Categories
ข่าวทั่วไป

สตูลพสกนิกรร่วม 500 คน พร้อมใจสวมเสื้อผ้าสีเหลือง ตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9

สตูลพสกนิกรร่วม 500 คน พร้อมใจสวมเสื้อผ้าสีเหลือง ตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9

          วันที่ 13 ต.ค.2566 ที่ลานหน้าเทศบาลเมืองสตูล   ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  นายศักระ (อ่านว่า สัก-กระ)  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  พร้อม นายกเหล่ากาชาด หัวหน้าส่วน ผู้นำท้องที่ท้องถิ่นและพ่อค้าประชาชนเยาวชน  แต่งเครื่องแบบชุดขาวเต็มยศขณะที่ประชาชนทั่วไปพร้อมใจกันสวมเสื้อผ้าชุดสีเหลือง รวมพิธีสวดพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันนวมินทร์มหาราช

        โดยนิมนต์พระสงฆ์ 89 รูป สวดพระพุทธมนต์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลพร้อมหัวหน้าส่วนถวายเครื่องไทยธรรมและทอดผ้าไตร กรวดน้ำ ก่อนถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร  ก่อนร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์พร้อมพสกนิกรชาวจังหวัดสตูลร่วม 500 คนที่พร้อมใจกันมาในครั้งนี้

          เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทยหาที่สุดไม่ได้ โดยนำหลักคำสอนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ที่ช่วยให้คนไทยได้อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน

………..

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวทั่วไป

สตูลพร้อมรับเทศกาลถือศีลกินเจ   ขณะที่ราคาผัก  เครื่องปรุงและโปรตีนเกษตรทยอยปรับราคาขึ้น

สตูลพร้อมรับเทศกาลถือศีลกินเจ   ขณะที่ราคาผัก  เครื่องปรุงและโปรตีนเกษตรทยอยปรับราคาขึ้น

     

วันที่ 12 ตุลาคม 2566  ที่ตลาดเทศบาลเมืองสตูล  ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  แผงผักหลายร้าน  ยอมรับว่าเทศกาลกินเจที่ใกล้จะถึงในวันที่ 14 – 23 ตุลาคมนี้  ได้ส่งผลให้ราคาผักสด  ที่ใช้ในการปรุงอาหารต่างปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นชนิดละ 10 บาท

 

อาทิ   ผักกวางตุ้งจากราคาเดิม 30 บาทเพิ่มเป็น 40 บาท,  ผักคะน้า 40 บาทเป็น 55 บาท , กะหล่ำปลี 30 บาทเป็น 35 บาท ถั่วฝักยาว 35 บาทเป็น 40 บาท  ราคามะนาวกิโลกรัมละ 80 บาท ลดลงจากเดิม 100 บาท  ในขณะที่พริกสดยังคงราคาเดิมคือกิโลกรัมละ 150 บาท

 

          ด้านนางสายฝน  หมื่นเมือง  เจ้าของแผงผัก บอกว่า  ราคาผักที่แพง  เริ่มขึ้นก่อนถึงเทศกาลถือศีลกินเจ 1 สัปดาห์ เนื่องจากมีความต้องการใช้ผักในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจเป็นจำนวนมาก  ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมทำให้แปลงผักหลายพื้นที่เกิดความเสียหาย

         ส่วนด้านแผง  ขายเครื่องปรุงและโปรตีนเกษตรพบว่า มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย อาทิ เต้าหู้อยู่ที่ก้อนละ 8 บาท  หมี่เหลืองจาก 16 เพิ่มเป็น 18 บาท  หมี่ขาวจาก 18 บาทเพิ่มเป็น 20 บาท  ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวเพิ่มจาก 28 บาทเป็น 30 บาท

         ขณะที่ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง  มีการทำพิธีล้างควันธูป หรือ พิธีเส่เจ่ง  ซึ่งเป็นการทำความสะอาดบริเวณพิธีกินเจ  ก่อนทำพิธีถือศีลกินเจ  โดยในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 17:00 น จะทำพิธีใหญ่คือการยกเสาโกเต๊ง และเวลา 21:30 น.  ตั้งขบวนรับเสด็จองค์พระกิวอ๋อง ที่ท่าเทียบเรือตำมะลังด่านศุลกากรสตูล

……..

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   กลุ่มคนเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกในจังหวัดสตูล เดินหน้าต้องการให้ปลดล๊อกจากบัญชีรายชื่อกฎหมายสัตว์ป่าคุ้มครอง   และวันที่ 18 ต.ค. นี้   เตรียมเดินทางขึ้นสมทบร่วมกับจังหวัดอื่นในการยื่นเรื่องขอแก้กฎหมาย   

กลุ่มคนเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกในจังหวัดสตูล เดินหน้าต้องการให้ปลดล๊อกจากบัญชีรายชื่อกฎหมายสัตว์ป่าคุ้มครอง   และวันที่ 18 ต.ค. นี้   เตรียมเดินทางขึ้นสมทบร่วมกับจังหวัดอื่นในการยื่นเรื่องขอแก้กฎหมาย

           กลุ่มเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุก ยังคงยื่นเรื่องเพื่อให้ปลดล็อกนกกรุงหัวจุก  ออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง  และมองว่าขึ้นทะเบียนนกกรุงหัวจุกเพราะเป็นเรื่องยุ่งยาก และกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกจังหวัดสตูล  เตรียมพร้อมขึ้นไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการยื่นเรื่องข้อเสนอในครั้งนี้

           ด้านนายอัสหาด   หลังจิ  อดีต ประธานชมรมนกกรงหัวจุกสตูล  มองว่า  กฎหมายเดิมนั้นไม่ทันสมัย ต้องการให้เปลี่ยนแปลงมากกว่านี้  โดยในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ กลุ่มเพาะเลี้ยงนกกรุงหัวจุกในจังหวัดสตูล ทั้ง 7 อำเภอ  นับ 100 คน จะเหมารถตู้เพื่อเดินทางขึ้นไปยังกรุงเทพฯ ร่วมสมทบกับคนเพาะเลี้ยงนกกรุงหัวจุกจากจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้  และการที่ได้ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้เพราะมองว่า การเพาะเลี้ยงนกกรุงหัวจุก เป็นรากฐานเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง และเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ ได้ดีอีกด้วย

 

         ด้านนาย สักรินทร์    อังวรโชติ  อายุ 38 ปี  หนึ่งในผู้เพาะเลี้ยงนกกรุงหัวจุก กล่าวเพิ่มเติมว่า นกกรุงหัวจุก เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ดี ที่นิยมเพาะเลี้ยงกัน แต่เมื่อกฎหมายเข้มงวดก็ลำบาก   และมีผลกระทบกับทางกลุ่มเพาะเลี้ยงมาก จึงฝากให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ   ได้ทบทวนข้อเรียกร้องในครั้งนี้  ส่วนกรณีคนไปดักจับนกกรุงหัวจุกในป่า  ก็ควรจับมาลงโทษขั้นเด็ดขาด  แต่ก็ควรมองถึงกลุ่มเพาะเลี้ยง ที่ต้องการทำเรื่องขึ้นทะเบียนนกกรุงหัวจุกให้ง่าย และสะดวกกว่าที่ผ่านมา

        สำหรับในพื้นที่จังหวัดสตูล มีสนามการแข่งขันเสียงนกกรุงหัวจุก  ที่ถูกต้องตามกฎหมายหลายสนาม นกทุกตัวได้ขึ้นทะเบียนตามที่อุทยานฯ กำหนด  ถึงจะยุ่งยากในหลายๆ  ขึ้นตอน  แต่ก็ได้ทำตามข้อกฎหมาย ส่วนการเรียกร้องในครั้งนี้ เรียกร้องเพื่อส่วนรวม   มิใช่เป็นการเห็นแก่ตัวของกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนกกรุงหัวจุกแต่อย่างใด

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

           สำหรับหรับนกกรงหัวจุก หรือ นกปรอดหัวโขน เป็นนกที่มีสีสันสวยงาม มีเสียงอันไพเราะ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ชอบสัตว์เลี้ยงเพื่อฟังเสียง   และได้มีการประกวดเสียงร้อง  เช่นเดียวกับนกเขาชวา  ในปัจจุบันนกกรงหัวจุก  จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก  ลำดับที่ 550  ตามกฎกระทรวงกำหนด  ให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ.2546 ห้ามล่า หรือจับมาจากธรรมชาติ แต่เปิดโอกาสให้เพาะพันธุ์ในกรงเลี้ยงได้ แต่ยังมีผู้เพาะเลี้ยงที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก  เนื่องจากมีขั้นตอนการขออนุญาตหลายขั้นตอน  ต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง และต้องลงทุนสูง

……………………………………………………

Categories
ข่าวเด่น

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

สตูลสนธิกำลังกวาดล้าง  พบปืนสั้น- ยาว 4 กระบอก กระสุน 135 นัดและ ยาบ้า พร้อมยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งสงสัยว่าเคยขับรถแหกด่าน

         ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ระดมกวาดล้างจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนทั่วประเทศ  ระหว่าง 9-11 ต.ค.2566 โดยให้ทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่รับผิดชอบ  โดยให้ทำการสืบสวนหาข่าว  กำหนดจุดเป้าหมาย  ที่จะทำการตรวจค้น  ดำเนินการให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

        ทางการสืบสวนทราบว่า ชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงปืนบ่อยครั้ง บริเวณป่าต้นปาล์ม แถวปากคลองก่อนจะออกสู่ทะเล  จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนแหล่งที่มาของเสียงปืน ทราบว่า น่าจะกรณีชายไทย 2 คน อาศัยอยู่ที่เพลิงพักไม่มีเลขที่ ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล และมีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

        ก่อนบูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน โดย พ.ต.อ.เอกณัฏฐ์ เหลืองแดง ผกก.สภ.ละงู, พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล, พ.ต.อ.อภิวัฒน์ ชินภูมิวสนะ ผกก.3 บก.ทท.3, พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 กองบังคับการปราบปราม  ร่วมส่งกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจุดเป้าหมาย

        โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ขนำไม่มีเลขที่ (บริเวณบ่อเลี้ยงปู )  ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จว.สตูล พบชายไทย 2 ราย ตามที่ได้ทำการสืบสวนมา คือ นายธีรพัฒน์  อายุ 45 ปี และ นายวีระพล  อายุ 33 ปี (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุเห็น นายหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณเพิงพักและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ 

         ขณะที่ นายวีระพล  ได้หยิบปืนลูกซอง วิ่งหลบ หนีไป  ระหว่างวิ่งหนีได้โยนปืนลูกซองทิ้ง แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวไว้ได้  จากนั้นได้นำตรวจค้นบริเวณสถานที่เกิดเหตุ  พบปืนลูกซองยาว (เดียว) จำนวน 1  กระบอก, อาวุธปืนลูกซองออโต้ ขนาด 5 นัด ยี่ห้อ Ramington จำนวน 1 กระบอก, ปืนยาวชนิดอัดลม (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก, ปืนพกสั้น ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนชนิดต่าง ๆ 135 นัด วางเกลื่อนตามจุดต่าง ๆ , ยาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาบ้า) จำนวน 12  เม็ด  และของกลางอีกหลายรายการ เช่น ซองพกปืน, อุปกรณ์ทำความสะอาดปืน, เข็มขัดบรรจุกระสุนปืน, ปลอกกระสุนปืน (ผ่านการยิงแล้ว) จำนวน 66 ปลอก

          ยิ่งกว่านั้นทราบว่า นายวีระพล  เคยถูกจับกุมได้รับโทษจำคุกในเรื่องของอาวุธปืนมาก่อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเคยใช้ขับรถแหกด่านตรวจในพื้นที่ จว.สตูล เพื่อทำการตรวจสอบ   จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจปัสสาวะที่ โรงพยาบาลละงู พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ   เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำบันทึกจับกุมนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลที่เกี่ยวข้อง

          แจ้งว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธ และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) .,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ) และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย (ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2) ”

————————————————

     

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ปธพ.10 สำเร็จการศึกษา ชู10 หัวข้อผลงานวิชาการทางการแพทย์ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาวงการแพทย์สาธารณสุขไทย สอดคล้องนโยบายรัฐบาล พร้อมนำไปปฏิบัติจริง

ปธพ.10 สำเร็จการศึกษา ชู10 หัวข้อผลงานวิชาการทางการแพทย์ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาวงการแพทย์สาธารณสุขไทย สอดคล้องนโยบายรัฐบาล พร้อมนำไปปฏิบัติจริง

        เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566  ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ฯ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ มีการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี 2566 แพทยสภา – ปธพ.ครั้งที่ 10 โดยแพทยสภาร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าได้จัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) ขึ้น  ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อร่วมพัฒนาวงการแพทย์ และระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์   เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเกียรติคุณ แก่นักศึกษาปธพ.รุ่นที่ 10 ที่สำเร็จการศึกษา จำนวน 143 คน โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ สภานายกพิเศษแพทยสภา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  อาจารย์วิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา  พลอากาศโท นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์  และผู้อำนวยการหลักสูตรปธพ.  พร้อมด้วยนักศึกษาปธพ.รุ่น 10 เข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษา และเยี่ยมชมบอร์ดนำเสนอผลงานวิจัยของนักศึกษาและมีกิจกรรมการนำเสนองานวิจัยของนักศึกษาปธพ.รุ่นที่ 10 จำนวน 10 หัวข้อวิชาการอีกด้วย

        นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวบรรยาพิเศษในหัวข้อ “อนาคตระบบสาธารณสุขไทย” ว่า ผลงานวิชาการของนักศึกษาปธพ.10 นั้นตอบโจทย์วงการสาธารณสุขไทยทั้งหมด สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล พร้อมนำไปปฏิบัติได้จริง    โดยความท้าทายของระบบสาธารณสุขไทย มี 9 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพไทยในอนาคต ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ การเมือง ประชากร ลักษณะเฉพาะของคนไทย โรคอุบัติใหม่ เทคโนโลยี การขนส่ง อาหารเกษตรกรรม และ สิ่งแวดล้อม  ประเด็นสำคัญของระบบสาธารณสุขไทยที่ต้องรับมือคือ โรควัณโรค และอุบัติเหตุจราจร ที่เป็นเรื่องท้าทาย ส่วนในเชิงสังคมต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในสังคมทุกภาคส่วน  โดยกระทรวงสาธรารณสุขกำหนดให้เขตสุขภาพ ทั้ง 12 เขต พัฒนา “เมืองสุขภาพดี” เขตละ 1 แห่ง  เพื่อประชาชนมีอายุยืน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

         ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ กล่าวถึงผลงานวิจัย ทั้ง 10 เรื่องของนักศึกษาว่า ทำให้เห็นศักยภาพของความร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งร่วมกันพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทย  ยกระดับสุขภาวะที่ดีของประชาชน บนพื้นฐานว่าการทำงานใดๆ จะสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาแบบมีธรรมาภิบาล  

         ด้านพลอากาศโท นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ กล่าวว่าหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูงรุ่นที่ 10 (ปธพ. 10) เป็นความร่วมมือระหว่างแพทยสภา และสถาบันพระปกเกล้า โดยมีผู้บริหารระดับสูงจาก 6 เสาหลัก มาเรียนร่วมกันคือ แพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข  ครูแพทย์จากมหาวิทยาลัย แพทย์ทหาร ตำรวจ และภาครัฐ  แพทย์จากภาคเอกชน ผู้บริหารภาครัฐ และ ผู้บริหารภาคเอกชน เพื่อแก้ปัญหาวงการแพทย์ ตามแนวทางพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ให้แพทย์ไทย “อ่อนน้อม ถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร” โดยใช้ “ธรรมาภิบาล”เป็นกลไกหลักในการแก้ปัญหาสาธารณสุขของประเทศ 

        ทั้งนี้ผลงานวิจัยของนักศึกษาปธพ.รุ่นที่ 10  ประกอบด้วย หัวข้อที่ 1 ประสิทธิภาพ และผลกระทบของมาตรการสาธารณสุขในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข จากการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย  หัวข้อที่ 2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤตทางการแพทย์ โดยใช้โมเดลการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ศึกษากรณีวัคซีน COVID-19   หัวข้อที่ 3 การศึกษาต้นแบบโมเดลสุขภาพในการบูรณาการการบริหารจัดการกองทุนสุขภาพของประชาชนไทย: กรณีศึกษาจากโรคมะเร็งปอดชนิดยีนกลายพันธุ์ EGFR หัวข้อที่ 4 ความรุนแรงภายในสถานพยาบาลต่อบุคลากรทางการแพทย์ และข้อเสนอทางมาตรการกฎหมายเพื่อลดความรุนแรง (Violence against medical personal in Thailand: evidence and mitigation strategies) หัวข้อที่ 5  โครงการศึกษาสมรรถนะร่วมเชิงบูรณาการ (Integrative core competencies) ของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อระบบ บริการสุขภาพไทยใน 10 ปีข้างหน้า หัวข้อที่ 6   Dementia Awareness in Thai Population การตระหนักรู้เรื่องภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุของประชากรไทย หัวข้อที่ 7 ปัจจัยสนับสนุนและอุปสรรคในการให้บริการโทรเวชในมุมมองของผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล และถอดบทเรียนของการก้าวข้ามอุปสรรคของโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์การให้บริการโทรเวช หัวข้อที่ 8 บทบาทของโรงพยาบาลเอกชน  ในการฝึกอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตามหลักธรรมาภิบาล  หัวข้อที่ 9  การศึกษาวิเคราะห์การรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชากัญชงตามหลักธรรมาภิบาล และ หัวข้อที่ 10  ผลกระทบของการโฆษณาโดยแพทย์ในสื่อสังคมออนไลน์ในการดูแลรักษาเรื่องของความงาม โดยผลงานวิจัยทั้งหมดได้ถูกนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และได้มีการมอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขใช้เป็นแนวทางการพัฒนาวงการแพทย์และสาธารณสุขไทยต่อไป

 

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
สัมภาษณ์พิเศษ-คอลัมน์นิสต์

ภาคธุรกิจสตูลฝาก ผู้ว่าฯยอด ผู้ว่าสตูลคนใหม่   ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสตูลทุกมิติ  และสะพานสตูลเปอลิสต่อเนื่อง

ภาคธุรกิจสตูลฝาก ผู้ว่าฯยอด ผู้ว่าสตูลคนใหม่   ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสตูลทุกมิติ  และสะพานสตูลเปอลิสต่อเนื่อง

          ภาคธุรกิจฝากความหวังถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลคนใหม่  เดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสตูล  หลังจังหวัดสตูล ขาดผู้ว่าราชการจังหวัด นานร่วม 1 ปี  โอกาสนี้ชาวจังหวัดสตูลร่วมต้อนรับนายศักระ  กปิลกาญจน์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย  มาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล

         สำหรับ นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  เป็นคนจังหวัดสงขลา  เรียนชั้น ประถมศึกษา ที่โรงเรียนอนุบาลสตูล   มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนแสงทองวิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ระดับ  มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเซนต์ดอมินิก กรุงเทพฯ   จบปริญญาตรี : รัฐศาสตรบัณฑิต (การปกครอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2532  และได้เรียนจบ ระดับปริญญาโท : รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี  2536

         รับราชการ  ตำแหน่งแรก ปลัดอำเภอละงู และ อำเภอเมืองสตูล  จังหวัดสตูล  ในปี 2535 -2539  จากนั้นในช่วงในปี  2539 – 2544  ปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานเลขานุการกรมการปกครอง  ปี 2544 – 2550   ปลัดอาวุโสในพื้นที่จังหวัดสงขลา   ในปี 2550   เป็นนายอำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา  ในปี 2551  ถัดมาเป็น นายอำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา  และได้กลับมาจังหวัดสตูลอีกครั้งเมื่อปี 2556  ในตำแหน่ง  นายอำเภอละงู จังหวัดสตูล  และรับตำแหน่งนายอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา  ในช่วงปลายปีเดียวกัน   ในปี 2558  เป็นนายอำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา  ก่อนเป็นปลัดจังหวัดสงขลา  ในปีเดียวกัน  จากนั้น 2 ปี ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560  รับตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  และในปี 2562   รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล    ปี 2565  รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และ รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง  ในช่วงปลายปี 2565  ก่อนมีโอกาสกลับมาจังหวัดสตูลอีกครั้ง ในฐานะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 

       และในวันที่ 4 ตุลาคม 2566  ที่ผ่านมา ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ  80 พรรษา  ศาลากลางจังหวัดสตูล    นายชาตรี  ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล   หัวหน้าสำนักงานจังหวัด  หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสตูล นายอำเภอ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล  หน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน และภาคประชาชน   ร่วมให้การต้อนรับกันเป็นจำนวนมาก   โอกาสนี้  นายเอกรัฐ  หลีเส็น  อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมภริยา ก็นำช่อดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลคนใหม่  ในวันนี้ด้วย   

          ด้าน นายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  หรือผู้ว่ายอด   ได้กล่าวขอบคุณ ทุกภาคส่วน    ซึ่งตนตั้งใจมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสตูล  อย่างเต็มความสามารถ  ยินดีรับฟังความคิดเห็นในทุกเรื่อง  ที่จะช่วยแก้ปัญหาของประชาชน  และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ปัญหา และร่วมกันพัฒนาจังหวัดสตูลไปด้วยกัน

       ขณะที่ ภาคธุรกิจ  ต่างคาดหวังอยากให้จังหวัดเดินหน้าขับเครื่องเศรษฐกิจของสตูล  โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว  และผลักดันเส้นทางเชื่อมสตูล-เปอร์ลิส  โดยเชื่อว่าจุดนี้สามารถพัฒนาสตูลได้แบบพลิกโฉมสตูลเลยทีเดียว 

           ทางด้าน  นายชวรณ สุธาพานิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล  กล่าวว่า อยากฝาก 2 ประเด็น  ประเด็นแรก เรื่องของผังเมืองซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาจังหวัด มีปัญหากับทางสภาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม คือ ผังเมืองในบางพื้นที่ห้ามก่อสร้างโรงงาน  ว่าด้วยกฎหมายโรงงานทุกชนิด  ประเด็นที่ 2 อยากให้ผู้ว่าฯขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดสตูล  ผ่านการท่องเที่ยว  เนื่องจากว่า เครื่องจักรสำคัญของการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล  นักท่องเที่ยวสามารถพาคนต่างจังหวัดเข้ามาพัก  มากิน  มาใช้ ในสตูล  ได้ก็น่าจะเป็นการดี

 

         ในส่วนของหอการค้าจังหวัดสตูล โดย  นายกฤษฎา อึ้งสกุล ประธานหอการค้า  กล่าว ในโอกาสมาร่วมต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ว่า  ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจปัจจุบัน จังหวัดสตูล  มีเม็ดเงินที่เข้ามาเร็วที่สุดคือในภาคการท่องเที่ยว   การท่องเที่ยวจะส่งผลถึงเศรษฐกิจของเกษตร  เกษตรกรสามารถพัฒนายกระดับสินค้าทางการเกษตรได้ด้วย   ส่วนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานหลักๆที่อยากให้ผู้ว่าฯช่วยผลักดันก็คือ  สะพานสตูลเชื่อมกับเปอร์ลิส หรือสะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย จุดนี้คาดว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าของจังหวัดสตูลได้อย่างพลิกโฉม และจะเชื่อมต่อไปถึง ปีนัง ถึง ภูเก็ต  จะช่วยเรื่องการท่องเที่ยว ให้เกิดเส้นทางอันดามัน ส่วนประเด็นการศึกษาก็อยากฝากท่านผู้ว่าช่วยยกระดับการศึกษาของสตูลให้ทันจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นหาดใหญ่  ภูเก็ต  เพื่อให้เด็กของเราเป็นคนคุณภาพเพื่อมาพัฒนาจังหวัดมากขึ้น  ส่วนประเด็นฮาลาล  ปัจจุบันสตูลเรื่องอุตสาหกรรมยังมีน้อยมาที่จะดึงนักลงทุนมา  อยากจะดึงนักลงทุนมาจากมาเลเซียมาลงทุน  เพราะเรามีประชากรมุสลิมกว่า 80 % ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา  เราจะนำฮาลาลมาเป็นจุดแข็งในการพัฒนาจังหวัดเราได้ในแผนระยะกลาง

………………………………

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

รักของแม่วัยชรา  เลี้ยงบุตรพิการ 2 คนแต่กำเนิด

รักของแม่วัยชรา  เลี้ยงบุตรพิการ 2 คนแต่กำเนิด

        บ้านหลังเล็กในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลกำแพง  อำเภอละงู จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นบ้านของนางนวลใย อายุ 79 ปี ที่อาศัยอยู่บ้าน   พร้อมบุตร ชาย  2 คน  ที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด (จากลูกทั้งหมด 7 คน สามีเสียชีวิตนานแล้ว)  โดยบุตรชายทั้งสองมีขาลีบทั้งสองข้าง  ในการเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนจะใช้มือแทนเท้า  ดวงตา  มองเห็นเลือนลาง มีพัฒนาการล่าช้า 

       โดยบุตรทั้งคู่ อายุ 57 ปี และ อายุ 48 ปี  ส่วนบุตรคนอื่น ๆได้แยกย้ายไปมีครอบครัว  มีเพียง บุตร 2 คนนี้   ที่แม่ยังคงดูแลอยู่ไม่ห่าง  แม้ร่างกายของแม่จะแก่ชรามากแล้ว  แต่ด้วยความรักความผูกพัน  และเป็นห่วง   ลูกโตหรืออยู่ในสภาพไหน   ก็ยังรักเป็นห่วงเขาไม่ห่างหาย  ข้าวปลาอาหาร  เสื้อผ้า  ยังคงต้องคอยดูแลเพราะไม่สามารถจะเปลี่ยนเองได้  แม้จะพยายามให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง  แต่ด้วยสภาพร่างกาย  ทำให้เขามีพัฒนาการไม่มากนัก 

         นางนวลใย แม่วัยชรา  เล่าว่า  สามีเสียชีวิตนานแล้ว  แม่มีลูกด้วยกันทั้งหมด 7 คน  เป็นโรคโปลิโอ มาตั้งแต่กำเนิด 3 คน เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน ส่วนคนอื่นๆ แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว   รู้สึกเป็นห่วงเขาทั้งสอง  เพราะยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากพอ  โดยคนวัย 48 ดวงตาเห็นเลือนลาง  และการสวมใส่  เปลี่ยนเสื้อผ้าเองยังไม่ได้  การกินต้องช่วยดูแล  ส่วนคนพี่   ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง  และบางครั้งแม่ไม่อยู่บ้าน   ต้องเตรียมข้าวปลาไว้ให้เขา   แล้วเขาก็ยังเป็นห่วงแม่ไม่ยอมกิน   โดยบอกว่าจะเก็บไว้ให้แม่กิน  

           ด้านผู้นำท้องที่  ท้องถิ่น  ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยไม่ขาดสาย  ทั้งเยียวยาตามบทบาทและตามหลักมนุษย์ธรรม ให้กำลังใจผู้เป็นแม่และลูก ๆ แม้จะแอบห่วงใยเพราะด้วยแม่ที่แก่ชรา  

         ด้าน  นางสำลี  ลัคนาวงศ์  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง  เปิดเผยว่า ได้รับดูแลครอบครัวนี้พร้อมกับนายธีรพงษ์  คุ่มเคี่ยม  นายอำเภอละงู  ที่ห่วงใย ดูแลผ่านความช่วยเหลือตามระเบียบ  ด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เข้ามาดูแล  อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งทางคุณแม่มีเพียงเงินคนชรา และคนพิการไว้ใช้จ่าย และข้าวของที่ทางผู้นำท้องที่ ท้องถิ่นเข้าช่วยเหลือบางส่วนเท่านั้น  ซึ่งหากสังคมอยากจะช่วยกันดูแล  สามารถประสานมาที่  อบต.กำแพง หรือ ที่ว่าการอำเภอละงู หรือ ผู้ใหญ่บ้านได้

………………………………..

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

Categories
ข่าวเด่น

ป.ป.ช.สตูล ลงตรวจสอบถนนพัง หาคำตอบให้ชาวบ้าน  ด้านผู้รับเหมาเร่งซ่อม  คาดเสร็จภายในเดือนนี้

ป.ป.ช.สตูล ลงตรวจสอบถนนพัง หาคำตอบให้ชาวบ้าน  ด้านผู้รับเหมาเร่งซ่อม  คาดเสร็จภายในเดือนนี้

       วันที่ 5 ต.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ห้องประชุม ชั้น 4 อบจ.สตูล  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดสตูล หรือ (ป.ป.ช.) โดยนายธนกฤต  เลิศวิริยวรางกูร   ผอ.ปปช.สตูล  นำคณะเข้าพบนายสัมฤทธิ์   เลียงประสิทธิ์  นายกฯ อบจ.สตูล และส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังการชี้แจง  กรณี สื่อโซเชียล ได้นำเสนอข่าว ถนนในพื้นที่โครงการ  ปรับปรุงถนนผิวจราจรลาดยาง พาราแอสฟัลท์ คอนกรีต  รหัสทางหลวงท้องถิ่น สาย สต.ถ.1-002  บ้านควนเก-บ้านอุไดเจริญ  ของ อบจ.สตูล  มีสภาพพัง  เป็นหลุมเป็นบ่อ ก่อนนำคณะลงตรวจสอบพื้นที่จริง พบสภาพถนนชำรุด  รวม 6 จุด  พื้นที่ต้องซ่อมแซมประมาณ  1060 ตร.เมตร  จากพื้นที่ก่อสร้างระยะทาง 5 กม.เศษ     

       ด้าน  นายสัมฤทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายก อบจ.สตูล  ชี้แจงว่า   ถนน ควนเก – อุใดเจริญ ที่เพจหมาเฝ้าบ้าน ได้ลงไว้  จริงๆแล้วผู้รับเหมาทำเสร็จไปเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว  ระยะเวลาประกันสัญญาคือ 2 ปี  เมื่อถนนชำรุด อบจ. เองก็แจ้งให้ผู้รับเหมารับทราบ  และให้มาซ่อมแซม   ซึ่งขณะนี้เขาก็กำลังซ่อมแซมให้อยู่  คาดว่าภายในเดือนนี้น่าจะแล้วเสร็จเพราะมันไม่ได้เสียทั้งสาย  เสียหายเป็นช่วงๆ  โดยซ่อมเฉพาะส่วนที่เสียก็ต้องเรียนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ถนนผ่านหน้าอบจ.ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย  ก็แจ้งให้ผู้รับเหมามาดำเนินการซ่อมแซมอยู่ตลอด  แต่เนื่องจากว่าเป็นช่วงฝนและปัจจัยหลายอย่างยังไม่ค่อยสะดวกต้องให้ฝนแล้ง     

      ส่วนเรื่องคูระบายน้ำตอนนี้ก็พยายามจะดำเนินการให้   เพื่อไม่ให้น้ำจากควนบ่าลงมาบนถนน   เพราะถ้าน้ำไหลบ่าลงมาถนนก็จะไม่ทนทานหากมีคูรับน้ำ ไม่ให้น้ำล้นพาดผ่านถนนก็น่าจะดีขึ้น   ก็ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย

 

         ด้าน  นายธนกฤต  เลิศวิริยวรางกูร   ผอ.ป.ป.ช.สตูล กล่าวหลังลงพื้นที่ตรวจสอบว่า   เรื่องนี้เรารับรายงานจาก  เพจหมาเฝ้าบ้าน  เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม  2566  วันนี้ทางสำนักงาน ปปช.ก็ได้ลงมา พบหน่วยงานเจ้าของโครงการ   จากการลงพื้นที่มีประเด็นปัญหาว่า  โครงการก่อสร้างมาประมาณสองปี  ได้เกิดความชำรุดเสียหายเป็นที่สงสัยของพี่น้องประชาชน    จากการลงมาในพื้นที่ทางผู้รับจ้างได้มาซ่อมแซม  เพราะว่าโครงการนี้อยู่ในช่วงก่อนคืนประกันหลังสัญญานี้   

 

      ทั้งนี้เท่าที่สอบถามเค้าใช้แบบของทางหลวงชนบท  ในสภาพพื้นที่ตามที่สื่อได้นำเสนอพบมีความชำรุดเสียหายซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนของการซ่อมแซม  ที่ดูแล้วเป็นเหตุนึงด้วยสภาพในเรื่องของการระบายน้ำก็อาจจะมีส่วน    ในส่วนของ ปปช.ก็ต้องไปประมวลข้อเท็จจริงอีกครั้ง ว่าความเสียหายดังกล่าวนี้เกิดจากสาเหตุใด

 

         โอกาสนี้   ทาง ป.ป.ช.สตูล  ได้แนะนำในส่วนของหน่วยงานเรื่องการทำความเข้าใจกับภาคประชาชนว่าลักษณะที่เกิด  หน่วยงานได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง   กำหนดการแล้วเสร็จเมื่อไหร่   ให้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นป้ายจำกัด  ในเรื่องของน้ำหนัก   ความเร็ว   แม้กระทั่งป้ายที่จะเป็นประโยชน์  เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างมีความปลอดภัย

………………………..

     

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

ลูกครึ่งมลายูไทยจีน ร่วมกันสืบสานวิถีการกิน แต่งกาย และภาษา  ผ่านงาน เปอรานากัน หรรษา

กลุ่มสตรี  ลูกครึ่งมลายูไทยจีนในพื้นที่จังหวัดสตูล  พร้อมใจกันใส่ชุดเคบายา  หลากหลายสีสัน  ซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองในอดีต  ที่นิยมใส่ผ้าลูกไม้และผ้าถุงปาเต๊ะ   เป็นชุดที่มีการผสมผสานระหว่างชุดมลายูกับวัฒนธรรมไทยจีน   ที่สตรีในอดีตนิยมใส่   พร้อมใจกันเดินออกจากศาลเจ้าโป๊เจ๊เก้ง ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล   โดยทางชมรมเปอรานากันสตูล  จัดขึ้นโดยเดินขบวนไปตามท้องถนน ผ่านย่านเมืองเก่าพหุวัฒนธรรม   เพื่อรณรงค์อนุรักษ์  การใส่ผ้าพื้นเมือง  อีกทั้งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมด้านความเป็นอยู่ในอดีตที่ดีงาม

 

สำหรับชมรมเปอรานากันสตูล  จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อการอนุรักษ์ สืบสาน และส่งเสริมวัฒนธรรมเปอรานากันสตูล  ด้วยความร่วมมือของสมาชิกและเครือข่าย ในการรวบรวม  และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเปอรานากันสตูล  ผ่านวิถีอาหารการกิน  การแต่งกายในอดีต  และภาษาพูด   ตลอดจนจัดกิจกรรมและพัฒนาพื้นที่   แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างสมาชิก   และผู้สนใจในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างคุณค่าแห่งการอยู่ร่วมกัน

 

นางสาว ศมานนท์  พฤกษ์พิเนต ปธ. ชมรมเปอรานากันสตูล  กล่าวว่า   ทางชมรมฯ ได้จัดงานราตรีเปอรานากันหรรษา ในห้วงเทศกาลไหว้พระจันทร์  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเป็นพื้นที่ในการสานรัก  สร้างความสามัคคีกลมเกลียวของชาวสตูล  โดยมีวิถีวัฒนธรรมเปอรานากันที่งดงามเป็นสื่อกลาง   เป็นงานเล็ก ๆ ที่ทุกท่านมีบทบาทเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน

          สำหรับเปอรานากัน  หรือ บาบ๋า-ย่าหยา คือกลุ่มลูกครึ่ง มลายู-จีน ที่มีวัฒนธรรมผสมผสาน และสร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้นมา  โดยนำเอาส่วนดี  ระหว่างจีนกับมลายูมารวมกัน โดยชื่อ “เปอรานากัน” มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่มีชาวเปอรานาอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต  ตรัง  และสตูล

……..

Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   สตูลสืบสานการลงแขก ปลูกข้าวพื้นเมืองอัลฮัมดุลิลละห์ สร้างความมั่นคงทางอาหาร   

สตูลสืบสานการลงแขก ปลูกข้าวพื้นเมืองอัลฮัมดุลิลละห์ สร้างความมั่นคงทางอาหาร

        ทันทีที่ฝนทิ้งช่วง  ชาวนาในจังหวัดสตูลต่างพร้อมใจกัน  ลงปักดำพันธุ์กล้าข้าวในท้องนาที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ  เพื่อให้ทันต่อการปลูกข้าวในรอบปีนี้

        ซึ่งชาวบ้านในตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  โดยเฉพาะในแปลงนาข้าวของ  ศูนย์เรียนรู้บ้านสวนปันสุข  ที่ยังคงอนุรักษ์การปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง  อัลฮัมดุลิลละห์  บนพื้นที่นาของบรรพบุรุษ  ที่ส่งต่อกันมา    พร้อมเชิญชวนเพื่อนบ้าน  ผู้นำในหมู่บ้าน  และเด็ก ๆ  มาร่วมกันลงแขกดำนา    เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ หรือการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน   พร้อมทั้งยังเป็นการสร้างความสามัคคีกันภายในหมู่บ้าน  อีกทั้งเด็ก ๆ  จะได้ร่วมซึมซับบรรยากาศของการทำนา และการได้มาซึ่งข้าว  อาหารหลักของเราอีกด้วย   โดยทางเจ้าของที่นา  จะจัดเตรียมข้าวปลา-อาหาร  คาวหวาน เอาไว้เลี้ยงเพื่อนบ้าน ที่เข้ามาช่วยลงแขกดำนาในครั้งนี้ด้วย

      นางมารียำ  อุสนุน   เจ้าของศูนย์เรียนรู้บ้านสวนปันสุข  วันนี้เปิดพื้นที่ให้เพื่อนบ้านและเด็ก ๆ ได้มาร่วมกันดำนาปี  ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง  อัลฮัมดุลิลละห์   โดยเริ่มหว่านกล้าในช่วงเดือนสิงหาคม  จะเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี  วันนี้ก็เป็นการลงแขกโดยมีชาวบ้านมาช่วยกัน  ทันทีที่ฝนหยุดก็เริ่มลงมือดำนาเลยทันที ที่ไม่ตรงกับการกรีดยางพารา ข้าวส่วนใหญ่ที่ปลูกจะเอาไว้ทานกันเอง  โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นเมืองมีรสชาติเฉพาะกลมกล่อม   ไม่มีสารเคมีเจือปน  อีกทั้งเป็นการปลูกไว้ทานเพื่อเป็นการรักษาสุขภาพ

อัพเดทล่าสุด

  รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

รมว.ศึกษา เปิดงาน TJ-SIF 2024 ผลักดันเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นพัฒนานวัตกรรมไอซีทีสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

         นายสอลีหีน   สาเบาะ   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควนสตอ   กล่าวว่า  ชาวบ้านในอำเภอควนโดนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จะมีการปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองพันธุ์อัลฮัมดุลิลละ  เป็นหลัก   เนื่องจากมีรสชาติหอมอร่อย  

        และในปัจจุบันยังพบว่าการปลูกข้าวลดน้อยลง   เนื่องจากราคาในท้องตลาดถูก  แต่ชาวบ้านในอำเภอควนโดนของเรา   ยังอนุรักษ์ในเรื่องของการปลูกข้าวไว้อยู่   เพื่อความมั่นคงของอาหาร   ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาในสภาวะโรคระบาดในพื้นที่ตำบลควนสตอ  อำเภอควนโดน  ก็ยังมีข้าวไว้กิน   นาข้าวที่ศูนย์เรียนรู้บ้านสวนปันสุข  ของนางมารียำ  ก็มีการอนุรักษ์การทำนาข้าวพันธุ์พื้นเมืองให้เห็น  และเป็นแบบอย่าง  ให้รุ่นต่อไปได้ร่วมการสืบสานและเรียนรู้

……………