Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า  ปลอดภัยแล้วชาวมาเลเซีย 30 ชีวิตพายเรือคายัคข้ามแดนจากลังกาวีมาไทยหลังเจอคลื่นซัด 

คืบหน้า  ปลอดภัยแล้วชาวมาเลเซีย 30 ชีวิตพายเรือคายัคข้ามแดนจากลังกาวีมาไทยหลังเจอคลื่นซัด

          วันที่ 29 สิงหาคม  2566  เวลา 19 นาฬิกา จากเหตุการณ์นักกีฬาพายเรือคายัคชาวมาเลเซียที่รวมตัวกัน 30 คนใช้เรือคายัคพายข้ามแดนจากเกาะลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย  เพื่อมาท่องเที่ยวในจังหวัดสตูล ประเทศไทย ด้วยระยะทาง 32 กม. แต่ระหว่างทางได้เกิดคลื่นลมแรง  ทำให้ไม่สามารถประคองเรือ   เดินทางมาตามวันเวลา  ที่มีการนัดหมายกับทางการไทย  ที่เกาะยาว  อำเภอเมือง จังหวัดสตูลได้  เนื่องจากเกิดเรือล่มระหว่างทาง   ในแนวเขตของมาเลเซียก่อน

        ทำให้ทางการไทยทุกฝ่าย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล, หน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ จว.สตูล ศรชล ภาค 3, ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาสตูล  ตำรวจน้ำสตูล  สั่งกำลังพร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือ  เนื่องจากความแรงลม    และคลื่นได้ซัดให้ทั้ง30 คน  แยกเป็นหญิง 18 คน ชาย 12 คน ที่พายเรือคายัคมาจำนวน 20 ลำ   แตกแยกย้าย  โดยพบว่ามาติดตามเกาะปรัสมาน่า  และรอยต่อสตูล ลังกาวี   พบจำนวน 27 คน และอีก 3 คน คลื่นลมได้ซัดนักพายเรือเข้ารัฐเปอร์ลิส ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว   มีเพียง 1 ใน 27 คนที่พบอาการบาดเจ็บที่สะบักเล็กน้อย   

         สำหรับนักกีฬาพายเรือคายัคชุดนี้    มีด้วยกันจำนวน  20 ลำ 30 คน  ได้ออกเดินทางจากเกาะลังกาวี  รัฐเคดาห์ประเทศมาเลเชีย มายังจังหวัดสตูล ประเทศไทย  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ   และประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวอุทยานธรณีโลกสตูล และเกาะลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ให้เป็นที่รู้จัก  ซึ่งมีการจัดกิจกรรมขึ้น โดยจังหวัดสตูล ร่วมกับ หน่วยงาน Langkawi Development    Authority  (LADA) เกาะลังกาวีรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย  กำหนดจัดกิจกรรมพายเรือคายัคระหว่างประเทศ   สตูลลังกาวี   ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2566

……………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ด่วน ทางการไทยเร่งช่วยชีวิตคณะนักกีฬาพายเรือคายัคลังกาวี มาสตูลล่มจากคลื่นลมแรง

ด่วน  ทางการไทยเร่งช่วยชีวิตคณะนักกีฬาพายเรือคายัคลังกาวี   มาสตูลล่มจากคลื่นลมแรง

       ด่วน   เกิดเหตุเรือคายัคของนักกีฬาจากเกาะลังกาวี   ประเทศมาเลเซียล่มบริเวณน่านน้ำของมาเลเซีย   โดยทุกคนได้ลอยคอและประคองเรือขอความช่วยเหลือฝั่งไทย    ขณะที่พายเรือข้ามทะเลเข้ามาทางด้านเกาะยาว  ของอำเภอเมือง   จังหวัดสตูล  โดยขณะนี้ทางไทย  ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล, หน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ จว.สตูล ศรชล ภาค 3, ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาสตูล  ออกให้ความช่วยเหลือ  นักกีฬาพายเรือคายัคทั้งหมดมาพักที่เกาะยาว  ได้แล้วจำนวน 15 คน และยังมีส่วนที่ยังค้นหาและออกช่วยเหลือ  เนื่องจากก่อนเกิดเหตุและขณะนี้  ยังมีคลื่นลมแรงเป็นเหตุให้นักกีฬาพายเรือไม่สามารถประคองเรือสู้กับคลื่นที่แรงได้  เบื้องต้นมีรายงานได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อย 1 ราย

      สำหรับนักกีฬาพายเรือคายัคชุดนี้    มีด้วยกันจำนวน  20 ลำ 30 คน  ได้ออกเดินทางจากเกาะลังกาวี  รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเชีย มายังจังหวัดสตูล ประเทศไทย  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวอุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล และเกาะลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ให้เป็นที่รู้จัก  ซึ่งมีการจัดกิจกรรมขึ้น จังหวัดสตูล ร่วมกับ หน่วยงาน Langkawi Development Authoritu (LADA) เกาะลังกาวี รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย  กำหนดจัดกิจกรรมพายเรือคายัคระหว่างประเทศ   สตูล-ลังกาวี   ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2566

……………………………………………………….

Categories
ข่าวเด่น

 ด่วน เพลิงไหม้วอด รถแมคโคร มูลค่า 3 ล้านบาท ภายใน ทต.คลองขุด  เจ้าหน้าที่เชื่อไฟฟ้าลัดวงจร ตร.ตรวจสอบ โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ 

ด่วน เพลิงไหม้วอด รถแมคโคร มูลค่า 3 ล้านบาท ภายใน ทต.คลองขุด  เจ้าหน้าที่เชื่อไฟฟ้าลัดวงจร ตร.ตรวจสอบ โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ

         เมื่อเวลา 19 นาฬิกาโดยประมาณ วันที่ 24 ส.ค.2566  ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้รถแมคโคร ยี่ห้อ  JCB ชนิดตักหน้าขุดหลัง ขนาดกลาง  โดยเพลิงได้รุกไหม้ถังน้ำมันจนเกิดแรงระเบิดลุกลามเกือบหมดทั้งคัน  ซึ่งรถดังกล่าวจอดภายในบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลคลองขุด  อำเภอเมืองสตูล ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้

          นายสุนทร  พรหมเมศร์   นายกเทศมนตรีตำบลคลองขุด  พร้อมทีมผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายที่เกี่ยวข้องรุดตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ สืบทราบเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คน อยู่ภายในซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดไม่มีคนนอกเข้ามา   และรถคันเกิดเหตุในช่วงระยะหลังนี้ลงพื้นที่ทำงานหนักเกือบตลอด 24 ชม. ในการช่วยขุดลอกวางท่อป้องกันน้ำท่วม จากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ในรอบที่ผ่านมา  อีกทั้งอายุงานร่วม 7 ปีและในช่วง 2-3 เดือนเพิ่งให้ช่างของบริษัทมาซ่อมแซม

       โดยทางทีมผู้บริหารเทศบาลตำบลคลองขุดเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร  ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้งานอย่างหนักในช่วงนี้ในการออกหน่วยช่วยเหลือให้บริการชาวบ้าน  ส่วนประเด็นอื่นนั้นให้เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสตูล ในการสอบสวน  ว่ามีประเด็นใดเข้าค่าย ซึ่งปมขัดแย้งภายในองค์กร  หรือ ประเด็นลอบวางเพลิงเบื้องต้น   ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่าไม่มี    สำหรับมูลค่าความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท

……………………………………..

Categories
ข่าวเด่น

คลื่นลมแรงหลบก็ไม่ทัน  เรือโดนคลื่นกระแทกไปเกยตื้น ใกล้เกาะไข่  ศรชล.เร่งช่วยเหลือ  

คลื่นลมแรงหลบก็ไม่ทัน  เรือโดนคลื่นกระแทกไปเกยตื้น ใกล้เกาะไข่  ศรชล.เร่งช่วยเหลือ

            วันที่ 17 สิงหาคม 2566   น.อ.แสนย์ไท  บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล ได้รับรายงานว่า เกิดคลื่นลมแรงพัดกระโชก  ส่งผลให้เรือประมงของชาวบ้านที่จอดหลบคลื่นลมอยู่ในทะเลบริเวณระหว่างเกาะไข่ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  เกิดเกยตื้น จึงได้เร่งประสานขอรับการสนับสนุนกำลังพล  พร้อมเรือและอุปกรณ์จาก นรภ.ทร. บนเกาะเกาะหลีเป๊ะ เร่งออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ  โดยเหตุดังกล่าวนี้เกิดขึ้นกับ เรือประมงชื่อ เรือชนะสุข ซึ่งได้ถูกกระแสคลื่นลมแรงพัดจนประสบเหตุเกยตื้นอยู่ที่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของใกล้เกาะไข่  ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง  จ.สตูล  แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวยในการกู้เรือจึงไม่สามารถกู้ได้ จนกระทั่งเช้าของวันนี้สภาพอากาศดีขึ้นจึงได้เริ่มปฏิบัติการกู้เรือลำดังกล่าวต่อ

       โดยได้ประสานกับ นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ (ทหารเรือบนเกาะหลีเป๊ะ )  ในการออกให้ความการช่วยเหลือ  สำหรับการกู้เรือได้ดำเนินการโดยการอุดปะรอยแผลแตกใต้ท้องเรือบริเวณกลางลำ และได้ทำการลากเรือเข้าบริเวณที่ตื้น เพื่อที่จะทำการสูบน้ำออกจากตัวเรือ แต่เนื่องจากตัวเรือเอียงตะแคงด้านซ้าย ไม่ตั้งตรง ทำให้ไม่สามารถสูบน้ำออกจากตัวเรือได้ จึงได้วางแผนและนัดหมายไต๋เรือ เพื่อจะได้ดำเนินการกู้ต่อในวันพรุ่งนี้ส่วนในเรือมีลูกเรือจำนวน 4 นาย 

       หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ได้ประสานไปยังเรือในพื้นที่เพื่อมารับลูกเรือทั้ง 4 และขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเรือโชคจักรกฤษ์ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งลูกเรือทุกคนปลอดภัย ส่วนตัวเรือยังคงต้องคอยให้คลื่นลมสงบ  ก็จะได้ดำเนินการกู้ใหม่ต่อไป

…………………………………………….

ขอบคุณภาพจาก ศรชล.

Categories
ข่าวเด่น

สตูลเร่งสรุปความเสียหาย หลังน้ำท่วมจากพายุไต้ฝุ่น  

สตูลเร่งสรุปความเสียหาย หลังน้ำท่วมจากพายุไต้ฝุ่น

 

         สถานการณ์ฝนที่ตกหนักในห้วง 14-15 ส.ค.2566 ที่ผ่านหลายส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังล่าสุด มีรายงาน 4 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอท่าแพ  อำเภอละงู  อำเภอทุ่งหว้า    โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมหนักแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆในพื้นที่บ้านควนโต๊ะเจ๊ะ  หมู่ที่ 5  (น้ำท่วม  19 หลังคาเรือน) และหมู่ที่ 6  (น้ำท่วม 50 หลังคาเรือน)  ตำบลท่าแพ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล  ระดับน้ำหลายจุดที่สูงเลยหัวเข่าระดับน้ำแม้จะมาเร็วและไปเร็วได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านข้าวของเสียหาย การสัญจรไปมายากลำบาก แม้ขณะนี้จะได้รับรายงานว่าระดับน้ำเริ่มลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว 

         ด้านพันตำรวจโทธีรศักดิ์   ศรีราชยา   ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่  436   ตำรวจจิตอาสาในสังกัด ร่วมกับ ผู้ใหญ่บ้านท้องที่ลงสำรวจและมอบสิ่งช่วยเหลือเบื้องต้นจากเหตุการณ์ฝนตกหนักเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมอบน้ำดื่ม   ในเบื้องต้นจำนวน 50  ครัวเรือน เป็นจำนวน 186 คน จัดกำลังพลชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยเตรียมความพร้อมติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ สามารถปฏิบัติภารกิจได้โดยทันที  แม้กลุ่มฝนจะคลี่คลายและเตรียมความพร้อมในการรับมือทันทีหากมีการประกาศแจ้งเตือนกลุ่มฝนพายุไต้ฝุ่นพาดผ่านเข้ามาซ้ำสอง

            ด้านกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย  รายงานว่า  สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล  เร่งสรุปสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำท่วมขังในพื้นที่จังหวัดสตูล เบื้องต้นใน  วันที่ 15 สิงหาคม 2566 หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสตูล  ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำท่วมขัง โดยสรุปสถานการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้นจำนวน 3 อำเภอ 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญหาย

           – อำเภอทุ่งหว้า 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 9 ตำบลทุ่งหว้า  – อำเภอควนกาหลง 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 2 ตำบลอุใดเจริญ หมู่ที่ 5 และ 9 ตำบลควนกาหลง  – อำเภอเมืองสตูล 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 4 ตำบลคลองขุด   ทั้งนี้ ปัจจุบัน จ.สตูล  มีฝนตกน้อยลงทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มขึ้น สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

……………………………………….

Categories
ข่าวเด่น

สตูลเตือนรับมือน้ำท่วมวันนี้… หลังอุตุนิยมฯเตือนเสี่ยงท่วมเพิ่ม  

สตูลเตือนรับมือน้ำท่วมวันนี้… หลังอุตุนิยมฯเตือนเสี่ยงท่วมเพิ่ม  

        วันที่ 15 ส.ค. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรมอุตุนิยมวิทยายังคงประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเกิดฝนตกหนัก และน้ำไหลหลาก  ให้ระมัดระวังในระยะนี้   โดยเฉพาะที่จังหวัดสตูลปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก   ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง  และไหลบ่าบ้านเรือนชาวบ้านในพื้นที่ต่ำ   โดยเฉพาะเมื่อวานนี้กลุ่มฝนที่ตกหนักที่ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันท่วงที ได้ไหลเข้าท่วมบ้านพักข้าราชการตำรวจ   ถนนหนทาง และบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ต่ำ

        แม้ช่วงเช้านี้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังจะลดลง   เนื่องจากมีฝนตกเป็นช่วง ๆ ทำให้น้ำมีการระบาย  แต่ยังไม่ปกติ  โดยวันนี้กลุ่มฝนที่จ่อจะตกซ้ำทำให้ชาวบ้านหลายคนเตรียมพร้อมเฝ้าระวังในการเคลื่อนย้ายสิ่งของป้องกันน้ำไหลมาสมทบ    ขณะที่น้ำในคลองทรายทอง  สายสำคัญ  มีสีแดงขุ่น  โดยยังสามารถรองรับน้ำไหลออกสู่ทะเลได้  

……………………………………..

Categories
ข่าวเด่น

สตูลเตือนภัย ..หวิดสูญเงินแสน  โชคดีที่เมียเก็บเงินไว้  จึงรอดจากแก้งค์คอลเซ็นเตอร์  เลือกเหยื่อสูงวัยตบทรัพย์

สตูลเตือนภัย ..หวิดสูญเงินแสน  โชคดีที่เมียเก็บเงินไว้  จึงรอดจากแก้งค์คอลเซ็นเตอร์  เลือกเหยื่อสูงวัยตบทรัพย์

        (15 ส.ค 66 )   ที่ร้านนราการเบาะ   ตั้งอยู่เลขที่ 330  หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นายจรงค์  หนูช่วย วัย  75 ปี พร้อมภรรยา คือนางเยาวนารถ  หนูช่วย อายุ 67 ปี สองสามีภรรยานำคลิปที่แก้งค์คอลเซ็นเตอร์  ใช้เป็นกลลวงให้หลงเชื่อ  เกือบจะสูญเงินหลักแสนบาทให้นักข่าวดู 

        โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้  เกิดขึ้นเมื่อคุณลุงจรงค์  วัย 75 ปี ขณะนั่งทำเบาะให้ลูกค้าเหมือนเช่นทุกวัน  ที่ร้านเพียงลำพัง  จู่ ๆ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  และบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ท้องที่จังหวัดสุโขทัย  อ้างว่าคุณลุงจรงค์  มีชื่อพัวพันกับกลุ่มยาเสพติดที่เปิดบัญชีซื้อขายยา   ซึ่งสร้างความตกใจให้กับคุณลุงจรงค์เป็นอย่างมาก  ก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนไลน์กันเพื่อพูดคุย

        จากนั้นคนร้ายที่สวมรอยเป็นตำรวจ  ได้สอบถามถึงสมุดบัญชีธนาคาร  ว่ามีของธนาคารไทยพาณิชน์หรือไม่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ลุงจรงค์ตอบทันควันว่าไม่  แต่มีของธนาคารอื่น2 ธนาคาร  และได้ถ่ายรูปหน้าปกธนาคาร ทั้ง 2 เล่มให้ ( มีเงินในบัญชีเพียง 400 กับ 500 บาท)  พร้อมแนบบัตรประชาชน   ตามที่คนร้ายต้องการส่งไปให้    กลับถูกข่มขู่  พร้อมส่งรูปบุคคลที่ถูกจับกุมได้  และซัดทอดว่าลุงใช้ให้ไปเปิดบัญชีเพื่อโอนเงินค่ายาเสพติด   ที่มีตราโลโก้คล้ายกับตำรวจให้ดู ยิ่งสร้างความกลัวและตกใจให้กับลุงเป็นอย่างมาก

        และขอให้ลุงรีบมาดำเนินการในท้องที่สุโขทัย  เพื่อจ่ายค่าปรับ  ในจำนวนเงิน 2 แสนบาท  มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีทันที  คุณลุงบอกไปว่าไม่มีเงิน   คนร้ายจึงบอกว่าถ้าหากจะให้ช่วยเรื่องคดี เพื่อไม่ให้ยุ่งยากก็ให้โอนมา 1 หมื่นบาทก็ได้  เป็นการช่วยในเบื้องต้นโดยไม่ต้องเดินทางมา  

        ขณะนั้นคุณลุงเริ่มใจอ่อน  และพร้อมจะโอนเงินให้ตามที่คนร้ายร้องขอ  เพื่อให้คดีจบ ๆ ไป แม้พยายามจะบอกคนร้ายว่า  ลุงก็มีลูกชายเป็นตำรวจ ตำแหน่งสารวัตรด้วยเหมือนกัน แต่ ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากแก้งค์คนร้ายดังกล่าวแต่อย่างใด  ( กลับยอกย้อนว่าเงินแค่นี้มีลูกเป็นตำรวจไม่มีเหรอ)  ด้วยการที่ไม่อยากจะเดินทางขึ้นไปเคลียร์ที่ จ.สุโขทัย  จึงคิดที่จะยินยอมจ่ายเงิน  1 หมื่นบาทให้คนร้าย  แต่ในตัวลุงเองไม่มีเงิน  จึงขอเวลาคนร้ายว่าขอไปยืมเงินจากญาติก่อน  

       จากนั้นจึงไปขอเงินภรรยา คุณป้าเยาวนารถ  วัย 67 ปี และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาฟัง คุณป้ารู้ทัน และบอกว่า  ถูกเข้าแล้ว  ถูกแก้งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกเข้าแล้ว เหมือนกับที่เป็นข่าวในทีวี และในสื่อโซเซียลอยู่ทุกวัน  จึงเก็บโทรศัพท์ของลุงมาดำเนินการเอง โดยไม่ให้รับโทรศัพท์อีก หลังคนร้ายพยายามติดต่อมาเพื่อขอเงิน  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงรีบไปแจ้งความที่สภ.เมืองสตูล  เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้  แต่ตำรวจไม่รับแจ้งและบอกว่า  คดีแบบนี้มีเยอะ  และเหตุยังไม่เกิด   แต่พวกตนมองว่าอยากจะเตือนภัยสังคมให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่มุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุ สร้างความตกใจ และหวาดกลัว 

       นายครรชิต  ชุมขวัญ  ผู้นำในชุมชนที่ 2 ป้า ลุงอาศัยอยู่ (สท.ทต.คลองขุด) เปิดเผยว่า  เหตุการณ์ในครั้งนี้  อยากให้เป็นการเตือนภัยสังคมที่มาในทุกรูปแบบ ไม่เลือกเด็กหรือผู้สูงอายุ  วันนั้นถ้าลุงแกมีเงินอยู่ในตัว  แกคงโอนให้คนร้ายไปแล้วเพราะด้วยความหวาดกลัว  และตกใจว่ามีคนแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง  แต่นี่เงินอยู่ที่ภรรยาทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด

…………………………………………………….

Categories
ข่าวเด่น

ด่วน..สตูลน้ำท่วมฉับพลันหลังฝนตกหลัก ถนน   โรงเรียน  บ้านเรือน  น้ำท่วมขังหลังระบายไม่ทัน ชาวบ้านยอมรับน้ำมาเยอะทั้งลมทั้งฝน  หลังกรมอุตุฯเตือน 14-15 ส.ค.

ด่วน..สตูลน้ำท่วมฉับพลันหลังฝนตกหลัก ถนน   โรงเรียน  บ้านเรือน  น้ำท่วมขังหลังระบายไม่ทัน ชาวบ้านยอมรับน้ำมาเยอะทั้งลมทั้งฝน  หลังกรมอุตุฯเตือน 14-15 ..

          ที่จังหวัดสตูลได้เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักในระยะนี้  โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของวันนี้ (14 ..2566) นานกว่า 3 ชั่วโมงส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดสตูลเกิดน้ำท่วมฉับพลันเนื่องจากระดับน้ำฝนที่มีปริมาณมากและตกนาน  ส่งผลให้ถนนหลายสายโดยเฉพาะเส้นในเขตเทศบาลเมืองสตูล เป็นช่วงๆ มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระดับน้ำไม่สามารถจะระบายออกสู่ทะเลได้ทันท่วงที

       ปริมาณน้ำท่วมจำนวนมากยังได้ไหลเข้าท่วมบ้านพักแฟลตตำรวจ หลังตลาดตั้งจิตต์  เขตเทศบาลตำบลคลองขุดน้ำท่วมขังเกือบครึ่งล้อรถยนต์ทำให้หลายคนต้องรีบนำรถไปไว้ด้านนอกเพราะเกรงว่า  ฝนจะตกซ้ำมาไม่สามารถนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ออกไปข้างนอกได้

นอกจากนี้บ้านเรือนชาวบ้านโดยเฉพาะในหมู่ที่ 7 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล หลายหลังน้ำได้ไหลเข้าท่วมไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของทันท่วงทีเนื่องจากระดับมาเร็วมาก และบางคนมีเพียงผู้สูงอายุอยู่เพียงลำดับทำให้ยากลำบากในการเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นเหนือน้ำ

         นางพรเพ็ญ  วงสัมพันธ์  อายุ63 ปี บ้านเลขที่ 604 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองขุด  บอกว่า  ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้าไปรอบหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่ารอบบ่ายจะหนักกว่าอีกทำให้ขนย้ายเข้าของบางส่วนไม่ทัน เพราะอยู่คนเดียว จำใจต้องปิดบ้านหนีไปนอนกับน้องสาวก่อนเพราะเกรงว่าน้ำจะมาเพิ่มอีก

         โรงเรียนพัฒนการศึกษา  (ปอเนาะ)  น้ำท่วมขังทางเข้า   ขณะที่ชาวบ้านหลายคนก็พยายามมาช่วยกันลอกคูระบายน้ำด้วยการนำเศษขยะ สิ่งไม้และสิ่งปฏิกูลไม่ขวางทางน้ำเพื่อให้ผ่านได้สะดวก  โดยนายวุฒิพงษ์   จินดาษรัย  ชาวบ้านตำบลคลองขุด   ยอมรับว่า  น้ำเยอะมาหลักฝนตกหนัก ทำให้ต้องออกมาช่วยกันนำเศษซากกิ่งไม้ที่ปิดช่องทางน้ำออกให้น้ำช่วยระบายได้ทันท่วงที

        ขณะที่สภาพความเสียหายจากน้ำท่วมฉับพลันจากปริมาณฝนที่ตกหนัก  ขณะนี้อยุ่ระหว่างการสำรวจ และเฝ้าระวังว่าฝนจะกลับมาตกซ้ำหรือไม่  หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากในระหว่างวันที่ 14 – 15 ..นี้  ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม

…………………………………………………..

Categories
ข่าวเด่น

  สตูล-ลิงอันธพาลป่วนเมือง  ชาวบ้านสุดทนดึงสายไฟ สายสัญญาณเน็ต ทศจ.เปิดเวทีถกทางออกลั่นปีนี้ต้องทำหมันด่วน 200 ตัวเพื่อบรรเทาปัญหา   

สตูล-ลิงอันธพาลป่วนเมือง  ชาวบ้านสุดทนดึงสายไฟ สายสัญญาณเน็ต ทศจ.เปิดเวทีถกทางออกลั่นปีนี้ต้องทำหมันด่วน 200 ตัวเพื่อบรรเทาปัญหา

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  (วันที่ 8 ส.ค.2566)  ปัญหาลิงป่วนชุมชนเมืองสตูล   ขณะนี้นับเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ชาวบ้านชุมชนเมือง   ตำบลพิมาน   อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  หวังจะให้ภาครัฐ และหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข  โดยปัญหาเริ่มตั้งแต่ปี 2565 มาจนถึงปัจจุบัน  ประกอบกับปริมาณลิงเสมที่เพิ่มขึ้น   ทำให้ไร้อาหาร  ไร้ที่อยู่อาศัย  ต่างพากันอพยพเข้ามาสร้างปัญหาในย่านเศรษฐกิจของตัวเมืองสตูล 

       ภาพลิงเสมเดินตามเสาไฟฟ้าแรงสูง   กระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน   และปีนไต่ตามอาคารบ้านเรือนทำลายข้าวของหลังคาชำรุดเสียหาย  จนชาวบ้านชุมชนเมืองต่างรวมตัวกันร้องผ่านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสตูล  เป็นตัวกลางเร่งหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   เนื่องจากพบว่าลิงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง  การบริหารจัดการแก้ปัญหาผู้บริหารระดับท้องถิ่นหรือจังหวัด  ไม่มีอำนาจแก้ปัญหาให้ได้ทันท่วงที   ต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยเหนือเท่านั้น

        ตัวแทนชาวบ้าน  ว่าที่ร้อยตรีหญิงภณิชา  จิ๊บวรภัทร  ประธานชุมชนโรงพระสามัคคี  บอกว่า   ปัญหาลิงถือว่าสร้างความเดือดร้อนชาวบ้านชุมชนเมืองเป็นอย่างมาก โดยทุกเช้าลิงจะเดินออกมาสร้างความเดือดร้อนดึงสายไฟสายอินเตอร์เน็ต สายเคเบิ้ลทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน  เพราะต้องแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดเวลา  ทำหลังคารั่วแตก  ปัญหาเริ่มมาจากช่วงโควิดเมื่อทุกคนออกมาอยู่นอกบ้านมากขึ้นก็จะเห็นว่าปริมาณลิง เพิ่มมากขึ้น  พบว่าลิงมาอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก   จึงอยากให้มีการแก้ปัญหาลิง 200 ตัว ที่เข้ามาอยู่ในเมืองอยากให้จัดการปัญหาลิงชุดนี้ก่อน พร้อมส่งคืนสู่ธรรมชาติ

          จากปัญหาที่เกิดขึ้น  นายเทอดไทย   ขวัญทอง  ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล  เปิดพื้นที่ประชุมหารือทุกส่วนที่เกี่ยวข้องและตัวแทนชาวบ้านชุมชนเมือง  พร้อมเชิญ นายพิบูลย์  รัชกิจประการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์เขต 1 จังหวัดสตูล และนายวิเชียร   ตันติอาภรณ์   นายกเทศมนตรีเมืองสตูล ร่วมหารือและหาแนวทางออกแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในครั้งนี้  พร้อมกับนายสถาวิทย์  สุวรรณรัตน์  หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองปลักพระยาและเขาระยาบังสา  ตัวแทน  ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  5 (นครศรีธรรมราช)

       นายพิบูลย์  รัชกิจประการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์เขต 1 จังหวัดสตูล  กล่าวว่า   ปัญหาลิงอยากให้ทางจังหวัดแก้ไขกันเองก่อนตามลำดับขั้น  ส่วน ส.ส.เอง เข้าไปแก้โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ว่าต้องการให้สื่อสารถึงใครกับปัญหานี้ อาทิ รัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวง หรือให้สื่อถึงอธิบดี โดยส.ส. และผู้แทนของท่านได้ช่วยในขั้นตอนนี้ได้  ส่วนการยกเลิกให้ลิงออกจากสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น  เห็นว่าไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหานี้  

       นายสถาวิทย์  สุวรรณรัตน์  หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองปลักพระยาและเขาระยาบังสา ตัวแทน  ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  5 (นครศรีธรรมราช)  สรุปว่า  เบื้องต้นของการแก้ปัญหาจะเร่งทำโครงการทำหมันลิง เพื่อเสนอขออนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  หลังได้รับงบอุดหนุนจากเทศบาลเมืองสตูล จำนวน 400,000 บาท  นอกจากนี้ในที่ประชุมได้เสนอให้ทางกรมอุทยานสนับสนุนการทำหมันลิงในปีต่อๆไป  เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ในพื้นที่เทศบาลเมืองสตูล

       ปัญหาลิงในจังหวัดสตูล ถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นจากหน่วยงานราชการและชาวบ้าน ค่อนข้างเยอะ กรมอุทยานเองมีความตั้งใจอยากจะแก้ไขปัญหาตรงนี้

       ซึ่งจะพยายามทำให้เร็วที่สุดในปี 2566 ชุดแรกจำนวน 200 ตัว ในพื้นที่เทศบาลเมืองสตูล ปัญหาอุปสรรคพบว่าลิงไม่ได้สร้างปัญหาเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสตูล   หลายพื้นที่ในภาคใต้ก็ประสบปัญหาคล้ายกัน อาทิ  กระบี่   พังงา ประกอบกับสัตวแพทย์ของอุทยานมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ต้องจัดสรรเวลาในการมาทำหมันที่นี่

       ส่วนคำถามที่ว่าจะมีการบูรณาการร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด  อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางเทคนิคสัตวแพทย์ของปศุสัตว์จังหวัด  มาร่วมกันต้องมีการพูดคุยอีกครั้ง

…………………………….

Categories
ข่าวเด่น

  สตูล – บิ๊กโจ๊ก  สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่  หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน  

สตูล  บิ๊กโจ๊ก  สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่  หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน  

         พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ลงพื้นที่ประชุมตรวจติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องในชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ และติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายกรณีบุกรุกที่อุทยานฯ รุกล้ำที่ราชพัสดุ และความผิด พรบ.โรงแรมและ พรบ.ควบคุมอาคาร    โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในครั้งนี้

           ซึ่งความคืบหน้า   ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล  กล่าวว่า  ขณะนี้การดำเนินคดีโรงแรมทั้งหมด 103 คดีเป็นโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่ 100 กว่าโรงแรม ได้แจ้งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว   ยกเว้นโรงแรมที่ เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมเขา จำนวนสามสิบกว่าโรงแรมในส่วนของสำนวนทั้งหมดประมาณ 103 สำนวนจะดำเนินการสั่งคดีให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้

        ส่วนของการบุกรุกตั้งแต่เรื่องการบุกรุกที่ดินของโรงแรม   การก่อสร้างโรงแรมไม่ได้รับอนุญาต  การต่อเติมสร้างอาคารต่าง ๆ โดยผิดกฎหมายไม่ได้รับอนุญาต    เพราะฉะนั้นวันนี้การดำเนินการของที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะหลักการต้องดำเนินตามกฎหมายเพราะว่าการใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน   จะสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคนบนเกาะหลีเป๊ะเพราะว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน

          และจากนี้ไปก็เป็นเรื่องการเพิกถอน ที่ต้องใช้เวลา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาพิจารณายกเลิกเพิกถอนกรณีมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ   โดยอาศัยหลักฐานทั้งเอกสาร ดีเอสไอ  และเอกสารจากกรมอุทยานแห่งชาติ   ซึ่งวันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา  โดยวันนี้มาเพื่อเร่งกระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น   และในส่วนของหลักฐานก็เพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น   คือภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศขณะนี้กรมแผนที่ทหารโดยเจ้ากรมแผนที่ทหารรับรองแล้ว  ว่าภาพถ่ายทางอากาศมีการรับรองโดยเอกสารราชการโดยถูกต้อง    ต้องกลับไปใช้พ.ศ. 2493 ถึง 2494   เพราะฉะนั้นมันจะชัดเจนว่าอันไหนควรเพิกถอน  อันไหนไม่ควรเพิกถอน   เพราะฉะนั้นในเอกสารทั้งหมดที่ทำรายงานทั้งหมดประมาณ 10,000 กว่าแผ่น  พิจารณาให้เพิกถอนทั้งหมด 42 แปลง   หมดทั้งเกาะ   ในส่วนนี้ก็จะเซ็ทซีโร่ใหม่   ในส่วนของชาวบ้านที่จะทำกินก็ให้ดำเนินการไป    ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาเพื่อสร้างให้เกาะหลีเป๊ะมีความเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอารายได้เข้าเกาะหลีเป๊ะก็ต้องว่าไป  ก็จะได้จัดสรรปันส่วนโดยส่วนนี้ก็จะเป็นของกรมอุทยานแห่งชาติในฐานะเจ้าของพื้นที่จากที่มีการ เพิกถอนหมดทั้งเกาะแล้วอันนี้ยึดหลักกฎหมาย

          พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล   กล่าวเพิ่มเติมว่า   ส่วนปัญหาทางเดินโรงเรียนและลงชายหาดที่เป็นข้อพิพาทนั้น  แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง   โดยในวันอังคารหน้านี้ตนจะลงพบเอกชน และติดตามปัญหาทางเดินสารธารณะพร้อมกับ กรมที่ดิน  กรมอุทยาน   กรมธนารักษ์  และในส่วนของนายอำเภอ   ลงไปชี้แนวเขตทั้งหมด เพื่อให้จบและได้ออกเอกสารสิทธิ์    คือวันนี้ถามว่าทำไมมันสั่งสมมานาน  อย่าลืมนะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด  ก็หนักใจต่างคนต่างอยู่   กรมอุทยานก็กรมนึง   กรมที่ดินก็กรมนึง   กรมธนารักษ์ก็กรมหนึ่ง   เมื่อกรมธนารักษ์พร้อมแต่กรมที่ดินไม่พร้อม   ด้วยเหตุนี้ทางนายกจึงได้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อเอาทุกกรม  ไปดำเนินการได้มันจะได้เสร็จ