Categories
ข่าวทั่วไป

สื่อออนไลน์ภูมิภาคอาเซียน ผนึกกำลังร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการอยู่รอด ในงาน Regional Seminar 2023

สื่อออนไลน์ภูมิภาคอาเซียน ผนึกกำลังร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการอยู่รอด ในงาน Regional Seminar 2023 จัดโดยสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

         สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  จัดการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเห็นระดับภูมิภาค (Regional Seminar) ในหัวข้อ “ความอยู่รอดของสื่อออนไลน์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” หรือ Survival of Online News Providers in the Changing World เป็นการรวมตัวกันของตัวแทนผู้ผลิตสื่อออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่มาร่วมแลกเปลี่ยน หารือเกี่ยวกับปัญหา สถานการณ์และแนวทางการทำธุรกิจสื่อออนไลน์ในภูมิภาคนี้ โดยได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม ปทุมวัน ปริ๊นเซส และถ่ายทอดสดออนไลน์ทางเฟซบุ๊กสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ www.fb.com/SONPThai และไทยพีบีเอส www.fb.com/ThaiPBS

         นายระวี ตะวันธรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำว่า  ภูมิทัศน์สื่อในภูมิภาคอาเซียนปรับเปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะพฤติกรรมผู้รับสารที่ปรับเปลี่ยนไปโดยเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านทาง Key Opinion Leader  หรืออินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับข่าวสารเป็นอย่างมาก ดังนั้นสื่อมวลชนในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมงานจะสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิด พร้อมทั้งเสนอแนวทางต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการผลิตสื่อที่เน้นถึงคุณภาพของคอนเทนต์  ตลอดจนร่วมกันหาแนวทางในการสร้างโมเดลธุรกิจ สำหรับหารายได้ให้องค์กรสื่อมีความยั่งยืนทางธุรกิจ  โดยในงานนี้ได้สรุปถึงที่มาและภาพรวมของพัฒนาการของอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียน โดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้งสมาคมฯ อีกด้วย

 

          การสัมมนาดังกล่าว ได้เชิญตัวแทนจากสื่อออนไลน์ชื่อดังในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย เมียนมาร์ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว   ร่วมหารือใน 3 หัวข้อหลัก คือ หัวข้อที่ 1 “กลยุทธ์ด้านเนื้อหา (Content Strategy)” นำเสนอการพัฒนาการนำเสนอเนื้อหาและกลยุทธ์ในมุมมองใหม่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน โดย Min Thaw Htut, Executive Director of Eleven Media Group เมียนมาร์,  Thong Sovan Raingsey, General Director of Koh Santepheap Media จากกัมพูชา และ Somsack Pongkhao, News Editor of Vientiane Times จากลาว หัวข้อที่ 2 “โมเดลธุรกิจ (Business Model)” ศึกษาสื่อออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่อย่างไร เพื่อดึงดูดผู้อ่านและผู้ชมมากขึ้น ในขณะที่แพลตฟอร์มทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ร่วมเสวนาโดย Do Min Thu  Executive,  VietnamPlus Online News จากเวียดนาม , Rosette Santillan Adel, Online Writer/Editor of Philstar.com  จากฟิลิปปินส์ และ Adek Media Roza Ph.D .Director of Katadata Insight Center จากอินโดนีเซีย  โดยทั้งสองหัวข้อ ร่วมดำเนินรายการเสวนาโดย น.ส.ณัฎฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวนการ Thai PBS World จาก Thai PBS  และหัวข้อที่ 3  “โอกาสการสร้างรายได้ (Monetization Opportunity)” โอกาสใหม่ ๆ และการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ ของการหารายได้ที่แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน โดย  Chia Ting Ting,  Chief Commercial Officer Malaysiakini จากมาเลเซีย และนายระวี ตะวันธรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์  ดำเนินรายการโดย น.ส.ธันย์ชนก จงยศยิ่ง บรรณาธิการ TNN World

 

         ตัวแทนสื่อจากมาเลเซียกล่าวว่า สื่อ ผลิตภัณฑ์ และการโฆษณาเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด การกำหนดจุดยืนของแบรนด์ในระดับโลกเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะสื่อจำนวนมากลงไปแข่งขันในระดับนานาชาติ นอกจากนั้น สื่ออาจต้องเน้นให้บริการลูกค้าในด้านการบริหารชื่อเสียง การให้คำแนะนำด้านการสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รวมทั้งการให้ความรู้กับสาธารณชนด้วย  การจำแนกฐานลูกค้า การเข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้ง การเข้ากันได้แบรนด์ลูกค้ากับสื่อของเราก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเช่นเดียวกัน

        ขณะที่ตัวแทนจากประเทศไทยได้ให้ความเห็นว่า “สื่อต้องหากลุ่มเฉพาะของตัวเองให้เจอ ส่วนเนื้อหาที่ Google ต้องการในปัจจุบัน  คือเรื่องเกี่ยวกับการให้ความหวัง สุขภาพจิต สิ่งแวดล้อม และการข่มขู่คุกคามจะได้รับการผลักดันมากกว่าเรื่องอื่น ๆ

 

        ตัวแทนสื่อจากลาว กล่าวว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 สื่อมวลชนลาวต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อความอยู่รอด แต่เดิมหารายได้จากการขายพื้นที่โฆษณาบนสื่อสิ่งพิมพ์ ต้องปรับตัวหารายได้จากออนไลน์ โดยผู้บริโภคข่าวสารในลาวที่รับข่าวสารผ่านระบบออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

        ตัวแทนจากเมียนมาร์ กล่าวว่า ภายในประเทศยังคงมีการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด จนทำให้สื่อหลาย ๆ รายต้องปิดตัวลง เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวพม่าต้องใช้ VPN ในการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น สื่อมวลชนพม่าจำนวนมากถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และกักขังจากการเสนอเนื้อหาหรือความจริงที่ไม่ถูกใจรัฐ แม้จะยากลำบากในการทำสื่อขนาดไหน ทางตัวแทนพม่าได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “ถึงแม้คุณจะถูกห้ามไม่ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำเรื่องไม่ดีแทน”

 

       ด้านตัวแทนจากกัมพูชา ให้คำแนะนำว่า “การแบ่งกลุ่มชุดเนื้อหาให้เหมาะกับกลุ่มเฉพาะ (Niche) เป็นสิ่งที่ควรทำ การทำข่าวในปัจจุบันเป็นเรื่องที่เน้นความเร็ว และควรมีความครอบคลุมหลากหลายกลุ่มผู้ชม และเห็นว่า COVID-19 ได้กระตุ้นให้สื่อต้องปรับกลยุทธ์อย่างมากเพื่อความอยู่รอด

 

        ตัวแทนจากฟิลลิปปินส์ กล่าวว่า สื่อมวลชนนำเสนอคอนเทนต์ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าการเมือง สังคม กีฬา ในช่วงนี้สื่อจะผลิตเนื้อหาที่สั้นลงให้เข้ากับพฤติกรรมผู้รับสาร และเน้นไปที่การนำเสนอแบบไลฟ์สด หรือ Real Time โดยเนื้อหาที่ครองใจคนได้ คือเนื้อหาที่มีทั้งภาพและเสียง ( Visualization)  พร้อนแนะนำว่า การทำคอนเทนต์ให้ตรงใจกับผู้รับสารจะเป็นประโยชน์กับตัวสำนักข่าวเอง ส่วนการที่จะไปต่อสู้กับโซเชียลมีเดีย หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ องค์กรสื่อเองต้องมีความน่าเชื่อถือและทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้ายามของสังคม รักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน

 

        ตัวแทนจากอินโดนีเซียได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจว่า “การหาทุนในการทำข่าวเชิงลึกเป็นเรื่องที่ยาก สื่อต้องมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน อีกทั้งสื่อยังต้องมีการคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจก่อนการผลิตเนื้อหา ไม่เช่นนั้นการหารายได้จะลำบากอย่างยิ่ง”  

 

        นอกจากนี้ยังได้จัดการสนทนาแบบ Roundtable ในหัวข้อ “The Future of News Website in ASEAN” โดยเปิดโอกาสให้วิทยากรทั้งหมด ​ได้แสดงความคิดเห็นและถาม-ตอบร่วมกับผู้เข้าร่วมงานกว่า 40 คน

          ผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ประกอบด้วย บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), มูลนิธิเอสซีจี,  สายการบินไทยแอร์เอเชีย, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  ทั้งนี้สามารถติดตามชมบรรยากาศและเนื้อหาตลอดการประชุมย้อนหลังได้ทาง www.facebook.com/SONPThai และ YouTube Thai PBS : ช่วงที่ 1 http://youtu.be/9jpqD9eFJok , ช่วงที่ 2 https://youtu.be/ylM3Ql03LBY

 

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

กรีดยาง 30 ปี ชีวิตไม่ดีขึ้น เกษตรกรสตูลใจเด็ด! โค่นยางพาราปลูกพืชผสมผสาน รายได้หลักแสนต่อปี

กรีดยาง 30 ปี ชีวิตไม่ดีขึ้น เกษตรกรสตูลใจเด็ด! โค่นยางพาราปลูกพืชผสมผสาน รายได้หลักแสนต่อปี

         ต้นสละสายพันธุ์สุมาลี  200 ต้น  เป็นความหวังของครอบครัว  พัชรี  ทิ้งน้ำรอบ  เกษตรกรชาวท่าแพ จังหวัดสตูล  หลังตัดสินใจโค่นต้นยางพารา พลิกผืนดินปลูกผลไม้ พืชสวนผสม บนพื้นที่ 9 ไร่  แม้สละจะยังไม่ให้ผลผลิต  แต่พืชผักชนิดอื่นซึ่งปลูกไว้ควบคู่กันได้ให้ผลผลิตหลักแสนบาทต่อปีแล้ว

         โดย นางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ ได้ทำการเกษตรบนพื้นที่ 9 ไร่ แบ่งเป็น 3 แปลง ได้แก่ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 4 ไร่ ปลูกสละ ขนุน เงาะ กระท้อน ขณะนี้ยังไม่ให้ผลผลิต และได้ปลูกกล้วย โหระพา พริกพันธุ์เหลืองพัทลุง  ไปพร้อมๆกัน  โดยพริกพันธุ์เหลืองพัทลุงให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่องสามารถเก็บพริกได้ 3 วันครั้ง รายได้ครั้งละ 300-400 บาท     

         ส่วนแปลงที่ 2 เนื้อที่ 3 ไร่ ปลูกละมุด 140 ต้น และแปลงที่ 3 ปลูกโหระพา มีรายได้จากการขายผลผลิตให้กับพ่อค้าคนกลางประมาณ 291,000 บาท/ปี  โดยได้เข้าร่วมโครงการเกษตรวิถีใหม่ กับทางสหกรณ์การเกษตรท่าแพ จํากัด และได้รับงบประมาณสนับสนุน จำนวน 200,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรในการปลูกสละ เพื่อซื้อปัจจัยการผลิตพันธุ์สละ ปุ๋ย ระบบน้ำและรวมไปถึงการปลูกพืชแบบผสมผสานเพื่อเป็นรายได้เสริมอีกด้วย

 

          ด้านนางพัชรี  ทิ้งน้ำรอบ  กล่าวว่า  ได้ปรึกษากับสมาชิกในครอบครัวและดูผ่าน YouTube ก่อนจะตัดสินใจโค่นยางพาราแล้วมาลุยปลูกพืชผสมผสาน  ผลตอบรับดี  รายได้มีทุกวัน  ตอบโจทย์ดีกว่าตัดยางพารามากๆ จากตัดยางมานาน 30 กว่าปีตั้งแต่วัยรุ่นจนปัจจุบันอายุ 50 กว่าปีแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้น   พอหันมาทำตรงนี้รู้สึกมีความหวังอย่างสละนี้  คาดว่าจะได้ผลตอบรับอย่างดี  

          นางพัชรี  ทิ้งน้ำรอบ  กล่าวอีกว่า  ได้มาทำตรงนี้ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน  ทั้งพริก  พืชผักต่างๆที่ปลูกสามารถกินได้  ผักหวาน  ผักกวางตุ้ง  ในส่วนของราคายางขอพูดถึงช่วงแพง  มีรายได้วันละ 1,000 กว่าบาท เมื่อยางค่อยๆลงมาเหลือวันละ 200 กว่าบาท   ราคายางลดลง แต่สินค้าที่จำเป็นต้องซื้อยังแพงเหมือนเดิม  คิดว่าไปไม่รอดจึงหันมาทดลองปรับเปลี่ยนปลูกพืชผสมผสานแทน   ในส่วนของพืชผสมผสานนี้  คิดว่าเพียงพอเลี้ยงครอบครัว  แต่จะให้เหลือเยอะเยอะตอนนี้ยังทำไม่ได้  เมื่อมีรายได้จากการขายผักก็นำมาลงกับผลไม้ทั้งการซื้อปุ๋ยเพื่อดูแลผลไม้

 

         ด้านนายดลวากิ๊ฟ  ทิ้งน้ำรอบ  ลูกชาย  กล่าวว่า   ได้มาช่วยในเรื่องของการทำปุ๋ย  ฮอร์โมนพืช   การหาข้อมูลสมัยใหม่มาเพื่อปรับปรุง   ทั้งเรื่องระบบน้ำ  เมื่อก่อนปลูกยางอย่างเดียวมันเป็นอาชีพหน้าเดียวรายได้ไม่มั่นคง  เมื่อฤดูฝนก็ขาดรายได้  พอเปลี่ยนเป็นปลูกพืชผสมผสานเราสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกวัน อยู่ที่ความขยันของเราด้วย

          ในโอกาสนี้  นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นางรอซนานี สันหมุด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม นายถาวรศักดิ์ รัตนชูศรี สหกรณ์จังหวัดสตูล และสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงพืชสวนผสมของนางพัชรี ทิ้งน้ำรอบ สมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการเกษตรวิถีใหม่ ณ บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 5 บ้านท่าแพใต้ ตำบลท่าแพ  อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล โดยมี นายอิสดาเร๊ะ องสารา ประธานกรรมการสหกรณ์ นายประชา กาสาเอก ผู้จัดการสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ ให้การต้อนรับ

         โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้กล่าวถึง  การแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ ที่ได้ส่งเสริมให้สมาชิกปรับเปลี่ยนอาชีพจากการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว  มาทำเกษตรที่มีความหลากหลาย  ซึ่งว่าเป็นตัวอย่างที่ดี รวมไปถึงมีการเชื่อมโยงการขายไปยังตลาดต่างประเทศ  และทำเกษตรเชิงท่องเที่ยว  สำหรับการเข้ามาสนับสนุนสหกรณ์ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เป็นการช่วยเหลือ พลิกฟื้นการประกอบอาชีพ และมีการผ่อนผัน ขยายเวลาการชำระหนี้ สนับสนุนทุนเสริมในการประกอบอาชีพ สร้างอาชีพใหม่  เพื่อให้เกิดรายได้ ซึ่งกรมฯ มีเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ พร้อมสนับสนุนให้สหกรณ์นำไปให้สมาชิกปรับเปลี่ยนวิถีการทำการเกษตรแบบใหม่ ปลูกพืช ไม้ผล ชนิดอื่นเพิ่มในแปลง ทำให้มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี

        พร้อมกันนี้   อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  ฝากสหกรณ์ว่า  นอกจากการส่งเสริมอาชีพให้สมาชิกแล้ว ต้องส่งเสริมด้านการตลาด ให้มีการเชื่อมโยงผู้ประกอบการต่าง ๆ พร้อมกับสนับสนุนให้เกษตรกรรุ่นใหม่ใช้องค์ความรู้มาต่อยอดอาชีพการเกษตร  และในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง ขยายผลไปยังสมาชิกรายอื่น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ ไม่มีหนี้สิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากนั้น อธิบดีฯ ผู้ตรวจราชการกรม สหกรณ์จังหวัด ได้ร่วมกันปลูกต้นส้มโอทับทิมสยาม ในแปลงเก็บของสมาชิกสหกรณ์ด้วย

……………………………

Categories
ข่าวเด่น

คืบหน้า..สตูลเรือปลากะตักทวงสัญญากดดันต่อ   หลังถูกจับ 3 ลำ 12 คน

คืบหน้า…สตูลเรือปลากะตักทวงสัญญากดดันต่อ   หลังถูกจับ 3 ลำ 12 คน

        (11 มิถุนายน 2566)  จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ บูรณาการร่วมกับหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ออกปฏิบัติงานตรวจปราบปรามผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. การประมง พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข) ปรากฏพบมีเรือประมงใช้เครื่องมือ อวนครอบปลากะตัก  ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) กำลังลักลอบทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งบริเวณ  เกาะเละละ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล (ห่างจากชายฝั่งเกาะเละละ ประมาณ 969 เมตร)

            จึงเข้าทำการตรวจสอบและจับกุม ทราบต่อมาว่าเรือประมงอวนครอบปลากะตัก  ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) จำนวน 3 ลำได้แก่เรือ ประกอบด้วยเรือซิฟาร์     เรือโชคอามีหรน    และเรือโชคสมุทร   พร้อมลูกเรือรวมจำนวนทั้งสิ้น 12 คน  ซึ่งถูกควบคุมตัวดำเนินคดี  ที่สถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะ   อำเภอเมือง    จังหวัดสตูล  ส่งผลให้ชาวประมงเรือ  อวนปลากะตักทุกลำ  ที่ทำการประมงในพื้นที่   ไม่กล้าออกทำการประมงต่อไปอีกได้

           ส่งผลให้วันนี้  มีการนำเรือมาจอด  บริเวณปากเส้นทางเข้าออก  ร่องน้ำปากบารา  ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  หาแนวทางแก้ไขในเรื่อง  พื้นที่ทำการประมง    ตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่  และพื้นที่ทับซ้อนของเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา    พร้อมอ้างถึง   วันที่ได้มาทำข้อตกลงร่วมกัน  ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เช่น   นายอำเภอ   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล    หัวหน้าอุทยานเกาะตะรุเตา   สมาชิกสภาจังหวัด   สมาคมประมงจังหวัดและผู้นำชุมชนในพื้นที่   เพื่อให้มีการลดหย่อนพื้นที่  ออกทำการประมงพื้นบ้าน  ที่มีขนาดไม่เกิน 10 ตันกอส  จนกว่าจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน  

 

          อีกทั้งได้อ้างถึงเอกสาร  ประกอบกับวันที่ 17 มีนาคม 2566  พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์    หักพาล   รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  และเชิญตัวแทนประมงพื้นบ้านเข้าร่วมประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหา  พื้นที่ทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา    และได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด  รับเรื่องความเดือดร้อน  จากการประกาศเขตไมล์ทะเลไว้พิจารณา   และเร่งรัดการประชุมกับคณะกรรมการประมงจังหวัด  ซึ่งประกอบด้วยประมงจังหวัด  และอุทยาน   ว่าจะกำหนดเขตใหม่  มีร่องน้ำใดที่ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพต่อไปได้    ซึ่งทางอำเภอละงูได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล   เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ  จึงขอให้ท่านช่วยติดตามความคืบหน้าดังกล่าว  และแจ้งให้กรมประมงทราบอีกทางหนึ่งด้วย

         ด้าน นายวรวิทย์   หมีนหวัง  อายุ 38 ปี   ตัวแทนประมงปลากะตัก  ผู้ยื่นข้อเรียกร้องเปิดเผยว่า  การนำเรือมาครั้งนี้เพื่อทวงสิทธิ์ในครั้งนั้นที่มีการพูดคุย   มาวันนี้ยังมีการจับกุมอีก  และหากมีการเสียค่าปรับไปแล้วตามที่เจ้าหน้าที่จับกุมกล่าวอ้าง  ว่าไม่รู้การทำข้อตกลงกัน  แล้วจะจับกุมอีกหรือไม่     การจอดเรือในครั้งนี้  ไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนหรือเสียหาย แต่จะจอดอยู่แบบนี้ไปจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรไม่เอาแล้วด้วยวาจา 

 

         จากนั้นได้มีการพูดคุยเจรจากับนายธวัช   ช่วยเกตุ  ปลัดอาวุโสอำเภอละงู (รักษาการแทนนายอำเภอละงู) พร้อมรับหนังสือข้อเสนอต่อผู้บังคับบัญชา และเชื่อว่าจะสามารถพูดคุยกันได้  สถานการณ์น่าจะคลี่คลายในเร็ววัน  เพราะที่ผ่านมากลุ่มประมงดังกล่าวก็พร้อมจะปฏิบัติตาม  หากมีการชี้แจงพูดคุย  เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่ทำกิน

         ขณะที่เรือสปีดโบทโดยสารจำนวน   20 ลำ  วิ่งจากท่าเทียบเรือปากบารา ตำบลปากน้ำ  ไปยังเกาะตะรุเตาและหลีเป๊ะ  (ซึ่งต้องวิ่งผ่านร่องน้ำคลองปากบารา)  ยังไม่เชื่อมั่นถึงสถานการณ์ว่า  จะยืดเยื้อหรือไม่   ได้นำเรือไปจอดลอยลำบริเวณชายหาดปากบารา  และที่บริเวณแหลมเต๊ะปันไว้ชั่วคราวทั้ง 2 จุด   เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์    ชาวประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์  (ปลากะตัก) เกิดนำเรือปิดอ่าว  บริเวณร่องน้ำปากคลองปากบารา  จะได้ไม่เกิดผลกระทบกับนักท่องเที่ยว  ที่จะเดินทางจากท่าเทียบเรือปากบารา  ไปยังเกาะหลีเป๊ะได้

………………………………………………

Categories
ข่าวเด่น

ประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์ทวงสัญญา  บิ๊กโจ๊ก  นำเรือจอดเชิงสัญลักษณ์หลังเรือถูกจับ 

ประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์ทวงสัญญา  บิ๊กโจ๊ก  นำเรือจอดเชิงสัญลักษณ์หลังเรือถูกจับ  ขณะที่เรือโดยสารท่องเที่ยวหวั่นกระทบหาที่จอดชั่วคราว

         (วันที่ 12 มิ.ย. 2566)  ที่ชายหาดปากบาราและที่บริเวณแหลมเต๊ะปัน   ร่องน้ำคลองปากบารา ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู จังหวัดสตูล  ผู้ประกอบการนำเที่ยวเรือสปีดโบทโดยสารจำนวน  20  ลำ  ออกมาหาที่จอดรับส่งนักท่องเที่ยวชั่วคราวไว้ทั้งสองจุด   เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์    ชาวประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์นำเรือปิดอ่าวบริเวณร่องน้ำปากคลองปากบารา  เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางจากท่าเทียบเรือปากบารา  ไปยังเกาะหลีเป๊ะ

          นายมะหาด   นาดมา อายุ 52 ปี  กัปตันเรือพลอยสยาม  ยืนยันว่าได้นำเรือออกมาจากท่าเทียบเรือปากบารา  เพราะหวั่นว่า  หากมีการชุมชนประท้วงปิดปากคลองร่องน้ำจะไม่สามารถนำเรือออกมาได้  ซึ่งเรือที่เชื่อว่าต้องเอาออกมาจอดตามชายหาดปากบาราไม่น้อยกว่า 20 ลำ  เพื่อป้องกันความยืดเยื้อของการชุมนุมที่อาจจะส่งผลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้

          โดยขณะนี้กลุ่มชาวประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์ได้นำเรือจำนวน 15   ลำ  ต่างทยอยนำเรือมาจอดเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แล้วที่ร่องน้ำคลองปากบารา ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู จังหวัดสตูลแล้ว   

         โดย  พ.ต.ท.ประเดิม   แก้วทอง   รอง ผกก.สส.สภ.ละงู ,พ.ต.ท.อำนวย จันทร์สุข รอง ผกก.ป.สภ.ละงู พร้อม จนท.ตร.สภ.ละงู   ได้รับแจ้งว่า  มีตัวแทนชาวประมงจังหวัดสตูล นำโดย นายวรวิทย์   หมีนหวัง  ชาวบ้าน  ม.6 ต.ปากน้ำ อ.ละงู พร้อมชาวประมง จำนวนประมาณ 10 คน นำเรือประมงมาร่วมแสดงเชิงสัญลักษณ์    โดยยืนยันว่าไม่ได้ปิดเส้นทางเดินเรือแต่อย่างใด   โดยได้รวมตัวกันที่บริเวณแหลมเต๊ะปัน ม.2 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล โดยตัวแทนชาวประมงจังหวัดสตูล ได้เรียกร้องจำนวน 2 ข้อ ดังนี้

        1.สอบถามข้อมูล MOU ที่ได้จัดทำขึ้น เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ณ ห้องประชุมเฉลิมเกียรติ ภ.จว.สตูล ยังมีผลอยู่หรือไม่

        2.กรณีศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ กองตรวจการประมง กรมประมงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ชุดใบไม้เขียว) ได้ดำเนินการจับกุมเรือประมงชาวบ้าน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.66 โดยชุดจับกุมแจ้งว่าไม่ทราบ MOU ที่ได้จัดทำขึ้น แต่เมื่อทราบ MOU ที่ได้ตกลงกันไว้ จะถือปฏิบัติตาม MOU นั้นหรือไม่

          เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น   หลังมีการจับกุมเรือ   ชาวประมงเรือเล็กเครื่องมือพาณิชย์ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566 โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ บูรณาการร่วมกับหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ออกปฏิบัติงานตรวจปราบปรามผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. การประมง พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2560 (ฉบับแก้ไข) ปรากฏพบมีเรือประมงใช้เครื่องมือ อวนครอบปลากะตักที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) จำนวน 3 ลำ  กำลังลักลอบทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งบริเวณ เกาะเละละ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล (ห่างจากชายฝั่งเกาะเละละ ประมาณ 969 เมตร) จึงเข้าทำการตรวจสอบและจับกุม ทราบต่อมาว่าเรือประมงอวนครอบปลากะตักที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ลำดังกล่าว ชื่อเรือ ชิฟาอ์  ขนาด 9.93 ตันกรอส มี นายวิรัตน์ หนูวงศ์ อายุ 43 ปี ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นผู้ควบคุมเรือ  ส่วนอีก 2 ลำ คือ  เรือชื่อ โชคสมุทรนำโชค  และ เรือโชคอามีรน

Categories
ข่าวทั่วไป

เริ่มแล้ว! สตูลฤดูกาลกินผลไม้พื้นเมือง  จำปาดะ พืชGI  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์แนะส่งขายจีนเพิ่มมูลค่า

เริ่มแล้ว! สตูลฤดูกาลกินผลไม้พื้นเมือง  จำปาดะ พืชGI  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์แนะส่งขายจีนเพิ่มมูลค่า

        เริ่มแล้วฤดูกาลผลไม้พื้นเมืองจังหวัดสตูล   โดยเฉพาะผลไม้ที่ได้รับการยกระดับเป็นพืช  GI  อย่างจำปาดะ  ซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองที่มีลักษณะเด่น   คล้ายผลขนุน  มีรสชาติกลมกล่อม  เนื้อละมุน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เริ่มให้ผลผลิตผู้ที่ชื่นชอบได้รับประทานในช่วงเดือนมิ.ย.ไปจนถึงเดือน ส.ค.กันแล้ว

 

         โดยในช่วงแรกนี้หลายสวนผลไม้   ให้ผลผลิตในล็อตแรกกันไม่น้อยกว่า 1,000  กิโลกรัม และล็อตที่สองและสามประมาณ 3,000 กิโลกรัม  โดยเฉพาะในสวนของเกษตรกรแปลงใหญ่ จำปาดะอำเภอควนโดนของนายรอเสด  ตาเดอิน  ที่เคยได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น  จากกรมวิชาการเกษตร ที่มีการปลูกจำปาดะพันธุ์ขวัญสตูล , น้ำดอกไม้ และอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อ 

         โดยมีนางอัจฉรา  หลงสะเตีย อายุ 61 ภรรยาเป็นคนแปรรูปจำหน่าย และแปรรูปโชว์ตามงานสำคัญที่มีการประสานให้มีการออกบูธมาโชว์โดยเฉพาะใน งาน   “เปิดอาคารตลาดสินค้าเกษตร  สหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัด”  ซึ่งมีนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ มาร่วมภายในงาน  ได้ร่วมรับประทานและชื่นชมในรสชาติ พร้อมแนะให้เกษตรกรรักษาคุณภาพเพื่อเปิดตลาดให้ประเทศจีนได้รู้จัก ความอร่อยของผลไม้พื้นเมือง อย่างจำปาดะของจังหวัดสตูลให้เป็นวงกว้างขวางมากยิ่งขึ้น  

        สำหรับสายพันธุ์จำปาดะที่นำมาแปรรูปด้วยการทอด นอกเหนือจากการทานแบบสด ๆ โดยเลือกผลผลิตที่ไม่สุกฉ่ำเกินไปมาทอดเพราะอาจจะอมน้ำมันได้   แต่มีรสชาติหวาน    ส่วนผลจำปาดะที่ไม่สุกมากเกิน   อย่างพันธุ์ขวัญสตูลก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน

       สำหรับราคาจำปาดะจะมีการจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 70 – 200 บาทแล้วแต่สายพันธุ์ ส่วนการแปรรูปขาย 5 เม็ด 20 บาท  

Categories
ข่าวทั่วไป

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  เปิดอาคารตลาดสินค้าเกษตร พร้อมเยี่ยมเยียนสหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัดและ สหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ จำกัด

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  เปิดอาคารตลาดสินค้าเกษตร พร้อมเยี่ยมเยียนสหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัดและ สหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ จำกัด

        การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ  กรมส่งเสริมสหกรณ์  ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและให้ความสำคัญมาโดยตลอด     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์  และกลุ่มเกษตรกรเป็นผู้ซื้อ ผู้ขายสินค้าเกษตรรายใหญ่ในชุมชน  สามารถรวบรวมผลิตผลจากเกษตรกรรายย่อยไปรวบรวมและแปรรูป

        และเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตผลการเกษตร  รวมทั้ง  ช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่น  ให้สามารถขายสินค้าทางการเกษตร  ได้ในราคายุติธรรม  บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร  เรื่องราคาผลผลิตตกต่ำได้  กรมส่งเสริมสหกรณ์  จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริม  การพัฒนาระบบตลาดภายใน  สำหรับสินค้าเกษตร   สนับสนุนอาคารตลาดสินค้าเกษตร  เพื่อให้สหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร  ที่มีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ  รวบรวมผลิตผลทางการเกษตร ส่งผลให้เกิดการเชื่อมต่อกันเป็นห่วงโซ่อย่างครบวงจร ทั้งการผลิต   การรวบรวม การแปรรูป และการตลาด เป็นเงินงบประมาณอุดหนุนอาคาร  ตลาดสินค้าเกษตร   รวมทั้งสิ้น 12,300,000 บาท (สิบสองล้านสามแสนบาทถ้วน) จำนวน 1 หลัง ขนาดไม่น้อยกว่า 1,020 ตารางเมตร จัดสรรให้แก่สหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัด

           ซึ่งวันนี้นายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  ได้มาเป็นประธานในการเปิด อาคารตลาดสินค้าเกษตร” ณ อาคารตลาดสินค้าเกษตร สหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัด    โดยมีนายถาวรศักดิ์  รัตนชูศรี   สหกรณ์จังหวัดสตูล  ให้การต้อนรับพร้อม  นายกอเร็น  ล่านุ้ย  ประธานกรรมการและสมาชิกสหกรณ์การเกษตรควนโดน จำกัด  รายงานความคืบหน้าสหกรณ์ฯ เพิ่มช่องทางการตลาด ยกระดับราคา  และพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค  อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

         หลังจากนั้น  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  ได้เดินทางไปที่  สหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ จำกัด ที่ตำบลฉลุง อำเภอเมืองสตูล  เพื่อเยี่ยมเยียนพบปะพูดคุย  กับคณะกรรมการดำเนินการ  และเจ้าหน้าที่สหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและมอบนโยบาย  โดยมี อ.อับดุลลอฮ์ อาเก็ม ประธานก่อตั้งสหกรณ์อิสลามอิบนูเอาฟ จำกัด พร้อมคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

อพท.พร้อม ทกจ.กระบี่เข้าพบผู้ว่ากระบี่และนายกอบจ.กระบี่ เพื่อขับเคลื่อน คลองท่อมเมืองสปาเป็นพื้นที่พิเศษ

อพท.พร้อม ทกจ.กระบี่เข้าพบผู้ว่ากระบี่และนายกอบจ.กระบี่ เพื่อขับเคลื่อน คลองท่อมเมืองสปาเป็นพื้นที่พิเศษ

        เวลา 10.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. ดร.ชุมพล มุสิกานนท์ (รองผู้อำนวยการ อพท.)พร้อมด้วย นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ และนางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะเข้าพบ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ หลังทางคณะได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล  

         ดังนั้น ขอบข่ายการทำงานของ อพท. จะทำได้แค่ศึกษาถึงศักยภาพของพื้นที่ และทำรายงานเพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำไปดำเนินงาน แต่ถ้าในอนาคตสามารถประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ อพท. จะสามารถดำเนินการในพื้นที่ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ (คลองท่อมเมืองสปา) ตามขั้นตอนการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกร้อน สระมรกต พิพิธภัณฑ์ลูกปัดคลองท่อม น้ำพุร้อนเค็ม และร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังข้อเสนอแนะในการประเมินศักยภาพของพื้นที่อำเภอคลองท่อม ตามขั้นตอนการประกาศพื้นที่พิเศษฯ ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ อบต.คลองท่อมเหนือ เทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ เทศบาลตำบลห้วยน้ำขาวเพราะอยู่ใกล้กับพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกัน คาดว่าจะสามารถประกาศเป็นพื้นที่พิเศษได้ภายในปลายปีนี้

Categories
ข่าวเด่น สัมภาษณ์พิเศษ-คอลัมน์นิสต์

สตูลเอกชนมอบที่ดิน 1 ไร่ครึ่งมูลค่า 100 ล้านบาทเพื่อเป็นโฉนดให้ชุมชนชาวเลอุเส็นพร้อมโบสก์คริสต์ใช้ร่วมกัน  โดยมีเงื่อนไขห้ามซื้อขาย

สตูลเอกชนมอบที่ดิน 1 ไร่ครึ่งมูลค่า 100 ล้านบาทเพื่อเป็นโฉนดให้ชุมชนชาวเลอุเส็นพร้อมโบสก์คริสต์ใช้ร่วมกัน  โดยมีเงื่อนไขห้ามซื้อขาย

       สตูลเดินหน้าแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะอย่างต่อเนื่อง    ล่าสุดทางด้านนายอำเภอเมืองสตูลที่เพิ่งมารับตำแหน่งได้รับการประสานจากเอกชนยินดีมอบที่ดิน 1 ไร่ครึ่งมูลค่า 100 ล้านบาทให้กับชุมชนอุเส็น  ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่  12 ครัวเรือน พร้อมโบสก์คริสต์ที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน  หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล   เพื่อเป็นโฉนดชุมชนโดยมีเพียงเงื่อนไข   ห้ามซื้อขายเป็นระยะเวลา 30 ปี 

       เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูลวันนี้แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูโลซีซัน แต่ยังคงมีนักท่องเที่ยวและแรงงานหลากหลายเดินทางกันมาเยือนเกาะแห่งนี้กันไม่ขาดสาย  แม้บนเกาะขณะนี้ยังมีหากหลายข้อพิพาพาทที่ยังรอการแก้ไขจากคณะ  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

 

          ล่าสุด นายพีรพัฒน์  เงินเจริญ  นายอำเภอละงู  (รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองสตูล) คนใหม่ที่เพิ่งเดินทางมารับตำแหน่งใหม่แทนคนเก่า  (ที่ป่วยพักรักษาตัว) เดินหน้าลงเก็บประเด็นปัญหาทางเดินลงทะเลของชาวเลอุรักลาโว้ยและนักท่องเที่ยวที่ยืนยันว่าเป็นที่สาธารณะใช้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ   ขณะนี้คดีความอยู่ที่ศาลอยู่ระหว่ารอศาลตัดสิน    ปัญหาการถมที่ดิน และบุกรุกการก่อสร้างลำรางน้ำบนเกาะหลีเป๊ะ ขณะนี้ยังรอความชัดเจนว่าอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานตะรุเตา หรือ ทางท้องถิ่น

 

         นางสาวสุริยงค์   หาญทะเล   อายุ 38 ปี ชาวบ้านชุมชนอุเส็น  กล่าวว่า  พี่น้องมีความหวังมากขึ้นในเรื่องที่ดิน  เพราะช่วงนี้มีปัญหากับนายทุน  ตึกที่อยู่หน้าหาดหากมีการมอบโฉนดชุมชนให้จริงทุกคนในชุมชนมีความหวังมากขึ้น

 

         นายพีรพัฒน์   เงินเจริญ    นายอำเภอละงู (รรท.นายอำเภอเมืองสตูล) กล่าวว่า  ความคืบหน้าการแก้ปัญหาปัญหาที่อยู่อาศัยชาวเลในชุมชนอุเส็นมีความคืบหน้าไปมาก   จากเดิมชุมชนแห่งนี้เคยมีคดีความกับเอกชน ปรากฏว่าเอกชนคือคุณณรงค์ศักดิ์ (เอกชน) ได้ชนะคดี  ในชั้นศาลฎีกา  ชนะมาหลายปีแล้ว

        หลังจากนั้นทางคุณณรงค์ศักดิ์ ปัทมปาณีวงศ์ (เอกชน) ก็มีเจตจำนงว่ามีความประสงค์จะยกที่ดินแปลงนี้ นส 3 เลขที่ 10 เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง ให้กับชุมชนชาวเลอุเส็นได้อยู่ร่วมกัน โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามขายอยู่อาศัยไปตลอดชีวิต โดยทางผู้ให้อยากจะอุทิศที่ดินผืนนี้เพราะในอดีตเคยมาทำมาหากินบนเกาะหลีเป๊ะจนมีฐานะและนี่คือเจตนารมณ์ของเอกชนผู้มอบให้

 

          หลังจากนั้นได้มาอธิบายให้กับผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ แล้วผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน พบว่ายังมีชาวบ้านที่มีความระแวงว่าอยู่ดีๆที่ดินมูลค่า 100 ล้านมายกให้เป็นไปได้อย่างไร    จากนั้นก็ให้ทางปลัดส่วนหน้ามาพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อสร้างความเข้าใจ  บางส่วนก็เริ่มเข้าใจ โดยตั้งใจจะทำให้ที่ดินแปลงนี้เป็นโฉนดด้วยพร้อมสลักหลังว่าห้ามขาย ซึ่งอาจจะเป็นแปลงแรกของเกาะหลีเป๊ะ หากชาวบ้านทุกคนรับ  หลังจากนั้นจะออกโฉนดให้โรงเรียนและอนามัยบนเกาะซึ่งจากขับเคลื่อนให้เสร็จภายในเดือนนี้ โดยนำเรียนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์  หักพาล

         ซึ่งการลงมาครั้งนี้ได้มาตรวจสอบหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำเรื่องไฟฟ้าเรื่องน้ำท่วมเกาะและปัญหายาเสพติดและที่อยู่อาศัยที่ไม่มั่นคงโดยทั้งหมดนี้จะเข้ามาช่วยพี่น้องชาวเลในการแก้ปัญหาก่อน    หลังจากช่วยชาวเลเสร็จ  ในส่วนของผู้ประกอบการขอแก้ไขกฎกระทรวง และออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและใบอนุญาตโรงแรมตามขั้นตอนต่อไป

         เกาะหลีเป๊ะต้องวางมาตรการให้ชาวเลและผู้ประกอบการอยู่ด้วยกันได้อย่างพึ่งพาอาศัย  และเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืนนี่คือเป้าในการทำงานโดยได้ดำเนินงานผ่านไปแล้ว 7-80%  ซึ่งยังมีในส่วนของข้อพิพาทในที่ดินแปลงอื่น ชุมชนชาวเลออื่นก็จะดำเนินการลักษณะนี้เหมือนกัน  ให้เป็นชาวบ้านอยู่ร่วมกันห้ามซื้อขาย   ส่วนข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนหรือเอกชนกับชาวเลที่อยู่ในขบวนการพิจารณาคดีชั้นศาลขอไม่ก้าวร่วง  ส่วนชาวเลที่คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจะประสานหาทนายความผ่านสภาทนายความให้

…………………………

Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูลทึ่งความน่าเอ็นดูนักร้องนำวัย 10 ขวบ วงดนตรี “ฟาเทอร์แอนด์ซัน”  พ่อเลี้ยงเดี่ยว 4 ขับกล่อมลูกค้าบนเกาะหลีเป๊ะ 

สตูลทึ่งความน่าเอ็นดูนักร้องนำวัย 10 ขวบ วงดนตรีฟาเทอร์แอนด์ซัน  พ่อเลี้ยงเดี่ยว 4 ขับกล่อมลูกค้าบนเกาะหลีเป๊ะ

        สีสันยามค่ำคืนของเกาะหลีเป๊ะ  ตำบลเกาะสาหร่าย  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ในช่วงนี้แม้จะเป็นช่วงโลซีซันแต่ที่บนเกาะแห่งนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถมาพักผ่อน เล่นน้ำได้  อีกทั้งยังมีสีสันการค้าขาย  บริการนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะการบริการอาหารทะเลสด กุ้ง หอย ปูและปลาที่ร้านบังรุณ อาหารซีฟู้ดที่นี่ไม่ได้มีแค่อาหารเลิศรสไว้บริการเท่านั้น

       ที่นี่ยังมีบทเพลงมาขับกล่อมให้นักท่องเที่ยว ลูกค้าได้ฟังกันเพลินกับครอบครัวนักดนตรีที่น่ารักทั้งคุณพ่อซึ่งเป็นมือกีตาร์ บุตรชายคนโตมัธยม 3 มือกลอง คนรองมัธยม 1 มือคีย์บอร์ดไฟฟ้า และบุตรคนเล็กวัย 10 ขวบประถม 4 นักร้องนำเพลง ภายใต้ชื่อ  “วงฟาเทอร์แอนด์ซันคุณพ่อเลี้ยงเดียวที่ตั้งวงพร้อมลูกๆมาช่วยขับกล่อมบทเพลงสร้างความสนุกสนาน และยังมีลูกค้ามาแจมเป็นระยะสร้างความสนุกสนาน  ไปพร้อมกับการทานอาหารซีฟู้ดๆ บนเกาะหลีเป๊ะ

      โดยน้อง บอกว่ามาช่วยพ่อเล่นดนตรีร้องเพลง แบ่งเวลาไว้สำหรับการเรียนและทำการบ้านแล้ว  โดยส่วนตัวน้องๆ เองก็ชื่นชอบเสียงเพลงอยู่แล้ว .. ภูบดินทร์  ปานกลาย  อายุ  10 ขวบ .4  หรือน้องยามิน   บอกว่า  ร้องเพลงวันละ  10 – 15 เพลงมีคุณพ่อคอยช่วยซัพพอร์ตให้สนุกดี ร้องเพลงก็พักกันที่ร้านเลย โรงเรียนก็เรียนที่บนเกาะหลีเป๊ะโดยน้องมาช่วยคุณพ่อและครอบครัวร้องเพลงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ 

        สำหรับร้านบังรุณ อาหารซีฟู้ดร้านเปิด 12.00 – 21.00 . นักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาทานอาหารซีฟู้ด หรือโทรสั่งจองสำรองที่นั่งอาหารได้ที่เบอร์โทร 085 080 5559

Categories
ข่าวเด่น

สตูลวันสิ่งแวดล้อม   ซาเล้ง   รักษ์โลก   รักษ์ปากน้ำ  แก้ปัญหาขยะแหล่งท่องเที่ยว

สตูลวันสิ่งแวดล้อม   ซาเล้ง   รักษ์โลก   รักษ์ปากน้ำ  แก้ปัญหาขยะแหล่งท่องเที่ยว

          วันที่ 5 มิถุนายม 2566    นักท่องเที่ยวที่ลาน 18 ล้าน สถานที่พักผ่อนหย่อนใจชาวจังหวัดสตูล  ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  หลายคนอิ่มเอมใจ  เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งในการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ไม่ว่าจะเป็น   แก้วที่ใส่ในกระบอกไม้ไผ่   อาหารที่ใส่ในภาชนะอย่างใบตอง  ใบกาบหมากที่ทำเป็นจานห่อรอง  หรือแม้กระทั่งกะลามะพร้าว ที่นำมาใส่ข้าวเหนียวให้บริการนักท่องเที่ยวในวันนี้ 

          โดยทางนายอรัญ  เหมรา  ประธานกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารรถซาเล้งตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  มีการรวมตัวกันจำนวน 25 ร้าน ซึ่งเป็นกลุ่มที่จำหน่ายอาหารประเภทต่างๆในพื้นที่ลาน 18 ล้าน ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล  เพื่อต้องการให้ท้องถิ่นได้ยอมรับการมีอยู่จริงของผู้ประกอบการกลุ่มนี้   ซึ่งไม่มีหน้าร้านของตนเองที่จะสามารถขายสินค้าหรืออาหารได้อย่างปกติเหมือนร้านค้าทั่วไป ทั้งยังมีความมุ่งหวังว่ากลุ่มดังกล่าวนี้จะได้รับโอกาสในการใช้พื้นที่เพื่อการค้าขายได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น

        ทางกลุ่มได้มีความตระหนักต่อปัญหาขยะของพื้นที่ลาน 18 ล้าน ทั้งภาพรวมของแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ชุมชนทั่วไปในตำบลปากน้ำ โดยทางกลุ่มกำลังออกแบบและสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้มีการจัดการขยะทุกประเภทได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ที่จะต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

         ในโอกาสของวันสิ่งแวดล้อมโลก คือวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่จะถึงนี้ ทางกลุ่มได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล , องค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ ,  ภาคประชาสังคม (มูลนิธิอันดามัน สมาคมรักษ์ทะเลไทย กลุ่มรักจังสตูล)  คณะกรรมการแก้ไขปัญหาขยะฯตำบลปากน้ำ     จัดให้มีกิจกรรมเชิงรณรงค์ เพื่อสร้างความตระหนักในการแก้ไขปัญหาขยะ ซึ่งรวมถึงการลด ละ เลิก การใช้ภาชนะจากโฟมและพลาสติก   ทั้งกับกลุ่มผู้ประกอบการและกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ภายใต้ชื่องาน “ซาเล้ง รักษ์โลก รักษ์ปากน้ำ” ซึ่งมีการเชิญชวนให้ผู้ประกอบการด้านอาหารรถซาเล้งในพื้นที่ตำบลปากน้ำทั้งหมดประมาณ 25-30 ร้าน ได้มาร่วมกันจัดพื้นที่บางส่วนของลาน 18 ล้าน เพื่อจัดกิจกรรม โดยจะมีการร่วมกันไม่ใช้ภาชนะจากโฟมและพลาสติกให้กับลูกค้า

         และจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนักร่วมกันที่จะช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยร่วมกันจัดการขยะในพื้นที่ดังกล่าวร่วมกัน นอกจากนี้ยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่นการประกวดการสร้างสรรค์ปฏิมากรรมจากขยะจากคนทั่วไปที่สนใจ อันจะเป็นการสร้างการรณรงค์ทั่วไปได้อีกทางหนึ่ง

          และเพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการลด ละ เลิกการใช้ภาชนะใส่อาหารจากโฟมและพลาสติกโดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยว   เพื่อส่งเสริมแนวทางการจัดการและการแก้ไขปัญหาขยะในแหล่งท่องเที่ยวและขยะชุมชนในพื้นที่ตำบลปากน้ำ

         โดยผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น   ผู้ประกอบการร้านอาหารรถซาเล้งในพื้นที่ตำบลปากน้ำ ได้มีการร่วมกลุ่มร่วมตัวกันเพื่อออกแบบการจัดการปัญหาขยะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของตำบลปากน้ำ และอาจจะนำไปสู่การดำเนินกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม    ได้แนวทางในการสร้างทางออกต่อปัญหาการจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ทั้งส่วนราชการ ท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนและผู้ประกอบการ  มีความเข้าใจและความตระหนักร่วมกันของผู้ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เห็นความสำคัญของการสร้างรูปธรรมในการจัดการแก้ไขปัญหาขยะให้เป็นที่ประจักษ์ในอนาคต

       ในงาน  “ซาเล้ง รักษ์โลก รักษ์ปากน้ำ”  ยังได้จัดให้มีการประกวดปฏิมากรรมจากขยะ ฟังเพลงจากเครือข่ายศิลปินเพื่อสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล   นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด   มอบรางวัลการประกวดปฏิมากรรมจากขยะ   กลุ่มซาเล้งรักษ์ปากน้ำ แถลงคำประกาศ “รักษ์โลก รักษ์ปากน้ำ”

…………………………………………………..