Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก”       

ผักสลัดนักกล้ามสตูล  ความลงตัวจากสายสุขภาพ  สู่  “สวนผักใจรัก” 

        ทุก ๆ เช้าพี่ดำ หรือนายฐานพัฒน์  แสงเพชร  อายุ 46 ปี จะทำหน้าที่ดูแลผักให้เจริญเติบโตงอกงาม  ทั้งการตรวจวัดค่าปุ๋ยน้ำ  สภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดจนผักเฉา  หรือกระทั้งการเปลี่ยนถ่ายภาชนะใส่ผัก  จากอนุบาล จนโต  ซึ่งงานประเภทแรงงานหนัก ๆ ก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ดำเป็นส่วนใหญ่ 

        ส่วนพี่แตน  หรือคุณณิชากร   แสงเพชร   แฟนพี่ดำ  จุดเริ่มต้นจากทั้งคู่รักสุขภาพ  ทดลองปลูกผักทานเอง  จนมาวันนี้ทำหน้าที่การตลาด บริหารจัดการสวนผัก  พร้อมคิดค้นหาสูตรทางสื่อโซเซียล  เพื่อให้ผักงอกงามและปลอดภัยพร้อมส่งต่อให้กับลูกค้า   ที่ชื่นชอบผักสลัดตามออเดอร์  10 ถุงหรือ 5 กิโลกรัม  วันละ 500 บาท โดยผักที่ส่งลูกค้าจะงดให้ปุ๋ย  โดยจะให้น้ำเปล่าแทน  จำนวน 3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผักที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง 

         ซึ่งพี่ทั้งสองบอกกับเราว่า  สวนผักใจรัก  เกิดจากทั้งคู่รักสุขภาพและอยากจะหาอาชีพที่ทำงานอยู่ด้วยกันที่บ้าน  โดยมาลงตัวที่การปลูกผักสลัด   ทุก ๆ เช้าจะใช้เวลาในช่วงเช้าตรู่ไม่เกิน 10 โมงในการดูแลสวนผัก และช่วงค่ำ   เวลาที่เหลือก็ไปออกกำลังกายและทำในสิ่งที่รักและมีความสุข 

         ผักที่ปลูกส่วนใหญ่ตระกูลผักสลัด  เช่น  กรีนโอ๊ค  จะขายดี  ลูกค้าจะนำไปทำสลัดโรล  , มินิคอส ก็จะเหมาะกับสายปิ้งย่าง  ,  ฟิลเล่  จะมีความกรอบใบหยิกไม่มีรสชาติขม ทางสวนผักจะขายเป็นถุงละ 50 บาท หรือกิโลกรัมละ 100 บาท  โดยมีผักหลายชนิดรวมกัน  เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผักเหล่านี้ได้ง่าย 

          สนใจสามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 082-308-2141 ,  098-013-1768  หรือเพจสวนผักใจรัก   สำหรับทางสวนผักใจรัก  จะส่งขายตามออเดอร์เท่านั้น 

………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน       

  เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน

เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน สัตว์เศรษฐกิจทำเงิน
………………………….
ตั๊กแตน ปา ทัง ก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวนมากนี้ ใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ซึ่งเป็นของ นายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 43 ปี ชาวศรีสะเกษที่ได้มาตั้งรกราก อยู่ที่บ้านเจาะบากง ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยใช้ที่ดิน 5 ไร่ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามบ้านพัก สร้างโรงเรือน มุงไนลอนสีฟ้าและใช้ผ้าพลาสติกสีขาวคลุมด้านบนเป็นหลังคา เลี้ยงตั๊กแตนปาทังก้า สายพันธุ์โมจีน จำนวน 6 หลัง ซึ่งผ่านการเลี้ยงมาแล้ว 4 รุ่น แต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลา 30 ถึง 35 วัน สามารถจับจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท

จากความนิยมกินตั๊กแตนในภาคอีสาน มาวันนี้ตลอดทั่วทุกภาคเริ่มยอมรับสัตว์เศรษฐกิจชนิดนี้ สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการหันมาเลี้ยงตั๊กแตนเจ้าแรกในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก โดยสั่งซื้อไข่จากภาคอีสานในราคาขีดละ 1,000 บาท หรือ กิโลกรัมละ 10,000 บาท เพื่อเพาะเลี้ยง การเลี้ยงตั๊กแตนเป็นสัตว์ที่ใช้ต้นทุนในการเลี้ยงไม่มากนัก ลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียวเพียง 2,000 ถึง 25,000 บาท

อาหารที่ใช้เลี้ยงตั๊กแตนก็หาได้ตามธรรมชาติ จำพวกใบหญ้าสด ใบตองสด ใบมะพร้าวสดและใบอ้อยสด เพาะเลี้ยงด้วยใยหรือขุยมะพร้าวแล้วรดน้ำให้ชุ่มชื่น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเห็นไข่ฟักเป็นตัวอ่อนเล็กๆสีน้ำตาล ให้อาหารวันละ 3 เวลา เพราะตั๊กแตนจะกินอาหารตลอดทั้งวัน

ส่วนพื้นที่ ก็เลี้ยงกับดิน มีกองทรายไว้ให้ตั๊กแตนวางไข่ เมื่อตั๊กแตนมีอายุได้ประมาณ เกือบ 1 เดือน ตั๊กแตนก็จะเริ่มจับคู่ ลักษณะที่เห็นง่ายๆ คือ มันจะขี่หลังกันและตัวเมียก็จะเริ่มวางไข่ ก็จะสามารถจับจำหน่ายได้เลยในช่วงนี้

ปล่อยเสียง คุณากร อนุพันธ์ เกษตกรเลี้ยงตั๊กแตน

สนใจติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊ก คุณากร อนุพันธ์ หรือโทร 084-7658773
…………………………
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว ส่องใต้นิวส์รายงาน

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

  ชายแดนสตูลคึกคักวันตรุษจีน  นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวแน่น  ตม.จับเวลาให้บริการยังเอาอยู่  พร้อมทำเก๋ แต่งชุดเจ้าสัว แจกขนมมงคล สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ 

ชายแดนสตูลคึกคักวันตรุษจีน  นักท่องเที่ยวแห่แน่น  ตม.จับเวลาให้บริการยังเอาอยู่  พร้อมทำเก๋ แต่งชุดเจ้าสัว แจกขนมมงคล สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ 

         วันที่ 10 ก.พ.2567  บรรยากาศเทศกาลเฉลิมฉลองวันตรุษจีน  ทำให้บริเวณด่านชายแดน  วังประจัน  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล คึกคักเป็นวันที่ 2 ของการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ  โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย  ซึ่งตรงกับวันหยุดปิดเทอมของบุตรหลาน   และวันหยุดยาวตรุษจีน  ส่งผลให้การเดินทางในครั้งนี้คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว  ทันทีที่มีการเปิดด่าน   

       ขณะที่ทางด้านด่านวังเกลียน   รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย  ซึ่งอยู่รอยต่อกับชายแดนจังหวัดสตูล  กลับพบปัญหาความล่าช้า  ในการให้บริการของเจ้าหน้าที่  ที่ไม่เพียงพอกับปริมาณนักท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ  ทำให้การจราจรในฝั่งขาออก  ที่มีรถติดเป็นแถวยาวกว่า 1 กิโลเมตร  ที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาทางด้านด่านชายแดนจังหวัดสตูล         

          ขณะที่ พ.ต.อ.เจริญพงษ์   ขันติโล   ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองสตูล   ได้ทำการทดสอบจับเวลาการให้บริการฝั่งขาเข้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน  พบว่าภายใน 1 นาทีสามารถให้บริการได้ถึง 8 คน   โดยสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ทันท่วงที  โดยยอมรับว่าในห้วงเวลาปกติจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขาเข้าวันละ 2,000 คน   แต่เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลจะมีมากขึ้นเป็น 3,000 คน  ก็ยังสามารถรองรับได้  เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่มากเพียงพอในการให้บริการ 

         พร้อมกันนี้ผู้บริหารตรวจคนเข้าเมืองสตูล   ได้แต่งชุดเจ้าสัวแจกขนมมงคลของดีพื้นเมืองสตูล  ให้บริการกับนักท่องเที่ยว   เพื่อเติมความสุขระหว่างรอรับบริการตรวจหนังสือเดินทาง  สร้างรอยยิ้ม และความอบอุ่น   และภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

…………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน     

เมื่อชีวิตถึงทางตัน…ผู้ใหญ่เกรียงไกรชี้ทางรอด  เศรษฐกิจพอเพียงพลิกฟื้นชีวิต  คืนความสุขที่แท้จริงชวนบุตรสาวจบ ป.ตรี สร้างรายได้จากเกษตรรับเงินแสนต่อเดือน   

          หลังจากตัดสินใจโค่นล้มแปลงสวนยางพาราเกือบทั้งหมดเพื่อทำสวนผสม  ภายใต้ชื่อ   “สวนผู้ใหญ่เกรียง สวนผสมเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ” ตั้งอยู่บนพื้นที่หมู่ 5 ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล  โดยแบ่งพื้นที่ปลูกฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ที่เริ่มทยอยให้ผลผลิตออกจำหน่าย  

          นายเกรียงไกร   ศรีสงคราม  ผู้ใหญ่บ้าน  (ยอมรับว่าครอบครัวบาดเจ็บจากการธุรกิจอื่นจนล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่โควิดที่ผ่านมา)   จึงคุยกับครอบครัวและบุตรสาว  นางสาวเจียรนัย  ศรีสงคราม  หรือ  น้องโม หลังเรียนจบปริญญาตรี  ตัดสินใจหันมาช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตรสวนผสม  เศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มตัว  นับเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีใจรักด้านเกษตร    โดยพื้นที่ทางการเกษตรทั้งสิ้น 20 ไร่  หลังตัดสินใจโค่นต้นยางพารา   แล้วแบ่งพื้นที่ทางการเกษตรออกเป็น 3 ส่วน

        โดยในแต่ละส่วนจะมีกิจกรรมด้านการเกษตรทุกพื้นที่  ซึ่งพืชที่มีอยู่ภายในแปลงมีความหลากหลาย แต่ในส่วนที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนได้แก่    ฝรั่งหงเป่าสือ จำนวน 40-50 ต้น  ในช่วงแรก   และเพิ่มมาเป็น 500 ต้น จำหน่ายในราคา 60 บาท   ซึ่งในช่วงการห่อผลจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง  ถึงจะเก็บผลผลิตได้    โดยสามารถเก็บผลผลิตได้ 1-2 เดือน ประมาณ 30-40 กิโลกรัม/ต้น     อีกทั้งยังมีการชำกิ่งพันธุ์ขายด้วยในราคา กิ่งละ 50 บาท  และการผลิตกิ่งพันธุ์โดยส่วนใหญ่จะทำตามออร์เดอร์ลูกค้า จำหน่ายแล้ว 1,000 กิ่ง

         นอกจากนี้ได้ลง   ตะไคร้ (ไคร้หยวก) จำนวน 10,000 กอ และสามารถสร้างรายได้ให้ทุกวันๆละ 2,000 บาท โดยขายกิโลกรัมละ 10 บาท 1 วันจะส่งสินค้าจำนวน 200 กิโลกรัม โดยตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดมาเลเซีย และโรงเครื่อง ที่จังหวัดตรัง ระยะเวลาการเก็บผลผลิตได้ประมาณ 4-5 เดือน  โดยมีวิธีการดูแลอย่างดี น้ำไม่ขาด และมีวิธีการใส่ปุ๋ย  คือ   ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ (ขี้ไก่) รองก้นหลุมประมาณ 1 กำมือ อีก 1 เดือนใส่อีก 1 กำมือ บวกกับขี้ค้างคาวอัดเม็ด

        และในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มพื้นที่การผลิตอีกประมาณ 50 ไร่ และจะมีการร่มกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกตะไคร้ประมาณ 6 รายเพิ่มเติม  เพื่อขยายพื้นที่และสินค้า   ส่วน กล้วย สะตอ ข้าวโพด ทุเรียน คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเริ่มให้ผลผลิต   สนใจติดต่อ  เบอร์โทร 083 – 1912198   (FB : Jiaranai Srisongkram) 

        ขณะที่นางสาวมนัสนันท์   นุ่นแก้ว   เกษตรอำเภอละงู    บอกว่า  ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการลดต้นทุนผลผลิตด้วยการทำปุ๋ยน้ำหมักแห้ง  ลดการใช้สารเคมี  และการแนะนำให้เกษตรกรไปขอใบรับรองมาตรฐาน GAP เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค  ผลผลิตออกจากแปลงนี้ปลอดภัยจริง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า อนาคตอาจจะส่งตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรได้

……………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

ป.ป.ช.สตูลลงตรวจอาคารสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ อุทยานธรณีโลก หลับพบเป็นที่เลี้ยงควาย

           จากกรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เขียนถึงสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล ได้ทำโครงการพัฒนาแหล่งเที่ยวของจังหวัดสตูล สร้างแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติอุทยานธรณีโลก จำนวนสามแห่ง ใช้งบ 11,385,000 บาท  หนึ่งในนั้นอยู่บริเวณน้ำตกธารปลิว หมู่ 10 ต.ทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ทำเป็นอาคารศูนย์เรียนรู้ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินไฟเบอร์อย่างดี ห้องน้ำชายหญิง ป้อมจุดตรวจ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติพร้อมจุดพัก

          แล้วเสร็จเมื่อปี 65 แต่ไม่เปิดใช้งาน เหตุไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เลยปล่อยทิ้งไว้ ปัจจุบันห้องน้ำประตูแตก กระจกแตก โถส้วมมีแต่ดิน บริเวณรอบ ๆ อาคารทรุดโทรม หญ้าขึ้นรก กลายเป็นที่เลี้ยงควายของชาวบ้าน นับได้ว่ามีประโยชน์กับชุมชน

        ล่าสุด นายธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร  ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ทันที ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเพจชื่อดังโพสต์แชร์ เพื่อทำการตรวจสอบ โดยพบว่า สถานที่ดังกล่าวถูกเก็บกวาด ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

        ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ชประจำจังหวัดสตูล กล่าวว่า ลงมาดูพร้อมเตรียมขอรายละเอียดจากทางหน่วยที่เกี่ยวข้องส่งเอกสาร ข้อมูลโครงการดังกล่าวส่งถึง ป.ป.ช.ตรวจสอบในครั้งตอไป

        ด้านนายชุติพงศ์ พลวัฒน์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด กล่าวว่า  ตอนนี้เตรียมประสานการเดินหน้าไฟฟ้าให้เข้าถึง และจัดให้เป็นสถานที่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว  ส่งเจ้าหน้าที่มาประจำ  หากกรณีไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็จะใช้เครื่องปั่นไฟก่อนส่วนการลงมาตรวจสอบในครั้งนี้พร้อมให้ความร่วมมือ

         สำหรับ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ  อุทยานธรณีโลกน้ำตกธารปลิว วงเงินงบประมาณ  4,968,400 บาท  เป็น 1 ใน 3 กิจกรรม  ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ปีงบประมาณ พ.ศ.2564  โดยวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ประชาชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น  ควบคู่กับการแก้ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกคุกคามอยู่ ณ ปัจจุบัน

……..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวเด่น

ไม่รอดสายตา ตม.สตูล    ชายชาวอินโดนีเซียแอบใช้หนังสือเดินทางปลอมหวัง

ไม่รอดสายตา ตม.สตูล    ชายชาวอินโดนีเซียแอบใช้หนังสือเดินทางปลอมหวังเข้าไทยโดนรวบคาด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสตูล  เข้มงวดการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักรทั้งด่านทางบกและด่านทางทะเล  อย่างต่อเนื่อง   ตามนโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดตรวจสอบคนต่างด้าวที่เดินทางเข้าและออกราชอาณาจักรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการใช้หนังสือเดินทางปลอมหรือมีดวงตราประทับปลอม เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมคนต่างด้าวที่ใช้หนังสือเดินทางหรือตราประทับปลอมมากขึ้น โดยมุ่งเน้นเพื่อเป็นการกวาดล้างอาชญากรรมตามนโยบายของรัฐบาล

          ล่าสุด  พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล ได้ขานรับนโยบาย โดยในวันนี้ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน จว.สตูล ปฏิบัติหน้าที่ ได้มี MR.FERI DONA อายุ 30 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน โดยใช้หนังสือเดินทางสัญชาติอินโดนิเซีย เลขหนังสือเดินทาง B6605823 เพื่อใช้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย     

        เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สตูล ได้ทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางอย่างละเอียดและพบว่าหนังสือเดินทางมีลักษณะน่าสงสัยคล้ายเป็นหนังสือเดินทางปลอม เนื่องจาก ไม่มีลายน้ำในหน้าเอกสารแต่ละแผ่นและรอยปรุของเลขหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย จึงได้ตรวจสอบผ่านระบบ Biomatrix พบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม

           จึงได้สอบถาม MR.FERI DONA ยอมรับว่า ได้รับหนังสือเดินทางฉบับดังกล่าวมาจากเพื่อนชาวมาเลเซีย เมื่อ 4 วันที่ผ่านมาขณะที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 600 ริงกิต หรือประมาณ 4,800 บาท โดยหวังจะเอามาใช้เดินทางเข้ามาทำธุระในประเทศไทย จึงได้จับกุมตัวแจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่า “ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม” และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ ทำบันทึกจับกุม ส่ง พงส.สภ.ควนโดน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยฐานความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

          ทั้งนี้  ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล ได้ขานรับนโยบายของผู้บังคับบัญชา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มมาตรการและความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักร เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ที่มีโทษทางอาญาอย่างจริงจัง หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดในจังหวัดสตูล กรุณาแจ้งมายัง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล เลขที่ 6 ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล 91000 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 074711080 หรือที่สายด่วน 1178 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

   สุดปัง!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี  

สุดปัง!!  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณเตาถ่าน  ก่อนฟ้าสว่างขายหมดเกลี้ยงแผง   ขายมายาวนานกว่า 60 ปี

         ความเรียบง่ายตามแบบฉบับวิถีภูธรที่ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  ทันทีที่ท้องฟ้าจวนสว่าง  ที่ร้านของม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน   อายุ 66 ปี  กำลังเร่งมือทำข้าวเหนียวปิ้งโบราณ  เพื่อปิ้งเตาถ่านที่ใช้กะลามะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง  โดยนำมาเผาเป็นถ่าน เพื่อใช้ในการปิ้งข้าวเหนียวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า  ที่มารอภายในร้านตั้งแต่เช้ามืด 

          โดยการทำข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่นี่มีความหอมมัน  นิ่มหวาน  อร่อยกำลังดี (โดยสูตรมีข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล  เกลือนิดหน่อยนำมามูล) แล้วห่อด้วยใบตอง ก่อนนำมาปิ้ง    การปิ้งจะใช้เหล็กหนีบครั้งละ 4 ห่อ แล้วปิ้งกลับไปมา (ซึ่งอดีตจะใช้ไม้ไผ่)  วันนึงทำครั้งละ 8-15 กิโลกรัม  ลูกค้าดั้งเดิมที่ชื่นชอบรสชาตินี้  ตั้งแต่รุ่นแม่ของ  ม๊ะเซาะ  และเด็กรุ่นใหม่ก็ยังชื่นชอบ  มารอซื้อกลับไปทานตั้งแต่ใกล้รุ่ง  นับเป็นเจ้าอร่อยเด็ดดัง มากว่า 60 ปี  ที่ชาวบ้านในระแวกนี้รู้จักคุ้นเคยกันดี  ร้านนี้ขายมาเป็นรุ่นที่ 2 ราคาเพียงชิ้นละ 5 บาท 

       ทางร้านยังขายคู่กับน้ำชากาแฟ แก้วละ 10 บาท ลูกค้าที่ตื่นเช้า   หลังเสร็จจากประกอบศาสนกิจทางศาสนา  ก็จะแวะมานั่งทานกันตั้งแต่เช้ามืด  เป็นอย่างนี้อยู่ทุกๆวัน  เพราะหากมาช้าอาจจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของข้าวเหนียวปิ้งสูตรโบราณ  ที่ขายถึง 7 โมงเช้าเท่านั้น   ข้าวเหนียวปิ้งก็หมดแล้ว  ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับม๊ะเซาะ   วันละ 1,500 ถึง 2,000 บาท  (ซึ่งเป็นรายได้รวมกับขายน้ำชา )

         ม๊ะเซาะ  หรือ นางสาวเบญพร   มะแอเคียน อายุ 66 ปี  แม่ค้าขายข้าวเหนียวปิ้งโบราณ   กล่าวเพิ่มเติมว่า  ข้าวเหนียวปิ้งโบราณนี้ขายดีมาก   ต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 หัวรุ่ง  เพื่อมาเตรียมก่อไฟเตาถ่าน และ ช่วงตี 5 เริ่มปิ้งขาย ขายดีทุกวัน เวลาประมาณ 07.00 น . ก็หมดเกลี้ยงทุกวัน  หากในช่วงฤดูผลไม้ ก็จะปรับแนวสอดไส้ ลงไป เช่น ข้าวเหนียวปิ้งโบราณไส้ทุเรียน   หรือจะมีข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ไส้กุ้ง

           หากลูกค้าสนใจติดต่อสอบถาม   065 037 4358  พิกัดปากทางเข้าตลาดนัดวันพุธ   (ตลาดนัดเทศบาลตำบลควนโดน)  เปิดเวลา   05.00 น – 18.00น ทุกวัน  

……………………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เยาวชน-การศึกษา

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

ศรชล.ร่วมกับ พสบ.สตูล  ปลูกสำนึกรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในเยาวชนเกาะบุโหลน

          ที่โรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน  ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  นายศักระ   กปิลกาญจน์   ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ (ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล หรือ ผอ.ศร.ชล) นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   อาทิ   ศูนย์ควบคุมความมั่นคงทางทะเลจังหวัดสตูล (ศคท.จว.สต.) ร่วมกับ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะหลีเป๊ะ เรือ ต.996

 

          มาร่วมเปิด  “กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และเก็บขยะชายหาดที่เกาะบุโหลนดอน”    โดยมีนาวาเอกแสนย์ไท   บัวเนียม  รอง ผอ.ศร.ชล จ.สตูล และนางสาวสุภาพรรณ  สุนทรารชุน   ประธานกลุ่มผู้ผ่านหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 4  หรือ  พสบ.สตูล   ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น

 

          เพื่อบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและกลุ่มเอกชนนับเป็นพลังความสามัคคีทำให้เกิดสาธารณประโยชน์  , เพื่อสร้างความรับรู้   การร่วมกิจกรรมด้วยการเก็บขยะชายหาดและคัดแยกขยะ   เพื่อนำเข้าโครงการขยะปันสุขของจังหวัดสตูล   ปลูกฝังให้เยาวชนได้รับรู้ถึงการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล  และชายฝั่งรวมถึงการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  คณะครู นักเรียนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ 350 คน ก่อนจะร่วมกันรับประทานอาหารกลางวันที่ผู้ใหญ่ใจดีนำมาเลี้ยงครู นักเรียน และชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

……………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล – ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท   

สตูล  ชี้เป้าของอร่อย  อิ่มจุก ๆ ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท 

         ชี้เป้าของอร่อย อิ่มจุก ๆ ที่ร้าน สี่พี่น้องก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์ เติมไม่อั้น เพียงหัวละ 59 บาท  ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้าม  “ดิยางยนต์”  ตำบลกำแพง  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล แม้จะเปิดได้เพียง 3 เดือนแต่ลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย  เพราะด้วยส่วนผสมที่ทางร้านเติมกันไม่อั้นให้ได้เลือกสัน  ไม่ว่าจะเป็น  เนื้อไก่  ตีนไก่  ตับไก่ ข้อต่อไก่ ปลายปีกไก่ และมะระต้มสุก 

 

       ลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ  บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า  รสชาติอร่อย  คุ้มเกินราคา  อิ่มจุกๆ    

 

          ด้าน นางสาวนูรอัยนี  ปานนพภา  เจ้าของร้านฯ  บอกว่า  ก๋วยเตี๋ยวมะระบุพเฟ่ต์  เป็นสูตรเดียวกันที่เปิดขายในจังหวัดสมุทรปราการ  อยากให้ลูกค้ากินอิ่ม  ทางร้านเปิดครั้งแรกใช้ไก่วันละ 900 กิโลกรัม  เส้นก๋วยเตี๋ยวใช้หลายร้ายกิโลกรัมเช่นกัน  โดยลูกค้าหลากหลายวัย  เคยมีคนกินและเติมมากสุดถึง 5 ชามก็คิดในราคาเดียวกันคือ 59 บาท   ส่วนเด็ก 3-5 ปีคิดเพียงชามละ 29 บาท เด็ก 6-8 ปี เพียงชามละ 39 บาท ส่วนเด็ก 9-11 ปี เพียง 49 บาท  (ส่วนเด็ก ต่ำกว่า 3 ปีให้ทานกันฟรีไปเลย) แต่!! หากทานไม่หมดปรับเพิ่ม 39 บาท  ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม  

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง เกษตร - อาชีพ

จัด “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง” ปีที่ 2  ยกให้เป็นซอฟเพาเวอร์ชาวควนสตอ  เที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย หลังเริ่มได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ

สตูล-จัด “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง” ปีที่ 2  ยกให้เป็นซอฟเพาเวอร์ชาวควนสตอ  เที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย หลังเริ่มได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ

          กระแสการท่องเที่ยววิถีถิ่น  วิถีไทย  ทำให้ประชาชนในชุมชนมีความตื่นตัวภาคภูมิใจ  ในวัฒนธรรมวิถีชุมชนที่พร้อมจะช่วยกันรักษาให้ดียิ่งขึ้นและมีรายได้จากการท่องเที่ยว

 

          ที่บริเวณทุ่งรวงทองเขาจุมปง   หมู่ที่ 2 ตำบลควนสตอ   อำเภอควนโดน   จังหวัดสตูล  นายซะรี่ย์อะซีร   นุ่งอาหลี   นายก อบต.ควนสตอ   ได้บูรณาการงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอควนโดนและสำนักงานเกษตรอำเภอควนโดน   จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลควนสตอ  ประจำปีงบประมาณ 2567   ภายใต้ชื่อ   “เกี่ยวข้าว  เป่าซัง  ย้อนความหลังฟื้นฟูประเพณีวิถีชาวนา  สืบสานภูมิปัญญา และวิถีชีวิต”  ปีที่ 2

 

          โดยเชิญว่าที่พันตรียุทธนา เจ้าดูรี นายอำเภอควนโดน ร่วมเป็นประธาน เปิดงานด้วยการเป่าซังข้าว  ด้วยกันอย่างพร้อมเพียงกัน  เพื่อแสดงสัญญาลักษณ์ของงาน   ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการท่องเที่ยววิถีถิ่น   วิถีไทย  สร้างอัตลักษณ์ใหม่ของเส้นทางการท่องเที่ยวตำบลควนสตอ   โดยนำเรื่องราวคุณค่าวัฒนธรรมประเพณี   วิถีชาวนาของตำบลควนสตอในกิจกรรมเกี่ยวข้าว (ด้วยเคียว และแกระ เครื่องมือโบราณ)  ตีข้าว   และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวเนื่องกับการทำนา   ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและดึงดูดให้ผู้สนใจมาท่องเที่ยววิถีถิ่นตำบลควนสตอ

 

          ด.ญ.รายา  มุหมีน  และ  ด.ญ.ณัสริน   หวังกุหลำ  นักเรียนชั้นป. 5  จากโรงเรียนบ้านกุบังปะโหลด  ที่มาร่วมกิจกรรมบอกว่า  ตื่นเต้นและสนุกมากที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้  ได้เรียนรู้เกี่ยวกับนาข้าว และได้เป่าปี่ เป่าซังข้าว  ซึ่งมีเสียงแปลกแตกต่างกันไป  ได้ร่วมเก็บข้าว ตีข้าว และทิ่มข้าว

 

          ขณะที่ นายซะรี่ย์อะซีร   นุ่งอาหลี   นายก อบต.ควนสตอ   กล่าวว่า   ปีนี้ได้รับสนใจจากกลุ่มเป้าหมายนักเรียนมาร่วมกิจกรรมเยอะมากกว่า  300 คน ทั้งนักเรียนในพื้นที่และต่างพื้นที่เข้ามาศึกษาดูงาน  วัฒนธรรมเก่าๆประเพณีเก่าๆของบรรพบุรุษของเรา  ทำนาแบบไหนเก็บเกี่ยวแบบไหนเป็นการอนุรักษ์ให้รุ่นหลังได้เรียนรู้  ว่ามีความลำบากมากแค่ไหนกว่าจะมีพวกเราในวันนี้  และให้ได้เรียนรู้ว่าวิถีชีวิตวิถีชุมชนสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นงานด้านการท่องเที่ยว  พ่อค้าแม่ค้าก็มาขายของ  สินค้าชุมชนก็ขายให้กับนักท่องเที่ยว เป็น concept ที่เราต้องการพัฒนาวิถีชุมชนท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน

 

          นายก อบต.ควนสตอ    กล่าวเพิ่มเติมว่า  ปีนี้เริ่มเห็นได้ว่ามีหลายประเทศเข้ามาร่วมกิจกรรม  ทั้งอินโดนีเซีย  อียิปต์  ฝรั่ง  และเพื่อเป็นการยกระดับการจัดการแข่งกิจกรรมปีหน้าจะขยายกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติให้มากขึ้น  เพื่อเผยแพร่ให้เห็นวิถีชีวิตของคนบ้านเรา  เป็นเรื่องที่เราชาวควนสตอควรจะภูมิใจ   ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอาย  ที่เกิดมาเป็นลูกหลานชาวนา  ถือเป็น soft power ของชาวตำบลควนสตอเพราะทุกคนที่นี่ทำนากันทุกคน

          ……………………………….

อัพเดทล่าสุด