Categories
ข่าวทั่วไป

สตรีสตูลโชว์ลีลาควงตะหลิวปรุงเมนูประจำจังหวัด  “ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ” 

สตรีสตูลโชว์ลีลาควงตะหลิวปรุงเมนูประจำจังหวัด  “ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ”  กันอย่างสนุกสนานกับกองเชียร์ที่จังหวัดผลักดันให้เป็นเมนูซอฟเพาเวอร์ที่ห้ามพลาด

         “ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ”  เมนูที่กระทรวงวัฒนธรรมประกาศให้เป็นเมนูประจำจังหวัดสตูลที่ขึ้นชื่อด้วยรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ด้วยกลิ่นไอของเครื่องเทศจากดินแดนสองวัฒนธรรมไทยมลายู   ทำให้ทางจังหวัดเตรียมผลักดันให้เป็นซอฟเพาเวอร์ของจังหวัด  ที่นักท่องเที่ยวมาสตูลต้องไม่พลาดมาชิมเมนูพื้นถิ่นนี้

         

        และเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้เมนู  “ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ”  เป็นที่รู้จักกว้างขวางและเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาด  ทางจังหวัดสตูลร่วมกับ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  อบจ.และหลากหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดการแข่งขันปรุงอาหารจากเมนู  “ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ” โดยนำสตรีที่ผ่านการคัดเลือกว่าฝีมืออร่อยเด็ดของแต่ละอำเภอทั้ง 7 แห่งโชว์ลีลาการปรุง   ประชันรสชาติ  และความสวยงาม  ท่ามกลางกองเชียร์ของแต่ละอำเภอกันอย่างสนุกสนานที่เข้าร่วมงานวันสตรีสากลจังหวัดสตูล ที่มีการจัดขึ้นที่อาคารโรงอาหาร โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ ต.พิมาน อ.เมือง  จ.สตูล

         

          สำหรับเมนู  ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ  มีความเชื่อว่าแพะเป็นสัตว์ที่ใช้ในงานเลี้ยงบาระกัต (สิริมงคล) ซึ่งชาวมุสลิมจะใช้ในการทำกุรบานในวันอีดิลอัฎฮา  เพื่อให้สิ่งที่ต้องการสำเร็จจึงมีการเชือดแพะเพื่อทำบุญ  เช่น  ทำบุญขึ้นบ้านใหม่  ขอให้คนไข้หายเจ็บป่วย  หรือโอกาสสำคัญก็จะใช้  เมนูข้าวเหนียวแกงแพะ  ในการทำบุญเกือบทั้งสิ้น

 

          ส่วนผสมก็จะมี  ลูกกระวาน, ใบกระวาน,ลูกจันทร์,กานพลู,ลูกผักชี,พริกไทยดำเป็นต้น ส่วนเครื่องแกงจะมี  ตะไคร้,ข่า,พริกขี้หนู,มะกรูด,ขมิ้น,ขิง,กะปิ,หัวหอมแดง,กระเทียม,กะทิ,มะพร้าวคั่ว, เป็นต้น  ส่วนผสมของข้าวเหนียวเหลือง ประกอบด้วยข้าวเหนียว,กะทิ,เกลือ,น้ำตาลทราย,ผงขมิ้น,ปรุงเหมือนกับการมูนข้าวเหนียว

 

          วิธีทำคือ  นำเครื่องเทศทุกอย่างคั่วให้หอม และนำพริกแห้งดอกใหญ่ หัวหอมแดง กระเทียม ไปคั่วในกระทะนำส่วนผสมทั้งสองตำให้ละเอียด ส่วนผสมที่ผสมกับเครื่องแกงนำไปผัดให้สุกจนหอม  จากนั้นก็ใส่เนื้อแพะที่เตรียมไว้เคี่ยวด้วยไฟอ่อน 2-3 ชั่วโมงใส่กะทิ  และ เติมมะพร้าวคั่วที่ต่ำละเอียด  (เคล็ดไม่ลับคือ หากเจอแพะแก่ ให้ใส่น้ำแข็งลงไปขณะเคี่ยว,หรือใส่มะละกอ ,หรือ ช้อนขาว)  ปรุงรสชาติพร้อมเสิร์ฟ  ด้วยข้าวเหนียวเหลืองและเครื่องเคียงคืออาจาด

            นายอนุรักษ์  มลิวัลย์  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล บอกว่า  การเลือกเมนูข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะมาให้สตรีในจังหวัดสตูลปรุงในครั้งนี้  สืบเนื่องมาจากกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะเป็นเมนูประจำจังหวัด สำนักงานความมั่นคงของจังหวัด ,พัฒนาชุมชน,และ.อบจ.สตูล  ได้ดึงเมนูนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้เป็น soft power ของจังหวัด  เพื่อที่จะให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น  โดยผ่านความเข้มแข็งของกลุ่มสตรีของเราทั้ง 7 อำเภอ  เพราะว่าแต่อำเภอจะมีรสชาติและเทคนิคที่แตกต่างกันไป โดยจะมีการกำหนดกฎเกณฑ์การประกวดคือ  ความอร่อย  การจัดแต่งจาน  และลีลาเป็นองค์ประกอบ  ส่วนใหญ่แม่ครัวที่มาปรุงจะเป็นแม่ครัวที่มีรสมืออร่อยของแต่ละอำเภอเข้าร่วมการแข่งขัน

 

          นางสุจินต์  คงปาน  อายุ 51 ปี กลุ่มสตรีคนกาหลง  บอกว่า  ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่หลายองค์ประกอบตั้งแต่การเลือกแพะอ่อน หรือ แพะแก่ การเคี่ยวก็จะไม่เท่ากันแต่จะใช้เวลาเคี่ยว 2-3 ชม. การมูนข้าวเหนียวต้องสุกให้ดีเพื่อจะได้ข้าวเหนียวมูนที่นิ่มทานอร่อย  เคล็ดไม่ลับของแต่ละพื้นที่ไม่ให้แพะเหนียวคือ  ใส่มะละกอดิบลงไปเคี่ยว บางคนใส่น้ำแข็ง,และบางคนก็ใส่ช้อนขาวเพื่อช่วยให้เนื้อและหนังแพะนิ่มเร็วขึ้น

……………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

สตูล – คุณแม่โพสต์เตือนภัย! หลังสูญเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบ เล่นน้ำและออกไปปั่นจักรยานตากแดด กลับมาปวดหัวอาเจียนชีพจรอ่อนเสียชีวิตในที่สุด

สตูล – คุณแม่โพสต์เตือนภัย! หลังสูญเสียลูกน้อยวัย 3 ขวบ เล่นน้ำและออกไปปั่นจักรยานตากแดด กลับมาปวดหัวอาเจียนชีพจรอ่อนเสียชีวิตในที่สุด

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ที่บ้านเลขที่ 137/4 ถ.ปานชูรำลึก  ซอย9  ต.พิมาน  อ.เมือง  จ.สตูล นายรักไทย  แซ่อ๋อง  อายุ  60 ปี ผู้เป็นตาได้เปิดน้ำใส่กะละมังคู่ใจของน้องบีลิน  หรือเด็กหญิงอริสตา แซ่อ๋อง วัย 3 ขวบ 3 เดือน 21 วัน   ซึ่งเป็นประจำที่น้องจะเล่นน้ำในกะละมังนี้คนเดียว  โดยมีปืนฉีดน้ำที่คุณตาเพิ่งซื้อให้   เป็นของเล่นที่น้องโปรดปราน  พร้อมจักรยานคู่ใจ   ที่น้องมักจะปั่นเล่นหน้าบ้านเป็นประจำหลังเล่นน้ำในกะละมังสลับไปมาเป็นอยู่อย่างนี้

           โดยวันเกิดเหตุ  วันที่ 21 เมษายน 2567  ขณะที่น้องเล่นน้ำในกะละมังและออกไปปั่นจักรยานกลางแดดไปมาอยู่คนเดียว ตกตอนเย็นน้องบ่นกับคุณตาว่าปวดหัว  คุณตาเลยเรียกให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกปอนด์   แล้วมานอนกินนมเวลาประมาณ 20:00 น น้องก็ยังบ่นปวดหัวอีก  จากนั้นก็อาเจียน แล้วจู่ ๆ ก็หมดสติลงอย่างรวดเร็ว   ทำให้คุณตาตกใจเป็นอย่างมากรีบพาไปหาหมอที่ รพ.สตูล ซึ่งอยู่ห่างไม่มากนักก็พบว่าน้องเสียชีวิตแล้ว

        คุณตายอมรับว่าตกใจมาก เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากไม่ทันตั้งตัว  คุณตาเล่าว่าอยู่กับน้องที่บ้านหลังนี้กัน 2 คนตาหลาน   เพราะคุณแม่ของน้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด   ส่วนตัวเบื้องต้นคิดว่าเกิดจากการเล่นกันของเด็ก ๆ และน้ำอาจจะเข้าจมูกปากน้อง  หรือไม่เพราะน้องชอบเล่นน้ำในกะละมังและเปิดน้ำใส่หน้าตาของตัวเอง   โดยปกติน้องเป็นคนร่าเริงแจ่มใส 

         ขณะที่ด้านคุณแม่ นางอัญชิสา   แซ่อ๋อง  อายุ  27 ปี เล่าว่า  ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีบุตรด้วยกัน 3 คน  โดยน้องบีลินเป็นลูกคนสุดท้อง อยู่กับตา 2 คนเนื่องจากตนไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ลูกอีก 2 คนก็แยกย้ายกันอยู่

          โดยทันทีที่ทราบข่าวลูกเสียชีวิตรีบเดินทางกลับบ้านเกิดทันที  โดยคุณหมอบอกว่า หลังจากมีการสแกนสมองพบว่ามีน้ำในหูอาจจะเป็นเพราะน้ำในหูดันให้เส้นเลือดสมองแตก  และน้องมีอาการเหมือนจะเป็นปอดบวมเพราะน้องชอบเล่นน้ำและแช่น้ำนาน  แล้วชอบออกไปปั่นจักรยานตากแดดร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ทัน 

         โดยปกติน้องจะเป็นคนร่าเริงและซน บางทีเราอาจจะไม่ทราบว่าน้องไม่สบายอยู่ก่อนหรือเปล่า ก็น้องเป็นเด็กซนอาจจะไม่แสดงอาการออก จากที่ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลเป็นการโพสต์แชร์จากการเสียใจ  แล้วอยากให้เป็นวิทยาทานไม่ปล่อยให้เด็กเล่นแช่น้ำนาน ๆ หรือไปเล่นตากแดดในช่วงนี้เพราะอากาศร้อนมาก  ก็ไม่ได้ติดใจ  หลังทราบรายละเอียดจากคุณหมอ  ว่าการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย  น้องบีลิน  ทางครอบครัวได้ทำการฌาปนกิจเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา

………………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

   งานรวมพลคนรักสุขภาพใส่ชุดไทย หรือชุดไหน ๆ ก็ออกกำลังกายได้กับลีลาสุดมันส์  พร้อมรณรงค์เล่นกีฬาในรูปแบบของการสะสมแคลอรี่

สตูลของแท้..งานรวมพลคนรักสุขภาพใส่ชุดไทย หรือชุดไหน ๆ ก็ออกกำลังกายได้กับลีลาสุดมันส์  พร้อมรณรงค์เล่นกีฬาในรูปแบบของการสะสมแคลอรี่

          วันที่ 25 เม.ย.2567  นักเต้นทั่วทั้งจังหวัดสตูลกว่า 300 ชีวิต ทั้งไลน์แดนซ์ , บาสโลบ, แอโรบิค,ไทเก็ก,มโนราห์และลีลาศ  สวมชุดไทยหรือชุดไหน ๆเพื่อแสดงให้เห็นว่า  ก็สามารถมาออกกำลังกายได้โดยไม่มีข้อแม้ (บ้างก็ใส่ชุดไทย นุ่งโจงกระเบน,ผ้าถุง,ชุดแฟนซี)  โดยนักเต้นทั่วทั้งจังหวัดสตูลในครั้งนี้   ได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเต้นและออกกำลังกาย   ในงานรวมพลคนรักสุขภาพจังหวัดสตูล  ซึ่งมีการจัดขึ้นที่อาคารหอประชุม ที่ว่าการอำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล   โดยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  จัดขึ้นเพื่อดึงเครือข่ายผู้ออกกำลังกายทั่วพื้นที่ 19 กลุ่มมาร่วมแลกเปลี่ยน สานสัมพันธ์ และส่งเสริมการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาในรูปแบบของการสะสมแคลอรี่

 

          การส่งเสริมการเล่นกีฬาและออกกำลังกายในครั้งนี้  มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรม ด้านการออกกำลังกายและเล่นกีฬาให้กลายเป็นวิถีชีวิต  และนำแพลตฟอร์ม ccc ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพ  โดยสามารถบันทึกแต้มสะสมคะแนนการออกกำลังกายและเล่นกีฬาในรูปแบบของการสะสมแคลอรี่   เพื่อนำมาแลกเป็นของรางวัล 

 

          อีกทั้งเป็นการรณรงค์เชิญชวนให้สังคมทุกช่วงวัย   โดยเฉพาะสังคมผู้สูงวัยที่มีจำนวนมากขึ้นในสังคม  หันมาออกกำลังกายให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิ์ภาพ

           นางปุณณานันท์ ทองหยู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูลได้รับนโยบายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้มีการส่งเสริมการออกกำลังกายประชาชน  ด้วยการสะสมการออกกำลังกายหรือแคลอรี่  หมายถึงการออกกำลังกายไปสะสมแคลอรี่ไป   หลังจากนั้นก็จะมีการมอบรางวัลให้   จากกิจกรรมดังกล่าวได้มีการรวมกลุ่มทั่วทั้งจังหวัดสตูล ทั้งบาสโลป  ไลน์แดนซ์   ไทเก๊ก  มโนราห์และลีลาศ   โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ  ประกอบกับปัจจุบันสังคมไทยมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะจังหวัดสตูล   พบว่าบุตรหลานได้เดินทางไปเรียนต่างจังหวัดตามมหาลัยต่าง ๆ ไม่มีลูกหลานดูแล  การเชิญชวนให้ผู้สูงอายุมาออกกำลังกายร่วมกับน้อง ๆ เยาวชนที่ยังอยู่  และทีมสตรีที่มีการเน้นให้มาร่วมกันออกกำลังกาย   ทำกิจกรรมสร้างความสุข  สิ่งที่มุ่งหวังที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้คือสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี  เพื่อจะได้มีอายุยืนยาวมีคุณภาพต่อไป

 

           นางสาวพฤทธิพร   เสือทอง  เจ้าหน้าพละศึกษาประจำอำเภอควนกาหลง (กลุ่มนางรำจิตอาสา) กล่าวว่า   จุดประสงค์หลักๆคืออยากจะรวมพลคนรักสุขภาพทั้งจังหวัดสตูล  มาแลกเปลี่ยนกันเนื่องจากแต่ละกลุ่มจะมีการออกกำลังกายที่ไม่เหมือนกัน  เพื่อไปพัฒนากลุ่มของตัวเอง  โดยครั้งนี้มี 19 ชมรมร่วม 300 คนประกอบไปด้วยแอโรบิค ไทเก๊ก บาสโลป  มโนราห์ และลีลาศ   ไลน์แดนซ์   อยากจะเน้นย้ำว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพดี ในฐานะเป็นผู้ส่งเสริมอยากให้แต่ละท่านมาออกกำลังกายให้มากขึ้น  แล้วรักกันออกกำลังกายมากขึ้น

 

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

   สตูล-เตรียมใช้นวัตกรรมสุดล้ำรักษ์โลก  กับเรือนำเที่ยวพลังงานไฟฟ้าลดรายจ่าย  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สตูล-เตรียมใช้นวัตกรรมสุดล้ำรักษ์โลก  กับเรือนำเที่ยวพลังงานไฟฟ้าลดรายจ่าย  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          วันที่ 24 เม.ย.67  ที่อ่าวนุ่น ตะโล๊ะใส อ.ละงู จ.สตูล  ได้มีการทดสอบระบบขับเคลื่อนเรือพลังงานไฟฟ้าเพื่ออนาคต จากพลังงานสะอาดรักษ์สิ่งแวดล้อม   ซึ่งเครื่องยนต์ดังกล่าวนอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังสามารถติดตั้งแทนเครื่องเดิมได้ง่าย  ปราศจากน้ำมันปนเปื้อนและสามารถยืดอายุการใช้งานของตัวเรือ  ประหยัดค่าใช้จ่ายและยังลดมลพิษทางเสียง

          โดยวันนี้นายคณิต  คงช่วย  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  พร้อมนายธีระพงษ์   คุ่มเคี่ยม  นายอำเภอละงู  ได้ร่วมลงพื้นที่ทดสอบขับและสังเกตการณ์การทดลองระบบขับเคลื่อนเรือพลังงานไฟฟ้า  โดยมีชาวประมงในพื้นที่และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อชุมชนได้ร่วมการทดสอบด้วยตนเอง

          สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยนายจักรพรรณ    วัลแอ  ประธานสมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดสตูล  ร่วมกับ ผศ.สาวิตร์   ตัณฑนุช  ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนายานยนต์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์   PSU EV  และสมาคมประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ  เครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชนอ่าวปากบารา จัดกิจกรรมทดสอบระบบขับเคลื่อนเรือพลังงานไฟฟ้าเพื่ออนาคต จากพลังงานสะอาดรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้เป็นทางเลือกให้กับการท่องเที่ยวโดยชุมชนในการใช้พลังงานสะอาดและลดค่าใช้จ่าย 

        สำหรับประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ากำลังมอเตอร์ 6/10 ความเร็วรอบ3,800 บาทถึง 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร   แบตเตอรี่แรงดันใช้งาน 72 โวลต์  ความจุของแบตเตอรี่ 4.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง

          นายชุมพล  โอมณี   อายุ 47 ปี ชาวประมงพื้นบ้านประเภทไดหมึก ยอมรับว่า  หลังการทดลองขับเห็นถึงความแตกต่างมาก ไม่ต้องใช้แรงเยอะ  นิ่ม  เสียงเงียบ  อยากให้เพิ่มความแรง เพราะบางครั้งต้องใช้กำลัง  ส่วนราคาก็รับได้  แต่อยากให้อายุการใช้งานยาวกว่านี้และเดินทางไปได้ไกลกว่านี

 

         ผศ.สาวิตร์  ตัณฑนุช  ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนายานยนต์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  กล่าวว่า   วันนี้ได้รับโจทย์ในการพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน  อนาคตจะพัฒนาต่อไปเพื่อให้ใช้ได้กับเรือประมงพื้นบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น    และการพัฒนาแบตเตอรี่  ที่มีการใช้  เป็นแบตเตอร์รี่ตัวเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้  ต่อไปจะพัฒนาให้มีราคาที่ถูกลง 

 

          นายจักรพรรณ    วัลแอ  ประธานสมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  เรื่อง EV เป็นเรื่องใหม่นวัตกรรมใหม่ ทางเราต้องการการเปลี่ยนแปลงในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน เพราะกลุ่มนี้ต้องมีต้นทุนพอสวมควรเชื่อว่าจะมาช่วยแบกรับภาระตุ้นทุนเหล่านี้ได้ ด้วยนวัตกรรม EV มาช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

คุณหมออนามัย  ปลูกสละอินโดแซมสวนยางพาราให้ผลผลิตทั้งปี   เสริมรายได้รับเหนาะๆสัปดาห์ละ 10,000 บาท 

คุณหมออนามัย  ปลูกสละอินโดแซมสวนยางพาราให้ผลผลิตทั้งปี   เสริมรายได้รับเหนาะๆสัปดาห์ละ 10,000 บาท

        “สละอินโด  พันธุ์สายน้ำผึ้ง”   ถูกเลือกมาปลูกแซมในพื้นที่สวนยางพาราและสวนผลไม้ผสม  บนพื้นที่ หมู่ 5 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล  จำนวน 25 ไร่  จากพื้นที่ทั้งหมด  36 ไร่  ของ   นายรอศักดิ์  หมาดสา  อายุ 38  ปี  เกษตรกรสวนสละอินโด  เพื่อเพิ่มรายได้เสริมจากอาชีพหลักที่เป็น นักวิชาการสาธารณสุข ชำนาญการ  รพ.สต.วังพะเนียด ต.เกตรี  หรือที่ชาวบ้านเรียก “หมอศักดิ์”   มาปลูกสละสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

 

           ทุกวันหยุดเสาร์  – อาทิตย์  หมอศักดิ์ จะใช้เวลาเข้าสวนสละ  เพื่อมาตกแต่งทางใบต้นสละให้ต้นสวยมีคุณภาพ  และตัดผลสละขายให้กับลูกค้า  อีกทั้งยังเพาะพันธุ์ต้นขายให้เกษตรกรรายอื่นๆ   และยังส่งมอบให้โรงเรียนในพื้นที่เพื่อปลูกด้วย

         

         โดยราคาสละอินโด พันธุ์สายน้ำผึ้งของทางสวนหมอศักดิ์ จะมีรสชาติ หวานกรอบ  ขายปลีกและส่งในราคากิโลกรัมละ 60 บาท  รอบสัปดาห์จะเก็บครั้งละ 100-200 กิโลกรัม  สร้างรายได้สัปดาห์  6,000-10,000 บาท   

           นายรอศักดิ์  หมาดสา  เกษตรกรปลูกสละ  บอกว่า   อาชีพรับราชการก็เป็นอาชีพหลักอยู่แล้ว  ส่วนตัวเริ่มมีแนวคิดว่าจะต้องหารายได้เสริม  จึงคิดที่จะปลูกสละจากคำแนะนำของรุ่นพี่  เลยเริ่มปลูกเมื่อลองทำดูก็เข้ากับตัวเองได้   โดยใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์  มาดูแลกับเพื่อนหนึ่งคน   ช่วยกันทำตอนนี้สองปีกว่า  สวนทดลองก็ให้ผลผลิตแล้ว  โดยปลูกบนพื้นที่ร่วม 30 ไร่  มีการบริหารจัดการปลูกภายใต้สวนยาง  และสวนทุเรียน 

 

           สำหรับต้นที่ให้ผลผลิตแล้วบางส่วน   รายได้ประมาณสัปดาห์ละ 6000 ถึง 10,000 บาทรวมรวมเดือนละสองถึง 30,000 บาท  ในช่วงนี้ตัด 100  ถึง 200 กิโลกรัมต่อสัปดาห์  ลูกค้าจะอยู่ในเมืองสตูลและในจังหวัดก็จะขายระบบออนไลน์   ส่วนเกษตรกรที่มีแนวคิดคล้ายๆกันมีประมาณ 10 ถึง 20 ราย  ก็จะมาขอซื้อต้นพันธุ์ไปปลูก   ขายราคาต้นพันธุ์เริ่มต้นที่ 30 บาท  หากต้นที่มีมีอายุปีนึงก็จะขายต้นละ 150 บาท คละกันกันระหว่างตัวผู้ตัวเมีย

 

          นายรอศักดิ์  หมาดสา  แนะนำเพิ่มเติมว่า  สำหรับเกษตรกรที่สนใจจะปลูกสละ   ถ้ามีพื้นที่พื้นที่ที่ปลูกยางพารา   หรือปลูกต้นปาล์มโดยมีระยะห่างที่เหมาะสม   แนะนำว่าการปลูกสละอินโดเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายใหม่ได้

 

           ด้านนายเฉลิมพร  ศรีสวัสดิ์  เกษตรอำเภอเมืองสตูล  พร้อมเจ้าหน้าที่เกษตร ลงพื้นที่แปลงสละ โดยกล่าว ในส่วนของสำนักงานเกษตรอำเภอก็ได้เข้ามาส่งเสริมให้ความรู้ในเรื่องของการบริหารจัดการสวน   การจัดการปุ๋ย   การเข้าสู่มาตรฐานสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน   ในเรื่องของด้านการตลาด  โดยเกษตรกรรายนี้ยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาสวนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในตำบลเกตรี   อำเภอเมือง   ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตรที่จะพัฒนาพื้นที่  จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย

 

          ในส่วนของสละ  พูดถึงก็เป็นรายได้เสริมที่ดี  หรือบางรายทำเป็นรายได้หลักไปเลย   สละที่ปลูกในจังหวัดสตูล   จะมีตั้งแต่สายพันธุ์สุมาลี   เนินวง   ส่วนหนึ่งก็มาปลูกสละอินโด  ซึ่งเป็นรายได้เสริมของเกษตรกร    ในส่วนของแปลงสละแห่งนี้ก็เป็นแหล่งจำหน่ายพันธุ์   และเป็นแหล่งแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอใกล้เคียงที่สนใจจะปลูกสละอินโด

 

          สำหรับสละสามารถออกผลผลิตได้ตลอดปี   ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอด   สละไม่ต้องปลูกตามฤดูกาลแต่สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี   หากท่านใดต้องการสั่งต้นพันธุ์ โทร  096-9705301

……………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา เยาวชน-การศึกษา

    สตูลเปิดหลักสูตร เสริมทักษะเอาตัวรอดเหตุจมน้ำลดการสูญเสียช่วงปิดเทอม  

สตูลเปิดหลักสูตร เสริมทักษะเอาตัวรอดเหตุจมน้ำลดการสูญเสียช่วงปิดเทอม

           ที่สระว่ายน้ำชุมชน  ต.ฉลุง  อ.เมือง  จ.สตูล    เด็ก เยาวชนจังหวัดสตูล  จำนวน 260 คน  เข้าร่วมฝึกทักษะว่ายน้ำจากโค้ชมืออาชีพ  ในกิจกรรม ฝึกทักษะว่ายน้ำเพื่อป้องกันการจมน้ำในกลุ่มเด็ก  เยาวชน  อายุ 6-14 ปี  ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  จัดโครงการ เด็กไทยว่ายน้ำได้ ประจำปี 2567  ขึ้น  ระหว่างวันที่ 18-25 เมษายน 2567  โดยเปิดสอนจำนวน  4 รุ่น  ในช่วงปิดภาคเรียน

 

         ด.ช.อับดุสสลาม  ตาเดอิน  หรือ น้องเจ้านาย  วัย 12 ปี นักเรียนโรงเรียนพิมานพิทยาสรร  เป็นหนึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมฝึกว่ายน้ำ  กล่าวว่า  สนุกครับ  แม่สนับสนุนให้มาผมจึงมาครับ  ช่วงนี้อากาศร้อนถือว่าได้ช่วยดับร้อน  แล้วก็ได้ฝึกทักษะเพิ่ม  จริงๆก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  ในส่วนของเพื่อนๆที่ไปเล่นน้ำในช่วงปิดเทอมก็อยากให้ระมัดระวังด้วย  บางจุดน้ำอาจแรงเกิดอันตรายได้

 

           ด้านนางสาวรุ่งทิพา  สะอิ  คุณแม่น้องฟาเบรกัส วัย 6 ขวบ กล่าวว่า จริงๆแล้วเด็กๆว่ายน้ำไม่เป็น  แต่ชอบเล่นน้ำ  กิจกรรมส่วนใหญ่ของเด็กๆโดยเฉพาะวันหยุดหรือปิดเทอม  เราก็จะพาไปเล่นน้ำอยู่แล้ว  แต่เด็กๆไม่มีพื้นฐานว่ายน้ำก็เลยคิดว่าควรจะให้ลูกได้เรียนรู้  มีทักษะในการว่ายน้ำ   นอกจากว่ายน้ำเฉยๆแล้วยังได้ความรู้เรื่องการช่วยตัวเอง เวลาอยู่ในน้ำ   ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไรบ้าง  มองเห็นความสำคัญของโครงการเลยคิดว่ามีประโยชน์กับลูก  เลยสมัครเข้าร่วมโครงการ

              นางสาวพฤทธิพร  เสือทอง  เจ้าหน้าพละศึกษาประจำอำเภอควนกาหลง (ครูฝึกว่ายน้ำ)   กล่าวว่า ระยะสั้นนี้เบื้องต้นเราจะเน้นให้เด็กลอยตัวได้ช่วยเหลือเบื้องต้นได้พอจะจมน้ำ  บางคนพอลงน้ำก็จมเลย แต่เบื้องต้นเด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้  ในการตีน้ำมีการลอยตัวได้  เด็กที่ทักษะดีอย่างเด็กรุ่นแรกเรียนไปสามวันเด็กก็เริ่มลอยตัวได้แล้ว  พอลอยตัวได้ก็ให้ไปอีกทักษะหนึ่ง  คือทักษะการใช้มือ เริ่มเป็นท่าทางเช่น FREE Style

 

            เพื่อเพิ่มทักษะการว่ายน้ำและป้องกันอุบัติเหตุจากการจมน้ำของเด็ก และเยาวชน ในช่วงปิดภาคเรียน  นางปุณณานันท์ ทองหยู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล  กล่าวว่า  หลักๆแล้วของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยกรมพลศึกษา  มุ่งที่จะให้เด็กซึ่งเป็นเยาวชนรู้จักทักษะการว่ายน้ำเป็นลำดับแรกและพัฒนาไปสู่การว่ายน้ำเป็นเล่นน้ำได้  ก็มีประโยชน์หลายอย่าง   ลำดับแรกคือในเรื่องของการว่ายน้ำเป็น  ก็สามารถที่จะพยุงชีวิตตัวเองได้  ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้  ช่วยเหลือคนอื่นได้   อันนั้นประโยชน์แรก   ประโยชน์ที่สองถ้าทำไปแล้วเกิดความรัก   ทำบ่อยๆ  ก็สามารถที่จะพัฒนาไปสู่กีฬาว่ายน้ำได้   ในส่วนของเด็กๆที่อายุตั้งแต่  6 ขวบถึง 12 ขวบ  จำเป็นมากๆเพราะผู้ปกครอง ที่ดูแลเด็กอยู่   บางคนก็ไม่มีเวลาต้องทำมาหากิน   เลยต้องจัดคอร์สสอนขึ้นมาเพื่อให้เด็กได้เล่นน้ำและว่ายน้ำเป็น  ช่วยเหลือตัวเองได้  ช่วยเหลือคนอื่นได้อันดับแรก   จังหวัดสตูลเรามีสถิติเด็กจมน้ำเยอะมากในช่วงฤดูร้อน  เราไม่อยากให้มีการเสียชีวิต  คิดว่าเด็กที่พอจะว่ายน้ำเป็นก็สามารถที่จะสอนคนอื่นได้ด้วยผู้ปกครองก็น่าจะสบายใจมากขึ้น

……………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สตูล- หนึ่งชีวิตมีค่า  นาทีช่วยน้องหมาจรจัดพันธุ์ไทยเพศเมีย  หัวติดในกระป๋องพลาสติกใส มานานถึง 7 วัน  ก่อนปล่อยสู่อิสระ

สตูล- หนึ่งชีวิตมีค่า  นาทีช่วยน้องหมาจรจัดพันธุ์ไทยเพศเมีย  หัวติดในกระป๋องพลาสติกใส มานานถึง 7 วัน  ก่อนปล่อยสู่อิสระ

            ครบ 7 วันแล้ว  ในวันที่ 21 เมษายน 2567  ที่สุนัขจรจัดเพศเมียมีขนสีขาว  หัวติดอยู่ในกระป๋องพลาสติกใส  วิ่งไปมาเพื่อหาทางหลุดออกจากกระป๋อง  บริเวณลานกว้างของสนามบินชั่วคราว กองทัพอากาศจังหวัดสตูล  ต.คลองขุด  อ.เมือง   ด้วยสภาพที่หิวโซ  เพราะอดอาหารนานร่วมสัปดาห์  

 

           ล่าสุดในช่วงค่ำที่ผ่านมา  นายธนาคม  ฉายนิ่ม   อาสาฉุกเฉินการแพทย์ งานกู้ชีพกู้ภัยเทศบาลตำบลคลองขุด พร้อมด้วยนายสมบัติ  เจริญขวัญ  ชาวบ้านผู้ที่รักสุนัขและชอบเหลือสังคมในพื้นที่จังหวัดสตูล ได้ตามน้องหมาตัวนี้เข้าไปในสวนปาล์ม  ใกล้สนามบิน  วิ่งไล่ด้วยความไวจนสามารถจับน้องหมาตัวนี้ได้  โดยตะครุบตัวก่อนใช้กรรไกรตัดกระป๋องพลาสติกออกอย่างทุลักทุเล จนสำเร็จ และได้ปล่อยน้องหมาตัวนี้ไปสู่อิสรภาพ  

 

           สำหรับสุนัขจรจัดเพศเมียตัวดังกล่าวนี้   มีคนพบเห็นหัวติดอยู่ในกระป๋องพลาสติกใส  วิ่งวุ่นอยู่บริเวณสนามบิน ชั่วคราว กองทัพอากาศจังหวัดสตูล  โดยกลุ่มผู้รักสุนัข  และชาวบ้าน  ได้พยายามช่วย แต่ไม่สามารถจับตัวได้  เมื่อข่าวการพบน้องหมาจรจัดหัวติดกระป๋องพลาสติกใส ทราบไปถึงนายศักระ  กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล  จึงสั่งการช่วยเหลือจัดระดมกำลัง  ทีมผู้มีความชำนาญโดยตรง โดย ปศุสัตว์จังหวัดสตูล  พร้อมด้วยนายชำนาญ พรหมดวง รองนายกเทศมนตรีตำบลคลองขุด และ ประชาชนกลุ่มรักษ์น้องหมา – แมวจรจัดจังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ธรรมรังสีสตูล  รวมตัวช่วยกันออกไปช่วยเหลือทันที

 

         แต่ด้วยสัญชาตญาณของหมาจรจัด ที่หัวติดกระป๋องพลาสติกใส นานถึง 7 วัน บวกกับอดข้าวอดน้ำ รวมทั้งอากาศร้อนจัดก็ไม่ยอมให้จับ  วิ่งหนีหลบเจ้าหน้าที่  ทำให้ทุกคนต้องวิ่งตามหากันให้วุ่นก่อนช่วยเหลือได้ในที่สุด

 

          นางสาวจริงใจ สุวรรณจุณี อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานกาชาด และเป็นหนึ่งผู้ที่มีใจรักน้องหมา เจ้าของคลิปติกต๊อกที่เคยโด่งดัง จากคลิปที่ตนเองช่วยน้องหมาติดยางมะตอย กล่าวว่า   ได้พบน้องหมาจรจัดเพศเมียตัวลักษณะมีขนสีขาว  ซึ่งหัวเข้าไปติดกับกระป๋องพลาสติกใส น่าว่าน้องหมาตัวนี้คงหิวและดันหัวเข้าไปกินจนเอาหัวดันออกมาไม่ได้  ติดมาแบบนี้เป็นเวลา 7 วันแล้ว น้องหมาตัวนี้ อดกินข้าวกินน้ำนับว่ายังโชคดีที่ยังไม่ตาย

 

         สำหรับพื้นที่  บริเวณที่สนามบินกองทัพอากาศ(ชั่วคราว ) ในพื้นที่เทศบาลตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  โดยลานแห่งนี้ถูกใช้  จัดงานกาดชาดประจำปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 11 – 21 เมษายน โดยสภาพพื้นที่ เป็นป่าเสม็ดและสวนปาล์มของชาวบ้านรอบๆข้าง  พบมีหมาจรจัดจำนวนมากกว่า  50 ตัว ที่ถูกนำมาทิ้งไว้ ณ  ที่แห่งนี้  และมีผู้ใจดีมาให้คอยให้อาหารด้วยความเมตตา

………………………. 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

      บยสส.รุ่น 3 เปิดเวทีสัมมนาสาธารณะ

บยสส.รุ่น 3 เปิดเวทีสัมมนาสาธารณะ “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” หวังร่วมสร้างความเข้าใจในสังคมไทย เพื่อเปิดรับความหลากหลายอย่างเท่าเทียม

บยสส. 3 เปิดเวทีสัมมนา “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม”     ชี้ทัศนคติสังคมไทยต้องเปลี่ยน เริ่มจากครอบครัวและสถาบันการศึกษา เพราะแม้พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมผ่านสภาฯแต่สังคมไทยยังย้อนแย้งบางส่วน พร้อมชวนสังคมและสื่อมองความหลากหลายทางเพศคือเรื่องปกติ

 

20 เมษายน 2567 – เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เคารพและให้คุณค่ากับการเปิดรับความหลากหลายทางเพศ หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 ร่วมกับสถาบันอิศรา ได้ร่วมจัดเวทีสัมมนาสาธารณะ  “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” กล่าวเปิดงานโดย คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการหลักสูตร บยสส. รุ่นที่ 3  ณ Hall 1 – 2 ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ

 

คุณพินิจ จารุสมบัติ ประธานผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาสาธารณะในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้สะท้อนความคิดและมุมมองสู่สาธารณะ เพื่อให้สังคมไทยรวมถึงสื่อมวลชนรวมมีความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นความหลากหลายทางเพศ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับทุกคน “การเคารพในความหลากหลาย         เป็นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ที่จะต้องให้ความเคารพ ลดความขัดแย้ง ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และหวังว่าการสัมมนาจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไป”

 

คุณณชเล บุญญาภิสมภาร รองประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้มีโอกาสทำงานกับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ พบว่าพ่อแม่มักมีความรู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด ถึงมีลูกเป็น LGBTQIAN+ จึงต้องทำอย่างไรให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ในเวลาเดียวกันลูกก็จะรู้สึกว่าตนเองต้องทำเกินกว่าคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ทั้ง ๆ ที่การได้รับความรักเป็นเรื่องพื้นฐานของครอบครัว จึงทำคู่มือชื่อ “บ้านนี้มีความหลากหลาย” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ สำหรับเรื่องการสื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียมนั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา คือต้องไม่ตั้งสมมุติฐานว่า “ทุกคนจะเหมือนเรา” ต้องมีทัศนคติว่าคนมีความแตกต่าง มีความเฉพาะและมีชีวิตของตัวเอง การสื่อสารก็จะเป็นการสื่อสารด้วยความเคารพ เช่น เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ก็ควรถามเราว่าอยากให้เรียกว่าอะไร บางคนยังไม่เปลี่ยนชื่อ ชื่อยังเป็นผู้ชายก็อาจไม่อยากให้เรียกชื่อนั้นก็ได้ เป็นต้น ในฐานะสื่อต้องเรียนรู้ความแตกต่างหลากหลาย อย่าใช้คำนี้ไปครอบทุกอย่าง และต้องเห็นความหลากหลายเรื่องคนข้ามเพศ ที่ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง ผู้ชาย แต่มีnon-binary ด้วย เป็นเรื่องที่เราต้องรู้เท่าทัน เพราะโลกเดินมาไกลมาก

 

คุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง  เปิดเผยว่า การสื่อสารอย่างเท่าเทียมและความเปลี่ยนแปลงจะเกิดได้จริง จะต้องเปลี่ยนที่ทัศนคติของคนในสังคม โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาซึ่งเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ใหญ่อย่างครูที่จะต้องเปิดกว้างกับนักเรียนด้วยความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าปัจจุบันนี้ ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ผลักดันมาตั้งแต่ตอนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะผ่านความเห็นชอบและเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาภายในระยะเวลารวดเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความเข้าใจแก่สังคมให้มองว่ามนุษย์เท่ากัน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราทุกคนควรได้แต่กำเนิด ซึ่งจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมาจากการหล่อหลอมของสถาบันการศึกษา ในส่วนของมุมมองที่มีต่อสื่อนั้น มองว่าปัจจุบันคนทำสื่อมีความตระหนักกับประเด็นเหล่านี้มากขึ้น เมื่อสื่อมีการเรียกหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสมจะมีการฟีดแบ็คจากสังคมทันที และหวังว่าเมื่อมีการสื่อสารถึงตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศ จะมีการใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปมากกว่าการสร้างภาพจำบางอย่างดังที่เคยมีมาในอดีต ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นมาก และในส่วนตัวแล้วนั้นจะต่อสู้จนถึงวันที่ไม่มีคำว่าซีรีส์วาย LGBTQIAN+ เพราะทุกคนเท่ากันหมด โดยไม่ต้องตัดสินว่าคนอื่นมีรสนิยมทางเพศแบบไหน เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล

คุณรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น นักแสดงชื่อดัง ให้ความคิดเห็นถึงความแตกต่างของสังคมไทยกับในต่างประเทศโดยเฉพาะที่ประเทศสวีเดนว่า มีความแตกต่างกันมากโดยในเชิงปฏิบัติของประเทศไทยนั้นมีความย้อนแย้งกับกฎหมายที่กำลังรอการพิจารณาจากวุฒิสภา ขณะที่ในต่างประเทศให้การยอมรับและมีจุดยืนที่ชัดเจน เช่น ตำรวจ แพทย์ นักการเมือง ที่มีจากหลากหลายอาชีพก็สามารถแสดงออกได้ รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว การรับรองบุตร ที่สามารถเปิดรับสิทธิในเรื่องนี้  โดยมองว่าเรื่องของการเป็นบุคคลข้ามเพศเป็นเรื่องของรสนิยมทางเพศที่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลก ถือเป็นการให้เกียรติทางสังคม ต้องให้ความเคารพความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีหลายประเทศให้การยอมรับและสนับสนุนในเรื่องนี้ และถ้าเลือกปฏิบัติอาจจะเสียโอกาสที่จะได้บุคลากรที่ดี ส่วนเรื่องความคิดเห็นเรื่องการสื่อสารอย่างไรนั้น มองว่าให้เน้นในเรื่องของความมีมารยาท นำมาใช้ในการสื่อสารทางสังคม

 

คุณดารัณ ฐิตะกวิน นักแสดงชื่อดัง เผยมุมมองว่า การสื่อสารให้เท่าเทียมต้องเริ่มจากความเป็นพ่อแม่ที่ต้องเปิดรับเปิดกว้าง ทำให้ลูกเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของสังคมในภาพกว้าง เข้าใจในเรื่องการใช้ชีวิตที่มากกว่าเรื่องของรสนิยมทางเพศ เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ด้วยกัน เราทุกคนอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง อะไรที่ผ่านมาก็มีสิ่งที่ดีที่เราเรียนรู้ นอกจากนี้ทัศนคติของสังคมคือเรื่องสำคัญ โดยควรมองให้เป็นเรื่องปกติ และไม่ใช้เรื่องเพศในการนำทางชีวิตคู่ แต่ใช้ความเอื้ออาทร ความสบาย ความสุขที่อยู่ด้วยกัน ถ้าสนใจจะพัฒนาตัวเองมากกว่าการวิจารณ์คนอื่น สังคมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ทุกอย่างเป็นการใช้ชีวิต ทุกสิ่งคือธรรมชาติของมนุษย์ และนำพาไปสู่ความเป็นปกติ

 

#สื่อสารเท่าเทียม #บยสส3 #อิศรา

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล-เปิดบ้านกำปงบือฮัว  โชว์วัฒนธรรมชายแดน พร้อมประกวดรถสามล้อพ่วงริ้วขบวนที่สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้านโบราณโดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม

สตูล..เปิดบ้านกำปงบือฮัว  โชว์วัฒนธรรมชายแดน พร้อมประกวดรถสามล้อพ่วงริ้วขบวนที่สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้านโบราณโดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม

         วันที่ 20 เมษายน 2567   ที่บ้านโคกทราย หมู่ที่ 3  ต.บ้านควน อ.เมือง  จ.สตูล  ชาวบ้านในพื้นที่ทั้งหญิงและชายแต่งกายในชุดมุสลิมพื้นเมืองโบราณ   เข้าร่วมโครงการเปิดบ้านกำปงบือฮัว (Rumah terbuka di kampong Berhur)   กันอย่างคึกคัก  

        โดยเฉพาะกิจกรรมริ้วขบวนสามล้อพ่วงกว่า 30 คัน  ถูกตกแต่งสวยงามแปลกตา ชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้าร่วมกิจกรรมตกแต่งรถสามล้อพ่วงอย่างสวยงามแปลกตา ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนก็จะใส่ชุดพื้นเมืองโบราณเข้าร่วมการแข่งขัน 3 ประเภทคือ ประเภทรถสวยงาม ประเภทความคิดสร้างสรรค์ และประเภทผู้โดยสารใส่ชุดพื้นเมืองสวยงาม

         หนึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มีรถพ่วง  เป็น(รถบ่าวสาว) ที่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนเป็นคู่รักจริง โดยเจ้าบ่าวอายุ 82 ปี เป็นโต๊ะอีหม่ามบ้านโคกทราย  ส่วนเจ้าสาวอายุ 60 ปี  ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้น  ยินดี ที่ได้รับเกียรติในกิจกรรมนี้  โดยทั้งคู่ได้สวมชุดบ่าวสาวอีกครั้ง  เจ้าบ่าวบอกว่าแม้จะแต่งมา 3 ครั้งแล้ว  ก็ยังตื่นเต้น   กิจกรรมดังกล่าวนี้เป็นการสื่อถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นตำบลบ้านควน   ในโครงการเปิดบ้านกำปงบือฮัว ที่ชุมชนบ้านโคกทราย จัดขึ้นเพื่อสร้างความสามัคคีคนในชุมชน   สร้างพื้นที่ให้ทุกกลุ่มในชุมชนได้แสดงออกอย่างเต็มศักยภาพ  พร้อมอนุรักษ์อัตลักษณ์ภาษาและวัฒนธรรมที่ดีให้คงอยู่ต่อไป  และประชาสัมพันธ์ชุมชนต่อสังคมภายนอก

          โดยโครงการดังกล่าวนี้  นายจตุพร สมปอง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด  นายกูดานัน  หลังจิ  นายกฯ อบต.บ้านควน  กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมงาน  ก่อนมอบรางวัลผู้ชนะประกวดรถสามล้อพ่วง จาก 3 ประเภท  ทั้งประเภท รถสวยงาม  ผู้โดยสานแต่งกายพื้นเมืองสวยงาม  และประเภทความคิดสร้างสรรค์  โดยทีมสุรี  โต๊ะมอง  ชนะรับรางวัลประเภท รถสวยงาม    ทีมสิริมา  อารีหมาน  ชนะรับรางวัลประเภทความคิดสร้างสรรค์   และ ทีมพัชรพล​ แยกนุ้ย  รับรางวัลผู้โดยสานแต่งกายพื้นเมืองสวยงาม     

       ทั้งนี้ภายในงาน  ทางกลุ่มแม่บ้านได้ทำขนมพื้นถิ่นที่นิยมทำในช่วงเทศกาลสำคัญๆ  อย่างขนมลากรอบ หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกขนมตาระ  และขนมเจาะหู หรือขนม แนหรำ  ให้ได้ชิมกันด้วย  นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันทำขนมต้ม  โดยเริ่มจากขั้นตอนการขูดมะพร้าว  คั้นกะทิ  และการห่อขนมต้ม  ได้รับเสียงเชียร์  ลุ้นกันตัวโก่ง  

        ด้านนายกูดานัน  หลังจิ  นายก อบต.บ้านควน  กล่าวว่า    งานนี้เกิดจากความร่วมมือของชาวตำบลบ้านควน  โดยเฉพาะบ้านโคกทราย  ร่วมกันจัดกิจกรรม ที่เรียกว่าเปิดบ้านโคกทราย  ให้ได้รับรู้ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีของดีมากมาย  วันนี้ได้รู้ว่าหมู่บ้านโคกทรายมีอัตลักษณ์หลายๆอย่าง  โดยชาวบ้านโคกทรายส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย  มีขนมโบราณ  ขนมจีน  มีของขายหากินได้ 24 ชั่วโมงเหมือนร้านสะดวกซื้อ สำหรับรถซาเล้ง หรือสามล้อพ่วงเพิ่งมีการใช้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าขายแร่  เราก็จะดึงมาใช้ในขบวนแห่เจ้าสาว ขบวนพาเหรดในการจัดกิจกรรมกีฬา  ชาวตำบลบ้านควนก็จะนำมาใช้โดยตกแต่งสวยงามแบบนี้

 

       ด้านนายฮามีดัน ตะวัน  ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวถึง บ้านโคกทรายว่า  เป็นชุมชนหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน  ต.บ้านควน อ.เมือง  จ.สตูล มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในพื้นที่ มีการสื่อสารภาษามลายูเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับภาษาไทยใต้ถิ่นสตูล อีกทั้งมีร้านค้ามากมายในชุมชนที่คนต่างถิ่นมักจะเข้ามาซื้อกัน ได้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนได้สมญานามว่า เป็นชุมชนที่มาเมื่อไรอิ่มเมื่อนั้น เมื่อหิว ก็นึกถึงกำปงบือฮัว นอกจากวัฒนธรรมการกินแล้ว บ้านโคกทรายยังมีองค์ความรู้อื่นๆ อีก มากมายที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

แล้งนี้ที่สตูล  เลี้ยงผึ้งเดือนห้าแซมสวนยางจากรายได้เสริมแซงรายได้หลัก  รสชาติหวานฉ่ำคลายร้อน  เตรียมโกอินเตอร์ต่างแดน   ท้องถิ่นฉลุงช่วยเกษตรกรขาย  หลังผลิตภัณฑ์มีหลากหลายพร้อมตอบโจทย์ลูกค้า 

แล้งนี้ที่สตูล  เลี้ยงผึ้งเดือนห้าแซมสวนยางจากรายได้เสริมแซงรายได้หลัก  รสชาติหวานฉ่ำคลายร้อน  เตรียมโกอินเตอร์ต่างแดน   ท้องถิ่นฉลุงช่วยเกษตรกรขาย  หลังผลิตภัณฑ์มีหลากหลายพร้อมตอบโจทย์ลูกค้า 

       นายสุจริต  ยามาสา  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง ลงพื้นที่ชมวิธีการจับผึ้งโพรง  ของกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา หมู่ที่ 14 ตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ซึ่งมีการปลูกแซมในสวนยางพาราเป็นรายได้เสริม แต่กลับพบว่า  รายได้จะแซงรายได้หลักอย่างยางพาราไปแล้ว  โดยเกษตรกรกลุ่มนี้ได้จำหน่ายลังผึ้งเพียงผลิตภัณฑ์เดียว  ก็สามารถสร้างรายได้หลักล้านบาท  

        และขณะนี้เกษตรกรแต่ละราย  ก็จะนำลังผึ้งไปเลี้ยงภายในสวนยางพาราของตัวเอง  เป็นรายได้อีกทางหนึ่งให้กับเกษตรกรและชาวบ้าน   โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม  ต่อการอาศัยอยู่ของผึ้งเนื่องจากมีความชื้นที่พอเหมาะ   และยังติดพื้นที่ชุ่มน้ำ  เขตห้ามล่าหนองปลักพระยาและเขาระยาบังสา

         นายราเหม หยังหาด ประธานกลุ่มฯ ได้สาธิตวิธีการจับผึ้งที่ปลอดภัยในครั้งนี้ ด้วย   สำหรับหนึ่งลังจะได้น้ำผึ้งประมาณ 3-4  ขวด จำหน่ายขวดละ 600 บาท  แต่ปัจจุบันมีขนาดขวดที่แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ขวดละ 50 บาท ไปจนถึง 600 บาท พร้อมแพคแก็ตที่สวยงามเหมาะแก่การเป็นของขวัญของฝากอีกด้วย  ซึ่งการเลี้ยงผึ้งสร้างรายได้ให้ชุมชนเข้มแข็ง

        โดยวิสาหกิจชุมชน  กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมทุ่งพญา ตำบลฉลุง จ.สตูล ทางกลุ่มได้ทำการเลี้ยงผึ้งมากว่า 8  ปี ปัจจุบันนอกจากมีการจำหน่ายน้ำผึ้ง  ยังมีผลิตภัณฑ์จากผึ้งแบบครบวงจร ตั้งแต่ ลังผึ้ง สารล่อผึ้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผึ้ง และยังมีการเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงผึ้งอีกด้วย

        นายราเหม หยังหาด ประธานกลุ่มฯ  บอกว่า ผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา  มีมากมาย  โดยเฉพาะเครื่องดื่มพญาผึ้ง  ที่มีส่วนผสมจากน้ำส้มของอินทผาลัมและน้ำผึ้ง   ทางศาสนายอมรับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณทางยา  ทำให้มียอดจำหน่ายดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ   ก่อนหน้านี้เคยจำหน่ายได้ 3-400 โหล  โดยเฉพาะตอนนี้ทางกลุ่มเตรียมที่จะผลักดันสินค้าไปขายยังประเทศมาเลเซีย   แต่ติดอยู่ที่ค่าเงินของต่างประเทศยังอ่อนค่าอยู่ทำให้ต้องชะลอ  นอกจากนี้กลุ่มลูกค้า 3 จังหวัดชายแดนใต้  ก็ได้รับความนิยม   ทางกลุ่มยังมีเครือข่ายหลายจังหวัดในการทำงานเชื่อมโยงกัน

          การจับผึ้งเดือนนี้ถือว่าเป็นน้ำผึ้งที่ดีเลิศ  โดยเฉพาะน้ำผึ้งที่นี่มีลักษณะเด่น  จะเป็นสีทอง  หอมหวาน อร่อย และยังมีสรรพคุณทางยา สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามสั่งซื้อ  ได้ที่กลุ่มผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา ผ่านทางประธานชมรม ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-2   231  –  8316

……

อัพเดทล่าสุด