Categories
ข่าวเด่น

สตูล-ไฟลุกท่วมรถสิบล้อวอด  พบสินค้าเบ็ดเตล็ดและสารเหลวเต็มคัน เสียหายกว่า 3 ล้านบาท

สตูลไฟลุกท่วมรถสิบล้อวอด  พบสินค้าเบ็ดเตล็ดและสารเหลวเต็มคัน เสียหายกว่า 3 ล้านบาท

          (วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567)   ริมถนนเขาจีน  เลขที่41  หมู่ที่ 4  เขตเทศบาลตำบลคลองขุด  อำเภอเมืองสตูล    นายสุนทร   พรหมเมศร์  นายกเทศมนตรีตำบลคลองขุด  เข้ามาบัญชาการควบคุมเพลิงด้วยตัวเอง  พร้อมทีมบริหาร  ผู้ใหญ่บ้าน  , พร้อมสั่งระดมรถดับเพลิง  5 คัน  จากเทศบาลตำบลคลองขุด   เทศบาลเมืองสตูล, และอบต.เกตรี  เพื่อช่วยกันระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมไฟที่กำลังลุกไหม้บนรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน  71-4836 สงขลา ซึ่งมีนายมนตรี  กุคามา   อายุ 45  ปี   เป็นเจ้าของและผู้ขับรถคันดังกล่าว  โดยถูกว่าจ้างขนสินค้ามาจากบริษัทสหไทยภาคใต้ขนส่ง

         จากการสอบถามนายมนตรี  เบื้องต้นพบว่า  รถสิบล้อคันเกิดเหตุ  ได้บรรทุกสินค้าจำพวกพลาสติก  เสื้อผ้า  อุปกรณ์การเรียน  รวมทั้งสินค้าเบ็ดเตล็ดมาเต็มคัน ซึ่งสินค้าที่อยู่บนรถมีหลากหลายชนิด    และเพิ่งขับรถขนสินค้าลงมาจากกรุงเทพมหานคร  มาจอดยังจุดพักรถที่เกิดเหตุ  ไม่เกิน 3 ชั่วโมง  เพื่อรอขนถ่ายสินค้าให้กับลูกค้าตามจุดต่างๆ  ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้          

       ขณะที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า   ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงคล้ายประทัด  จากนั้นกลุ่มควันและเปลวไฟได้พวยพุ่ง  ชาวบ้านจึงช่วยกันประสานรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลคลองขุดและเจ้าของรถ

       โดยขณะมีการดับเพลิงอยู่นั้นก็มีกลิ่นของสารเหลวจำพวกทินเนอร์บรรจุในถัง 200 ลิตร ,  สารไฮโดรเจนที่ใช้สำหรับนากุ้ง, ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี  สำหรับเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด   ส่วนความเสียหายกว่า 3  ล้านบาท   ซึ่งจะมีการสอบสวนถึงสาเหตุของต้นเพลิงไฟไหม้แท้จริงอีกครั้ง

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

  นักแสดงว่าวทั่วโลก 37 ประเทศร่วมงาน  มหกรรมว่าวประเพณี ว่าวนานาชาติและว่าวไทย 4 ภาค ครั้งที่ 43 กระตุ้นเศรษฐกิจเงินสะพัดนับ 120 ล้าน  นับเป็นซอฟเพาเวอร์ของสตูล 

สตูลนักแสดงว่าวทั่วโลก 37 ประเทศร่วมงาน  มหกรรมว่าวประเพณี ว่าวนานาชาติและว่าวไทย 4 ภาค ครั้งที่ 43 กระตุ้นเศรษฐกิจเงินสะพัดนับ 120 ล้าน  นับเป็นซอฟเพาเวอร์ของสตูล

           ที่สนามบินกองทัพอากาศจังหวัดสตูล   เขตเทศบาลตำบลคลองขุด   อ.เมือง  จ.สตูล  ว่าวแฟนซีจากทั่วโลก 37 ประเทศ ได้ถูกนำมาแสดงโชว์เต็มท้องฟ้าสตูล  สร้างความตื่นตาตื่นใจ  และมีสีสันสวยงาม แปลกตา  อาทิ  ว่าวตุ๊กแก  ว่าวจระเข้  ว่าวปลา  ว่าวตุ๊กตา   ว่าวตัวหนอน  พร้อมทั้งการแสดงการโชว์เล่นว่าว   สี่สาย  ว่าวสองสาย  โดยนักเล่นทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยที่ร่วมภายในงาน “มหกรรมว่าวประเพณี ว่าวนานาชาติและว่าวไทย 4 ภาค”  ระหว่างวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2567   ที่มีการจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 43 แล้ว        

        โดยพิธีเปิดในครั้งนี้   นายอนุทิน   ชาญวีรกูล   รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานเปิดงานโดยมีนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารท้องถิ่น นักแข่งขันว่าว นักแสดงว่าว และประชาชนนับพันคนให้การต้อนรับ

         การจัดงานในครั้งนี้ต่อเนื่องมา 43 ปี เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยเฉพาะการสืบสานการทำว่าวควายซึ่งเป็นว่าวประจำจังหวัดสตูล เพื่อเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการพัฒนาจังหวัดสตูลให้เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียง ดั่งเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด “สตูลเมืองแห่งความผาสุกที่ยั่งยืน”

          และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลการประกวดแข่งขันว่าวเป็นประจำทุกปีด้วย

        ด้านรองนายกรัฐมนตรี   กล่าวว่า  ได้ชื่นชมในความตั้งใจ  ที่ได้ให้ความสำคัญและร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์สืบทอดศิลปะประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น และแสดงความยินดีกับประชาชนชาวจังหวัดสตูลและนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาร่วมงานในครั้งนี้เป็นซอฟเพาเวอร์จังหวัดสตูลอย่างแท้จริง

          นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวว่า   งานว่าวจัดเป็นซอฟเพาเวอร์ของจังหวัดสตูล  ทุก ๆ  ปีมีการจัดงานมีรายได้สะพัดไม่น้อยกว่า 90 ล้านบาท  จากตัวเลขคนเดินทางเข้าไม่น้อยกว่า 40,000 คน  และปีนี้ตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาท โดยเราจะมี AI ในการจับสถิต และปีหน้าตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มวันจัดงานจาก 3 วันเพิ่มเป็น 4 วัน  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสตูลหลังได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวไทยต่างชาติและนักเล่นว่าวเป็นอย่างดี 

………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

ปลูกสำนึกต้นกล้าเยาวชน 50 คนร่วมปล่อยกุ้ง ปลูกป่า เรียนรู้ความอุดมสมบูรณ์ป่าชายเลน เพื่อร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยั่งยืน

ปลูกสำนึกต้นกล้าเยาวชน 50 คนร่วมปล่อยกุ้ง ปลูกป่า เรียนรู้ความอุดมสมบูรณ์ป่าชายเลน เพื่อร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยั่งยืน

         ที่เพ็ญทิพย์รีสอร์ท ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูลโดย   นาวาเอกแสนย์ไท    บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  ประธานเปิดงาน   พร้อมด้วย  เรือตรีบำรุง  ไตรญาณ  เจ้าหน้าที่ส่งกำลังบำรุง ศรชล.จังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3  รายงานถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และ  สื่อมวลชน 

       ถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อ  “สร้างการรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล” เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืน ในกลุ่มเยาวชนเป้าหมาย 50 คน  จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  ที่มีการจัดขึ้นทุกปีโดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล   หรือ ศรชล.สตูล

          ที่เล็งเห็นว่าเยาวชนคือกำลังสำคัญในการมาร่วมดูแลการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ยั่งยืน  ด้วยการสร้างองค์ความรู้ การปลูกจิตสำนึก  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแล  ขับเคลื่อนรักษาทรัพยากรทางทะเลของชาติ 

           จากนั้นได้นำเยาวชนทั้ง 50 คน  ร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำ  50,000 ตัว  ที่ริมชายฝั่งป่าชายเลน   ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24    ตำมะลัง-สตูล  ก่อนที่ปล่อยให้เยาวชนที่เดินชมป่าในเมือง  ที่มีป่าไม้โกงกางที่ขึ้นสวยงามและชื่นชม พันธุ์ไม้ป่าโกงกาง และปู ปลา  ที่อาศัยอยู่ร่วมกับไม้ป่าเป็นห่วงโซ่อาหารที่สำคัญของธรรมชาติ  ก่อนที่ทุกคนจะได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน  200 ต้น  ในพื้นที่ป่าในเมือง  เพื่อสร้างความภาคภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลปกป้องผืนป่าที่เป็นทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญของชาติ

 

          นางสาวนภัสสร   แกสมาน  มัธยมศึกษาปีที่  5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  บอกว่า  ป่าชายเลนมีประโยชน์มาก เป็นแหล่งอนุบาลสสัตว์น้ำ  เป็นป่าไม้ที่ให้ความร่มเย็น การช่วยกันปลูกป่าเพิ่มจะทำให้มีออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น  อยากชวนมาร่วมปลูกป่าอนุรักษ์ทรัพยากรของเราให้ยั่งยืนค่ะ

          นางสาวเสาวลักษณ์  สุขพา    มัธยมศึกษาปีที่  5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42  บอกว่า  วันนี้ได้เรียนรู้ การปลูกป่า  การอนุรักษ์สัตว์น้ำ  การปลูกป่าที่ทดแทนในส่วนที่เสียไป เป็นกิจกรรมที่มีความสุขและสนุกมากค่ะ

          นายเอกชัย  เถรว่อง  ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24  ตำมะลัง-สตูล  กล่าวว่า  มีชุมชนร่วมอนุรักษ์ป่าชายเลน ต.คลองขุด ต.ปูยู  ทม.เมืองสตูล รวบรวมได้   13 ชุมชน แต่ละปีป่าชายเลนสตูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การบุกรุกน้อยมาก  เพราะการมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่าย  เพราะเยาวชนเป็นกำลังสำคัญในการอนุรักษ์ป่าชายเลน 

          ด้าน นาวาเอกแสนย์ไท    บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล  กล่าวว่า   การสร้างผลประโยนชน์ของชาติเริ่มตั้งแต่  การปลูกป่าชายเลน เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นทรัพยากรของชาติ การให้เยาวชนได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ว่านี่คือแหล่งอาหาร  เป็นแหล่งรายได้  ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้ ที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไป การทำกิจกรรมปล่อยปลา เรียนรู้วงจรของน้ำรักษาทะเล  ไม่ทำลายปะการัง ไม่ทำลายสัตว์น้ำ  สร้างความรู้ให้เยาวชน และขอฝากประชาชนทั่วไป  ขอให้ทุกคนหวงแหนรักษาไว้เพื่อลูกหลานคนในชาติของเรา  ได้เห็นความสำคัญเรื่องของผลประโยชน์ชาติที่มีความสำคัญมากเพื่อลูกหลานของเรา 

………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

นักเรียนปอเนาะ-ครูอาจารย์ร่วมพันคน  ผูกริบบิ้นสีม่วงแสดงพลังจงรักษ์ภักดี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นักเรียนปอเนาะ-ครูอาจารย์ร่วมพันคน  ผูกริบบิ้นสีม่วงแสดงพลังจงรักษ์ภักดี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

         วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่บริเวณหน้าลานอาคารเรียนโรงเรียนพัฒนาการศึกษามูลนิธิ (ปอเนาะคลองขุด ) เทศบาลตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นักเรียนมุสลิมชายหญิง ต่างนำริบบิ้นสีม่วงผูกข้อมือ  ก่อนที่จะเดินขบวนไปรวมตัวหน้าอาคารเพื่อแสดงพลังเจตนารมณ์ ความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และร่วมอ่านแถลงการณ์ปกป้อง องค์หญิงของราชวงศ์จักรี ของชาวไทย มิให้ใครมาหยามดูหมิ่น และร่วมอ่านดูอาร์ขอพร ให้สมเด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ทรงแข็งแรงยิ่งยืนนาน

          ด้านนางรัตติยา มนุดาหวี   ผู้รับใบอนุญาติ ร.ร.พัฒนาการศึกษามูลนิธิ  /นายกามคมสตรีมุสลิมภาคใต้ /นายกสมาคมสตรีเยาวชนจังหวัดสตูล  ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนของชาวนักเรียน และครูอาจารย์ มีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน และราวงศ์จักรีทุกพระองค์ ก่อนที่อ่านดูอาร์ขอพร  พร้อมกับชูรูปพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เพื่อแสดงพลังปกป้อง

 

       พร้อมกันนี้จังหวัดสตูล ขอเชิญชวนชาวสตูลร่วมแสดงพลังความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ในวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 67 เวลา 08.00 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ์ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล พร้อมรวมพลังใส่เสื้อสีม่วง

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

   สตูลสุดเก๋ รับวันวาเลนไทน์ชวน คู่บ่าว-สาวจูงจดทะเบียนสมรสกลางทะเลเกาะไข่ อช.ตะรุเตา

 สตูลสุดเก๋….รับวันวาเลนไทน์ชวน คู่บ่าว-สาวจูงจดทะเบียนสมรสกลางทะเลเกาะไข่ อช.ตะรุเตา

         วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 คู่รักบ่าว-สาว (ทั้งในและต่างจังหวัด) 10 คู่ ที่มาสมัครจดทะเบียนสมรสกับที่ว่าการอำเภอเมืองสตูล พร้อมใจกันเดินทางมุ่งหน้าสู่ เกาะไข่ อช.ตะรุเตา อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกับทางนายมานิต บริพันธ์ นายอำเภอเมืองสตูล (ประธานในพิธี) ที่ได้ร่วมกับนายไพรัช สุขงาม ผอ.ททท.สาขาสตูลและอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา จัดกิจกรรม Love Forever Koh Khai ขึ้นเพื่อเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเดือนแห่งความรัก

        เนื่องจากอำเภอเมืองสตูลถือเป็นอำเภอที่มีการท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมีวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ และเกาะไข่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม มีซุ้มประตูหินสวยงามแปลกตา โดดเด่น ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล ซึ่งอำเภอเมืองสตูลไม่ได้จัดกิจกรรมเช่นนี้มาระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า และในโอกาสนี้จึงได้มีการเชิญคู่บ่าวสาว เข้าร่วมกิจกรรมจดทะเบียนสมรสยังสถานที่เกาะไข่ ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สัมผัสการจดทะเบียนสมรส พร้อมแสดงความรักและสถานที่ ที่สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร

       “ซุ้มรักนิรันดร์ “ ประตูหินโค้ง ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล นับเป็นดินแดนรักที่มีตำนาน หากคู่รักใดมารอดซุ้มแห่งนี้ จะมีรักที่ยืนยาว รักนิรันดร์ และจะกลับมาเยือนอีก
………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก”       

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก” 

        ทุก ๆ เช้าพี่ดำ หรือนายฐานพัฒน์  แสงเพชร  อายุ 46 ปี จะทำหน้าที่ดูแลผักให้เจริญเติบโตงอกงาม  ทั้งการตรวจวัดค่าปุ๋ยน้ำ  สภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดจนผักเฉา  หรือกระทั้งการเปลี่ยนถ่ายภาชนะใส่ผัก  จากอนุบาล จนโต  ซึ่งงานประเภทแรงงานหนัก ๆ ก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ดำเป็นส่วนใหญ่ 

        ส่วนพี่แตน  หรือคุณณิชากร   แสงเพชร   แฟนพี่ดำ  จุดเริ่มต้นจากทั้งคู่รักสุขภาพ  ทดลองปลูกผักทานเอง  จนมาวันนี้ทำหน้าที่การตลาด บริหารจัดการสวนผัก  พร้อมคิดค้นหาสูตรทางสื่อโซเซียล  เพื่อให้ผักงอกงามและปลอดภัยพร้อมส่งต่อให้กับลูกค้า   ที่ชื่นชอบผักสลัดตามออเดอร์  10 ถุงหรือ 5 กิโลกรัม  วันละ 500 บาท โดยผักที่ส่งลูกค้าจะงดให้ปุ๋ย  โดยจะให้น้ำเปล่าแทน  จำนวน 3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผักที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง 

         ซึ่งพี่ทั้งสองบอกกับเราว่า  สวนผักใจรัก  เกิดจากทั้งคู่รักสุขภาพและอยากจะหาอาชีพที่ทำงานอยู่ด้วยกันที่บ้าน  โดยมาลงตัวที่การปลูกผักสลัด   ทุก ๆ เช้าจะใช้เวลาในช่วงเช้าตรู่ไม่เกิน 10 โมงในการดูแลสวนผัก และช่วงค่ำ   เวลาที่เหลือก็ไปออกกำลังกายและทำในสิ่งที่รักและมีความสุข 

         ผักที่ปลูกส่วนใหญ่ตระกูลผักสลัด  เช่น  กรีนโอ๊ค  จะขายดี  ลูกค้าจะนำไปทำสลัดโรล  , มินิคอส ก็จะเหมาะกับสายปิ้งย่าง  ,  ฟิลเล่  จะมีความกรอบใบหยิกไม่มีรสชาติขม ทางสวนผักจะขายเป็นถุงละ 50 บาท หรือกิโลกรัมละ 100 บาท  โดยมีผักหลายชนิดรวมกัน  เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผักเหล่านี้ได้ง่าย 

          สนใจสามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 082-308-2141 ,  098-013-1768  หรือเพจสวนผักใจรัก   สำหรับทางสวนผักใจรัก  จะส่งขายตามออเดอร์เท่านั้น 

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน       

  เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน
………………………….
ตั๊กแตน ปา ทัง ก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวนมากนี้ ใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ซึ่งเป็นของ นายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 43 ปี ชาวศรีสะเกษที่ได้มาตั้งรกราก อยู่ที่บ้านเจาะบากง ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยใช้ที่ดิน 5 ไร่ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามบ้านพัก สร้างโรงเรือน มุงไนลอนสีฟ้าและใช้ผ้าพลาสติกสีขาวคลุมด้านบนเป็นหลังคา เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวน 6 หลัง ซึ่งผ่านการเลี้ยงมาแล้ว 4 รุ่น แต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลา 30 ถึง 35 วัน สามารถจับจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท

จากความนิยมกินตั๊กแตนในภาคอีสาน มาวันนี้ตลอดทั่วทุกภาคเริ่มยอมรับสัตว์เศรษฐกิจชนิดนี้ สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการหันมาเลี้ยงตั๊กแตนเจ้าแรกในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยสั่งซื้อไข่จากภาคอีสานในราคาขีดละ 1,000 บาท หรือ กิโลกรัมละ 10,000 บาท เพื่อเพาะเลี้ยง การเลี้ยงตั๊กแตนเป็นสัตว์ที่ใช้ต้นทุนในการเลี้ยงไม่มากนัก ลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียวเพียง 2,000 ถึง 25,000 บาท

อาหารที่ใช้เลี้ยงตั๊กแตนก็หาได้ตามธรรมชาติ จำพวกใบหญ้าสด ใบตองสด ใบมะพร้าวสดและใบอ้อยสด เพาะเลี้ยงด้วยใยหรือขุยมะพร้าวแล้วรดน้ำให้ชุ่มชื่น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเห็นไข่ฟักเป็นตัวอ่อนเล็กๆสีน้ำตาล ให้อาหารวันละ 3 เวลา เพราะตั๊กแตนจะกินอาหารตลอดทั้งวัน

ส่วนพื้นที่ ก็เลี้ยงกับดิน มีกองทรายไว้ให้ตั๊กแตนวางไข่ เมื่อตั๊กแตนมีอายุได้ประมาณ เกือบ 1 เดือน ตั๊กแตนก็จะเริ่มจับคู่ ลักษณะที่เห็นง่ายๆ คือ มันจะขี่หลังกันและตัวเมียก็จะเริ่มวางไข่ ก็จะสามารถจับจำหน่ายได้เลยในช่วงนี้

ปล่อยเสียง คุณากร อนุพันธ์ เกษตกรเลี้ยงตั๊กแตน

สนใจติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ก คุณากร อนุพันธ์ หรือโทร 084-7658773
…………………………
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว ส่องใต้นิวส์รายงาน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

  ชายแดนสตูลคึกคักวันตรุษจีน  นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวแน่น  ตม.จับเวลาให้บริการยังเอาอยู่  พร้อมทำเก๋ แต่งชุดเจ้าสัว แจกขนมมงคล สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ 

ชายแดนสตูลคึกคักวันตรุษจีน  นักท่องเที่ยวแห่แน่น  ตม.จับเวลาให้บริการยังเอาอยู่  พร้อมทำเก๋ แต่งชุดเจ้าสัว แจกขนมมงคล สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ 

         วันที่ 10 ก.พ.2567  บรรยากาศเทศกาลเฉลิมฉลองวันตรุษจีน  ทำให้บริเวณด่านชายแดน  วังประจัน  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล คึกคักเป็นวันที่ 2 ของการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ  โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย  ซึ่งตรงกับวันหยุดปิดเทอมของบุตรหลาน   และวันหยุดยาวตรุษจีน  ส่งผลให้การเดินทางในครั้งนี้คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว  ทันทีที่มีการเปิดด่าน   

       ขณะที่ทางด้านด่านวังเกลียน   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ซึ่งอยู่รอยต่อกับชายแดนจังหวัดสตูล  กลับพบปัญหาความล่าช้า  ในการให้บริการของเจ้าหน้าที่  ที่ไม่เพียงพอกับปริมาณนักท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ  ทำให้การจราจรในฝั่งขาออก  ที่มีรถติดเป็นแถวยาวกว่า 1 กิโลเมตร  ที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาทางด้านด่านชายแดนจังหวัดสตูล         

          ขณะที่ พ.ต.อ.เจริญพงษ์   ขันติโล   ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองสตูล   ได้ทำการทดสอบจับเวลาการให้บริการฝั่งขาเข้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน  พบว่าภายใน 1 นาทีสามารถให้บริการได้ถึง 8 คน   โดยสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ทันท่วงที  โดยยอมรับว่าในห้วงเวลาปกติจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขาเข้าวันละ 2,000 คน   แต่เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลจะมีมากขึ้นเป็น 3,000 คน  ก็ยังสามารถรองรับได้  เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่มากเพียงพอในการให้บริการ 

         พร้อมกันนี้ผู้บริหารตรวจคนเข้าเมืองสตูล   ได้แต่งชุดเจ้าสัวแจกขนมมงคลของดีพื้นเมืองสตูล  ให้บริการกับนักท่องเที่ยว   เพื่อเติมความสุขระหว่างรอรับบริการตรวจหนังสือเดินทาง  สร้างรอยยิ้ม และความอบอุ่น   และภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

…………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน     

เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน   

          หลังจากตัดสินใจโค่นล้มแปลงสวนยางพาราเกือบทั้งหมดเพื่อทำสวนผสม  ภายใต้ชื่อ   “สวนผู้ใหญ่เกรียง สวนผสมเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ” ตั้งอยู่บนพื้นที่หมู่ 5 ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล  โดยแบ่งพื้นที่ปลูกฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ที่เริ่มทยอยให้ผลผลิตออกจำหน่าย  

          นายเกรียงไกร   ศรีสงคราม  ผู้ใหญ่บ้าน  (ยอมรับว่าครอบครัวบาดเจ็บจากการธุรกิจอื่นจนล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่โควิดที่ผ่านมา)   จึงคุยกับครอบครัวและบุตรสาว  นางสาวเจียรนัย  ศรีสงคราม  หรือ  น้องโม หลังเรียนจบปริญญาตรี  ตัดสินใจหันมาช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตรสวนผสม  เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มตัว  นับเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีใจรักด้านเกษตร    โดยพื้นที่ทางการเกษตรทั้งสิ้น 20 ไร่  หลังตัดสินใจโค่นต้นยางพารา   แล้วแบ่งพื้นที่ทางการเกษตรออกเป็น 3 ส่วน

        โดยในแต่ละส่วนจะมีกิจกรรมด้านการเกษตรทุกพื้นที่  ซึ่งพืชที่มีอยู่ภายในแปลงมีความหลากหลาย แต่ในส่วนที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนได้แก่    ฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ในช่วงแรก   และเพิ่มมาเป็น 500 ต้น จำหน่ายในราคา 60 บาท   ซึ่งในช่วงการห่อผลจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง  ถึงจะเก็บผลผลิตได้    โดยสามารถเก็บผลผลิตได้ 1-2 เดือน ประมาณ 30-40 กิโลกรัม/ต้น     อีกทั้งยังมีการชำกิ่งพันธุ์ขายด้วยในราคา กิ่งละ 50 บาท  และการผลิตกิ่งพันธุ์โดยส่วนใหญ่จะทำตามออร์เดอร์ลูกค้า จำหน่ายแล้ว 1,000 กิ่ง

         นอกจากนี้ได้ลง   ตะไคร้ (ไคร้หยวก) จำนวน 10,000 กอ และสามารถสร้างรายได้ให้ทุกวันๆละ 2,000 บาท โดยขายกิโลกรัมละ 10 บาท 1 วันจะส่งสินค้าจำนวน 200 กิโลกรัม โดยตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดมาเลเซีย และโรงเครื่อง ที่จังหวัดตรัง ระยะเวลาการเก็บผลผลิตได้ประมาณ 4-5 เดือน  โดยมีวิธีการดูแลอย่างดี น้ำไม่ขาด และมีวิธีการใส่ปุ๋ย  คือ   ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ (ขี้ไก่) รองก้นหลุมประมาณ 1 กำมือ อีก 1 เดือนใส่อีก 1 กำมือ บวกกับขี้ค้างคาวอัดเม็ด

        และในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มพื้นที่การผลิตอีกประมาณ 50 ไร่ และจะมีการร่มกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกตะไคร้ประมาณ 6 รายเพิ่มเติม  เพื่อขยายพื้นที่และสินค้า   ส่วน กล้วย สะตอ ข้าวโพด ทุเรียน คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเริ่มให้ผลผลิต   สนใจติดต่อ  เบอร์โทร 083 – 1912198   (FB : Jiaranai Srisongkram) 

        ขณะที่นางสาวมนัสนันท์   นุ่นแก้ว   เกษตรอำเภอละงู    บอกว่า  ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการลดต้นทุนผลผลิตด้วยการทำปุ๋ยน้ำหมักแห้ง  ลดการใช้สารเคมี  และการแนะนำให้เกษตรกรไปขอใบรับรองมาตรฐาน GAP เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค  ผลผลิตออกจากแปลงนี้ปลอดภัยจริง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า อนาคตอาจจะส่งตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรได้

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

           จากกรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เขียนถึงสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล ได้ทำโครงการพัฒนาแหล่งเที่ยวของจังหวัดสตูล สร้างแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติอุทยานธรณีโลก จำนวนสามแห่ง ใช้งบ 11,385,000 บาท  หนึ่งในนั้นอยู่บริเวณน้ำตกธารปลิว หมู่ 10 ต.ทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ทำเป็นอาคารศูนย์เรียนรู้ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินไฟเบอร์อย่างดี ห้องน้ำชายหญิง ป้อมจุดตรวจ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติพร้อมจุดพัก

          แล้วเสร็จเมื่อปี 65 แต่ไม่เปิดใช้งาน เหตุไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เลยปล่อยทิ้งไว้ ปัจจุบันห้องน้ำประตูแตก กระจกแตก โถส้วมมีแต่ดิน บริเวณรอบ ๆ อาคารทรุดโทรม หญ้าขึ้นรก กลายเป็นที่เลี้ยงควายของชาวบ้าน นับได้ว่ามีประโยชน์กับชุมชน

        ล่าสุด นายธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร  ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ทันที ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเพจชื่อดังโพสต์แชร์ เพื่อทำการตรวจสอบ โดยพบว่า สถานที่ดังกล่าวถูกเก็บกวาด ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

        ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ชประจำจังหวัดสตูล กล่าวว่า ลงมาดูพร้อมเตรียมขอรายละเอียดจากทางหน่วยที่เกี่ยวข้องส่งเอกสาร ข้อมูลโครงการดังกล่าวส่งถึง ป.ป.ช.ตรวจสอบในครั้งตอไป

        ด้านนายชุติพงศ์ พลวัฒน์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด กล่าวว่า  ตอนนี้เตรียมประสานการเดินหน้าไฟฟ้าให้เข้าถึง และจัดให้เป็นสถานที่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว  ส่งเจ้าหน้าที่มาประจำ  หากกรณีไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็จะใช้เครื่องปั่นไฟก่อนส่วนการลงมาตรวจสอบในครั้งนี้พร้อมให้ความร่วมมือ

         สำหรับ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ  อุทยานธรณีโลกน้ำตกธารปลิว วงเงินงบประมาณ  4,968,400 บาท  เป็น 1 ใน 3 กิจกรรม  ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ปีงบประมาณ พ.ศ.2564  โดยวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ประชาชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น  ควบคู่กับการแก้ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกคุกคามอยู่ ณ ปัจจุบัน

……..

อัพเดทล่าสุด