Categories
ข่าวเด่น

สตูล – ตำรวจทุ่งหว้า รวบสาวรุ่นติดยา ตรวจประวัติพบคดีบัญชีม้า

 ตำรวจทุ่งหว้า รวบสาวรุ่นติดยา ตรวจประวัติพบคดีบัญชีม้า

          (20 พ.ค.67) เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งหว้า ได้เดินทางไปยังขนำในสวนยางพารา ในพื้นที่ ต.ป่าแก่บ่อหิน อ.ทุ่งหว้า จว.สตูล  ตามที่ได้สืบทราบมาพบหญิงวัยรุ่นพาเด็กอายุประมาณ 4 ปี มานั่งอยู่บริเวณขนำ สภาพเด็กน่าสงสาร นั่งหิวโหย เสื้อผ้าสกปรก ผิวหนังถูกยุงกัด โดยหญิงวัยรุ่นลักษณะคล้ายคนติดยาเสพติด  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามข้อมูล ทราบชื่อคือ นางสาวเกตุแก้ว หรือ ฟ้า (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี  ที่อยู่ ม.1 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน  จ.ตรัง ท่าทางมีพิรุธจึงได้ขอทำการตรวจค้นกระเป๋า พบ กระสุนปืน .22 จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอทำการตรวจค้นขนำ และบริเวรโดยรอบขนำ พบยาบ้า 1 เม็ด ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นใกล้กับจุดที่ น.ส.เกตุแก้ว ฯ นั่งอยู่ และพบอาวุธปืนยาว ใช้กระสุนลูกแก้ว ทำจากท่อ PVC  จำนวน 1 กระบอก ลูกแก้ว จำนวน 53 ลูก และอุปกรณ์การเสพ จำนวน 1 ชุด ภายในขนำ

       โดยกล่าวหาว่า  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต , เสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

          จากนั้นได้ตรวจสอบประวัติ พบมีหมายจับของศาลจังหวัดเลย  ในคดีเกี่ยวกับการเปิดบัญชีม้า จึงได้ควบคุมตัวมายัง สภ.ทุ่งหว้า ทำบันทึกจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป ส่วน เด็ก 4 ขวบ เนื่องจากเด็กขาดอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดหาอาหาร ขนม อาบน้ำแต่งตัวและจัดหาของใช้จำเป็นให้กับเด็ก และได้ประสานความร่วมมือกับ พม.จังหวัดสตูล และ บ้านพักเด็กจังหวัดสตูล เพื่อรับตัวเด็กคนดังกล่าวไปดูแล จากนั้น พ.ต.ท.ภนภัค ภานุเดชากฤษ สั่งการให้ชุดสืบสวน รีบนำเด็กส่งบ้านพักเด็กจังหวัดสตูลเป็นการด่วน

……………….

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

สตูล – เผาเรือกลางเกาะหนีความผิด

สตูลผสมกำลังเปิดปฏิบัติการยุทธการฟ้าสางอันดามัน รอบ 2   นำเรือตรวจการณ์ 3 หน่วยงานทางน้ำ ขนกำลังเกือบ 50  นาย ลงเกาะเร่งตรวจสอบเรือโดนเผา พบผู้ต้องสงสัยไหวตัวหลบหนี   

             วันที่ 24 พ.ค.2567 น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) พร้อมกำลังตำรวจน้ำสตูล ตม.สตูล ตชด 436 สตูล ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ทหารหมวดปืนเล็ก ร้อยร 5021 และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูล 48 นายสนธิกำลังตรวจสอบคดี “เผาเรือ” ที่เป็นเรือเป้าหมายน่าเชื่อได้ว่ากระทำความผิดกฎหมาย ที่เกาะยาว ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล

            โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเรือต้องสงสัย ภายใต้ยุทธการฟ้าสางอันดามัน พบเรือต้องสงสัยแล่นอยู่บริเวณน่านน้ำเกาะยาว หลังเรือจอดเทียบฝั่งที่เกาะยาว จึงเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2567 ก่อนถูกขัดขวาง เกิดการเขวี้ยงปาก้อนหินใส่เรือเจ้าหน้าที่ขณะเข้าตรวจสอบ จนเจ้าหน้าที่ต้องถอนกำลังออก ลอยเรือตรวจสอบอยู่ภายนอกกระทั่งพบมีการถอดเครื่องยนต์เรือ เหลือแต่ตัวเรือก่อนเผาเรือไฟลุกควันโขมง ในช่วงเช้าวันที่(23 พ.ค.2567)

            จากนั้น เจ้าหน้าที่นำเรือตรวจการตำรวจน้ำ 521 เรือตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล1 และเรือตรวจการของ ศรชล. เข้าเทียบฝั่งเกาะยาว เกาะที่เกิดเหตุดังกล่าว ทางนายอำเภอเมืองสตูล มอบหมายให้ฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองสตูล และฝ่ายป้องกันจังหวัดสตูล ประสานงานกับทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ก่อนเข้าตรวจสอบพบร่องรอยสภาพเรือถูกเผาไหม้ ช่วงท้ายเรือจนเกิดรอยรั่วไม่สามารถนำเข้าฝั่งแผ่นดินใหญ่ได้

           ด้านนายยัสมี หมานสัน ผญบ.1 เกาะยาว ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล ผู้นำท้องที่อยู่ประจำบนเกาะแห่งนี้ พร้อมที่จะให้ความร่วมต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และพร้อมขึ้นไปบนฝั่งเพื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสตูล และรวมรวบรายชื่อบุคคลที่ขัดขวาง การทำงานของเจ้าหน้าที่ส่งให้ตรวจสอบ

          ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าผู้ต้องสงสัยที่เป็นเจ้าของเรือลำดังกล่าวนั้น เป็นชาวมาเลเซีย ที่มาอาศัยอยู่บนเกาะยาวแห่งนี้ และมีครอบครัว มีภรรยาเป็นคนบนเกาะยาว ทั้งคนและเรือเป็นที่น่าสงสัย พบมีประวัติทำสิ่งผิดกฎหมาย ในน่านน้ำทางทะเลของจังหวัดสตูล และจากสาเหตุการเผาเรือลำนี้ น่าเชื่อได้ว่า เจ้าของเรือกลัวมีความผิด และทางเจ้าหน้าที่ต้องการที่จะนำเรือลากไปตรวจสอบบนฝั่ง จึงเร่งเผาทำลายหลักฐาน เรือลำนี้ แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ มีฝนตกลงมาทำให้เรือเสียหายช่วงท้ายเรือเท่านั้น

         ด้าน น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) กล่าวหลังได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า เป็นปัญหาจากคนกลุ่มหนึ่งที่ ขัดขวางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยการเข้ามาในวันนี้เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในเบื้องต้นนี้ก็คือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย และคนในพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป ถือเป็นการมาเยี่ยมเยียนมาดูแลในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งก็ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการศรชล.จังหวัดสตูล เป็นการสื่อให้ผู้กระทำความผิดได้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาในวันนี้มีข้อมูลด้านการข่าวครบถ้วน

          ฉะนั้นผู้ใดที่จะกระทำผิดที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือผลประโยชน์ของชาติทางภาพรวม ก็ขอให้ยุติ เพราะจะต้องมีการดำเนินการป้องกันปราบปราม เพื่อคงสภาพผลประโยชน์ของชาติต่อไป

         สำหรับคดีนี้ ขั้นแรกเจ้าของพื้นที่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีเพราะเกิดเหตุวางเพลิง หลังจาก เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจะทำการสืบสวน สอบสวน หาคนกระทำผิดต่อไป
สำหรับเรือลำดังกล่าว เป็นหางยาวทำด้วยไฟเบอร์กล๊าซ เครื่องยนต์ติดท้ายจำนวน 2 เครื่อง ขนาดกว้างประมาณ 1.5 เมตร ยาวประมาณ 5 เมตร สีฟ้าสลับขาว โดยเรือลักษณะดังหล่าวนี้แล่นเร็ว
………………………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล – นักโบราณคดีลงเก็บหลักฐาน  ถ้ำเขาค้อม  หลังเจอชุดกระดูกสภาพสมบูรณ์ในสุสานมนุษย์โบราณ   พร้อมยอมรับว่า   สตูลนับว่าเป็นแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

นักโบราณคดีลงเก็บหลักฐาน  ถ้ำเขาค้อม  หลังเจอชุดกระดูกสภาพสมบูรณ์ในสุสานมนุษย์โบราณ   พร้อมยอมรับว่า   สตูลนับว่าเป็นแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

         วันที่ 16 พ.ค.2567   นักโบราณคดี จากสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา พร้อมทีมงานและทีมนักศึกษากว่า 10 คน ลงเก็บร่องรอยและหลักฐานทางโบราณคดีภายในถ้ำเขาค้อม  หมู่ที่ 10 ต.ควนกาหลง  อ.ควนกาหลง  จ.สตูล ซึ่งมีทางที่ว่าการอำเภอควนกาหลง ประชาชนชาวควนกาหลง ร่วมสังเกตการณ์   สำหรับถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังของวิทยาลักเกษตรและเทคโนโลยีสตูลติดกับอ่างเก็บน้ำหล่อเลี้ยงชาวบ้าน

         

          หลังได้รับแจ้งว่านายกำพลศักดิ์  สัสดี  นักสำรวจถ้ำและอาสากู้ภัยป่าภูเขา และคณะอาจารย์ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูลว่าหลังได้สำรวจร่องรอยภายในถ้ำเขาค้อม   ซึ่งห่างจากปากถ้ำไม่มากนัก พบโพรงถ้ำขนาดใหญ่คล้ายหลุมยุบและด้านในชั้นดินยังพบเศษโครงกระดูกมากมายคล้ายสุสาน  พบเครื่องมือยุคหิน และกระดูกหน้าแข้ง กระดูกซีโครง และที่สำคัญ กระดูกฟันกรามล่างที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ อยู่ปะปนกับเปลือกหอยทับถมในชั้นดินจำนวนมาก  ยิ่งขุดยิ่งเจอนั้น  เพื่อให้ทีมนักโบราณคดีเข้าตรวจสอบเพื่อที่จะได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือ สถานที่เรียนรู้ต่อไป หากเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญจริง ๆ

           ด้านน.ส.เพลงเมธา ขาวหนูนา นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา  กล่าวว่า  การเดินทางมาในครั้งนี้มาเพื่อเก็บข้อมูลในเบื้องต้นเพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าเป็นอย่างไร   โดยวันนี้ได้มาเก็บสภาพแหล่งที่พบและหลักฐานทางโบราณคดีที่พบภายในถ้ำว่ามีอะไรบ้าง   แล้วนำไปวิเคราะห์ข้อมูลอีกครั้ง  การเจอโบราณวัตถุในช่วงสมัยนั้นก็สามารถที่จะบ่งบอกได้ว่าเป็นยุคไหน   อย่างเช่น  ขวานหิน  หรือ  เครื่องมือ ที่ใช้ที่เป็นภาชนะดินเผา

 

          สำหรับพื้นที่ตรงนี้เบื้องต้นอยากจะขอให้มีการปิดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้ามาทำลาย  สำหรับการตรวจสอบใช้เวลากี่วันนั้น   วันนี้เป็นเพียงเบื้องต้นในการตรวจสอบ  ต้องมีการประเมินว่าต้องทำขั้นตอนอะไรต่อไป  โดยวัตถุที่เก็บไปในครั้งนี้จะนำไปวิเคราะห์ที่ศิลปากรที่ 11 จังหวัดสงขลา

 

          สำหรับจังหวัดสตูลนับว่าเป็นแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก ๆ มักจะพบเจอโบราณวัตถุค่อนข้างเยอะพร้อมขอฝากในส่วนของแหล่งโบราณคดี  หากพี่น้องประชาชนเจอโบราณวัตถุสามารถแจ้งได้ที่ศิลปากรที่ 11 สงขลายินดีที่จะเข้ามาตรวจสอบ  เพราะอยากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์รักษาเป็นมรดกของชาติต่อไป

 

…………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

สตูล – ทัพเรือภาคที่ 3 และ ศรชล.จังหวัดสตูล ช่วยเหลือลูกเรือประมงป่วยฉุกเฉินกลางทะเล

ทัพเรือภาคที่ 3 และ ศรชล.จังหวัดสตูล ให้ความสำคัญทุกชีวิตด้วยมาตรฐานเดียวกัน หลังออกเรือช่วยเหลือลูกเรือประมงป่วยฉุกเฉินกลางทะเล

          (16 พ.ค.67) ศรชล.จังหวัดสตูล ได้รับแจ้งว่ามีลูกเรือประมงเรือปิยะนาวา ป่วยมีอาการหอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ขณะเรืออยู่กลางทะเลบริเวณทิศใต้ของเกาะเขาใหญ่ เกรงว่าผู้ป่วยจะได้รับอันตรายจึงประสานขอความช่วยเหลือให้ช่วยรับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

         ศรชล.จังหวัดสตูล จึงได้ประสาน ทีพเรือภาคที่ 3  ขอรับการสนับสนุนจัดหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ (นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ) จัดกำลังพลพร้อมเรือ RIB เดินทางให้ความช่วยเหลือ เพื่อรับผู้ป่วยส่งเข้าฝั่งที่ปากบารา ผู้ป่วยชื่อ นายวาเหตุ  ขุนจง อายุ 56 ปี โรคประจำตัว หอบหืด แรกพบผู้ป่วยมีอาการ หายใจเหนื่อย หอบ  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการให้อ๊อกซิเจนและพ่นยาแก้หอบหืด  ภายหลัง พ่นยาผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น จึงได้นำผู้ป่วยกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรือปากบารา  ส่งต่อให้ 1669 รพ.ละงู

…………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล-นักสำรวจถ้ำพบสุสานโครงกระดูกมนุษย์ยุคหิน ชุดฟันกรามสมบูรณ์ที่สุด และเครื่องใช้ใบราณซ่อนใต้ชั้นดินหลุมยุบถ้ำเขาค้อม  คาดอายุเกิน 5,000 ปี

นักสำรวจถ้ำพบสุสานโครงกระดูกมนุษย์ยุคหิน ชุดฟันกรามสมบูรณ์ที่สุด และเครื่องใช้ใบราณซ่อนใต้ชั้นดินหลุมยุบถ้ำเขาค้อม  คาดอายุเกิน 5,000 ปี วิทยาลัยเกษตรฯ เจ้าของพื้นที่กั้นห้ามเข้า รอกรมศิลปกรขุดค้น  เต็มรูปแบบผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์

        ที่ภูเขาหลังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล  ซึ่งติดกับถ้ำเขาค้อม หมู่ที่ 10  ต.ควนกาหลง  อ.ควนกาหลง  จ.สตูล   นายนาทชัย   เถื่อนทิม  อ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูลพร้อมเจ้าหน้าที่ และ นายกำพลศักดิ์  สัสดี นักสำรวจถ้ำ ,และอาสากู้ภัยป่าภูเขา (แห่งวีรบุรุษถ้ำหลวง) ,นายราเชนทร์   เบ็ญโกบ  ชาวบ้านชุมชนควนกาหลง , นายไพรัช  สุขงาม ผอ.ททท.สำนักงานสตูลร่วมสังเกตการณ์, และคณะนักข่าวเข้าสำรวจถ้ำป่าเขาค้อม ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถ้ำที่สวยงามและมีเรื่องเล่า 

 

        ถ้ำเขาค้อม   ถูกนักสำรวจถ้ำในจังหวัดสตูลที่มีชื่อเสียงอย่างคุณกำพลศักดิ์  สัสดี  นักสำรวจถ้ำมือฉมังระดับแนวหน้าของจังหวัดและของประเทศ (ทีมช่วยหมูป่าที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน) ได้ค้นพบว่าถ้ำแห่งนี้มีความหลากหลายทางระบบถ้ำมากที่สุด  และมีความยาวที่สุดแห่งหนึ่งในสตูล    

 

          นายกำพลศักดิ์  สัสดี  นักสำรวจถ้ำและอาสากู้ภัยป่าภูเขา (วีรบุรุษถ้ำหลวง) หลังขออนุญาติเจ้าของพื้นที่เข้าสำรวจหลายครั้ง  พบว่า  เขาค้อมเป็นเขาลูกใหญ่ลักษณะเขาหินปูนผสมป่าดงดิบ มีถ้ำที่เชิงเขา  อยู่ที่ชาวบ้านเรียกว่าถ้ำเขาค้อม  เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่าเป็นถ้ำระบบแห้งประมาณ 500 เมตร และลึกเข้าไป 1 กิโลเมตรจะเป็นถ้ำลำธาร  ที่ยังไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน  และยังพบว่าที่โซนปากถ้ำมีร่องรอยการอาศัยของยุคมนุษย์หิน โดยพบเครื่องมือเครื่องใช้ในยุคมนุษย์หิน  และยังเจอชิ้นส่วนของกระดูกมนุษย์ (กระดูกหน้าแข้ง ,กระดูกสันหลัง,เศษกะโหลกไม่น้อยกว่า 10 ชิ้น ) และชิ้นส่วนฟันกรามล่างที่ค่อนข้างสมบูรณ์   รวมทั้งเปลือกหอยจำนวนมาก ที่ทับถมปะปนกัน   เชื่อได้ว่าตรงจุดที่พบน่าจะเป็นสุสานเพราะยิ่งขุดดูยิ่งพบเศษชิ้นส่วนมนุษย์  ที่เชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 10 ชีวิตที่นำร่างมาฝังตรงนี้

 

          หลังจากที่ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูลได้มาร่วมสังเกตการณ์และร่วมดูหลักฐานการพบเจอในครั้งนี้   เบื้องต้นเราได้แจ้งไปที่กรมศิลปากร เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานทางวิชาการอีกครั้ง 

 

         ซึ่งร่องรอยการพบชิ้นส่วนทั้งหมดนี้ได้ส่งตัวอย่างไปเปรียบเทียบทางโบราณคดีมีการยืนยันแล้วว่าใกล้เคียงกับยุคมนุษย์หิน เป็นฟันกรามของมนุษย์ยุคหินจริงๆ อายุน่าจะเกิน 5,000 ถึง 10,000  ปี ซึ่งหลังจากนี้ทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล  คงจะมีการประสานไปทางกรมศิลปากรให้เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อเข้าสู่กระบวนการขุดค้นการดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบ   หลังจากนี้ทางวิทยาลัยและเทคโนโลยีสตูลจะมีการกันพื้นที่เพื่อไม่ให้มีการเข้าไปเหยียบย่ำ หรือ ขุดทำลาย  

 

        นักสำรวจถ้ำ และอาสากู้ภัยป่าภูเขา (วีรบุรุษถ้ำหลวง) หลังขออนุญาตเจ้าของพื้นที่เข้าสำรวจหลายครั้ง  บอกด้วยว่า   สิ่งที่มุ่งหวังอยากให้เกิดคือให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ธรณีวิทยาเพราะมีถ้ำระบบน้ำที่สามารถที่จะเรียนรู้ทางธรณีวิทยาได้  จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พิเศษสักหน่อยสำหรับคนที่สนใจด้านนี้โดยเฉพาะ    พร้อมฝากชาวบ้านชุมชนคนที่เดินป่าเดินเขา  หากเจออะไรที่มีลักษณะพิเศษเกี่ยวกับกระดูก  คล้ายมนุษย์ขอให้รีบแจ้งกู้ภัยก็จะลงไปตรวจสอบว่าเป็นกระดูกของใครเพื่อที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดู

        นายนาทชัย   เถื่อนทิม  อ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล   กล่าวว่า   ในส่วนของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูลหลังได้ทราบข่าวการค้นพบได้รีบแจ้งฝ่ายบริหารให้รับทราบ และได้มอบหมายให้มากันพื้นที่ ป้องกันบุคคลภายนอกจะเข้ามาเหยียบย่ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้  แล้วจะมีการประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในการจัดทำข้อมูลต่อไป  หรือผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแหล่งหนึ่งภายในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล   สำหรับพื้นที่ตรงจุดนี้ปกติแล้วทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูลจัดการพื้นที่เป็นแหล่งน้ำใช้ภายในชุมชน  ปกติไม่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ชุมชนจะใช้น้ำจากแหล่งตรงนี้ แต่หากมีการค้นพบและสามารถเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็คงจะต้องมีการผลักดันต่อไป

 

         นายราเชนทร์   เบ็ญโกบ  ชาวบ้านชุมชนควนกาหลง  บอกว่า  ที่ถ้ำเขาค้อมจะมีศาลเพียงตาด้านหน้า  ที่ชาวบ้านเรียกว่าทวดเขาค้อม  มีการมาตั้งศาลไว้ไม่นาน  หลังมีการบนบานศาลกล่าวและได้ตามผลที่ขอ  ได้โชคลาภตามที่ขอโดยใช้ไข่ไก่มาแก้บนไม่นานมานี้เอง   สำหรับเรื่องเล่าที่นี่ก็การบางกลุ่มที่มีความเชื่อและมีการมาแก้บน  และส่งผลกลับมาด้วยการแก้ด้วยไข่ต้ม    ไม่ได้มีการกราบไหว้ในวงกว้าง  แต่จะมีการทำในบางกลุ่มเท่านั้น  การเจอโครงกระดูกและอุปกรณ์เครืองใช้ของยุคโบราณในครั้งนี้   มองว่าเป็นเรื่องใหม่จากนักสำรวจเป็นสิ่งแปลกใหม่ มีอายุหลายหมื่นปียุคโบราณ และเป็นสิ่งที่ดีในพื้นที่ที่น่าสนใจ วิวทิวทัศน์สวยงามมากรอบบริเวณนี้

…………………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

สตูล – คุณแม่โพสต์เตือนภัย! หลังสูญเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบ เล่นน้ำและออกไปปั่นจักรยานตากแดด กลับมาปวดหัวอาเจียนชีพจรอ่อนเสียชีวิตในที่สุด

สตูล – คุณแม่โพสต์เตือนภัย! หลังสูญเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบ เล่นน้ำและออกไปปั่นจักรยานตากแดด กลับมาปวดหัวอาเจียนชีพจรอ่อนเสียชีวิตในที่สุด

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่บ้านเลขที่ 137/4 ถ.ปานชูรำลึก  ซอย9  ต.พิมาน  อ.เมือง  จ.สตูล นายรักไทย  แซ่อ๋อง  อายุ  60 ปี ผู้เป็นตาได้เปิดน้ำใส่กะละมังคู่ใจของน้องบีลิน  หรือเด็กหญิงอริสตา แซ่อ๋อง วัย 3 ขวบ 3 เดือน 21 วัน   ซึ่งเป็นประจำที่น้องจะเล่นน้ำในกะละมังนี้คนเดียว  โดยมีปืนฉีดน้ำที่คุณตาเพิ่งซื้อให้   เป็นของเล่นที่น้องโปรดปราน  พร้อมจักรยานคู่ใจ   ที่น้องมักจะปั่นเล่นหน้าบ้านเป็นประจำหลังเล่นน้ำในกะละมังสลับไปมาเป็นอยู่อย่างนี้

           โดยวันเกิดเหตุ  วันที่ 21 เมษายน 2567  ขณะที่น้องเล่นน้ำในกะละมังและออกไปปั่นจักรยานกลางแดดไปมาอยู่คนเดียว ตกตอนเย็นน้องบ่นกับคุณตาว่าปวดหัว  คุณตาเลยเรียกให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกปอนด์   แล้วมานอนกินนมเวลาประมาณ 20:00 น น้องก็ยังบ่นปวดหัวอีก  จากนั้นก็อาเจียน แล้วจู่ ๆ ก็หมดสติลงอย่างรวดเร็ว   ทำให้คุณตาตกใจเป็นอย่างมากรีบพาไปหาหมอที่ รพ.สตูล ซึ่งอยู่ห่างไม่มากนักก็พบว่าน้องเสียชีวิตแล้ว

        คุณตายอมรับว่าตกใจมาก เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากไม่ทันตั้งตัว  คุณตาเล่าว่าอยู่กับน้องที่บ้านหลังนี้กัน 2 คนตาหลาน   เพราะคุณแม่ของน้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด   ส่วนตัวเบื้องต้นคิดว่าเกิดจากการเล่นกันของเด็ก ๆ และน้ำอาจจะเข้าจมูกปากน้อง  หรือไม่เพราะน้องชอบเล่นน้ำในกะละมังและเปิดน้ำใส่หน้าตาของตัวเอง   โดยปกติน้องเป็นคนร่าเริงแจ่มใส 

         ขณะที่ด้านคุณแม่ นางอัญชิสา   แซ่อ๋อง  อายุ  27 ปี เล่าว่า  ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีบุตรด้วยกัน 3 คน  โดยน้องบีลินเป็นลูกคนสุดท้อง อยู่กับตา 2 คนเนื่องจากตนไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ลูกอีก 2 คนก็แยกย้ายกันอยู่

          โดยทันทีที่ทราบข่าวลูกเสียชีวิตรีบเดินทางกลับบ้านเกิดทันที  โดยคุณหมอบอกว่า หลังจากมีการสแกนสมองพบว่ามีน้ำในหูอาจจะเป็นเพราะน้ำในหูดันให้เส้นเลือดสมองแตก  และน้องมีอาการเหมือนจะเป็นปอดบวมเพราะน้องชอบเล่นน้ำและแช่น้ำนาน  แล้วชอบออกไปปั่นจักรยานตากแดดร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ทัน 

         โดยปกติน้องจะเป็นคนร่าเริงและซน บางทีเราอาจจะไม่ทราบว่าน้องไม่สบายอยู่ก่อนหรือเปล่า ก็น้องเป็นเด็กซนอาจจะไม่แสดงอาการออก จากที่ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลเป็นการโพสต์แชร์จากการเสียใจ  แล้วอยากให้เป็นวิทยาทานไม่ปล่อยให้เด็กเล่นแช่น้ำนาน ๆ หรือไปเล่นตากแดดในช่วงนี้เพราะอากาศร้อนมาก  ก็ไม่ได้ติดใจ  หลังทราบรายละเอียดจากคุณหมอ  ว่าการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย  น้องบีลิน  ทางครอบครัวได้ทำการฌาปนกิจเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา

………………………………….

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

รมว.ยธ.เยี่ยมบ้านพักใจสตูล เตรียมดันให้เป็นโมเดลภาคใต้ ที่ใช้ศาสนบำบัดคืนคนดีสู่สังคม พร้อมยอมรับการศึกษามีผลต่อการแก้ปัญหายาเสพติด

รมว.ยธ.เยี่ยมบ้านพักใจสตูล เตรียมดันให้เป็นโมเดลภาคใต้ ที่ใช้ศาสนบำบัดคืนคนดีสู่สังคม พร้อมยอมรับการศึกษามีผลต่อการแก้ปัญหายาเสพติด

             วันที่ 7 เมษายน 2567   พันตำรวจเอกทวี    สอดส่อง   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  และคณะ เดินทางลงตรวจเยี่ยมและรับทราบปัญหายาเสพติด   ที่บ้านพักใจ    หมู่ที่ 2 ต.บ้านควน อ.เมืองสตูล โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  พร้อมด้วยปลัดจังหวัดสตูล  และนายกอบต.บ้านควนและส่วนที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ   พร้อมพบปะมอบนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด   ให้กับแกนนำตำบลอาสา  9 ตำบล  ก่อนมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมที่ห้องประชุมเรือนจำจังหวัดสตูล  และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเรือนจำจังหวัดสตูล 

           จากนั้นพันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ได้เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหายาเสพติด   เหมือนอย่างเช่นที่จุด  “บ้านพักใจ”  ที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ว่า  บ้านพักใจ   ที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งเป็นพักใจจริง ๆ  ที่เกิดขึ้นจากภาคประชาชนที่ลุกขึ้นมาร่วมแก้ปัญหาที่เกิดจากประสบการณ์เกี่ยวกับยาเสพติดด้วยตัวเองจากลูกของเจ้าของสถานที่   เกี่ยวข้องไปติดยาเสพติดและต้องไปบำบัด  ฟื้นฟู  รักษาในสถานที่อื่น   ชุมชนโดยเฉพาะในสตูลหลายแห่งก็ติดยาเสพติด   ก็ลุกขึ้นมาเพื่อทำประโยชน์ต่อสังคม  จึงมีสถานที่นี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในการฟื้นฟู   กลุ่มบำบัด  เกี่ยวกับผู้ที่ติดยาเสพติด  ที่อยากให้กำลังใจเพราะปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายสำคัญที่ต้องเร่งแก้ปัญหา  ทุกรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐบาลนี้  ที่ต้องการทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพเข้าไปอยู่ในสังคม 

          เมื่อดูแล้วพบว่าสถานที่แห่งนี้  เอกชนได้ช่วยงานราชการ   ส่วนราชการของบประมาณเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดถึง 28 หน่วยงาน  แต่ที่นี่ไม่ได้ของบประมาณเลย  แต่แก้ปัญหายาเสพติดให้เราเห็นสภาพ   โดยใช้จุดแข็งคือศาสนบำบัด  โดยเฉพาะที่สำคัญในฐานะ  รัฐมนตรียุติธรรม  อยากจะทีมงานภาคประชาชนที่ลุกขึ้นมาช่วยแก้ปัญหายาเสพติด   คือทางภาครัฐทำเป็นเต็มที่แล้ว  แต่ภาครัฐไม่ได้นอนในหมู่บ้าน  ชุมชน   ภาครัฐจะเป็นผู้หวังดี  แต่ชุมชนจะเป็นผู้รู้ดี   จากนี้สิ่งที่เราต้องทำก็ต้องช่วยส่งเสริมสนับสนุน   ช่วยยกระดับคุณภาพโดยเฉพาะสตูลในอนาคตเป็นโอกาสของประเทศไทย   คือการสร้างเศรษฐกิจที่ดี   การจะมีเศรษฐกิจที่ดีจังหวัดสตูลมีความพร้อมทางด้านการท่องเที่ยว   ประมง  เกษตร   เป็นศูนย์รวมความมั่นคงทางอาหารของโลกอยู่ที่สตูล   โดยเฉพาะหลังๆเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นมรดกโลก    ถ้าสังคมสตูลได้ประชากรมีขีดความสามารถในทศวรรษหน้า   หากติดยาเสพติดก็จะเป็นปัญหาต่อการพัฒนามาก   ก็จะส่งเสริมสนับสนุนที่พักที่นอนและการปฏิบัติศาสนกิจที่ยังขาด

            ช่วงเปลี่ยนผ่านยังไม่พร้อม   ไปที่ไหนก็อยากให้มีศูนย์บำบัดเพิ่มขึ้น แต่ถ้าผู้เสพหรือผู้ป่วยไม่ไป   ก็เหมือนสร้างแล้วเป็นสุสาน   เพราะมันอยู่ที่ตัวคุณด้วย   วันนี้ โมเดลของบ้านพักใจก็เป็นหนึ่งในโมเดลที่เราคิดว่าจะขยายไปในบริบทของจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดในภาคใต้   ซึ่งมีชุมชนเป็นพี่น้องมุสลิม   แต่ในศูนย์บำบัดที่มีใครพุทธด้วยอันนี้  มุสลิมด้วย  ก็เป็นสิ่งที่ดี   ที่มีประชาชนสงสัยเพราะได้คุยกับหมอชลน่านแล้ว  ต่อจากนี้จะจับมือกันเดิน ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเราต้องทำมากกว่าพูด   พูดในสิ่งที่ดีเราจะปรับปรุงตัว

          เราพร้อมสนับสนุน ในภาคประชาชนถ้าเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม  อย่างน้อยตัวผมสนับสนุนเต็มที่ตอนนี้มีตำบลต่าง ๆ อาสาในพื้นที่ 70  และในวันที่ 20 เดือนหน้าก็จะไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนในภาคกลาง  ลพบุรีมีนายกเก่ง โครงสร้างชุมชนในการฟื้นฟูยาเสพติด  แต่เขาก้าวไปมากกว่ายาเสพติดเป็นการฟื้นฟูคนให้มีอนาคตที่ดี

#รมว.ยธ.ยอมรับอ่อนประชาสัมพันธ์ แนวทางสร้างความเข้าใจสังคม  

         ผู้สื่อข่าวถามว่าให้เปอร์เซ็นต์การปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้อย่างไรบ้าง?     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  บอกด้วยว่า   เรื่องสกัดกั้นเราทำเยอะแล้ว  แต่เราอาจต้องก้าวผ่าน   ถ้าประชาชนยังมีความหวาดวิตกหรือกังวลกับ ยาบ้า  หรือยาเสพติด   อันนั้นถือว่ารัฐบาลยังไม่ผ่าน   แล้วสิ่งหนึ่งที่ผ่านมาคือเราจะเห็นข่าวอาชญากรรม  พอมีข่าวมีผลมาจากยาเสพติดซึ่งคือผู้ป่วยจิตเวช   ซึ่งความจริงผู้ป่วยจิตเวชมีเป็นล้าน   ยาเสพติดไม่เยอะ   สาเหตุของจิตเวชก็มาหลายแห่ง   พอผู้ก่อเหตุจากจิตเวชก็จะโยนให้ยาเสพติด  เราก็ต้องทำความเข้าใจ   เราก็อย่าไปปฏิเสธว่าไม่ใช่ยาเสพติด  หน้าที่เราเราต้องไปรักษาคนที่ป่วยเป็นจิตเวช  เพราะจิตเวชต้องรักษาด้วยยา  ถ้าขาดยาเคมีไปทำลายสมอง เหมือนคนที่เป็นเบาหวานเป็นความดันอย่าไปรังเกียจเขา  เราอาจจะเอาสองอันมาผนวก   ต้องเสมอต้นต้นเสมอปลายในการให้ยา   บางทีเรามาแยกว่าจิตเวชเพราะยาเสพติด  หรือจิตเวชเพราะอื่น ๆ หมอก็ยังแยกไม่ได้   แต่สื่อมวลชนแยกแล้วก็ทำให้ยาเสพติดน่ากลัว

 

# รมว.ยธ.เชื่อการศึกษามีผลต่อการแก้ปัญหายาเสพติด

         ผู้สื่อถามว่าการทำงานในขณะนี้ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ในการแก้ปัญหายาเสพติด? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ตอบว่า  คิดว่าเราเดินทางมาถูกต้องแล้ว  ทุกคนตระหนักถึงยาเสพติดด้วยกัน   เราก็ต้องแก้ปัญหามันอาจจะหมักหมมมานานว่าปัญหายาเสพติดส่วนหนึ่ง   ที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากคนไม่มีการศึกษา  หรือการศึกษาน้อยจะถูกดำเนินคดี  เพราะผู้ต้องขังในเรือนจำพบว่ามีการการศึกษาต่ำกว่าภาคบังคับประมาณ 75%   นี่แสดงว่าการศึกษาภาคบังคับในประเทศไทยต้องให้เกิน   การแก้ปัญหายาเสพติด  ก็คือการแก้ปัญหาการศึกษา  ทำอย่างไรให้ทุกหมู่บ้านทุกชุมชนได้เรียนจบ ม.6 ทั้งหมด   อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้เพราะทุกคนได้รับเงินจากรัฐบาลผ่านกระทรวงศึกษาคนละประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท เพื่อให้ได้รับการศึกษาก็จะช่วยลดในการแก้ปัญหายาเสพติด

…………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ประมงพื้นบ้านดีเดย์รวมพล  ค้านแก้กฎหมาย  เปิดช่องให้เครื่องมือประมงหนักเปลี่ยนมาเป็นประมงพื้นบ้าน

สตูล-ประมงพื้นบ้านดีเดย์รวมพล  ค้านแก้กฎหมาย  เปิดช่องให้เครื่องมือประมงหนักเปลี่ยนมาเป็นประมงพื้นบ้าน

          วันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล  นายเหลด   เมงไซ   ตัวแทนจากประมงพื้นบ้านท่าแพ  และตัวแทนในอำเภอต่างๆของจังหวัดสตูลกว่า30 คน  เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายชัยวุฒิ  บัวทอง  ปลัดจังหวัดสตูล  หลังได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด  นายธนภัทร   เด่นบูรณะ  ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล, ผู้แทนประมงจังหวัด  ,เพื่อผ่านไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 พ.ศ. ….

 

          ถึงข้อกังวลและข้อเสนอต่อการแก้ไขกฎหมายประมงฯของชาวประมงพื้นบ้าน ถึงสภาผู้แทนราษฎร  โดยสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ พ.ศ. …. ตามที่คณะรัฐมนตรี เสนอ พร้อมกับฉบับของพรรคการเมืองต่างๆ อีก ๗ ฉบับ และได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติฯดังกล่าว จำนวน ๓๗ คน ไปพิจารณารายละเอียด โดยใช้ร่างฉบับของคณะรัฐมนตรีเป็นฉบับหลัก ในการพิจารณา และมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้วสองครั้ง

          โดยมีสาระสำคัญ คือ การตัดวัตถุประสงค์การคุ้มครองช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านและชุมชนประมงท้องถิ่น ออก รวมทั้งกรณี การลดเขตทะเลชายฝั่ง การเปิดช่องให้เครื่องมือประมงหนักเปลี่ยนมาเป็นประมงพื้นบ้าน เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเกี่ยวกับกรรมการประมงประจำจังหวัด และการลดโทษลง เป็นต้น

 

          ทั้งนี้ กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ในจังหวัดชายทะเล ประกาศไม่เห็นด้วยกับการ ยกเลิกการคุ้มครองประมงพื้นบ้าน โดยมองว่า ชาวประมงพื้นบ้านเป็นประชาชนในท้องถิ่น ที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง การช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐ

 

          จึงกำหนดวัน ดีเดย์ วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ นัดหมายชาวประมงพื้นบ้านทุกจังหวัดชายฝั่งทะเล เข้ายื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ พ.ศ. …. พร้อมกัน

 

          นายเหลด   เมงไซ   ตัวแทนจากประมงพื้นบ้านท่าแพ  กล่าวว่า  อยากให้ทุกคนคิดตามว่าเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงหรือชนิดทำลายล้างกลับเข้ามาทำประมงชายฝั่งที่ประมงพื้นบ้านทำมาหากินทำทั้งกอบ้างซั้งเชือกบ้าง พยายามที่จะรักษาห่วงโซ่อาหาร เพื่อให้ปลาได้เติบโต แต่กลับพยายามทำให้เครื่องมือเหล่านี้เข้ามาอยู่ในทะเลชายฝั่ง  และที่น่าอนาถคือ 10 เครื่องมือประมงเหล่านี้ได้กลายมาเป็นประมงพื้นบ้าน  ให้อำนาจประมงจังหวัดซึ่งอำนาจเหล่านั้นก็มาจากประมงพาณิชย์ เอาลงที่กลายพันธ์ก็คือประมงพาณิชย์เดิม  มองว่ามันเป็นการทำเป็นแบบกระบวนการ กระบวนการทำลายล้างทรัพยากร รู้จักแต่กอบโกยไม่รู้จักการรักษา

………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

เปิดโรงพยาบาลเกาะหลีเป๊ะ  ยกระดับระบบบริการสุขภาพตามนโยบายนักท่องเที่ยวปลอดภัย  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

สตูล-เปิดโรงพยาบาลเกาะหลีเป๊ะ  ยกระดับระบบบริการสุขภาพตามนโยบายนักท่องเที่ยวปลอดภัย  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

          วันที่ (9 มีนาคม 2567) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ติดตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข  นายคณิต  คงช่วย   รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล   เปิดอาคารหลังใหม่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

         รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งภาคการท่องเที่ยวถือเป็นจุดเด่นที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก โดยในปี 2567 คาดการว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยถึง 34.5 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุข จึงสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยกำหนดให้เรื่องนักท่องเที่ยวปลอดภัยเป็นนโยบายเร่งรัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางสุขภาพให้กับนักท่องเที่ยว ดำเนินการผ่าน 4 มาตรการหลัก คือ 1.ยกระดับเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ 2.ยกระดับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน/ระบบสาธารณสุขฉุกเฉิน 3.ยกระดับที่พักและอาหารปลอดภัย และ 4.ยกระดับสถานพยาบาลในพื้นที่ท่องเที่ยว

           รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ยังเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ขั้นสูง สามารถทำการส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่ออย่างไร้รอยต่อ ทั้งการส่งต่อทางทะเลโดยเรือไปยังโรงพยาบาลสตูลและโรงพยาบาลละงู มีเรือที่ขึ้นทะเบียนในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 75 ลำ ตั้งแต่ ปี 2566 –มกราคม 2567 ส่งต่อผู้ป่วยแล้ว 199 ราย และการส่งต่อผู้ป่วยวิกฤติทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ (Sky doctor) ไปยังโรงพยาบาลสตูล ตั้งแต่ปี 2565 – พฤศจิกายน 2566 ส่งต่อผู้ป่วยแล้ว 17 ราย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย และยังมีโครงการแพทย์อาสา (Volunteer Doctor) หมุนเวียนให้บริการ ที่รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ช่วยให้มีแพทย์ดูแลประชาชนในพื้นที่เฉพาะ สร้างความเชื่อมั่นด้านการรักษาพยาบาลให้กับนักท่องเที่ยวบนเกาะ ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยเป็นการทำงานแบบ Workation คือ ทำงานควบคู่กับการพักผ่อน ได้รับความร่วมมือจากแพทย์สภา

          และได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากชมรมผู้ประกอบการบนเกาะ ในปี 2565 – 2566 มีแพทย์อาสาที่เข้ามาปฏิบัติงานถึง 80 คน โดยแพทย์ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขการปฏิบัติงานที่ได้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล หรือลงทะเบียนผ่าน https://www.facebook.com/doctorkohlipe “แพทย์อาสา เกาะหลีเป๊ะ”

          นอกจากนี้ รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่ฝึกอบรมของศูนย์เรียนรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ โรงพยาบาลสตูล ในหลักสูตรระบบ EMS/Referal System การท่องเที่ยวปลอดภัย การควบคุมโรคระบาด แพทย์อาสา และการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข และบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศ

………………………………………

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้

Categories
ข่าวเด่น

สตูล-สรรพสามิตขันน๊อต  เปิดปฏิบัติการกวาดล้างบุหรี่เถื่อน ยอมรับข่าวรั่ว แต่ไม่สนเดินหน้าประกาศเอาจริง ลุยค้นพบของกลางอื้อ

สตูล..สรรพสามิตขันน๊อต  เปิดปฏิบัติการกวาดล้างบุหรี่เถื่อน ยอมรับข่าวรั่ว แต่ไม่สนเดินหน้าประกาศเอาจริง ลุยค้นพบของกลางอื้อ

          วันที่ 8 มีนาคม 67   นางวิภาดา   อรัญญเวศ   หัวหน้าปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สตูล หัวหน้าชุด  นำกำลังเจ้าหน้าที่สรรพสามิต    กองกำลังทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5  ตำรวจและฝ่ายปกครอง  บูรณาการกระจายกำลังตรวจค้นกวาดล้างบุหรี่หลบหนีภาษีในพื้นที่จังหวัดสตูล

        หลังการข่าวพบเป้าหมายที่เคยถูกจับกุมยังคงมีการลักลอบจำหน่าย กระทำผิดอยู่อีก   จำนวน 5 จุด  คือที่บริเวณท่าเทียบเรือชายแดนจำนวน 2 จุด  หน้าวิทยาลัย  จำนวน 2 จุด  แต่เชื่อว่าการข่าวคงรั่วเพราะพบหลายร้านเป้าหมายปิดร้านหลบหนี

          แต่มีที่จุดที่ 5  ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ริมถนนยนตรการกำธร    เขตเทศบาลตำบลคลองขุด   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล  ยังคงเปิดอยู่จึงแสดงตัวและขอตรวจค้นภายในร้าน พบบริเวณด้านหลังของร้าน

        ซี่งเป็นห้องเช่า  เลขที่ 259  เป็นที่ต้องสงสัย  อยู่ในสภาพล็อคประตูจึงขอเปิดเพื่อตรวจสอบ  ทันทีที่เข้าไปตรวจสอบก็พบบุหรี่หลบหนีภาษีหลากหลายยี่ห้อ พร้อมทั้งหัวเปลี่ยนบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายการอยู่ภายในห้องเช่าดังกล่าว   ถัดไปอีกห้องติดกันพบกล่องกระดาษเปล่าจำนวนมากวางกองอยู่  ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกล่องบรรจุบุหรี่หลบหนีภาษีที่เพิ่งจะขายปลีกหมดไป     ของกลางจากการตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ เป็นบุหรี่ต่างประเทศ  หลากหลายยี่ห้อ จำนวน 422 ซอง ประมาณการค่าปรับจำนวน 366,654 บาท

         ปฏิบัติการครั้งนี้ นายภานุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตภาคที่ 9 พร้อมนายชาตรี  ณ   ถลาง   รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล   และนายพีระชัย  เวชชาภินันท์ สรรพสามิตพื้นที่สตูล   กล่าวว่าได้เล็งเห็นถึงปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่หลบหนีภาษีศุลกากรในพื้นที่จังหวัดสตูลที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาครัฐที่จัดเก็บภาษีสินค้าบุหรี่ได้ลดน้อยลงเป็นผลเสียต่อระบบการคลังของประเทศ ผู้ประกอบกิจการที่จำหน่ายบุหรี่ถูกต้องตามกฎหมายที่ต้องจำหน่ายในราคาที่สูงกว่า   จึงไม่สามารถแข่งขันกับบุหรี่หนีภาษีได้

        อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคยาสูบ  ที่ไม่ได้มาตรฐานในการผลิตอีกด้วย  สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สตูล จึงได้จัดทำแผนการบูรณาการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสินค้าบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดสตูลให้เป็นรูปธรรม

……….

อัพเดทล่าสุด

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้ ครั้งที่ 11” สตูล ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ปั่นจักรยานกินทุเรียนหมอนทอง สัมผัสสวนผลไม้แสนสุข เทศกาลใหญ่ “ปั่นชมสวน ชวนชิมอิ่มผลไม้