Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   สุดปัง!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี  

สุดปัง!!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี

         ความเรียบง่ายตามแบบฉบับวิถีภูธรที่ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ทันทีที่ท้องฟ้าจวนสว่าง  ที่ร้านของม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน   อายุ 66 ปี  กำลังเร่งมือทำข้าวเหนียวปิ้งโบราณ  เพื่อปิ้งเตาถ่านที่ใช้กะลามะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง  โดยนำมาเผาเป็นถ่าน เพื่อใช้ในการปิ้งข้าวเหนียวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า  ที่มารอภายในร้านตั้งแต่เช้ามืด 

          โดยการทำข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่นี่มีความหอมมัน  นิ่มหวาน  อร่อยกำลังดี (โดยสูตรมีข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล  เกลือนิดหน่อยนำมามูล) แล้วห่อด้วยใบตอง ก่อนนำมาปิ้ง    การปิ้งจะใช้เหล็กหนีบครั้งละ 4 ห่อ แล้วปิ้งกลับไปมา (ซึ่งอดีตจะใช้ไม้ไผ่)  วันนึงทำครั้งละ 8-15 กิโลกรัม  ลูกค้าดั้งเดิมที่ชื่นชอบรสชาตินี้  ตั้งแต่รุ่นแม่ของ  ม๊ะเซาะ  และเด็กรุ่นใหม่ก็ยังชื่นชอบ  มารอซื้อกลับไปทานตั้งแต่ใกล้รุ่ง  นับเป็นเจ้าอร่อยเด็ดดัง มากว่า 60 ปี  ที่ชาวบ้านในระแวกนี้รู้จักคุ้นเคยกันดี  ร้านนี้ขายมาเป็นรุ่นที่ 2 ราคาเพียงชิ้นละ 5 บาท 

       ทางร้านยังขายคู่กับน้ำชากาแฟ แก้วละ 10 บาท ลูกค้าที่ตื่นเช้า   หลังเสร็จจากประกอบศาสนกิจทางศาสนา  ก็จะแวะมานั่งทานกันตั้งแต่เช้ามืด  เป็นอย่างนี้อยู่ทุกๆวัน  เพราะหากมาช้าอาจจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่ขายถึง 7 โมงเช้าเท่านั้น   ข้าวเหนียวปิ้งก็หมดแล้ว  ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับม๊ะเซาะ   วันละ 1,500 ถึง 2,000 บาท  (ซึ่งเป็นรายได้รวมกับขายน้ำชา )

         ม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน อายุ 66 ปี  แม่ค้าขายข้าวเหนียวปิ้งโบราณ   กล่าวเพิ่มเติมว่า  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณนี้ขายดีมาก   ต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 หัวรุ่ง  เพื่อมาเตรียมก่อไฟเตาถ่าน และ ช่วงตี 5 เริ่มปิ้งขาย ขายดีทุกวัน เวลาประมาณ 07.00 น . ก็หมดเกลี้ยงทุกวัน  หากในช่วงฤดูผลไม้ ก็จะปรับแนวสอดไส้ ลงไป เช่น ข้าวเหนียวปิ้งโบราณไส้ทุเรียน   หรือจะมีข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ไส้กุ้ง

           หากลูกค้าสนใจติดต่อสอบถาม   065 037 4358  พิกัดปากทางเข้าตลาดนัดวันพุธ   (ตลาดนัดเทศบาลตำบลควนโดน)  เปิดเวลา   05.00 น – 18.00น ทุกวัน  

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

          ที่โรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน  ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  นายศักระ   กปิลกาญจน์   ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ (ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือ ผอ.ศร.ชล) นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   อาทิ   ศูนย์ควบคุมความมั่นคงทางทะเลจังหวัดสตูล (ศคท.จว.สต.) ร่วมกับ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะหลีเป๊ะ เรือ ต.996

 

          มาร่วมเปิด  “กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และเก็บขยะชายหาดที่เกาะบุโหลนดอน”    โดยมีนาวาเอกแสนย์ไท   บัวเนียม  รอง ผอ.ศร.ชล จ.สตูล และนางสาวสุภาพรรณ  สุนทรารชุน   ประธานกลุ่มผู้ผ่านหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 4  หรือ  พสบ.สตูล   ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น

 

          เพื่อบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและกลุ่มเอกชนนับเป็นพลังความสามัคคีทำให้เกิดสาธารณประโยชน์  , เพื่อสร้างความรับรู้   การร่วมกิจกรรมด้วยการเก็บขยะชายหาดและคัดแยกขยะ   เพื่อนำเข้าโครงการขยะปันสุขของจังหวัดสตูล   ปลูกฝังให้เยาวชนได้รับรู้ถึงการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล  และชายฝั่งรวมถึงการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  คณะครู นักเรียนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ 350 คน ก่อนจะร่วมกันรับประทานอาหารกลางวันที่ผู้ใหญ่ใจดีนำมาเลี้ยงครู นักเรียน และชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

……………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล – ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท   

สตูล  ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท 

         ชี้เป้าของอร่อย อิ่มจุก ๆ ที่ร้าน สี่พี่น้องก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท  ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้าม  “ดิยางยนต์”  ตำบลกำแพง  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล แม้จะเปิดได้เพียง 3 เดือนแต่ลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย  เพราะด้วยส่วนผสมที่ทางร้านเติมกันไม่อั้นให้ได้เลือกสัน  ไม่ว่าจะเป็น  เนื้อไก่  ตีนไก่  ตับไก่ ข้อต่อไก่ ปลายปีกไก่ และมะระต้มสุก 

 

       ลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ  บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  รสชาติอร่อย  คุ้มเกินราคา  อิ่มจุกๆ    

 

          ด้าน นางสาวนูรอัยนี  ปานนพภา  เจ้าของร้านฯ  บอกว่า  ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์  เป็นสูตรเดียวกันที่เปิดขายในจังหวัดสมุทรปราการ  อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม  ทางร้านเปิดครั้งแรกใช้ไก่วันละ 900 กิโลกรัม  เส้นก๋วยเตี๋ยวใช้หลายร้ายกิโลกรัมเช่นกัน  โดยลูกค้าหลากหลายวัย  เคยมีคนกินและเติมมากสุดถึง 5 ชามก็คิดในราคาเดียวกันคือ 59 บาท   ส่วนเด็ก 3-5 ปีคิดเพียงชามละ 29 บาท เด็ก 6-8 ปี เพียงชามละ 39 บาท ส่วนเด็ก 9-11 ปี เพียง 49 บาท  (ส่วนเด็ก ต่ำกว่า 3 ปีให้ทานกันฟรีไปเลย) แต่!! หากทานไม่หมดปรับเพิ่ม 39 บาท  ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม  

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง เกษตร - อาชีพ

จัด “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง” ปีที่ 2  ยกให้เป็นซอฟเพาเวอร์ชาวควนสตอ  เที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย หลังเริ่มได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ

สตูล-จัด “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง” ปีที่ 2  ยกให้เป็นซอฟเพาเวอร์ชาวควนสตอ  เที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย หลังเริ่มได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ

          กระแสการท่องเที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย  ทำให้ประชาชนในชุมชนมีความตื่นตัวภาคภูมิใจ  ในวัฒนธรรมวิถีชุมชนที่พร้อมจะช่วยกันรักษาให้ดียิ่งขึ้นและมีรายได้จากการท่องเที่ยว

 

          ที่บริเวณทุ่งรวงทองเขาจุมปง   หมู่ที่ 2 ตำบลควนสตอ   อำเภอควนโดน   จังหวัดสตูล  นายซะรี่ย์อะซีร   นุ่งอาหลี   นายก อบต.ควนสตอ   ได้บูรณาการงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอควนโดนและสำนักงานเกษตรอำเภอควนโดน   จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลควนสตอ  ประจำปีงบประมาณ 2567   ภายใต้ชื่อ   “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง  ย้อนความหลังฟื้นฟูประเพณีวิถีชาวนา  สืบสานภูมิปัญญา และวิถีชีวิต”  ปีที่ 2

 

          โดยเชิญว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอควนโดน ร่วมเป็นประธาน เปิดงานด้วยการเป่าซังข้าว  ด้วยกันอย่างพร้อมเพียงกัน  เพื่อแสดงสัญญาลักษณ์ของงาน   ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการท่องเที่ยววิถีถิ่น   วิถีไทย  สร้างอัตลักษณ์ใหม่ของเส้นทางการท่องเที่ยวตำบลควนสตอ   โดยนำเรื่องราวคุณค่าวัฒนธรรมประเพณี   วิถีชาวนาของตำบลควนสตอในกิจกรรมเกี่ยวข้าว (ด้วยเคียว และแกระ เครื่องมือโบราณ)  ตีข้าว   และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวเนื่องกับการทำนา   ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและดึงดูดให้ผู้สนใจมาท่องเที่ยววิถีถิ่นตำบลควนสตอ

 

          ด.ญ.รายา  มุหมีน  และ  ด.ญ.ณัสริน   หวังกุหลำ  นักเรียนชั้นป. 5  จากโรงเรียนบ้านกุบังปะโหลด  ที่มาร่วมกิจกรรมบอกว่า  ตื่นเต้นและสนุกมากที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้  ได้เรียนรู้เกี่ยวกับนาข้าว และได้เป่าปี่ เป่าซังข้าว  ซึ่งมีเสียงแปลกแตกต่างกันไป  ได้ร่วมเก็บข้าว ตีข้าว และทิ่มข้าว

 

          ขณะที่ นายซะรี่ย์อะซีร   นุ่งอาหลี   นายก อบต.ควนสตอ   กล่าวว่า   ปีนี้ได้รับสนใจจากกลุ่มเป้าหมายนักเรียนมาร่วมกิจกรรมเยอะมากกว่า  300 คน ทั้งนักเรียนในพื้นที่และต่างพื้นที่เข้ามาศึกษาดูงาน  วัฒนธรรมเก่าๆประเพณีเก่าๆของบรรพบุรุษของเรา  ทำนาแบบไหนเก็บเกี่ยวแบบไหนเป็นการอนุรักษ์ให้รุ่นหลังได้เรียนรู้  ว่ามีความลำบากมากแค่ไหนกว่าจะมีพวกเราในวันนี้  และให้ได้เรียนรู้ว่าวิถีชีวิตวิถีชุมชนสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นงานด้านการท่องเที่ยว  พ่อค้าแม่ค้าก็มาขายของ  สินค้าชุมชนก็ขายให้กับนักท่องเที่ยว เป็น concept ที่เราต้องการพัฒนาวิถีชุมชนท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน

 

          นายก อบต.ควนสตอ    กล่าวเพิ่มเติมว่า  ปีนี้เริ่มเห็นได้ว่ามีหลายประเทศเข้ามาร่วมกิจกรรม  ทั้งอินโดนีเซีย  อียิปต์  ฝรั่ง  และเพื่อเป็นการยกระดับการจัดการแข่งกิจกรรมปีหน้าจะขยายกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติให้มากขึ้น  เพื่อเผยแพร่ให้เห็นวิถีชีวิตของคนบ้านเรา  เป็นเรื่องที่เราชาวควนสตอควรจะภูมิใจ   ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอาย  ที่เกิดมาเป็นลูกหลานชาวนา  ถือเป็น soft power ของชาวตำบลควนสตอเพราะทุกคนที่นี่ทำนากันทุกคน

          ……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงตรวจชายแดนสตูลขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย เน้นท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจตั้งรายได้สะพัด เพิ่มเท่าตัว  5 แสนล้านบาท  เพื่อเสนอครม.สัญจรที่ จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงตรวจชายแดนสตูลขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย เน้นท่องเที่ยวนำเศรษฐกิจตั้งรายได้สะพัด เพิ่มเท่าตัว  5 แสนล้านบาท  เพื่อเสนอครม.สัญจรที่ จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

          วันนี้ (22 ม.ค.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และเข้าร่วมการประชุมการขับเคลื่อนงานตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ ในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ

         

         จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพของด่านการค้าชายแดนวังประจัน ติดตามนโยบาย ทวิน-ซิตี้  รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

 

         โดยแนวทางการยกระดับทวิน-ซิตี้ ชายแดนไทย-มาเลเซีย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ ประธาน กพต. ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับรัฐติดชายแดน ไทย-มาเลเซีย สู่การเป็นเมืองคู่แฝด เมื่อวันที่  23 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับวางแนวทางเพื่อความร่วมมือการพัฒนารัฐติดชายแดนไทย – มาเลเซีย ในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าขายการลงทุน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมฮาลาล รวมไปถึงการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เทคโนโลยี การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ตั้งเป้าให้ประชาชนในพื้นที่ จชต. มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนำไปสู่การลดปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ เกิดความร่วมมือ สร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

                       

         นอกจากนี้ ยังมีแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างรัฐติดชายแดน โดยจังหวัดปัตตานี และ จังหวัดสงขลา และ 5 รัฐ ตอนเหนือของมาเลเซีย ที่จะมีการผลักดันสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านอาหาร, เปิดสถานบันเทิงครบวงจรหาดใหญ่-สงขลา ร่วมกับ 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย  พร้อมจัดแสดงสินค้าและบริการ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่น่าสนใจอาทิเช่น กิจกรรมท่องเที่ยวขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ กิจกรรมวิ่งเทรลที่เบตง กิจกรรมแข่งขันตกปลาที่สตูล กิจกรรม OTOP 2 แผ่นดิน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น

                       

          จากนั้นภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านชายแดนวังประจัน พื้นที่อำเภอควนโดน เพื่อตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านให้เป็นด่านอัจฉริยะ (smart boarder) ยกระดับการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ รองรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

            นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) กล่าวว่า  ขณะนี้ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศรวมกันแล้ว 4-5 แสนคน   สินค้าที่ส่งไปมาทางช่องทางนี้อาจจะยังไม่มากเนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูง   รถพ่วงอาจจะยังไม่สะดวกในการขนส่งขึ้นบนเขาเส้นทางนี้    ได้ซึ่งก็พบว่าทางมาเลเซียก็เตรียมแผนข้อมูลนี้ไว้หารือ และเตรียมส่งข้อมูลนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเนื่องจากพบว่า   นายกมาเลเซียกับนายกไทย   ได้มีการพบปะหารือกันบ่อย  ก็เชื่อมั่นว่าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกจังหวัดจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล นายกเศรษฐา   ทวีสิน  เป็นอย่างดียิ่ง  จะกระตุ้นรายได้เข้าทั้งสองประเทศเพิ่มเป็นเท่าตัว  ตามชายแดนที่มาจับจ่ายหัวละ 1000 -10,000 บาท ( เป็นเงิน 500 – 5,000 ล้าน)   จากตัวเลข 5 แสนคน ได้จากการผ่านช่องทางหน้าด่านชายแดนนี้ที่เราจะต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี   ส่วนจะขยายเวลาเปิดด่านจากเดิม  6  โมงเย็นจะขอเป็น 2 ทุ่มนั้น   ต้องให้นายกรัฐมนตรีไทยเป็นคนไปเจรจา ซึ่งเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้หมดหากมีการพูดคุยกัน  โดยทั้งหมดนี้นั้น  จะนำเสนอครม.สัญจรที่จ.ระนองในวันพรุ่งนี้ 

 

          สำหรับด่านชายแดนวังประจัน หรือ ศูนย์ราชการด่านวังประจัน สร้างตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2524 ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน มีเนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งขณะนั้นมีส่วนราชการเข้าไปปฏิบัติงานในศูนย์ราชการ 3 หน่วยงาน คือ ด่านศุลกากรวังประจัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอควนโดน และสถานีกักกันพืช จากนั้นได้มีการปรับปรุงที่สำคัญ 2 ครั้ง คือ การขยายอาคารด่านพรมแดนฯ เมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยงบพัฒนาจังหวัดสตูล จำนวน 7 ล้านบาท และการปรับปรุงอาคารบ้านพักอาศัยเดิมจำนวน 12 ยูนิต โดยงบสนับสนุนภารกิจกรมศุลกากร จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2565

         

          ปัจจุบันพื้นที่ตั้งด่านศุลกากร และอาคารด่านพรมแดนฯ มีสภาพคับแคบประกอบกับสภาพอาคารต่าง ๆ มีสภาพทรุดโทรมเป็นผลให้การบริการในการขนถ่ายสินค้า และการบริการช่องทางรถส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถสินค้า ไม่เพียงพอต่อปริมาณรถและการค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จังหวัดสตูลได้ร่วมมือกับด่านศุลกากรวังประจัน และสำนักโยธาธิการและผังเมืองผลักดันโครงการพัฒนาด่านฯ ตามโครงการ Smart Border เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และการเติบโตด้านการค้า และการเติบโตการค้าของจังหวัดสตูล และเป็นการรองรับการสนองตอบโครงการไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ต่อไป

……………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

พ่อเมืองสตูลนำคณะ ต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล

พ่อเมืองสตูลนำคณะ ต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย และคณะ ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล

         วันที่ 20 ม.ค.2567  นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  ให้การต้อนรับ Datuk Armizan Bin Mohd Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย  และคณะ  ในโอกาสเยือนจังหวัดสตูล ณ ด่านวังประจัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดสตูลและรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย  โดยมีนางสาวธัญรัศม์  ไตรพันธ์รัชตะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดสตูล แรงงานจังหวัดสตูล นายด่านศุลกากรวังประจัน ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นายอำเภอควนโดน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ

.

            ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในประเทศและค่าครองชีพมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และคณะ ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดด่านชายแดนวังประจัน ซึ่งจำหน่ายสินค้าหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และขนมหลากหลายชนิด ซึ่งบรรยากาศในวันนี้พบนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก เพื่อจับจ่ายซื้อของและท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างคึกคัก นอกจากนี้ได้ร่วมพูดคุยหารือถึงความร่วมมือเรื่องการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดสตูลและรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย

……………………..

ภาพ-ข่าว : ศุภาพิชญ์ ดวงไข / ส.ปชส.สตูล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-“หมอบ๊ะ แก้คุณไสย”  เชื่อมีขุนทรัพย์กลางทะเลสตูล  หลังพบฟอสซิลฮอลิคอร์ปเตอร์โบราณกลายเป็นหิน

“หมอบ๊ะ แก้คุณไสย”  เชื่อมีขุนทรัพย์กลางทะเลสตูล  หลังพบฟอสซิลฮอลิคอร์ปเตอร์โบราณกลายเป็นหิน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่บ้านเลขที่  295 หมู่ที่ 2 ซอยเจริญทรัพย์  ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นบ้านของ  นางสาวเจ๊ะบา  ปะหยังหลี   หรือ  หมอบ๊ะ  ได้ยกมือขอทวดในการนำซากเหล็กกลายเป็นหิน   ซึ่งอยู่ในกระบะพลาสติกมาให้สื่อได้ดู  โดยบอกกับสื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้รู้ว่านี่คือ  ซากเครื่องเฮลิปคอร์ปเตอร์โบราณ  ที่ตนเก็บไว้นานนับปี

 

          โดยชิ้นส่วนเหล็กที่กลายเป็นหินนับ 20 ชิ้นนำมาวางเรียงรายให้สื่อได้ดู  พร้อมกับรูปภาพพื้นที่จริงที่เจอในเกาะแหล่งหนึ่งของ  ต.เกาะสาหร่าย  อ.เมือง  จ.สตูล  ที่เข้าไปพบเมื่อปีที่แล้ว

 

          นางสาวเจ๊ะบา  ปะหยังหลี   หรือ  หมอบ๊ะ   เล่าว่า  “ตนเป็นหมอรักษาคุณไสยและเสริมดวง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หากใครอยากจะให้รับเป็นข้าวสารที่นำไว้ส่งต่อให้คนยากไร้  สำหรับการเจอชิ้นส่วนเหล็กกลายเป็นหินเมื่อปีที่แล้วมีชายผอมสูงวัย  พร้อมเหน็บดาบมา 2 ด้ามด้านหลัง  เข้าฝันตนว่า  “ถึงเวลาแล้วที่จะบอกว่ามีแหล่งขุมทรัพย์กลางทะเลให้ตนเข้าไปค้นหา”  ซึ่งในฝันนั้นตนได้ปฏิเสธ ไม่อยากได้ไม่อยากไป  แต่ก็เข้าฝันติดต่อกัน 3 วัน โดยวันที่สามขณะฝันตามเนื้อตัวร่างกายเจ็บปวดเหมือนมีอะไรมาทับและดึงไว้หากไม่ทำตามที่ทวดบอก 

 

          หลังตื่นจากฝันในวันที่ 4 จึงออกไปตามลายแทงที่ทวดบอก   นั่งเรือไปกลางทะเลเกาะสาหร่าย  ในพื้นที่ป่าโกงกาง และนำพระขันธ์  หรือมีดกริช  ไปด้วยจากนั้นให้ทิ่มลงบนพื้นผิวน้ำ

 

          จากนั้นก็เกิดปรากฏการณ์ขึ้นพบลานกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 20 เมตร ซากเฮลิคอร์ปเตอร์เหล็กที่กลายเป็นหินสมบูรณ์แบบมาก  (ขนาด 2 ที่นั่ง)   เชื่อว่าเกิดจากช่วงสงครามโลกในยุคที่ 1 จึงนำบางส่วนกลับมาไม่บอกใคร  จนทวดบอกว่าถึงเวลาแล้วจะต้องให้ทั่วโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเชิญนักข่าวมาร่วมพิสูจน์เพื่อให้นักธรณีวิทยา หรือหน่วยงานเกี่ยวข้องมาสำรวจ  เพื่อให้สตูลเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

        นางวรัญญา  หมัดสา  หรือ คุณด๊ะ  อายุ 47 ปี หมู่ 5  ต.ฉลุง อ.เมือง  กล่าวว่า  หมอบ๊ะ  ตนรู้จักกันตอนไม่สบาย  มารักษาอาการที่หมอหลวงรักษาไม่ได้   ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร  เอาข้าวสารเท่านั้นก็เอาไปเพื่อบริจาคต่อ     ส่วนการเจอซากเครื่องบิน  ครั้งแรกก็สะดุดตา   ปรึกษากันตลอด  เพราะหมอบ๊ะมีอาการเจ็บปวดเสมอเมื่อพูดถึง ซึ่งจำเป็นต้องบอกสื่อเพราะทวด สั่งไว้  สิ่งนี้เชื่อว่าจะช่วยเปิดเมืองสตูลให้โลกรู้  เมื่อมีหน่วยงานเข้าไปดูว่าเป็นฟอสซิลของเฮลิปคอรเตอร์  ใช้โอกาสตรงนี้ให้เขาได้รู้จักสตูล

          หมอบ๊ะ  ยังบอกทิ้งท้ายทวดยังเผยว่าชั้นใต้ซากของเฮลิคอร์ปเตอร์มีหีบทองแท่ง และทองรูปพรรณที่นำมาด้วย  ซึ่งตนไม่ได้สนใจหรือคิดจะไปเอา  เพราะเชื่อว่ามีคำสาปหากใครเข้าไปเอาโดยทวดไม่ได้อนุญาตก็จะมีอันเป็นไป   เหมือนกับคำสาปที่มีไว้ที่เกาะหินงาน    จังหวัดสตูลที่มีคำสาปแช่งคนที่หยิบไปครอบครอง  

…………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ห่วงใยไม่สิ้นสุด ! กองทัพไทย ยังลงเยียวยาช่วยเหลือเยาวชนๆจากอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน

ห่วงใยไม่สิ้นสุด ! กองทัพไทย ยังลงเยียวยาช่วยเหลือเยาวชนๆจากอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน

           วันที่ 20  มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.ทท.(นทพ.) โดย พล.ต.จตุรภัทร วงศ์ศรีเผือก ผอ.สนภ.4 นทพ. พร้อมด้วย น.อ.อาทิตย์ภากร สังขรัตน์ (ผบ.นพค.45)  ผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.และ รอง ผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.เข้าเยี่ยมเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจัดแสดงรถสะพานเครื่องหนุนมั่นในงานวันเด็กแห่งชาติ หลังการรักษาตัวที่ รพ.สตูล กลับพักฟื้นที่บ้าน เพื่อให้กำลังใจเยาวชนและครอบครัว ซึ่งอาการโดยทั่วไปเป็นปกติแล้ว พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัว เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย และไว้สำหรับการศึกษาของเยาวชน ณ บ้านสะพานเคียน ต.ควนโดน  อ.ควนโดน  จังหวัดสตูล

 

         ล่าสุดพบว่าผบ.นพค.45 สนภ.4 นทพ.  ลงช่วยเหลือเยียวยาเด็กและเยาวชนที่ได้รับอุบัติเหตุในงานวันเด็กแห่งชาติที่ทางอบต.ควนโดนจัดขึ้น  ขณะนี้ ได้ลงช่วยเหลือเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และเยียวยาค่ารักษาแล้ว ทั้ง 44 ราย ที่เป็นเด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่พบบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเยาวชนเด็กหญิงวัย 17 ปี ที่ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ขณะนี้ได้ทำการผ่าตัดกระดูกด้านหลังหัก ขณะนี้ปลอดภัย อาการดีขึ้น โดยมีทีมทหารคอยช่วยเหลือดูแล และชดเชยค่ารักษาจนหาย ส่วนน้องเยาวชนเด็กหญิงวัย 17 ปี อีกหนึ่งรายหลังจากนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสตูล หลังเคล็ด ล่าสุดกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านอาการปลอดภัยดีขึ้น

 

          ด้านนางวานีดา  สาแล๊ะ  คุณแม่ของน้องเยาวชน 17 ปีรักษาตัวที่บ้าน    กล่าวว่า ขอบคุณน้ำใจที่ดีมาก ของทางทหาร นพค. 45 และผู้ใหญ่ทางทหารทีลงมาดูแลตลอดทุกวัน และจัดคนมาคอยดูแล เฝ้าอย่างใกล้ชิดตั้งแต่น้องประสบอุบัติเหตุ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แถมให้เงินเยียวยา ออกค่ารักษาทุกอย่าง

 

          ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีใครอยากให้เกิดแล้ว เมื่อเกิดขึ้นมา ทางผู้ดูแลรับผิดชอบช่วยเหลือเยียวตลอดขอบพระคุณทางทหาร และซึ้งใจดังคำว่า ทหารไม่เคยทอดทิ้งประชาชน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

กอ.รมน.ลงสตูล เดินหน้าสร้างหมู่บ้านปลอดยาเสพติด  ดึงผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี มอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน

กอ.รมน.ลงสตูล เดินหน้าสร้างหมู่บ้านปลอดยาเสพติด  ดึงผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี มอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   พลตรี อภินันท์  แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 มอบหมายให้ พันเอก ภูมิพัฒน์   บุญเรืองขาว รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยก 1 ให้การต้อนรับ พลตรี นวกร  สงวนศักดิ์โยธิน รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในโอกาสมาตรวจติดตามผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ตามโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2567 ในพื้นที่จังหวัดสตูล

           โดยมีการลงพื้นที่ร่วมประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำ หมู่บ้าน/ชุมชน ณ ฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 4113 บ้านควนขัน ตำบลควนขัน    อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล   หลังจากนั้นได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ครัวเรือนปลอดยาเสพติด ของบ้านสะพานเคียน    ตำบลควนโดน    ซึ่งขับเคลื่อนโดยชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่4114 และตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมราษฎรอาสาป้องกันภัยยาเสพติด (รสปส.) ของชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 4115 ณ บ้านย่านซื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล

 

           สำหรับการลงพื้นที่ในครั้ง สิ่งหนึ่งที่ทาง กอ.รมน. เดินหน้าขับเคลื่อน โดยมีมวลชนสัมพันธ์ เพื่อขับเคลื่อนต้องการให้หมู่บ้าน ชุมชน ตำบล แม้กระทั้งผู้นำเป็นต้นแบบที่ดี และร่วมกันต่อต้านมิให้ยาเสพติดแพร่ระบาดเข้าถึง คน ลูกหลาน ร่วมกันปราบปรามทันที

          นอกจากนี้ยังสร้างมวลชนสัมพันธ์ที่ดี และจัดสร้างฐานปฏิบัติการชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่เดินรอยตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการเกษตรพอเพียง เป็นการสร้างความยั่งยืนด้านคุณภาพอาหาร ไปต่อยอดการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยการเกษตรตามแนวพระราชดำริพอเพียง สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ สถานที่ศึกษาด้านการเกษตร

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล – เปิดปฏิบัติการตรวจสกัดกลั่นกรอง  โรฮิงญาในฤดูอพยพ และแรงงานต่างด้าวในประมงผิดกฎหมาย

สตูล  เปิดปฏิบัติการตรวจสกัดกลั่นกรอง  โรฮิงญาในฤดูอพยพ และแรงงานต่างด้าวในประมงผิดกฎหมาย

            วันที่ 16 มกราคม 2567   หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ  บูรณาการการกำลังการตรวจร่วมเรือประมง (ซึ่งประกอบด้วย  จัดหางาน,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน,ตำรวจน้ำ,ตม.สตูล ,ศรชล,ประมงจังหวัดสตูล  ) โดยนำเรือตรวจประมงทะเล 614 พร้อมเรือยาง 14 ตรวจตามแผนงานยุทธศาสตร์จัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์โครงการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านการประมง ที่บริเวณปากร่องน้ำปากบารา  และหลังเขาใหญ่  เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา   น่านน้ำติดอำเภอละงู  จังหวัดสตูล 

 

          หลังการข่าวกองทัพเรือพบว่าในห้วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม   เป็นห้วงที่มีการอพยพของชาวโรฮิงญา  จากรัฐยะไข่ ผ่านมาทางน่านน้ำชายแดนจังหวัดสตูล  ที่อาจจะมีการพลัดหลงเข้ามาตามเกาะแก่งได้  พร้อมกันนี้  การตรวจตราเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมงพาณิชย์ให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย

 

          โดยแผนปฏิบัติการในครั้งนี้ได้สุ่มตรวจเรือประมง 6 ลำ  เป็นเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาด 10 ตันกอสขึ้นไป  ตรวจความพร้อมของเรือให้เป็นไปตามกฎหมาย  ตรวจใบอนุญาตใช้แรงงาน และแรงงานตรงตามที่ขออนุญาตหรือไม่ โดยมีการตรวจอุปกรณ์ในเรือ สัตว์น้ำ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดกับเรือได้ 

        นายสุขเกษม ศรีงาม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวว่า   การตรวจในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของชุดสหวิชาชีพ  หลังการข่าวพบว่าช่วงนี้จะมีโรฮิงญาอาจพลัดหลงเข้ามาทางทะเลน่านน้ำจังหวัดสตูลได้  จึงมีการออกมาตรวจตราและกลั่นกรองจากนอกทะเล  และการตรวจรายงานต่างด้าว  ที่ทำงานในเรือประมงว่ามีเอกสารครบถ้วนหรือไม่ รายชื่อและสัตว์น้ำบนเรือตรงตามเอกสารที่รายงานหรือไม่    โดยเรือที่ตรวจจะเป็นเรือประมงพาณิชย์โดยเน้นขนาด 10 ตันกอสขึ้นไป

         หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวฝากผู้ที่ทำกิจการเรือประมงจะต้องมีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายและตรงตามที่ระบุไว้สำหรับพื้นที่ทำกิน ตามพิกัดที่ได้ระบุแจ้งไว้กับทางราชการ  ซึ่งเรือประมงขนาด 30 ตันกอสขึ้นไปจะมีระบบติดตามเรือประมงหากไม่เป็นไปตามที่ระบุแจ้งระวังโทษ

          ซึ่งการตรวจแรงงานผิดลำ มีโทษปรับ 400,000 ถึง 800,000 บาท  ปรับเจ้าของเรือ ตาม พรก.2558 การประมง ฉบับแก้ไข ฉบับ60

…………………………

อัพเดทล่าสุด