Categories
ข่าวทั่วไป

      บยสส.รุ่น 3 เปิดเวทีสัมมนาสาธารณะ

บยสส.รุ่น 3 เปิดเวทีสัมมนาสาธารณะ “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” หวังร่วมสร้างความเข้าใจในสังคมไทย เพื่อเปิดรับความหลากหลายอย่างเท่าเทียม

บยสส. 3 เปิดเวทีสัมมนา “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม”     ชี้ทัศนคติสังคมไทยต้องเปลี่ยน เริ่มจากครอบครัวและสถาบันการศึกษา เพราะแม้พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมผ่านสภาฯแต่สังคมไทยยังย้อนแย้งบางส่วน พร้อมชวนสังคมและสื่อมองความหลากหลายทางเพศคือเรื่องปกติ

 

20 เมษายน 2567 – เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เคารพและให้คุณค่ากับการเปิดรับความหลากหลายทางเพศ หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 ร่วมกับสถาบันอิศรา ได้ร่วมจัดเวทีสัมมนาสาธารณะ  “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” กล่าวเปิดงานโดย คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการหลักสูตร บยสส. รุ่นที่ 3  ณ Hall 1 – 2 ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ

 

คุณพินิจ จารุสมบัติ ประธานผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาสาธารณะในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้สะท้อนความคิดและมุมมองสู่สาธารณะ เพื่อให้สังคมไทยรวมถึงสื่อมวลชนรวมมีความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นความหลากหลายทางเพศ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับทุกคน “การเคารพในความหลากหลาย         เป็นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ที่จะต้องให้ความเคารพ ลดความขัดแย้ง ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และหวังว่าการสัมมนาจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไป”

 

คุณณชเล บุญญาภิสมภาร รองประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้มีโอกาสทำงานกับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ พบว่าพ่อแม่มักมีความรู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด ถึงมีลูกเป็น LGBTQIAN+ จึงต้องทำอย่างไรให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ในเวลาเดียวกันลูกก็จะรู้สึกว่าตนเองต้องทำเกินกว่าคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ทั้ง ๆ ที่การได้รับความรักเป็นเรื่องพื้นฐานของครอบครัว จึงทำคู่มือชื่อ “บ้านนี้มีความหลากหลาย” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ สำหรับเรื่องการสื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียมนั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา คือต้องไม่ตั้งสมมุติฐานว่า “ทุกคนจะเหมือนเรา” ต้องมีทัศนคติว่าคนมีความแตกต่าง มีความเฉพาะและมีชีวิตของตัวเอง การสื่อสารก็จะเป็นการสื่อสารด้วยความเคารพ เช่น เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ก็ควรถามเราว่าอยากให้เรียกว่าอะไร บางคนยังไม่เปลี่ยนชื่อ ชื่อยังเป็นผู้ชายก็อาจไม่อยากให้เรียกชื่อนั้นก็ได้ เป็นต้น ในฐานะสื่อต้องเรียนรู้ความแตกต่างหลากหลาย อย่าใช้คำนี้ไปครอบทุกอย่าง และต้องเห็นความหลากหลายเรื่องคนข้ามเพศ ที่ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง ผู้ชาย แต่มีnon-binary ด้วย เป็นเรื่องที่เราต้องรู้เท่าทัน เพราะโลกเดินมาไกลมาก

 

คุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง  เปิดเผยว่า การสื่อสารอย่างเท่าเทียมและความเปลี่ยนแปลงจะเกิดได้จริง จะต้องเปลี่ยนที่ทัศนคติของคนในสังคม โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาซึ่งเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ใหญ่อย่างครูที่จะต้องเปิดกว้างกับนักเรียนด้วยความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าปัจจุบันนี้ ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ผลักดันมาตั้งแต่ตอนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะผ่านความเห็นชอบและเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาภายในระยะเวลารวดเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความเข้าใจแก่สังคมให้มองว่ามนุษย์เท่ากัน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราทุกคนควรได้แต่กำเนิด ซึ่งจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมาจากการหล่อหลอมของสถาบันการศึกษา ในส่วนของมุมมองที่มีต่อสื่อนั้น มองว่าปัจจุบันคนทำสื่อมีความตระหนักกับประเด็นเหล่านี้มากขึ้น เมื่อสื่อมีการเรียกหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสมจะมีการฟีดแบ็คจากสังคมทันที และหวังว่าเมื่อมีการสื่อสารถึงตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศ จะมีการใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปมากกว่าการสร้างภาพจำบางอย่างดังที่เคยมีมาในอดีต ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นมาก และในส่วนตัวแล้วนั้นจะต่อสู้จนถึงวันที่ไม่มีคำว่าซีรีส์วาย LGBTQIAN+ เพราะทุกคนเท่ากันหมด โดยไม่ต้องตัดสินว่าคนอื่นมีรสนิยมทางเพศแบบไหน เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล

คุณรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น นักแสดงชื่อดัง ให้ความคิดเห็นถึงความแตกต่างของสังคมไทยกับในต่างประเทศโดยเฉพาะที่ประเทศสวีเดนว่า มีความแตกต่างกันมากโดยในเชิงปฏิบัติของประเทศไทยนั้นมีความย้อนแย้งกับกฎหมายที่กำลังรอการพิจารณาจากวุฒิสภา ขณะที่ในต่างประเทศให้การยอมรับและมีจุดยืนที่ชัดเจน เช่น ตำรวจ แพทย์ นักการเมือง ที่มีจากหลากหลายอาชีพก็สามารถแสดงออกได้ รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว การรับรองบุตร ที่สามารถเปิดรับสิทธิในเรื่องนี้  โดยมองว่าเรื่องของการเป็นบุคคลข้ามเพศเป็นเรื่องของรสนิยมทางเพศที่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลก ถือเป็นการให้เกียรติทางสังคม ต้องให้ความเคารพความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีหลายประเทศให้การยอมรับและสนับสนุนในเรื่องนี้ และถ้าเลือกปฏิบัติอาจจะเสียโอกาสที่จะได้บุคลากรที่ดี ส่วนเรื่องความคิดเห็นเรื่องการสื่อสารอย่างไรนั้น มองว่าให้เน้นในเรื่องของความมีมารยาท นำมาใช้ในการสื่อสารทางสังคม

 

คุณดารัณ ฐิตะกวิน นักแสดงชื่อดัง เผยมุมมองว่า การสื่อสารให้เท่าเทียมต้องเริ่มจากความเป็นพ่อแม่ที่ต้องเปิดรับเปิดกว้าง ทำให้ลูกเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของสังคมในภาพกว้าง เข้าใจในเรื่องการใช้ชีวิตที่มากกว่าเรื่องของรสนิยมทางเพศ เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ด้วยกัน เราทุกคนอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง อะไรที่ผ่านมาก็มีสิ่งที่ดีที่เราเรียนรู้ นอกจากนี้ทัศนคติของสังคมคือเรื่องสำคัญ โดยควรมองให้เป็นเรื่องปกติ และไม่ใช้เรื่องเพศในการนำทางชีวิตคู่ แต่ใช้ความเอื้ออาทร ความสบาย ความสุขที่อยู่ด้วยกัน ถ้าสนใจจะพัฒนาตัวเองมากกว่าการวิจารณ์คนอื่น สังคมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ทุกอย่างเป็นการใช้ชีวิต ทุกสิ่งคือธรรมชาติของมนุษย์ และนำพาไปสู่ความเป็นปกติ

 

#สื่อสารเท่าเทียม #บยสส3 #อิศรา

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล-เปิดบ้านกำปงบือฮัว  โชว์วัฒนธรรมชายแดน พร้อมประกวดรถสามล้อพ่วงริ้วขบวนที่สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้านโบราณโดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม

สตูล..เปิดบ้านกำปงบือฮัว  โชว์วัฒนธรรมชายแดน พร้อมประกวดรถสามล้อพ่วงริ้วขบวนที่สื่อวัฒนธรรมพื้นบ้านโบราณโดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม

         วันที่ 20 เมษายน 2567   ที่บ้านโคกทราย หมู่ที่ 3  ต.บ้านควน อ.เมือง  จ.สตูล  ชาวบ้านในพื้นที่ทั้งหญิงและชายแต่งกายในชุดมุสลิมพื้นเมืองโบราณ   เข้าร่วมโครงการเปิดบ้านกำปงบือฮัว (Rumah terbuka di kampong Berhur)   กันอย่างคึกคัก  

        โดยเฉพาะกิจกรรมริ้วขบวนสามล้อพ่วงกว่า 30 คัน  ถูกตกแต่งสวยงามแปลกตา ชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้าร่วมกิจกรรมตกแต่งรถสามล้อพ่วงอย่างสวยงามแปลกตา ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนก็จะใส่ชุดพื้นเมืองโบราณเข้าร่วมการแข่งขัน 3 ประเภทคือ ประเภทรถสวยงาม ประเภทความคิดสร้างสรรค์ และประเภทผู้โดยสารใส่ชุดพื้นเมืองสวยงาม

         หนึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มีรถพ่วง  เป็น(รถบ่าวสาว) ที่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนเป็นคู่รักจริง โดยเจ้าบ่าวอายุ 82 ปี เป็นโต๊ะอีหม่ามบ้านโคกทราย  ส่วนเจ้าสาวอายุ 60 ปี  ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้น  ยินดี ที่ได้รับเกียรติในกิจกรรมนี้  โดยทั้งคู่ได้สวมชุดบ่าวสาวอีกครั้ง  เจ้าบ่าวบอกว่าแม้จะแต่งมา 3 ครั้งแล้ว  ก็ยังตื่นเต้น   กิจกรรมดังกล่าวนี้เป็นการสื่อถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นตำบลบ้านควน   ในโครงการเปิดบ้านกำปงบือฮัว ที่ชุมชนบ้านโคกทราย จัดขึ้นเพื่อสร้างความสามัคคีคนในชุมชน   สร้างพื้นที่ให้ทุกกลุ่มในชุมชนได้แสดงออกอย่างเต็มศักยภาพ  พร้อมอนุรักษ์อัตลักษณ์ภาษาและวัฒนธรรมที่ดีให้คงอยู่ต่อไป  และประชาสัมพันธ์ชุมชนต่อสังคมภายนอก

          โดยโครงการดังกล่าวนี้  นายจตุพร สมปอง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด  นายกูดานัน  หลังจิ  นายกฯ อบต.บ้านควน  กล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมงาน  ก่อนมอบรางวัลผู้ชนะประกวดรถสามล้อพ่วง จาก 3 ประเภท  ทั้งประเภท รถสวยงาม  ผู้โดยสานแต่งกายพื้นเมืองสวยงาม  และประเภทความคิดสร้างสรรค์  โดยทีมสุรี  โต๊ะมอง  ชนะรับรางวัลประเภท รถสวยงาม    ทีมสิริมา  อารีหมาน  ชนะรับรางวัลประเภทความคิดสร้างสรรค์   และ ทีมพัชรพล​ แยกนุ้ย  รับรางวัลผู้โดยสานแต่งกายพื้นเมืองสวยงาม     

       ทั้งนี้ภายในงาน  ทางกลุ่มแม่บ้านได้ทำขนมพื้นถิ่นที่นิยมทำในช่วงเทศกาลสำคัญๆ  อย่างขนมลากรอบ หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกขนมตาระ  และขนมเจาะหู หรือขนม แนหรำ  ให้ได้ชิมกันด้วย  นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันทำขนมต้ม  โดยเริ่มจากขั้นตอนการขูดมะพร้าว  คั้นกะทิ  และการห่อขนมต้ม  ได้รับเสียงเชียร์  ลุ้นกันตัวโก่ง  

        ด้านนายกูดานัน  หลังจิ  นายก อบต.บ้านควน  กล่าวว่า    งานนี้เกิดจากความร่วมมือของชาวตำบลบ้านควน  โดยเฉพาะบ้านโคกทราย  ร่วมกันจัดกิจกรรม ที่เรียกว่าเปิดบ้านโคกทราย  ให้ได้รับรู้ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีของดีมากมาย  วันนี้ได้รู้ว่าหมู่บ้านโคกทรายมีอัตลักษณ์หลายๆอย่าง  โดยชาวบ้านโคกทรายส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย  มีขนมโบราณ  ขนมจีน  มีของขายหากินได้ 24 ชั่วโมงเหมือนร้านสะดวกซื้อ สำหรับรถซาเล้ง หรือสามล้อพ่วงเพิ่งมีการใช้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าขายแร่  เราก็จะดึงมาใช้ในขบวนแห่เจ้าสาว ขบวนพาเหรดในการจัดกิจกรรมกีฬา  ชาวตำบลบ้านควนก็จะนำมาใช้โดยตกแต่งสวยงามแบบนี้

 

       ด้านนายฮามีดัน ตะวัน  ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวถึง บ้านโคกทรายว่า  เป็นชุมชนหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน  ต.บ้านควน อ.เมือง  จ.สตูล มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในพื้นที่ มีการสื่อสารภาษามลายูเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับภาษาไทยใต้ถิ่นสตูล อีกทั้งมีร้านค้ามากมายในชุมชนที่คนต่างถิ่นมักจะเข้ามาซื้อกัน ได้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนได้สมญานามว่า เป็นชุมชนที่มาเมื่อไรอิ่มเมื่อนั้น เมื่อหิว ก็นึกถึงกำปงบือฮัว นอกจากวัฒนธรรมการกินแล้ว บ้านโคกทรายยังมีองค์ความรู้อื่นๆ อีก มากมายที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป เกษตร - อาชีพ

แล้งนี้ที่สตูล  เลี้ยงผึ้งเดือนห้าแซมสวนยางจากรายได้เสริมแซงรายได้หลัก  รสชาติหวานฉ่ำคลายร้อน  เตรียมโกอินเตอร์ต่างแดน   ท้องถิ่นฉลุงช่วยเกษตรกรขาย  หลังผลิตภัณฑ์มีหลากหลายพร้อมตอบโจทย์ลูกค้า 

แล้งนี้ที่สตูล  เลี้ยงผึ้งเดือนห้าแซมสวนยางจากรายได้เสริมแซงรายได้หลัก  รสชาติหวานฉ่ำคลายร้อน  เตรียมโกอินเตอร์ต่างแดน   ท้องถิ่นฉลุงช่วยเกษตรกรขาย  หลังผลิตภัณฑ์มีหลากหลายพร้อมตอบโจทย์ลูกค้า 

       นายสุจริต  ยามาสา  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง ลงพื้นที่ชมวิธีการจับผึ้งโพรง  ของกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา หมู่ที่ 14 ตำบลฉลุง  อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  ซึ่งมีการปลูกแซมในสวนยางพาราเป็นรายได้เสริม แต่กลับพบว่า  รายได้จะแซงรายได้หลักอย่างยางพาราไปแล้ว  โดยเกษตรกรกลุ่มนี้ได้จำหน่ายลังผึ้งเพียงผลิตภัณฑ์เดียว  ก็สามารถสร้างรายได้หลักล้านบาท  

        และขณะนี้เกษตรกรแต่ละราย  ก็จะนำลังผึ้งไปเลี้ยงภายในสวนยางพาราของตัวเอง  เป็นรายได้อีกทางหนึ่งให้กับเกษตรกรและชาวบ้าน   โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม  ต่อการอาศัยอยู่ของผึ้งเนื่องจากมีความชื้นที่พอเหมาะ   และยังติดพื้นที่ชุ่มน้ำ  เขตห้ามล่าหนองปลักพระยาและเขาระยาบังสา

         นายราเหม หยังหาด ประธานกลุ่มฯ ได้สาธิตวิธีการจับผึ้งที่ปลอดภัยในครั้งนี้ ด้วย   สำหรับหนึ่งลังจะได้น้ำผึ้งประมาณ 3-4  ขวด จำหน่ายขวดละ 600 บาท  แต่ปัจจุบันมีขนาดขวดที่แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ขวดละ 50 บาท ไปจนถึง 600 บาท พร้อมแพคแก็ตที่สวยงามเหมาะแก่การเป็นของขวัญของฝากอีกด้วย  ซึ่งการเลี้ยงผึ้งสร้างรายได้ให้ชุมชนเข้มแข็ง

        โดยวิสาหกิจชุมชน  กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมทุ่งพญา ตำบลฉลุง จ.สตูล ทางกลุ่มได้ทำการเลี้ยงผึ้งมากว่า 8  ปี ปัจจุบันนอกจากมีการจำหน่ายน้ำผึ้ง  ยังมีผลิตภัณฑ์จากผึ้งแบบครบวงจร ตั้งแต่ ลังผึ้ง สารล่อผึ้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผึ้ง และยังมีการเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงผึ้งอีกด้วย

        นายราเหม หยังหาด ประธานกลุ่มฯ  บอกว่า ผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน  กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา  มีมากมาย  โดยเฉพาะเครื่องดื่มพญาผึ้ง  ที่มีส่วนผสมจากน้ำส้มของอินทผาลัมและน้ำผึ้ง   ทางศาสนายอมรับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณทางยา  ทำให้มียอดจำหน่ายดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ   ก่อนหน้านี้เคยจำหน่ายได้ 3-400 โหล  โดยเฉพาะตอนนี้ทางกลุ่มเตรียมที่จะผลักดันสินค้าไปขายยังประเทศมาเลเซีย   แต่ติดอยู่ที่ค่าเงินของต่างประเทศยังอ่อนค่าอยู่ทำให้ต้องชะลอ  นอกจากนี้กลุ่มลูกค้า 3 จังหวัดชายแดนใต้  ก็ได้รับความนิยม   ทางกลุ่มยังมีเครือข่ายหลายจังหวัดในการทำงานเชื่อมโยงกัน

          การจับผึ้งเดือนนี้ถือว่าเป็นน้ำผึ้งที่ดีเลิศ  โดยเฉพาะน้ำผึ้งที่นี่มีลักษณะเด่น  จะเป็นสีทอง  หอมหวาน อร่อย และยังมีสรรพคุณทางยา สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามสั่งซื้อ  ได้ที่กลุ่มผึ้งโพรงมุสลิมบ้านทุ่งพญา ผ่านทางประธานชมรม ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-2   231  –  8316

……

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป

 ใส่ผ้าไทยให้สนุก!  จัดกิจกรรมเดินแบบผ้าไทยการกุศล “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” จังหวัดสตูล นำรายได้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยต่างๆในพื้นที่     

ใส่ผ้าไทยให้สนุก!  จัดกิจกรรมเดินแบบผ้าไทยการกุศล “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” จังหวัดสตูล นำรายได้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยต่างๆในพื้นที่

            ค่ำวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่เวทีกลางในงานประจำปีและงานกาชาด เที่ยวสบาย สไตล์สตูล 2567 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ร่วมกับ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสตูล จัดกิจกรรมเดินแบบผ้าไทยการกุศล “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” จังหวัดสตูล  เพื่อสมทบทุนบริจาคหารายได้ในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยต่างๆ ของจังหวัดสตูล และเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล โดยมี นายศักระ  กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย ทพญ.สุกีรติ  กปิลกาญจน์ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสตูล ร่วมรับเงินบริจาคเพื่อร่วมสมทบทุนกองทุนแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสตูล จำนวน 212,000 บาท จากตัวแทนผู้เดินแบบการกุศล ซึ่งมีเหล่านางแบบและนายแบบ จากสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสตูล สมาชิกชมรมเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ส่วนราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคในจังหวัดสตูล ภาคเอกชน กลุ่มองค์กรภาคประชาชน เครือข่ายพัฒนาชุมชน ร่วมเดินแบบในครั้งนี้

           สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จังหวัดสตูล ได้นำแนวนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในการน้อมนำ พระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาสู่การขับเคลื่อนและส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าไทย ด้วยการจูงใจให้พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่หันมาสวมใส่ผ้าไทยในทุกวันและทุกโอกาส รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างกระแสนิยมในการแต่งกายด้วยผ้าไทย ต่อยอดให้ผ้าไทยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ส่งเสริมการใช้ผ้าไทยทั้งในมิติช่องทางการตลาด และในมิติการพัฒนาเสริมสร้างทักษะและศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าไทย เพื่อที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง ที่สำคัญ คือ เป็นการทำบุญเพื่อการกุศล จัดหารายได้สนับสนุนชมรมแม่บ้านมหาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดสตูลในการนำไปช่วยเหลือกิจกรรมอันเป็นสาธารณกุศล และช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ผู้ด้อยโอกาส ในจังหวัดสตูลอีกด้วย

——————————————

ภาพ : ศุภาพิชญ์ ดวงไข /ภาสินี  จันทจักษุ

ข่าว : ภาสินี  จันทจักษุ

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

   เปิด “ศึกรวมน้ำใจ สู่ศูนย์กีฬาบ้านท่าแลหลา”   โชว์แข่งขันชกมวยมาตรฐาน อย่างมืออาชีพ

เปิด “ศึกรวมน้ำใจ สู่ศูนย์กีฬาบ้านท่าแลหลา”   โชว์แข่งขันชกมวยมาตรฐาน อย่างมืออาชีพ

         ณ  สนามมวยชั่วคราวโรงเรียนบ้านท่าแลหลา  ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ร่วมจัด   นายศิริศักดิ์  ประทีปรัศมีกุล รองประธานสภาอบจ.จังหวัดสตูล  และรองเลขาธิการสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย  ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย  “ศึกรวมน้ำใจ สู่ศูนย์กีฬาบ้านท่าแลหลา”  โดยนายสัมฤทธิ์  เลี่ยงประสิทธิ์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬามวยไทย ในวันที่  15  เมษายน  2567 

        สำหรับวัตถุประสงค์ ในการจัดแข่งขันกีฬามวยไทย“ศึกรวมน้ำใจ สู่ศูนย์กีฬาบ้านท่าแลหลา” เพื่อตระหนักถึงความสำคัญแก่เยาวชนให้หันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และห่างไกลยาเสพติด  ส่งเสริมพัฒนามาตรฐานการกีฬาให้สูงขึ้นและส่งผลให้การพัฒนากีฬาเกิดความก้าวหน้าอย่างแพร่หลาย อันจะเป็นการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรบุคคลในประเทศได้เป็นอย่างดียิ่ง  และเพื่อให้พี่น้องประชาชนและเยาวชนในจังหวัดสตูล ได้เห็นการชกมวยที่ได้มาตรฐาน อย่างมืออาชีพ  อีกทั้งเพื่อจัดหารายได้สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา ให้แก่ศูนย์กีฬาบ้านท่าแลหลา  อ.ละงู  จ.สตูล

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

   สตูล – คุณนายผู้กำกับวอนกูรูชี้แนะ หลังพบวัวเกิดใหม่คล้ายในตำราพญาวัวโบราณ เกิดปุ๊บให้โชคลาภคนเลี้ยงทันที

สตูล – คุณนายผู้กำกับวอนกูรูชี้แนะ หลังพบวัวเกิดใหม่คล้ายในตำราพญาวัวโบราณ เกิดปุ๊บให้โชคลาภคนเลี้ยงทันที

        (17 เม.ย.2567) ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง (ชื่อฟาร์มสุขรีสอร์ท)  ตั้งอยู่ที่ตำบลกำแพง อำเภอละงู  จังหวัดสตูล  พบลูกวัวเพศเมีย  ที่เพิ่งเกิดได้เพียง 1 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 16  เมษายน 2567  ที่ผ่านมา (ตรงกับวันหวยออก)  ลูกวัวเพศเมียตัวดังกล่าวมีลักษณะพิเศษคือ  ใบหน้าเป็นรูปใบโพธิ์  ข้อเท้ามีลักษณะคล้ายถุงเท้าสีขาว   ปากคล้ายคาบแก้ว  ลักษณะหางดอกสีขาว  ดูภาพรวมแล้ว  คล้ายวัวที่ตรงตามตำราพญาวัวโบราณ

        ซึ่งวัวตัวนี้เป็นของนางน้ำทิพย์  อายุ  41 ปี และ  พันตำรวจเอกบุญเลิศ   ตรัสศิริ   สามีภรรยา  โดยภรรยาผู้กำกับ ได้เล่าให้ฟังว่า   สมาชิกใหม่ของฟาร์มสุขรีสอร์ท ที่พึ่งคลอดมาเพียง 1 วันมีชื่อว่า   น้องลัคกี้   ซึ่งแปลว่าโชคดี   เนื่องจากคนเลี้ยงที่ดูแล  ได้ถูกลอตเตอรี่ทันทีที่น้องลัคกี้เกิดมา  โดยเชื่อว่าเป็นตัวให้โชคลาภ   จึงเป็นที่มาของชื่อน้องลัคกี้

       น้องลัคกี้   มีพ่อแม่เป็นลูกครึ่งวัวพื้นบ้านและวัวชน   โดยลักษณะพ่อพันธุ์ของ lucky ก็จะมีใบหน้าเป็นรูปใบโพธิ์ด้วยเช่นกัน   เป็นวัวพันธุ์พื้นบ้านธรรมดาโดยทางผู้กำกับ  บอกว่า   ได้ไปไถ่ชีวิตของพ่อแม่พันธุ์น้องลัคกี้มาจากโรงเชือด เพื่อเอามาเลี้ยงเพราะความสงสาร   ส่วนจะตรงตามตำราโบราณพญาวัวหรือไม่นั้น   ก็ต้องขอคำแนะนำจากกูรูผู้รู้  แต่หากมีคนสนใจมาขอซื้อไปเลี้ยงต่อก็ยินดี   แต่หากเลี้ยงนานวันจนมีความผูกพันก็อาจจะไม่ขาย   เหมือนสัตว์ชนิดอื่นที่ตอนนี้ก็มีมากกว่า 30 ชีวิตภายในฟาร์มสุข   ที่ต้องดูแล  โดยเฉพาะวัว  และแพะ

        คุณนายน้ำทิพย์  ยังบอกอีกว่า  โดยปกติตนไม่ได้ชอบเลี้ยงสัตว์  แต่สามีจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก  เหมือนอย่างที่เขาบอกว่า (love me love my dog)  10 กว่าปีที่อยู่ด้วยกันมา   ก็จะช่วยเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้  ทั้งช่วยทำแผล ดูแลให้อาหาร  จนเกิดความผูกพัน  แม้จะมีเพื่อนๆแซว ว่าเป็นถึงคุณนายแต่มาทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ก็รู้สึกเฉยมากกว่า  และเริ่มที่จะรักและผูกพัน 

        นอกจากนี้ทางฟาร์มสุขรีสอร์ท  ก็ยังมีสัตว์หลายชนิดที่ซื้อมาจากโรงเชือดเพื่อนำมาเลี้ยง และที่ประกาศขายตามสื่อโซเชียล  เหมือนอย่างแพะไซอิ๋ว  ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มาพักรีสอร์ท  อนาคตก็อยากจะทำให้ฟาร์มสุขรีสอร์ท บนพื้นที่ 25 ไร่แห่งนี้  เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและที่พักให้คนที่ชื่นชอบสัตว์ได้มาให้อาหารและถ่ายรูป 

…………

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท่องเที่ยว-กีฬา

สตูล – เงินสะพัดสงกรานต์ไม่น้อยกว่า  50 ล้าน ททท.เชื่อทางบกและทะเลนิยมเที่ยวเยอะสุด ขณะที่ทัพเรือดูแลความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่น

สตูล – เงินสะพัดสงกรานต์ไม่น้อยกว่า  50 ล้าน ททท.เชื่อทางบกและทะเลนิยมเที่ยวเยอะสุด ขณะที่ทัพเรือดูแลความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่น

         หยุดยาววันสงกรานต์หลายแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะได้รับความนิยมเดินทางมาพักผ่อน  เหมือนอย่างเช่นที่ ปราสาทหินพันยอด เกาะเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง  เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา  ตั้งอยู่ในจังหวัดสตูล คึกคักและเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยววันละร่วม พันคน

        ทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ (นรภ.ทร.ก.หลีเป๊ะ) ต้อง   ออกมาคอยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว  ตั้งแต่การขึ้นลงเรือ การเฝ้าระวังและอำนวยความสะดวก  ขณะที่นักท่องเที่ยวพักผ่อนตามหมู่เกาะ เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการร้องขอ

         ขณะที่นายไพรัช  สุขงาม  ผอ.ททท.สำนักงานสตูล  เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวในวันหยุดยาวในพื้นที่จังหวัดสตูลค่าเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาทในพื้นที่จังหวัดสตูลทั้งทางบก และทางทะเล สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน แรงงานมีสะพัดในห้วงวันหยุดยาว 5 วันนี้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท  โดยจังหวัดสตูลสามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีทั้งทางบก และทางทะเล เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ น้ำตก ป่าเขา ทะเล  และเกาะแก่งมากมาย

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ท้องถิ่น-การเมือง ท่องเที่ยว-กีฬา

สงกรานต์สตูลโชว์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  ปรุงเมนูพื้นถิ่น   ล่องแก่งวังสายทองเล่นน้ำคลายร้อน  โหม๋เรา  หนุกหนาน ที่ลานหน้าถ้ำ

สงกรานต์สตูล  โชว์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  ปรุงเมนูพื้นถิ่น   ล่องแก่งวังสายทองเล่นน้ำคลายร้อน  โหม๋เรา  หนุกหนาน ที่ลานหน้าถ้ำ

        เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่ไทยในวันหยุดยาว   ที่จ.สตูลปีนี้ไม่แพ้จังหวัดไหนจัดงานท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามบริบทท้องถิ่นโดยนางปุณณานันท์  ทองหยู   ผอ.การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ร่วมกับ นายไพรัช  สุขงาม  ผอ. ททท.สำนักงานสตูล ,นายประสิทธิ์  เลียงประสิทธิ์  นายกอบจ.สตูล และเจ้าบ้าน นายสนั่น  ศิริสม นายกอบต.น้ำผุด  ภายใต้สโลแกน   (โหม๋เรา  หนุกหนาน ที่ลานหน้าถ้ำ)  ตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน 2567  ซอยถ้ำเจ็ดคต หมู่ที่ 10 บ้านวังนาใน ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล เพื่อรอบรับนักท่องเที่ยวหลังนักท่องเที่ยวเล่นน้ำปะแป้งแล้ว  

          โดยเชิญนายคณิต  คงช่วย  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายวรศิษฎ์  เลียงประสิทธิ์  ส.ส.เขต 2 สตูล และนายธีระพงษ์  คุ่มเคี่ยม นายอำเภอละงู  มาเป็นประธานเชิญชวนและโชว์ของดีพื้นถิ่นมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมได้ชิมช็อป    อาทิ  การโชว์การทำข้าวหลามจากกระบอกไม้ไผ่จากป่าต้นน้ำ  การทำขนมจากขนมพื้นเมือง  การทำขนมครก  ขนมพิม  และการแข่งขันการทำอาหารพื้นถิ่น  อย่าง  แกงไก่กับหยวก   ยำผักกูด   และเมนูห่อหมกหอยโล่ (หอยที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์และรับประทานตามฤดูกาล มีรสชาติกรอบหนึบอร่อยคล้ายหอยขม แต่ไม่มีรสขม)    โชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมและได้ชมเมนูที่นำวัตถุดิบมาจากพื้นที่มาปรุงเป็นเมนูอาหารขึ้นชื่อของตำบลน้ำผุดให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนตำบลน้ำผุดได้รับประทาน     และมีการมอบรางวัลเพื่อการันตีว่าที่ตำบลน้ำผุดมีกลุ่มแม่บ้านที่มีฝีมือระดับต้น ๆ  ในการทำเมนูพื้นถิ่นอร่อย   รวมทั้งรางวัลการละเล่นพื้นบ้านให้กับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ก่อนจะร่วมกันเปิดงานอย่างเป็นทางการ 

 

           อีกทั้งกิจกรรมโหม๋เรา หนุกหนาน  ที่ลานหน้าถ้ำ  ในวันสงกรานต์ยังมีการจัดกิจกรรมใกล้แหล่งน้ำซึ่งเป็นคลองลำโลน  จุดล่องแก่งวังสายทอง แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของตำบลน้ำผุด อำเภอละงู ที่ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสายเพื่อมาล่องแก่ง และพักผ่อนโดยเฉพาะในวันสงกรานต์ และในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนแบบนี้แหล่งท่องเที่ยวที่นี่จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

…………………………..

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

ท่าเรือชายแดนไทย – มาเลเซียคึกคัก  นักท่องเที่ยวแรงงานทยอยเดินทางกลับ ตำรวจเข้มจับเป่าแอลกอฮอล์และตรวจยาเสพติด หลังประกาศเป็นท่าเรือสีขาวสร้างความเชื่อมั่นให้ทั่วโลกที่เดินทางเข้ามา

ท่าเรือชายแดนไทย – มาเลเซียคึกคัก  นักท่องเที่ยวแรงงานทยอยเดินทางกลับ ตำรวจเข้มจับเป่าแอลกอฮอล์และตรวจยาเสพติด หลังประกาศเป็นท่าเรือสีขาวสร้างความเชื่อมั่นให้ทั่วโลกที่เดินทางเข้ามา

          วันที่ 11 เมษายน 2567   ที่ด่านชายแดนท่าเทียบเรือตำมะลัง  ตำบลตำมะลัง  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นด่านชายแดนระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย  โดยทันทีที่เรือระหว่างประเทศเข้าเทียบท่าแรงงานและนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 100 คน  ทยอยเดินทางขึ้นฝั่งเพื่อเข้ามาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ และเทศกาลฮารีรายอในในประเทศ   สร้างบรรยากาศคึกคักให้กับท่าเทียบเรือแห่งนี้โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ,ตรวจคนเข้าเมือง,เจ้าท่าส่วนภูมิภาค,ศุลกากรและหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องมาคอยอำนวยความสะดวก

               ขณะที่ทางด้านพันตำรวจเอกเสกสิทธิ์   ปรากฏชื่อ  ผู้กำกับสภ.เมืองสตูล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ  คนขับเรือและลูกเรือจะต้องปลอดจากแอลกอฮอล์   โดยจัดทีมเข้าสุ่มตรวจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารในท่าเรือระหว่างประเทศ  อีกทั้งได้มีการสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ให้บริการเรือโดยสารเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด

 

          และเป็นท่าเรือระหว่างประเทศสีขาวอย่างแท้จริง  พร้อมที่จะให้บริการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาท่องเทีายงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทย

อัพเดทล่าสุด
Categories
ข่าวทั่วไป ท่องเที่ยว-กีฬา

  ตม.สตูล นุ่งโจงกระเบน  ห่มสไบ  แจกพวงกุญแจช้างสัญลักษณ์ชาติไทยต้อนรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติแห่เช็คอินชายแดนวังประจัน  เทศกาลสงกรานต์ขึ้นปีใหม่ไทยคึกคัก     

ตม.สตูล นุ่งโจงกระเบน  ห่มสไบ  แจกพวงกุญแจช้างสัญลักษณ์ชาติไทยต้อนรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติแห่เช็คอินชายแดนวังประจัน  เทศกาลสงกรานต์ขึ้นปีใหม่ไทยคึกคัก

         (12 เม.ย.67)  เทศกาลเย็นทั่วล้า มหาสงกรานต์วันปีใหม่ไทย  ที่ชายแดนสตูลผู้บริหารนุ่งโจงกระเบน  ห่มสไบ  แจกช้างต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยที่สวยงาม  ชาวต่างชาติแห่ขอถ่ายรูปกันคึกคักสร้างสีสันชายแดนสตูลติดรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย

 

         โดยที่ด่านพรมแดนวังประจัน  อ.ควนโดน  จ.สตูล  พันตำรวจเอกเจริญพงษ์  ขันติโล  ผกก.ตม.สตูล , พ.ต.ท.ระลึก   อินทรัศมี  รองผกก.ตม.สตูล ,  พ.ต.ท.ฉลอง  บุญร่วม  รองผกก.ตม.สตูล  ร่วมกับ นายบุญชัย   ฤกษ์ตุลา   ผู้อำนวยการส่วนควบคุมด่านศุลกากรวังประจัน   จัดธีมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยด้วยการนุ่งโจงกระเบน และห่มสไบ มารอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทางพรมแดนด่านวังประจัน  อ.ควนโดน จ.สตูล ที่ติดกับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย สร้างสีสันความสวยงามอย่างไทย   ทำให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาต่างมาขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก และรับรู้ถึงบรรยากาศและประเพณีที่สวยงาม ของเทศกาลสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ไทย

 

        โดยวันนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในห้วงของการท่องเที่ยวเทศกาลฮารีรายา ซึ่งอยู่ติดพรมแดน จ.สตูล   ต่างทยอยเดินทางเข้ามากันไม่ขาดสาย   เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย  หลายคนรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจกับบรรยากาศการต้อนรับที่สวยงามอย่างไทย   โดยครั้งนี้ทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูลได้จัดเตรียมเครื่องดื่มและขนม  พร้อมทั้งของที่ระลึกซึ่งเป็นพวงกุญแจช้างไทย  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ชองชาติ  พร้อมกับด่านศุลกากรวังประจัน  ที่นำน้ำดื่มมาร่วมให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในห้วงเทศกาลสงกรานต์นี้ด้วย 

           พันตำรวจเอกเจริญพงษ์   ขันติโล    ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล  บอกว่า  กิจกรรมในครั้งนี้เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยที่สวยงาม  ในเทศกาลวันสงกรานต์และวันปีใหม่ไทย  โดยทุกหน่วยงามในจังหวัดสตูลมีความพร้อมแล้วในการให้บริการด้านความปลอดภัย  และต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดสตูล  ที่มีความสวยงามของธรรมชาติ   อาหารการกินที่หลากหลายและการละเล่นของประเพณีไทยในวันสงกรานต์   นอกจากนี้ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาะหลีเป๊ะ   และ   ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าเทียบเรือตำมะลัง   ซึ่งทั้ง 3 ด่านทั้ง  ทางบกและทางทะเล   ก็มีความพร้อมให้บริการเหมือนกัน   ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันหยุดยาว

…………………………………………………………………….

อัพเดทล่าสุด