Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-ชาวบ้านเกาะสาหร่าย  ร้องศรชล.แก้ปัญหาลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล ส่งจีน-เวียดนาม

สตูล-ชาวบ้านเกาะสาหร่าย  ร้องศรชล.แก้ปัญหาลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล ส่งจีน-เวียดนาม

        วันที่ 27 ต.ค. 66  ที่ท่าเทียบเรือเจ้าท่า สาขาสตูล ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3  โดยพลเรือโทสุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช   มอบนโยบายนาวาเอก แสนย์ไท  บัวเนียม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ จว.สตูล ศรชล.ภาค 3/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล, ว่าที่ นาวาเอก รัฐพล  แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3 , นายสุขเกษม ศรีงาม เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน  หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล)  ประมงจังหวัดและประมงอำเภอเมืองสตูล

         สนธิกำลังนำเรือ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาสตูล และเรือของมนุษย์กบ ศรชล.ออกลาดตระเวนตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล   หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ว่ามีการลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล   สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรธรรมชาติและเครื่องมือประมงของชาวบ้าน  ซึ่งการออกลาดตระเวนพร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจตรารอบเกาะสาหร่ายในครั้งนี้   แม้จะไม่พบการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว  

          ด้านนาวาเอกแสนย์ไท  บัวเนียม   รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  (ศรชล.สตูล) พร้อมคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงรับฟังปัญหา  จากผู้นำชาวบ้านในพื้นที่และเชิญเจ้าของแพรับซื้อปลิงทะเลลูกบอล มาแจ้งถึงการรับซื้อปลิงทะเลลูกบอลจากกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือคราดในครั้งนี้มีความผิดทางกฎหมาย  พร้อมให้แนวทางการทำงาน  3 ข้อประเด็นหลักคือ 

        ด้านนายรอดาษ  นากมา  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสาหร่าย  ยอมรับว่า  ปัญหาการลักลอบทำประมงด้วยการใช้เครื่องมือ คราดปลิงทะเลลูกบอล  มีจริง  โดยมีการใช้เรือประมาณ 10 ลำเป็นเรือหางพร้อมเครื่องมือคราดสร้างความเสียหายให้กับเครื่องมือประมงของชาวบ้าน  ซึ่งปัญหานี้มีมาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปีแล้วที่ชาวบ้านเกาะสาหร่ายประสบปัญหา โดยกลุ่มเรือที่เข้ามาทำส่วนใหญ่มาจากต่างถิ่น จึงอยากให้ศรชล.เข้ามาช่วยเหลือ ตรวจตรา ป้องปรามการกระทำผิด 

        รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  (ศรชล.สตูล)  กล่าวว่า  จากการลงพื้นที่รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน  ผู้นำชุมชน ได้เสนอแนะ 3 ประเด็นใหญ่คือ 1 ให้มีการรวมตัวกันผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ  เพื่อทำการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น 2. หากเกินขีดความสามารถให้แจ้งมายัง ศรชล.หรือ  ว่าสำนักงานประมงจังหวัด/หรือว่าหน่วยปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ  3 ศรชล.ได้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน/เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำความผิด  ประมงผิดกฎหมายเพื่อจำกัดเสรีในการกระทำความผิดกฎหมาย  ควบคุมดำเนินคดีการกระทำความผิดต่อไป   โดยลักษณะของการกระทำความผิดเป็นการใช้เครื่องมือคราดปลิงทะเล  สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรและเครื่องมือประมงอื่น เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ   สำหรับการแก้ไขปัญหาประมง   และการกระทำความผิดประมง   เป็นปัญหาซับซ้อนที่ต้องร่วมมือกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐประชาชนและผู้ทำอาชีพประมง ในทุก ๆ เรื่องการสร้างความตระหนักรู้วินัย/ทุกคนต้องร่วมมือกันเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย

         สำหรับปลิงทะเลลูกบอล  การข่าวพบว่ามีการซื้อขายกิโลกรัมละ 60-70 บาทในตัวปลิงที่มีขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก 35 บาท มีการจับเพื่อส่งขายไปเป็นยาบำรุงร่างกาย ในประเทศเวียดนามและจีน   ซึ่งชาวบ้านเกาะสาหร่ายหากเดินหาริมชายหาดหลังน้ำลดสามารถทำได้  

        สำหรับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดสตูล ได้ประกาศ เรื่อง  กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงจับสัตว์น้ำ พ.ศ.2560  เครื่องมือประมงประเภทคราดประกอบกับเรือยนต์ทำการประมงปลิงทะเล ทำให้เกิดการทำลายหน้าดิน หญ้าทะเล ปะการัง อันเป็นแหล่งวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวประมง  อาศัยมาตรา 28 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง มาตรา 71 (1)แห่งพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558   (มีโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท  ถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง)

…………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-ตะลึงหัวขโมยหิวโซแอบกินเกี้ยว ทอดไข่ในร้านก๋วยเตี๋ยวยามวิกาลอย่างใจเย็น ก่อนฉกกลับบ้าน กล้องวงจรปิดจับได้คาปาก เจ้าของโพสต์ไม่รู้จะสงสารดีหรือว่าเป็นเพราะนิสัย

สตูล-ตะลึงหัวขโมยหิวโซแอบกินเกี้ยว ทอดไข่ในร้านก๋วยเตี๋ยวยามวิกาลอย่างใจเย็น ก่อนฉกกลับบ้าน กล้องวงจรปิดจับได้คาปาก เจ้าของโพสต์ไม่รู้จะสงสารดีหรือว่าเป็นเพราะนิสัย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เจ้าของเฟสบุ๊คส่วนตัวที่ชื่อว่า  Onuma Sungyalo  (หนูนา )  ชื่อว่า นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า  ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน   เลขที่ 116 ถนนปานชูรำลึก ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โพสต์ภาพคลิปนาที ว่าครั้งแรกในชีวิตที่พบขโมยทั้ง 2 ร้าน ที่ร้านโต้รุ่งโดนงัด เอาพัดลมกับลำโพงหาย และ ล่าสุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน  หัวขโมยเอาไข่ไก่ไป 1 แผง และไข่ไก่อีก 10 ลูก  แถมเอามาม่าไปด้วย  3 ห่อ แถมขโมยกินเกี้ยวทอดนั่งลงกินข้างตู้กระจกขายก๋วยเตี่ยวแบบไม่สนใจ  แม้กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าร้าน เลย โพสต์แชร์เตือนภัย  บอกว่าหัวขโมยคงจะอดและหิวมาก   ซึ่งเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 เวลา ตี 3

         นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของ ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน กล่าวว่า  ได้ไปปรึกษาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสตูลแล้ว แต่ยังไม่แจ้งความ ใจหนึ่งที่เอ็นดูโจรสมัยนี้อดยาก หิวโซจริง ๆและเป็นจังหวะที่ขโมยขึ้นเมื่อวานก่อน ในวันออกวันกินเจ คงคิดว่า โจรคงหิว และมาขโมย แถมที่สำคัญ โจรได้หยิบกระทะมาตั้งเตาแก๊ส และจุดไฟไม่ได้ แถมเทน้ำมันใส่กระทะเรียบร้อย สุดท้าย ทอดไข่กินไม่ได้ จึงทำได้เพียง เอาไข่ไก่ตอกเทใส่กล่องพลาสติก และเอาเปลือกไข่ไก่ไปทิ้งไว้นอกข้างร้านดูต่างหน้า   จากนั้นขโมยได้ไข่ไก่ไป 1 แผน กับไข่ไก่อีก 10 ฟอง แถมเอามาม่าไปด้วย

       

         นางสาวอรอุมา   สังข์ยะลอ   อายุ 29 ปี ที่เป็นเจ้าของ ร้านก๋วยเตี๋ยวบังยุบซอยแม่เนียน กล่าวอีกว่า งานนี้ตนเองทำได้เพียงใส่ลูกกรงประตูหน้าร้านให้แน่น และไม่ติดใจแต่ก็เฝ้าระวัง  ส่วนขโมยนั้นบอกได้แค่คำเดียวว่า ไม่รู้จะสงสาร หรือ โมโหดี  ส่วนอีกร้านนั้น ที่โต้รุ่งข้างเซเว่น โจรเอาพัดลมติดฝาผนัง//พัดลม โชคดีที่ไม่เอา ถังแก๊ส ไป

………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

 สตูล-พบพะยูนเพศเมียตัวเต็มวัยหนักกว่า 200 กิโลฯ เกยหาดบนเกาะตาย ชาวประมงรีบส่งตรวจสอบ

สตูล-พบพะยูนเพศเมียตัวเต็มวัยหนักกว่า 200 กิโลฯ เกยหาดบนเกาะตาย ชาวประมงรีบส่งตรวจสอบ

           (25 ต.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านพบพะยูนเพศเมียตัวใหญ่ มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม  สภาพนอนเกยตื้นตายบริเวณริมชายหาดบ้านเกาะระยะ หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสาหร่าย   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล โดยพบว่า สภาพบริเวณตรงหลัง พะยูนมีร่องรอยบวมช้ำ และมีบาดแผล มีบริเวณโคนหางเป็นจุดถลอก  ส่วนอายุดูจากตามลำตัวพบเส้นขนมีสีขาวคาดการณ์พะยูนตัวนี้น่ามีอายุมากแล้ว

        ด้านนายวินัย มงเล่ห์ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6  กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายคมชาญ  โกบปุเลา อายุ 28 ปี คนเจอตัวพะยูนที่นอนเกยตื้นตาย จึงไปดูและเสียใจ ที่พบพะยูนในพื้นที่ชายทะเลแถวเกาะแห่งนี้  จึงได้ช่วยกันใส่เรือประมงพื้นบ้าน นำเอามาขึ้นฝั่งที่บริเวณท่าเทียบเรือบ้านทุ่งริเน อำเภอท่าแพ  จังหวัดสตูล  เพื่อส่งต่อไปยังสำนักงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เขตตรัง เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ต่อไป   ส่วนตัวนั้นมองว่าการเจอพะยูนบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่ง   เพราะไม่เคยเจอนานมากแล้ว   แต่การได้เจอในสภาพเกยตื้นตายแบบนี้รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก      

        นายคมชาญ  โกบปุเลา อายุ 28 ปี คนเจอตัวพะยูน บอกว่า ตนเองกับพี่ชายไปหาปลาริมชายหาดจนพบพะยูนในช่วงเวลา 11.00 น. พบพะยูนนอนเกยตื้นตาย จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านเร่งมาช่วยกันดูและช่วยกันยกขนย้ายนำขึ้นฝั่งเพื่อส่งตรวจ   สำหรับพะยูนนี้ก็ไม่เคยเห็น  เมื่อได้เห็นสภาพตายเกยตื้นแบบนี้แล้ว รู้สึกเสียใจ

        ด้านนายอาหมีน สันโด อายุ 40 ปี ชาวบ้านเกาะสาหร่าย และนักอนุรักษ์ธรรมชาติ บอกว่า  พื้นที่บนเกาะสาหร่าย และทะเลแห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์มีหญ้าทะเล เยอะ ที่มีพะยูนอาศัยอยู่จากการสำรวจมีถึง 8 ตัว จากที่เคยสำรวจ และในวันนี้พบพะยูนเกยตื้นตายรู้สึกเสียใจ เพราะการพบพะยูนในพื้นที่บ่งบอกว่าพื้นที่ทะเล สมบูรณ์ดี ส่วนใหญ่ในพื้นที่จะพบโลมาบ่อยครั้ง มันจะโผล่ขึ้นมาเป็นช่วงๆ   ส่วนพะยูนกับเต่าก็มีแต่ตลอดแต่จำนวนไม่มาก    อยากให้ภาครัฐส่งเสริมการอนุรักษ์หญ้าทะเลเพราะเป็นแหล่งอาหารของพะยูนสัตว์ทะเลหายาก

……………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ด่านชายแดนทางน้ำสแกนยิบล่า  เสี่ยแป้ง  ล่าสุดไม่พบทั้งรถทั้งคน 

สตูล-ด่านชายแดนทางน้ำสแกนยิบล่า  เสี่ยแป้ง  ล่าสุดไม่พบทั้งรถทั้งคน 

 

          จากกรณีนักโทษชาย  ชื่อ  เชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด  หลบหนีระหว่างรักษาตัวใน โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา  โดยราชทัณฑ์ตั้งรางวัลนำจับ 100,000 บาท

          และการข่าวรายงานว่าพบรถกระบะทะเบียน 8 กจ 9049 พัทลุง คันที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีจาก รพ.มหาราชจังหวัดนครศรีธรรมราช จอดทิ้งไว้ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.สตูล ซึ่งมีพื้นที่ตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูลติดต่อกับประเทศมาเลเซียนั้น

        วันที่ 24 ต.ค. 66  ล่าสุดหน่วยความมั่นคงได้สนธิกำลังไล่ล่าแสกนทุกพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะด่านชายแดนวังประจัน  อำเภอควนโดน และที่ท่าเทียบเรือตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูล  ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนรอยต่อติดทางน้ำ  กับรัฐเปอร์ลิส และรัฐเคดาห์  ประเทศมาเลเซีย โดยวันนี้ตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 9 จังหวัดสตูล ได้เข้มงวดนักท่องเที่ยว และแรงงานที่เดินทางเข้าออกทุกคน โดยเช็ครูปพรรณสัณฐานว่ามีบุคคลหน้าละไม้ คล้ายเสี่ยแป้งหรือไม่กับบุคคลที่เดินทางออกนอกประเทศทุกราย  พร้อมกันนี้ยังเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังตามช่องทางธรรมชาติ พร้อมเน้นการหาข่าว

       นอกจากนี้ยังมีการตรวจสแกนรอยเข้าออกในบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง รวมทั้งหมู่บ้านรอยต่อริมทะเลเพื่อสกัดกั้นและเฝ้าระวัง  พร้อมสแกนรถยนต์เข้าออกอย่างละเอียดที่เชื่อว่าใช้เป็นยาหนะในการหลบหนี   

        โดยด้าน  พ.ต.ท.บรรเจิด   มานะเวช   รองผู้กำกับการ 9 ตำรวจน้ำ  (ดูแลตรังสตูลและกระบี่)  ยืนยันว่า  ขณะนี้ยังไม่พบตัวบุคคลที่ทางการตามหา   รวมทั้งรถยนต์   กระบะทะเบียน 8 กจ 9049 พัทลุง ที่ตกเป็นข่าวโดยยืนยันยังไม่พบรถยนต์คันดังกล่าวในพื้นที่ตำมะลัง  และใน จ.สตูล และขณะนี้ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนสแกนหาอย่างละเอียด   ซึ่งได้มีการทำงานสนธิกำลังร่วมกับชุดสืบสวนภาค 9 เพื่อติดตามคนร้ายทางกล้องวงจรปิดเพื่อหาทั้งรถยนต์ และบุคคลรายนี้กลับมาดำเนินคดี

……………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3 ราย

         เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ต.ค.2566  พ.ต.ท.ดิเรก หยงสตาร์ สวป.สภ.ท่าแพ จ.สตูล พร้อมด้วยกำลังฯ ร่วม กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสตูล  รุดเข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานพยานวัตถุพยานบนถนนประตูทางเข้าโรงเรียน – บริเวนหน้าอาคารโรงเรียนบ้านแป-ระใต้  หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ  ภายหลังจากทีได้รับแจ้งว่า ให้เข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่มีการก่อเหตุถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บถูกพลเมืองดีนำตัวส่ง รพ.ท่าแพ  ไปก่อนหน้านี้ โดย ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย เด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพฯ  เบื้องต้นที่เกิดเหตุยังไม่พบหลักฐานๆของคนร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ภายในโรงเรียนฯ  เพื่อหาหลักฐานร่องรอยคนร้ายกันอย่างละเอียดครั้งต่อไป

         ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ผ่านมา  พนักงาน (สอบสวน) สภ.ท่าแพ จ.สตูล ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณภายในโรงเรียนบ้านแป-ใต้  ท้องที่หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ ที่เกิดเหตุประตูหน้าทางเข้าโรงเรียนฯพบหลักฐานปลอกกระสุนปืนไม่ทราบยี่ห้อ 1 นัด  ส่วนที่บริเวณระหว่างตัวอาคารเจ้าหน้าที่ได้นำเทปกั้นเขตมากั้นเอาไว้เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป หรือว่า ไม่ควรเข้าใกล้หรือห้ามเข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเด็ดขาด  ทั้งนี้มีรายงานว่า ในพื้นที่เกิดเหตุพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มซึ่งเป็นคู่อริกัน ในเบื้องต้นอาจจะเป็นไปได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ 2 กลุ่มดังกล่าวต่างพากันมาเพื่อเคลีย  แล้วไม่สำเร็จ  ก่อนที่จะก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันในโรงเรียนฯดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวซึ่งอยู่ในโรงเรียนฯดังกล่าวระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านฯก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุด้วยการมาพังประตูเหล็กทางเข้าโรงเรียนฯมาครั้งหนึ่งแล้ว

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

            วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    หลังมีกระแสข่าวรายงานว่าพบรถต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นยานหนะที่เสี่ยแป้งใช้หลบหนี  ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแหล่งข่าวจากตำรวจ หรือ ตม.ยืนยันว่าภาพข่าวดังกล่าวเกิดเหตุเหตุในพื้นที่จังหวัดสตูลแต่อย่างใด  แม้ล่าสุดจะพบสัญญาณในพื้นที่จังหวัดสตูลก็ตาม

          ซึ่งขณะนี้หน่วยความมั่นคง ต่างกระจายกำลัง ตรวจค้นและหาข่าวตามแนวชายแดนว่ามีรถต้องสงสัย คล้ายรถที่คนร้ายใช้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่หรือไม่  โดยทางด้าน  พ.ต.อ.ธนิสร   แสงท่านั่ง    ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล   ได้มีการประสานกับหน่วยความมั่นคงภายในจังหวัดสตูล ทั้ง ทหาร ตำรวจ และชุดท้องถิ่น เร่งค้นหาผู้ต้องหาคดีสำคัญ  เสี่ยแป้ง   ได้มีการเข้าตรวจค้นเข้มทางบกในพื้นที่ช่วงเช้าที่หน้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่ติดกับบ้านวังเกลียน   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ออกตรวจรถทุกคันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เข้าขออนุญาตตรวจค้นทุกซอกทุกมุม

          นอกจากนี้ยังสั่งการไปยังพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมือง  และบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวปากบารา ที่เป็น 2 ท่าเทียบเรือใหญ่ คอยรับส่งนักท่องเที่ยวในและนอกต่างประเทศ  และสั่งกำชับลงตรวจลงตรวจตรา สะพานท่าเรือเล็กๆตามชายฝั่ง 384 แห่ง ค้นหาโดยนำรูปผู้ต้องหาออกหมายจับปูพรมค้นหาอย่างทันที

          ทั้งนี้พ.ต.อ.ธนิสร  แสงท่านั่ง  ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมือง    จังหวัดสตูล  ลงพื้นที่ทันที่ชายแดนทางบก ลงตรวจรถทุกคันที่กำลังมุ่งหน้าออกด้วย ตนเองกับทีมลูกน้อง เพื่อเร่งค้นหา ผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อที่ช่วยทางการจับกุม ส่วนกรณีรถยนต์ที่พบเบาะแสในพื้นที่จังหวัดสตูล ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนที่มาที่ไปทันที 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

   9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

สตูล  9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

        วันที่ 21 ต.ค. 66  ที่ โรงแรมสตารินรีสอร์ท   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนจัดเพื่อปาเลสสไตล์ @ สตูล ซึ่งประกอบด้วยสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยสาขาสตูล ,  มูลนิธิอิบนูเอาฟ  , สหกรณ์อิสลามอัลฮิจญ์เราะฮ  จำกัด, สมาคมครูอิสลามศึกษาสตูล  ,  สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสตูล  ,  สภาเครือข่ายมนุษยธรรมสตูล  , กลุ่มอิกเราะสตูล  ,  ชมรมมุสลิมจังหวัดสตูล และ กองทุนบัยตุลมาล  ร่วมกันออกแถลงการณ์องค์กรเครือข่าย  รวมพลยืนหยัดเพื่อพี่น้องปาเลสไตน์

        โดย อ.รอหมาน  หลีเส็น  และ 9 องค์กรภาคีเครือข่าย  ร่วมอ่านแถลงการณ์  พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของชาวไทยและการสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์  ซึ่งปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้มีความซับซ้อนและยืดเยื้อมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของชุมชนทั้งชาวยิว  คริสต์และอิสลามทั่วภูมิภาค

          ซึ่งการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์และการโจมตีโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยรอรับการเยียวยารักษาถือเป็นการละเมิดฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ   การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนที่เอนเอียงเลือกข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือเป็นการละเมิดผิดจรรยาบรรณอันร้ายแรง   องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรง   และความโหดร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นโดยทันทีโดยมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ

          1 ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในการดูแลสวัสดิภาพและการป้องกันการทำร้ายต่อพลเรือน   2 ให้ความสำคัญต่อการเปิดเส้นทางมนุษยธรรมความปลอดภัยเพื่อส่งผ่านอาหารและยาต่อการช่วยเหลือพลเรือนที่ถูกกักกันอยู่ในกาซ่า   3 ให้มีการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงในการสร้าง 4 เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงทุกระดับรักษาจรรยาบรรณของสื่อมวลชนด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงหรือฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด   ขอพรจากอัลเลาะห์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ยุติโดยเร็วและนำสันติภาพความสงบสุขมาสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเร็ววัน

        อ.สมพร  เหมรา  ประธานจัดกิจกรรม  รวมพล  ยืนหยัด เพื่อพี่น้องปาเลสไตน์   กล่าวว่า  กิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะมีการอ่านแถลงการณ์แล้ว   ยังมีการปาฐกถาพิเศษ โดย อ.ฮารูน  หะยีมะ   และเสวนาต่อโดย ผศ.ดร.อับดุลรอนิง  สือเต  , อ.มันโซร  สาและ พร้อมกันจำหน่ายเสื้อหลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนช่วย ผู้ประสบภัยจากสงคราม และตั้งกล่องรับบริจาคช่วยเหลือพี่น้องปาเลสไตน์  โดยรายได้ทั้งหมดจะส่งไปที่ สำนักจุฬาราชมนตรีงานหลักมนุษยธรรม  ต่อไป

…………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัย   ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัยจากสงคราม    ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

        ที่บ้านบันนังปุเลา  ซอย 6 (กุโบร์)  ต.เจ๊ะบิลัง   อ.เมือง   จ.สตูล นายโสมนัส  พระวิชัย อายุ 44 ปี เป็นหนึ่งในแรงงานไทยในเมืองยาเต็ด  ประเทศอิสราเอล  ที่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย   โดยทันทีที่ถึงบ้านพบลูกเมียครอบครัว  ก็ยังมีความเป็นห่วงเพื่อนคนไทยที่ยังประสงค์จะทำงานต่อโดยไม่ยอมกลับ  โดยเห็นว่าสถานที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุจะขอทำงานต่อไปในภาคการเกษตร 

       นาย  ชาวขอนแก่น  เพื่อนของนายโสมนัสแรงงานไทยในอิสสราเอล  หลังวีดีโอคอลพูดคุยกัน  ยังยืนยันกับสื่อด้วยว่า  ยังไม่อยากกลับแม้จะอาศัยอยู่ในอิสราเอลมา 4 ปีแล้ว   เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลกับที่ฟาร์มเกษตรที่ตนอยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร  เพราะยังมีภาระหนี้สิน ขออยู่ทำงานต่อไป

      ซึ่งแตกต่างกับนายโสมนัส  แรงงานชาวสตูลในอิสราเอลที่ต้องรีบเดินทางกลับบ้านในไทย   บอกว่า  พื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 12 กิโลเมตร   โดยคืนวันเสาร์ ที่  7 ตนบันทึกภาพนาทีที่ทางการอิสราเอลเข้าควบคุมตัว ฮามาส  ไว้ได้  โดยขณะนั้นตนซ่อนอยู่ภายในบ้านพักคนงาน  ซึ่งพบว่ากลุ่มดังกล่าวพยายามเข้ามาทำร้ายพวกตนแต่หลบซ่อนตัวได้  เป็นภาพความน่ากลัวมาก  นอกจากนี้ระหว่างมีการต่อสู้ระหว่างกันไปมา เห็นมีการยิงกระสุนข้ามศีรษะไปมา และมีการปล่อยกระสุนไอรอนโดมของทางการอิสราเอล  ออกมาทำลายอาวุธแตกกระจายกลางอากาศ  ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำงานในไร่ผักกระหล่ำปลี  และคะน้า  นายจ้างให้พวกตนไปหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย  ยิ่งสร้างความน่าหวาดกลัว และอยากจะกลับบ้านในทันที 

        นายโสมนัส  เล่าต่อว่า ตนทำงานที่อิสราเอลมานานถึง 5 ปี เดินทางกลับไทยเพียงครั้ง 1 เดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้  แม้จะได้เงินดีวันละ 2000 บาทไม่รวมโอที  ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ โดยทางครอบครัวยิ่งกังวลกับสถานการณ์  ทำให้ต้องรีบกลับบ้านทันที  เพื่ออยู่บ้านสักพักและหาช่องทางไปทำงานต่างประเทศต่อ  เพราะมี 13 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ   ทั้งครอบครัว พ่อแม่ตัวเองและ ลูกเมีย  ซึ่งคงต้องการให้รัฐบาลช่วยแนะนำในการไปทำงานในประเทศที่ปลอดภัยไม่มีสงคราม   

          ส่วนทางด้านภรรยา  ก็บอกว่า  ไม่อยากให้กลับไปทำในประเทศอิสราเอลอีก   เพราะความไม่ปลอดภัยหลายอย่าง ซึ่งปรึกษาหารือกันแล้วว่าหากอยากจะทำให้เปลี่ยนประเทศเป็นเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นแทน  เพราะไม่มีภาวะสงคราม และจำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเพราะมีภาระหนี้สิน ครอบครัวที่ต้องดูแล  สามีส่งเงินกลับบ้านมาแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และสูงสุดกว่า 50,000 บาท และจะนำวิชาชีพไฟฟ้า และช่างเชื่อมที่มีอยู่หางานทำในประเทศอื่นต่อไป

        ขณะที่ด้านกระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงติดตามและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะด้านอาชีพ  เพื่อหาช่องทางให้แรงงานไทย   รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อติดขัดหลังเดินทางกลับประเทศแม่

……………………………….. 

     

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

       ทันทีที่นายอับดุลเลาะห์    มานะบุตร  อายุ 19 ปี   นักศึกษาฝึกงานไทยในประเทศอิสราเอลเดินทางกลับถึงบ้านเกิด   ที่ตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  สร้างความปลาบปลื้มปิติยินดีกับทุกคนในครอบครัวที่เฝ้ารอ  ต่างโผเข้าสวมกอดการเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย   หลังเกิดเหตุโจมตีในประเทศอิสราเอล  ซึ่งเมืองอีดานเป็นเมืองที่น้องอับดุลเลาะห์อาศัยอยู่  ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กิโลเมตร 

       จากเหตุการ์สงครามในครั้งนี้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล  นำทีมวันโฮม  ของกระทรวง พม. โดยนายแก้วกฤษกร  โภคะนาคินธร์  หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล   พร้อมนายกอบต.ฉลุง ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำหลายฝ่ายต่างมาให้กำลังใจ เยี่ยมเยียนสอบถาม และยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากมีความต้องการ  พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ให้กับครอบครัวน้องอับดุลเลาะห์  พร้อมรับฟังปัญหาขณะที่อาศัยอยู่ที่ดังกล่าว

      โดยนายอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  ได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองอีดาน  ประเทศอิสราเอล ร่วม 3 เดือน เพื่อฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส ส่งตัวไปตามโครงการสหกิจศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรประเทศอิสราเอล  ระยะเวลากำหนดคือ 10 เดือน โดนมีเพื่อนเดินทางไปร่วมฝึกงานในครั้งนี้ด้วย 30 คน โดยแต่ละคนจะกระจายกันตามฟาร์มต่างๆ แห่งละ 2  คน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์จะมีเวลาเรียน 1 วัน ที่เหลือคือภาคปฏิบัติ อยู่ในฟาร์มเกษตร เก็บผลผลิตทางการเกษตร อาทิ เมล่อน พริกหยวก  พริกหวาน อยู่ในฟาร์มวันละ 8 ชม.โดยได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท โดยการฝึกงานในครั้งนี้ก็มีเพื่อนจากภาคอีสานของไทย มาร่วมฝึกด้วยเช่นกัน

       นายอับดุลเลาะห์    เล่าต่อว่า  หลังเกิดสงครามที่ดูจะยืดเยื้อ เกือบทุกวันจะเห็นเครืองบินบินผ่านไปมา และเสียงระเบิดก็ได้ยินดังสนั่นมาถึงตนที่อยู่อาศัย  และไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะลามมาถึงที่ตนอาศัยเหรือไม่  การกลับมาในครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาสเป็นคนประสานให้นักศึกษาฝึกงานกลับทันทีทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บ อาจจะเสียขวัญบ้างแต่ปลอดภัยดี  และคิดว่าไม่กลับไปที่อิสราเอลอีกแล้ว  แต่จะนำความรู้ด้านการเกษตรมาปลูกเมล่อนเองที่บ้าน   

         ด้านนางไซหนับ  มานะบุตร  แม่ของน้องอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  คัดค้านโดยตลอดไม่อยากให้ลุกไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เพราะเป็นห่วงทราบข่าวตลอดว่ามีเหตุการณ์สงครามบ่อยครั้ง  แต่ห้ามลูกไม่ได้เพราะทางโรงเรียนก็บังคับให้ไป และลูกก็อยากไป  เพราะอยากหาเงินมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว  ทันทีที่มีเหตุติดต่อกับลูกตลอดให้รีบกลับมาบ้านเรา เพราะดูแล้วเหตุการณ์จะยืดเยื้อ และคิดว่าคงไม่ให้กลับไปอีก   ตอนนี้ยังมีบุตรสาวอีกคนเรียนอยู่ที่อียิป แต่โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์สงครามเหมือนอิสราเอล 

        สำหรับจังหวัดสตูลมี แรงงานไทยเดินทางไปทำงานทีประเทศอิสราเอล 1 คนยังเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้  และนักศึกษาฝึกงาน  1 คน ที่เดินทางกลับมาถึงแล้ว

…………………………………

     

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

         ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ระดมกวาดล้างจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนทั่วประเทศ  ระหว่าง 9-11 ต.ค.2566 โดยให้ทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่รับผิดชอบ  โดยให้ทำการสืบสวนหาข่าว  กำหนดจุดเป้าหมาย  ที่จะทำการตรวจค้น  ดำเนินการให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

        ทางการสืบสวนทราบว่า ชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงปืนบ่อยครั้ง บริเวณป่าต้นปาล์ม แถวปากคลองก่อนจะออกสู่ทะเล  จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนแหล่งที่มาของเสียงปืน ทราบว่า น่าจะกรณีชายไทย 2 คน อาศัยอยู่ที่เพลิงพักไม่มีเลขที่ ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล และมีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

        ก่อนบูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน โดย พ.ต.อ.เอกณัฏฐ์ เหลืองแดง ผกก.สภ.ละงู, พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล, พ.ต.อ.อภิวัฒน์ ชินภูมิวสนะ ผกก.3 บก.ทท.3, พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 กองบังคับการปราบปราม  ร่วมส่งกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจุดเป้าหมาย

        โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ขนำไม่มีเลขที่ (บริเวณบ่อเลี้ยงปู )  ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล พบชายไทย 2 ราย ตามที่ได้ทำการสืบสวนมา คือ นายธีรพัฒน์  อายุ 45 ปี และ นายวีระพล  อายุ 33 ปี (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุเห็น นายหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณเพิงพักและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ 

         ขณะที่ นายวีระพล  ได้หยิบปืนลูกซอง วิ่งหลบ หนีไป  ระหว่างวิ่งหนีได้โยนปืนลูกซองทิ้ง แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวไว้ได้  จากนั้นได้นำตรวจค้นบริเวณสถานที่เกิดเหตุ  พบปืนลูกซองยาว (เดียว) จำนวน 1  กระบอก, อาวุธปืนลูกซองออโต้ ขนาด 5 นัด ยี่ห้อ Ramington จำนวน 1 กระบอก, ปืนยาวชนิดอัดลม (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก, ปืนพกสั้น ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนชนิดต่าง ๆ 135 นัด วางเกลื่อนตามจุดต่าง ๆ , ยาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาบ้า) จำนวน 12  เม็ด  และของกลางอีกหลายรายการ เช่น ซองพกปืน, อุปกรณ์ทำความสะอาดปืน, เข็มขัดบรรจุกระสุนปืน, ปลอกกระสุนปืน (ผ่านการยิงแล้ว) จำนวน 66 ปลอก

          ยิ่งกว่านั้นทราบว่า นายวีระพล  เคยถูกจับกุมได้รับโทษจำคุกในเรื่องของอาวุธปืนมาก่อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเคยใช้ขับรถแหกด่านตรวจในพื้นที่ จว.สตูล เพื่อทำการตรวจสอบ   จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจปัสสาวะที่ โรงพยาบาลละงู พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ   เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำบันทึกจับกุมนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลที่เกี่ยวข้อง

          แจ้งว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธ และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) .,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) ”

————————————————

     

อัพเดทล่าสุด