุล  รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน โดยมีนายชัยวุฒิ บัวทอง ปลัดจังหวัดสตูล ให้การต้อนรับ ณ ลานกิจกรรมโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

 

กิจกรรมสำคัญภายในงานสะท้อนวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเลอูรักลาโว้ย ซึ่งมีความผูกพันแน่นแฟ้นกับท้องทะเล ทั้งในมิติของการดำรงชีวิตและจิตวิญญาณ  โดยรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมชุมชนสิเข่งและสุสานโต๊ะฆีรี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเล ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจ โดยมีโต๊ะหมอทำพิธีสื่อสารกับวิญญาณบรรพชน เพื่อขอพรให้ปกปักรักษาผู้มาเยือน

 

หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือ **พิธีลอยเรือ “ปาจั๊ก” อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเลจัดขึ้น ปีละ 2 ครั้ง  ในคืนวันเพ็ญเดือน 6 และเดือน 11 ตามปฏิทินจันทรคติ เพื่อสะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณบรรพชนกลับสู่ “ฆูนุงฌีรัย” และล้างความผิดที่อาจเกิดจากการล่าสัตว์ทะเลหรือการกระทำที่ส่งผลต่อธรรมชาติ โดยเรือปาจั๊กทำจากไม้ตีนเป็ดและไม้ระกำ ซึ่งถือว่าเป็นพาหนะวิญญาณ ช่วยพัดพาโรคภัยและความทุกข์ออกจากครอบครัว

 

เมื่อเรือปาจั๊กประกอบเสร็จ ผู้หญิงในชุมชนจะช่วยกันตกแต่งเรือด้วยดอกไม้สีสันสดใส เป็นการเริ่มพิธีเฉลิมฉลองยามค่ำคืน ซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกสนาน  ทั้งการแสดงของเยาวชนชาวเล การขับกล่อมบทเพลงพื้นบ้าน และรำมะนาตามจังหวะดนตรีวัฒนธรรม  ก่อนจะร่วมกันอัญเชิญเรือไปยังทะเลเปิดในยามรุ่งสาง เพื่อปล่อยความทุกข์และโรคภัยให้ลอยไปกับคลื่น

 

ภายในงานยังมีการออกบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อาทิ ของที่ระลึกจากชาวเล อาหารพื้นบ้านหาทานยาก เช่น ยำไข่หอยเม่น แกงปลิงทะเล และนิทรรศการเครื่องเซ่นในพิธีลอยเรือ ถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชื่อผ่านงานจัดแสดงรูปแบบสมัยใหม่

 

**ประเพณีลอยเรือของชาวอูรักลาโว้ย** ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติเมื่อปี 2566 และยังคงเป็นพิธีกรรมสำคัญที่สื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ การเคารพบรรพชน และการส่งผ่านอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่น

 

นับเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนอันงดงามของวัฒนธรรมชายฝั่ง ที่ไม่เพียงแต่ตราตรึงใจผู้มาเยือน แต่ยังบอกเล่าความหมายของการใช้ชีวิตร่วมกับท้องทะเลอย่างลึกซึ้ง

………………………………..

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค

อัพเดทล่าสุด