Categories
ข่าวเด่น

  ป.ป.ช.ลุยตรวจการ์ดเรลแขวงทางหลวงสตูล หลังพบประเด็นสร้างไม่ได้มาตรฐานในพัทลุง

ป.ป.ช.ลุยตรวจการ์ดเรลแขวงทางหลวงสตูล หลังพบประเด็นสร้างไม่ได้มาตรฐานในพัทลุง

        สตูล – วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดสตูล ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบมาตรฐานการติดตั้ง การ์ดเรล หรือราวเหล็กริมทาง ภายใต้ความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงจังหวัดสตูล หลังได้รับเบาะแสว่าอาจก่อสร้างไม่ได้ตามแบบแปลนคล้ายกรณีในจังหวัดพัทลุง

 

         การตรวจสอบครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลฉลุง อำเภอเมืองสตูล และตำบลท่าแพ อำเภอท่าแพ โดย นายธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.สตูล เปิดเผยว่า เบื้องต้นเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 มอบหมาย หลังประชาชนร้องเรียนเรื่องคุณภาพโครงการ ว่ามีข้อสงสัยความหนา ความยาว และวิธีติดตั้งไม่เป็นไปตามมาตรฐานกรมทางหลวง

 

       “จากการตรวจจุดแรก บริเวณสะพาน พบความหนาของราวเหล็กยังเป็นไปตามเกณฑ์ ส่วนจุดถัดไปจะตรวจความลึกของเสาที่ต้องฝังดิน 1.2 เมตร และเทคอนกรีตรัดรอบ  ความสูงเหนือพื้นดิน 80 ซ.ม. ความหนาเหล็กต้องไม่ต่ำกว่า 3.2  ส่วนตัวเสาหนา 4 มิลลิเมตรต่อแบบรายการ ทั้งนี้การตรวจเป็นการสุ่ม เพราะถ้าพบจุดใดมีปัญหา ส่วนอื่นๆ ก็มักจะเป็นลักษณะเดียวกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความซื่อตรงของผู้รับจ้างและความละเอียดรอบคอบของผู้ควบคุมงาน” นายธนกฤตกล่าว

        ด้าน นายปิยะวัฒน์ คุระพูล ผู้อำนวยการกลุ่มประสานการป้องกันการทุจริตภาค 9 ระบุว่า การลงพื้นที่วันนี้เน้นตรวจวัดมิติต่างๆ เช่น ความหนา ความยาว ความสูง ซึ่งจากการสุ่มตรวจยังไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน แต่มีข้อสังเกตสำคัญคือแผ่นราวเหล็กไม่มี สติกเกอร์รับรอง จากกรมทางหลวง ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันแหล่งที่มาของวัสดุ อาจเกิดจากความผิดพลาดช่วงขนย้ายหรือติดตั้ง จึงได้มอบหมายให้แขวงทางหลวงเร่งตรวจสอบและรายงานผลเพิ่มเติม

 

         ในส่วนของแขวงทางหลวงจังหวัดสตูล นายสมเกียรติ โมควงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสตูล ชี้แจงว่า โครงการนี้ใช้งบประมาณกว่า 490,000 บาท ติดตั้งการ์ดเรลบริเวณคอสะพานรวม 7 แห่ง ระยะทางกว่า 212 เมตร แล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าได้กำชับเจ้าหน้าที่ควบคุมงานให้ปฏิบัติตามรูปแบบและมาตรฐานกรมทางหลวงทุกขั้นตอน

         “การที่ ป.ป.ช.ลงมาตรวจสอบครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดี ช่วยเพิ่มความรอบคอบโปร่งใส หากประชาชนพบข้อผิดสังเกตสามารถแจ้งแขวงทางหลวงหรือป.ป.ช.ได้โดยตรง เช่น หากเห็นเสาก่อนติดตั้งมีความยาวสั้นกว่ามาตรฐาน 2 เมตร อาจตั้งข้อสงสัยไว้ได้ แต่หากติดตั้งเรียบร้อยแล้วจะตรวจสอบด้วยสายตาค่อนข้างยาก” นายสมเกียรติกล่าว

 

         ทั้งนี้ ป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ำว่า การร่วมมือของประชาชนในการให้ข้อมูลเบาะแสเป็นกำลังสำคัญ เพราะยุคปัจจุบันสังคมตื่นตัวเรื่องการใช้งบประมาณและการตรวจสอบการทุจริตงานก่อสร้างมากขึ้น หากพบข้อพิรุธ สามารถแจ้งผ่านช่องทางสำนักงาน ปปช.สตูล หรือสายด่วน ป.ป.ช.ได้ตลอดเวลา

……………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  สตูลเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก! เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นศึกษาผลกระทบโครงการบรรเทาอุทกภัยควนโดน–เมืองสตูล

สตูลเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก! เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นศึกษาผลกระทบโครงการบรรเทาอุทกภัยควนโดน–เมืองสตูล

          วันที่ 3 ก.ค. 68 ที่ห้องประชุมกาหลง ชั้น 2 อาคารศูนย์วิทยบริการ วิทยาลัยชุมชนสตูล ตำบลเกตรี อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหมายให้ นายธนพัฒน์ เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดการประชุมปฐมนิเทศ  โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น  เพื่อการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอควนโดน  และอำเภอเมืองสตูล  โดยมีนายมิตร บุญจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสตูล  พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมชลประทาน หน่วยงานราชการ ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังข้อมูลและร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างพร้อมเพรียง

        สำหรับโครงการดังกล่าว กรมชลประทานมอบหมายให้สำนักงานบริหารโครงการว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อหาแนวทางบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบซ้ำซาก โดยเฉพาะบริเวณคลองดุสน คลองฉลุง และคลองตาลีไกล ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่ทำให้เกิดน้ำไหลหลากลงสู่พื้นที่ลุ่มอย่างรวดเร็ว และคลองระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ

 

           การศึกษาครั้งนี้เป็นการพิจารณาทางเลือกในการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมทั้งในด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการออกแบบระบบระบายน้ำ การจัดการวัสดุก่อสร้าง การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ตลอดจนการคำนึงถึงผลกระทบต่อแหล่งโบราณคดีและระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เพื่อรองรับการวางแผนออกแบบและการก่อสร้างในอนาคต

…………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  สตูลซ้อมอพยพสึนามิ…บทเรียนที่ไม่มีวันลืม   ชุมชนริมทะเลรวมพลังเรียนรู้เพื่อเอาชีวิตรอด

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ 

         เสียงไซเรนเตือนภัยดังก้องริมชายฝั่งอันเงียบสงบของหมู่บ้านหาดทรายยาว จังหวัดสตูล ทำเอาหลายคนสะดุ้งเฮือก ภาพความทรงจำอันโหดร้ายเมื่อสองทศวรรษก่อนย้อนกลับมาในหัวทันที  สึนามิครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนและทิ้งบาดแผลลึกไว้ในหัวใจคนไทย…และไม่มีใครอยากให้มันเกิดซ้ำอีก

 

        บ่ายวันนี้ นายศักระ   กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเตรียมความพร้อมรับมือภัยสึนามิที่โรงเรียนบ้านหาดทรายยาว ตำบลตันหยงโป โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลร่วมกับส่วนราชการ ทหาร และภาคประชาชน จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับสัญญาณเตือนภัย วิธีการอพยพที่ถูกต้อง การสื่อสารฉุกเฉิน รวมถึงสาธิตการใช้โดรนสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย

 

        การฝึกซ้อมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ ลดความตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง และปลูกฝังทักษะเอาตัวรอดให้ชาวบ้านทุกวัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่อาจไม่เคยเห็นภัยพิบัติร้ายแรงด้วยตาตนเอง การเรียนรู้เช่นนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องชีวิตคนรุ่นใหม่

       นางรอนี แซะอุหมาก วัย 71 ปี เล่าด้วยน้ำเสียงเมื่อคิดถึงวันนั้นแล้วยังกลัวไม่หาย เธอบอกว่าการซ้อมอพยพครั้งนี้ช่วยให้ทุกคนตื่นตัวและเตรียมใจเสมอว่า สึนามิอาจกลับมาอีกเมื่อไรก็ได้

        เช่นเดียวกับนายยะหยา ฮะยีบิลัง อายุ 63 ปี ที่มองว่านี่ไม่ใช่แค่กิจกรรมตามหน้าที่ แต่คือโอกาสให้คนเฒ่าคนแก่ได้เล่าบทเรียนชีวิตให้ลูกหลานได้เรียนรู้เส้นทางอพยพ และเข้าใจว่าทุกวินาทีมีค่าต่อความอยู่รอด

          “คนรุ่นใหม่บางคนไม่เคยเห็นความรุนแรงของสึนามิ การได้ซ้อม ได้เห็นขั้นตอนชัดๆ จะช่วยให้เขาไม่ประมาท” เขากล่าว

          แม้วันนี้เพียงแค่การจำลอง แต่บรรยากาศจริงจังและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อภัยธรรมชาติถาโถมเข้ามา เราไม่มีทางสู้มันได้เลย หากไม่รู้จักเตรียมตัว

          ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลย้ำว่าการซักซ้อมและเฝ้าระวังต้องทำต่อเนื่อง เพราะความเสียหายจากสึนามิอาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ การเข้าใจสัญญาณเตือนภัย ฝึกความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ และช่วยเหลือกันในชุมชน คือหัวใจสำคัญที่อาจหมายถึง “ความอยู่รอด” หรือ “การสูญเสีย”

        “เราไม่รู้หรอกว่าสึนามิจะมาเมื่อไหร่ แต่เราเลือกได้ว่าจะรับมืออย่างไร” เสียงเตือนใจนี้ยังคงก้องในหัวของชาวบ้านทุกคนที่ร่วมซ้อมอพยพในวันนี้

       และนี่คือบทเรียนที่ไม่มีวันลืม…บทเรียนที่ต้องส่งต่อไปถึงรุ่นลูกหลาน ให้จดจำว่าธรรมชาติยิ่งใหญ่เพียงใด และมนุษย์ต้องเตรียมพร้อมทุกลมหายใจ

………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ

มวลชนชาวสตูลกว่า 500 คน รวมพลังสวมเสื้อเหลือง มอบช่อดอกไม้–ส่งกำลังใจแม่ทัพภาค 2 ถึงค่ายสมันตรัฐฯ 

สตูล – เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ประชาชนชาวจังหวัดสตูลกว่า 500 คน นำโดยนางอุดมศรี จันทรัศมี ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล พร้อมด้วยสมาชิกชมรมทหารผ่านศึก และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันจัดกิจกรรมแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ ณ ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และส่งกำลังใจถึงกำลังพลในพื้นที่ชายแดน

ผู้ร่วมกิจกรรมต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง ถือธงชาติไทยและพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมขับร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างพร้อมเพรียง โดยตัวแทนจากชมรมคนรักในหลวงได้อ่านแถลงการณ์แสดงเจตจำนงในการรวมพลังรักชาติ และขอบคุณทหารทุกนายที่เสียสละปกป้องแผ่นดิน โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน

ไฮไลต์ของกิจกรรมคือพิธีมอบช่อดอกไม้แทนความรัก ความห่วงใย และกำลังใจจากพี่น้องชาวสตูล โดยมีร้อยโทสุรวุฒิ หนูเอียด ตัวแทนผู้บังคับกองร้อย ร.5 พัน.2 เป็นผู้รับมอบช่อดอกไม้ในนามแม่ทัพภาคที่ 2 ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนที่เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

นางรัตติยา มนูญดาหวี ตัวแทนจากชมรมคนรักในหลวงจังหวัดสตูล กล่าวว่า การรวมตัวในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นการรวมพลังจากหัวใจของประชาชนที่ห่วงใยประเทศชาติ และต้องการส่งกำลังใจให้ทหารที่เสียสละปกป้องแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

  คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

สตูล-คืบหน้าเศร้า – พบศพ “น้องจีรยุทธ” ใต้กอไผ่ ห่างจุดจมน้ำ 2 กม. พ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต

         สตูล – ความหวังที่เปล่งประกายดับลงอย่างเจ็บปวด หลังเจ้าหน้าที่พบร่างของ ด.ช.จีรยุทธ นางา อายุ 6 ปี ที่จมหายไปในคลองบ้านควน เมื่อสองวันก่อน โดยศพถูกพบช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) บริเวณบ้านทุ่งวิมาน ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 2 กิโลเมตร

          น้องถูกกระแสน้ำพัดมาเกยใต้กอไผ่ ท่ามกลางเศษไม้และวัชพืชริมคลอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทรพร้อมชาวบ้านเร่งนำร่างขึ้นจากน้ำอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อแม่และชุมชนที่ร่วมค้นหาน้องตลอด 2 วันที่ผ่านมา

          แม้จะเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ครอบครัวของน้องยืนยันไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่าเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุจากการพลัดตกน้ำ ประกอบกับการพบศพในสภาพสมบูรณ์ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยผิดปกติ

         หลังการชันสูตรเบื้องต้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ครอบครัวนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในทันที

          เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนสะเทือนใจสำหรับชุมชนอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ปกครองและเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งต่างตระหนักถึงอันตรายของแหล่งน้ำในช่วงหน้าฝน ที่แม้จะดูสงบ แต่ซ่อนความเชี่ยวกรากและอันตรายไว้เบื้องล่าง

………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-เด็ก 6 ขวบจมน้ำลึกคลองในหมู่บ้าน  ญาติขอปาฏิหาริย์มีจริง  ชุดกู้ภัย-ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเร่งค้นหาแม้น้ำจะเชี่ยวจะเป็นอุปสรรค

สตูล-เด็ก 6 ขวบจมน้ำลึกคลองในหมู่บ้าน  ญาติขอปาฏิหาริย์มีจริง  ชุดกู้ภัย-ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเร่งค้นหาแม้น้ำจะเชี่ยวจะเป็นอุปสรรค

สตูล – ปฏิบัติการค้นหาเด็กชายวัย 6 ขวบ “ด.ช.จีรยุทธ นางา” ที่จมหายกลางลำคลองบ้านควน อำเภอเมืองสตูล เข้าสู่วันที่ 2 แล้ว ท่ามกลางความหวัง ความห่วงใย และเสียงร่ำไห้ของครอบครัว รวมถึงชาวบ้านกว่า 100 คนที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

เหตุการณ์สะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา เด็กชายจีรยุทธ สวมเสื้อพละสีแดงของโรงเรียน กลับจากเรียนหนังสือและเดินเล่นกับเพื่อนบริเวณบันไดริมลำคลองบ้านควน หมู่ที่ 3 ต.บ้านควน ก่อนจะพลัดตกลงไปในน้ำ ซึ่งไหลเชี่ยวและมีโพรงหินใต้น้ำจำนวนมาก

เพื่อนของน้องให้การเบื้องต้นว่าเห็นน้องลื่นและจมหายไปต่อหน้าต่อตา สร้างความตกใจและเศร้าสลดให้กับชุมชนในทันที

เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทร จ.สตูล พร้อมฝ่ายปกครอง อส. และทีมประดาน้ำกว่า 20 นาย เร่งค้นหาน้องตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยใช้ทั้งเรือในการตีผิวน้ำเพื่อให้ร่างลอยขึ้น รวมถึงอุปกรณ์ค้นหาท่ามกลางสภาพน้ำเชี่ยว และสภาพใต้น้ำที่ซับซ้อน มีทั้งโพรงและโขดหินขนาดต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ

นายกูดานัน  หลังจิ นายก อบต.บ้านควน เผยว่า ชาวบ้านร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ให้การสนับสนุนและส่งแรงใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์

 

ด้านนายฮามีดัน ตะวัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ระบุว่า เด็ก ๆ ในชุมชนมักเล่นน้ำบริเวณนี้เป็นประจำ แต่ครั้งนี้อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน พร้อมย้ำว่าได้รับคำสั่งเร่งด่วนจากผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลให้เร่งค้นหาโดยไม่ลดละ

 

แม้ความหวังจะริบหรี่ แต่ภารกิจยังคงเดินหน้าด้วยพลังศรัทธา และคำภาวนา “ขอให้น้องกลับมาอย่างปลอดภัย” ท่ามกลางคำเตือนที่ดังกึกก้องในชุมชนว่า “น้ำใสไม่ใช่ว่าปลอดภัยเสมอไป”

เตือนภัย: ผู้ปกครองควรระวังเด็กเล็กใกล้แหล่งน้ำ และควรมีการรั้วกั้นหรือมาตรการป้องกันในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมซ้ำรอยในอนาคต.

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

40 นักดำน้ำฝ่าคลื่นช่วยชีวิตปะการังสตูล  ร่วมแรงใจเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่หวั่นแม้ลมแรงฝนหนาว

ภารกิจเคลียร์อวนใต้ทะเลสุดโหด! 40 นักดำน้ำฝ่าคลื่นช่วยชีวิตปะการังสตูล  ร่วมแรงใจเพื่อสิ่งแวดล้อม… ไม่หวั่นแม้ลมแรงฝนหนาว

ท้องทะเลสตูลเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง เมื่อทีมจิตอาสานักดำน้ำกว่า 40 ชีวิต จากหลายภาคส่วน รวมพลังฝ่าคลื่นลมแรง สายฝนหนาวเหน็บ ทำภารกิจเก็บกวาดอวนผืนใหญ่ที่ติดอยู่กับแนวปะการัง บริเวณ “กองหินขาว” ใกล้เกาะบุโหลนเล จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568

 

ภารกิจครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน), Reef Guardian Thailand, อุทยานแห่งชาติเภตรา, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา, บริษัทเลตรังไดว์วิ้ง, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, พร้อมผู้สนับสนุนอีกหลายราย โดยมี นายดินัน พัทลุง ประธานกลุ่มรีฟการ์เดี้ยน  หัวหน้าชุดเก็บกู้อวนในครั้งนี้  และ นายไรน่าน เด็นเบ็น จาก Reef Guardian Thailand เป็นหัวเรือใหญ่ในการประสานภารกิจครั้งนี้

 

ทีมงานออกปฏิบัติภารกิจด้วย เรือหางยาง 3 ลำ และ เรือสปีดโบ๊ท 1 ลำ มุ่งหน้าสู่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นแนวปะการังที่อวนพลาสติกขนาดยักษ์ กว้างกว่า 150 เมตร และสูง 8 เมตร พัวพันอยู่กับกองหินใต้ทะเล ลักษณะอวนเริ่มเสื่อมสภาพและอาจกลายเป็นกับดักสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาว

 

แม้จะเจอสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ  คลื่นลมแรง น้ำขุ่น และฝนตกโปรยปราย แต่ด้วยความทุ่มเท ทีมดำน้ำใช้ความชำนาญและประสบการณ์ ค่อย ๆ ตัด คลี่ และเก็บอวนออกจากแนวปะการังอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม

ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี  โดยสามารถนำอวนและเศษขยะใต้ท้องทะเลขึ้นฝั่งได้ รวมกว่า 550 กิโลกรัม เป็นอีกก้าวสำคัญของการอนุรักษ์ทะเลใต้และฟื้นฟูธรรมชาติสู่ความสมดุล

 

“นี่ไม่ใช่แค่การเก็บขยะ… แต่มันคือการคืนชีวิตให้ทะเล”  เสียงหนึ่งจากนักดำน้ำอาสาที่สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจของคนรักทะเลได้อย่างลึกซึ้ง

 

การรวมพลังครั้งนี้ไม่เพียงเป็นแบบอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมลุกขึ้นมาปกป้องท้องทะเลไทย ก่อนที่ธรรมชาติจะไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวอีกต่อไป

………………………………………………..

ขอบคุณภาพ  จากคุณไรน่าน  เด็นเบ็น

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สะพานรอวันซ่อม… เสียงจากชาวเกาะสาหร่ายถึงใจผู้ว่าฯ สตูล

สะพานรอวันซ่อม… เสียงจากชาวเกาะสาหร่ายถึงใจผู้ว่าฯ สตูล

สตูล – บนเกาะสาหร่าย หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล สะพานท่าเทียบเรือซึ่งเคยเป็นหัวใจของการเดินทางและขนส่งสินค้า ได้กลายเป็นเพียงโครงสร้างที่ผุพังมานานกว่า 5 ปี สภาพชำรุดทรุดโทรม ขาดการดูแล และไร้เจ้าภาพรับผิดชอบอย่างชัดเจน ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องเผชิญความลำบากทุกวัน

การขนถ่ายสินค้าทางทะเลกลายเป็นเรื่องยากลำบาก โดยเฉพาะในฤดูมรสุม ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เสียโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย

จากความทุกข์นี้เอง ทำให้นายยุทธพงษ์ หมัดตุกัง ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลเกาะสาหร่าย พร้อมด้วยนายอดุลย์ ชนะบัณฑิต จากภาคประชาชน จ.สตูล (พลเมืองรักษ์สตูล) เป็นตัวแทนรวบรวมรายชื่อชาวบ้านนับร้อยคน ยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล เพื่อทวงถามแนวทางการซ่อมแซมสะพานแห่งนี้อย่างเร่งด่วน

ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับความใส่ใจจาก นายธนพัฒน์  เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล ซึ่งได้ลงมารับเรื่องด้วยตนเอง พร้อมชี้แจงว่า นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายพิบูลย์  รัชกิจประการ ส.ส.ได้มีการเข้ามาทวงถามและหารือเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง

 

เบื้องต้น ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย ยินดีรับโอนทรัพย์สินสะพานมาอยู่ในความดูแล โดยหากวงเงินซ่อมแซมอยู่ในกรอบงบประมาณไม่เกิน 3 ล้านบาท ทาง อบต. จะสามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากเกินขีดความสามารถ จังหวัดจะประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อหาทางสนับสนุนงบเพิ่มเติม

 

ขั้นตอนต่อไปคือการให้ อบต. ออกมติเห็นชอบในการรับโอนสะพานเป็นทรัพย์สินของท้องถิ่น เพื่อให้มี “เจ้าภาพ” ดูแลระยะยาวหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น

 

หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกล่าวต่อว่า ผู้ว่าฯ สตูลมีความห่วงใย และต้องการให้เกาะสาหร่ายไม่ตกขบวนในการจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์จังหวัด” ประจำปี 2570 หากไม่ทันในปีนี้ ก็จะผลักดันให้เข้าปี 2571 ซึ่งปัจจุบันมีสะพานหลายแห่งในสตูลที่อยู่ในภาวะวิกฤตเช่นกัน

 

ด้านนายยุทธพงษ์ หมัตตุกัง ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า หลังทราบความคืบหน้า รู้สึกคลายกังวล พร้อมขอบคุณผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับฟังเสียงจากชาวบ้าน และแสดงเจตจำนงในการเร่งแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้สะพานแห่งนี้กลับมาเป็นจุดเชื่อมต่อของชีวิต เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของเกาะสาหร่ายได้อีกครั้ง

 

“ขอบคุณที่เกาะสาหร่ายจะไม่ตกขบวน… เราหวังว่าจะได้เห็นสะพานกลับมาแข็งแรงสมศักดิ์ศรี และเป็นหน้าตาของจังหวัดอีกครั้งในเร็ววัน” – ตัวแทนชาวบ้านกล่าวทิ้งท้าย

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ผู้ว่าฯ สตูลนำทีมเยียวยาครอบครัวผู้สูงอายุวัย 72 ปี หลังบ้านถูกไฟไหม้วอด สูญเสียทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นบาท

ผู้ว่าฯ สตูลนำทีมเยียวยาครอบครัวผู้สูงอายุวัย 72 ปี หลังบ้านถูกไฟไหม้วอด สูญเสียทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นบาท

      วันที่ (30 เม.ย.68) ที่บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 6 บ้านคลองบัน ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย ทพญ.สุกีรติ กปิลกาญจน์ นายกเหล่ากชาดจังหวัดสตูล นายอาทิตย์ วงมุสิก ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอท่าแพ นางสาววาสิฏฐี สาระพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล  ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล  ร่วมลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบเหตุอัคคีภัย มอบสิ่งของช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

         เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568  เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ณ บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 6 บ้านคลองบัน ตำบลสาคร อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล โดยผู้อยู่อาศัย ชื่อนางสะแอด๊ะ นาปาเลน อายุ 72 ปี เป็นมารดาของเจ้าของบ้าน ชื่อนางสาวฮาบีบ๊ะ น่าฮู อายุ 39 ปี จากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลสาคร  ได้ดำเนินการเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น  ทั้งนี้มีทรัพย์สินที่เสียหาย คือ อาคารปลูกสร้าง 1 หลัง ประมาณการความเสียหายเบื้องต้น 60,000 บาท

……………………………

ภาพ/ข่าว : ขนิษฐา เดิมหลิ่ม / ส.ปชส.สตูล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ต้นตะเคียนยักษ์อายุกว่า 100 ปี ล้มทับบ้าน 4 ครอบครัวกลางดึก – เคราะห์ดีไร้คนเจ็บ หลังเจ้าของไปงานมัสยิดที่กรุงเทพฯ

สตูล-ต้นตะเคียนยักษ์อายุกว่า 100 ปี ล้มทับบ้าน 4 ครอบครัวกลางดึก – เคราะห์ดีไร้คนเจ็บ หลังเจ้าของไปงานมัสยิดที่กรุงเทพฯ

         เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. ของวันนี้ เกิดเหตุต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับบ้านเรือนประชาชนในชุมชนซอยม้าขาว ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยของ 4 ครอบครัว รวมทั้งหมด 11 คน ซึ่งมีเด็กจำนวนมาก โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน เนื่องจากทุกคนได้เดินทางไปร่วมงานประจำปีที่มัสยิดในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และมีกำหนดเดินทางกลับในวันอาทิตย์

 

         นางสาวดาหวัน เส็นดาหวัน อายุ 37 ปี หนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุเธอกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงดังโครมสนั่นจนสะดุ้งตื่น เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ล้มทับบ้านของพี่สาวจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังเกิดเหตุไฟฟ้าในพื้นที่ได้ดับลงทันที และมีการตัดไฟเพื่อความปลอดภัย

        จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าต้นไม้ที่ล้มลงเป็นต้นตะเคียนขนาดใหญ่ อายุกว่า 100 ปี ชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้พื้นดินชุ่มน้ำและอ่อนตัว จนไม่สามารถพยุงน้ำหนักของต้นไม้ได้

 

       ล่าสุดนายกิติศักดิ์ มูสิกสง นายกเทศมนตรีเมืองสตูล  สั่งการ เจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองสตูลได้เข้าพื้นที่เพื่อตัดกิ่งไม้และเคลียร์ซากต้นตะเคียนออกจากบ้าน พร้อมทั้งเตรียมวางแผนให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน

……………………………

อัพเดทล่าสุด