Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 กินเจทั้งปีสไตล์อาหารปักษ์ใต้  กับอาหารเจป้าใจ ที่สตูล

กินเจทั้งปีสไตล์อาหารปักษ์ใต้  กับอาหารเจป้าใจ ที่สตูล

          สำหรับท่านที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารเจ  หรือต้องการจะละเว้นการทานเนื้อสัตว์ในช่วงวันสำคัญ ๆ ของตัวเอง หรือในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ  อยากจะแนะนำร้านนี้เลย  ร้านตั้งอยู่ที่ริมถนนภูมินารถภักดี  (วงเวียนหน้าป่าไม้) ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

          ที่ร้านอาหารเจ  ป้าใจ ที่นี่ขายอาหารเจตอบโจทย์สายรักสุขภาพ และคนที่ถือศีลกินเจกับแบบตลอดทั้งปีกับอาหารเจที่มีมากกว่า 40 ชนิด  ทั้งเมนูจืด เมนูเผ็ดและเมนูปักษ์ใต้อย่างแกงไตปลา แกงส้ม คั่วกลิ้ง  ในราคาเพียงถุงละ 30 บาท หรือจะเป็นข้าวราดแกง 1 อย่าง 30 บาท 2 อย่างก็ 30 บาทเช่นกัน ส่วนราดแกง 3 อย่าง 40 บาทจะเห็นได้ว่าร้านนี้ลูกค้าแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย

          โดยเฉพาะเมนูพิเศษของทางร้านคือ ปลาเค็ม  ที่ทำเองแบบไม่เค็มเกินไป  ขายทั้งแบบสดชิ้นใหญ่ 50 บาทกลับไปทำทานเองที่บ้าน   และแบบทอดแล้วชิ้นละ 10 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมจีน  ที่นี่ก็ขึ้นชื่อ  โดยน้ำแกงกะทิทำจากข้าวโพด  แต่จะมีขายเฉพาะวันพระเท่านั้น ทำให้มีลูกค้าทั้งเจ้าประจำและขาจร  จากปากต่อปากแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ด้วยรสชาติที่อร่อย  ราคาถูก ที่สำคัญสะอาด

          นางสุธีรา  สุขแต้ม อายุ  65 ปีลูกค้าประจำที่ทานมาแล้ว 5 ปี บอกว่า  อาหารเจที่นี่ทานแล้วอร่อย  หลากหลายและที่สำคัญราคาไม่สูง  ทุกครั้งที่อยากทานอาหารเจก็จะมาทานที่นี่  โดยเมนูที่ชื่นชอบคือ ปลาเค็ม แกงส้ม แกงไตปลาเจ

นางนงนาถ    ทองมี    อายุ  60 ปี  เจ้าของร้านอาหารเจ ป้าใจ  บอกว่า ตนเป็นพี่สาวคนที่ 5 จากพี่น้องหมด 10 คน โดยผู้บุกเบิกร้านอาหารเจป้าใจ คือชื่อของพี่สาวคนโตที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ  แต่ตอนนี้ท่านเสียชีวิตแล้ว น้อง ๆ ก็ช่วยการสานต่อความตั้งใจยึดเป็นอาชีพ โดยมีน้อง ๆ ช่วยกันดูแลร้านที่เน้นความใส่ใจในทุกด้าน  ทั้งในเรื่องความอร่อย สะอาด ราคาที่ถูกและที่สำคัญคือ วัตถุดิบต้องเป็นธัญพืชแท้เพื่อตอบปัญหาสุขภาพได้

           ร้านอาหารเจป้าใจ  เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว  จากลูกค้าทั่วไปจนมีลูกค้าประจำ ข้าราชการ หมอ ทนายความ เชื่อว่ามาจากการรับรู้ปากต่อปาก เพราะทางร้านไม่มีความถนัดในการใช้สื่อโซเซียล  โดยร้านจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง  พร้อมคนใส่บาตรและปิดในช่วง  6 โมงเย็น (ในช่วงเทศกาลกินเจ)  หากเลยเทศกาลจะปิดในเวลาประมาณบ่าย  3 โมงครึ่ง

           อยากให้คนมาทานเจได้อิ่ม อร่อย สะอาด กับเมนูที่หลากหลายในสไตล์อาหารปักษ์ใต้เจ  คือหัวใจสำคัญของร้านอาหารเจ ป้าใจ

………………………

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ลูกครึ่งมลายูไทยจีน ร่วมกันสืบสานวิถีการกิน แต่งกาย และภาษา  ผ่านงาน เปอรานากัน หรรษา

กลุ่มสตรี  ลูกครึ่งมลายูไทยจีนในพื้นที่จังหวัดสตูล  พร้อมใจกันใส่ชุดเคบายา  หลากหลายสีสัน  ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองในอดีต  ที่นิยมใส่ผ้าลูกไม้และผ้าถุงปาเต๊ะ   เป็นชุดที่มีการผสมผสานระหว่างชุดมลายูกับวัฒนธรรมไทยจีน   ที่สตรีในอดีตนิยมใส่   พร้อมใจกันเดินออกจากศาลเจ้าโป๊เจ๊เก้ง ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล   โดยทางชมรมเปอรานากันสตูล  จัดขึ้นโดยเดินขบวนไปตามท้องถนน ผ่านย่านเมืองเก่าพหุวัฒนธรรม   เพื่อรณรงค์อนุรักษ์  การใส่ผ้าพื้นเมือง  อีกทั้งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมด้านความเป็นอยู่ในอดีตที่ดีงาม

 

สำหรับชมรมเปอรานากันสตูล  จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อการอนุรักษ์ สืบสาน และส่งเสริมวัฒนธรรมเปอรานากันสตูล  ด้วยความร่วมมือของสมาชิกและเครือข่าย ในการรวบรวม  และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเปอรานากันสตูล  ผ่านวิถีอาหารการกิน  การแต่งกายในอดีต  และภาษาพูด   ตลอดจนจัดกิจกรรมและพัฒนาพื้นที่   แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างสมาชิก   และผู้สนใจในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างคุณค่าแห่งการอยู่ร่วมกัน

 

นางสาว ศมานนท์  พฤกษ์พิเนต ปธ. ชมรมเปอรานากันสตูล  กล่าวว่า   ทางชมรมฯ ได้จัดงานราตรีเปอรานากันหรรษา ในห้วงเทศกาลไหว้พระจันทร์  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเป็นพื้นที่ในการสานรัก  สร้างความสามัคคีกลมเกลียวของชาวสตูล  โดยมีวิถีวัฒนธรรมเปอรานากันที่งดงามเป็นสื่อกลาง   เป็นงานเล็ก ๆ ที่ทุกท่านมีบทบาทเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน

          สำหรับเปอรานากัน  หรือ บาบ๋า-ย่าหยา คือกลุ่มลูกครึ่ง มลายู-จีน ที่มีวัฒนธรรมผสมผสาน และสร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้นมา  โดยนำเอาส่วนดี  ระหว่างจีนกับมลายูมารวมกัน โดยชื่อ “เปอรานากัน” มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่มีชาวเปอรานาอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต  ตรัง  และสตูล

……..

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 กลุ่มสตรี  สาวสอง กว่า 300 ชีวิต  เต้นสุดมันในเพลงยอดฮิต “นกกรงหัวจุก” หลังถูกแปลงเป็นท่าเต้นบาสโลบ แอโรบิค ในกิจกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ 

 

         เพลงนกกรงหัวจุก เพลงยอดฮิตที่มีท่าทางเต้นสนุกสนาน  ถูกหยิบมาเป็นท่าทางการออกกำลังกายของกลุ่มผู้รักสุขภาพในจังหวัดสตูล  โดยเฉพาะ กลุ่ม บาสโลบ แอโรบิก  นำมาประกอบท่าทางเต้นอย่างสนุกสนาน  โยกย้ายส่ายสะเอว  รวมทั้งทำท่านกสะบัดนิ้วมือ  สร้างความสนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างมาก

         ที่อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลฉลุง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   มีผู้เข้าร่วมเต้นจากชมรมคนรักสุขภาพต่างๆในพื้นที่จังหวัดสตูลกว่า  300 คน  มีหลายกลุ่มวัย แต่งกายในชุดสวยงาม ทั้งชุดไทย ชุดมโนราห์ ชุดสีสันสะดุดตา  แต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็ม  มาร่วมเต้นในกิจกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ  ไลน์แดนซ์  บาสโลบ  แอโรบิค  จังหวัดสตูล    โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  จัดโครงการส่งเสริม  การออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชน ประจำปี 2566 ขึ้นมา  เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีสุขภาวะที่ดี พัฒนาให้มีน้ำใจนักกีฬา  และสร้างเครือข่ายแกนนำ  ผู้ออกกำลังกายของจังหวัดสตูล   ให้มีศักยภาพในการส่งเสริมสร้างสุขภาวะ  ของกลุ่มผู้ออกกำลังกาย  และเล่นกีฬาให้กลายเป็นวิถีชีวิต                                                  

        โดยงานนี้ นางสาวธัญรัศม์  ไตรพันธ์รัชตะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล  เป็นประธานเปิดงาน  กล่าวในโอกาสนี้ว่า   สำหรับกิจกรรมนี้  สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล   ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา   โดยมุ่งส่งเสริมการใช้กีฬา   และนันทนาการเป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมสร้าง   สุขภาวะของประชาชนอย่างครบวงจร   ส่งเสริมให้เด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไป   ได้ตระหนักถึงความสำคัญการออกกำลังกาย  และการเล่นกีฬา  ประชาชนทุกกลุ่มทุกวัยมีสุขภาพที่ดี

        ด้านนางสาวปุณณานันท์  ทองหยู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จัดการแข่งขันเต้นเพื่อสุขภาพ แบบไลน์แดนซ์ บาสโลบ แอโรบิก ทุกอำเภอในจังหวัดสตูล ทั้ง 7 อำเภอ  กลุ่มชมรมรักสุขภาพสามารถหยิบเพลงมาเต้นกันได้   ในการประกวด  มีรางวัลมากมาย   และลดแคลอลี่ในตัวได้อีกด้วย

…………………………….

                           




อัพเดทล่าสุด

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

กลุ่มสตรี  สาวสอง กว่า 300 ชีวิต  เต้นสุดมันในเพลงยอดฮิต “นกกรงหัวจุก” หลังถูกแปลงเป็นท่าเต้นบาสโลบ แอโรบิค ในกิจกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ

“มาแต่ตรัง…” ทกจ.ตรังทุ่ม 8 ล้าน ขับเคลื่อนเมือง เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์-เมืองเก่าอันดามัน 22-26 พ.ย.นี้ ย้อนรอย “คลองห้วยยาง” ต้นกำเนิดการค้าเมืองพหุวัฒนธรรมทับเที่ยง เปิดพื้นที่ คนรุ่นใหม่ปล่อยของมหกรรม Exhibition & art installation แลหนังที่วิกเพชรรามา ชมงาน Creative spaceที่ รพ.เก่าตรังชาตะเปิดตลาด Creative market นำเที่ยวแบบใหม่ Old town Tour

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง จัดแถลงข่าวงาน “มาแต่ตรัง..” เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourism festival กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว   ภายใต้โครงการยกระดับและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวคุณภาพสูงฝั่งอันดามัน (Premium Tourism Andaman) เพื่อสร้างโอกาสและเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นย่านเมืองเก่าตรัง   โดยการนำเสนอสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของดีของจังหวัด ดึงกลุ่มคน ท้องถิ่น ผู้ประกอบการและชุมชน มาร่วมกันสร้างสรรค์ ทำให้เมืองเก่าตรังซึ่งนอกจากเป็นเมืองค้าขายที่ตอบสนองวิถีของคนในพื้นที่แล้ว ยังสามารถรองรับคนนอกพื้นที่ที่เข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ให้มาเรียนรู้มิติวัฒนธรรมของเมืองเก่าได้

          โดยภายในงานแถลงข่าวมีการจัดเสวนาหัวข้อ “เมืองเก่าทับเที่ยง ย่านสร้างสรรค์” โดยน.ส.อรัญญา ทองโอตัวแทนกลุ่ม Backyard นายวรพงศ์ เชาว์ชูเวชช ตัวแทนตรังชาตะ นายจิรวัฒน์ วิระพรสวรรค์ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ YEC และผศ.ดร.สิงหนาท แสงสีหนาท ตัวแทนศูนย์มิตรเมือง (Urban Ally) ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความคาดหวังในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ โดยมีสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงานมากมาย อาทิ นายขจรศักดิ์เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นางสาวเพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง และ นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง เป็นต้น

          กิจกรรมภายในงานมาแต่ตรัง เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourismFestival จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00- 21.00 น. ณ คลองห้วยยาง ย่านเมืองเก่าทับเที่ยง  มีกิจกรรมหลากหลายตลอดทั้ง 5 วัน ตัวอย่าง  กิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ การจัดแสดงแสงสีและเปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้เข้ามาทำกิจกรรมในพื้นที่คริสตจักรตรัง  มูลนิธิกุศสถานและริมคลองห้วยยาง   นิทรรศการภาพถ่ายโรงหนังและศิลปะจัดวาง (Exhibition & art installation) ที่เพชรรามาและคลองห้วยยาง เปิดพื้นที่เรียนรู้ทดลองสร้างสรรค์ (Creative space) ณ ตรังชาตะ เปิดพื้นที่พักผ่อน ณ สวนหย่อมริมคลองห้วยยาง(Pocket park)ชมตลาดอาหารงานสร้างสรรค์และผลิตภัณฑ์ (Creative market) ณ มูลนิธิกุศลสถานตรัง มีกิจกรรมสาธิตอาหารแนวใหม่ และกิจกรรมพาชมย่านเมืองเก่า (Old town Tour)

           ทั้งนี้เมืองเก่า “ทับเที่ยง”เป็นเมืองค้าขาย ศูนย์กลางย่านพาณิชยกรรมเก่าแก่ของเมือง ขยายตัวจากการขนสั่งสินค้าจากท่าเรือกันตังกระจายสู่ภูมิภาค   ซึ่งมีร่องรอยเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมแบบ บ้านร้านค้า (Shophouse) และสถานที่สำคัญทางศาสนาที่สะท้อนความเป็นพหวัฒนธรรมของคนใน พื้นที่ตรังได้ชื่อว่าเป็นเมืองอาหาร 9 มื้อเพราะเมืองตอบสนองต่อวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่หลากหลายผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่   ทั้งพ่อค้า ชาวสวนยางและคนทั่วไป ที่ใช้เวลาในเมืองแตกต่างกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ดังนั้น เมืองที่พร้อมรับวิถีชีวิตคนที่หลากหลายย่อมมีศักยภาพเป็นพื้นที่รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เข้ามาท่องเที่ยวทางทะเล หรือนักท่องเที่ยวเทศกาล ที่เข้ามายังกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน

สำหรับงานในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้เกิดเครือข่ายกลุ่มนักสร้างสรรค์และและกลไกการทำงานร่วมกัน มีแผนที่ท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าตรัง เกิดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์แห่งใหม่ของตรัง มีพื้นที่นั่งเล่นสร้างสรรค์กลางเมืองเก่าทับเที่ยง ได้บันทึกเรื่องราว รากเหง้าทางวัฒนธรรมของสินทรัพย์ในพื้นที่เมืองตรัง ธุรกิจในย่านเมืองเก่ามีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่างเทศกาล เกิดการต่อยอดธุรกิจใหม่ และมีการรับรู้ กิจกรรมการท่องเที่ยวเมืองเก่าตรังในวงกว้าง ผู้สนใจสามารถมาร่วมงาน”มาแต่ตรัง…” เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourism festival

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกว่า จังหวัดตรังได้แถลงข่าวเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองเก่า ซึ่งมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเรารู้กันว่าเรามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และจังหวัดตรังเราเองมีเมืองเก่ามีโบราณสถาน มีสถาปัตยกรรมมีวิถีของชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณี พื้นถิ่นที่มีสตอรี่ที่เป็นของเก่า ซึ่งสามารถนำมาเป็นจุดขายในเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองเก่าได้ แล้วเราได้มีการกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพ ที่อยู่ในชุมชนเมืองเก่าทับเที่ยงในอำเภอเมืองตรังซึ่งเราได้จับมือกับทางเทศบาลนครตรัง รายการที่พัฒนาคลองห้วยยางและสถานที่รอบข้างๆที่มีสตอรี่ของสถาปัตยกรรมในด้านเมืองเก่าเป็นจุดแรกที่เราจะพัฒนา ที่จะย้อนอดีตเข้าไปซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA มาช่วยเราในการพัฒนา นอกจากในเรื่องของการท่องเที่ยวแล้วนั้นดังกล่าวเราเป็นเทรนด์หนึ่ง ที่เราได้รับการพัฒนาและไปเอาของในเรื่องที่เรามีอยู่แล้ว ขึ้นมาเป็นจุดขายในการท่องเที่ยว ก็คิดว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของแรงดึงดูดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นแล้วจังหวัดตรังเรามีสนามบินและอาหารพื้นถิ่นที่อร่อยอยู่แล้วในสิ่งที่อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวมีพร้อมอยู่แล้วถ้ามาท่องเที่ยวเมืองเก่าที่ตรังแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่ตรังทั้งในเรื่องของสุขภาพธรรมชาติสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการบูรณาการในเชิงการท่องเที่ยวของพหุวัฒนธรรม

แล้วเราโชคดีที่ตรังมีสนามบินตรังจะได้รับการพัฒนาเป็นสนามบินนานาชาติ ที่มีรันเวย์มาตรฐาน 2,900 กว่าเมตร จะเสร็จในปี 2568 ซึ่งเราได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ซึ่งมีการประชุม ในการเตรียมความพร้อมของภาครัฐและเอกชนเตรียมด่านการตรวจคนเข้าเมือง เตรียมเรื่องของปตท.จัดเรื่องในการเติมน้ำมัน การบิน charter Fight ที่เป็นไฟท์ต่างประเทศที่จะบินมาตรงจังหวัดตรังซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟท์ เรื่องของการรับนักท่องเที่ยวเตรียมไว้พร้อมแล้ว

และเทรนด์การท่องเที่ยวที่จัดสรรในเรื่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเพราะฉะนั้นตนเองคิดว่า ที่เราตั้งโจทย์ไว้ ก็อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือยุโรป ให้เข้ามาเที่ยวทำให้รู้จักจังหวัดตรังมากขึ้นตนเองมั่นใจว่า 22-26 พฤศจิกายน 2566 นี้ จึงอยากจะเชิญชวนทางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มาสัมผัสเมืองตรังและจะประทับใจแน่นอน ซึ่งจังหวัดตรังไม่ได้มีแค่หมูย่างแน่นอน

สำหรับในเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เรามีสถิติสูงสุดคือปี 2562 นักท่องเที่ยวที่เข้ามาประมาณ 1,500,000 คน เรื่องของรายได้เรามีประมาณ 9,000 กว่าล้านบาทเราคาดหวังว่าขอให้เท่ากับปี 2562 ที่ผ่านมา รายได้ในจังหวัดตรังต้องมากกว่า 9,000 ล้านบาท.เรามีการพูดคุยและสำรวจ ทาง CEA ก็สำรวจ ทางเทศบาลนครตรัง ชุมชนทับเที่ยงโดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของอาคารเก่า ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เขาให้ความร่วมมือ ยินดีที่จะให้ใช้อาคาร เพื่อจัดโซนหรือ เป็นย่านเมืองเก่า ถือว่าเป็นเรื่องดี คนตรังรักที่อนุรักษ์ ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าซึ่งเราได้จัดตั้งงบเป็นสารตั้งต้นงบประมาณ 8 ล้านบาท พัฒนาเรื่องของคลองห้วยยางและจุดที่เป็นแลนด์มาร์ค ตอนนี้การดีไซน์ออกแบบย่านเมืองเก่าทางเทศบาลนครตรังรับช่วงต่อไปและทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองที่เขามีงบประมาณในการสนับสนุนนั้น ก็จะเกิดเหตุผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในความสำเร็จที่เรามีทุกภาคส่วนจะต้องเคลื่อนกันหมด

            น.ส.พันธิตรา สินพิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานส่งเสริม เศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) บอกว่าสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEA เรามีภารกิจ ซึ่งเรามีโครงการ เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย   ซึ่งมีเครือข่ายทั้งหมด 33 จังหวัดทั่วประเทศ    และตรังเป็นหนึ่งในจังหวัดนั้น ซึ่งตรังไปเร็วกว่าจังหวัดอื่น   ซึ่งโครงการเราเริ่มเมื่อปี 2563   เนื่องจากว่ามีนักสร้างสรรค์ในพื้นที่ มีพื้นที่สร้างสรรค์มีสินทรัพย์ มีหน่วยงานภาครัฐซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้เป็นทุกจังหวัด ที่หน่วยงานเห็นความสำคัญของการพัฒนาย่านสร้างสรรค์ CEA เราเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเป็นตัว support เราเอาประสบการณ์ที่เราทำกับกรุงเทพฯย่านเจริญกรุง ตลาดน้อยและเชียงใหม่ สาขาที่ขอนแก่น และสิ่งที่เราได้บทเรียน เป็นการทดสอบของแต่ละพื้นที่ และเราต้องดูว่าศักยภาพของแต่ละพื้นที่มีอะไรโดยจังหวัดตรังเรามี 2 ย่านเป็นย่านต้นแบบ คือ ย่านเมืองเก่าทับเที่ยงและย่านกันตัง    เพื่อให้เห็นถึงกระบวนการการทำงาน  และดีใจมากที่ตรังลงตัวมาก และตรังชาตะอยากจะทำให้พื้นที่อาคารเก่า เป็นที่คนตรังผูกพัน คนที่อายุ 40 อัพเกิดที่นี่อยากจะทำเป็นมิวเซี่ยมเกิดงาน “เถตรัง” ขึ้นมา เกิดจากคนรุ่นใหม่ร่วมตัวกันขึ้นมา เช่นนำไม้เทพธาโร ผ้านาหมื่นศรี   มาถ่ายทอดผ่านอาคารเก่าให้มีคุณค่าและเรามาเจอกับคลองห้วยยาง และมีแผนพร้อมกัน   มาแต่ตรังกินพื้นที่ ชุมชนเริ่มมา และหน่วยงานเข้ามาซับพอร์ต ก็จะเกิดการลงทุนและการท่องเที่ยวจะเข้ามา ทำเพื่อให้คนมาท่องเที่ยว ถ้าเราทำทุกอย่างให้น่าอยู่ จะทำให้เกิดเงินเข้ามา เพราะมีคนเข้ามาเที่ยว เมื่อคลองห้วยยางต่อไปเดินแล้ว เสร็จอาหารเช้ามากินตรงนี้ มีดนตรีเบาๆ มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์จะไม่รู้จบ

และนี่คือแนวทางของCEA

            ………………………………………………………………………….




อัพเดทล่าสุด

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

“มาแต่ตรัง” ทกจ.ตรังทุ่ม 8 ล้าน ขับเคลื่อนเมือง เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์-เมืองเก่าอันดามัน 22-26 พ.ย.นี้ ย้อนรอย “คลองห้วยยาง” ต้นกำเนิดการค้าเมืองพหุวัฒนธรรมทับเที่ยง 

มาแต่ตรัง…” ทกจ.ตรังทุ่ม 8 ล้าน ขับเคลื่อนเมือง เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์เมืองเก่าอันดามัน 22-26 ..นี้ ย้อนรอยคลองห้วยยางต้นกำเนิดการค้าเมืองพหุวัฒนธรรมทับเที่ยง เปิดพื้นที่ คนรุ่นใหม่ปล่อยของมหกรรม Exhibition & art installation แลหนังที่วิกเพชรรามา ชมงาน Creative spaceที่ รพ.เก่าตรังชาตะเปิดตลาด Creative market นำเที่ยวแบบใหม่ Old town Tour

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง จัดแถลงข่าวงาน “มาแต่ตรัง..” เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourism festival กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว   ภายใต้โครงการยกระดับและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวคุณภาพสูงฝั่งอันดามัน (Premium Tourism Andaman) เพื่อสร้างโอกาสและเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นย่านเมืองเก่าตรัง   โดยการนำเสนอสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของดีของจังหวัด ดึงกลุ่มคน ท้องถิ่น ผู้ประกอบการและชุมชน มาร่วมกันสร้างสรรค์ ทำให้เมืองเก่าตรังซึ่งนอกจากเป็นเมืองค้าขายที่ตอบสนองวิถีของคนในพื้นที่แล้ว ยังสามารถรองรับคนนอกพื้นที่ที่เข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ให้มาเรียนรู้มิติวัฒนธรรมของเมืองเก่าได้

       

          โดยภายในงานแถลงข่าวมีการจัดเสวนาหัวข้อ “เมืองเก่าทับเที่ยง ย่านสร้างสรรค์” โดยน..อรัญญา ทองโอตัวแทนกลุ่ม Backyard นายวรพงศ์ เชาว์ชูเวชช ตัวแทนตรังชาตะ นายจิรวัฒน์ วิระพรสวรรค์ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ YEC และผศ.ดร.สิงหนาท แสงสีหนาท ตัวแทนศูนย์มิตรเมือง (Urban Ally) ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความคาดหวังในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ โดยมีสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงานมากมาย อาทิ นายขจรศักดิ์เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นางสาวเพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง และ นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง เป็นต้น

   

          กิจกรรมภายในงานมาแต่ตรัง เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourismFestival จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00- 21.00  คลองห้วยยาง ย่านเมืองเก่าทับเที่ยง  มีกิจกรรมหลากหลายตลอดทั้ง 5 วัน ตัวอย่าง  กิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ การจัดแสดงแสงสีและเปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้เข้ามาทำกิจกรรมในพื้นที่คริสตจักรตรัง  มูลนิธิกุศสถานและริมคลองห้วยยาง   นิทรรศการภาพถ่ายโรงหนังและศิลปะจัดวาง (Exhibition & art installation) ที่เพชรรามาและคลองห้วยยาง เปิดพื้นที่เรียนรู้ทดลองสร้างสรรค์ (Creative space)  ตรังชาตะ เปิดพื้นที่พักผ่อน  สวนหย่อมริมคลองห้วยยาง(Pocket park)ชมตลาดอาหารงานสร้างสรรค์และผลิตภัณฑ์ (Creative market)  มูลนิธิกุศลสถานตรัง มีกิจกรรมสาธิตอาหารแนวใหม่ และกิจกรรมพาชมย่านเมืองเก่า (Old town Tour)

 

           ทั้งนี้เมืองเก่า “ทับเที่ยงเป็นเมืองค้าขาย ศูนย์กลางย่านพาณิชยกรรมเก่าแก่ของเมือง ขยายตัวจากการขนสั่งสินค้าจากท่าเรือกันตังกระจายสู่ภูมิภาค   ซึ่งมีร่องรอยเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมแบบ บ้านร้านค้า (Shophouse) และสถานที่สำคัญทางศาสนาที่สะท้อนความเป็นพหวัฒนธรรมของคนใน พื้นที่ตรังได้ชื่อว่าเป็นเมืองอาหาร 9 มื้อเพราะเมืองตอบสนองต่อวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่หลากหลายผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่   ทั้งพ่อค้า ชาวสวนยางและคนทั่วไป ที่ใช้เวลาในเมืองแตกต่างกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ดังนั้น เมืองที่พร้อมรับวิถีชีวิตคนที่หลากหลายย่อมมีศักยภาพเป็นพื้นที่รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เข้ามาท่องเที่ยวทางทะเล หรือนักท่องเที่ยวเทศกาล ที่เข้ามายังกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน

สำหรับงานในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้เกิดเครือข่ายกลุ่มนักสร้างสรรค์และและกลไกการทำงานร่วมกัน มีแผนที่ท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าตรัง เกิดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์แห่งใหม่ของตรัง มีพื้นที่นั่งเล่นสร้างสรรค์กลางเมืองเก่าทับเที่ยง ได้บันทึกเรื่องราว รากเหง้าทางวัฒนธรรมของสินทรัพย์ในพื้นที่เมืองตรัง ธุรกิจในย่านเมืองเก่ามีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่างเทศกาล เกิดการต่อยอดธุรกิจใหม่ และมีการรับรู้ กิจกรรมการท่องเที่ยวเมืองเก่าตรังในวงกว้าง ผู้สนใจสามารถมาร่วมงานมาแต่ตรัง…” เทศกาลท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Creative tourism festival

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกว่า จังหวัดตรังได้แถลงข่าวเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองเก่า ซึ่งมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเรารู้กันว่าเรามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และจังหวัดตรังเราเองมีเมืองเก่ามีโบราณสถาน มีสถาปัตยกรรมมีวิถีของชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณี พื้นถิ่นที่มีสตอรี่ที่เป็นของเก่า ซึ่งสามารถนำมาเป็นจุดขายในเรื่องของการท่องเที่ยวเมืองเก่าได้ แล้วเราได้มีการกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพ ที่อยู่ในชุมชนเมืองเก่าทับเที่ยงในอำเภอเมืองตรังซึ่งเราได้จับมือกับทางเทศบาลนครตรัง รายการที่พัฒนาคลองห้วยยางและสถานที่รอบข้างๆที่มีสตอรี่ของสถาปัตยกรรมในด้านเมืองเก่าเป็นจุดแรกที่เราจะพัฒนา ที่จะย้อนอดีตเข้าไปซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA มาช่วยเราในการพัฒนา นอกจากในเรื่องของการท่องเที่ยวแล้วนั้นดังกล่าวเราเป็นเทรนด์หนึ่ง ที่เราได้รับการพัฒนาและไปเอาของในเรื่องที่เรามีอยู่แล้ว ขึ้นมาเป็นจุดขายในการท่องเที่ยว ก็คิดว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของแรงดึงดูดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นแล้วจังหวัดตรังเรามีสนามบินและอาหารพื้นถิ่นที่อร่อยอยู่แล้วในสิ่งที่อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวมีพร้อมอยู่แล้วถ้ามาท่องเที่ยวเมืองเก่าที่ตรังแล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่ตรังทั้งในเรื่องของสุขภาพธรรมชาติสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการบูรณาการในเชิงการท่องเที่ยวของพหุวัฒนธรรม

แล้วเราโชคดีที่ตรังมีสนามบินตรังจะได้รับการพัฒนาเป็นสนามบินนานาชาติ ที่มีรันเวย์มาตรฐาน 2,900 กว่าเมตร จะเสร็จในปี 2568 ซึ่งเราได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ซึ่งมีการประชุม ในการเตรียมความพร้อมของภาครัฐและเอกชนเตรียมด่านการตรวจคนเข้าเมือง เตรียมเรื่องของปตท.จัดเรื่องในการเติมน้ำมัน การบิน charter Fight ที่เป็นไฟท์ต่างประเทศที่จะบินมาตรงจังหวัดตรังซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟท์ เรื่องของการรับนักท่องเที่ยวเตรียมไว้พร้อมแล้ว

และเทรนด์การท่องเที่ยวที่จัดสรรในเรื่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเพราะฉะนั้นตนเองคิดว่า ที่เราตั้งโจทย์ไว้ ก็อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือยุโรป ให้เข้ามาเที่ยวทำให้รู้จักจังหวัดตรังมากขึ้นตนเองมั่นใจว่า 22-26 พฤศจิกายน 2566 นี้ จึงอยากจะเชิญชวนทางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มาสัมผัสเมืองตรังและจะประทับใจแน่นอน ซึ่งจังหวัดตรังไม่ได้มีแค่หมูย่างแน่นอน

สำหรับในเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เรามีสถิติสูงสุดคือปี 2562 นักท่องเที่ยวที่เข้ามาประมาณ 1,500,000 คน เรื่องของรายได้เรามีประมาณ 9,000 กว่าล้านบาทเราคาดหวังว่าขอให้เท่ากับปี 2562 ที่ผ่านมา รายได้ในจังหวัดตรังต้องมากกว่า 9,000 ล้านบาท.เรามีการพูดคุยและสำรวจ ทาง CEA ก็สำรวจ ทางเทศบาลนครตรัง ชุมชนทับเที่ยงโดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของอาคารเก่า ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เขาให้ความร่วมมือ ยินดีที่จะให้ใช้อาคาร เพื่อจัดโซนหรือ เป็นย่านเมืองเก่า ถือว่าเป็นเรื่องดี คนตรังรักที่อนุรักษ์ ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าซึ่งเราได้จัดตั้งงบเป็นสารตั้งต้นงบประมาณ 8 ล้านบาท พัฒนาเรื่องของคลองห้วยยางและจุดที่เป็นแลนด์มาร์ค ตอนนี้การดีไซน์ออกแบบย่านเมืองเก่าทางเทศบาลนครตรังรับช่วงต่อไปและทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองที่เขามีงบประมาณในการสนับสนุนนั้น ก็จะเกิดเหตุผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในความสำเร็จที่เรามีทุกภาคส่วนจะต้องเคลื่อนกันหมด

            ..พันธิตรา สินพิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานส่งเสริม เศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) บอกว่าสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEA เรามีภารกิจ ซึ่งเรามีโครงการ เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย   ซึ่งมีเครือข่ายทั้งหมด 33 จังหวัดทั่วประเทศ    และตรังเป็นหนึ่งในจังหวัดนั้น ซึ่งตรังไปเร็วกว่าจังหวัดอื่น   ซึ่งโครงการเราเริ่มเมื่อปี 2563   เนื่องจากว่ามีนักสร้างสรรค์ในพื้นที่ มีพื้นที่สร้างสรรค์มีสินทรัพย์ มีหน่วยงานภาครัฐซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้เป็นทุกจังหวัด ที่หน่วยงานเห็นความสำคัญของการพัฒนาย่านสร้างสรรค์ CEA เราเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเป็นตัว support เราเอาประสบการณ์ที่เราทำกับกรุงเทพฯย่านเจริญกรุง ตลาดน้อยและเชียงใหม่ สาขาที่ขอนแก่น และสิ่งที่เราได้บทเรียน เป็นการทดสอบของแต่ละพื้นที่ และเราต้องดูว่าศักยภาพของแต่ละพื้นที่มีอะไรโดยจังหวัดตรังเรามี 2 ย่านเป็นย่านต้นแบบ คือ ย่านเมืองเก่าทับเที่ยงและย่านกันตัง    เพื่อให้เห็นถึงกระบวนการการทำงาน  และดีใจมากที่ตรังลงตัวมาก และตรังชาตะอยากจะทำให้พื้นที่อาคารเก่า เป็นที่คนตรังผูกพัน คนที่อายุ 40 อัพเกิดที่นี่อยากจะทำเป็นมิวเซี่ยมเกิดงานเถตรังขึ้นมา เกิดจากคนรุ่นใหม่ร่วมตัวกันขึ้นมา เช่นนำไม้เทพธาโร ผ้านาหมื่นศรี   มาถ่ายทอดผ่านอาคารเก่าให้มีคุณค่าและเรามาเจอกับคลองห้วยยาง และมีแผนพร้อมกัน   มาแต่ตรังกินพื้นที่ ชุมชนเริ่มมา และหน่วยงานเข้ามาซับพอร์ต ก็จะเกิดการลงทุนและการท่องเที่ยวจะเข้ามา ทำเพื่อให้คนมาท่องเที่ยว ถ้าเราทำทุกอย่างให้น่าอยู่ จะทำให้เกิดเงินเข้ามา เพราะมีคนเข้ามาเที่ยว เมื่อคลองห้วยยางต่อไปเดินแล้ว เสร็จอาหารเช้ามากินตรงนี้ มีดนตรีเบาๆ มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์จะไม่รู้จบ

 

และนี่คือแนวทางของCEA

 

            ………………………………………………………………………….

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เกษตร - อาชีพ

  อส.สตูล ยึดหลักเกษตรพอเพียง โค่นสวนยางพารา ปรับทำสวนส้ม สวนผสม  7 ไร่ สร้างรายได้หลักแสนบาท รองรับชีวิตหลังเกษียณ

อส.สตูล ยึดหลักเกษตรพอเพียง โคนสวนยางพารา ปรับทำสวนส้ม สวนผสม  7 ไร่ สร้างรายได้หลักแสนบาท รองรับชีวิตหลังเกษียณ

        สวนส้มโชกุล  และส้มเขียวหวาน  รวมถึงพืชสวนอื่นๆที่กำลังให้ผลผลิต  บนพื้นที่ 7 ไร่  ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล  บรรยากาศหลังฝนตก มีสายหมอกปกคลุมสดชื้นสวยงาม  พิกัดนี้เจ้าของสวนพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยว  และผู้สนใจเข้ามาดูงาน  เพลิดเพลินกับธรรมชาติ  และเพื่อเป็นแนวทางก้าวสู่วิถีเกษตรกร

        ส้ม เป็นพืชชนิดหนึ่งที่  นายอับดลเลาะห์ จังแดหวา อายุ 56 ปี  อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส. ) ประจำพื้นที่ว่าการอำเภอเมืองสตูล  ปลูกไว้พร้อมๆกับ สละสายพันธุ์อินโด และสายพันธุ์สุมาลี  รวมถึงกาแฟสายพันธ์โรบัสต้า  และแบ่งพื้นที่เป็นบ่อเลี้ยงปลา  ตามหลักเกษตรพอเพียง เดินตามรอยพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9  กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ

        นายอับดลเลาะห์  จังแดหวา  บอกว่า  ส่วนตัวและครอบครัวชอบทำสวนเกษตรอยู่แล้ว  เดิมนั้นปลูกยางพารา แต่ช่วงที่ราคายางตกต่ำ จึงมีแนวคิดที่จะแบ่งปลูกสวนผลไม้  ซึ่งจะเลือกปลูกสิ่งที่ชอบกิน  อย่างส้ม  ซึ่งยอมรับว่าปลูกยาก  แต่ก็ทำได้   ตอนนี้ส้มสร้างรายได้ให้กับครอบครัวแล้ว  ในปีแรกมีรายได้จากส้มทั้ง 2 ชนิดที่ปลูกไว้หลักแสนบาท  และยังมีรายได้จากพืชชนิดอื่นอีก ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวหลังเกษียณอย่างสบาย  โดยจะใช้เวลาว่างเว้นจากงานประจำเข้าสวน  มีภรรยาและลูกชาย คอยช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง

        นายอับดลเลาะห์ จังแดหวา  ในวัย 56 ปี  เปิดเผยอีกว่า  ได้ทดลองทำเกษตรแบบผสมผสาน แบ่งพื้นที่สวนยางพารามาทำเป็นสวนผลไม้ และขุดบ่อเลี้ยงปลา  โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีเศษ ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตขายสร้างรายได้เป็นอย่างดี  บนพื้นที่ 7 ไร่ ได้แบ่งปลูกสละสายพันธุ์ อินโด จำนวน 80 ต้น  ปลูกสละพันธ์สุมาลี 100 ต้น  ทั้งนี้ที่ให้ผลผลิตทำรายได้แล้วนั้นคือ  ส้มโชกุน และ  ส้มเขียวหวาน  รวม 160 ต้น  ปลูกต้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า อีก 100 ต้น   และขุดสระทำบ่อเลี้ยงปลาน้ำจืด เช่น ปลาดุก, ปลาตะเพียน, ปลาสวาย และปลาพันธุ์อื่น ๆ เกือบ 10 ชนิด 

          ด้านนางฮาบีบ๊ะ จายุพันธ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร เกษตรอำเภอเมืองสตูล กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมว่า เกษตรกรรายนี้ มีแนวคิดดี ทำงานแบบครอบครัว และที่สำคัญ  นอกจากทำงานประจำแล้วยังใช้พื้นที่เพียง 7 ไร่ ทำสวนเกษตรผลไม้ผสมผสาน สร้างรายได้ดี ต่อปี ถึง 1แสน 4 หมื่นบาทเลยทีเดียว และยังเก็บเกี่ยวผลไม้อื่นๆ เช่น กล้วย มะพร้าว  ขายมีรายได้ในทุกๆวัน  

          สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่   080-544-5982

  ………………………………………………………………………….

 

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 กินแพะเชิญแวะสตูล  หลังกรมส่งเสริมวัฒนธรรมคัดเลือก   เมนูข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ เป็นเมนู  1 จังหวัด 1 เมนู  ที่โดดเด่นเชื่อมโยงวิถีคนท้องถิ่น  ตามหารสชาติที่หายไป

กินแพะเชิญแวะสตูล  หลังกรมส่งเสริมวัฒนธรรมคัดเลือก   เมนูข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ เป็นเมนู  1 จังหวัด 1 เมนู  ที่โดดเด่นเชื่อมโยงวิถีคนท้องถิ่น  ตามหารสชาติที่หายไป

        ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ  ได้ถูกยกระดับจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  คัดเลือกเป็น  1 จังหวัด 1 เมนู    เชิดชูอาหารถิ่น ปี 2566 เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์อาหาร ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย

        โดยที่  ร้านบังดุลย์แกงแพะ    ซึ่งตั้งอยู่(หลังปั้มเชลล์โต้รุ่ง)  บนถนนเรืองฤทธิ์จรูญ  ซอย 1 ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  ร้านแห่งนี้ขายเมนูแกงแพะ   และข้าวแกงกับเมนูพื้นเมืองที่หลากหลายมานานกว่า 30 ปี โดยเมนูชูโรงคือ  ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ   และข้าวหมกแพะ  นอกจากนี้ยังมีข้าวหมกไก่  ต้มซุปซี่โครงวัว  และอีกหลากหลายเมนูบริการลูกค้า

        โดยนายอดุลย์  ไชยกุล  อายุ 59 ปี เจ้าของร้านรุ่นแรก  (อดีตประธานชมรมแพะแกะจังหวัดสตูล)  บอกว่า  เมนูข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะนับเป็นเมนูที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชุมชนมุสลิมตั้งแต่แรกเกิด คือหากบ้านไหนเกิดได้บุตรสาวจะใช้ แพะ 1 ตัวในการทำบุญ หรือทำนูหรี  หากเป็นบุตรชายใช้แพะ 2 ตัว เป็นวิถีที่มีการทำบุญด้วยข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ  มาอย่างช้านาน  นอกจากนี้งานบุญงานต่างๆ (ทำบุญขึ้นบ้าน,งานขอให้คนไข้หายเจ็บป่วย,ได้งานทำ หรือโอกาสสำคัญก็จะใช้เมนู  ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะในการทำบุญเกือบทั้งสิ้น

        มาวันนี้  ที่ได้รับยกระดับเป็น  1 จังหวัด 1 เมนูที่กำลังจะสูญหายไป แต่สามารถมาหาทานได้ที่ร้านบังดุลย์แกงแพะ    ทางร้านก็พร้อมจะสืบทอดเมนูวัฒนธรรมท้องถิ่น  ให้ทุกคนได้ทานกันทุกวัน  ยกเว้นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุด  ส่วนตัวอยากให้มีการส่งเสริม  และผลักดันให้สตูลเป็นเมืองแพะ เหมือนในอดีตที่เคยมีสโลแกนที่ว่า  กินแพะเชิญแวะที่สตูล  อีกทั้งเป็นการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกร   ได้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง และคิดเมนูแพะให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง  จากในอดีตที่เคยมีการทำลูกชิ้นแพะ  เนื้อสวรรค์แพะ

      เมนูข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ  นับเป็นเมนูที่นักท่องเที่ยว ข้าราชการ และชาวต่างชาติอย่างจีนชื่นชอบทานมาก เพราะเชื่อว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ทานได้ทั้งกับโรตี หรือทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รวมทั้งข้าวเหนียวเหลืองก็สามารถทานคู่กับแกงแพะได้ 

         ด้าน นางสาวเจนจิรา  ไชยกุล  อายุ 38 ปี  บุตรสาวทายาทรุ่นที่ 2 บอกว่า   ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ  จะใช้ข้าวเหนียวเก่าแช่น้ำ 1 ชั่วโมง  นำมาผักกับผงขมิ้นและกะทิ  ส่วนแกงแพะ จะใช้แพะเพศเมียซึ่งจะไม่สาบ  แกงกับเครื่องเทศ กะทิ นมสด เครื่องแกง นาน 3 ชม. เคี่ยวจนเนื้อนิ่มละมุนลิ้น โดยทางร้านมีฟาร์มแพะของตัวเอง  ปรุงเอง  ขายเป็นกล่อง  กล่องละ 60 บาทสำหรับทาน 1 คน หรือจะสั่งออเดอร์ทำงานบุญ  แก้บน  งานแต่ง  หรืองานไหน ๆ สั่งเป็นตัว และข้าวเหนียวเป็นกิโลได้   มีงานทุกวัน   ส่วนข้าวหมกแพะมีเฉพาะวันศุกร์  ติดต่อทางเพจ  บังดุลแกงแพะ  หรือโทร. 091-848  5259

        กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ออกประกาศ เรื่องผลการคัดเลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 29 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม เชิดชูอาหารถิ่น” ภายใต้โครงการ  ส่งเสริม และพัฒนา   ยกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2566

        โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทย และอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือกและส่งต่อเป็นภูมิปัญญา  ที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น  อีกทั้งเป็นการ ส่งเสริมให้คนไทยได้ตระหนัก  เกิดความภาคภูมิใจ  กระตุ้นให้เกิดการยกระดับอาหารไทยพื้นถิ่น  สู่อาหารจานเด็ดที่ต้องชิม  ผลักดันให้เป็นเมนูซอฟพาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้หนุนเศรษฐกิจของท้องถิ่นและประเทศให้ยั่งยืน

……………………………

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 จิ้มจุ่มแลเล 2 แผ่นดิน ที่สตูล

จิ้มจุ่มแลเล 2 แผ่นดิน ที่สตูล

         หลายๆร้านอาหารพยายามรังสรรค์เมนูตอบโจทย์ลูกค้า  บางร้านบรรยากาศดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง  อย่างร้าน เดออ่าวใหม่  ซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อ  ตั้งอยู่บนพื้นที่ หมู่ 1 ต.ตันหยงโป  อ.เมือง จ.สตูล  ห่างจากตัวเมืองราวๆ 20-30 กม. ขับรถเข้าสู่ตำบลนี้แล้ว   ขับเลียบเส้นถนนรอบเกาะ  ก็จะเจอพิกัดร้าน ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล   ที่ร้านนี้นอกจากจะมีอาหารทะเลสดๆอย่าง ปูม้าต้ม   กั้งทอดกระเทียมแล้ว  ที่ร้านยังจัดเมนู จิ้มจุ่ม   และกาแฟสดเอาใจลูกค้าด้วย 

        สำหรับเมนู จิ้มจุ่ม ทางร้านขายเป็นชุด ชุดละ 179 บาท  มีทั้งอาหารทะเลสดๆ ผักสดๆ บวกกับน้ำจิ้มรสแซ่บ  จิ้มจุ่มกันฟินๆ ท่ามกลางบรรยากาศริมทะเล  หากโอกาสดีลูกค้าอาจจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตก 2 แผ่นดินด้วย  บรรยากาศแบบอยากจะแยกร่างกันเลยทีเดียว ร่างนึงก็ลุกไปถ่ายพระอาทิตย์ตก  อีกร่างก็นั่งจิ้มจุ่มกันต่อเพราะน้ำซุปในหม้อดินกำลังเดือด  เนื้อกำลังสุกได้ที่เลย

         ร้านเดออ่าวใหม่ บริหารโดย  นางสาวพรรณทิวา  วิริยะพัชรานนท์  อายุ 26 ปี โดยเจ้าของร้านบอกว่า  เดิมร้านอ่าวใหม่เป็นร้านขายอาหารทะเลสดๆ มีหลากหลายเมนูให้เลือก  แต่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบจิ้มจุ่ม  จึงเพิ่มเมนูนี้เข้ามาในร้าน  ลูกค้าจะได้สนุกกับอาหารท่ามกลางบรรยากาศพระอาทิตย์ตก 2 แผ่นดิน  คือ แผ่นดินไทย ด้านจังหวัดสตูล และด้านเกาะลังกาวี  ประเทศมาเลเซีย  โดยลูกค้ามีทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 

        นอกจากเมนูหลักของร้านเดออ่าวใหม่ จะขายอาหารทะเลแล้ว  ยังเปิดมุมชิคๆสำหรับคอกาแฟด้วย  มีเมนูกาแฟสด ให้ได้ดื่มด่ำ จิบกาแฟชมวิวหลักล้านได้เลย  ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาคู่  หรือจะยกแก๊งค์ ก็ตอบโจทย์ได้หมดทุกกลุ่ม  ร้าน เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา  9:30-19:00 น.  สำรองจองโต๊ะ  086-6087206  หรือจะติดต่อทางเพจ อ่าวใหม่ซีฟู้ด ฮาลาลทะเลสตูล

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

ชาวคลองขุดชวนกันหาหอยพื้นถิ่นด้วยมือเปล่า  ขณะที่แม่ครัวโชว์ลีลาเด็ดปรุงเมนูหอยเรียกเสียงฮา  ในงานรักษ์ครอง รักษ์ป่า  รักษ์หอยขาว

ชาวคลองขุดชวนกันหาหอยพื้นถิ่นด้วยมือเปล่า  ขณะที่แม่ครัวโชว์ลีลาเด็ดปรุงเมนูหอยเรียกเสียงฮา  ในงานรักษ์ครอง รักษ์ป่า  รักษ์หอยขาว

         ที่ท่าเรือเขาจีน  หมู่ที่ 1 ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  เทศบาลตำบลคลองขุด  นำชาวบ้าน และกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน ทสม.ร่วม 100 คน  ลงเรือแพเพื่อศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์ในคลองเขาจีนโดยมีวิทยากรจากป่าชายเลนมาให้ความรู้  ภายใต้โครงการ รักษ์ครอง รักษ์ป่า  รักษ์หอยขาว  ซึ่งมีการจัดติดต่อมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วนั้น

         สำหรับพื้นที่ตำบลคลองขุด  ติดกับป่าชายเลน 4 หมู่บ้านได้แก่หมู่ 1 3 4 และ 5   ประชาชนมีวิถีชีวิตที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับป่าชายเลน   การประกอบอาชีพการตั้งถิ่นฐานและการบริโภคนอกจากนี้ป่าชายเลนที่ทอดตัวยาวเปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติ  ทำหน้าที่ปรับสมดุลธรรมชาติทางทะเลเป็นที่ดักกรองมลพิษที่หลายคนมากับน้ำมาสู่ทะเล   อีกครั้งป่าชายเลนอย่างเป็นต้นกำเนิดของห่วงโซ่อาหารของท้องถิ่นแหล่งผลิตอาหารแหล่งที่อยู่อาศัยวางไข่และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนหลายชนิดโดยเฉพาะสัตว์น้ำเศรษฐกิจอย่างหอยขาวหรือหอยตลับที่มีความชุ่มในพื้นที่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

         นายสุนทร  พรหมเมศก์   นายกเทศมนตรีตำบลคลองขุด  บอกว่า   กิจกรรมในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความตระหนักและร่วมกันอนุรักษ์โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือการเรียนรู้   การบรรยายในหัวข้อและประเด็นที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์การจัดการขยะและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศชายฝั่ง    ควบคู่กับการสัมผัสและชื่นชมความงดงามความสมบูรณ์ของธรรมชาติป่าชายเลน    และวิธีการใช้ชีวิตร่วมกันของคนกับป่าชายเลน

        นอกจากนี้ทางเทศบาลตำบลคลองขุด  ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนให้รู้จักหอยขาว  หรือ  หอยตลับ  หอยพื้นถิ่นและวิธีการหาหอยที่ไม่ทำให้หอยสูญพันธุ์ด้วยการหาหอยด้วยมือเปล่าเพื่ออนุรักษ์ให้หอยตลับ หรือหอยขาวอยู่คู่คลองเขาจีนและชาวเทศบาลตำบลคลองขุดให้ยาวนาน 

         และกิจกรรมที่สร้างสัมพันธ์กันในหมู่บ้านคือการแข่งขันปรุงอาหารจากเมนูหอยขาว จาก 7 หมู่บ้านที่นำมาแข่งขันในความอร่อย เช่น เมนูสปาเก็ตตี้หอยขาว   เมนูผัดขี้เมาหอยขาว  เมนูลาบหอยขาว ส้มตำหอยขาว และผัดเครื่องแกงหอยขาว พร้อมลีลาความสนุกสนานของแม่ครัว บวกกับความสะอาด ความสวยงาม สร้างสีสันและกองเชียร์กันอย่างสนุกสนาน งานนี้ภรรยาท่านนายกเทศมนตรีได้ลงแข่งขันด้วย  กับเมนูผัดขี้เมาหอยขาว  ยิ่งสร้างสีสันให้กับลูกบ้านได้ไม่น้อย

        มาทำความรู้จัก  หอยตลับ  หรือ  หอยขาว   ลักษณะหอยตลับหรือหอยขาวก็คือเปลือกหนาผิวเป็นเงามีสีและลวดลายต่าง ๆ ตั้งแต่สีขาวเรียบสีครีมลายสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม  แหล่งที่พบ   บริเวณพื้นทรายบนโคลนหรือปากแม่น้ำเมื่อน้ำลงต่ำสุดจะฝังตัวบนพื้นทรายลึกประมาณ 5 ถึง10 เซนติเมตรได้ปากแม่น้ำ   กินตะกอนอินทรีย์แขวนลอยบริเวณพื้นท้องทะเลและสาหร่ายขนาดเล็กกรองกินเป็นอาหาร

………………………………..

 

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด

        วันหยุดสุดสัปดาห์มีแหล่งท่องเที่ยวแหล่งจับจ่ายมาแนะนำ  นักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม  โดยทางอบจ.สตูล ได้จัดงาน  “สตูลฮาลาลสตรีท 2023” ครั้งที่ 4  ระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค.2566 ขึ้นที่ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (คฤหาสน์กูเด็น)  ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการจากภาคส่วนต่าง ๆ การออกร้านจากผู้ประกอบการ  ที่มีทั้งอาหารคาว  หวาน  และอาหารซีฟู้ดที่ขึ้นชื่อในจังหวัดสตูล และจังหวัดข้างเคียง  โดยเฉพาะเมนูยอดฮิตของชาวสตูลคือโรตี  ในรูปแบบต่าง ๆ  อาหารทะเลซีฟู้ดสด ๆ จากทะเลสตูล และเมนูอาหารวัฒนธรรมท้องถิ่นมากมายมารวมภายในงานนี้  

        นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมสาธิตเมนูอาหารและชิมฟรี  กิจกรรมการเสวนา “ฮาลาลเพื่อการท่องเที่ยว”  โดยสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล   การแสดงนาฏศิลป์มลายู ชุด Eid Mubarak จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ  การแสดงอันนาชีด โดยวงนัจมี  จากโรงเรียนสามัคคีอิสสลามวิทยา

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 สตูล.พบฝูงโลมาปากขวด กระโดดโชว์อวดโฉมความน่ารัก ที่อ่าวตะโล๊ะวาว อช.ตะรุเตา

สตูล..พบฝูงโลมาปากขวด กระโดดโชว์อวดโฉมความน่ารัก ที่อ่าวตะโล๊ะวาว อช.ตะรุเตา

          วันที่ 11 กันยายน 2566 ภาพความน่ารักของฝูงโลมาที่กำลังกระโดดเล่นน้ำ และแหวกว่ายไปมา ที่บริเวณหน้าอ่าวตะโลวาว และตะโละอุดัง เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันบันทึกภาพไว้ได้ และนำมาเผยแพร่บนเพจของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาสร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นนั้น

         นายสมศักดิ์ พูนปาน หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่ 1 (อ่าวตะโละวาว) แจ้งว่าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนที่ 001 (อ่าวตะโละวาว/อ่าวตะโละอุดัง) ออกลาดตระเวนทางเรือในพื้นที่ตามปกติ พบ โลมาปากขวด จำนวน 1 ฝูง ประมาณ 10-15 ตัวบริเวณหน้าอ่าวตะโละวาว ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา

         ทั้งนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการจัดเก็บ และบันทึกฐานข้อมูล ซึ่งปรากฏว่าในช่วงปีที่ผ่านมา และต้นเดือนนี้ ยังไม่เคยพบเห็น โลมาที่มากันเป็นฝูง ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้พบในครั้งนี้

         สำหรับการเจอโลมาปากขวดในครั้งนี้ เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ถึงความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรทะเล ได้แสดงว่า ชายฝั่งทะเลแถบนี้ มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีสัตว์น้ำวัยอ่อนที่เป็นอาหารของโลมา ซึ่งอาศัยอยู่พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลของจังหวัดสตูล
……………..
(ขอบคุณภาพจาก อุทยานตะรุเตา )

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด!

“เทศกาลข้าวโพดหวานและอาหารอร่อยจังหวัดสตูล ครั้งที่ 14” งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่คอการท่องเที่ยวเชิงอาหารห้ามพลาด! 18

อัพเดทล่าสุด