Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3

สตูล-ยิงแก็งโจ๋คาโรงเรียนเจ็บ 3 ราย

         เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ต.ค.2566  พ.ต.ท.ดิเรก หยงสตาร์ สวป.สภ.ท่าแพ จ.สตูล พร้อมด้วยกำลังฯ ร่วม กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสตูล  รุดเข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานพยานวัตถุพยานบนถนนประตูทางเข้าโรงเรียน – บริเวนหน้าอาคารโรงเรียนบ้านแป-ระใต้  หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ  ภายหลังจากทีได้รับแจ้งว่า ให้เข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่มีการก่อเหตุถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บถูกพลเมืองดีนำตัวส่ง รพ.ท่าแพ  ไปก่อนหน้านี้ โดย ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย เด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพฯ  เบื้องต้นที่เกิดเหตุยังไม่พบหลักฐานๆของคนร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ภายในโรงเรียนฯ  เพื่อหาหลักฐานร่องรอยคนร้ายกันอย่างละเอียดครั้งต่อไป

         ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ผ่านมา  พนักงาน (สอบสวน) สภ.ท่าแพ จ.สตูล ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณภายในโรงเรียนบ้านแป-ใต้  ท้องที่หมู่ 4 (บ้านแป-ระใต้) ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ ที่เกิดเหตุประตูหน้าทางเข้าโรงเรียนฯพบหลักฐานปลอกกระสุนปืนไม่ทราบยี่ห้อ 1 นัด  ส่วนที่บริเวณระหว่างตัวอาคารเจ้าหน้าที่ได้นำเทปกั้นเขตมากั้นเอาไว้เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป หรือว่า ไม่ควรเข้าใกล้หรือห้ามเข้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเด็ดขาด  ทั้งนี้มีรายงานว่า ในพื้นที่เกิดเหตุพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มซึ่งเป็นคู่อริกัน ในเบื้องต้นอาจจะเป็นไปได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ 2 กลุ่มดังกล่าวต่างพากันมาเพื่อเคลีย  แล้วไม่สำเร็จ  ก่อนที่จะก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันในโรงเรียนฯดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวซึ่งอยู่ในโรงเรียนฯดังกล่าวระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านฯก่อนหน้านี้มีการก่อเหตุด้วยการมาพังประตูเหล็กทางเข้าโรงเรียนฯมาครั้งหนึ่งแล้ว

…………………………

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

ปิดชายแดนไล่ล่า  เสี่ยแป้ง  หลังพบเบาะแสใช้ชายแดนสตูลหลบหนี

            วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    หลังมีกระแสข่าวรายงานว่าพบรถต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นยานหนะที่เสี่ยแป้งใช้หลบหนี  ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแหล่งข่าวจากตำรวจ หรือ ตม.ยืนยันว่าภาพข่าวดังกล่าวเกิดเหตุเหตุในพื้นที่จังหวัดสตูลแต่อย่างใด  แม้ล่าสุดจะพบสัญญาณในพื้นที่จังหวัดสตูลก็ตาม

          ซึ่งขณะนี้หน่วยความมั่นคง ต่างกระจายกำลัง ตรวจค้นและหาข่าวตามแนวชายแดนว่ามีรถต้องสงสัย คล้ายรถที่คนร้ายใช้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่หรือไม่  โดยทางด้าน  พ.ต.อ.ธนิสร   แสงท่านั่ง    ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล   ได้มีการประสานกับหน่วยความมั่นคงภายในจังหวัดสตูล ทั้ง ทหาร ตำรวจ และชุดท้องถิ่น เร่งค้นหาผู้ต้องหาคดีสำคัญ  เสี่ยแป้ง   ได้มีการเข้าตรวจค้นเข้มทางบกในพื้นที่ช่วงเช้าที่หน้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่ติดกับบ้านวังเกลียน   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ออกตรวจรถทุกคันที่เดินทางออกนอกประเทศไทย เข้าขออนุญาตตรวจค้นทุกซอกทุกมุม

          นอกจากนี้ยังสั่งการไปยังพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมือง  และบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวปากบารา ที่เป็น 2 ท่าเทียบเรือใหญ่ คอยรับส่งนักท่องเที่ยวในและนอกต่างประเทศ  และสั่งกำชับลงตรวจลงตรวจตรา สะพานท่าเรือเล็กๆตามชายฝั่ง 384 แห่ง ค้นหาโดยนำรูปผู้ต้องหาออกหมายจับปูพรมค้นหาอย่างทันที

          ทั้งนี้พ.ต.อ.ธนิสร  แสงท่านั่ง  ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมือง    จังหวัดสตูล  ลงพื้นที่ทันที่ชายแดนทางบก ลงตรวจรถทุกคันที่กำลังมุ่งหน้าออกด้วย ตนเองกับทีมลูกน้อง เพื่อเร่งค้นหา ผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อที่ช่วยทางการจับกุม ส่วนกรณีรถยนต์ที่พบเบาะแสในพื้นที่จังหวัดสตูล ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนที่มาที่ไปทันที 

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

   9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

สตูล  9  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ออกแถลงการณ์ เพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรงและความโหดร้าย เปิดกล่องบริจาคและจำหน่ายเสื้อสมทบทุนช่วย

        วันที่ 21 ต.ค. 66  ที่ โรงแรมสตารินรีสอร์ท   อำเภอเมือง   จังหวัดสตูล  องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนจัดเพื่อปาเลสสไตล์ @ สตูล ซึ่งประกอบด้วยสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยสาขาสตูล ,  มูลนิธิอิบนูเอาฟ  , สหกรณ์อิสลามอัลฮิจญ์เราะฮ  จำกัด, สมาคมครูอิสลามศึกษาสตูล  ,  สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสตูล  ,  สภาเครือข่ายมนุษยธรรมสตูล  , กลุ่มอิกเราะสตูล  ,  ชมรมมุสลิมจังหวัดสตูล และ กองทุนบัยตุลมาล  ร่วมกันออกแถลงการณ์องค์กรเครือข่าย  รวมพลยืนหยัดเพื่อพี่น้องปาเลสไตน์

        โดย อ.รอหมาน  หลีเส็น  และ 9 องค์กรภาคีเครือข่าย  ร่วมอ่านแถลงการณ์  พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของชาวไทยและการสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์  ซึ่งปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้มีความซับซ้อนและยืดเยื้อมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของชุมชนทั้งชาวยิว  คริสต์และอิสลามทั่วภูมิภาค

          ซึ่งการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์และการโจมตีโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยรอรับการเยียวยารักษาถือเป็นการละเมิดฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ   การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนที่เอนเอียงเลือกข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถือเป็นการละเมิดผิดจรรยาบรรณอันร้ายแรง   องค์กรเครือข่ายรวมพลยืนหยัดเพื่อปาเลสไตน์ @สตูล ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อยุติวัฏจักรความรุนแรง   และความโหดร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นโดยทันทีโดยมีข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ

          1 ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในการดูแลสวัสดิภาพและการป้องกันการทำร้ายต่อพลเรือน   2 ให้ความสำคัญต่อการเปิดเส้นทางมนุษยธรรมความปลอดภัยเพื่อส่งผ่านอาหารและยาต่อการช่วยเหลือพลเรือนที่ถูกกักกันอยู่ในกาซ่า   3 ให้มีการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงในการสร้าง 4 เรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงทุกระดับรักษาจรรยาบรรณของสื่อมวลชนด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงหรือฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด   ขอพรจากอัลเลาะห์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ยุติโดยเร็วและนำสันติภาพความสงบสุขมาสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเร็ววัน

        อ.สมพร  เหมรา  ประธานจัดกิจกรรม  รวมพล  ยืนหยัด เพื่อพี่น้องปาเลสไตน์   กล่าวว่า  กิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะมีการอ่านแถลงการณ์แล้ว   ยังมีการปาฐกถาพิเศษ โดย อ.ฮารูน  หะยีมะ   และเสวนาต่อโดย ผศ.ดร.อับดุลรอนิง  สือเต  , อ.มันโซร  สาและ พร้อมกันจำหน่ายเสื้อหลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนช่วย ผู้ประสบภัยจากสงคราม และตั้งกล่องรับบริจาคช่วยเหลือพี่น้องปาเลสไตน์  โดยรายได้ทั้งหมดจะส่งไปที่ สำนักจุฬาราชมนตรีงานหลักมนุษยธรรม  ต่อไป

…………………….

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

เตชินท์จักรวาล จัด OPP สัญจร พบเครือข่ายในกิจกรรม เกษตรนวัตกรรมใหม่  ส่งเสริมให้เกษตรกร ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ด้วยสิ่งที่เสริมคุณภาพเพื่อประชาชาชนชาวสวนเกษตร

เตชินท์จักรวาล จัด OPP สัญจร พบเครือข่ายในกิจกรรม เกษตรนวัตกรรมใหม่  ส่งเสริมให้เกษตรกร ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ด้วยสิ่งที่เสริมคุณภาพเพื่อประชาชาชนชาวสวนเกษตร

          วันที่ 21  ตุลาคม  66  ที่สวนอาหารนกน้ำ  ต.ฉลุง  อ.เมือง  จ.สตูล  นายอุทัย  นวนจันทร์  ( บอสเตชินท์  ) พร้อมทีมเครือข่าย ได้พบปะทีมเครือข่ายในจังหวัดสตูล และต่างจังหวัด พร้อมกับยังมีทีมจากเครือข่ายในต่างประเทศกัมพูชา มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งภายในงานมีการจับเลขท้ายรางวัล ลุ้นเงินสด และ ทองคำ อีกมากมาย

        ด้านนายอุทัย  นวนจันทร์  ( บอสเตชินท์  ) ประธานบริษัท เตชินท์จักรวาล จำกัด กล่าวว่า เราเป็นผู้ที่ช่วยสร้างความรู้ให้ชาวเกษตรกร ที่รู้จักการสร้างผลประโยชน์แก่สิ่งดีๆที่พื้นที่ดิน สวนเกษตรที่ต่อยอดสร้างรายได้มากับเรื่องการเกษตรที่ดี  โดยทางบริษัท เตชินท์จักรวาล จำกัด สร้างสารปรับโครงสร้างดิน คือพลังจักรวาล ที่เป็นธาตุบำรุงดิน เร่งการเจริญเติบโต ของพืช แตกราก แตกใบ  แถมประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

       นายอุทัย  นวนจันทร์  ( บอสเตชินท์  ) ประธานบริษัท เตชินท์จักรวาล จำกัด กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ได้จัดงาน บ่งบอกถึงความสำเร็จที่เราทำงาน สร้างเครือข่าย สร้างชาวสวนชาวเกษตร ที่ได้รับสิ่งดี เรามีขยายพื้นที่ไปยังกัมพูชา ขยายไปอีกทั้งประเทศมาเลเซีย  อินโดนิเซีย  และ พี่น้องชาวเกษตรภาคใต้ ทั้ง 14 จังหวัดเองได้ร่วมเป็นเครือข่ายของเราด้วย และวันนี้เราคืนกำไรให้กับทุกคนที่ร่วมงานกันอย่างมีความสุข

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

 กินเจทั้งปีสไตล์อาหารปักษ์ใต้  กับอาหารเจป้าใจ ที่สตูล

กินเจทั้งปีสไตล์อาหารปักษ์ใต้  กับอาหารเจป้าใจ ที่สตูล

          สำหรับท่านที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารเจ  หรือต้องการจะละเว้นการทานเนื้อสัตว์ในช่วงวันสำคัญ ๆ ของตัวเอง หรือในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ  อยากจะแนะนำร้านนี้เลย  ร้านตั้งอยู่ที่ริมถนนภูมินารถภักดี  (วงเวียนหน้าป่าไม้) ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

          ที่ร้านอาหารเจ  ป้าใจ ที่นี่ขายอาหารเจตอบโจทย์สายรักสุขภาพ และคนที่ถือศีลกินเจกับแบบตลอดทั้งปีกับอาหารเจที่มีมากกว่า 40 ชนิด  ทั้งเมนูจืด เมนูเผ็ดและเมนูปักษ์ใต้อย่างแกงไตปลา แกงส้ม คั่วกลิ้ง  ในราคาเพียงถุงละ 30 บาท หรือจะเป็นข้าวราดแกง 1 อย่าง 30 บาท 2 อย่างก็ 30 บาทเช่นกัน ส่วนราดแกง 3 อย่าง 40 บาทจะเห็นได้ว่าร้านนี้ลูกค้าแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย

          โดยเฉพาะเมนูพิเศษของทางร้านคือ ปลาเค็ม  ที่ทำเองแบบไม่เค็มเกินไป  ขายทั้งแบบสดชิ้นใหญ่ 50 บาทกลับไปทำทานเองที่บ้าน   และแบบทอดแล้วชิ้นละ 10 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมจีน  ที่นี่ก็ขึ้นชื่อ  โดยน้ำแกงกะทิทำจากข้าวโพด  แต่จะมีขายเฉพาะวันพระเท่านั้น ทำให้มีลูกค้าทั้งเจ้าประจำและขาจร  จากปากต่อปากแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ด้วยรสชาติที่อร่อย  ราคาถูก ที่สำคัญสะอาด

          นางสุธีรา  สุขแต้ม อายุ  65 ปีลูกค้าประจำที่ทานมาแล้ว 5 ปี บอกว่า  อาหารเจที่นี่ทานแล้วอร่อย  หลากหลายและที่สำคัญราคาไม่สูง  ทุกครั้งที่อยากทานอาหารเจก็จะมาทานที่นี่  โดยเมนูที่ชื่นชอบคือ ปลาเค็ม แกงส้ม แกงไตปลาเจ

นางนงนาถ    ทองมี    อายุ  60 ปี  เจ้าของร้านอาหารเจ ป้าใจ  บอกว่า ตนเป็นพี่สาวคนที่ 5 จากพี่น้องหมด 10 คน โดยผู้บุกเบิกร้านอาหารเจป้าใจ คือชื่อของพี่สาวคนโตที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ  แต่ตอนนี้ท่านเสียชีวิตแล้ว น้อง ๆ ก็ช่วยการสานต่อความตั้งใจยึดเป็นอาชีพ โดยมีน้อง ๆ ช่วยกันดูแลร้านที่เน้นความใส่ใจในทุกด้าน  ทั้งในเรื่องความอร่อย สะอาด ราคาที่ถูกและที่สำคัญคือ วัตถุดิบต้องเป็นธัญพืชแท้เพื่อตอบปัญหาสุขภาพได้

           ร้านอาหารเจป้าใจ  เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว  จากลูกค้าทั่วไปจนมีลูกค้าประจำ ข้าราชการ หมอ ทนายความ เชื่อว่ามาจากการรับรู้ปากต่อปาก เพราะทางร้านไม่มีความถนัดในการใช้สื่อโซเซียล  โดยร้านจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง  พร้อมคนใส่บาตรและปิดในช่วง  6 โมงเย็น (ในช่วงเทศกาลกินเจ)  หากเลยเทศกาลจะปิดในเวลาประมาณบ่าย  3 โมงครึ่ง

           อยากให้คนมาทานเจได้อิ่ม อร่อย สะอาด กับเมนูที่หลากหลายในสไตล์อาหารปักษ์ใต้เจ  คือหัวใจสำคัญของร้านอาหารเจ ป้าใจ

………………………

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัย   ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

แรงงานสตูลในอิสราเอล  เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม  ฮามาส  พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัยจากสงคราม    ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน   เนื่องจากยังมีภาระ  และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ

        ที่บ้านบันนังปุเลา  ซอย 6 (กุโบร์)  ต.เจ๊ะบิลัง   อ.เมือง   จ.สตูล นายโสมนัส  พระวิชัย อายุ 44 ปี เป็นหนึ่งในแรงงานไทยในเมืองยาเต็ด  ประเทศอิสราเอล  ที่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย   โดยทันทีที่ถึงบ้านพบลูกเมียครอบครัว  ก็ยังมีความเป็นห่วงเพื่อนคนไทยที่ยังประสงค์จะทำงานต่อโดยไม่ยอมกลับ  โดยเห็นว่าสถานที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุจะขอทำงานต่อไปในภาคการเกษตร 

       นาย  ชาวขอนแก่น  เพื่อนของนายโสมนัสแรงงานไทยในอิสสราเอล  หลังวีดีโอคอลพูดคุยกัน  ยังยืนยันกับสื่อด้วยว่า  ยังไม่อยากกลับแม้จะอาศัยอยู่ในอิสราเอลมา 4 ปีแล้ว   เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลกับที่ฟาร์มเกษตรที่ตนอยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร  เพราะยังมีภาระหนี้สิน ขออยู่ทำงานต่อไป

      ซึ่งแตกต่างกับนายโสมนัส  แรงงานชาวสตูลในอิสราเอลที่ต้องรีบเดินทางกลับบ้านในไทย   บอกว่า  พื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 12 กิโลเมตร   โดยคืนวันเสาร์ ที่  7 ตนบันทึกภาพนาทีที่ทางการอิสราเอลเข้าควบคุมตัว ฮามาส  ไว้ได้  โดยขณะนั้นตนซ่อนอยู่ภายในบ้านพักคนงาน  ซึ่งพบว่ากลุ่มดังกล่าวพยายามเข้ามาทำร้ายพวกตนแต่หลบซ่อนตัวได้  เป็นภาพความน่ากลัวมาก  นอกจากนี้ระหว่างมีการต่อสู้ระหว่างกันไปมา เห็นมีการยิงกระสุนข้ามศีรษะไปมา และมีการปล่อยกระสุนไอรอนโดมของทางการอิสราเอล  ออกมาทำลายอาวุธแตกกระจายกลางอากาศ  ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำงานในไร่ผักกระหล่ำปลี  และคะน้า  นายจ้างให้พวกตนไปหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย  ยิ่งสร้างความน่าหวาดกลัว และอยากจะกลับบ้านในทันที 

        นายโสมนัส  เล่าต่อว่า ตนทำงานที่อิสราเอลมานานถึง 5 ปี เดินทางกลับไทยเพียงครั้ง 1 เดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้  แม้จะได้เงินดีวันละ 2000 บาทไม่รวมโอที  ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ โดยทางครอบครัวยิ่งกังวลกับสถานการณ์  ทำให้ต้องรีบกลับบ้านทันที  เพื่ออยู่บ้านสักพักและหาช่องทางไปทำงานต่างประเทศต่อ  เพราะมี 13 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ   ทั้งครอบครัว พ่อแม่ตัวเองและ ลูกเมีย  ซึ่งคงต้องการให้รัฐบาลช่วยแนะนำในการไปทำงานในประเทศที่ปลอดภัยไม่มีสงคราม   

          ส่วนทางด้านภรรยา  ก็บอกว่า  ไม่อยากให้กลับไปทำในประเทศอิสราเอลอีก   เพราะความไม่ปลอดภัยหลายอย่าง ซึ่งปรึกษาหารือกันแล้วว่าหากอยากจะทำให้เปลี่ยนประเทศเป็นเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นแทน  เพราะไม่มีภาวะสงคราม และจำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเพราะมีภาระหนี้สิน ครอบครัวที่ต้องดูแล  สามีส่งเงินกลับบ้านมาแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และสูงสุดกว่า 50,000 บาท และจะนำวิชาชีพไฟฟ้า และช่างเชื่อมที่มีอยู่หางานทำในประเทศอื่นต่อไป

        ขณะที่ด้านกระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงติดตามและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะด้านอาชีพ  เพื่อหาช่องทางให้แรงงานไทย   รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อติดขัดหลังเดินทางกลับประเทศแม่

……………………………….. 

     

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

สตูลนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอล  กลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย  ครอบครัวลั่นไม่ให้กลับไปอีกแล้ว  หลังสงครามยืดเยื้อ

       ทันทีที่นายอับดุลเลาะห์    มานะบุตร  อายุ 19 ปี   นักศึกษาฝึกงานไทยในประเทศอิสราเอลเดินทางกลับถึงบ้านเกิด   ที่ตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  สร้างความปลาบปลื้มปิติยินดีกับทุกคนในครอบครัวที่เฝ้ารอ  ต่างโผเข้าสวมกอดการเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย   หลังเกิดเหตุโจมตีในประเทศอิสราเอล  ซึ่งเมืองอีดานเป็นเมืองที่น้องอับดุลเลาะห์อาศัยอยู่  ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กิโลเมตร 

       จากเหตุการ์สงครามในครั้งนี้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล  นำทีมวันโฮม  ของกระทรวง พม. โดยนายแก้วกฤษกร  โภคะนาคินธร์  หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล   พร้อมนายกอบต.ฉลุง ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำหลายฝ่ายต่างมาให้กำลังใจ เยี่ยมเยียนสอบถาม และยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากมีความต้องการ  พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ให้กับครอบครัวน้องอับดุลเลาะห์  พร้อมรับฟังปัญหาขณะที่อาศัยอยู่ที่ดังกล่าว

      โดยนายอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  ได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองอีดาน  ประเทศอิสราเอล ร่วม 3 เดือน เพื่อฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส ส่งตัวไปตามโครงการสหกิจศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรประเทศอิสราเอล  ระยะเวลากำหนดคือ 10 เดือน โดนมีเพื่อนเดินทางไปร่วมฝึกงานในครั้งนี้ด้วย 30 คน โดยแต่ละคนจะกระจายกันตามฟาร์มต่างๆ แห่งละ 2  คน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์จะมีเวลาเรียน 1 วัน ที่เหลือคือภาคปฏิบัติ อยู่ในฟาร์มเกษตร เก็บผลผลิตทางการเกษตร อาทิ เมล่อน พริกหยวก  พริกหวาน อยู่ในฟาร์มวันละ 8 ชม.โดยได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท โดยการฝึกงานในครั้งนี้ก็มีเพื่อนจากภาคอีสานของไทย มาร่วมฝึกด้วยเช่นกัน

       นายอับดุลเลาะห์    เล่าต่อว่า  หลังเกิดสงครามที่ดูจะยืดเยื้อ เกือบทุกวันจะเห็นเครืองบินบินผ่านไปมา และเสียงระเบิดก็ได้ยินดังสนั่นมาถึงตนที่อยู่อาศัย  และไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะลามมาถึงที่ตนอาศัยเหรือไม่  การกลับมาในครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาสเป็นคนประสานให้นักศึกษาฝึกงานกลับทันทีทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บ อาจจะเสียขวัญบ้างแต่ปลอดภัยดี  และคิดว่าไม่กลับไปที่อิสราเอลอีกแล้ว  แต่จะนำความรู้ด้านการเกษตรมาปลูกเมล่อนเองที่บ้าน   

         ด้านนางไซหนับ  มานะบุตร  แม่ของน้องอับดุลเลาะห์  เล่าว่า  คัดค้านโดยตลอดไม่อยากให้ลุกไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เพราะเป็นห่วงทราบข่าวตลอดว่ามีเหตุการณ์สงครามบ่อยครั้ง  แต่ห้ามลูกไม่ได้เพราะทางโรงเรียนก็บังคับให้ไป และลูกก็อยากไป  เพราะอยากหาเงินมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว  ทันทีที่มีเหตุติดต่อกับลูกตลอดให้รีบกลับมาบ้านเรา เพราะดูแล้วเหตุการณ์จะยืดเยื้อ และคิดว่าคงไม่ให้กลับไปอีก   ตอนนี้ยังมีบุตรสาวอีกคนเรียนอยู่ที่อียิป แต่โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์สงครามเหมือนอิสราเอล 

        สำหรับจังหวัดสตูลมี แรงงานไทยเดินทางไปทำงานทีประเทศอิสราเอล 1 คนยังเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้  และนักศึกษาฝึกงาน  1 คน ที่เดินทางกลับมาถึงแล้ว

…………………………………

     

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   กล้วยทอดเตาถ่านสูตรโบราณไม่ใส่น้ำตาล   

กล้วยทอดเตาถ่านสูตรโบราณไม่ใส่น้ำตาล

         ที่หัวสะพานคลองมำบัง   เส้นบายพาสห่างจากโกลบอลเฮ้าส์  ตำบลบ้านควน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  มีเพิงเล็กๆตั้งอยู่กลางทุ่งนาและสวนปาล์มน้ำมัน  หากไม่ตั้งใจสังเกตน้อยคนนักจะรู้ว่าที่นี่ขายกล้วยทอดเตาถ่านสูตรโบราณ  เพราะจะรู้เฉพาะกลุ่มชาวบ้านและเกษตรกรชาวสวนยางพารา  ที่ออกมากรีดยางในช่วงเช้าเท่านั้น

          โดยสองพี่น้องจะช่วยกันขายกล้วยทอด  และ  เมนูข้าวมันปลาเค็มสูตรโบราณที่เน้นการขายแบบไม่ปรุงแต่งมากนัก  อย่างปลาเค็มที่นำมาใช้ก็จะนำไปย่างมากกว่าทอด  เพราะจะได้ความหอมอร่อยอีกหนึ่งรสชาติตามแบบฉบับวิถีชาวบ้าน  ในราคาจานละ 20 บาท  ทานกันแบบจุก ๆ อิ่มไปเลย พิเศษหน่อยก็ราคา 25 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีส้มตำ และโกปี้  ที่กินกับข้าวมันปลาเค็ม หรือ กล้วยทอดด้วย

          โดยเฉพาะกล้วยทอดที่นี่ ถือว่า  เป็นการใช้วิธีแบบพื้นบ้าน  คือ  ใช้ไม้ฟืนที่หาได้ในพื้นที่ ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการทอด  นอกจากจะลดค่าใช้จ่ายในการใช้แก๊สหุงต้มแล้ว    ยังเพิ่มรสชาติความหอมอร่อยให้กับกล้วยที่ทอด  ด้วยสูตรโบราณที่นี่คือ  ไม่ใส่น้ำตาลทรายเพิ่มความหวานให้เสียสุขภาพ  เพราะกล้วยที่นำมาใช้มีความหวานในตัวอยู่แล้ว  และจะใส่เพียงแค่น้ำปูนใสเพิ่มความกรอบ   ไข่ไก่   แป้งข้าวจ้าว  มะพร้าวขูด  น้ำเกลือเล็กน้อย  ใบเตยเพิ่มความหอมเท่านั้น   และน้ำตาลทรายที่ไม่ใส่ยังทำให้กล้วยออกมาสีสวยน่ากินด้วย  สำหรับกล้วยที่ใช้  แล้วแต่ฤดูกาล บ้างก็เป็นกล้วยน้ำหว้า และกล้วยไข่ ขาย 13 ชิ้น 20 บาท

         นางดารารัตน์  ขวัญเมือง  ลูกค้าที่ผ่านไปมาแวะชิมต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่า   มีรสชาติที่อร่อยสำหรับคนที่ชอบกล้วยไม่สุกงอมเกินไป  และข้อดีคือไม่ใส่น้ำตาลเพราะกล้วยมีความหวานอยู่แล้ว  และมีความหอมของเตาฟืนและใบเตย ดื่มกับโกปี้ยิ่งเพิ่มรสชาติให้การกินกลมกล่อมมากขึ้น

         นางรจนา  ศรีสุข อายุ  62 ปี แม่ค้า บอกว่า  ในหนึ่งวันจะขายข้าวมันปลาเค็มวันละ 2 กก.และกล้วยทอดวันละ 5 หวี ให้กับชาวสวนยาง และชาวบ้านที่ผ่านไปมาและคนที่ชอบออกกำลังกาย  แวะมานั่งทาน แบบบ้าน ๆ ในราคาเบา ๆ โดยจะขายตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าจนของหมด ในหนึ่งเดือนจะหยุด 2 ครั้ง  หากสนใจอยากกินอาหารพื้นบ้าน โทรสอบถามได้ที่   098 724 1697

         นอกจากนี้ทางร้านคุณป้าทั้งสอง  ยังนำหน่อกล้วยมาปลูกไว้ข้างร้าน  รวมทั้งผักสวนครัวเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจแหล่งที่มาของอาหาร  และลดรายจ่ายได้อย่างดีงามน่าเอาเป็นแบบอย่าง

………………………………….

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   จากธุรกิจเพาะลูกนกกรงหัวจุกขาย สู่ยารักษาหวัดนก และกรงนกใบละหลักแสนบาท   

จากธุรกิจเพาะลูกนกกรงหัวจุกขาย สู่ยารักษาหวัดนก และกรงนกใบละหลักแสนบาท  เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่ชมรมนกกรงหัวจุกสตูลเดินหน้าผลักดัน ปกป้องให้เกมกีฬาพื้นบ้าน  ถูกต้องตามกฎหมาย   อยู่คู่สังคมไทย

          นกกรงหัวจุกจำนวนกว่า 30 ตัวที่นายสักรินทร์   อังวรโชติ  หรือ  “โจ ท่าน้ำ”  อายุ 38 ปีได้เพาะเลี้ยงเพื่อขายให้กับผู้ที่ชื่นชอบเลี้ยงนกกรงหัวจุก  โดยมีพ่อแม่พันธุ์สีขาวเผือกอมชมพู  ที่รูปทรงสวยงาม  และพ่อแม่พันธุ์ที่มีประสบการณ์  ผ่านสนามชนะหลายเวที    รวมทั้งการทำยาหวัดนกขาย  สร้างรายได้อีก 1 ทางให้กับผู้ที่ชื่นชอบเลี้ยงนกกรงหัวจุก

          นอกจากตัวนก  อาหารนก  ก็ยังมีสินค้าที่เชื่อมโยงกับนกกรงหัวจุก  โดยเฉพาะกรงนกที่เหล่าบรรดาเซียนนก  ที่มีกำลังทรัพย์มักจะซื้อไว้ประดับบารมี  และให้นกได้อยู่อาศัย  ด้วยผลงานที่มีฝีมือของช่างทำกรงนก  จากหลากหลายพื้นที่  เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์  ในการออกแบบกรงนกให้สวยงามวิจิตรบรรจง  เหมือนอย่างกรงนกใบนี้ที่มีราคาหลักแสนบาท   ด้วยการใช้มุกประดับตกแต่งและการแกะสลักลวดลาย  แม้กระทั่งภาชนะใส่น้ำในกรงนก  มีการใช้ถ้วยเบญจรงค์ บ้างก็ใช้ถ้วยทำจากหินอ่อน หรือถ้วยทำจากหยก  ตกแต่งได้อย่างสวยงามทรงคุณค่า

          นายสักรินทร์    อังวรโชติ  บอกว่า  เสียงที่ไพเราะ รูปทรงที่สวยงามทำให้ตนหลงใหลนกกรงหัวจุกมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  จนถึงปัจจุบันยิ่งหลงไหล รัก และชื่นชอบ  การเพาะเลี้ยง การแข่งขัน การทำยารักษา รวมทั้ง การครอบครองกรงนกจากความชื่นชอบ   พร้อมยอมรับว่าเห็นด้วยหากจะมีการเอาจริงเอาจังหรือเอาผิดคนที่จับนกในป่ามาขายหรือแข่งขัน

         แต่ส่วนตัวเห็นว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  นกกรงหัวจุกสามารถเพาะเลี้ยงได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าให้กับหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง  อาทิ  เกษตรกรที่หาผลไม้อย่างกล้วยและมะละกอ  มาขายกลุ่มที่ชอบเลี้ยงนก  , กรงนกที่เห็นถึงความสวยงามด้านงานฝีมืออันทรงคุณค่า  เสมือนการสะสมทองคำ  เพราะราคาและฝีมือของช่างยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับกรงนกอย่างมากมายมหาศาล   นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว  ไม่ต่างกับการแข่งขันกีฬาทั่วไป   ทุกครั้งที่มีการแข่งขันนักกีฬาแข่งนก  ไม่น้อยกว่า 200 คนที่ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ เกิดการกระจายรายได้  ที่พักโรงแรม  เพราะเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการแก้ไข ปลดล็อคนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง

       ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนให้มีการปลดล็อกจากพ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครอง  ล่าสุดชมรมนกกรงหัวจุกจังหวัดสตูลและเครือข่ายทั่วประเทศ ได้ยื่นเรื่องขึ้นสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว

……………………..

 

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ลูกหยี ผลไม้ป่าโบราณ  ทางวัดทำสวนป่าปลูกอนุรักษ์เป็นศูนย์เรียนรู้   

ลูกหยี ผลไม้ป่าโบราณ  ทางวัดทำสวนป่าปลูกอนุรักษ์เป็นศูนย์เรียนรู้

       ลูกหยีผลดกดำ  อายุกว่า 20 ปี  ยืนต้นสูงเด่น 15 เมตร  เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้หายาก  ขึ้นอยู่ภายในพื้นที่วัดนิคมพัฒนารามผัง 7  ต.นิคมพัฒนา  อ.มะนัง  จ.สตูล   พร้อมๆกับ  ลูกตะขบ   ลูกละไม   ลองกอง  มังคุด  สละอินโด  มะม่วง และมะพร้าว

        ในฤดูกาลนี้ลูกหยี ให้ผลผลิตจำนวนมาก   แต่การเก็บผลลูกหยีที่มีขนาดเล็กบนต้นใหญ่  เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก  ผู้เก็บเกี่ยวต้องใช้ทักษะและความชำนาญเฉพาะตัว  ปีนขึ้นไปตัดกิ่งขนาดใหญ่  ผูกเชือกค่อยๆหย่อนลงมา  ทำให้ได้ผลลูกหยีที่มีคุณภาพ  ผลไม่หลุดร่วงจากช่อ    

         พระครูโสภณปัญญาสาร เจ้าอาวาสวัดนิคมพัฒนาราม  ผัง 7  //เจ้าคณะอำเภอมะนัง  นำทีมชาวบ้านในพื้นที่  เก็บลูกหยีในสวนป่าภายในวัดอย่างชำนาญ  ได้ผลลูกหยีจำนวนมาก  พร้อมขายผลสดเป็นพวงละ 50-100  บาท  รายได้ส่วนหนึ่งนำมาเป็นค่าแรง และเป็นปุ๋ยบำรุงต้น 

        สำหรับ “ลูกหยี “ เป็นผลไม้ป่าชนิดหนึ่งที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เปลือกสีดำ เนื้อในสีแดงส้ม เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ให้ผลผลิตปีละ 1 ครั้ง ประมาณเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน มีรสเปรี้ยวจัด หากนำเมล็ดออกแล้ว คลุกน้ำตาล รสชาติอร่อย ส่วนผลสด จะมีขายตามตลาดนัด เฉพาะในช่วงฤดูกาลเท่านั้น และจะขายตามตลาดออนไลน์ อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 ถึง 165 บาทขึ้นไป

       ลูกหยีต้นนี้  เป็นไม้ป่าโบราณผลหาทานยาก   ที่ทางเจ้าอาวาสวัดนิคมพัฒนาราม ผัง 7 ตั้งใจปลูกและขยายพันธุ์ไว้ พร้อมต้นไม้หาทานยากอีกกว่า 20 ชนิด บนพื้นที่ 20 ไร่  เพื่ออนุรักษ์และต้องการทำเป็นศูนย์เรียนรู้ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

          พระครูโสภณปัญญาสาร เจ้าอาวาสวัดนิคมพัฒนาราม  ผัง 7  กล่าวว่า  เคยมีแนวคิดว่าเราจะหาพันธุ์ไม้ผล  ผลไม้พื้นถิ่นใน 14 จังหวัดภาคใต้มาปลูกรวมไว้ที่วัดพัฒนารามผัง 7  เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้   อนุรักษ์พันธ์ไม้หายาก   ซึ่งปัจจุบันจะมีประเภทไม้ผล 20 กว่าชนิดด้วยกัน   ลูกหยีก็เป็นไม้พื้นบ้านที่ปลูกไว้ใช้เวลายาวนาน 20 กว่าปี  ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ให้ผลและดกมาก

        ด้าน นางภาสพิชญ์  นาควงค์   อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่ชอบทานผลไม้ป่าโบราณ  บอกกับทีมข่าวว่า  มีโอกาสเห็นต้นลูกหยีที่วัด  มันสูงใหญ่  ยิ่งเมื่อเห็นการเก็บเกี่ยวรู้สึกสงสารคนปีนไปเก็บ  มันเสี่ยงมาก   ซึ่งลูกหยีผลสดจะหาทานยากในยุคสมัยนี้ คนที่ปลูกก็มีน้อย ใช้เวลาหลายปีกว่าจะโตให้ผลที่กินได้   

……………………………………………………………………

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต