Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

  ร้านขนมจีนทำเก๋เปิดซุ้มบุพเฟ่ต์ผักสดพื้นบ้านทานแบบจุก ๆ  คนตกงาน คนยากไร้ทานฟรี  

ร้านขนมจีนทำเก๋เปิดซุ้มบุพเฟ่ต์ผักสดพื้นบ้านทานแบบจุก ๆ  คนตกงาน คนยากไร้ทานฟรี

       ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูล  แนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบการทานขนมจีน   แบบร้านค้าไม่ขี้เหนียวผัก  ต้องร้านนี้เลย  ตั้งอยู่ที่บ้านเขาจีน  ซอยคลองขุด 18 ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล ร้านอยู่ในซอยติดกับโรงเรียนบ้านเขาจีน  ชื่อว่า   ร้านขนมจีนคุณฝน  บุฟเฟ่ต์ผัก กิน@สตูล

       ความพิเศษของร้านนี้มีการจัดซุ้มสำหรับผักที่รับประทานกับขนมจีน กันมากกว่า 30 ชนิด  ให้ลูกค้าได้เลือกช็อปหยิบตามใจชอบ  กันแบบบุฟเฟ่ต์ผัก  โดยเฉพาะผักพื้นบ้าน ผักตามฤดูกาล อย่างลูกฉิ่ง  ยอดหัวครก  มันปู  ยอดหมุย  ผักชีล้อมและสะตอ  และผักดอง ผักต้มกะทิ  มากันยกโหลให้ลูกค้าได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ  แต่มีข้อแม้คือ   ผักที่หยิบไปต้องทานให้หมด  หากไม่หมดต้องถูกปรับขีดละ 15 บาท เป็นกติกาให้สำหรับคนที่หยิบเฉพาะที่ทานเท่านั้น

        นอกจากจัดซุ้มสำหรับผักให้ลูกค้าช็อปเลือกกันแบบบุฟเฟ่ต์ผักแล้ว  น้ำแกงขนมจีนก็มีหลากหลายมากถึง 6 หม้อ  แกงกะทิ  น้ำยาป่าตีนไก่   แกงไตปลา  แกงส้ม  แกงเขียวหวานไก่ แกงหวาน  โดยใช้สูตรคนนครฯที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมจีนมาเสิร์ฟชาวสตูล

        คุณแนน  ลูกค้าประจำ  ยอมรับว่า  ร้านนี้ถูกใจทุกอย่างทั้งขนมจีน ผัก และขนมหวาน  โดยเฉพาะแม่ค้าพูดจาอัธยาศัยดีชอบมาทานบ่อยมาก  ชอบทุกเมนูมีให้เลือกเยอะมาก

         นางสาวอลิษา   พันธุโยร์  หรือคุณฝน   เจ้าของร้านขนมจีนคุณฝนบุฟเฟ่ต์ผัก กิน@สตูล   บอกว่า  ร้านนี้เปิดขึ้นมาด้วยเป็นคนที่ชื่นชอบทานขนมจีนที่มีผักเยอะ ๆ มีน้ำแกงที่หลากหลาย และคิดว่าหากเราเปิดร้านแบบนี้น่าจะมีคนชื่นชอบจึงเปิดแม้ไม่กี่เดือนได้รับกระแสตอบรับอย่างดี  และได้เพจไปในสื่อโซเซียลที่ตนเคยดูแล ชื่อ  เพจกิน@สตูล   ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้าและคนที่อยากซื้อของกินในสตูลมาเข้าดูมากกถึง 1 แสนคน เชื่อว่าช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น

        นอกจากนี้ทางร้านยังให้ทานฟรี  ในกลุ่มคนตกงาน   คนยากไร้   ทานฟรีไม่คิดเงินเลยสักบาทเดียวเพราะอยากช่วยเหลือสังคมให้พวกเขาเหล่านั้นได้ทานอิ่ม มีกำลังใจสู้ต่อไปด้วยอาหารขนมจีนของเรา

        ทางร้านขนมจีนคุณฝนมีขายเป็นชุดเล็ก 89 บาททานได้สองท่าน ชุดใหญ่  199 บาท  ทานได้สี่ถึง 5  ท่านพร้อมท็อปปิ้ง ไก่ทอดและลูกชิ้นแดงทอด  ไข่ต้ม  ปลาจิ้งจั้ง  ผักเติมไม่อั้น  หรือจะแยกจานราคาเริ่มต้น 25 บาท 

        ร้านเปิดขายทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา  9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ขายขนมจีนวันละ 50 กก.  ผักใหม่สดทุกวันจากชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่เป็นผักพื้นบ้าน  รับมาอย่างละ 50 มัด ถั่วงอกวันละ 10 กก.  โดยผักจะหมุนเวียนไปตามฤดูกาล และยังมีของหวาน และน้ำใบเตยให้ทานฟรีอีกด้วย สำรองจองโต๊ะที่  โทร  0951201299

…………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ผนึกกำลังสมาคมนักข่าวลาวจัดประชุมพัฒนาสื่อดิจิทัลลาว

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ผนึกกำลังสมาคมนักข่าวลาวจัดประชุมพัฒนาสื่อดิจิทัลลาว

         สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ร่วมกับ สมาคมนักข่าวแห่งสปป.ลาว ร่วมกันจัดประชุม “ทิศทางการพัฒนาสื่อออนไลน์ของลาว” ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมี ท่านสะหวันคอน ราซมนตรี ประธานสมาคมนักข่าวแห่ง สปป.ลาว ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด  สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดประชุมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามผล “การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาทักษะการเพิ่มรายได้ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มสำหรับสื่อมวลชนลาว” ที่เคยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24-26 กรกฏาคม 2565 ณ เมืองวังเวียง สปป.ลาว  

        โดยนายระวี ตะวันธรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคมฯ ได้ร่วมกันเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์การผลิตคอนเทนต์ ให้ตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจ และการตลาด Business Model รวมทั้งแนวทางการสร้างรายได้ โดยการประชุมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในองค์กรสื่อมวลชนแขนงต่างๆในสปป.ลาว เข้าร่วมจำนวนมาก มีการตอบข้อซักถาม แลกเปลี่ยน ให้คำแนะนำในหลายประเด็น โดยเฉพาะแนวทางการหารายได้และการทำตลาดของสื่อลาว

       ทั้งนี้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ฟ้าใหญ่มีเดีย จำกัด (BigBlue Agency Laos)

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

ไอเดียบรรเจิด  ใช้ข้าวสารอาหารแห้งตกแต่งหน้าหีบศพ เสร็จงานแจกผู้ยากไร้ได้บุญทั้งผู้ให้สุขใจทั้งผู้รับ

สตูลไอเดียบรรเจิด  ใช้ข้าวสารอาหารแห้งตกแต่งหน้าหีบศพ เสร็จงานแจกผู้ยากไร้ได้บุญทั้งผู้ให้สุขใจทั้งผู้รับ

วันที่28  ..2566  ที่วัดสตูลสันยาราม  หรือวัดป่าช้าไทย  ตำบลพิมาน  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ คุณแม่ไพเราะ  หมื่นหาญ  อายุ 79 ปี   ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคชรา    แต่งานศพครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตาเมื่อเจ้าภาพลูก บุตรหลานได้มีแนวคิดที่อยากจะจัดตกแต่งงานได้เกิดประโยชน์ต่อผู้วายชนมากที่สุด   โดยมีนกยูง 2 ตัวอยู่ข้างหีบหน้าศพ

จึงเกิดไอเดียในการนำข้าวของซึ่งเป็นอาหารแห้งมาตกแต่ง  ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองหรือแบบถ้วยมาประดับเป็นหางนกยูง   ขนมปังในห่อที่สวยงามมาตกแต่งเป็นช่อดอกไม้  และข้าวสารมาแต่งเป็นสายธารน้ำไหล  ได้อย่างสวยงามสะดุดตาแขกผู้มาร่วมงาน  ต่างชื่นชมในแนวคิด นอกจากจะทำให้ประหยัดแล้ว ยังเป็นการลดโลกร้อน  และส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นในงานที่ไหนทำแบบนี้

นางสาวเนตรดาว  สู้ณรงค์  ครอบครัวผู้เสียชีวิต  บอกว่า  ลูกหลานของผู้เสียชีวิตต้องการจะจัดงานเพื่อเป็นบุญกุศลให้กับผู้วายชนให้มากที่สุด  โดยสิ่งของที่นำมาตกแต่งประดับประดาที่สวยงามหน้าหีบศพ ต้องการจะนำสิ่งของเหล่านี้ทำบุญให้ผ่านไปยังมูลนิธิเพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากไร้จริงๆ อีกทั้งทางวัดก็อยากให้มีการส่งเสริมรณรงค์ใช้สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดด้วยเพื่อไม่ให้เหลือสร้างขยะให้กับวัด และการจัดช่อดอกไม้และนกยูงในครั้งนี้  เสียค่าใช้จ่ายเพียง 13,500 บาท  จากปกติหากตกแต่งแบบนี้จะต้องเสียค่าดอกไม้สดสูงถึง 30,000 บาท

พระปลัดสุริยา ดิสาโร    เจ้าอาวาสวัดสตูลสันตยาราม  บอกว่า   เป็นเรื่องที่ดีที่ญาติโยมใช้สิ่งของเครื่องใช้ของแห้งมาตกแต่งหน้าหีบศพได้อย่างสวยงาม  นอกจากจะเป็นการทำบุญให้กับผู้วายชนที่จากลาโลกไปแล้ว  ยังเป็นการช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ที่ยังอยู่ ด้วยการนำ   บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  ข้าวสาร  ไปทำบุญให้ผู้ยากไร้ได้บุญทั้งผู้ให้และผู้วายชน  ส่วนผู้ที่มีฐานะยากจนการใช้วิธีนี้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพได้
………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

  สตรีเหล็กในวงการเห็ดสตูล  ปลดหนี้ด้วยลำแข้ง สามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือน  เตรียมขยายพื้นที่สร้างอาณาจักรเห็ดแบบครบวงจร พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้  

สตรีเหล็กในวงการเห็ดสตูล  ปลดหนี้ด้วยลำแข้ง สามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อเดือน  เตรียมขยายพื้นที่สร้างอาณาจักรเห็ดแบบครบวงจร พร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้

         อาชีพเกษตรกรไม่ได้ทำให้รวยในวันนี้หรือพรุ่งนี้  แต่หากคุณทำไปเรื่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์คุณก็จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างคุณนาถลดา  ขาวคง อายุ 41 ปี  เกษรตกรเพาะเห็ด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 237 หมู่ที่ 2 ตำบลควนโพธิ์  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล   ซึ่งขณะนี้มีโรงเรือนเพาะเห็ดมากถึง 15 โรงเรือน

         

          โดยขณะนี้หลายโรงเรือนกำลังให้ผลผลิตเห็ดหูหนูซึ่งพร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิต  ทุกโรงเรือนที่เลี้ยงเห็ดหูหนู  เป็นผลพวงมาจากการพักโรงเรือนของเห็ดนางฟ้าภูฐานเป็นเวลา 1 เดือน  ทั้งนี้เพื่อไม่ให้พื้นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์ จึงได้เพาะเลี้ยงเห็ดหูหนู  ซึ่งเห็ดหูหนูนี้จะให้ผลผลิตต่อ 1 ก้อนสูงถึง 1 กิโลกรัม ผลผลิตแต่ละวันได้ถึง 50 กิโลกรัม ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่งเป็นรายได้เสริมอีกทางรองจากการเลี้ยงเห็ดนางฟ้าภูฐาน

 

          สำหรับฟาร์มนาถลดาแห่งนี้  ตลอด 10 ปี ในวงการอาชีพเพาะเห็ดสามารถปลูกขยายพันธ์ได้ถึง 3 สายพันธุ์ โดยมีเห็ดภูฐานนางฟ้า เป็นตัวหลัก   เห็ดหูหนู และเห็ดแครง   ซึ่งทางฟาร์มทำครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปถึงปลายน้ำ คือมีโรงอัดเห็ดก้อนที่สามารถทำกำลังผลิตได้วันละ 1200 ก้อนต่อวัน  การเก็บผลผลิตจากเห็ดนางฟ้าภูฐานได้วันละ 150 กก. เห็ดหูหนูวันละ 50 กก.และขณะนี้เห็ดแครงกำลังรอให้ผลผลิต  สินค้าในแต่ละวันมีไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า

         ชีวิตที่ต้องสู้และดิ้นรนด้วยลำพังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับภาระหนี้สินที่สามีเก่าทิ้งไว้ให้ 4 ล้านบาท จากนักการเมืองท้องถิ่นที่ได้รับการยอมรับนับหน้าถือตา มาวันนี้ได้ถอดหมวกออกก้าวสู่เกษตรกรอย่างเต็มตัว  แม้จะลองผิดลองถูกจนเกือบล้มละลายจนถึงขณะนี้สามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมด และกำลังจะขยายอาณาจักรฟาร์มเลี้ยงเห็ดจาก 1 ไร่เป็น 4 ไร่ และเพิ่มกำลังผลิตเห็ดก้อนเป็นวันละ 200 ก้อนเพิ่มในส่วนของโรงงานทำปุ๋ยจากก้อนเห็ดที่หมดสภาพแล้ว รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการแปรรูปน้ำพริกจากเห็ด และของฝากจากเห็ดสวรรค์

          คุณนาถลดา  ขาวคง  เชื่อว่าอาชีพของเกษตรกร  หากเรามีความอดทนและต่อสู้หมั่นเรียนรู้  สามารถแก้ปัญหาได้ไปเรื่อยๆ จะทำให้คุณมีวันนี้และประสบความสำเร็จเหมือนตนที่กล้าประกาศได้ว่า ชีวิตตนได้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทุกวันนี้มีรายได้เหลือจากรายจ่ายเดือนละ  2 แสนบาท คู่ชีวิตคนใหม่รับราชการทหารก็ให้ลาออกมาช่วยกันเติมความฝัน พร้อมลูกรักที่เป็นกำลังใจให้ตนได้สู้ต่อไปเพื่อพวกเขา

        

          นางฮาบีบ๊ะ  จายุพันธ์  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสตูล  กล่าวว่า เกษตรกรรายนี้ถือเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชม ด้วยความอดทน และมีมานะในการต่อสู่กับปัญหาที่รุมเร้า  โดยเฉพาะในการทำอาชีพเพาะเห็ดที่ต้องเรียนรู้หมั่นดูเชื้อราที่เข้ามาแทนที เชื้อราดี ที่ต้องคอยรื้อออก  หากไม่อย่างนั้นผลผลิตจะได้รับความเสียหาย และการคิดทำก้อนเห็ดเองเพื่อลดต้นทน การคิดทำโรงปุ๋ยจากก้อนเห็ดที่หมดสภาพ เป็นแนวคิดที่มีการต่อยอดบวกกับตลาดมีความต้องการสูง ซึ่งทางเกษตรอำเภอเมืองได้เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาและเป็นพี่เลี้ยงหากเขาต้องการคำปรึกษา ซึ่งก็นับเป็นเกษตรกรที่น่าภาคภูมิใจที่สามารถเติบโตได้จนถึงทุกวันนี้

………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ   เมนูที่กำลังจะสูญหาย จาก จ.สตูล  

ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ   เมนูที่กำลังจะสูญหาย จาก จ.สตูล

         วันนี้ผู้สื่อข่าวจังหวัดสตูลพามารู้จักและทานอาหารสูตรโบราณที่หาทานยากอีกหนึ่งเมนูนั่นก็คือ  “ไก่สะเต๊ะสูตรข้าวอัดโบราณ”  ที่มีทานเฉพาะเทศกาลหรืองานสำคัญ ๆ ทางวัฒนธรรมเท่านั้น  โดยเจ้าของสูตรนี้คือ   นางสาวยารีนี   เจะอาแว   เจ้าหน้าที่คฤหาสน์กูเด็น  ประจำจังหวัดสตูล   ที่ใช้โอกาสสำคัญที่มีการจัดงานวัฒนธรรมด้านอาหาร และงานเทศกาลฮาลาล  ด้วยการนำสูตรไก่สะเต๊ะโบราณ  มาจำหน่ายซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ที่ได้รับอิทธิพมาจากปากีสถาน  มาขายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบสูตรนี้ 

       โดยการหมักไก่ด้วยเครื่องสมุนไพรข้ามคืน และการนำน้ำซอสถั่วจิ้มด้วย โดยมีส่วนผสมคือเครื่องสมุนไพร  พริกแห้ง  ตะไคร้ ข่าขิง  ที่เข้มข้นเช่นกัน  และยังทานแก้เลี่ยนนอกจากจะตัดด้วยอาจาด ที่มีส่วนผสมของแตงกวาซอย พริกและหอมซอยแล้วยังใส่น้ำส้มสายชูน้ำตาลทรายและเกลือ  ทานคู่กับเข้าอัด  ที่ใช้กรรมวิธีโบราณหลังหุงข้าวจนสุกนำมาบดให้ละเอียดและกลับไปนึ่งอัดเป็นก้อนทานคู่กับไก่สะเต๊ะ น้ำซอสถั่วทรงเครื่องสมุนไพร อาจาดและข้าวอัด  ทางร้านจำหน่าย 1 ชุด ไก่ 10 ไม้ พร้อมเครื่องเคียงทั้งหมดเพียง 50 บาท 

       สำหรับสูตรนี้นับเป็นสูตรโบราณ หาทานยากมากในพื้นที่สตูล แม้วันนี้ทางเจ้าของสูตรจะทำขายเฉพาะเทศกาลสำคัญ งานบุญ งานเทศกาลอาหารฮาลาลแล้ว  ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่ชื่นชอบสั่งเป็นจุดได้เพื่อรองรับแขก หรืองานเลี้ยงงานสังสันได้ที่  โทร  0973560708  คุณเม๊าะ

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

สื่อสตูล ขับเคลื่อน “ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”

สื่อสตูล ขับเคลื่อน “ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”

     วันที่ 21 ส.ค.2566  ณ ห้องประชุมชั้น 2 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ศูนย์ข่าวปลอดควันจังหวัดสตูล  โดย นางสาวพัชรี  เกิดพรม  ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวปลอดควันจังหวัดสตูล  พร้อมสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดสตูล  จัดโครงการ สื่อมวลชนสตูล “ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”  โดย นายสัมฤทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด  นายสุรศักดิ์ สลีมีน ประธานชมรมสื่อมวลชนจังหวัดสตูล กล่าวต้อนรับ  สื่อมวลชนทุกแขนงทุกสาขาที่เข้าร่วมอบรม 30 คน  โดยนายนพดล  นพสุวรรณ นายช่างเทคนิคชำนาญงาน  สำนักงานสาธารณสุข จ.สตูล  บรรยายเรื่อง โทษ ภัยและสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้า 

        นางสาวพัชรี  เกิดพรม  ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวปลอดควันจังหวัดสตูล/ผู้ทรงคุณวุฒิด้านควบคุมการบริโภคยาสูบจังหวัด (สาขาสื่อมวลชน)  กล่าวว่า  การระดมทุกภาคส่วนของภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบของจังหวัดสตูล  ให้มาร่วมกันรณรงค์ป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มเด็กและเยาวชนถือเป็นวาระสำคัญ  ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน  เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน

          ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวปลอดควันจังหวัดสตูล  กล่าวอีกว่า  จากข้อมูลผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 พบว่า ประชากรไทยที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีจำนวน 78,742 คน คิดเป็นอัตรา 0.14% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่มีจำนวนทั้งหมด 57 ล้านคน เป็นคนที่สูบทุกวัน 40,724 คน

และสูบแบบไม่ทุกวัน  38,018 คน โดยผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 24,050 คน อายุระหว่าง 15-24 ปี   โดยที่สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเริ่มแพร่ระบาดอย่างหนัก เด็กและเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างเปิดเผยดังที่กล่าวข้างต้น  ซึ่งหากมีการยกเลิกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า จะทำให้การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนยิ่งรุนแรงมากขึ้น  

         ด้านนายสัมฤทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายก อบจ.สตูล  กล่าวว่า  เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน  ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล  ยินดีที่จะร่วมให้เกิดกระแสรณรงค์คนสตูลไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า   เพื่อให้เกิดความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนคนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

          หลังจากผ่านเวทีการอบรมให้ความรู้แล้วนั้น  คณะสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่ ท่าเทียบเรือตำมะลัง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือระหว่างประเทศ (ไทย-มาเลเซีย)  เพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวปลอดควัน  สำหรับท่าเทียบเรือตำมะลังนั้น  ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้ประกาศเป็นท่าเรือปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย ไปแล้วเมื่อต้นปี 2566  ให้เป็นสสถานที่สาธารณะที่มีการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ 

………………….

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 สตูล..ข้าวหมกไก่  10 บาทอร่อยและถูกมีอยู่จริง  

ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ

           วันที่ 16 ส.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กลิ่นที่หอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศสมุนไพรที่ลงตัว  กับเมนูวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นชายแดนใต้จังหวัดสตูล  ต้องยกให้    “ข้าวหมกไก่”  โดยเฉพาะที่ร้านก๊ะโตน   ตั้งอยู่สี่แยก (เจ๊ะบิลัง) ติดไฟแดง  ฝั่งขาออกเมืองมุ่งหน้าไปตำมะลัง  เขตเทศบาลเมืองสตูล   ร้านข้าวหมกไก่ก๊ะโตน เจ้าอร่อยขวัญใจชาวบ้าน เด็กและทุกวัยทำงาน 

          โดยในแต่ละวันจะทำข้าวหมกไก่  วันละ 10 กิโลกรัม ขายตั้งแต่ตี 5 ถึงบ่าย 3 โมงเย็น ทำใหม่สดทุกวัน สูตรผสมคิดค้นขึ้นเองมีรางวัล อันดับ 1 การันตีในงานการประกวดอาหารสตูลฮาลาลสตรีท 2019  โดยเคล็ดไม่ลับความอร่อยคือ การเลือกสรรวัตถุดิบดีมีคุณภาพ   ที่มีนมสด ,น้ำตาลทรายขาว ,ผงกะหรี่,เกลือ,หอม,กระเทียม,ขิง ดอกจัน, ไม้หวาน เม็ดกะวาน, ตะไคร้ พริกเขียว  มะเขือและเครื่องเทศ ผัดรวมกันจนเครื่องสุกแล้วใส่ไก่ที่ล้างสะอาดลงไปผัดคลุกเคล้าจนไก่สุกและตักออก  จากนั้นใส่ข้าวสารอย่างดีลงไปผัด และอบจนความร้อนระอุทั่วทั้งกระทะ  เป็นอันเสร็จ

          ทางร้านทำขายข้าวหมกในราคาเพียงห่อละ 10 บาท เป็นอาหารเช้าให้เด็ก ๆ นักเรียน  ห่อละ 20 บาทสำหรับกลุ่มในวัยทำงาน  ส่วนกล่องละ 40 บาทรับตามออเดอร์  และยังทำเป็นออเดอร์หม้อละ 4,500 บาท ทานได้ 70 คน 

          ทางร้านยังมีเมนู แกงตอแม๊ะ  ที่ได้รับรางวัลด้วยเช่นกันขายทุกวัน และเมนูอาหารพื้นเมือง อย่าง  แกงมัสมั่น    แกงกูลุม่า  และอีกหลากหลายแกงที่ไว้ขายบริการลูกค้า  รวมทั้งขนมพื้นเมืองหลากหลายซึ่งเป็นเมนูฮาลาล 100 เปอร์เซ็นต์  

          นางสัยโตน   ปาดูลัง   เจ้าของร้าน  บอกว่า  ก่อนหน้านี้เคยขายแกงถุงละ 10 บาทในระยะหนึ่ง จู่ยอดขายตก จึงขายข้าวหมกไก่กล่องละ  10 บาท  20 บาทและ 40 บาทรวมทั้งทำรับตามออเดอร์ที่ร้านและที่อำเภอละงู  โดยสูตรข้าวหมกไก่ปรับสูตรคิดค้นขึ้นเองจนลูกค้าติดใจ

         โดยได้รับความสนใจจากลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั้งเด็ก ผุ้ใหญ่ วัยทำงานรวมทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียก็จะหมุนเวียนมาทานที่ร้านกันไม่ขายสาย  เพราะมีทั้ง ข้าวหมก ข้าวมันแกงตอแม๊ะ  และอีกหลากหลายแกงให้เลือกสรร รวมทั้งน้ำชากาแฟ ขนมพื้นเมืองไว้บริการ   สนใจติดต่อสอบถาม   ก๊ะสัยโตน   ปาดูลัง   โทร 062 424 0309

……………………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

 ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ  

ชาวสวนสตูลรวมกลุ่มทำปาล์มน้ำมันคุณภาพ  ต่อรองกับลานเทอับราคาได้สูงกว่าหน้าร้าน พร้อมยอมรับการเมืองมีผลต่อการขึ้น ลง ของพืชเศรษฐกิจ

        ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาผันผวนทำให้เกิดผลกระทบ  การรวมตัวเป็นแปลงใหญ่ของเกษตรกรปาล์มน้ำมัน  เป็นโอกาสดีในการต่อรองราคาให้สูง  ภายใต้ผลผลิตคุณภาพ   ซึ่งทางกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล  ตั้งเป้าหมาย 5 ด้าน ลดต้นทุนการผลิต 20% เพิ่มผลผลิต 20%  พัฒนาคุณภาพ/พัฒนาให้ได้มาตรฐาน บริหารจัดการ และ การตลาด 

        ที่วิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันแปลงใหญ่อำเภอควนโดน มีสมาชิก 183 ราย พื้นที่ปลูกปาล์มรวม 1,111 ไร่  มีนายศุภเรศน์  แซะอามา  เป็นประธานฯ  ได้รับองค์ความรู้ด้านการดูแลสวน  การจัดการสวน  ตลอดจนการตลาด  กระทั่งสามา รถผลิตปาล์มคุณภาพ  และสามารถต่อรองราคาได้สูงกว่าราคาป้ายที่ผันผวนตลอดเวลา

         นายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล  พร้อมทีมเกษตรอำเภอควนโดนลงติดตามความก้าวหน้าการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันแปลงใหญ่อำเภอควนโดน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 แปลงของจังหวัดสตูลโดยมีการบูรณาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรเอง  และนอกกระทรวง  ทั้งภาคเอกชน   ให้การสนับสนุนเรื่ององค์ความรู้ทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรสามารถที่จะเพิ่มผลผลิตต่อไร่  โดยใช้หลักวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้อง  ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ  ให้ปุ๋ย  เรื่องพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิต เพิ่มขึ้นการตรวจวิเคราะห์ดิน   การวิเคราะห์ใบปาล์ม  เพื่อที่จะให้ตอบสนองและสอดคล้องกับความต้องการจริงๆ   การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมเพื่อสนับสนุนให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

        ในเรื่องของมาตรฐานคุณภาพปาล์มที่ตัดทุกทะลายจะต้องมีคุณภาพเป็นปาล์มที่แก่จัด เกษตรกรก็จะสามารถอัพราคาขึ้นมาได้  แปลงใหญ่ทั้งหมดเราให้ความสำคัญโดยจะไม่ตัดปาล์มไม่มีคุณภาพส่งโรงงาน   ในอีกส่วนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับสมาชิกแปลงใหญ่โดยตรงคือการรวมตัวกันเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง  พัฒนากลุ่มให้มีความเข้มแข็ง  เพื่อเชื่อมโยงด้านความร่วมมืออำนาจในการต่อรองการร่วมกันจัดการ   ไม่ว่าจะเรื่องการรับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะเข้ามา  ทั้งในเรื่องการต่อรองกับลานเทต่างๆ

       นายศุภเรศน์  แซะอามา  ประธานแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันอำเภอควนโดน  กล่าวว่า   กรมส่งเสริมฯได้อบรมให้ความรู้กับสมาชิกปาล์มแปลงใหญ่   ทุกคนมีองค์ความรู้สามารถที่จะปลูกปาล์มน้ำมัน  หรือพัฒนาปาล์มน้ำมันที่ปลูกเรื่องด้านการตลาดจะเห็นได้ว่า  เมื่อกลุ่มมีพลัง  สมาชิกเองมีระบบการจัดการที่ดี   กลุ่มเองก็มีการตกลงกับลานเท   เพื่อที่จะต่อรองว่าเรามีคุณภาพแล้ว  เราสามารถได้ราคาที่ดีกว่าเกษตรกรทั่วไป   นี่คือสิ่งที่เราให้การสนับสนุน  โดยความร่วมมือจากในหน่วยงานเกษตรทั้งหมด

      จากองค์ความรู้  ทางกลุ่มทำปาล์มคุณภาพโดยตัดปาล์มสุก  ซึ่งให้สังเกตดูที่พื้นถ้าใต้โคนมีลูกร่วงอยู่ประมาณ3- 4 เม็ด ถึง 10 เม็ด สามารถที่จะตัดปาล์มเอาไปขายได้   เพราะเป็นปาล์มมีคุณภาพ ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 21% ขึ้นไป  เมื่อทางกลุ่มมีปาล์มที่มีคุณภาพ มากกว่า 90%    ก็ได้ทำ  MOU กับลานปาล์ม   เมื่อทางกลุ่มส่งปาล์มคุณภาพให้    กลุ่มฯจะได้ส่วนต่างเพิ่มราคาหน้าป้าย 20  สตางค์  เช่นวันนี้ราคาปาล์ม 5.60 บาททางกลุ่มฯ จะได้อย่างน้อย 5.80 บาท  บางคนบวกได้สูงถึง 40 สตางค์  อันนี้คือเป็นผลดีกับเกษตรกรที่ได้เข้าร่วมกลุ่มปาล์มแปลงใหญ่

       สำหรับผลผลิตโดยรวมของแปลงใหญ่  เริ่มจากตอนที่ยังไม่ได้เข้ากลุ่มฯ  ไม่มีองค์ความรู้ต่างคนต่างทำผลผลิตเฉลี่ยตอนนั้น 2,300 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี   แต่หลังจากที่เราได้รวมกลุ่มฯกัน  มีองค์ความรู้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 2.5 ตัน ถึง 2.7 ตัน ในปีที่ผ่านมา 2565 เราได้ผลผลิต 3,245 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี เพิ่มขึ้นแตะ 3 ตันสูงกว่าระดับประเทศอยู่ตอนนี้

       ทางด้าน  ลานเทปาล์มครูเหม ซึ่งตั้งอยู่ บ้านควนบ่อทอง  ต.ทุ่งนุ้ย  อ.ควนกาหลง  จ.สตูล  เป็นลานเท ที่ทำ MOU กับ เกษตรกร แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันควนโดน  ทุกๆวันจะมีปาล์มคุณภาพจากเกษตรกรเข้ามาเฉลี่ยวันละ  1.8-2 ตัน   โดย  นายเจ๊ะบารอเหม   ยาหลี  เจ้าของลานปาล์มครูเหม  กล่าวถึงผลดีเมื่อได้ทำ MOU ร่วมกับ แปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันควนโดน  ถึงข้อดีคือ   ลานเทมีปริมาณปาล์มเข้ามากขึ้น ลูกค้ามีแน่นอน   ผลดีของลานเทคือ  ได้ปาล์มที่มีคุณภาพ  ส่งเข้าโรงงาน   ทางลานเทก็สามารถที่จะอัพราคาให้กับปาล์มแปลงใหญ่ได้ เพิ่มถึง 20 สตางค์  หากมีแปลงปาล์มมากกว่า 50 ไร่ก็จะเพิ่มสูงถึง 25 สตางค์ต่อกิโลกรัม   ขึ้นอยู่กับช่วงราคาที่เราได้จากโรงงานด้วย  

      ส่วนการเมืองที่อยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาล  นายเจ๊ะบารอเหม   ยาหลี  เจ้าของลานปาล์มครูเหม  กล่าวเพิ่มเติมว่า  การเมืองมีผลต่อพืชผลเศรษฐกิจหลายด้าน  ทั้งด้านการประกันราคา  ปริมาณสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้ทะลักเข้าประเทศเพราะส่งผลต่อราคาที่ผันผวนได้  ทำให้มีการดีดกลับไปที่โรงงาน   และดีดกลับมาที่ลานเท  แม้ขณะนี้ราคายังทรงอยู่   หลายฝ่ายรอดูสถานกาณณ์ผู้นำจะทำอย่างไร อยากให้รัฐบาลมาดูแลทุกขั้นตอนทุกระดับ ให้ฐานะดีขึ้นทั้ง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา

      สำหรับ  สถานการณ์ปาล์มน้ำมันของลานเท  ณ ปัจจุบันปริมาณคงที่  วันหนึ่งเฉลี่ย 20 ตันต่อวัน   โดยบางวันก็อาจจะแค่ 18  -19 ตัน แล้วแต่ช่วงจังหวะฝนตกหรือจังหวะที่ผลผลิตน้อย  

…………………………………………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

Tellscore จับมือ มูลนิธิเพื่อ“คนไทย” และ “ร้อยพลังสร้างสังคมดี”  จัดกิจกรรม Help You, HelpMe

กรุงเทพฯ Tellscore จับมือ มูลนิธิเพื่อ“คนไทย” และ “ร้อยพลังสร้างสังคมดี”  จัดกิจกรรม Help You, Help Me หนึ่งในโครงการ  Influencer for Change นับเป็นปีที่ 4 สนับสนุนสื่ออินฟลูเอนเซอร์ 300 คน สำหรับโครงการเพื่อสังคม 6 โครงการที่ได้รับรางวัล   

       ดังที่ทราบกันว่า หนึ่งในตัวช่วยสำคัญและนับเป็นทรัพยากรที่ภาคประชาสังคมผู้ขับเคลื่อนงานพัฒนาความยั่งยืนมีความต้องการก็คือ “สื่อ” เพื่อเป็นเครื่องมือระดมความช่วยเหลือจากประชาชนจำนวนมาก  “สื่อบุคคล” หรือ “อินฟลูเอนเซอร์” นับเป็นอีกตัวอย่างช่องทางการสื่อสารที่ทรงพลัง  นี่คือที่มาของกิจกรรม Help You, Help Me :  Influencer for Change โครงการสรรค์สร้างสังคมที่บริษัท เทลสกอร์ จำกัด (Tellscore) หนึ่งในผู้นำ Influencer Marketing ของประเทศไทยได้ก่อตั้งขึ้นร่วมกับมูลนิธิเพื่อ“คนไทย” และ“โครงการร้อยพลังสร้างสังคมดี” เพื่อเชิญชวนและสนับสนุนให้สื่ออินฟลูเอนเซอร์ในระบบเทลสกอร์ มาเป็นอาสาสมัครสื่อสารโครงการเพื่อสังคมของภาคีเครือข่าย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

      กิจกรรม Help You, Help Me เริ่มครั้งแรกเมื่อปี 2563 สู่ปีที่4 ในปีนี้ มีหน่วยงานภาคสังคมส่งโครงการมารับการพิจารณารางวัลสื่ออินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 50 โครงการ และมีโครงการที่ได้รับรางวัลแล้วมากกว่า 20 โครงการ โดยแต่ละปีเทลสกอร์ได้เชื่อมต่อและสนับสนุนอาสาสมัครสื่ออินฟลูเอนเซอร์ในระบบให้โครงการที่ได้รับรางวัลๆ ละ 50 คน ปีละ 6 โครงการ หรือ 300 คนต่อปี  รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน ไม่รวมอีกกว่า 3,000 คนที่ได้อาสาเป็นกระบอกเสียงช่วงวิกฤติโควิด-19 นับเป็นความร่วมมือที่ขาดคนสำคัญอย่างอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้ และยังเป็นการสร้างกระบวนการที่ภาคสังคมสามารถเรียนรู้หลักการสื่อสารโดยการใช้สื่อบุคคล และเรียนรู้การใช้ระบบเทลสกอร์ ไว้สานต่อด้วยตัวเอง

       สำหรับโครงการ Help You, Help Me season 4 เพิ่งจัดไปเมื่อเร็วๆ นี้ นั้น ได้รับความสนใจจาก 21 องค์กรภาคสังคมร่วมนำเสนอโครงการ ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับรางวัลสื่ออินฟลูเอนเซอร์ 6 โครงการ ได้แก่ 1) Dots Coffee ร้านกาแฟที่ให้บริการโดยคนพิการทางสายตาร้านแรกและร้านเดียวในโลก www.dotscoffee.com  2)  insKru Collection 2023 พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอนhttps://new.inskru.com/idea-library/ 3)โรงเรียนจิตศึกษาพัฒนาปัญญาภายใน หรือโรงเรียนนอกกะลา https://www.lamplaimat.ac.th/  4) Money Genius ปลดหนี้ 4 ภาค https://geniusschoolthailand.com/  5) หัวใจมีหู : สร้างพื้นที่ปลอดภัย สร้างพื้นที่รับฟังด้วยใจ https://www.satiapp.co/ 6) Local Heroes Funds ท่องเที่ยวชุมชน  https://localalike.com/

       คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อ “คนไทย”  กล่าวว่า งานครั้งนี้มีตัวแทนและหน่วยงานด้านสังคมที่ขับเคลื่อนงานหลากหลายประเด็นเข้าร่วม เช่น ประเด็นการศึกษา เด็กและเยาวชน โรงเรียน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ธรรมาภิบาล แม้กระทั่งเรื่องสัตว์ ฯลฯ แต่ละประเด็นนับเป็นเรื่องสำคัญในสังคม ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะรับผิดชอบดูแลได้ ต้องอาศัยทุกคนช่วยกัน และต้องอาศัยคนอีกจำนวนมากมาช่วยกันดูแลสังคม สร้างสังคมของเราให้เข้มแข็ง เป็นสังคมที่ดี ที่น่าอยู่ ดังนั้น ในกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้ความตั้งใจดีๆ สิ่งดีๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น ต้องอาศัยกลไกการสื่อสารบอกกล่าวเชิญชวนเพื่อนอีกจำนวนมาก เพื่อจะมาทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมร่วมกัน

        คุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ Help You, Help Me จะได้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งพลังสูงมากมาทำคอนเทนต์ และเทลสกอร์เป็นเอเจนซี่ที่มีความรู้ด้าน Digital Boosting Media สามารถช่วยใส่เขี้ยวเล็บให้กับแต่ละโพสต์ ช่วยสร้างเอ็นเกจเมนต์ และ เพอร์ฟอร์แมนซ์ให้ดียิ่งขึ้น เช่น ถ้ามีการระดมทุน หรืออยากได้สมาชิกไปทำอาสาสมัครต่างๆ เราหวังว่ากิจกรรมเหล่านี้จะบรรลุผลมากขึ้นจากการกระจายข่าว

      “ทั้ง 21 โครงการที่ร่วมงานนี้ทำให้เทลสกอร์มีความรู้เพิ่มขึ้น โดยความรู้เหล่านี้เราจะถ่ายทอดต่อให้น้องๆอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการทำซ้ำที่ไม่มีวันจบสิ้น กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ก็จะได้รับแรงบันดาลใจจากโครงการของภาคสังคม เขาก็จะชักชวนเพื่อนๆ เข้ามาเป็นจิตอาสาเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ” คุณสุวิตากล่าว

        ด้านคุณมาวิน ทวีผล  Foodie Influencer ชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 3 ล้านคนบนโซเชียลมีเดีย ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษที่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์การทำคอนเทนต์ช่วยเหลือสังคม และเป็นกำลังใจให้กับภาคีเครือข่ายเพื่อสังคมในกิจกรรมนี้  ได้แสดงความคิดเห็นว่า คนไทยต้องช่วยกัน คนเดียวเป็นไปไม่ได้ ต้องไปด้วยกันทุกคน ทุกคนไม่ได้เก่งเหมือนกันหมด

       “ทุกร้านที่ผมไปกิน จริงๆ มันแค่หนึ่งมื้อธรรมดาของผมแต่เป็นมื้อพิเศษของร้านเขา เพราะผมจะทำคอนเทนต์ให้เขา ไม่มากก็น้อย คนจะตามไปหาเขา ผมว่ามันก่อเกิดประโยชน์ให้เขามาก โครงการดี ผมเป็นกระบอกเสียง ต้องช่วยกันเพื่อนำสังคม ทั้งอินฟลูเอ็นเซอร์ ทุกคนต้องช่วยกันหมด ทางเทลสกอร์มีอินฟลูเอนเซอร์ที่พร้อมซัพพอร์ตเยอะมาก เราต้องไปด้วยกันได้ ขอให้ทุกคนทำโครงการดีๆต่อไปทางเทลสกอร์จะซัพพอร์ตแน่นอน แล้วเดี๋ยวประชาชนจะเห็นกว้างมากขึ้น เป็นคลื่นที่กระเพื่อมแรงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อแบบนั้น”  

กิจกรรม Help You, Help Me นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือหน่วยงานเครือข่ายเพื่อสังคมประชาสัมพันธ์โครงการ และแคมเปญดีๆ ด้วยสื่ออินฟลูเอนเซอร์แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้การสร้างกระบอกเสียงได้ด้วยตัวเอง ช่วยขยายผล และต่อยอดแคมเปญอันหลากหลายนี้สู่การรับรู้ของสาธารณะในช่องทางดิจิทัล ช่วยนำเสนอแนวคิดการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม โดยเฉพาะกับหน่วยงาน หรือองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ต้องการทำโครงการเพื่อสังคม และยังเป็นการพัฒนาสังคมในทุกด้านอย่างยั่งยืน

         สำหรับผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบอกเสียงเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานภาคสังคม แค่เพียงมีช่องทางในโซเชียลมีเดีย ไม่จำเป็นต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ก็สามารถร่วมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่มีความหมาย และต่ออายุให้ภาคสังคมได้มากกว่าที่คิด สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ ติดต่อ contact@tellscore ระบุ “โครงการ Help You, Help Me”

         สำหรับหน่วยงาน  หรือองค์ใดที่ต้องการต่อยอดแนวคิดการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://helpyouhelpme.tellscore.com/ หรือหากต้องการคำปรึกษาด้านการตลาดอินฟลูเอนเซอร์สำหรับโครงการต่างๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://tellscore.com

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

สตูล-หนุ่มรัฐศาสตร์  เปิดกระทรวงเกษา รับรุนผมไม่หวั่นแม้วันมามาก  วัยรุ่นนักการเมืองจองคิวแน่น

สตูลหนุ่มรัฐศาสตร์  เปิดกระทรวงเกษา รับรุนผมไม่หวั่นแม้วันมามาก  วัยรุ่นนักการเมืองจองคิวแน่น

        กระทรวงเกษา  ป้ายชื่อร้านที่เขียนด้วยตัวอักษรสีทองดูโดดเด่นสดุดตา  จนต้องหาคำตอบว่า ร้านอะไร  หรือหน่วยงานราชการ สังกัดใดกัน  สำหรับ  “กระทรวงเกษา” เป็นร้านตัดผม ของนายจักรพงษ์  หมันเหตุ อายุ 39 ปี  ดีกรีปริญญาตรี รัฐศาสตร์ เป็นชาวจังหวัดสตูล  ที่แม้จะเรียนจบมา  ทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนเท่าไหร่    ก่อนค้นพบตัวเองว่าชื่นชอบการตัดผม  จึงไปศึกษาหาความรู้  ก่อนจะยึดเป็นอาชีพนี้มายาวนานถึง  10  ปีจนถึงปัจจุบัน

       สำหรับร้าน กระทรวงเกษา  ตั้งอยู่ในพื้นที่ถนนสายใน  ก่อนถึงเทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล  ดำเนินงานภายใต้สโลแกน  “พร้อมรุน…แม้วันที่คุณจะมามาก!”

       เมื่อทีมข่าวเดินทางเข้าไปภายในร้าน  ซึ่งตกแต่งเก๋ๆสไตล์วัยรุ่น   บรรยากาศผ่อนคลาย    โดยมีกลุ่มวัยรุ่น  ลูกค้าแวะเวียนมานั่งเสวนา   และรับบริการตัดผม  ซึ่งลูกค้าที่จะมาตัดผมที่ร้าน  กระทรวงเกษา  ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้น  จะเดินเข้ามาตัดในร้านแบบสุ่มๆไม่ได้  เพราะทางร้านต้องตัดตามลำดับคิว  นับเป็นการบริหารจัดการร้านอย่างหนึ่ง  และลูกค้าก็ไม่ต้องมานั่งรอนาน ด้วย 

          ทางด้านลูกค้าบอกว่า  ตัดผมเดือนละครั้ง  โดยจะมาทุกเดือน  เพราะเจ้าของร้านเป็นกันเอง คุยสนุกสำหรับทรงผมนั้นก็เอาแบบมาให้ดู  มีบางครั้งช่างก็จะบอกว่าทรงนี้ไม่เหมาะกับโครงหน้า  ก็จะแนะนำให้  ส่วนราคาสู้ได้อยู่

         นายจักรพงษ์  หมันเหตุ เจ้าของร้านกระทรวงเกษา กล่าวว่า   โดยเฉพาะช่วงเทศกาล  จะมีลูกค้าเข้าคิวตัดผม  ยาวไปถึงเช้าก็เคยมีมาแล้ว   ส่วนวันธรรมดาลูกค้าก็จองคิวยาวไปจนถึงค่ำมืด  สำหรับลูกค้าก็มีหลากหลาย แม้กระทั่ง สส.ของจังหวัดสตูล ยังมาจองคิวตัดผมกันที่ร้านนี้ด้วย   การันตีฝีมือกันไปเลย

         ทางร้านรับลูกค้าเฉลี่ยวันละ20 คน  รายได้ตกเดือนละ  36,000 บาท อนาคตเตรียมปั้นช่างเพิ่ม

       สำหรับราคาบริการตัดผม  อยู่ที่  60-100 บาท  เด็ก 60  วัยรุ่น 80  ส่วนผู้ใหญ่ 100 บาท  ทุกทรง โดยลูกค้าสามารถ จองคิวได้ทางเพจของร้าน  กระทรวงเกษา  หรือโทรจองได้เบอร์ 089-653  4586 

  …………………………………….

จันทนา  กูรีกัน //รายงาน

อัพเดทล่าสุด